ลำดับตอนที่ #4
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Bloody
ในความรู้สึกตอนนั้นทาคิรู้ว่าอยู่ที่โรงพยาบาล มีใบหน้าของหมอ และเซกิล่องลอยอยู่เบื้องบน แต่ทาคิ ทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงสลบไปหลังจากที่นั่งคอยอยู่นาน ทาคิก็ออกจากห้องผ่าตัด และย้ายเข้าไปในห้องพัก
“ หมอ หมอครับ ทาคิเป็นยังไงบ้างครับ” เซกิถามหมอที่รักษา และดูแล ตอนนี้เขาเป็นห่วงเธอเหลือเกิน
“หมอคิดว่า คงต้องส่งตัวคนไข้ไปรักษาที่อเมริกาครับ ถ้าไม่ไปร่างการของเธอจะบอบช้ำไปมากกว่านี้ แล้วทางโรงพยาบาลสาขาที่อเมริกาก็รับทราบเรียบร้อย แล้วครับ คุณเป็นญาติของคนไข้ใช่มั๊ยครับ” หมอถามเซกิ
“ ... ” เซกิไม่ได้พูดอะไร แต่พยักหน้ารับ ทาคิไม่มีญาติอยู่ที่ญี่ปุ่นเลย
“ ตอนนี้คนไข้พอพูดได้บ้างแล้ว แต่อย่ารบกวนเธอมากนะครับ” คุณหมอพูดแล้วเดินจากไป ปล่อยให้เซกิได้คุยกับทาคิตามลำพัง โรงพยาบาลของโออิดะมีชื่อเสียงมากจนต้องขยายสาขาไปทั่วโลก ( เหมือน AIS เลยอ่ะ ) ที่อเมริกาก็เป็นอีกสาขาหนึ่งที่สามารถรับผู้ป่วยได้ถึง 2 แสน 5 หมื่นคนเลยทีเดียว ( แต่จริงๆแล้วคนไข้เข้าไม่เยอะขนาดนั้นหรอก )
“ ซะ.. เซกิ ..” ทาคิพยายามที่จะพูด เซกิจึงเดินเข้าไปโอบกอดร่างเธอไว้ในอ้อมแขน และเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมทั้งการที่ทาคิต้องไปรักษาตัวต่อที่อเมริกา
“ เธอต้องไปนะ…อ้อแล้วอีกอย่างน้าเธอก็อยู่ที่นั่นด้วยเพราะฉะนั้น….” เซกิพูดอย่างอ่อนโยนเขาจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเธอ
“ ไม่นะ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นฉันจะอยู่ที่นี่..อยู่กับเธอ ” ทาคิได้แต่ร้องไห้
“ ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงเธอก็ต้องหาย จำไว้ว่าฉันไม่ได้จากเธอไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่ตรงนี้คอยเธอตลอดไปนะ” เซกิกำมือของทาคิไว้แน่นเขาเป็นห่วงทาคิมาก เขาไม่ต้องการให้เธอเจ็บปวด แต่ทาคิก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
“ ฉันมันไม่ดีเองปกป้องเธอไม่ได้เลย ฉัน ..” เซกิก้มหน้าก้มตาพูดน้ำตาที่เอ่อท้นขึ้นมากำลังจะไหลออกมาอยู่แล้ว
แต่แล้วทาคิก็หยุดร้องไห้แล้วพูดขึ้นว่า
“ ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ เพื่อเซกิแล้วเรื่องแค่นี้มันยังเล็กน้อยนะ” ทาคิวางนิ้วที่เรียวสวยลงบนใบหน้าของเซกิ แล้วค่อยๆปาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกไป เซกิได้แต่มองหน้าทาคิ แววตาของเธอดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผู้หญิงคนนี้นี่เองที่รักเขามากที่สุด แม้จะต้องสละชีวิตให้ก็ตาม ด้วยเวลาไม่นาน ทาคิก็หลับไป
ก๊อก..ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นทาคางิเดินเข้ามาพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่
“ ทาคิเป็นไงมั่ง ” ทาคางิถามแล้วนั่งลงข้างๆเซกิ ตอนนี้ทาคิหลับไปแล้ว
“ เธอต้องไปอเมริกา...” เสียงเซกิฟังดู้เศร้า ทาคางิไม่เคยเห็นเซกิเป็นอย่างนี้มาก่อน โดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่เงียบขรึมซะส่วนใหญ่วันๆก็จะนั่งดูแต่งานบ้าง การสรุปสำนวนคดีที่ได้จากสารวัตรบ้าง แต่ก็มีคราวนี้แหละที่เขาไม่ใส่ใจกับอะไรทั้งสิ้นนอกเสียจาก..
“ นี่ๆเซกิฉันย้ายมาอยู่กับนายแล้วนะ ทางสำนักงานก็อนุมัติใบลาออกชั่วคราวให้ฉันแล้ว ” ทาคางิพูดให้เซกิสบายใจขึ้น แต่เซกิทำได้เพียงยิ้มน้อยๆให้กับเพื่อนของเขา เซกิกำลังคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความผิดของเขาเอง
“ เพราะฉันเองที่ทำให้ทาคิต้องอยู่ในสภาพนี้ ” เซกิพึมพำออกมา
“ นี่มันไม่ใช่ความผิดที่นายจะต้องมาโทษตัวเองเลยนะ ฉันว่าทาคิก็ต้องไม่คิดว่าเป็นความผิดของนายหรอก ทำอย่างนี้คิดว่าทาคิจะสบายใจเหรอ ” ทาคางิ พยายามพูดปลอบใจเพื่อไม่ให้เซกินึกโทษตัวเอง
“ แต่ว่านะเซกิ มันเป็นการรักษาที่ต้องใช้เวลานานนะ นายไม่กลัวเธอจะลืม หรือเปลี่ยนใจไปจากนายเหรอ ” ทาคางิพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ เขารู้ว่าเซกิไม่ชอบใจกับคำพูดนี้แน่แต่เขาพูดมันออกไปแล้ว
แทนที่เซกิจะโกรธเขากลับยิ้มออกมาน้อยๆก่อนที่จะพูดขึ้น
“ ฉันไม่กลัวหรอกเพราะเธอจะไม่ลืมชั้นแน่นนอน แล้วอีกอย่างฉันขอให้เธอหายก็เป็นพอ ฉันไม่อยากเห็นน้ำตาของเธออีกแล้ว ถึงแม้ว่าตัวฉันจะหายไปจากใจของเธอก็ตาม ” พอเซกิพูดจบทาคางิก็ดูเหมือนจะพูดอะไรไม่ออกเลยทั้ง 2 คนได้แต่นั่งนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน
8 โมงเช้าวันอังคาร ทาคิต้องถูกส่งตัวไปรับการรักษาต่อที่อเมริกา
“ ฉันสัญญาว่าจะกลับมานะ ” ทาคิ กล่าวคำมั่นสัญญา
“ อืม ไม่ต้องห่วงนะ ” เซกิไม่สามารถหาคำพูดที่จะล่ำลาทาคิได้ เขาทำได้เพียงยืนส่งยิ้มให้ ถึงแม้รอยยิ้มนั้นจะแฝงไปด้วยความโศกเศร้าก็ตาม
เซกิกลับมายังสำนักงานด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว ทาคางิก็ยังคอยอยู่ที่นั่น
“ นี่ มีตั๋วให้ฉันกับนายไป ซัปโปโร* แน่ะ ” ทาคางิพูด เขาเข้าใจดีว่าตอนนี้เซกิยังกลุ้มใจอยู่ แต่เขาก็คิดว่างานน่าจะทำให้เซกิ เลิกกลุ้มใจได้บ้าง
(* ซัปโปโรเป็นเมืองรอบนอก ห่างจากโตเกียวไม่ไกลนัก ( ใช้แต่ในเรื่องนะคะ) )
“ เฮ้ย ฉันไม่รู้ว่านายจะกลุ้มใจอะไรนักหนาวะ ทาคิแค่ไปรักษาตัวเท่านั้นนะ ถ้าเธอเห็นนายเป็นแบบนี้ เธอคงเป็นกังวลเหมือนกัน ” ทาคางิถาม ท่าทางหงุดหงิด ตอนนี้เขาคิดว่าเซกิไร้สาระเสียเต็มประดา
“.......” เซกินิ่งเงียบไม่ตอบ จนทาคางิต้องเอ่ยปากพูดอีกครั้ง
“ เฮ้อ นายนี่จริงๆเลยนะ เอาล่ะ ฉันจะไปซัปโปโร พรุ่งนี้ ”ทาคางิปล่อยให้เซกินั่งคิดทบทวนให้เป็นตัวของตัวเองมากกว่านี้
สักระยะหนึ่งเซกิเริ่มคลายความกังวลแล้วหันมาจับงานที่กำลังจะทำ
MR . OSAWA NAKISAWA
59/61 R. UANO TEL.. 0~5691358~9
>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<
เซกิหยิบนามบัตรของผู้ว่าจ้างขึ้นมาดู
( งานนี้เงินเยอะแน่เลย อุตส่าห์ส่งตั๋วรถไฟชั้น 1 มาให้อีกด้วย แล้วจะให้เราทำอะไรนะ) เซกินั่งครุ่นคิด ก่อนที่จะลุกขึ้นไปนอน
( เฮ้อ คิดมากไปแล้ว พรุ่งนี้เดี๋ยวก็รู้)
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างสำนักงาน เซกิตื่นขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าตัวเก่ง เซกิมักจะชอบเสื้อสีทึบๆ เขาจะใส่คู่กับการเกงสีดำ หรือกางเกงยีนส์เสมอ
“ ทาคางิ ....ทาคางินายตื่นยัง? ” เซกิตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง
“ เออ ..รู้แล้ว ไม่เห็นต้องรีบเลย ” ทาคางิพูดไปหาวไป แล้วกุลีกุจอไปอาบน้ำก่อนที่เซกิจะอารมณ์เสีย
อีกสักพักจากชานชลาโออิดะ รถไฟก็เข้าถึงชานชลาที่สถานีรถไฟซัปโปโร
“ เฮ้อ อากาศเย็น ดีแฮะ เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้วสิ ” ทาคางิพูดพร้อมสูดหายใจลึก ที่ซัปโปโรนี้เป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องการปลูกดอกซากุระ แม้กระทั่งในหน้าที่ดอกซากุระไม่บานก็ยังทำให้ต้นซากุระมีดอกได้
“ เฮ้เซกิไปถนนอูเอโนะกันเถอะ ” ทาคางิเรียกเซกิ แล้วรีบเดิน
“ ว้าว ซากุระเต็มไปหมดนี่ๆดูเดะ นี่เข้าหน้าหนาวนะเนี่ย ” รู้สึกว่าทาคางิจะตื่นเต้นกับงานนอกสถานที่นี้มาก แต่เซกิก็ยืนถอนหายใจอยู่ข้างๆ ทาคางิเห็นจึงรีบเดินไปหน้าบ้าน ไม่สิต้องเรียนว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก มันเป็นบ้านที่ผู้ว่าจ้างอยู่ทั้งสองคนจึงกดกริ่ง ไม่นานก็มีพ่อบ้านในชุดฟอร์มหรูเดินมาต้อนรับ 2 หนุ่มนักสืบเข้าไป
“ ใหญ่โตจังนะครับ ” เซกิพูดพลางกวาดสายตามองไปรอบๆคฤหาสน์หลังงาม
“ ครับนี่เป็นมรดกตกทอดของคุณปู่ของคุณปู่นายท่านครับ ” พ่อบ้านตอบดูท่าทางพ่อบ้านคนนี้จะทำงานรับใช้บ้านใหญ่นี้มานาน พ่อบ้านชราเดินนำ 2 นักสืบเข้าไปในบ้านซึ้งถูกตกแต่งให้สวยหรูด้วยรูปปั้นแกะสลักน้อยใหญ่ล้วนแล้วแต่ทำด้วยคริสตัน ผ้าม่านฝรั่งเศสอย่างดีเป็นลายเครือเถาของจักพรรดิ์ ในสมัยพระราชวังแวร์ซายด์ยังเจริญรุ่งเรืองอยู่ซึ่งหาได้ยากมาก เก้าอี้โซฟาบุด้วยกำมะหยีชั้นดี โถถ้วยทุกใบถูกจัดเรียงอย่างมีระเบียบดูเหมือนของสะสม แต่มันมีมากมายเกินกว่าที่เก็บสะสมไว้บางส่วนจึงต้องนำออกมาใช้ ซึ่งดูหรูหราราคาแพงชะรูด
พ่อบ้านพานักสืบขึ้นทางบันไดโค้งแบ่งเป็น 2 ทาง หัวบันไดล้วนแล้วตกแต่งด้วยเกร็ดเพชร โดยรวมแล้วคฤหาสน์หลังนี้ดูเป็นเหมือนพระราชวังไม่มีผิด เดินมาถึงห้องใหญ่ชั้นบน เมื่อเซกิ และทาคางิเปิดตูบานสวยเข้าไปก็ต้องอ้าปากค้างกันอีกครั้ง นี่เป็นห้องรับแขกส่วนตัวหรือนี่ เป็นห้องที่กว้างขวางปูด้วยพรมขนเกรียนอย่างดี โต๊ะที่ทำจากแก้วใสประดับด้วยแร่ควอสต์ที่ขาทั้ง 4 เก้าอี้เป็นไม้นวมอย่างดีที่สั่งทำได้เพียงที่เดียวจากอิตาลีซึ่งให้สัมผัสไม่เหมือนเก้าอีไม้ทั่วไป รวมทั้งตู้โชว์ที่ข้างในประดับประดาด้วย คริสตัน เพชร และ พลอยล้วนๆ เครื่องถ้วยโถใบเก่าที่กว้านซื้อหากันไม่ได้ง่ายรวมอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมด..
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่บ้านของผม ผมนากิซาว่า โอซาวะ และนามิภรรยาผม ดีใจที่พวกคุณมา ” เจ้าของคฤหาสน์หลังงามหน้าตาที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มใจดีน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนของคุณนากิซาว่า อายุก็ราวๆ 50ปีได้ กล่าวพลางจับมือนักสืบ และผายมือไปที่เก้าอี้หรูเพื่อเชื้อเชิญให้นั่ง
“ ยินดีครับ ” เซกิกล่าว ด้วยน้ำเสียงเรียบแต่สุภาพ แล้วหย่อนตัวลงนั่ง ทาคางิก็ดูตื่นตาตื่นใจกับห้องนี้มาก ยังคงตะลึงไม่หายจนเซกิต้องฉุดแขนให้นั่งลง
“ บ้านใหญ่อย่างนี้อยู่กันแค่ไม่กี่คนเองเหรอครับเนี่ย ”ทาคางิพูดยังกวาดสายตามองไปรอบๆอยู่
“ มีลูกๆด้วยน่ะครับ ลูกชายแต่งงานออกไปแล้ว อยู่แค่ลูกสาวอายุ 15 น่ะครับ” คุณโอซาวะกล่าว
“~ เดี๋ยวครบคุณหนูคุณท่านรับแขกอยู่ครับ ~” เสียงพ่อบ้านทัตโตะดังขึ้นห้ามปราม
“ไม่เป็นไรทัตโตะ ให้ยัยหนูเข้ามา” คุณโอซาวะกล่าวผ่านประตู
“ ไม่เป็นไรค่ะพ่อ” เสียงใสๆดังขึ้น
“ เข้ามาเถอะลูก” คุณนามิกล่อม
“ เสียงเพราะจังอยากเห็นหน้าจังเลย” ทาคางิหันมากระซิบกับเซกิ ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวก้าวเดินเข้ามาในห้อง
“ ทักทายคุณนักสืบหน่อยสิลูก” ผู้เป็นพ่อกล่าว
“ สวัสดีค่ะ นากิซาว่า ฮิคาริค่ะ” เธอยิ้มน้อยๆให้กับ 2 หนุ่ม
“ ขอตัวนะคะพ่อ พรุ่งนี้ต้องไปสอบคัดเลือก” เธอกล่าวแล้วรีบเดินออกไป มองเผินๆแล้วหน้าตาของเธอคล้ายทาคิมาก เว้นแต่ภายในดวงตาของเธอแตกต่างจากทาคิอย่างสิ้นเชิง
“ น่ารักจังเลย สอบไปเข้าที่ไหนครับเนี่ย” ทาคางิทำทีเป็นสนิทสนม
“ไปโรงเรียนฟุโดมิเนะน่ะครับ” นายโอซาวะกล่าวอย่างชื่นชม
“ งั้นคงได้เจอกันนะครับ ผมกับเพื่อนเป็นกรรมการนักเรียนม.ปลายปี 2 ครับ” ทาคางิพูดไปยิ้มไปจนกระทั่งเซกิต้องขัดขึ้นมาเพราะกลัวจะไม่ได้ทำงาน
“ หมอ หมอครับ ทาคิเป็นยังไงบ้างครับ” เซกิถามหมอที่รักษา และดูแล ตอนนี้เขาเป็นห่วงเธอเหลือเกิน
“หมอคิดว่า คงต้องส่งตัวคนไข้ไปรักษาที่อเมริกาครับ ถ้าไม่ไปร่างการของเธอจะบอบช้ำไปมากกว่านี้ แล้วทางโรงพยาบาลสาขาที่อเมริกาก็รับทราบเรียบร้อย แล้วครับ คุณเป็นญาติของคนไข้ใช่มั๊ยครับ” หมอถามเซกิ
“ ... ” เซกิไม่ได้พูดอะไร แต่พยักหน้ารับ ทาคิไม่มีญาติอยู่ที่ญี่ปุ่นเลย
“ ตอนนี้คนไข้พอพูดได้บ้างแล้ว แต่อย่ารบกวนเธอมากนะครับ” คุณหมอพูดแล้วเดินจากไป ปล่อยให้เซกิได้คุยกับทาคิตามลำพัง โรงพยาบาลของโออิดะมีชื่อเสียงมากจนต้องขยายสาขาไปทั่วโลก ( เหมือน AIS เลยอ่ะ ) ที่อเมริกาก็เป็นอีกสาขาหนึ่งที่สามารถรับผู้ป่วยได้ถึง 2 แสน 5 หมื่นคนเลยทีเดียว ( แต่จริงๆแล้วคนไข้เข้าไม่เยอะขนาดนั้นหรอก )
“ ซะ.. เซกิ ..” ทาคิพยายามที่จะพูด เซกิจึงเดินเข้าไปโอบกอดร่างเธอไว้ในอ้อมแขน และเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมทั้งการที่ทาคิต้องไปรักษาตัวต่อที่อเมริกา
“ เธอต้องไปนะ…อ้อแล้วอีกอย่างน้าเธอก็อยู่ที่นั่นด้วยเพราะฉะนั้น….” เซกิพูดอย่างอ่อนโยนเขาจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเธอ
“ ไม่นะ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นฉันจะอยู่ที่นี่..อยู่กับเธอ ” ทาคิได้แต่ร้องไห้
“ ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงเธอก็ต้องหาย จำไว้ว่าฉันไม่ได้จากเธอไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่ตรงนี้คอยเธอตลอดไปนะ” เซกิกำมือของทาคิไว้แน่นเขาเป็นห่วงทาคิมาก เขาไม่ต้องการให้เธอเจ็บปวด แต่ทาคิก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
“ ฉันมันไม่ดีเองปกป้องเธอไม่ได้เลย ฉัน ..” เซกิก้มหน้าก้มตาพูดน้ำตาที่เอ่อท้นขึ้นมากำลังจะไหลออกมาอยู่แล้ว
แต่แล้วทาคิก็หยุดร้องไห้แล้วพูดขึ้นว่า
“ ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ เพื่อเซกิแล้วเรื่องแค่นี้มันยังเล็กน้อยนะ” ทาคิวางนิ้วที่เรียวสวยลงบนใบหน้าของเซกิ แล้วค่อยๆปาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกไป เซกิได้แต่มองหน้าทาคิ แววตาของเธอดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผู้หญิงคนนี้นี่เองที่รักเขามากที่สุด แม้จะต้องสละชีวิตให้ก็ตาม ด้วยเวลาไม่นาน ทาคิก็หลับไป
ก๊อก..ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นทาคางิเดินเข้ามาพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่
“ ทาคิเป็นไงมั่ง ” ทาคางิถามแล้วนั่งลงข้างๆเซกิ ตอนนี้ทาคิหลับไปแล้ว
“ เธอต้องไปอเมริกา...” เสียงเซกิฟังดู้เศร้า ทาคางิไม่เคยเห็นเซกิเป็นอย่างนี้มาก่อน โดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่เงียบขรึมซะส่วนใหญ่วันๆก็จะนั่งดูแต่งานบ้าง การสรุปสำนวนคดีที่ได้จากสารวัตรบ้าง แต่ก็มีคราวนี้แหละที่เขาไม่ใส่ใจกับอะไรทั้งสิ้นนอกเสียจาก..
“ นี่ๆเซกิฉันย้ายมาอยู่กับนายแล้วนะ ทางสำนักงานก็อนุมัติใบลาออกชั่วคราวให้ฉันแล้ว ” ทาคางิพูดให้เซกิสบายใจขึ้น แต่เซกิทำได้เพียงยิ้มน้อยๆให้กับเพื่อนของเขา เซกิกำลังคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความผิดของเขาเอง
“ เพราะฉันเองที่ทำให้ทาคิต้องอยู่ในสภาพนี้ ” เซกิพึมพำออกมา
“ นี่มันไม่ใช่ความผิดที่นายจะต้องมาโทษตัวเองเลยนะ ฉันว่าทาคิก็ต้องไม่คิดว่าเป็นความผิดของนายหรอก ทำอย่างนี้คิดว่าทาคิจะสบายใจเหรอ ” ทาคางิ พยายามพูดปลอบใจเพื่อไม่ให้เซกินึกโทษตัวเอง
“ แต่ว่านะเซกิ มันเป็นการรักษาที่ต้องใช้เวลานานนะ นายไม่กลัวเธอจะลืม หรือเปลี่ยนใจไปจากนายเหรอ ” ทาคางิพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ เขารู้ว่าเซกิไม่ชอบใจกับคำพูดนี้แน่แต่เขาพูดมันออกไปแล้ว
แทนที่เซกิจะโกรธเขากลับยิ้มออกมาน้อยๆก่อนที่จะพูดขึ้น
“ ฉันไม่กลัวหรอกเพราะเธอจะไม่ลืมชั้นแน่นนอน แล้วอีกอย่างฉันขอให้เธอหายก็เป็นพอ ฉันไม่อยากเห็นน้ำตาของเธออีกแล้ว ถึงแม้ว่าตัวฉันจะหายไปจากใจของเธอก็ตาม ” พอเซกิพูดจบทาคางิก็ดูเหมือนจะพูดอะไรไม่ออกเลยทั้ง 2 คนได้แต่นั่งนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน
8 โมงเช้าวันอังคาร ทาคิต้องถูกส่งตัวไปรับการรักษาต่อที่อเมริกา
“ ฉันสัญญาว่าจะกลับมานะ ” ทาคิ กล่าวคำมั่นสัญญา
“ อืม ไม่ต้องห่วงนะ ” เซกิไม่สามารถหาคำพูดที่จะล่ำลาทาคิได้ เขาทำได้เพียงยืนส่งยิ้มให้ ถึงแม้รอยยิ้มนั้นจะแฝงไปด้วยความโศกเศร้าก็ตาม
เซกิกลับมายังสำนักงานด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว ทาคางิก็ยังคอยอยู่ที่นั่น
“ นี่ มีตั๋วให้ฉันกับนายไป ซัปโปโร* แน่ะ ” ทาคางิพูด เขาเข้าใจดีว่าตอนนี้เซกิยังกลุ้มใจอยู่ แต่เขาก็คิดว่างานน่าจะทำให้เซกิ เลิกกลุ้มใจได้บ้าง
(* ซัปโปโรเป็นเมืองรอบนอก ห่างจากโตเกียวไม่ไกลนัก ( ใช้แต่ในเรื่องนะคะ) )
“ เฮ้ย ฉันไม่รู้ว่านายจะกลุ้มใจอะไรนักหนาวะ ทาคิแค่ไปรักษาตัวเท่านั้นนะ ถ้าเธอเห็นนายเป็นแบบนี้ เธอคงเป็นกังวลเหมือนกัน ” ทาคางิถาม ท่าทางหงุดหงิด ตอนนี้เขาคิดว่าเซกิไร้สาระเสียเต็มประดา
“.......” เซกินิ่งเงียบไม่ตอบ จนทาคางิต้องเอ่ยปากพูดอีกครั้ง
“ เฮ้อ นายนี่จริงๆเลยนะ เอาล่ะ ฉันจะไปซัปโปโร พรุ่งนี้ ”ทาคางิปล่อยให้เซกินั่งคิดทบทวนให้เป็นตัวของตัวเองมากกว่านี้
สักระยะหนึ่งเซกิเริ่มคลายความกังวลแล้วหันมาจับงานที่กำลังจะทำ
MR . OSAWA NAKISAWA
59/61 R. UANO TEL.. 0~5691358~9
>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<
เซกิหยิบนามบัตรของผู้ว่าจ้างขึ้นมาดู
( งานนี้เงินเยอะแน่เลย อุตส่าห์ส่งตั๋วรถไฟชั้น 1 มาให้อีกด้วย แล้วจะให้เราทำอะไรนะ) เซกินั่งครุ่นคิด ก่อนที่จะลุกขึ้นไปนอน
( เฮ้อ คิดมากไปแล้ว พรุ่งนี้เดี๋ยวก็รู้)
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างสำนักงาน เซกิตื่นขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าตัวเก่ง เซกิมักจะชอบเสื้อสีทึบๆ เขาจะใส่คู่กับการเกงสีดำ หรือกางเกงยีนส์เสมอ
“ ทาคางิ ....ทาคางินายตื่นยัง? ” เซกิตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง
“ เออ ..รู้แล้ว ไม่เห็นต้องรีบเลย ” ทาคางิพูดไปหาวไป แล้วกุลีกุจอไปอาบน้ำก่อนที่เซกิจะอารมณ์เสีย
อีกสักพักจากชานชลาโออิดะ รถไฟก็เข้าถึงชานชลาที่สถานีรถไฟซัปโปโร
“ เฮ้อ อากาศเย็น ดีแฮะ เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้วสิ ” ทาคางิพูดพร้อมสูดหายใจลึก ที่ซัปโปโรนี้เป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องการปลูกดอกซากุระ แม้กระทั่งในหน้าที่ดอกซากุระไม่บานก็ยังทำให้ต้นซากุระมีดอกได้
“ เฮ้เซกิไปถนนอูเอโนะกันเถอะ ” ทาคางิเรียกเซกิ แล้วรีบเดิน
“ ว้าว ซากุระเต็มไปหมดนี่ๆดูเดะ นี่เข้าหน้าหนาวนะเนี่ย ” รู้สึกว่าทาคางิจะตื่นเต้นกับงานนอกสถานที่นี้มาก แต่เซกิก็ยืนถอนหายใจอยู่ข้างๆ ทาคางิเห็นจึงรีบเดินไปหน้าบ้าน ไม่สิต้องเรียนว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก มันเป็นบ้านที่ผู้ว่าจ้างอยู่ทั้งสองคนจึงกดกริ่ง ไม่นานก็มีพ่อบ้านในชุดฟอร์มหรูเดินมาต้อนรับ 2 หนุ่มนักสืบเข้าไป
“ ใหญ่โตจังนะครับ ” เซกิพูดพลางกวาดสายตามองไปรอบๆคฤหาสน์หลังงาม
“ ครับนี่เป็นมรดกตกทอดของคุณปู่ของคุณปู่นายท่านครับ ” พ่อบ้านตอบดูท่าทางพ่อบ้านคนนี้จะทำงานรับใช้บ้านใหญ่นี้มานาน พ่อบ้านชราเดินนำ 2 นักสืบเข้าไปในบ้านซึ้งถูกตกแต่งให้สวยหรูด้วยรูปปั้นแกะสลักน้อยใหญ่ล้วนแล้วแต่ทำด้วยคริสตัน ผ้าม่านฝรั่งเศสอย่างดีเป็นลายเครือเถาของจักพรรดิ์ ในสมัยพระราชวังแวร์ซายด์ยังเจริญรุ่งเรืองอยู่ซึ่งหาได้ยากมาก เก้าอี้โซฟาบุด้วยกำมะหยีชั้นดี โถถ้วยทุกใบถูกจัดเรียงอย่างมีระเบียบดูเหมือนของสะสม แต่มันมีมากมายเกินกว่าที่เก็บสะสมไว้บางส่วนจึงต้องนำออกมาใช้ ซึ่งดูหรูหราราคาแพงชะรูด
พ่อบ้านพานักสืบขึ้นทางบันไดโค้งแบ่งเป็น 2 ทาง หัวบันไดล้วนแล้วตกแต่งด้วยเกร็ดเพชร โดยรวมแล้วคฤหาสน์หลังนี้ดูเป็นเหมือนพระราชวังไม่มีผิด เดินมาถึงห้องใหญ่ชั้นบน เมื่อเซกิ และทาคางิเปิดตูบานสวยเข้าไปก็ต้องอ้าปากค้างกันอีกครั้ง นี่เป็นห้องรับแขกส่วนตัวหรือนี่ เป็นห้องที่กว้างขวางปูด้วยพรมขนเกรียนอย่างดี โต๊ะที่ทำจากแก้วใสประดับด้วยแร่ควอสต์ที่ขาทั้ง 4 เก้าอี้เป็นไม้นวมอย่างดีที่สั่งทำได้เพียงที่เดียวจากอิตาลีซึ่งให้สัมผัสไม่เหมือนเก้าอีไม้ทั่วไป รวมทั้งตู้โชว์ที่ข้างในประดับประดาด้วย คริสตัน เพชร และ พลอยล้วนๆ เครื่องถ้วยโถใบเก่าที่กว้านซื้อหากันไม่ได้ง่ายรวมอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมด..
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่บ้านของผม ผมนากิซาว่า โอซาวะ และนามิภรรยาผม ดีใจที่พวกคุณมา ” เจ้าของคฤหาสน์หลังงามหน้าตาที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มใจดีน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนของคุณนากิซาว่า อายุก็ราวๆ 50ปีได้ กล่าวพลางจับมือนักสืบ และผายมือไปที่เก้าอี้หรูเพื่อเชื้อเชิญให้นั่ง
“ ยินดีครับ ” เซกิกล่าว ด้วยน้ำเสียงเรียบแต่สุภาพ แล้วหย่อนตัวลงนั่ง ทาคางิก็ดูตื่นตาตื่นใจกับห้องนี้มาก ยังคงตะลึงไม่หายจนเซกิต้องฉุดแขนให้นั่งลง
“ บ้านใหญ่อย่างนี้อยู่กันแค่ไม่กี่คนเองเหรอครับเนี่ย ”ทาคางิพูดยังกวาดสายตามองไปรอบๆอยู่
“ มีลูกๆด้วยน่ะครับ ลูกชายแต่งงานออกไปแล้ว อยู่แค่ลูกสาวอายุ 15 น่ะครับ” คุณโอซาวะกล่าว
“~ เดี๋ยวครบคุณหนูคุณท่านรับแขกอยู่ครับ ~” เสียงพ่อบ้านทัตโตะดังขึ้นห้ามปราม
“ไม่เป็นไรทัตโตะ ให้ยัยหนูเข้ามา” คุณโอซาวะกล่าวผ่านประตู
“ ไม่เป็นไรค่ะพ่อ” เสียงใสๆดังขึ้น
“ เข้ามาเถอะลูก” คุณนามิกล่อม
“ เสียงเพราะจังอยากเห็นหน้าจังเลย” ทาคางิหันมากระซิบกับเซกิ ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวก้าวเดินเข้ามาในห้อง
“ ทักทายคุณนักสืบหน่อยสิลูก” ผู้เป็นพ่อกล่าว
“ สวัสดีค่ะ นากิซาว่า ฮิคาริค่ะ” เธอยิ้มน้อยๆให้กับ 2 หนุ่ม
“ ขอตัวนะคะพ่อ พรุ่งนี้ต้องไปสอบคัดเลือก” เธอกล่าวแล้วรีบเดินออกไป มองเผินๆแล้วหน้าตาของเธอคล้ายทาคิมาก เว้นแต่ภายในดวงตาของเธอแตกต่างจากทาคิอย่างสิ้นเชิง
“ น่ารักจังเลย สอบไปเข้าที่ไหนครับเนี่ย” ทาคางิทำทีเป็นสนิทสนม
“ไปโรงเรียนฟุโดมิเนะน่ะครับ” นายโอซาวะกล่าวอย่างชื่นชม
“ งั้นคงได้เจอกันนะครับ ผมกับเพื่อนเป็นกรรมการนักเรียนม.ปลายปี 2 ครับ” ทาคางิพูดไปยิ้มไปจนกระทั่งเซกิต้องขัดขึ้นมาเพราะกลัวจะไม่ได้ทำงาน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
ความคิดเห็น