ลำดับตอนที่ #3
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Tears of Love
ปิดภาคเรียนฤดูร้อน กริ๊ง… กริ๊ง..
“สวัสดีครับ ซาโตมารุครับ” เซกิ เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการรับโทรศัพท์
“ไงเซกิ ปิดเทอมแล้วสินะเดี๋ยวนักสืบสุดหล่อจะไปช่วยงานนะเพื่อน” ทาคางิอารมณ์ดีแต่เช้า
“ มาช่วยไขคดีหรือช่วยป่วนกันแน่ โทรมามีอะไร” เซกิถาม
“เปล่าหรอกไม่มีอะไร..แค่นี้ก่อนนะวันนี้มีนัดเดท แล้วอีกประมาณ 2 อาทิตย์เจอกัน…” ทาคางิวางสายโทรศัพท์
“ เฮ้ย…” ( ปิดเทอมแล้วงานไม่ค่อยจะมีเลย เฮ้ นี่วันอาทิตย์นี่นัดกับทาคิไว้จะไปสวนสนุก ) เซกินึกออกเมื่อหันไปดูปฏิทิน
หน้าสวนสนุกโอเอดะ “เฮ้อ ขอโทษทีทาคิ” เซกิหอบ
“ ไม่เป็นไรฉันก็เพิ่งมาได้ไม่นานหรอก” ทาคิยิ้ม นี่เป็นการเดทอย่างเป็นทางการครั้งแรกของทั้งคู่
“เอ่อจริงสินี่ก็เที่ยงแล้วทานอะไรหน่อยมั้ย” เซกิถามอันที่จริงเซกิทานมาจากบ้านแล้ว แต่เขาอยากนั่งทานอาหารกับทาคิดูบ้าง
“ ก็ได้..เซกิชอบเนื้อย่างมั้ย” ทาคิถามถึงเธอจะรู้ว่าเซกิทานอะไรก็ได้แต่เธอยังไม่รู้เลยว่าเซกิชอบทานอะไรเป็นพิเศษ
“ ชอบสิฉันทานได้ทั้งนั้นแหละ” เซกิตอบความจริงแล้วเขาชอบเต้าหู้ กับคุกกี้มะนาว
“ จริงสิฉันยังไม่รู้เลยว่าเซกิชอบอะไรน่ะ” ทาคิถามเธอหาคำตอบให้กับคำถามนี้หลายครั้งแต่เธอคิดไม่ออก
“ คุกกี้มะนาว กับเต้าหู้” เซกิพูดลอยๆ
“ เหรอ ดีใจจังที่ได้รู้ เธอไม่เคยบอกใครเลยไช่ม้า” ทาคิยิ้ม ขณะที่เซกิพยักหน้าหงึกหงักอยู่
“ คิดเงินด้วยครับ ไปกันเถอะทาคิ” เซกิจ่ายค่าอาหาร แล้วจับมือทาคิเดินไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆ
สวนสนุกโอเอดะเป็นสวนสนุกเปิดใหม่ เหตุที่ทาคิมาที่นี่เพื่อจะนั่งกระเช้ารอบสุดท้ายเพราะหลายคนเชื่อว่าถ้าได้นั่งกระเช้ารอบสุดท้ายกับคนรักทั้งคู่จะสมหวังในความรัก
“ตายล่ะเซกิ 5 โมงแล้วเร็วเดี๋ยวขึ้นกระเช้าไม่ทัน รอด้วยค่ะ เราจะขึ้นไปด้วย” ทาคิเร่งเซกิ เพราะทาคิไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ขึ้นมันอีกรึเปล่า เธอมีลางสังหรณ์แปลกๆ แต่เธอไม่สามารถเล่าให้เซกิฟังได้
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณ เอ่อ…” พนักงานเดินตั๋วถามผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางเธอไม่ค่อยสบาย
“ อย่ามายุ่งกับพวกเราได้มั้ย” ผู้หญิงอีกคนตวาดเธอดูเปรี้ยวกว่าผู้หญิงคนแรก ข้างๆหล่อนมีผู้ชายรูปร่างสูง หน้าตาดียืนอยู่ด้วย
“ เชิญที่กระเช้าตัวอื่นดีกว่าครับ” พนักงานเดินตั๋วแนะนำ
“ขอให้ทุกคนมีสมหวังในความรักนะครับ” นักงานเดินตั๋วกล่าวแล้วเดินเครื่อง
“ อะ อะไรนะ” เซกิงง หลังจากที่คุยกันเมื่อตอนบ่าย ทาคิก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องชิงช้าสวรรค์อีกเลยแต่ตอนนี้เธอกลับมาขึ้นมัน
“ ก็ รอบสุดท้ายสำหรับเรายังไงล่ะ มะ.. ไม่ดีเหรอ” ทาคิตะกุกตะกัก เธอรู้สึกว่าเซกิอาจจะโกรธเธอที่ทำตามใจตัวเองมากเกินไป แต่เธอคิดผิด
“ เปล่าหรอก แต่เพียงว่าฉันไม่คิดว่าเธอจะมาขึ้นมันรอบสุดท้าย” เซกิพูดแก้เขินไปท่านั้น โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดต่างนั้นทำให้
ทาคิ คิดไปต่างๆนานา
..กึก … ระบบไฟของชิงช้าสวรรค์หยุดทำงาน
“ไฟดับเหรอเนี่ย” ทาคิพูด หลังจากที่ทั้งคู่เงียบไปนานเพราะความอาย
( ไฟตกเหรอเนี่ย ) เซกิคิดไม่นานกระเช้าสวรรค์ก็เดินเครื่องต่อได้ แต่…
“ อ๊า….” ฉัว เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากกระเช้าตัวที่กำลังขึ้นสู่ยอด
“ อะไรน่ะ” เซกิพูดก่อนที่ทั้งสองคนจะชะโงกหน้าไปดู
กรี๊ด.ดดด ทาคิร้องเสียงก้อง นั่นคือศพผู้หญิงที่นั่งอยู่บนกระเช้า บนคอที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด ทำให้รู้ได้ทันทีว่า เธอไม่มีหัว
“รีบเอากระเช้าลงเร็ว” เซกิตะโกนบอกพนักงานซึ่งกำลังกุลีกุจร กดปุ่มบังคับเครื่อง อีกไม่กี่อึดใจเซกิกับทุกๆคนก็ได้ลงมาอยู่ที่หน้าชิงช้ามรณะ พร้อมกับตำรวจ
“ หัวขาดเลยรึเนี่ย” สารวัตรกล่าวกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพ
“สารวัตรครับ ผู้ตายชื่อ ฮาทาชิ นามิ ครับ ทำงานอยู่ที่ไซมอนทาวเวอร์ ครับ และเราก็ไม่พบร่องรอยของอาวุธเลยครับ แต่ที่คอของผู้ตายเหมือนถูกอะไรบางอย่างบาดน่ะครับ” เจ้าหน้าที่กล่าวกับสารวัตรก่อนที่จะเดินออกไป
“สวัสดีครับสารวัตร” เซกิทักสารวัตรชิบะ เขาเคยไปที่โรงพักบ่อยๆเพื่อรวบรวมสำนวนคดี
“อ้าวเซกิ เธอมาด้วยเหรอ” สารวัตรหันมาเจอเซกิ ก่อนที่จะยิงคำถามใส่
“ แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ แล้วทำไมถึงขึ้นชิงช้าสวรรค์รอบนี้” ชิบะสารวัตรประจำกรมตำรวจถาม
“..มาเที่ยวกับเพื่อนน่ะครับ...” เซกิตอบแค่คำถามแรก และ.....
( เดี๋ยวก่อนนะ นั่นมัน ) เซกิคิด หน้าตาที่เปี่ยมไปด้วยความทรนงตอนนี้ถูกปะปนไปด้วยความรู้สึงสงสัยในเหตุผลที่แท้จริงที่ผู้หญิงคนนี้ต้องตายเพราะการกระทำบ้าๆของอีกฝ่ายหนึ่ง
“ เซกิ... คะ..คิดอะไรอยู่เหรอ” ทาคิ จับที่แขนของเซกิ ตอนนี้มือเธอเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง
“อืม นี่ตอนที่ไฟดับน่ะ เวลาก็โมงนะ” เซกิแกล้งพูดลอยๆ เพื่อให้ทุกคนสนใจคำถามนี้ และจะมีเพียงคนเดียวที่รู้เวลา คนที่จงใจฆ่าเธอให้ตายลงทีละน้อยๆ
“อะเอ่อ .. ก็ประมาณ 5โมง 15 นาทีค่ะ” หญิงสาวคนที่ยืนอยู่ข้างๆชายหนุ่มผมดำหน้าตาดีที่เซกิเจอก่อนขึ้นชิงช้าสวรรค์พูดน้ำเสียงเธอยังคงสั่นเครือเพื่อไม่ให้มีพิรุธ เซกิจ้องเธอด้วยสายตาที่เย็นชา ทำให้ทุกคนรู้ได้ทันทีว่าเธอเองคือฆาตรกร เพียงแต่เธอยืมมือคนอื่นฆ่า
“ อะไรกันน่ะ ทำไมมองชั้นอย่างกับ…” ผู้หญิงคนดังกล่าวพูด เธอชื่อ มาซามิ อากิ
“ ก็ใช่น่ะสิ ส่วนมากตอนไฟดับน่ะเค้าจะไม่ค่อนสนใจเรื่องเวลาสักเท่าไหร่ นอกจากจะมีเหตุบางอย่างที่ทำให้มันน่าสนใจยิ่งขึ้น” นักสืบหนุ่มเริ่มการแก้ไขคดี
“อะไรกันน่ะ ฉันน่ะเหรอจะฆ่านามิน่ะ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะ” มาซามิเริ่มแก้ต่างพร้อมกับเดินไปข้างๆชายหนุ่มอีกคนซึ่งมากับเธอในตอนขึ้นชิงช้า
“ มากาตะก็เป็นเพื่อนของเธอด้วยนะมาสงสัยฉันคนเดียวมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ” เธอเดินมาควงแขนมากาตะ
“ ฉันไม่เกี่ยวนะถึงฉันจะเลิกกับนามิ แต่..ฉันก็ยังรักนามิอยู่เธออย่าพูดอะไรบ้าๆนะ “ มากาตะปฏิเสธเสียงแข็ง
“ นี่เธอเป็นแฟนฉันนะ แต่เธอยังบอกว่ารักนามิเนี่ยยังไงกัน” ฆาตกรตัวจริงเริ่มโวยแฟนหนุ่ม
“ เอาล่ะครับอย่าเพิ่งโวยวาย ความจริงแล้วหลักฐานก็ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ “ เซกิเริ่มเข้าประเด็น
“สาเหตุการตายคงทราบกันดีอยู่แล้ว ในเมื่อที่เกิดเหตุไม่มีอาวุธใดๆหลงเหลืออยู่ “ เซกิเริ่มเดินสำรวจศพผู้ตายก่อนที่จะเริ่มพูดอีกครั้ง
“คดีนี้จะสรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตายก็ไม่ผิดหรอก เพราะคุณนามิฆ่าตัวตายจริง แต่ก็เพราะมีคนปงการชักใยอยู่เบื้องหลัง”
“เห็นมั้ยล่ะฉันไม่ได้ฆ่าหล่อนนะ” มาซามิกล่าวโต้ตอบ
“ไม่จริง!!” พนักงานเดินตั๋วตะโกนขึ้น เขาก็เป็นหนึ่งในเพื่อนของผู้ตายด้วยเช่นกัน
“ คุณนักสืบครับ คือว่า ผมรู้มาตลอดว่า มาซามิเกลียดนามิมากที่สุด เธอแย่งมากาตะที่เป็นแฟนกับนามิไป แล้วเธอ...” พนักงานเดินตั๋วกล่าวน้ำตาเริ่มไหลรินออกมาอาบแก้ม
“... เอาล่ะ..ในเมื่อเธอทำถึงขนาดนี้ฉันจะบอกความจริงให้ก็ได้..ฉันเองแหละที่บอกให้นามิตัดสัมพันธ์กับมากาตะ แต่นังนั่นก็โง่เสียเต็มประดา ยอมสละแฟนตัวเองให้เพื่อนได้” มาซามิพูดกระชากเสียงและพูดขึ้นต่อว่า...
“ ยังไงฉันก็ไม่ได้ฆ่าเธอนะ แต่มันก็โง่จริงๆแค่ฉันแกล้งพุดว่า~ไปตายซะ~ ก็แค่นั้น” มาซามิหัวเราะร่าก่อนที่จะเดินไปพร้อมกับตำรวจ
“คนอย่างนี้เหรอเหมาะสมที่จะรักเธอน่ะ” นั่นเป็นคำพูดสุดทายที่ได้ยินจากฆาตกรจำแลง
(ในที่สุดคดีก็ปิดลงได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยความสามารถของนักสืบเซกิสักเท่าไหร่ แต่คดีนี้ไม่ใช่จุดที่น่าสนใจของตอนนี้ แต่มันคือ...)
ระหว่างทางกลับบ้าน
“ ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นโรคจิตแหงๆเลย” เซกิออกความคิดเห็น ระหว่างทางนั้นทาคิมัวแต่พึงพำอะไรอยู่คนเดียว
“ ..ถ้าเป็นแบนั้นเซกิจะเปลี่ยนใจรึเปล่าน้า” ทาคิพูดประโยคนี้อยู่ตลอดทางหลังกลับจากสวนสนุก
“ อะไรนะ” เซกิฟังไม่ถนัด
“ เอ่อ เปล่าหรอก เรื่องไม่เป็นเรื่อนน่ะไม่ต้องสนใจหรอก” ทาคิแก้ตัว แต่เซกิเดาออก
“ อ๋อที่ฉันจะเปลี่ยนแปลงเหมือนกับผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ.. ไม่มีทางหรอกมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะอะไรรู้มั๊ย” เซกิถาม
ทาคิซึ่งก้มหน้าก้มตาอยู่เพราะความอาย เธอไม่ตอบ
“ เพราะว่าหัวใจฉันมันมีอยู่ดวงเดียว และฉันตัดสินใจแล้วว่าจะให้กับคนที่ฉันรักที่สุดเพียงคนเดียวในโลกนี้... นั่นก็คือ.. เธอ”
เซกิตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทาคิรู้มาตลอดว่าเซกิมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนตลอดเวลา และเธอก็มองเขาด้วยสายตาอันอบอุ่นเช่นกัน
ปิ้นนนน... รถมอเตอร์ไซด์วิ่งมาด้วยความเร็วบีบแตรเสียงดัง
“ เซกิ ระวัง” ทาคิตะโกนแล้วพลักเซกิกระเด็นออกไป
โครม.. ทาคิโดนมอเตอร์ไซด์ชนเข้าอย่างจัง เซกิรีบวิ่งมาพยุงเธอเอาไว้ในอ้อมแขนพูดด้วยน้ำเสียง และเนื้อตัวที่สั่นเทา
“ ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล เธอต้องไม่เป็นไรนะ ทาคิ” เซกิ กลั้นน้ำตาไม่อยู่พูดไม่เป็นประโยคน้ำตาที่ไหลรินออกมามากมาย แต่พยายามที่จะปกปิดก็ไม่สำเร็จ เทียบไม่ได้เลยกับเลือดที่กำลังออกจากร่างกายของคนที่เขารัก
“ ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลนะ อดทนไว้นะทาคิ” เซกิพูด ทาคิได้แต่พยักหน้าตอบ หล่อนได้เห็นใบหน้าที่มีแต่คราบน้ำตา แววตาของเซกินั้นบ่งบอกให้เธอรู้ได้ว่า ภายใต้หน้ากากที่เย็นชา และเงียบขรึมนั้น มีจิตใจที่อ่อนโยน และหัวใจรักที่ซื่อสัตย์ซ่อนอยู่ข้างใน ....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
ความคิดเห็น