ร้อยรักร้อยดวงใจ - นิยาย ร้อยรักร้อยดวงใจ : Dek-D.com - Writer
×

    ร้อยรักร้อยดวงใจ

    ข้าเพียงสนใจสมุนไพรและการใช้พิษ เหตุไฉนจึงได้ฉายานาม ' นางมารหมื่นพิษ ' ไหนจะพวกจอมปราชญ์ที่ทำให้ข้ากลายเป็นทารกอีก โอ้วสวรรค์โหดร้ายเหลือคณา

    ผู้เข้าชมรวม

    13,849

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    15

    ผู้เข้าชมรวม


    13.84K

    ความคิดเห็น


    136

    คนติดตาม


    715
    จำนวนตอน :  27 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  19 มี.ค. 61 / 21:04 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    พรวนดินหว่านเมล็ด


              เสียงกัมปนาทก้องสนั่นสะท้านปฐพี หนึ่งร่างเล็กวิ่งหนีสิบร่างใหญ่วิ่งตาม มือบางฟาดลมปราณใส่คนทั้งสิบ พวกเขามิยอมน้อยหน้าฟาดลมปราณโต้กลับ ตูม!!! ตูม!! ตูม!!! ปรากฏเสียงเช่นนี้อยู่ร่ำไป ผู้คนต่างแตกตื่นตกใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้เยี่ยมยุทธทั้งหลายที่ชอบ เผือก เอ้ย! เฝ้ามองดูเรื่องชาวบ้านอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ซะที่ไหนกันเล่า! นับว่าเป็นเรื่องบัดซบที่สุดของโคตรสุดในรอบปี

              นางทำอะไรผิดนักหนา เพียงแค่ชมชอบสมุนไพรและการใช้พิษ เพียงแค่ทดสอบกับใครไม่กี่คน ดันได้ทั้งฉายาและถูกตามล่าโดยจอมปราชญ์แก่ๆ ในคราบหนุ่มหน้ามน ที่ใครเห็นเป็นต้องหน้าแดงปลั่งดั่งผลอิงเถา เว้นนางคนหนึ่งล่ะนะ-_- มู่ตานดรุณีน้อยร่างเล็กในอาภรณ์สีคราม วิ่งหลบคลื่นพลังพร้อมสบถคำหยาบคาย

              ตามอยู่ได้! น่ารำคาญจริงโว้ย! ” เท้าเล็กก้าวทะยานพุ่งสู่หลังคาเรือนต่อหลังคาเรือน หลบหลีกว่องไวยิ่งกว่าสายจู๊ก ในเกมส์อาร์พีจี “ พวกตาแก่โง่เง่า! รังแกเด็ก! ”

              หยุดนะ! นางมารหมื่นพิษ! ” เหล่าชายหนุ่มสวมฮู้ดนับสิบ ที่หญิงสาวกล่าวหาว่าแก่เมื่อครู่ รุกไล่ตามนางอย่างมิยอมแพ้ พร้อมตะโกนสั่งเสียงดัง “ มาให้พวกข้าลงโทษซะดีๆ ”

              หยุดให้โง่สิ แบร่! ” ร่างเล็กหันหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตา พลางหันกลับเกือบหลบกิ่งไม้ตรงหน้ามิทัน นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก

              สิบจอมปราชญ์หน้าดำเคร่งเครียด พวกเขาพยักหน้าพร้อมกัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จับนางมารหมื่นพิษมิทันแน่ มือหนานับสิบคู่ขยับไปมาราวกับร่ายคาถา ระหว่างนั้นมู่ตานกำลังกวาดสายตาแสนโกรธเคือง ใส่ผู้เยี่ยมยุทธจากที่ไกลๆ พวกจอมยุทธช่างแร้งน้ำใจยิ่ง ดูผู้ใหญ่รังแกเด็กอยู่ได้ จึงมิได้ลอบสังเกตสิบจอมปราชญ์ ครั้นเสียงสิบจอมปราชญ์ตะโกนก้อง ความซวยจึงบังเกิด “ อาคมกั้นเขตสมบูรณ์! ”

              วิ้ง! ปัง! ตึง!

              อ๊าก!!! ซวยแล้วไง! ” ใบหน้างามซีดเผือดแววตาฉายแววกังวลอย่างชัดเจน มู่ตานชะงักฝีเท้าหันไปเผชิญหน้ากับสิบจอมปราชญ์ “ พะ...พวกตาแก่ขี้โกง! ”

              ฟู่! มือเล็กสาดผงพิษหลากสีหวังให้ถูกสิบจอมปราชญ์ แต่ลมเจ้ากรรมดันพัดมาทางตนเสียได้ ซวยกว่านี้คงมิมีอีกแล้วหมู่ตานเอ๋ย

              แคกๆๆ!! ” นางไอโฮกฮากด้วยสำลักพิษ ร่างเล็กทรุดลงกับพื้นดิ้นทุลนทุลาย มือบางคว้านหายาถอนพิษในอกเสื้อ ดวงตาจ้องเงาร่างนับสิบที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลุ้นละทึกยิ่งกว่าเจอเจสันในศุกร์สิบสามหรรษา ยิ่งรีบคว้านยิ่งหามิเจอ “ มะ...ไม่นร้าาาาาา ”

              แอก! ”

              ตูม!!!

              เปรี๊ยะ!

              เพล้ง!

              สิบจอมปราชญ์ยังมิทันเข้าประชิด ตัวร่างเล็กบนหลังคา เกิดระเบิดเสียงกัมปนาทกว่าตอนแรกเป็นไหนๆ ทว่าพวกเขาเกือบหลบ พลังปราณอันมหาศาล ที่แผ่ออกมามิทัน อาคมกั้นเขตสมบูรณ์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ควันโขมงลอยฟุ่งทั่วสถาน

              บ้านเรือนหลายหลัง ณ บริเวณใกล้เคียงสลายเป็นผุยผง มินานควันดังกล่าวค่อยๆจางลง ปรากฏทารกในอาภรณ์สีครามตัวใหญ่เกินร่าง เงาร่างทั้งสิบตรงเข้าหาทารกอย่างระแวดระวัง ครั้นรอบๆร่างทารกมีเพลิงสีฟ้าเสมือนคอยปกป้อง พวกเขาจึงมิอาจเข้าใกล้ได้มากกว่านี้

              ไฟศักดิ์สิทธิ์ ’ สิบจอมปราชญ์เอ่ยในใจพร้อมกัน โดยมิได้นับหมาย

              หนึ่งในสิบจึงเสนอความคิดดีๆขึ้นมา “ ข้าคิดว่าเราควรผนึกพลังปราณของนางไว้ พวกท่านมีความเห็นเช่นไร ”

              อาวุฒิโสหนึ่งหากมิเป็นการผิดบาปย่อมดี ” จอมปราชญ์ที่เหลือล้วนเห็นด้วยกับวิธีการของอาวุฒิโสที่หนึ่ง

              แต่ข้าคิดต่าง ” จอมยุทธถือไม้กระยาจกผู้หนึ่งเอ่ยขัดขึ้น น้ำเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง “ ข้าคิดว่า...”

              เรารีบผนึกปราณนางเถอะ ” หนึ่งในสิบจอมปราชญ์เอ่ยขึ้น พวกเขาไม่แม้จะสนใจเหลือบแลจอมยุทธตรงหน้า และเริ่มกางเขตอาคม แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปเล็กน้อย

              เฮ้! เดี๋ยวสิ! ไม่ฟัง...” จอมยุทธถือไม้กระยาจกหวาดหวั่น ทันทีที่สบดวงตาหนึ่งในสิบจอมปราชญ์ พร้อมกับน้ำเสียงเยียบเย็น

              เพลิงสีฟ้าคือไฟศักดิ์สิทธิ์ ข้าคงมิต้องบอกกระมั้ง ว่าไฟศักดิ์สิทธิ์มันน่าหวาดหวั่นเพียงใด ” ว่าจบหันกลับทำพิธีต่อ จอมยุทธถือไม้กระยาจกนิ่งสนิท เริ่มถอยห่างไปไกลเรื่อยๆ เหล่าผู้เยี่ยมยุทธต่างหัวเราะเยาะมัน ที่อาจหาญต่อล้อต่อเถียงสิบจอมปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่

              ยันต์หลายสิบแผ่นถูกวางลงพื้นรอบๆ วงเพลิงสีฟ้า แต่ห่างพอสมควรเพื่อป้องกันมิให้ เพลิงนั้นเผามันจนเป็นเถ้าถ่าน ในค่ำคืนที่ไร้แสงดาว เพลิงสีฟ้าโหมกระหน่ำแรงขึ้นทุกที สิบจอมปราชญ์มิรอช้า ร่ายมนตราทับซ้อนหลายครั้งหลายครา เพื่อผนึกปราณธาตุหายากทั้งหก บนร่างทารกน้อย มู่ตานร่ำร้องเจ็บปวดแทบขาดใจ

              อักษรจากแผ่นยันต์เลือด ลอยผ่านเพลิงสีฟ้าได้อย่างง่ายดาย เข้าสู่ร่างทารกน้อย มินานเสียงร่ำไห้ปนสะอื้น ค่อยๆเบาลงพร้อมกับวงเพลิงสีฟ้าที่มอดดับ หนึ่งในสิบจอมปราชญ์ ช้อนร่างทารกขึ้นอุ้ม พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

              ดวงตาสีน้ำหมึกมองสัญลักษณ์ เหนือหว่างคิ้วบนใบหน้าทารกน้อย นั่นหมายความว่าผนึกปราณธาตุได้สำเร็จ แต่มิได้สำเร็จทั้งหกธาตุ กระนั้นปราณธาตุที่เหลืออยู่ มันมิได้มีผลร้ายอันใด

              ข้าจะพามู่ตานไปให้ลี่เซียนดูแล ” เขาหรืออดีตซือฝุของมู่ตานได้ตัดสินใจแล้ว และจอมปราชญ์ท่านอื่นๆมิได้เอ่ยค้านใดๆ

              ทะ...ท่านจอมปราชญ์ นั่น! นางมารนะขอรับ ” ยังคงเป็นเสียงจอมยุทธถือไม้กระยาจกเจ้าเก่า เอ่ยคัดค้านเต็มประดา ราวกับเกลียดชังมู่ตานมาร้อยชาติ แต่มีหรือที่สิบจอมปราชญ์จะมิรู้จุดประสงค์ของมัน หากสังหารมู่ตานสำเร็จ เปรียบเสมือนลดจำนวนผู้เยี่ยมยุทธ ที่เป็นอุปสรรคในการปกครองในใต้หล้าได้ ย่อมเป็นการดี “ ควรกำจัด….”

              อดีตซือฝุของมู่ตานหรือหนึ่งในสิบจอมปราชญ์ เอ่ยสวนอีกฝ่ายโดยพลัน “ พวกข้าเห็นพ้องต้องกันว่า ควรไว้ชีวิตนาง อีกอย่างมู่ตานเป็นศิษย์ข้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่ตัดสินชีวิตของนางได้ ”

              ว่าจบสิบจอมปราชญ์ก็จากไปทันที โดยทิ้งซากปะหลักหักพังไว้เบื้องหลัง เนื่องด้วยยังมีเรื่องให้ต้องทำอีกมาก ส่วนค่าซ่อมบำรุงรักษาอาคาร และสถานที่ทางอารามชิงอวิ๋นจะส่งมาทีหลัง ดังนั้นผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการจับนางมารหมื่นพิษในครานี้ จึงมิออกปากโวยวายอันใด

              การต่อสู้ระหว่างสิบจอมปราชญ์ และนางมารหมื่นพิษ ต่างเป็นที่จบจำไปชั่วลูกชั่วหลาน ของผู้เฝ้ามองเหตุการทั้งหมด มู่ตานในอ้อมแขนซือฝุ ใบหน้างอง่ำเบ้ปากราวกับจะร้องไห้ หากนางเอ่ยได้คงเอ่ยไปแล้ว ‘ ซือฝุ! ท่านกับตาแกพวกนั้นขี้โกงๆ ได้ยินหรือไม่ซือฝุ ตาเฒ่าขี้โกง ”

              แววตาเคืองโกรธผสมความน้อยใจ มู่ตานมิได้เกลียดชังซือฝุ เพราะถึงอย่างไรซือฝุก็เลี้ยงนางมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เริ่มนางจึงมิเลือกปะทะ แต่เลือกที่จะหนี ด้วยความที่มิอยากเป็นคนเนรคุณ ใบหน้าทารกน้อยในยามนี้ แทบทำให้เขากั้นขำไว้มิออก ยกนิ้วชี้จิ้มแก้มป่องๆด้วยความหมั่นเขี้ยว นางทำผิดมหันต์แล้วยังมิสำนึกอีก แต่เพราะไม่มีสิ่งใด มาพรากความตายไปจากมู่ตานได้

              เมื่อนางเป็นทารกอีกครั้ง เขาจึงเลือกที่จะผนึกปราณธาตุเอาไว้ เป็นทางออกของปัญหาที่ดีที่สุด การกระทำของเขาในครานี้ มิต่างจากการพรวนดินหว่านเมล็ด ให้ดอกมู่ตานกลับมาเจริญงอกงามดังเดิม เพิ่มเติมคือนางมิใช่ผู้เยี่ยมยุทธอีกต่อไป


    ภาพจาก : https://www.pinterest.com/pin/822540319416257927/

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น