ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ซินเทีย ดราก้อน
ปัง!!
เสียงประตูปิดลงพร้อมกับร่างของคนใต้ผ้าคลุมสีน้ำตาลเดินจากประตูนั้นในห้องทรงกลมสีขาวทั่วทุกที่มีอักขระสีส้มเป็นอักษรที่อ่านไม่ออกวิ่งไปมาไม่เป็นทิศเป็นทางและจากประตูเป็นทางเดินแคบๆประมาณคนเดินได้คนเดียวลักษณะเป็นกระจกแผ่นบางจนไปถึงกลางห้องจะเป็นแผ่นวงกลมและแล้วคนใต้ผ้าคลุมก็สะบัดผ้าคลุมที่รุ่งริ่งจนลอยและคนใต้ผ้าคลุมนั้นคือป้าอรดีนั้นเอง
ป้าอรดียืนนิ่งและมองไปด้านหน้ามีแป้นสีแดงลอยจากด้านหน้าตรงเข้ามาพอดีระดับเอวของป้าอรดีพอดี ป้าอรดีกดเหมือนพิมพ์อะไรสักอย่างก่อนจะมองไปข้างหน้าอีกที่ซึ่งปรากฏเป็นกระจกสีเหลี่ยมสามช่องและในนั้นก็ฉายภาพของคนสามคน
“ขอบคุณน่ะคุณอรดีที่มาตามที่เราขอ” ชายร่างกายกำยำผิวคล้ำซื้งอยู่ตรงกลางพูดขึ้น
“ฉันก็รู้สึกเป็นเกรียศอย่างมากที่สมาชิกสภาสูงแห่งเวทย์มนต์อย่าง ไอแซ้ค เรียกตัวดิฉันมา” ป้าอรดีมองไปทางสองกรอบซึ่งอยู่ด้านข้าง “ว่าแต่ทำไมนายขี้หลี เฮดเตอร์ กับนัง วิตอเลีย ถึงไปอยู่ข้างนายได้ล่ะ”
“ให้มันน้อยๆหน่อยอรดีไว้หน้ากับบ้างฉันเป็นสมาชิกสภาสูงแล้วน่ะ!!”วิตอเลียหญิงผมสั้นสีส้มตะโกนขึ้นมา และท่าทางหญิงคนนี้จะดูสาวพอๆกับป้าอรดี
“เหรอที่ฉันเห็นก็แค่คนแก่ใกล้ลงโลงเตรียมเผาเท่านั้นล่ะ”
“หน็อยยังกะอายุของฉันและเธอต่างกันนักแหละ” วิตอเลียพูดกับไปทำเอาป้าอรดีพงะ
“อย่าเอาเรื่องอายุมาพูดกันซิ” ป้าอรดีพูด
“ไงจ๊ะอรดีไงๆวันนี้ว่างไหมเราไปเด...”
ตูม!!
ป้าอรดีจระเข้พาดหางไปที่กระจกที่ฉายภาพของชายร่างผอมสูงผมสีดำยาวมัดรวบจนกระจกแตกระเอียดร่วงลงไปข้างล่าง
“เฮ้ๆฉันพูดยังไม่ทันจบเล...” เสียงพูดเดิมดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกระจกบานที่สองลอยออกมา
ตูม!!
กระจกแตกรอบสอง...
“เฮ้ยของทางราชการนะอย่ามาทำพังเหมือนของเล่นอย่างงี่ซิ” คลาวนี้กระจกบานใหม่มาแต่ดีหน่อยเพราะอันนี้ลอยอยู่ไกลจากรัศมีมือและเท้าของป้าอรดี
“ถ้านายไม่หยุดพูดนอกเรื่องอีกล่ะก็ฉันจะตามไปฆ่านายถึงที่เลยล่ะ” ป้าอรดีพูด “แล้วตกลงพวกนายเรียกฉันมาเพราะจะพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ใช่ไหมงั้นฉันไปละ”
ป้าอรดีเดินหันหลังไปเดินกลับไปจากทางเดินที่เข้ามาสีหน้าของคนทั้งสามดูผิดไปจากเมื่อตะกี้ทันที่เพราะสีหน้าของทั้งสามตอนนี้ดูไม่สู้ดีนัก
“เราได้ข่าวเกี้ยวกับกลุ่ม ราตรีสีขาว มานะ” ไอแซ้คกล่าวขึ้น ป้าอรดีหยุดชะงักและยืนนิ่งเมื่อได้ยินคำว่าราตรีสีขาว
“จริงเหรอ...” อรดีพูดขึ้นทังที่ไม่หันหน้าไปทางทั้งสาม
“อาจจะจริงน่ะ”
“ฉันไม่อยากได้คำตอบว่าน่าจะจริง ฉันอยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า!!” ป้าอรดีหันมาตวาดใส่ทำเอาทั้งสามไม่กล้าที่จะพูดต่ออาการของป้าอรดีตอนนี้เหมือนคนที่โกรธจัด
“ดูภาพนี้ซิ” วิตอเลียพูดขึ้นกรอบรูปเล็กๆวิ่งมาจากกรอบภาพของวิตอเลีย เป็นภาพชายผมยาวสีขาวร่างสูงใต้ผ้าคลุมสีขาวแทบจะสังเกตง่ายๆเมื่อชายคนนี้ยืนอยู่กลางฝุ่งชลและหันมาทางภาพถ่ายนี้
“พวกมันยังไม่หมดไปอีกเหรอเนี้ย” ป้าอรดีพูดขึ้นพร้อมกับดูภาพนั้นชัดๆอย่างไม่เชื่อสายตา
“สงครามเมื่อ 10 ปีก่อนมันยังไม่จบหรอกน่ะ” เฮดเตอร์พูดขึ้น “เรารู้ว่าสงครามเมื่อคราวก่อนเธอต้องสูญเสียอะไรบ้าง”
“ทำใจเถอะอรดีคนตายไม่มีวันฟื้นได้อีกน่ะ” ไอแช้คกล่าวปลอบอรดี
“ไม่หรอกลูกสาวฉันยังไม่ตาย” ป้าอรดีพูดขึ้นพร้อมกับดูรูปในจี้ห้อยคอของตนเองซึ่งเมื่อเปิดข้างในเป็นรูปของชายคนหนึ่งที่อุ้มเด็กสาวตัวเล็กๆซึ่งดูแล้วเด็กสาวคนนั้นอายุไม่ถึง5ขวบด้วยซ้ำ
“ลูกสาวเธอ...ที่เป็น ตัวควบคุม ...ซิน่ะ” วิตอเลียพูดอย่างช้าๆและมองดูป้าอรดี
“พลัง ตัวแปล และตัวควบคุมมหาอาวุธของสงครามเมื่อ 10 ปีก่อนที่นำชัยชนะมาสู่พวกเรา” ไอแช้คพูดขึ้น “เพราะสงครามนั้นเราถึงได้เสียตัวควบคุมไป”
“เด็กพวกนั้นไม่ใช่อาวุธหรอกและบอกแล้วไงว่าลูกสาวฉันยังไม่ตาย” ป้าอรดีพูดพร้อมกับสายตาที่มองไปทางอื่น ซึ่งทั้งสามคนก็มองป้าอรดีอย่างเห็นด้วย
“จะว่าไปพวกนายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าพวกนายได้รูปนี้มาจากไหน”
“ตลาดเซนทรี...”
~•~จินตมายา~•~
“เฮ้ยไอ้หนูอย่ามาล่อเล่นในสนามแข่งนะโว๊ย”
“ถ้าไม่อยากแข่งก็กลับไปซะ”
“ว้าวมังกรตัวนั้นน่ารักจัง”
“ช่ายน่าเอาไปกอดเนอะว่าม่ะ”
หลายเสียงดังขึ้นอรัญก็อยากแทรกแผ่นดินหรือหายตัวไปเลยถ้าเขาทำได้ในตอนนี้จะว่ายังไงดีล่ะไม่ทันเริ่มแข่งเขายังรู้ผลได้เลยสัตว์ที่เขาเรียกออกมาจากการ์ดจะเรียกว่ามังกรเต็มปากก็ไม่ได้ เพราะมันตัวเล็กประมาณเท่านกฮูกลำตัวสีดำของมันแทบจะไม่มีเกร็ดให้เห็นเลย
มิว~มิว~
มันร้องอย่างน่ารักขณะบินไปรอบๆตัวอรัญที่กุมขมับตัวเองอยู่ และกำลังตัดสินใจว่าจะสละสิทธิ์ดีไหมเพราะถ้าให้มังกรตัวเท่านี้สู้กับหุ่นยักษ์มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ
แก๊ง!!
“ยกที่ 1 เริ่มได้!!” ขณะที่เขากำลังจะยกมือสละสิทธิ์ระฆังก็ดังขึ้นพร้อมกับคำพูดของพิธีกรซึ่งหลบไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้
“ไม่เอาแมสตินขึ้นมาล่ะ” ชายผมทองซึ่งเป็นศตรูพูดขึ้น อรัญก็พึงจะรู้ตัวเอง เขาไม่มีแมสตินสักใบเดียว!!
“เออ เดียวก่อนครับ” อรัญพูดก่อนจะเดินเข้าไปกลางสนามเพื่อขอยอมแพ้
“ดูถูกกันอย่างงี่ต้องเจอนี้หน่อย” ชายผมทองไม่พูดพรำทำเพลงเขาปาการ์ดแมสตินไปทางหุ่นยักษ์ปืนสองกระบอกปรากฏที่แขนทั้งสองข้างของหุ่นยักษ์นั้น  “ยิง”
เปรี๊ยงงง!!
ลำแสงสีฟ้าจากปากกระบอกปืนทั้งสองพุ่งตรงไปทางพวกอรัญอย่างรวดเร็ว
ตูม!!
กลุ่มฝุ่นจากพื้นกระจายออกมาเต็มพื้นที่ครึ่งสนามเสียงเชีรย์ดังขึ้นเหมือนเกมส์จะจบพร้อมกับชายผมทองหัวเราะร่า
“เออ พะ...พ่นไฟ” เสียงดังขึ้นข้างตัวชายผมทอง
“เอ๋” ชายผมทองหันไปทางเสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนอรัญมาอยู่ข้างตัวชายคนนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับอุ้มมังกรตัวจิ๋วไว้แนบอก
ฟู่!!
มังกรตัวเล็กๆพ่นไฟใส่การ์ดแมสตินบนมือของชายผมทอง
“ร้อน ร้อนโว๊ย” ชายผมทองตะโกนลั่นทั้งสนามต่างตกใจไปตามๆกันไม่มีใครคาดคิดอันที่จริงไม่มีใครเคยทำเลยต่างหาก เผาการ์ดแมสตินศตรู!!
“ผมอ่านกฎมาแล้วแต่ไม่มีข้อไหนห้ามเผาการ์ดศตรูเลย” บางคนอาจสงสัยว่าอรัญอ่านกฏการเล่นการ์ดตอนไหนอันที่จริงเขาอ่านตั้งแต่ตอนเดินมาสมัครเล่นการ์ดซึ่งมีกฎการเล่นติดอยู่ที่ผนังระหว่างทางเดินแต่ใครล่ะที่จะอ่านกฎทั้ง 520 ข้อหมดระหว่างเดินยกเว้นอรัญคนนี้
“หน่อยแกเล่นเผาการ์ดของข้าเลยเหรอ แกตาย” หุ่นยักษ์ค่อยๆหันหลังมาทางอรัญและเตรียมที่จะยิงใส่อรัญอีกครั้ง
อรัญอุ่มมังกรตัวเล็กของเขาและวิ่งหนีแต่ปืนในมือของหุ่นยักษ์เล็งที่ตัวอรัญไม่ห่าง
“วิ่งเข้าๆๆฮ่าๆๆๆ เตรียมยิง”ชายผมทองหัวเราะอย่างน่าเกลียดแต่เหมือนชายคนนี้จะไม่ได้ทันสังเกตถึงวิถีการยิงของปืนในมือหุ่นยักษ์  “เฮ้ยเดียวๆอย่าพึงยิง”
เปรี๊ยงง!!
ลำแสงยิงไปทางอรัญแต่ไม่โดนตัวอรัญ ที่ลำแสงนั้นยิงโดนคือร่างของชายผมทองที่ยืนขว้างทางของปืนอยู่จนกระเด็นไปไกล
“เกือบแนะ” อรัญพูดพร้อมกับปาดเหงื่อของตนเองและมองไปที่มังกรตัวเล็กของตนเองซึ่งทำท่าเหมือนจะหลับ
“แกขี้โกง” ชายผมทองไม่มีท่าที่จะยอมแพ้ทั้งๆที่ตนเองเสื้อผ้าขาดรุ่งริง “นั้นเจอนี้หน่อย”
ชายผมทองล้วงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบการ์ดแมสตินขึ้นมาร 20 กว่าใบก่อนจะปาไปพร้อมกันที่หุ่นยักษ์ของตนเอง สารพัดอาวุธปรากฏขึ้นบนร่างของหุ่นยักษ์ซึ่งที่แน่ๆมันผิดกฎ!! ผู้คนในสนามต่างโหร้องอย่างไม่พอใจ
“ฮ่าๆๆๆ”เสีนงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังขึ้น สำแสงจากปากกระบอกปืนทั้ง10กว่ากระบอกเตรียมที่จะยิงไปทางอรัญ
เปรี๊ยง!!
ฟ้าว!!
ฟิว!!
ลำแสงสีสันต่างๆฟุ่งไปทางอรัญเป็นทางเดียวกันอรัญหลับตาไม่กล้ามองไปข้างหน้าเขาคิดถึงสภาพตนเองตอนที่โดนลำแสงพวกนั้นลงไปจอมกองเลือดกับพื้น
...
ทุกอย่างนิ่ง...และเงียบ...ทั้งเสียงของคนดู...และเสียงต่างๆได้หายไป...อรัญมองไปข้างหน้า ทุกอย่างหยุดนิ่ง แม้กระทั้งลำแสงที่เฉียวฉิวห่างจากตัวอรัญไม่เพียงกี่เมตรก็ถูกหยุด สิ่งที่เคลื่อนไหวในตอนนี้มีเพียงเขาและ...
“เจ้าอยากชนะใช่ไหม” มังกรตัวเล็กของเขาตอนนี้ได้ลอยอยู่ด้านหน้าเขาพร้อมกับแสงสีเหลืองปกคลุมร่างและดูเหมือนมันจะพูดกับเขา “ให้ตายซิฉันใช้เวลาหลายปีกว่าจะพูดกับนายได้และมาตกใจไม่พูดแบบนี้ก็แย่ซิ”
“นายเป็นใครน่ะ” อรัญมองไปที่มังกรตัวเล็กของเขาซึ่งไม่อยากจะเชื่อว่ามังกรตัวนี้พูดกับเขา
“ซินเทีย นั้นคือชื่อฉัน” มังกรตัวเล็กหันไปทางลำแสงนั้น “ได้เวลาแล้วถึงจะไม่ค่อยมีเวลาอธิบายแต่ฉันเชื่อในพลังของนายน่ะ คน ที่ ฉัน เลือก”
“เดียวก่อนซินเทีย” เสียงจากมังกรตัวเล็กหายไปทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมลำแสงได้พุ่งตรงมาทางอรัญอีกครั้ง “ด้วยนามแห่งข้าผู้อยู่ใต้แสงจันทร์อันสงบนิ่งขอเชื่อมคำสัญญานนับพันปีและปลดผนึกมัน”
“ฮาๆๆบ้าไปแล้วหรือไงท่องอะไรกลัวแพ้ล่ะซิฮาๆๆ”
“ซินเทีย ดราก้อน!! จงออกมา!!” อรัญตะโกนออกมาเมฆหมอกได้หายไปจากที่บดบังดวงจันทร์ที่เต็มดวง
แวบ!!
แสงจากดวงจันทร์สาดส่องมาทางมังกรตัวงน้อยของเขาแสงเลเชอร์นับสิบสลายไปทันที่เมื่อปะทะกับลำแสงจากดวงจันทร์เสียงดังสนั่นไปทั่ว ผุ้คนในสนามต่างบังแสงนั้น
อรัญซึ่งอยุ่ระยะประชิดกับลำแสงนั้นมองไปที่กลางแสงที่มังกรของเขาอยู่มันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นร่างของมังกรค่อยๆเปลี่ยนแปลงใหญ่ขึ้นทั้งนายเริ่มมองไปทางกลางแสงนั้นเป็นทางเดียวกันร่างของมังกรตัวเล็กค่อยขยายพร้อมกับเปลี่ยนแปลงรูปร่าง แสงจากดวงจันทร์หายไป ทั้งสนามถูกบดบังด้วยปีกอันใหญ่ของมังกรร่างยักษ์สีดำมีลายอักขระสีเหลืองอยู่ทั่วร่าง
“นี้มันอะไรกันเนี้ย” ชายผมทองลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับฉี่ราดออกมาเมื่อมังกรยักษ์มองด้วยลูดตาสีแดงมาทางหุ่นยักษ์ที่ตอนนี้ดูตัวเล็กไปทันที่
อรัญก็ตะลึงกับมังกรของตนเองเหมือนกันแสงเริ่มรวบรวมที่ปากของมังกรยักษ์เตรียมจะยิงไปทางหุ่นซึ่งยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวอันที่จริงหุ่นมันก้าวขาไม่ออกมากว่า
เปรี๊ยง!!
เพลิงสีเหลืองถูกยิงออกมาจากพุ่งใส่หุ่นยนต์ค่อยๆละลายง่ายๆเหมือนกลายเป็นน้ำทันที่เหมือนถูกลำแสงนั้นไม่แค่นั้น ลำแสงค่อยๆไล่ไปใกล้ชายผมทอง
“หยุดน่าาาาา” อรัญตะโกนออกไป มังกรตัวยักษ์สะบัดปากไปทางกำแพงเลเวล เมื่อปะทะกำกำแพงเลเวลกระเพืมเหมือนกับน้ำทันที
แพลง!!
กำแพงเลเวลแตกลงทันทีผู้คนต่างวิ่งหนีกันเอาเป็นเอาตายเหมือนกับมีสงครามกลางเมืองเกรฟและทุกคน พวกเขาวิ่งตานสายลมที่แรงเหมือนไต้ฝุ่นจนจะลอย
วิ่งไปใกล้อรัญที่สุด
“อรัญออกมาเร็ว!!” ทาทาตะโกนไปทางอรัญที่ยืนนิ่งอยู่เหมือนไม่ได้ยินที่ทาทาตะโกนเข้าไป
“รออยู่ตรงนี้น่ะ” เกรฟกระโดดลงไปในสนามต่อสู้คว้าตัวอรัญและเหมือนอรัญจะรู้สึกตัวทันที่
“เกรฟ นั้น เออ ผมไม่ได้ตั้งใจ” อรัญพูดไมได้ศัพท์เกรฟฉุดตัวอรัญออกมาข้างสนามและหยิบแส้จากข้างเอวตนเองฟาดไปที่ข้างบนก่อนที่เรย์และคัดช์จะดึงทั้งสองขึ้นไป
พรึบ!!
คนใต้ผ้าถคลุมสีแดงสองคนฟุ่งผ่านคัดช์และเรย์ทั้งสองคนนั้นลอยอยู่บนอากาศและลอยไปทางมังกรยักษ์ซึ่งดูแล้วไมได้มีแค่สองคนแต่มีมากกว่า 20 คนมาจากทั่วทิศทางจากสนามปะลอง และพวกเขาพึงรู้สึกตัวว่ามีอีกคนอยู่ด้านหลังพวกเขา
“หน่วยเรนเจอร์ ผนึก!!” ชายคนที่อยู่ด้านหลังนั้นมีผ้าคลุมมีตัว FM สีทองอยู่กลางหลังสั่งการออกไปคนประมาณ 5 คน ไปลอมตัวมังกรยักษ์ไว้ก่อนจะหยิบการ์ดออกมาคนละใบแสงถูกยิงจากการ์ดใบหนึ่งไปการ์ดอีกใบล้อมลอบตัวของมังกรยักษ์
“เบต้า และ แกรมม่า โจมตี!!” ชายคนเดิมสั่งอีกครั้งคนอีก 10 กว่าคนเรียกมอสเตอร์ออกมาจากการ์ดและมอสเตอร์พวกนั้นต่างโจมตีมังกรยักษ์เป็นทางเดียวกัน
“แอมฟา คุมครองคนที่เหลือในสนาม” ชายคนนั้นสั่งคนที่เหลือต่างลอยไปทางผู้คนในสนาม และมองมาทางพวกอรัญ “ว่าไงเกรฟเพื่อนแกเหรอไงคนที่เรียกไอ้ตัวยักษ์นั้นมาน่ะ”
“เออ ประมาณนั้น” เกรฟยักไหล่และมองมาทางอรัญ
“โห หน้าอย่างงี่มี แรร์การ์ดผิดกฎ ด้วยเหรอเนี้ย” อรัญงงเล็กน้อยกับคำว่าแรร์การ์ดผิดกฎ
“เป็นการ์ดที่ถูกแบน ห้ามให้ใช้ในการต่อสู้ไม่ว่าจะแข่งเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการน่ะ” เกรฟอธิบาย “แต่ว่าริซาดร์นายก็เห็นอยู่ว่าไอ้ตัวแบบนี้หายไปเมื่อผลิตมาชุดแรกแล้วนิ”
“เกิดมาฉันก็พึงเคยเห็นเนี้ยล่ะ ซินเทีย ดราก้อน มังกรที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามังกร” ริชาดร์เอ่ยขึ้นมา “ฉันต้องไปแล้วพวกนายรีบหนีไปก่อนเร็ว”
ริชาดร์ลอยตัวขึ้นและพุ่งไปทางมังกรยักษ์ซึ่งกำลังอาระวาดและสะบัดลำแสงที่มัดตัวอยู่จนขาดกระจาย
อรัญมองไปทางซินเทียมังกรของเขาและลุกขึ้นมาจากพื้นและกำแพงที่เขาผิงอยู่
“พอเถอะซินเทีน ฉันไม่ได้ต้องการชัยชนะ ไม่ต้องการฆ่าคนน่ะ ฉันแค่อยากเล่นการ์ด” มังกรหยุดอาระวาดกลุ่มคนผ้าคลุมแดงก็หยุดโจมตีใส่ มังกรยักษ์หันมาทางอรัญ
“ข้าแค่อยากคุยกับเจ้าให้มากกว่านี้เท่านั้นเอง” เสียงดังขึ้นทั่งๆที่ซินเทีย ดราก้อนไมได้ขยับปาก ก่อนที่ร่างของมังกรยักษ์จะค่อยๆหายไป...
เสียงประตูปิดลงพร้อมกับร่างของคนใต้ผ้าคลุมสีน้ำตาลเดินจากประตูนั้นในห้องทรงกลมสีขาวทั่วทุกที่มีอักขระสีส้มเป็นอักษรที่อ่านไม่ออกวิ่งไปมาไม่เป็นทิศเป็นทางและจากประตูเป็นทางเดินแคบๆประมาณคนเดินได้คนเดียวลักษณะเป็นกระจกแผ่นบางจนไปถึงกลางห้องจะเป็นแผ่นวงกลมและแล้วคนใต้ผ้าคลุมก็สะบัดผ้าคลุมที่รุ่งริ่งจนลอยและคนใต้ผ้าคลุมนั้นคือป้าอรดีนั้นเอง
ป้าอรดียืนนิ่งและมองไปด้านหน้ามีแป้นสีแดงลอยจากด้านหน้าตรงเข้ามาพอดีระดับเอวของป้าอรดีพอดี ป้าอรดีกดเหมือนพิมพ์อะไรสักอย่างก่อนจะมองไปข้างหน้าอีกที่ซึ่งปรากฏเป็นกระจกสีเหลี่ยมสามช่องและในนั้นก็ฉายภาพของคนสามคน
“ขอบคุณน่ะคุณอรดีที่มาตามที่เราขอ” ชายร่างกายกำยำผิวคล้ำซื้งอยู่ตรงกลางพูดขึ้น
“ฉันก็รู้สึกเป็นเกรียศอย่างมากที่สมาชิกสภาสูงแห่งเวทย์มนต์อย่าง ไอแซ้ค เรียกตัวดิฉันมา” ป้าอรดีมองไปทางสองกรอบซึ่งอยู่ด้านข้าง “ว่าแต่ทำไมนายขี้หลี เฮดเตอร์ กับนัง วิตอเลีย ถึงไปอยู่ข้างนายได้ล่ะ”
“ให้มันน้อยๆหน่อยอรดีไว้หน้ากับบ้างฉันเป็นสมาชิกสภาสูงแล้วน่ะ!!”วิตอเลียหญิงผมสั้นสีส้มตะโกนขึ้นมา และท่าทางหญิงคนนี้จะดูสาวพอๆกับป้าอรดี
“เหรอที่ฉันเห็นก็แค่คนแก่ใกล้ลงโลงเตรียมเผาเท่านั้นล่ะ”
“หน็อยยังกะอายุของฉันและเธอต่างกันนักแหละ” วิตอเลียพูดกับไปทำเอาป้าอรดีพงะ
“อย่าเอาเรื่องอายุมาพูดกันซิ” ป้าอรดีพูด
“ไงจ๊ะอรดีไงๆวันนี้ว่างไหมเราไปเด...”
ตูม!!
ป้าอรดีจระเข้พาดหางไปที่กระจกที่ฉายภาพของชายร่างผอมสูงผมสีดำยาวมัดรวบจนกระจกแตกระเอียดร่วงลงไปข้างล่าง
“เฮ้ๆฉันพูดยังไม่ทันจบเล...” เสียงพูดเดิมดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกระจกบานที่สองลอยออกมา
ตูม!!
กระจกแตกรอบสอง...
“เฮ้ยของทางราชการนะอย่ามาทำพังเหมือนของเล่นอย่างงี่ซิ” คลาวนี้กระจกบานใหม่มาแต่ดีหน่อยเพราะอันนี้ลอยอยู่ไกลจากรัศมีมือและเท้าของป้าอรดี
“ถ้านายไม่หยุดพูดนอกเรื่องอีกล่ะก็ฉันจะตามไปฆ่านายถึงที่เลยล่ะ” ป้าอรดีพูด “แล้วตกลงพวกนายเรียกฉันมาเพราะจะพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ใช่ไหมงั้นฉันไปละ”
ป้าอรดีเดินหันหลังไปเดินกลับไปจากทางเดินที่เข้ามาสีหน้าของคนทั้งสามดูผิดไปจากเมื่อตะกี้ทันที่เพราะสีหน้าของทั้งสามตอนนี้ดูไม่สู้ดีนัก
“เราได้ข่าวเกี้ยวกับกลุ่ม ราตรีสีขาว มานะ” ไอแซ้คกล่าวขึ้น ป้าอรดีหยุดชะงักและยืนนิ่งเมื่อได้ยินคำว่าราตรีสีขาว
“จริงเหรอ...” อรดีพูดขึ้นทังที่ไม่หันหน้าไปทางทั้งสาม
“อาจจะจริงน่ะ”
“ฉันไม่อยากได้คำตอบว่าน่าจะจริง ฉันอยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า!!” ป้าอรดีหันมาตวาดใส่ทำเอาทั้งสามไม่กล้าที่จะพูดต่ออาการของป้าอรดีตอนนี้เหมือนคนที่โกรธจัด
“ดูภาพนี้ซิ” วิตอเลียพูดขึ้นกรอบรูปเล็กๆวิ่งมาจากกรอบภาพของวิตอเลีย เป็นภาพชายผมยาวสีขาวร่างสูงใต้ผ้าคลุมสีขาวแทบจะสังเกตง่ายๆเมื่อชายคนนี้ยืนอยู่กลางฝุ่งชลและหันมาทางภาพถ่ายนี้
“พวกมันยังไม่หมดไปอีกเหรอเนี้ย” ป้าอรดีพูดขึ้นพร้อมกับดูภาพนั้นชัดๆอย่างไม่เชื่อสายตา
“สงครามเมื่อ 10 ปีก่อนมันยังไม่จบหรอกน่ะ” เฮดเตอร์พูดขึ้น “เรารู้ว่าสงครามเมื่อคราวก่อนเธอต้องสูญเสียอะไรบ้าง”
“ทำใจเถอะอรดีคนตายไม่มีวันฟื้นได้อีกน่ะ” ไอแช้คกล่าวปลอบอรดี
“ไม่หรอกลูกสาวฉันยังไม่ตาย” ป้าอรดีพูดขึ้นพร้อมกับดูรูปในจี้ห้อยคอของตนเองซึ่งเมื่อเปิดข้างในเป็นรูปของชายคนหนึ่งที่อุ้มเด็กสาวตัวเล็กๆซึ่งดูแล้วเด็กสาวคนนั้นอายุไม่ถึง5ขวบด้วยซ้ำ
“ลูกสาวเธอ...ที่เป็น ตัวควบคุม ...ซิน่ะ” วิตอเลียพูดอย่างช้าๆและมองดูป้าอรดี
“พลัง ตัวแปล และตัวควบคุมมหาอาวุธของสงครามเมื่อ 10 ปีก่อนที่นำชัยชนะมาสู่พวกเรา” ไอแช้คพูดขึ้น “เพราะสงครามนั้นเราถึงได้เสียตัวควบคุมไป”
“เด็กพวกนั้นไม่ใช่อาวุธหรอกและบอกแล้วไงว่าลูกสาวฉันยังไม่ตาย” ป้าอรดีพูดพร้อมกับสายตาที่มองไปทางอื่น ซึ่งทั้งสามคนก็มองป้าอรดีอย่างเห็นด้วย
“จะว่าไปพวกนายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าพวกนายได้รูปนี้มาจากไหน”
“ตลาดเซนทรี...”
~•~จินตมายา~•~
“เฮ้ยไอ้หนูอย่ามาล่อเล่นในสนามแข่งนะโว๊ย”
“ถ้าไม่อยากแข่งก็กลับไปซะ”
“ว้าวมังกรตัวนั้นน่ารักจัง”
“ช่ายน่าเอาไปกอดเนอะว่าม่ะ”
หลายเสียงดังขึ้นอรัญก็อยากแทรกแผ่นดินหรือหายตัวไปเลยถ้าเขาทำได้ในตอนนี้จะว่ายังไงดีล่ะไม่ทันเริ่มแข่งเขายังรู้ผลได้เลยสัตว์ที่เขาเรียกออกมาจากการ์ดจะเรียกว่ามังกรเต็มปากก็ไม่ได้ เพราะมันตัวเล็กประมาณเท่านกฮูกลำตัวสีดำของมันแทบจะไม่มีเกร็ดให้เห็นเลย
มิว~มิว~
มันร้องอย่างน่ารักขณะบินไปรอบๆตัวอรัญที่กุมขมับตัวเองอยู่ และกำลังตัดสินใจว่าจะสละสิทธิ์ดีไหมเพราะถ้าให้มังกรตัวเท่านี้สู้กับหุ่นยักษ์มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ
แก๊ง!!
“ยกที่ 1 เริ่มได้!!” ขณะที่เขากำลังจะยกมือสละสิทธิ์ระฆังก็ดังขึ้นพร้อมกับคำพูดของพิธีกรซึ่งหลบไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้
“ไม่เอาแมสตินขึ้นมาล่ะ” ชายผมทองซึ่งเป็นศตรูพูดขึ้น อรัญก็พึงจะรู้ตัวเอง เขาไม่มีแมสตินสักใบเดียว!!
“เออ เดียวก่อนครับ” อรัญพูดก่อนจะเดินเข้าไปกลางสนามเพื่อขอยอมแพ้
“ดูถูกกันอย่างงี่ต้องเจอนี้หน่อย” ชายผมทองไม่พูดพรำทำเพลงเขาปาการ์ดแมสตินไปทางหุ่นยักษ์ปืนสองกระบอกปรากฏที่แขนทั้งสองข้างของหุ่นยักษ์นั้น  “ยิง”
เปรี๊ยงงง!!
ลำแสงสีฟ้าจากปากกระบอกปืนทั้งสองพุ่งตรงไปทางพวกอรัญอย่างรวดเร็ว
ตูม!!
กลุ่มฝุ่นจากพื้นกระจายออกมาเต็มพื้นที่ครึ่งสนามเสียงเชีรย์ดังขึ้นเหมือนเกมส์จะจบพร้อมกับชายผมทองหัวเราะร่า
“เออ พะ...พ่นไฟ” เสียงดังขึ้นข้างตัวชายผมทอง
“เอ๋” ชายผมทองหันไปทางเสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนอรัญมาอยู่ข้างตัวชายคนนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับอุ้มมังกรตัวจิ๋วไว้แนบอก
ฟู่!!
มังกรตัวเล็กๆพ่นไฟใส่การ์ดแมสตินบนมือของชายผมทอง
“ร้อน ร้อนโว๊ย” ชายผมทองตะโกนลั่นทั้งสนามต่างตกใจไปตามๆกันไม่มีใครคาดคิดอันที่จริงไม่มีใครเคยทำเลยต่างหาก เผาการ์ดแมสตินศตรู!!
“ผมอ่านกฎมาแล้วแต่ไม่มีข้อไหนห้ามเผาการ์ดศตรูเลย” บางคนอาจสงสัยว่าอรัญอ่านกฏการเล่นการ์ดตอนไหนอันที่จริงเขาอ่านตั้งแต่ตอนเดินมาสมัครเล่นการ์ดซึ่งมีกฎการเล่นติดอยู่ที่ผนังระหว่างทางเดินแต่ใครล่ะที่จะอ่านกฎทั้ง 520 ข้อหมดระหว่างเดินยกเว้นอรัญคนนี้
“หน่อยแกเล่นเผาการ์ดของข้าเลยเหรอ แกตาย” หุ่นยักษ์ค่อยๆหันหลังมาทางอรัญและเตรียมที่จะยิงใส่อรัญอีกครั้ง
อรัญอุ่มมังกรตัวเล็กของเขาและวิ่งหนีแต่ปืนในมือของหุ่นยักษ์เล็งที่ตัวอรัญไม่ห่าง
“วิ่งเข้าๆๆฮ่าๆๆๆ เตรียมยิง”ชายผมทองหัวเราะอย่างน่าเกลียดแต่เหมือนชายคนนี้จะไม่ได้ทันสังเกตถึงวิถีการยิงของปืนในมือหุ่นยักษ์  “เฮ้ยเดียวๆอย่าพึงยิง”
เปรี๊ยงง!!
ลำแสงยิงไปทางอรัญแต่ไม่โดนตัวอรัญ ที่ลำแสงนั้นยิงโดนคือร่างของชายผมทองที่ยืนขว้างทางของปืนอยู่จนกระเด็นไปไกล
“เกือบแนะ” อรัญพูดพร้อมกับปาดเหงื่อของตนเองและมองไปที่มังกรตัวเล็กของตนเองซึ่งทำท่าเหมือนจะหลับ
“แกขี้โกง” ชายผมทองไม่มีท่าที่จะยอมแพ้ทั้งๆที่ตนเองเสื้อผ้าขาดรุ่งริง “นั้นเจอนี้หน่อย”
ชายผมทองล้วงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบการ์ดแมสตินขึ้นมาร 20 กว่าใบก่อนจะปาไปพร้อมกันที่หุ่นยักษ์ของตนเอง สารพัดอาวุธปรากฏขึ้นบนร่างของหุ่นยักษ์ซึ่งที่แน่ๆมันผิดกฎ!! ผู้คนในสนามต่างโหร้องอย่างไม่พอใจ
“ฮ่าๆๆๆ”เสีนงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังขึ้น สำแสงจากปากกระบอกปืนทั้ง10กว่ากระบอกเตรียมที่จะยิงไปทางอรัญ
เปรี๊ยง!!
ฟ้าว!!
ฟิว!!
ลำแสงสีสันต่างๆฟุ่งไปทางอรัญเป็นทางเดียวกันอรัญหลับตาไม่กล้ามองไปข้างหน้าเขาคิดถึงสภาพตนเองตอนที่โดนลำแสงพวกนั้นลงไปจอมกองเลือดกับพื้น
...
ทุกอย่างนิ่ง...และเงียบ...ทั้งเสียงของคนดู...และเสียงต่างๆได้หายไป...อรัญมองไปข้างหน้า ทุกอย่างหยุดนิ่ง แม้กระทั้งลำแสงที่เฉียวฉิวห่างจากตัวอรัญไม่เพียงกี่เมตรก็ถูกหยุด สิ่งที่เคลื่อนไหวในตอนนี้มีเพียงเขาและ...
“เจ้าอยากชนะใช่ไหม” มังกรตัวเล็กของเขาตอนนี้ได้ลอยอยู่ด้านหน้าเขาพร้อมกับแสงสีเหลืองปกคลุมร่างและดูเหมือนมันจะพูดกับเขา “ให้ตายซิฉันใช้เวลาหลายปีกว่าจะพูดกับนายได้และมาตกใจไม่พูดแบบนี้ก็แย่ซิ”
“นายเป็นใครน่ะ” อรัญมองไปที่มังกรตัวเล็กของเขาซึ่งไม่อยากจะเชื่อว่ามังกรตัวนี้พูดกับเขา
“ซินเทีย นั้นคือชื่อฉัน” มังกรตัวเล็กหันไปทางลำแสงนั้น “ได้เวลาแล้วถึงจะไม่ค่อยมีเวลาอธิบายแต่ฉันเชื่อในพลังของนายน่ะ คน ที่ ฉัน เลือก”
“เดียวก่อนซินเทีย” เสียงจากมังกรตัวเล็กหายไปทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมลำแสงได้พุ่งตรงมาทางอรัญอีกครั้ง “ด้วยนามแห่งข้าผู้อยู่ใต้แสงจันทร์อันสงบนิ่งขอเชื่อมคำสัญญานนับพันปีและปลดผนึกมัน”
“ฮาๆๆบ้าไปแล้วหรือไงท่องอะไรกลัวแพ้ล่ะซิฮาๆๆ”
“ซินเทีย ดราก้อน!! จงออกมา!!” อรัญตะโกนออกมาเมฆหมอกได้หายไปจากที่บดบังดวงจันทร์ที่เต็มดวง
แวบ!!
แสงจากดวงจันทร์สาดส่องมาทางมังกรตัวงน้อยของเขาแสงเลเชอร์นับสิบสลายไปทันที่เมื่อปะทะกับลำแสงจากดวงจันทร์เสียงดังสนั่นไปทั่ว ผุ้คนในสนามต่างบังแสงนั้น
อรัญซึ่งอยุ่ระยะประชิดกับลำแสงนั้นมองไปที่กลางแสงที่มังกรของเขาอยู่มันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นร่างของมังกรค่อยๆเปลี่ยนแปลงใหญ่ขึ้นทั้งนายเริ่มมองไปทางกลางแสงนั้นเป็นทางเดียวกันร่างของมังกรตัวเล็กค่อยขยายพร้อมกับเปลี่ยนแปลงรูปร่าง แสงจากดวงจันทร์หายไป ทั้งสนามถูกบดบังด้วยปีกอันใหญ่ของมังกรร่างยักษ์สีดำมีลายอักขระสีเหลืองอยู่ทั่วร่าง
“นี้มันอะไรกันเนี้ย” ชายผมทองลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับฉี่ราดออกมาเมื่อมังกรยักษ์มองด้วยลูดตาสีแดงมาทางหุ่นยักษ์ที่ตอนนี้ดูตัวเล็กไปทันที่
อรัญก็ตะลึงกับมังกรของตนเองเหมือนกันแสงเริ่มรวบรวมที่ปากของมังกรยักษ์เตรียมจะยิงไปทางหุ่นซึ่งยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวอันที่จริงหุ่นมันก้าวขาไม่ออกมากว่า
เปรี๊ยง!!
เพลิงสีเหลืองถูกยิงออกมาจากพุ่งใส่หุ่นยนต์ค่อยๆละลายง่ายๆเหมือนกลายเป็นน้ำทันที่เหมือนถูกลำแสงนั้นไม่แค่นั้น ลำแสงค่อยๆไล่ไปใกล้ชายผมทอง
“หยุดน่าาาาา” อรัญตะโกนออกไป มังกรตัวยักษ์สะบัดปากไปทางกำแพงเลเวล เมื่อปะทะกำกำแพงเลเวลกระเพืมเหมือนกับน้ำทันที
แพลง!!
กำแพงเลเวลแตกลงทันทีผู้คนต่างวิ่งหนีกันเอาเป็นเอาตายเหมือนกับมีสงครามกลางเมืองเกรฟและทุกคน พวกเขาวิ่งตานสายลมที่แรงเหมือนไต้ฝุ่นจนจะลอย
วิ่งไปใกล้อรัญที่สุด
“อรัญออกมาเร็ว!!” ทาทาตะโกนไปทางอรัญที่ยืนนิ่งอยู่เหมือนไม่ได้ยินที่ทาทาตะโกนเข้าไป
“รออยู่ตรงนี้น่ะ” เกรฟกระโดดลงไปในสนามต่อสู้คว้าตัวอรัญและเหมือนอรัญจะรู้สึกตัวทันที่
“เกรฟ นั้น เออ ผมไม่ได้ตั้งใจ” อรัญพูดไมได้ศัพท์เกรฟฉุดตัวอรัญออกมาข้างสนามและหยิบแส้จากข้างเอวตนเองฟาดไปที่ข้างบนก่อนที่เรย์และคัดช์จะดึงทั้งสองขึ้นไป
พรึบ!!
คนใต้ผ้าถคลุมสีแดงสองคนฟุ่งผ่านคัดช์และเรย์ทั้งสองคนนั้นลอยอยู่บนอากาศและลอยไปทางมังกรยักษ์ซึ่งดูแล้วไมได้มีแค่สองคนแต่มีมากกว่า 20 คนมาจากทั่วทิศทางจากสนามปะลอง และพวกเขาพึงรู้สึกตัวว่ามีอีกคนอยู่ด้านหลังพวกเขา
“หน่วยเรนเจอร์ ผนึก!!” ชายคนที่อยู่ด้านหลังนั้นมีผ้าคลุมมีตัว FM สีทองอยู่กลางหลังสั่งการออกไปคนประมาณ 5 คน ไปลอมตัวมังกรยักษ์ไว้ก่อนจะหยิบการ์ดออกมาคนละใบแสงถูกยิงจากการ์ดใบหนึ่งไปการ์ดอีกใบล้อมลอบตัวของมังกรยักษ์
“เบต้า และ แกรมม่า โจมตี!!” ชายคนเดิมสั่งอีกครั้งคนอีก 10 กว่าคนเรียกมอสเตอร์ออกมาจากการ์ดและมอสเตอร์พวกนั้นต่างโจมตีมังกรยักษ์เป็นทางเดียวกัน
“แอมฟา คุมครองคนที่เหลือในสนาม” ชายคนนั้นสั่งคนที่เหลือต่างลอยไปทางผู้คนในสนาม และมองมาทางพวกอรัญ “ว่าไงเกรฟเพื่อนแกเหรอไงคนที่เรียกไอ้ตัวยักษ์นั้นมาน่ะ”
“เออ ประมาณนั้น” เกรฟยักไหล่และมองมาทางอรัญ
“โห หน้าอย่างงี่มี แรร์การ์ดผิดกฎ ด้วยเหรอเนี้ย” อรัญงงเล็กน้อยกับคำว่าแรร์การ์ดผิดกฎ
“เป็นการ์ดที่ถูกแบน ห้ามให้ใช้ในการต่อสู้ไม่ว่าจะแข่งเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการน่ะ” เกรฟอธิบาย “แต่ว่าริซาดร์นายก็เห็นอยู่ว่าไอ้ตัวแบบนี้หายไปเมื่อผลิตมาชุดแรกแล้วนิ”
“เกิดมาฉันก็พึงเคยเห็นเนี้ยล่ะ ซินเทีย ดราก้อน มังกรที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามังกร” ริชาดร์เอ่ยขึ้นมา “ฉันต้องไปแล้วพวกนายรีบหนีไปก่อนเร็ว”
ริชาดร์ลอยตัวขึ้นและพุ่งไปทางมังกรยักษ์ซึ่งกำลังอาระวาดและสะบัดลำแสงที่มัดตัวอยู่จนขาดกระจาย
อรัญมองไปทางซินเทียมังกรของเขาและลุกขึ้นมาจากพื้นและกำแพงที่เขาผิงอยู่
“พอเถอะซินเทีน ฉันไม่ได้ต้องการชัยชนะ ไม่ต้องการฆ่าคนน่ะ ฉันแค่อยากเล่นการ์ด” มังกรหยุดอาระวาดกลุ่มคนผ้าคลุมแดงก็หยุดโจมตีใส่ มังกรยักษ์หันมาทางอรัญ
“ข้าแค่อยากคุยกับเจ้าให้มากกว่านี้เท่านั้นเอง” เสียงดังขึ้นทั่งๆที่ซินเทีย ดราก้อนไมได้ขยับปาก ก่อนที่ร่างของมังกรยักษ์จะค่อยๆหายไป...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น