ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จินตมายา มหัสจรรย์บทเพลงกายสิทธิ์ ตอน ราตรีสีขาว

    ลำดับตอนที่ #4 : เกมส์การ์ด Phantom Soldier

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 48


    “เฮ้!!”



    เสียงเชียร์ดังออกมาตั้งแต่อรัญยังเดินไม่ถึงข้างในจนในที่สุดพวกเขาก็หลุดพ้นจากทางเข้าที่กว้างขว้างแต่มันดูเล็กไปทันที่กับจำนวนคนที่เบียดเข้ามา ภายในสนามโคโลเซีมหลังจากที่อรัญเข้าไปมันเหมือนกับโคโลเซีมในกรีซจริงๆไม่ผิดแม้แต่ทางเข้าที่พวกเขาผ่านผมจนกระทั้งที่นั่งที่เป็นหินและทางออกภายในสนามที่เป็นประตูไม้ผิดอยู่ตรงเดี่ยวนั้นคือที่กลางสนามไม่ใช้คนต่อสู้กันล้างพลานเลือดสาด แต่กลับเป็นสัตว์รูปร่างประหลาดเข้าต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายโดนมีคนสั่งการอยู่ที่ใกล้ๆสัตว์ประหลาดพวกนั้น กว่าจะหาที่นั้งได้อรัญต้องไปเจอกับการเบียดเสียดข้างในไม่ต่างจากข้างนอกกับปริมาณคนที่มากมายเต็มสนามจนเกือบไม่มีที่นั่ง ผู้คนที่มากมายขนาดทำให้อรัญคิดว่านี้มันเป็นการแข่งฟุตบอลระดับประเทศหรือเปล่าประมาณบราซิลปะทะฝรั่งเศส ซึ่งที่นั้งของพวกเขาได้มันไม่ค่อยน่าพิรมเท่าไรเพราะพวกเขาได้แถวหลังสุดที่ทั้งสูงและมองเห็นคนสั่งการมอสเตอร์บนสนามต่อสู้ตัวเท่ามดเท่านั้นเอง



    “นี้มันอะไรเหรอครับ” อรัญถามและชี้ไปทางบนสนามต่อสู้ที่ดูเหมือนจะรู้ผลการต่อสู้กันแล้ว



    “เกมส์การ์ดแฟนท่อมโซลเยอร์ไง” เกรฟพูดทำให้อรัญเพ่งมองบนสนามกับการหาการ์ดซึ่งเท่าที่ดูแล้วไม่มีการ์ดอะไรซักใบบนสนามเลย ทันใดนั้นมีสิ่งที่ทำให้อรัญเข้าใจได้ทันที่ว่าทำไมมันเป็นเกมส์การ์ดอย่างไร



    มอสเตอร์ที่ชนะและแพ้บนสนามกลับหายไปทันที่เมื่อประกาศผลแพ้ชนะออกมามันไม่ได้หายไปไหนแต่ว่ามันกลับไปเป็นการ์ดทันที่รูปร่างการ์ดที่อรัญเห็นทำให้เขารู้สึกคุ้นมากๆ ก่อนหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาและล่วงบางสิ่งออกมาจากประเป๋านั้น



    “อรัญไหนบอกไม่รู้จักไง นั้นการ์ดแฟนท่อมโซลเยอร์ไม่ใช่เหรอ” เกรฟพูดขึ้นทำให้ทาทา ลูและเรย์มองไปทางมืออรัญที่ถือการ์ดตรงด้านหลังของการ์ดเป็นสีฟ้าเข้มตรงกลางเป็นภาพหลุมดำหมุนวนอยู่ตลอดเวลาและที่ตรงกลางหลุมดำนั้นที่เขียนว่าPhantom Soldier



    “ไม่รู้ซิครับ ผมได้มาจากพ่อกับแม่เป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุ 10 ปีน่ะครับ” อรัญพูดพร่างพลิกหน้าการ์ดมาเพื่อดูรูปบนการ์ดนั้นทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากเพราะรูปหน้าการ์ดของเขาเป็นสีดำสนิดไม่เห็นรูปเป็นร่างอะไรซักอย่าง จะมีให้เห็นก็คือบางอย่างที่เป็นครึ่งวงกลมสีเหลืองเล็กๆอยู่แถบบนของกรอบรูปสีทอง



    “แปลกจังจำได้ว่าไม่เคยมีการ์ดนี้ผลิตออกมาเลยนี้น่า” เกรฟพูด และมองดูการ์ดของอรัญอย่างสนใจ “แรร์การ์ดซะด้วย”



    “ดูยังไงเหรอครับ ว่าเป็นแรร์การ์ด” อรัญถามเกรฟพร้อมสำรวจการ์ดตนเองซึ่งไม่มีตรงไหนบอกเลยว่าเป็นแรร์การ์ด ทำให้เกรฟล้วงการ์ดของเขาออกมา 3 ใบมาจากกระเป๋าขากางเกงที่เป็นช่องพอใส่การ์ดได้พอดี และส่งการ์ดให้อรัญดู ภาพบนการ์ดพวกนี้ขยับได้ราวกับมีชีวิตในกรอบพวกนี้จริงๆ



    “ดูที่กรอบของรูปภาพซิ” อรัญมองขอบการ์ดพวกนั้นซึ่งเกือบทุกอย่างแทบจะเหมือนกันทั้งด้านหลังทั้งเลเวลที่อยู่มุมการ์ดแต่สิ่งที่ต่างกันคือสีของกรอบรูปซึ่งมีทั้ง สีขาว สีเขียว และสีทองเหมือนกับกรอบการ์ดของเขา



    “ดูง่ายๆเลยน่ะกรอบสีขาวนั้นคือ normal สามารถหาได้ทั่วไปตามซองการ์ดต่างๆ ส่วนสีเขียวนั้นคือ advance อันนี้ต้องมีเงินหน่อยน่ะถึงจะซื้อได้ แต่สีทองเนี้ยซิมีปัญหาหน่อย” เกรฟหยุดพูดทำให้อรัญมีความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที่ จนเกือบอดใจไม่ไหวที่จะให้เกรฟพูดถึงกรอบการ์ดสีทอง “กรอบการ์ดสีทองเนี้ยเค้าจะเรียกว่า excellence ซึ่งเป็นการ์ดที่ไม่มีขายและทุกใบจะถูกผลิตมาแค่อันเดียวเท่านั้น วิธีเดียวที่จะได้การ์ดประเภทมามีแค่อย่างเดี่ยวนั้นคือต้องเป็นผู้ชนะในระดับสูงๆเท่านั้นที่จะได้ครอบครองมัน”



    คำพูดของเกรฟทำเอาอรัญถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง อรัญเริ่มย้อนภาพไปอดีตตอนที่เขาได้การ์ดใบนี้มาจากมือของพ่อเขาในวันเกิดตอนอายุ 10 ปี เขาจำได้ว่ามันมาในกล่องสีแดงสดที่เหมือนกล่องใส่เครื่องประดับราคาดี แต่ไม่รู้ทำไมเค้าเริ่มจำได้นิดๆว่าตอนที่ได้มาเขาเปิดกล่องนั้นไม่ได้ จึงเอาไปจุ่มน้ำไม่พอแค่นั้นเขายังเอาไปเผาไฟเล่นจนในที่สุดก็เปิดได้ด้วยการไปร้องของแม่ให้เปิดให้



    “นั้นเกรฟก็...” อรัญพูดขึ้นพร้อมดึงการ์ดที่เป็นกรอบสีทองขึ้นมา เกรฟรีบเก็บการ์ดของตัวเองจากมือของอรัญและทำไม่เป็นสนใจพร้อมกับมองไปที่สนามซึ่งการต่อสู้ของคู่ต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้น



    “เฮ้!!”



    เสียงเชียร์ของผู้คนดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ประตูของทั้งสองด้านสนามเปิดขึ้นพร้อมกับการปรากฏร่างผู้ที่ต่อสู้ในรอบนี้



    “นั้นคัดช์!! นี้น่า” อรัญพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่คัดช์ที่อยู่กลางสนามถึงจะอยู่ไกลจนเห็นตัวเล็กจนขนาดเท่ามดแต่เขาก็จำได้ “ทำไมคัดช์เขาลงแข่งด้วยน่ะครับ”



    “มันต้องลงแข่งอยู่แล้วล่ะ เพราะมันเป็นแชมป์ 12 ครั้งซ้อนนี้น่า” เกรฟพูดพร่างยิ้มระรื่น “แต่ก็จบลงแค่การแข่งเมื่อครั้งก่อนล่ะนะ”



    “หมายความว่าไงนะครับ” อรัญถามด้วยความสงสัยแต่ทุกคนไม่ได้ตอบเขาได้แต่มองไปทางสนามประลอง และอรัญพึงสังเกตได้ว่าเรย์ได้หายตัวไปแล้ว ซึ่งอรัญมองไปทั่วบริเวณก็ไม่เจอเรย์แม้แต่ผ่านสายตา



    “เฮ้!!”



    เมื่อคัดช์ก้าวออกมาจากด้านของตนเองประตูได้ปิดสนิดลงเหลือแต่อีกด้านที่ประตูยังเปิดอยู่ แต่เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อคู่ต่อสู้ของคัดช์ก้าวออกมาจากประตู คนที่ก้าวออกมานั้นคือเรย์นั้นเอง!!



    “เรย์มันล้มคัดช์ได้เมื่อครั้งก่อนน่ะ อันที่จริงก็เสมอน่ะ” เกรฟพูด ในขณะที่เรย์เดินมาด้วยความนิ่งมาจนถึงตรงกลางของลานต่อสู้ แต่ทว่าผู้คนไม่นิ่งเงียบด้วยแต่กลับส่งเสียงเชียร์ด้วยความบ้าคลั่ง อรัญมองไปที่นั้งตรงข้ามสังเกตเห็นกลุ่มสาวๆหน้าตาสวยและน่ารักหลายคนที่ช่วยกันกางแผ่นผ้ายักษ์ที่มีตัวอักษรเขียนว่า ‘I Miss You Ray’



    “เออ นั้นอะไรเหรอครับ” อรัญชี้ไปที่กลุ่มคนกลุ่มนั้นซึ่งเริ่มมีสาวๆมาช่วยกันถือแผ่นผ้านั้นเยอะขึ้นๆเรื่อยๆ



    “พวกแฟนคลับเรย์น่ะ” ลูตอบทันที่ “คัดช์ก็มีแฟนคลับเหมือนกันน้า ดูไปทางนั้นซิ”



    อรัญมองไปทางที่ลูชี้ไปซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกลุ่มแฟนคลับของเรย์มากนัก เขาเห็นกลุ่มคนที่เป็นแฟนคลับของคัดช์แต่เขารู้สึกแปลกๆกับแฟนคลับกลุ่มนั้นที่กำลังถือแผ่นผ้ายักษ์นั้นอยู่ บนแผ่นผ้านั้นมีคำว่า \'I Want Eat You Cut\' ยิ่งทำให้อรัญทวีความสงสัยขึ้นเป็นเท่าตัว



    “ขอโทษน่ะครับขอยืมกล้องส่องทางไกลหน่อยได้ไหมครับ” อรัญออกปากขอยืมคนข้างๆที่กำลังใช้กล่องส่องไปทางสนามต่อสู้ซึ่งคนที่นั้งข้างเขาก็ให้ยืมแต่โดยดี ซึ่งนี้เป็นครั้งแรกที่อรัญออกปากขอยืมของคนอื่น ด้วยเหตุง่ายๆเพราะความติดใจกับกลุ่มคนกลุ่มนั้น



    อรัญมองผ่านกล้องส่องทางไกลทำให้เขาตัวค้างพร้อมกับสีหน้าที่ตกใจสุดขีดก่อนจะทำกล้องส่องทางไกลร่วงลงพื้น แต่โชคดีที่คนที่ให้ยืมเข้ามารับทันก่อนที่มันจะถึงพื้น



    “กลุ่มกระเทยทั้งหมด!! นั้นมันอะไรเหรอครับ” อรัญถามลูที่ยิ้มระรื่นและหัวเราะเล็กน้อยกับอาการของอรัญ



    “นั้นล่ะแฟนคลับของคัดช์เขา” ลูพูดและชี้ไปที่กลางสนาม “นั้นจะเริ่มแล้วล่ะ”



    “เอาล่ะคร้าบ เชิญแชมป์และอดีตแชมป์เลือกการ์ดที่จะใช้เลยครับ” พิธีกรร่างอ้วนพูดทำให้คัดช์ดูอารมณ์เสียทันที่และเดินตรงไปคว้าไมค์ของพิธีกรคนนั้นทันที่



    “คราวก่อนเสมอเฟ้ยใคร เถียงพ่อเป่าดิ้นเลย” คัดช์ตะโกนใส่ไมค์ทำให้คนทั้งสนามปิดหูแทบไม่ทันรวมถึงพิธีกรที่โดนแย่งไมค์ด้วย หลังจากพูดจบคัดช์ก็โยนไมค์คืนให้พิธีกร กลุ่มแฟนคลับของคัดช์ร้องวิ๊ดวาดทันที่ที่คัดช์พูดจบ



    ทั้งคู่หยิบการ์ดมาถือในมือคนละ 5 ใบพิธีกรร่างอ้วนรีบวิ่งหนีไปหลบอยู่ไกลสองคนนั้นให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ ก่อนหยิบค้อนอันใหญ่เริ่มตีไปที่ระฆังสีทองเพื่อเป็นการเปิดเกมส์



    พาง!!



    เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วทั้งสนามคัดช์เริ่มลงมือก่อนโดยการปาการ์ดไปข้างบนจนเกิดหลุมอากาศสีดำทำให้มีลมกันโชกที่แรงผิดปกติกลางสนามพร้อมกับเสียงเหมือนฟ้าร้องและเกิดไฟฟ้าแล่นผ่านไปมาบนหลุมสีดำนั้น ต่อมามีบางสิ่งพุ่งจากบนฟ้าผ่านหลุมสีดำนั้นลงมากลางสนามจนพื้นสนามเต็มไปด้วยฝุ่นคละคลุงเต็มไปหมด เมื่อฝุ่นที่ล่องลอยหายไปทำให้เห็นร่างอันใหญ่ยักษ์ของสิ่งที่คัดช์เรียกมา



    อีริก!!



    ทุกคนในสนามต่างตะโกนเป็นเสียงเดี่ยวกัน ทุกคนต่างตะลึงกับสัตว์ที่คัดช์เรียกออกมาเมื่อร่างของนกยักษ์ที่เต็มไปด้วยไฟฟ้าสีฟ้าวิ่งผ่านไปมาทั่วร่างที่เป็นสีขาวนวลพร้อมกับหางที่เหมือนหางนกยูงสีทอง มันสะบัดปีกสีขาวของมันออกไฟฟ้าพุ่งจากปลายปีกของมันไปบนฟ้าเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของตัวมันเอง



    “รอบนี้ฉันของชัยชนะไปล่ะกันน่ะเรย์” คัดช์พูดไปทางเรย์



    เรย์นิ่งสงบและไม่แสดงอาการอะไรทังสิ้นเหมือนเขาไม่กลัวนกยักษ์ที่มีไฟฟ้าวิ่งรอบตัวแม้แต่นิดเดียว ก่อนจะหยิบการ์ดของตนเองขว้างไปที่ข้างหน้าตนเองการ์ดใบนั้นลอยไปอย่างช้าๆก่อนจะร่วงสู่พื้น ทันใดนั้นบริเวณพื้นที่การ์ดนั้นร่วงลงไปเริ่มสันไหวอันที่จริงมันเริ่มสันทั้งสนามจนอรัญต้องรีบหาอะไรยึดไว้ก่อนที่ตัวเองจะร่วงไปข้างหน้าไม่ต่างจากทุกคนที่เป็นคนดูที่หาที่จับเหมือนเขา ภายในพื้นสนามเริ่มแตกออกเหมือนแผนดินไหวจริงๆก่อนที่จะมีลาวาสีแดงเข้มไหลออกมาจากร่อยแยกนั้น มือของบางสิ่งออกมาจากลาวานั้นและเหมือนพยายามดันตัวเองขึ้นมาจากใต้พื้นดินนั้น



    อิดฟรีส!!



    หลังจากแผนดินหายสั่นไหวทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นปกติเสียงผู้คนเรียกชื่ออย่างตกใจกับสิ่งที่เรย์เรียกออกมาไม่แพ้คัดช์ สัตว์ยักษ์ที่เรย์เรียกออกมามันมีไฟลุกทั่วตัวรูปร่างมันเหมือนกับกระทิงที่มีเขายาวเหยียดผสมกับสิงโตต่างก็แค่ตรงแผงคอที่น่าจะเป็นเส้นขนมันกลับเป็นไฟเพลิงสีแดงที่สว่างไสวที่ลุกไหม้ตลอดเวลา



    “เป็นไงอรัญจับตาดูพวกโปรให้ดีล่ะ” เกรฟพูดแต่อรัญเหมือนไม่ได้ฟังเกรฟ เขาได้แต่มองอย่างตื่นเต้นไปที่สัตว์ที่ทั้งสองคนนั้นเรียกออกมา



    “และจะสู้กันยังไงล่ะครับ” อรัญถามไปทางเกรฟที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจอรัญบ้าง(แกเล่นไม่ฟังตูก่อนนี้หว่า)



    “นี้จ๊ะเดี่ยวฉันอธิบายให้ฟัง” ทาทาพูดขึ้นและหยิบการ์ดของตนเองขึ้นมาแต่คราวนี้มันไม่เหมือนเดิม ถึงรูปร่างด้านหลังการ์ดจะเป็นเหมือนกันคือมีหลุมสีดำที่หมุนวนและคำว่า Phantom Soldier อยู่ตรงกลาง แต่สีของด้านหลังการ์ดกลับเป็นสีแดงต่างจากการ์ดสีฟ้าของเขา “เกมส์จะตัดสินกันที่มอสเตอร์กับสิ่งนี้ล่ะ”



    “อะไรครับเนี้ย” อรัญรับการ์ดของทาทามาซึ่งการ์ดพวกนี้มันจะแต่ต่างไม่ใช้แค่สีด้านหลังแต่ว่าการ์ดพวกนี้กับมีกรอบเพียงสองสีนั้นคือสีดำและสีขาว



    “การ์ดของเธอที่เป็นสีฟ้าน่ะจะเรียกว่า ซีน เป็นพวกมอสเตอร์ที่จะใช้ในการต่อสู้ ส่วนการ์ดสีแดงนี้จะเรียกว่า แมสติน เป็นการ์ดเวทย์มนต์ ส่วนแมสตินกรอบสีขาวเนี้ยให้เข้าใจง่ายๆก็ประมาณไอเท็มสวมใส่ให้มอสเตอร์นะจ๊ะ ทำให้เกิดผลต่างๆเช่นเพิ่มพลัง เสริมอาวุธ แต่ทว่าแมสตินที่เป็นกรอบสีดำเนี้ยจะใช้กับฝ้ายศตรูให้เกิดผลต่างๆเช่นหยุดชงัก เคลื่องที่ช้าลง หรือตาบอดประมาณเนี้ยล่ะ” อรัญผงกหัวทำท่าเข้าใจรับกับคำอธิบายง่ายๆของทาทา “การต่อสู้ก็ง่ายๆ ในตอนแรกเนี้ยแต่ละฝ้ายจะเรียกซีนออกมาต่อสู้ในสนามโดยสามารถเรียกออกมาได้กี่ตัวก็ได้จาก 5 ใบบนมือเท่านั้นและบนมือจะมีแมสตินได้เท่าที่เหลือ ที่จำกัดบนมือให้เหลือ 5 ใบ เพราะไม่ใช่อะไรหรอกเมื่อก่อนไม่มีกำหนดจำนวนการ์ด เล่นเอาการต่อสู้รอบหนึ่งกินเวลาไปครึ่งวันทีเดียวเลย”



    อรัญฟังที่ทาทาอธิบายทำให้รู้สึกว่าเกมส์การ์ดนี้เล่นง่ายกว่าที่คิดถ้าลงมอสเตอร์ 2 ตัวการ์ดช่วยเหลือจะเหลือ 3 ใบ ลงใบเดี่ยวการ์ดช่วยเหลืออยู่ถึง 4 ใบนั้นเอง ทว่าพวกเขาเริ่มสังเกตุว่าบนสนามเริ่มมีการเคลื่อนไหวโดยฝ้ายที่เริ่มก่อนนั้นคือ คัดช์...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×