ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กฏในการสอบและเพื่อนใหม่
ตอนนี้อรัญกำลังเดินตามป้าอรดีไปตามทางระเบียงยาวมีด้านหนึ่งเป็นประจกแทนกำแพงทำให้เห็นภาพข้างนอกที่เป็นธรรมชาติได้อย่างชัดเจนอีกด้านหนึ่งที่ติดกำแพงเป็นที่ประดับไปด้วยของแปลกๆถ้าจำไม่ผิดมากนักมันจะเป็นของที่มีชิ้นเดียวในโลกโดยเสียส่วนใหญ่ซึ่งพวกมันน่าจะอยู่ในหอศิลป์แห่งชาติแต่มันกลับมาอยู่ในที่แบบนี้มากมาย
“คุณป้าอรดีครับของพวกนี้ของปลอมเหรอครับ” อรัญถามไปงั้นๆเพราะไม่รู้จะหยิบเรื่องอะไรมาพูดทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าไม่น่าจะเป็นของจริงได้
“อย่าเอาของพวกนี้ไปเทียบกับของปลอมๆในหอศิลป์แห่งชาติซิ” ป้าอรดีตอบ น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนพูดจริงทำให้อรดีแทบกลืนน้ำลายเพราะเมื่อตะกี้เขาใช้หลังมือไปเคาะรูปปั้นวีนัสและบังเอิญมีเศษปูนหลุดออกมาเท่าขี้เล็บตอนที่ป้าอรดีไม่เห็น
สิ่งที่ทำให้อรัญสงสัยตอนนี้คือป้าอรดีมันต่างจากที่เขาคิดแบบตรงกันข้ามเพราะเธอเหมือนวัยรุ่นมากกว่าจะเป็นป้าเพราะคำว่าป้าน่าจะใช้กับคนที่แก่กว่าพ่อกับแม่แต่ดูรวมๆแล้วเหมือนจะเป็นเพื่อนของพ่อกับแม่มากกว่าจะเป็นรุ่นพี่
“เออ เราจะไปกันไหนเหรอครับ” อรัญถามป้าอรดี ก่อนที่ทั้งคู่จะมาหยุดตรงประตูสีเขียวมรกตเป็นประกายสะท้อนแสงเหมือนเพชร
“หาห้องพักให้เธอไง” ป้าอรดีตอบพร้อมผลักประตูสีเขียวนั้นออก
ภายในห้องหลังประตูนั้นเป็นเหมือนห้องโถงใหญ่กลางห้องประดับด้วยคริซตันก้อนใหญ่รูปร่างสามเหลี่ยมใสส่องแสงสีขาวจากตรงกลางจนสว่างไปทั่วห้องพื้นห้องนั้นมีพรมสีแดงปูทั่วทุกตารางนิ้วรอบๆห้องมีประตูหลากหลายบานซึ่งดูแล้วมันน่าจะเกินกว่า 50 บาน แต่ละบานมีเลขบนแผ่นป้ายสีทองติดที่ประตูต่างกันไปแต่มีประตูที่แปลกกว่าอันอื่นอยู่ 4 บานคือประตูสีฟ้า สีแดง สีขาวและสีเขียวซึ่งเป็นประตูที่เขาพึงเข้ามา
“เลือกห้องได้ตามใจเลยนะเสร็จแล้วตามมาที่ห้องรวมด้วยล่ะ” ป้าอรดีพูดแต่เหมือนอรัญกำลังเพลินกับการนับประตูรอบๆห้องจนไม่ได้สนใจฟังที่ป้าอรดีพูดเท่าไรนัก
“อ๊ะ ขอบคุณครับเดียวผมตามไปครับ” อรัญตอบหลังจากได้สติ ป้าอรดีเดินออกไปทางประตูสีแดงซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประตูสีเขียว
“อันไหนดีน่ะ” อรัญมองประตูหลากหลายบานเขาเดินดุมๆไปประตูที่ใกล้ที่สุดก่อนจะบิดลูกบิดประตูแต่ประตูเปิดไม่ได้ “ล๊อคอยู่เหรอ”
ในช่วงแรกๆอรัญไม่ค่อยสนใจเท่าไรกับประตูบานแรกที่ล๊อกแต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาต้องเริ่มสนใจแล้ว เพราะประตู 50 กว่าบานนั้นเท่าที่นับได้อรัญเปิดไปแล้ว 40 บาน เขาเหนื่อยหอบอยู่กับพื้นกับการไล่เปิดประตูที่ล๊อกอยู่พวกนี้ก่อนจะลุกขึ้นมาเปิดประตูอีกบานตรงหน้าเขา
แกร๊ก!!
เสียงประตูบานที่ 41 ของอรัญเป็นประตูที่มีเสียงดังไพเราะที่สุดเพราะมันเป็นเสียงของประตูที่เปิดออกได้ อรัญเข้าไปในห้องที่มือจนมองไม่เห็นก่อนจะปิดประตูและคลำหาสวิดไฟที่คาดว่าจะอยู่ใกล้ๆประตู
แก็ก!!
เสียงสวิดไฟดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟสีขาวจากบนเพดาทำให้เห็นภาพภายในห้องนั้นเป็นเหมือนโรงแรมชั้นหนึ่งประดับตกแต่งไปด้วยเตียงใหญ่ประมาณสองคนนอนที่ปลายเตียงมีทีวีจอแบนติดอยู่ที่กำแพงขนาดที่ดูแล้วใหญ่เป็นสองเท่าของที่บ้านเขาซะอีกบนพื้นเหมือนจะปูพรมเนื้อดีจนอรัญรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนปุยเมฆของทั้งหมดในห้องที่ดูเรียกรวมๆแล้วเฉียดค่อนล้านเลยก็ว่าได้และถ้าห้องที่เขาเปิดไม่ได้แต่ประดับตกแต่งแบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ไม่ต้องพูดถึงเลยที่ว่าจะต้องมีกำลังทรัพย์มหาศาลที่จะทำให้ห้องทุกห้องเป็นระดับโรงแรมสุดหรูแบบนี้ได้
อรัญล้มตัวลงนอนบนเตียงถอนหายใจยาวและก็คิดไปอีกว่าทำไมป้าอรดีบอกให้เขาเลือกห้องได้ตามใจชอบด้วยในเมื่อมันเปิดได้เพียงไม่กี่ห้องเท่านั้นเอง หลังจากที่อรัญพักบนเสียไม่เพียงกี่นาทีเขาก็รีบเดินออกจากห้องเพื่อจะไปที่ห้องรวมตามคำบอกของป้าอรดีโดยไม่ลืมจำเลขที่ห้องของตัวเองไว้
“ห้องที่ 13 ...”อรัญพยายามละสายตาเพราะเหมือนจะมีคราบเลือกเล็กๆติดที่ประตูและสันนิฐานได้ว่าห้องนี้ต้องเคยมีคนตายไปแล้วอย่างน้อยก็สองคนขึ้นไป เขาไม่หันกลับไปมองเลขที่ห้องของตัวเองเป็นครั้งที่สองและรีบเดินไปที่ประตูสีแดงที่ป้าอรดีเข้าไปเมื่อกี้
หลังประตูบานสีแดงสะท้อนประกายนั้นเป็นอีกห้องหนึ่งซึ่งเหมือนจะห้องเล็กเชอร์ของพวกเด็กในมหาวิทยาลัยมีทางบันไดลาดลงไปข้างหน้าดูแล้วตรงที่อรัญยืนอยู่จะเป็นด้านหลังสุดของห้องมีโต๊ะสีไม้เนื้ออ่อนวางเรียงกันเป็นแถวๆมากกว่า 15 แถวพร้อมกับเก้าอี้ที่อรัญจำได้ว่ามันรูปร่างคล้ายเก้าอี้โต๊ะอาหารในพระราชวังที่เบาะนั่งและที่ผิงหลังเป็นสีแดงติดกับตัวเก้าอี้สีดำที่แกะสลักออกมาได้จนเวอร์เกินเหตุ อรัญเห็นด้านหน้าสุดของห้องคือป้าอรดีกำลังยืนอยู่ที่โต๊ะตัวสีขาวสั้นๆและกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่กับคน 5 คนที่นั้งอยู่แถวหน้าสุด
อรัญค่อยๆเดินไปอย่าช้าๆพลางมองดูเก้าอี้ที่ละแถวที่ไม่มีคนนั่งอยู่เลยทำให้สงสัยว่าผู้คนหายไปไหนหมด แต่สงสัยได้ไม่นานอรัญก็มาถึงที่โต๊ะแถวหน้าสุด
“อรัญเป็นธรรมเนียนนะ แนะนำตัวหน่อยซิ” ป้าอรดีพูด ขณะที่อรัญกำลังจะหย่อยก้นบนเก้าอี้ ไม่ทันได้นั่งตอนนี้เขาต้องเดิมมาหน้าชั้นเรียนซึ่งทำให้เขาเหงื่อแตกซีดเพราะสายตาของคน 6 คน(รวมป้าอรดีด้วย)กำลังมองมาที่เขาเป็นตาเดี่ยวจนนขยับแทบไม่ได้ ถ้าเขาเป็นนักมายากลสายตาที่กำลังมองเขาตอนนี้เหมือนสายตาจับผิดกลของเขาอย่างละเอียดยิบ
“เออผมชื่อ อรัญ แสงอรุณ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” สิ้นประโยคอาการทั้ง 5 คนดูเหมือนกับอาการโล่งอกทั้งๆที่เขาน่าจะหนักอกมากกว่าคนที่นั่งฟังซะอีกแต่เหมือนจะสังเกตคนผมสีแดงยาวที่ยิ้มและหัวเราะไปทางคนผมสีดำซึ่งหน้าซีดอยู่
“เอาละ ไปนั่งที่ได้แล้ว” ป้าอรดีชี้ไปที่นั่งข้างเด็กสาวผมสีทองยาวดูเรียบร้อยที่กำลังยิ้มมาให้อรัญอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีจ๊ะอรัญฉัน ทาทา วารุณี ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เด็กสาวทักทายอย่างเป็นกันเองทันที่หลังจากอรัญไปนั่งข้างเธอ
“ยะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” อรัญทักทายกลับไปแบบติดๆขัดๆ เพราดูใกล้ๆแล้วทาทาจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่เดี่ยวหน้าตาเรียวเล็กรับเข้ากับตาสีเขียวและผมสีทองของเธอทำให้เธอดูเด่นได้แม้อยู่ไกลๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคนสวยผม เกรฟ เบลมอสล์ มุขที่พูดครับแบบผู้ชายใช้ได้เลยนิน่า สนใจไปกินข้าวกับผมไหม” ชายผมสีแดงเข้ารับกับดวงตาสีเดี่ยวกันปล่อยปมที่แดงนั้นยาวจนถึงบ่าและที่สำคัญดูหน้าตาแล้วท่าทางขี้หลีสุดๆที่นั่งถัดจากทาทาเข้ามาทักทายและทำท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ “พอดีฉันพึงชนะพนันกับเจ้าคัดช์มานะ”
“เออ ก็ผมเป็นผู้ชายนิครับ” อรัญพยายามตอบแบบเรียบๆเพื่อไม่ให้เกรฟที่เข้าใจผิดคนนี้ผิดหวัง
แต่มันกลับตรงกันข้ามคำพูดของอรัญมันทำให้เกรฟตะลึงหน้าซีดและตัวแข็งเป็นหินซึ่งอาการแบบนี้จะพบกับคนที่ตกใจสุดขีดเมื่อพบกับสิ่งที่แปลกที่สุดในโลกเท่านั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า  เกรฟแกแพ้แล้วอย่าลืมล่ะเงินนะค่อยๆจ่ายก็ด้ายไม่ต้องรีบ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะตามด้วยประโยคคำพูดแบบเยาะเย้ยดังมาจากคนที่นั่งถัดไปจากเกรฟก่อนจะผลักหัวของเกรฟจนเห็นหน้าของเจ้าของเสียง หน้าเจ้าของเสียงเมื่อกี้เป็นชายผมสีดำยาวถึงต้นคอหน้าตาดูดีมีสกุลเหมือนพวกนายแบบบนหน้าปกนิติสารแต่ถ้าจะมีอะไรดุกวนๆบนใบหน้าเขาคงจะเป็นแว่นทรงกลมที่ขาแว่นสีเหลืองเป็นรูปยักเหมือนฟันปลา
“สวัสดีครับผม คัดช์ กรีฟฟอน ผมเตือนไว้อย่างน่า อย่าไปกับเจ้านี้เลยมันเป็นพวกไส้แห้งเอาเงินไปเลี้ยงผู้หญิงหมดระวังจะไม่มีเงินค่ารถกลับบ้านล่ะ” คัดช์พูดแนะนำอย่างอารมณ์ดี
“นี้ทำอะไรกับเกรฟของฉันย่ะห๋าอิตาคัดช์” เสียงสูงปริ๊ดผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากโต๊ะด้านหลังเสียงนั้นมาพร้อมกับมือข้างหนึ่งมาจากด้านบนตรงมาที่หูของคัดช์ก่อนที่จะดึงสุดแรง
“โอ๊ย ลู อย่าดึงหูเจ็บ เจ็บ”คัดช์ร้องอย่างเจ็บปวด อรัญมองตามมือข้างที่ยื่นมาเห็นร่างของสาวผมสั้นสีส้มแต่งตัวเปรี้ยวๆสุดเหมือนพึงหลุดมาจากงานประกวดเสื้อผ้าให้เซกซ์ซี่ที่สุดและไม่ต้องสงสัยว่าเธอคนนี้ไม่มีทางหลุดเทรนไปตลอดชีวิตเธอแน่ๆ เพราะเท่าที่ดูของประดับของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ามีแต่ของใหม่ๆที่พึงลงโฆษณาไปเมื่อ 2-3 วันก่อนนี้เอง
“ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะเด็กใหม่ฉัน เครซี่ ลู เรียกว่าลูก็ได้น่ะ” ลูบอกชื่อตนเองทำให้อรัญเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงได้ชื่อนี้(เครซี่ = อันตราย ลู เป็นชื่อเธอรวมแล้ว เครซี่ ลู แปลได้ตรงๆว่าลูอันตราย)
“ยินดีที่ได้รู้จักครับและคนนั้น...” อรัญมองไปที่ชายที่นั่งข้างลูซึ่งเป็นชายผมสีน้ำเงินเข้มจะเกือบม่วงสั้นแต่ปล่อยยาวมาข้างหน้าแค่ข้างขวาข้างเดียวท่าทางมาดนิ่งเหมือนพวกย้ำคิดย้ำทำ ดูแล้วคงจะเป็นพวกตั้งใจเรียนอรัญคาดว่าถ้าชายคนนี้สอบตกซักวิชาละก็คงฆ่าตัวตายแน่
“อ๋อนายนั้นนะ เรย์ ฟรีสเกอร์ หมอนี้ไม่ค่อยพูดเท่าไรแต่นิสัยใช้ได้เลยนะ” อรัญมองไปที่เรย์อีกครั้งจนเขารู้สึกตัว อรัญคิดว่าเขาคงจะส่งสายตามองหน้าหาเรื่องเรอมาทางเขา แต่กลับกันเรย์กลับยิ้มให้อรัญอย่างเป็นมิตรทำให้อรัญอุ่นใจทันที่
“เออ ทุกคนดูหน้าห้องก่อนซิจ๊ะ” ทาทาพูดขึ้น ทุกคนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆหน้าห้องบบรรยากาศนั้นไม่ใช่มาจากที่อื่นมันออกมาจากตัวของป้าอรดีจนเกือบเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึงพลังที่โผล่ออกมาจากทั่วร่าง
ปัง!!
“พวกแกจะฟังฉันกันไหมเนี้ยยย” ป้าอรดีทุบโต๊ะและตะโกนขึ้นมา ทำให้ทุกคนผงะพร้อมกับเข้าที่แต่ทว่าเกือบทุกคนแทบลืมเกรฟที่ยังตัวแข็งถื่อเพราะเสียเงินไปให้กับคัดช์แต่ยังโชคดีที่มีบุลคลหนึ่งยังไม่ลืม
เปรี้ยง!!
คัดช์เขกหัวของเกรฟจนเกรฟได้สติหันกลับมาหน้าห้องเรียนทันที่
“ใครเขกหัวตูฟระ” เกรฟพูดและมองไปทางคัดช์ที่นั่งนิ่งสงบเรียบร้อย
“คิดไปเองเปล่า” คัดช์พูดอย่างราบเรียบ ทำให้เกรฟได้แต่กำหมัดอยู่อย่างนั้น (แกยังไม่ได้ให้เงินฉันเลยฉนั้นจะให้แกตายด้วยมือป้าอรดีไม่ได้)
“เอาละ ถึงบางคนจะรู้แล้วแต่เนื่องจากวันนี้มีคนเข้ามาใหม่ฉันจะอธิบายวิธีการสอบเข้าโรงเรียนเวทย์มนต์ให้อีกครั้ง” ป้าอรดีพูด และกดปุ่มสีแดงสองปุ่มบนโต๊ะของตัวเอง ไฟกว่า 30 ดวงในห้องดับลงพร้อมกันทันที่จนมองไม่เห็นแม้แต่ทาทาซึ่งข้างๆ
แวบ!!
ภาพบางอย่างปรากฏขึ้นบนพื้นหน้าจอด้านหลังป้าอรดีอย่างน้อยมันก็ทำให้ห้องสว่างขึ้นมานิดหน่อยภาพบนหน้าจอเป็นภาพของตารางทัวนาเมนท์ของอะไรซักอย่างซึ่งเท่าที่ดูแล้วมีทีมที่แข่งไม่ต่ำกว่า 40 ทีม
“การสอบปีนี้ก็หนักหน่อยนะ เป็นการประลองเวทย์ล้วนๆของผู้สมัคร เพราะปีก่อนหนักไปหน่อยให้ผู้สมัครไปวิ่งแข่งจนไม่มีคนผ่านไปเรียนได้เลยซักคน” อรัญฟังจากที่ปาอรดีพูดจนทำให้กลืนน้ำลายแทบไม่ลง แต่ก็คิดไปว่ากรรมการคุ้มสอบให้วิ่งกันรอบโลกภายใน 3 นาทีหรือไงถึงไม่มีคนผ่านเลย
“จะเป็นการต่อสู้ด้วยเวทย์มนต์ล้วนๆแบบ 1 ต่อ 1 โดยที่ทีมหนึ่งต้องมีไม่ต่ำกว่า 5 คนขึ้นไปแต่ไม่เกิน 10 คน ลงแข่งได้ 5 คนต่อรอบที่เหลือเป็นตัวสำรองเปลี่ยนตัวได้เฉพาะตอนที่ตัวหลักไม่สามารถต่อสู้ได้เท่านั้น” ป้าอรดีกดปุ่มสีแดงสองปุ่มเดิมอีกครั้งทุกอย่างกลับมาเป็นปกติไฟทุกดวงกลับมาเป็นปกติพร้อมกับภาพที่หายไปจากหน้าจอ “มีอะไรจะถามอีกไหม ถ้าไม่มีก็ไปพักได้พรุ่งนี้จะเริ่มการฝึกสอนเวทย์มนต์ทันที่”
หลังจากป้าอรดีพูดจบไม่มีใครกล้าที่จะยกมือ อันที่จริงก็ไม่จำเป็นเพราว่ามันเป็นการอธิบายที่ง่ายแสนง่ายขนาดให้เด็กมาฟังก็เข้าใจแต่ถ้ามีใครกล้าสงสัยและทำให้ป้าอรดีพูดอีกรอบคงต้องลงไปจมกองเลือดเป็นแน่
~•~จินตมายา~•~
“อรัญเธอจะลองไปตลาด เซนทรี กับพวกเราดูไหม” ทาทาถามอรัญที่กำลังปิดประตูแดงบานใหญ่เพราะออกเป็นคนสุดท้าย
“ตลาดที่ไหนเหรอครับ” อรัญถาม ซึ่งทำให้เกือบทุกคนทำหน้าตกใจไม่น้อย
“ตลาดเซนทรีไงมีชื่อมากเลยน่ะเรื่องขายของเพราะเป็นตลาดที่ขายทุกอย่างบนโลก!!” คัดช์พูดพร้อมกับอาการตื่นเต้นเกินเหตุ “มีแต่คนหลังเขาเท่านั้นล่ะที่จะไม่รู้ตลาดแห่งนี้”
อาจจะจริงอย่างที่คัดช์พุดเพราะอรัญไม่รู้จักแม้แต่ชื่อตลาดแห่งนี้เลยอย่างมากเขาก็แค่ไปซื้อเสื้อผ้าที่ตลาดปากน้ำเท่านั้นแต่คำว่าขายทุกอย่างทำให้อรัญคิดว่าถ้ามีไข่แมลงสาบหรือไข่ไดโนเสาร์อยู่ที่นั้นละก็เขาจะยอมรับเลยว่าเป็นตลาดที่ขายทุกอย่างบนโลกจริงๆ
“ไปซิครับ แต่ว่าจะไปกันตอนไหนเหรอ” อรัญตอบรับอย่างยินดี อันที่จริงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำชวนนี้ ดีเสียอีกที่เขาจะได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น
“ตอนนี้เลย” ทั้งทาทา คัดช์ เกรฟ และลูพูดพร้อมกันเหมือนนัดเอาไว้และดึงแขนของอรัญลากไปที่ประตูสีขาวทันที่โดยไม่บอกกล่าว
“คุณป้าอรดีครับของพวกนี้ของปลอมเหรอครับ” อรัญถามไปงั้นๆเพราะไม่รู้จะหยิบเรื่องอะไรมาพูดทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าไม่น่าจะเป็นของจริงได้
“อย่าเอาของพวกนี้ไปเทียบกับของปลอมๆในหอศิลป์แห่งชาติซิ” ป้าอรดีตอบ น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนพูดจริงทำให้อรดีแทบกลืนน้ำลายเพราะเมื่อตะกี้เขาใช้หลังมือไปเคาะรูปปั้นวีนัสและบังเอิญมีเศษปูนหลุดออกมาเท่าขี้เล็บตอนที่ป้าอรดีไม่เห็น
สิ่งที่ทำให้อรัญสงสัยตอนนี้คือป้าอรดีมันต่างจากที่เขาคิดแบบตรงกันข้ามเพราะเธอเหมือนวัยรุ่นมากกว่าจะเป็นป้าเพราะคำว่าป้าน่าจะใช้กับคนที่แก่กว่าพ่อกับแม่แต่ดูรวมๆแล้วเหมือนจะเป็นเพื่อนของพ่อกับแม่มากกว่าจะเป็นรุ่นพี่
“เออ เราจะไปกันไหนเหรอครับ” อรัญถามป้าอรดี ก่อนที่ทั้งคู่จะมาหยุดตรงประตูสีเขียวมรกตเป็นประกายสะท้อนแสงเหมือนเพชร
“หาห้องพักให้เธอไง” ป้าอรดีตอบพร้อมผลักประตูสีเขียวนั้นออก
ภายในห้องหลังประตูนั้นเป็นเหมือนห้องโถงใหญ่กลางห้องประดับด้วยคริซตันก้อนใหญ่รูปร่างสามเหลี่ยมใสส่องแสงสีขาวจากตรงกลางจนสว่างไปทั่วห้องพื้นห้องนั้นมีพรมสีแดงปูทั่วทุกตารางนิ้วรอบๆห้องมีประตูหลากหลายบานซึ่งดูแล้วมันน่าจะเกินกว่า 50 บาน แต่ละบานมีเลขบนแผ่นป้ายสีทองติดที่ประตูต่างกันไปแต่มีประตูที่แปลกกว่าอันอื่นอยู่ 4 บานคือประตูสีฟ้า สีแดง สีขาวและสีเขียวซึ่งเป็นประตูที่เขาพึงเข้ามา
“เลือกห้องได้ตามใจเลยนะเสร็จแล้วตามมาที่ห้องรวมด้วยล่ะ” ป้าอรดีพูดแต่เหมือนอรัญกำลังเพลินกับการนับประตูรอบๆห้องจนไม่ได้สนใจฟังที่ป้าอรดีพูดเท่าไรนัก
“อ๊ะ ขอบคุณครับเดียวผมตามไปครับ” อรัญตอบหลังจากได้สติ ป้าอรดีเดินออกไปทางประตูสีแดงซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประตูสีเขียว
“อันไหนดีน่ะ” อรัญมองประตูหลากหลายบานเขาเดินดุมๆไปประตูที่ใกล้ที่สุดก่อนจะบิดลูกบิดประตูแต่ประตูเปิดไม่ได้ “ล๊อคอยู่เหรอ”
ในช่วงแรกๆอรัญไม่ค่อยสนใจเท่าไรกับประตูบานแรกที่ล๊อกแต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาต้องเริ่มสนใจแล้ว เพราะประตู 50 กว่าบานนั้นเท่าที่นับได้อรัญเปิดไปแล้ว 40 บาน เขาเหนื่อยหอบอยู่กับพื้นกับการไล่เปิดประตูที่ล๊อกอยู่พวกนี้ก่อนจะลุกขึ้นมาเปิดประตูอีกบานตรงหน้าเขา
แกร๊ก!!
เสียงประตูบานที่ 41 ของอรัญเป็นประตูที่มีเสียงดังไพเราะที่สุดเพราะมันเป็นเสียงของประตูที่เปิดออกได้ อรัญเข้าไปในห้องที่มือจนมองไม่เห็นก่อนจะปิดประตูและคลำหาสวิดไฟที่คาดว่าจะอยู่ใกล้ๆประตู
แก็ก!!
เสียงสวิดไฟดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟสีขาวจากบนเพดาทำให้เห็นภาพภายในห้องนั้นเป็นเหมือนโรงแรมชั้นหนึ่งประดับตกแต่งไปด้วยเตียงใหญ่ประมาณสองคนนอนที่ปลายเตียงมีทีวีจอแบนติดอยู่ที่กำแพงขนาดที่ดูแล้วใหญ่เป็นสองเท่าของที่บ้านเขาซะอีกบนพื้นเหมือนจะปูพรมเนื้อดีจนอรัญรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนปุยเมฆของทั้งหมดในห้องที่ดูเรียกรวมๆแล้วเฉียดค่อนล้านเลยก็ว่าได้และถ้าห้องที่เขาเปิดไม่ได้แต่ประดับตกแต่งแบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ไม่ต้องพูดถึงเลยที่ว่าจะต้องมีกำลังทรัพย์มหาศาลที่จะทำให้ห้องทุกห้องเป็นระดับโรงแรมสุดหรูแบบนี้ได้
อรัญล้มตัวลงนอนบนเตียงถอนหายใจยาวและก็คิดไปอีกว่าทำไมป้าอรดีบอกให้เขาเลือกห้องได้ตามใจชอบด้วยในเมื่อมันเปิดได้เพียงไม่กี่ห้องเท่านั้นเอง หลังจากที่อรัญพักบนเสียไม่เพียงกี่นาทีเขาก็รีบเดินออกจากห้องเพื่อจะไปที่ห้องรวมตามคำบอกของป้าอรดีโดยไม่ลืมจำเลขที่ห้องของตัวเองไว้
“ห้องที่ 13 ...”อรัญพยายามละสายตาเพราะเหมือนจะมีคราบเลือกเล็กๆติดที่ประตูและสันนิฐานได้ว่าห้องนี้ต้องเคยมีคนตายไปแล้วอย่างน้อยก็สองคนขึ้นไป เขาไม่หันกลับไปมองเลขที่ห้องของตัวเองเป็นครั้งที่สองและรีบเดินไปที่ประตูสีแดงที่ป้าอรดีเข้าไปเมื่อกี้
หลังประตูบานสีแดงสะท้อนประกายนั้นเป็นอีกห้องหนึ่งซึ่งเหมือนจะห้องเล็กเชอร์ของพวกเด็กในมหาวิทยาลัยมีทางบันไดลาดลงไปข้างหน้าดูแล้วตรงที่อรัญยืนอยู่จะเป็นด้านหลังสุดของห้องมีโต๊ะสีไม้เนื้ออ่อนวางเรียงกันเป็นแถวๆมากกว่า 15 แถวพร้อมกับเก้าอี้ที่อรัญจำได้ว่ามันรูปร่างคล้ายเก้าอี้โต๊ะอาหารในพระราชวังที่เบาะนั่งและที่ผิงหลังเป็นสีแดงติดกับตัวเก้าอี้สีดำที่แกะสลักออกมาได้จนเวอร์เกินเหตุ อรัญเห็นด้านหน้าสุดของห้องคือป้าอรดีกำลังยืนอยู่ที่โต๊ะตัวสีขาวสั้นๆและกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่กับคน 5 คนที่นั้งอยู่แถวหน้าสุด
อรัญค่อยๆเดินไปอย่าช้าๆพลางมองดูเก้าอี้ที่ละแถวที่ไม่มีคนนั่งอยู่เลยทำให้สงสัยว่าผู้คนหายไปไหนหมด แต่สงสัยได้ไม่นานอรัญก็มาถึงที่โต๊ะแถวหน้าสุด
“อรัญเป็นธรรมเนียนนะ แนะนำตัวหน่อยซิ” ป้าอรดีพูด ขณะที่อรัญกำลังจะหย่อยก้นบนเก้าอี้ ไม่ทันได้นั่งตอนนี้เขาต้องเดิมมาหน้าชั้นเรียนซึ่งทำให้เขาเหงื่อแตกซีดเพราะสายตาของคน 6 คน(รวมป้าอรดีด้วย)กำลังมองมาที่เขาเป็นตาเดี่ยวจนนขยับแทบไม่ได้ ถ้าเขาเป็นนักมายากลสายตาที่กำลังมองเขาตอนนี้เหมือนสายตาจับผิดกลของเขาอย่างละเอียดยิบ
“เออผมชื่อ อรัญ แสงอรุณ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” สิ้นประโยคอาการทั้ง 5 คนดูเหมือนกับอาการโล่งอกทั้งๆที่เขาน่าจะหนักอกมากกว่าคนที่นั่งฟังซะอีกแต่เหมือนจะสังเกตคนผมสีแดงยาวที่ยิ้มและหัวเราะไปทางคนผมสีดำซึ่งหน้าซีดอยู่
“เอาละ ไปนั่งที่ได้แล้ว” ป้าอรดีชี้ไปที่นั่งข้างเด็กสาวผมสีทองยาวดูเรียบร้อยที่กำลังยิ้มมาให้อรัญอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีจ๊ะอรัญฉัน ทาทา วารุณี ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เด็กสาวทักทายอย่างเป็นกันเองทันที่หลังจากอรัญไปนั่งข้างเธอ
“ยะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” อรัญทักทายกลับไปแบบติดๆขัดๆ เพราดูใกล้ๆแล้วทาทาจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่เดี่ยวหน้าตาเรียวเล็กรับเข้ากับตาสีเขียวและผมสีทองของเธอทำให้เธอดูเด่นได้แม้อยู่ไกลๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคนสวยผม เกรฟ เบลมอสล์ มุขที่พูดครับแบบผู้ชายใช้ได้เลยนิน่า สนใจไปกินข้าวกับผมไหม” ชายผมสีแดงเข้ารับกับดวงตาสีเดี่ยวกันปล่อยปมที่แดงนั้นยาวจนถึงบ่าและที่สำคัญดูหน้าตาแล้วท่าทางขี้หลีสุดๆที่นั่งถัดจากทาทาเข้ามาทักทายและทำท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ “พอดีฉันพึงชนะพนันกับเจ้าคัดช์มานะ”
“เออ ก็ผมเป็นผู้ชายนิครับ” อรัญพยายามตอบแบบเรียบๆเพื่อไม่ให้เกรฟที่เข้าใจผิดคนนี้ผิดหวัง
แต่มันกลับตรงกันข้ามคำพูดของอรัญมันทำให้เกรฟตะลึงหน้าซีดและตัวแข็งเป็นหินซึ่งอาการแบบนี้จะพบกับคนที่ตกใจสุดขีดเมื่อพบกับสิ่งที่แปลกที่สุดในโลกเท่านั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า  เกรฟแกแพ้แล้วอย่าลืมล่ะเงินนะค่อยๆจ่ายก็ด้ายไม่ต้องรีบ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะตามด้วยประโยคคำพูดแบบเยาะเย้ยดังมาจากคนที่นั่งถัดไปจากเกรฟก่อนจะผลักหัวของเกรฟจนเห็นหน้าของเจ้าของเสียง หน้าเจ้าของเสียงเมื่อกี้เป็นชายผมสีดำยาวถึงต้นคอหน้าตาดูดีมีสกุลเหมือนพวกนายแบบบนหน้าปกนิติสารแต่ถ้าจะมีอะไรดุกวนๆบนใบหน้าเขาคงจะเป็นแว่นทรงกลมที่ขาแว่นสีเหลืองเป็นรูปยักเหมือนฟันปลา
“สวัสดีครับผม คัดช์ กรีฟฟอน ผมเตือนไว้อย่างน่า อย่าไปกับเจ้านี้เลยมันเป็นพวกไส้แห้งเอาเงินไปเลี้ยงผู้หญิงหมดระวังจะไม่มีเงินค่ารถกลับบ้านล่ะ” คัดช์พูดแนะนำอย่างอารมณ์ดี
“นี้ทำอะไรกับเกรฟของฉันย่ะห๋าอิตาคัดช์” เสียงสูงปริ๊ดผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากโต๊ะด้านหลังเสียงนั้นมาพร้อมกับมือข้างหนึ่งมาจากด้านบนตรงมาที่หูของคัดช์ก่อนที่จะดึงสุดแรง
“โอ๊ย ลู อย่าดึงหูเจ็บ เจ็บ”คัดช์ร้องอย่างเจ็บปวด อรัญมองตามมือข้างที่ยื่นมาเห็นร่างของสาวผมสั้นสีส้มแต่งตัวเปรี้ยวๆสุดเหมือนพึงหลุดมาจากงานประกวดเสื้อผ้าให้เซกซ์ซี่ที่สุดและไม่ต้องสงสัยว่าเธอคนนี้ไม่มีทางหลุดเทรนไปตลอดชีวิตเธอแน่ๆ เพราะเท่าที่ดูของประดับของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ามีแต่ของใหม่ๆที่พึงลงโฆษณาไปเมื่อ 2-3 วันก่อนนี้เอง
“ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะเด็กใหม่ฉัน เครซี่ ลู เรียกว่าลูก็ได้น่ะ” ลูบอกชื่อตนเองทำให้อรัญเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงได้ชื่อนี้(เครซี่ = อันตราย ลู เป็นชื่อเธอรวมแล้ว เครซี่ ลู แปลได้ตรงๆว่าลูอันตราย)
“ยินดีที่ได้รู้จักครับและคนนั้น...” อรัญมองไปที่ชายที่นั่งข้างลูซึ่งเป็นชายผมสีน้ำเงินเข้มจะเกือบม่วงสั้นแต่ปล่อยยาวมาข้างหน้าแค่ข้างขวาข้างเดียวท่าทางมาดนิ่งเหมือนพวกย้ำคิดย้ำทำ ดูแล้วคงจะเป็นพวกตั้งใจเรียนอรัญคาดว่าถ้าชายคนนี้สอบตกซักวิชาละก็คงฆ่าตัวตายแน่
“อ๋อนายนั้นนะ เรย์ ฟรีสเกอร์ หมอนี้ไม่ค่อยพูดเท่าไรแต่นิสัยใช้ได้เลยนะ” อรัญมองไปที่เรย์อีกครั้งจนเขารู้สึกตัว อรัญคิดว่าเขาคงจะส่งสายตามองหน้าหาเรื่องเรอมาทางเขา แต่กลับกันเรย์กลับยิ้มให้อรัญอย่างเป็นมิตรทำให้อรัญอุ่นใจทันที่
“เออ ทุกคนดูหน้าห้องก่อนซิจ๊ะ” ทาทาพูดขึ้น ทุกคนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆหน้าห้องบบรรยากาศนั้นไม่ใช่มาจากที่อื่นมันออกมาจากตัวของป้าอรดีจนเกือบเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึงพลังที่โผล่ออกมาจากทั่วร่าง
ปัง!!
“พวกแกจะฟังฉันกันไหมเนี้ยยย” ป้าอรดีทุบโต๊ะและตะโกนขึ้นมา ทำให้ทุกคนผงะพร้อมกับเข้าที่แต่ทว่าเกือบทุกคนแทบลืมเกรฟที่ยังตัวแข็งถื่อเพราะเสียเงินไปให้กับคัดช์แต่ยังโชคดีที่มีบุลคลหนึ่งยังไม่ลืม
เปรี้ยง!!
คัดช์เขกหัวของเกรฟจนเกรฟได้สติหันกลับมาหน้าห้องเรียนทันที่
“ใครเขกหัวตูฟระ” เกรฟพูดและมองไปทางคัดช์ที่นั่งนิ่งสงบเรียบร้อย
“คิดไปเองเปล่า” คัดช์พูดอย่างราบเรียบ ทำให้เกรฟได้แต่กำหมัดอยู่อย่างนั้น (แกยังไม่ได้ให้เงินฉันเลยฉนั้นจะให้แกตายด้วยมือป้าอรดีไม่ได้)
“เอาละ ถึงบางคนจะรู้แล้วแต่เนื่องจากวันนี้มีคนเข้ามาใหม่ฉันจะอธิบายวิธีการสอบเข้าโรงเรียนเวทย์มนต์ให้อีกครั้ง” ป้าอรดีพูด และกดปุ่มสีแดงสองปุ่มบนโต๊ะของตัวเอง ไฟกว่า 30 ดวงในห้องดับลงพร้อมกันทันที่จนมองไม่เห็นแม้แต่ทาทาซึ่งข้างๆ
แวบ!!
ภาพบางอย่างปรากฏขึ้นบนพื้นหน้าจอด้านหลังป้าอรดีอย่างน้อยมันก็ทำให้ห้องสว่างขึ้นมานิดหน่อยภาพบนหน้าจอเป็นภาพของตารางทัวนาเมนท์ของอะไรซักอย่างซึ่งเท่าที่ดูแล้วมีทีมที่แข่งไม่ต่ำกว่า 40 ทีม
“การสอบปีนี้ก็หนักหน่อยนะ เป็นการประลองเวทย์ล้วนๆของผู้สมัคร เพราะปีก่อนหนักไปหน่อยให้ผู้สมัครไปวิ่งแข่งจนไม่มีคนผ่านไปเรียนได้เลยซักคน” อรัญฟังจากที่ปาอรดีพูดจนทำให้กลืนน้ำลายแทบไม่ลง แต่ก็คิดไปว่ากรรมการคุ้มสอบให้วิ่งกันรอบโลกภายใน 3 นาทีหรือไงถึงไม่มีคนผ่านเลย
“จะเป็นการต่อสู้ด้วยเวทย์มนต์ล้วนๆแบบ 1 ต่อ 1 โดยที่ทีมหนึ่งต้องมีไม่ต่ำกว่า 5 คนขึ้นไปแต่ไม่เกิน 10 คน ลงแข่งได้ 5 คนต่อรอบที่เหลือเป็นตัวสำรองเปลี่ยนตัวได้เฉพาะตอนที่ตัวหลักไม่สามารถต่อสู้ได้เท่านั้น” ป้าอรดีกดปุ่มสีแดงสองปุ่มเดิมอีกครั้งทุกอย่างกลับมาเป็นปกติไฟทุกดวงกลับมาเป็นปกติพร้อมกับภาพที่หายไปจากหน้าจอ “มีอะไรจะถามอีกไหม ถ้าไม่มีก็ไปพักได้พรุ่งนี้จะเริ่มการฝึกสอนเวทย์มนต์ทันที่”
หลังจากป้าอรดีพูดจบไม่มีใครกล้าที่จะยกมือ อันที่จริงก็ไม่จำเป็นเพราว่ามันเป็นการอธิบายที่ง่ายแสนง่ายขนาดให้เด็กมาฟังก็เข้าใจแต่ถ้ามีใครกล้าสงสัยและทำให้ป้าอรดีพูดอีกรอบคงต้องลงไปจมกองเลือดเป็นแน่
~•~จินตมายา~•~
“อรัญเธอจะลองไปตลาด เซนทรี กับพวกเราดูไหม” ทาทาถามอรัญที่กำลังปิดประตูแดงบานใหญ่เพราะออกเป็นคนสุดท้าย
“ตลาดที่ไหนเหรอครับ” อรัญถาม ซึ่งทำให้เกือบทุกคนทำหน้าตกใจไม่น้อย
“ตลาดเซนทรีไงมีชื่อมากเลยน่ะเรื่องขายของเพราะเป็นตลาดที่ขายทุกอย่างบนโลก!!” คัดช์พูดพร้อมกับอาการตื่นเต้นเกินเหตุ “มีแต่คนหลังเขาเท่านั้นล่ะที่จะไม่รู้ตลาดแห่งนี้”
อาจจะจริงอย่างที่คัดช์พุดเพราะอรัญไม่รู้จักแม้แต่ชื่อตลาดแห่งนี้เลยอย่างมากเขาก็แค่ไปซื้อเสื้อผ้าที่ตลาดปากน้ำเท่านั้นแต่คำว่าขายทุกอย่างทำให้อรัญคิดว่าถ้ามีไข่แมลงสาบหรือไข่ไดโนเสาร์อยู่ที่นั้นละก็เขาจะยอมรับเลยว่าเป็นตลาดที่ขายทุกอย่างบนโลกจริงๆ
“ไปซิครับ แต่ว่าจะไปกันตอนไหนเหรอ” อรัญตอบรับอย่างยินดี อันที่จริงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำชวนนี้ ดีเสียอีกที่เขาจะได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น
“ตอนนี้เลย” ทั้งทาทา คัดช์ เกรฟ และลูพูดพร้อมกันเหมือนนัดเอาไว้และดึงแขนของอรัญลากไปที่ประตูสีขาวทันที่โดยไม่บอกกล่าว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น