ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จินตมายา มหัสจรรย์บทเพลงกายสิทธิ์ ตอน ราตรีสีขาว

    ลำดับตอนที่ #1 : หอพักศรีสุทารศนากับคุณป้าอรดี

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 48


    ณ สถานีของรถไฟฟ้าใต้ดินเวลา 6.00 นาฬิกา



    รถไฟขบวนแรกของวันนี้จอดที่สุดสายเทียบชานชาลาตรงกับตารางเดินรถพอดิบพอดีผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำนวนมากที่อัดแน่นอยู่ในรถค่อยทยอยลงมาจากตัวขบวนอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ยังคงมีความวุ่นวายให้เห็นอยู่เล็กน้อยสำหรับผู้ที่รีบไปทำธุระเร่งด่วนในตอนเช้าต้องแทรกตัวออกมาจากตัวขบวนอย่างเร่งรีบ โลกในสมัยนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วในตอนนี้ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต้องตื่นแต่เช้าฝ่าฟันการเดินทางและเรื่องชวนอารมณ์เสียเพื่อไปเรียนหรือไปทำงาน ที่เป็นอย่างนี้ก็เริ่มตั้งแต่เรื่องที่เวทย์มนต์ซึ่งเมื่อก่อนใครหลายคนเคยคิดว่ามันเป็นจิตนาการได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนทุกคน และยิ่งเวทย์มนต์ถูกนำมาประยุคเข้ากับเทคโนโลยีตามแบบของพวกมนุษย์มือซนทั้งหลายที่เจออะไรแปลกใหม่ก็จะนำมาพัฒนาด้วยแล้วในโลกตอนนี้ก็พูดได้เต็มปากว่าเป็นโลกในฝันเลยก็ว่าได้



    “เฮ้ยๆ ดูนั้น มีเด็กผู้หญิงน่ารักๆมาเดินแถวนี้ด้วยฟะ”



    “ไหนว่ะ คนไหน”



    “โธ่ตาแกทำด้วยอะไรว่ะ ก็คนผมสีน้ำตาลใส่แว่นนั้นไง”



    “อะ จริงด้วยน่ารักว่ะ แต่ทำไมเขาแต่งตัวเหมือนผู้ชายเลยว่ะ”



    “บ้าเปล่าเดี่ยวนี้ผู้หญิงแต่งเหมือนผู้ชายมีเยอะไป”



    “จริงด้วยแต่ดูยังไงก็น่ารักว่ะ”



    “เห็นด้วย”



    หลายเสียงในกลุ่มวันรุ่นชายกลุ่มหนึ่งประสานขึ้นพร้อมกันและเหมือนตังใจพูดเสียงดังประมาณว่าคนหูหนวกก็ได้ยินหลังจากข้อถกเถียงสิ้นสุด แน่นอนว่าคนที่โดนพูดต้องได้ยิน



    “ผมชื่อ อรัญ แสงอรุณ เป็นผู้ชายนะครับอย่างมาวิจารคนอื่นนะ” นั้นคือคำพูดที่อรัญอยากจะพูดออกไปใจจะขาด แต่เด็กหนุ่มปล่อยให้พวกนั้นเข้าใจผิดๆไปดีกว่า เพราะมักจะมีคนพูดแบบนี้จนนะกลายเป็นเรื่องปกติของเขาที่จะต้องเจอทุกวัน นานมากกว่าที่จะมีใครทักทายเขาแบบเด็กผู้ชายอย่างน้อยก็เมือปีที่แล้วที่อาจารย์เก่าของเขาทักและจำได้ว่านายอรัญคนนี้เป็นผู้ชายในวันงานคืนสู่เย้าศิษย์เก่าของโรงเรียน แต่ว่านั้นไม่ค่อยทำให้แปลกใจเท่าไรเพราะอาจารย์คนนี้กว่าจะรู้ว่าอรัญเป็นผู้ชายก็กินเวลามากว่า 3 ปีในชั้นมัธยมปลาย แต่ที่น่าแปลกคือขนาดพ่อกับแม่ของอรัญที่เห็นหน้าค่าตามา 18 ปียังประคบประหงมเขาเหมือนเป็นลูกลาวเลย



    ทำไมอรัญต้องมาอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนี้ เหตุที่อรัญมาก็เพื่อศึกษาต่อโรงเรียนเวทมนต์ อรัญมาที่นี้ตามคำแนะนำของพ่อกับแม่เพราะการศึกษาภาควิชาเวทย์มนต์ออกจะแปลกๆไปหน่อย อันที่จริงมันน่าจะเรียกว่าแปลกจนหลุดโลกเลยก็ว่าได้เพราะโรงเรียนเวทย์มนต์ทีมีแห่งเดียวในโลก ที่นั้นมีการสอบที่แปลกแหวกแนวออกไปจากการเรียนโรงเรียนธรรมดา ในทุกๆปีจะไม่สามารถรู้ได้ว่าจะสอบอะไร สอบที่ไหน และโหดแค่ไหน สรุปแล้วไม่ใช้เรื่องง่ายเลยที่จะผ่านเข้าไปเรียนในรั้วประตูโรงเรียนเวทย์มนต์ได้



    ทั้งหมดไม่ค่อยจะตรงกับเรื่องที่ว่าทำไมอรัญต้องมาที่นี้ มีกฎสำคัญที่ห้ามฝ่าฟืนนั้นคือสำหรับผู้ที่ประสงค์จะเข้าสอบจะต้องมีผู้ให้คำแนะนำซึ่งต้องเป็นผู้เรียนในโรงเรียนเวทย์มนต์มาแล้ว แน่นอน ว่าพ่อกับแม่ของเขาเคยเรียนที่นั้นมาแล้ว แต่ทว่าทั้งสองอยากให้อรัญเรียนรู้ได้คำแนะนำจากรุ่นพี่หญิงที่รู้จักกัน ฟังจากที่พ่อกับแม่เขาสาธยายให้ฟังบ่อยๆ อรัญก็พอจะจิตนาการได้ว่าคงจะเป็นคนที่เข้มงวดมาก ชุดประจำตัวที่ต้องเจอทุกวันคือชุดคลุมสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า พลังเวทสูงส่ง และสิ่งที่จะตามมาก็คือการฝึกที่เกินกว่าคนธรรมดาจะรับได้ทุกวันๆ หรืออาจเคยมีคนตายระหว่างฝึกมาแต่เขาก็จะพยายามถึงแม้อาจจะตายระหว่างฝึก แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับอย่างที่สองคือที่พักฟรีซึ่งรุ่นพี่ของพ่อกับแม่เขาเป็นเจ้าของอยู่



    ตอนนี้อรัญกำหลังหลงทางอันที่จริงจะใช้คำว่าหลงทางก็จะไม่ถูกเพราะเขาเดินมาตามแผนที่บนมือที่พ่อกับแม่เขาเขียนมา แต่ทว่าตอนนี้เขาอยู่ทางเดินแปลกๆที่มีต้นโอ๊กทั้ง2ด้านถนนโค้งเข้าหากันจนเหมือนเป็นอุโมงค์ทางเดิน รอบๆแนวต้นโอ๊กมีไม้ป่าหลายชนิดขึ้นอย่างหนาแน่น อรัญพยายามเดินอย่างไร้จุดหมายไปตามทางเดินที่ดูเหมือนถนนเส้นเล็กๆพอรถวิ่งไปทางเดียวได้ แต่ระหว่างที่อรัญกำลังเดินอยู่นั้นก็พึงคิดได้ว่าใครมันจะมาตั้งป่าในตัวเมืองแบบนี้ได้จนอรัญเริ่มคิดว่าเขามาถูกที่หรือเปล่า



    กรี๊ด~~~~~!!



    เสียงกรี๊ดดังมาจากข้างหน้าไม่ไกลมากอรัญรีบวิ่งไปข้างหน้าตามเสียงร้องนั้นพอถึงที่หมายทำให้อรัญแทบก้าวเท้าไม่ออก มิโนทอตัวสีแดงใหญ่ยักษ์สูงเกือบ4 เมตรในมือมันมีค้อนที่ใหญ่พอกับตัวของมันกำลังจะทุบสิ่งที่อยู่ ตรงหน้ามันคือผู้หญิงอายุราวๆ20 กว่าผมยาวสีแดงดำนั่งทรุดอยู่กับพื้น



    ก๊อก!!



    ก้อนหินที่ปาสุดแรงของนายอรัญทำได้เพียงแค่สะกิดผิวของมิโนทอ แต่มันกลับไดเผลมิโนทอตัวนั้นเลิกสนใจผู้หญิงคนนั้น ใช่เลยมันหันมาทางอรัญพร้อมที่จะฟาดอรัญให้จอมกองเลือดติดพื้นด้วยค้อนที่กำลังง้างลงมา



    หว่า~~~~~



    อรัญนำแขนที่ไม่มีแม้แต่กล้ามเนื้อให้เห็นขึ้นบังที่หัวของตัวเองในหัวเขามีแต่ภาพตัวเองกำลังโดนค้อนทุบตายคาที่ร่างแบนติดพื้น เขาได้แต่ภวนาให้อย่างน้อยก็เหลือนิ้วโป้งซักนิ้วไว้ทำศพก็ยังดี



    ตูม!!



    “อ่อนหัดจริงนะเป็นลูกของไอ้อาทิตย์จริงหรือเปล่าเนี้ย” เสียงเหมือนผู้หญิงที่ทรุดตะกี้พูดขึ้นมา



    อรัญรู้สึกตัวว่าเองยังไม่โดนค้อยอันนั้นทุบเพราะรู้สึกได้ว่าร่างเขายังเหลือครบ 32 ชิ้นอยู่เขาค่อยๆลืมตาและภาพที่เห็นคือค้อนทั้งอันถูกหยุดไว้เพียงแขนเพียงข้างเดียวและที่ทำให้อรัญตลึงคือมันเป็นแขนของผู้หญิงเมื่อตะกี้ที่เล็กพอๆกับเขา



    เธอตวัดแขนออกค้อนถูกปัดกระเด็นอย่างง่ายดายก่อนที่จะหมุนตัวเตะไปที่ขาของมิโนทอจนมันลอยได้อยู่บนอากาศ เธอร่ายคาถาแปลกๆขณะประกบฝ่ามือเข้าหากันก่อนจะผลักออกไปข้างหน้าปะทะกับมิโนทอที่ลอยอยู่



    ไอซ์ เฟรนซี่!!



    ร่างของมิโนทอโดนเธอซัดฝ่ามือกระเด็นไปไกลจากจุดที่โดนซัดเกือบ10เมตร ที่อกของมันมีร่องรอยประทับของแผ่นน้ำแข็งรูปฝ่ามือแผ่นใหญ่





    อรัญแทบไม่เชื่อสายตาตั้งแต่เขาเกิดมายังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนๆเดียวสามารถทำให้มิโนทอที่หนักกว่าเกือบตันลอยอยู่บนอากาศได้แต่ก็มีบางครั้งที่เขาเห็นแม่ซัดพ่อแบบนี้แต่นี้มันต่างกันที่น้ำหนักพ่อเขาไม่ถึง 100 กิโลด้วยซ้ำ



    “เอา ไปกันได้หรือยังไอ้หนู” หญิงสาวคนนั้นหันไปพูดกับอรัญในขณะที่กำลังก้มเก็บจี้หอยคอสีฟ้าที่พื้นมาห้อยใส่ที่คอ



    “ปะ ไปไหนฮะ” อรัญพยายามดันตัวเองขึ้นจากพื้นแต่ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาหมดแรงทั้งๆที่แค่

    เกือบโดนค้อนของมิโนทอแท้ๆหรือเพราะเค้าเจอสิ่งที่ร้ายกว่ามิโนทอเข้าซะแล้ว



    “อ้าวอาทิตย์กับอริญาไม่ได้บอกเหรอว่าให้มาฝึกกับฉัน” อรัญรู้แล้วว่านั้นเป็นชื่อของพ่อกับแม่ของเขาฉะนั้นมีคนๆเดียวเท่านั้นที่จะรู้ชื่อพ่อและแม่ของเขา…คนที่จะมาสอนเขาเกี่ยวกับเวทมนต์!!



    “คุณป้าอรดีเหรอครับ” อรัญพูดชื่อของเธอซึ่งไม่รู้จะใช่หรือเปล่าแต่ก็หวั่นๆเล็กน้อยว่าถ้าไม่ใช่เขาจะโดนเสยที่กานคอไหมเพราะถ้าโดนคนๆนี้เตะก็ไม่มีเวลาสั่งเสียก่อนตายเป็นแน่



    “ตามมาน่าขี้เกลียดอธิบาย” อรัญตามไปโดนไม่ลังเลอันที่จริงถึงไม่ใช่ป้าอรดีเธอก็ยังช่วยชีวิตเขาและอย่างน้อยก็เป็นคนที่นำทางเขาออกจากป่านี้ได้แน่ๆ



    ~•~ จินตมายา ~•~



    “ว้าว”



    คำอุทานออกมาจากปากอรัญหลังจากเดินหลุดพ้นออกมาจากทางเดินอุโมงค์ต้นโอ๊กจนมาเจอทุกหญ้ากว้างมีทางเหมือนถนนลาดยางขนาดให้รถวิ่งได้ทางเดียวมีสัตว์นับนาๆพันธุ์ที่เคยได้ยินเพียงแต่ในตำนานหรือเห็นในหนังสือแต่มันกับมาอาศัยอยู่บนทุ้งหญ้านั้น ทั้งยูนิคอน  เปกาซัส กริฟฟอน เซนทอ อยู่ข้างๆทะเลสาบสีฟ้าที่สะท้อนภาพก้อนเมฆบนฟ้าลงมาจนชัดเจน แต่ที่ดูเด่นที่สุดคือถนนที่พวกเขายืนอยู่มันทอดยาวไปจนถึงตึกใหญ่ไม่มากสีขาวที่ตั้งอยู่กลางทุ้งหญ้าและมันจะไม่แปลกอะไรเลยถ้ามันเป็นแค่ตึกธรรมดา สิ่งที่ทำให้มันแปลกคือดวงตาสีส้มที่เหมือนเพลิงลุกไหม้นั้นค่อยสอดส่องไปทั่วทุกทิศทุกทางไปรอบๆทุ้งหญ้านี้



    “ไปกันได้แล้ว” ป้าอรดีเดินไปตามถนนเส้นเล็กๆนั้นนำทางอรัญเดินไปจนถึงตึกสีขาวนั้นดวงตาสีส้มนั้นมองอรัญติดๆไม่ละสายตาออกไปจากเขาทุกๆยางก้าวตั้งแต่ปลายทางอุโมงค์จนถึงตึกขาว



    พอมาอยู่ใกล้ๆมันไม่ได้เป็นตึกเล็กๆอย่างที่คิดแต่เป็นตึกใหญ่สูงประมาณ ประมาณ 4-5 ชั้นเธอคนนั้นผลักประตูกระจกทึบทั้งสองบานที่อยู่ตรงหน้า



    “เข้ามาสิ” อรัญทำท่าเหมือนตัดสินใจว่าจะเข้าหรือจะกลับเพราะน่าจะกลับไปถามพ่อกับแม่ให้แน่ใจก่อนว่าใช่ที่นี้หรือเปล่า



    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้อรัญตัดสินใจเข้าไปโดยง่าย เขาไม่อยากอยู่ข้างนอกแบบนี้นานๆ เพราะพวกสัตว์แปลกๆนั้นมามุงดูอรัญพวกตัวที่น่ารักๆไม่เท่าไรแต่มีบางตัวที่มีสายตากินเลือดกินเนื้อมาทางอรัญทำให้ตัดสินใจได้อย่างไม่ยากเย็น



    ภายในตึกข้างในชั้นแรกเป็นห้องโถงกลมกว้างๆบนพื้นที่ปูด้วยหินอ่อนสีขาวมีเสามากมายเรียงเป็นวงกลมข้างบนเป็นกระจกที่วาดรูปภาพเหล่าเทพกำลังทำท่าเหมือนบรรเลงเพลงด้วยเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดแสงจากข้างนอกที่ส่องผ่านกระจกมานั้นทำให้เหมือนมันเป็นภาพบนสวรรค์จริงๆ



    “ยินดีตอนรับสู่หอพักหอพักศรีสุทารศนาอรัญ”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×