ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โบตั๋นสีเลือด

    ลำดับตอนที่ #2 : 第二章 神庙 雕像 旧书

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 57



    -2-

    神庙 雕像 旧书

    ศาลเจ้า รูปปั้น หนังสือโบราณ

                บุรุษร่างสูงสง่าสวมอาภรณ์ขลิบทอง เยื้องย่างเข้าตำหนักบุปผาด้วยใบหน้านิ่งเรียบ คิ้วเข้มพาดเหนือดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความฉลาด มุมปากหนาเรียบตรึงน้อยนักครั้งที่จะปรากฏรอยยิ้มให้เห็น นิ้วเรียวยาวดุจลำเทียนแหวกผ้ามัสลินโปร่งสีแดงอ่อนเข้าไปในจวนท่านเสนาบดีหวัง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่องค์รัชทายาทหลี่เต๋อเสด็จมาเยือนจวนของท่านเสนาบดีด้วยพระองค์เอง!!          

                “หย่งเล่อ” สุรเสียงทุ้มห้าวกล่าวเพียงสั้นๆ ราชองครักษ์หนุ่มก็ปรากฏกายขึ้นอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับส่งห่อยาให้เสนาบดีหวังโดยที่ไม่ต้องรอคำสั่งต่อไป

                “เป็นพระกรุณายิ่งนักที่พรองค์ทรงเมตตาประทานยาให้แก่บุตรีกระหม่อม”

                ชายร่างท้วมอายุประมาณห้าสิบเศษ ผมสีดอกเลามัดจุกขึ้นเหนือศีรษะเก็บเรียบร้อย คุกเข่าคาราวะซาบซึ้งในบุญคุณขององค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ชิง

                “ไม่เป็นไร ท่านเป็นถึงเสนาบดีที่ซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์เรามานาน หากท่านไม่ช่วยเหลือเราต่อสู้กับพวกกบฏ ราชวงศ์ชิงคงไม่มีวันนี้”

                น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นด้วยความจริงใจ เรียกน้ำตาของชายชราหยดเผาะลงพรมแดง เสนาบดีหวังรีบเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ กลัวเสียกิริยาต่อหน้าพระพักตร์ ในใจยังคงเต็มตื้นกับบุญคุณครั้งนี้ สาบานกับตัวเอง ต้องทนแทนบุญคุณครั้งนี้ให้จงได้!

                “อาการของลูกสาวท่านดีขึ้นหรือยัง”

                มาถึงตรงนี้เสนาบดีก็แทบปล่อยโฮอีกรอบ กินเวลาเข้าไปสามเดือนเต็มที่ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนนอนนิ่งไม่ได้สติอยู่แบบนี้ เธอโชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับสุขภาพอ่อนแอ มักป่วยกระเสาะกระแสะเสมอ เขาจึงพลิกแผ่นดินตามหาหมอจากทั่วฟ้าทั่วเมืองมารักษา แต่ทุกคนกลับต้องส่ายหน้าเพราะหาสาเหตุอาการป่วยของโรคไม่เจอ หากการป่วยครั้งนี้หนักหนากว่าทุกครั้ง นั่นทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อแทบสลาย

                “ท่านหมอฟ้ง ฮึก ไม่เกินราตรีนี้

                 แม้จะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเพียงใด แต่เมื่อนึกถึงคำพูดหมอฟ้ง ชายชราถึงกลับกลั้นน้ำตาไม่อยู่

                “หากแต่มนุษย์เราไซร้ ฟ้าดินเป็นผู้กำหนดไว้แล้ววันนี้เราต้องไปที่อื่นต่อ ขอตัว”

                ร่างสูงตัดบทอย่างเป็นนิสัย วรกายสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนทำให้จวนที่โอ่อ่าดูเล็กลงไปถนัดตา ดวงตาสีนิลเหลือบมองผ่านม่านบางเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไปพร้อมองครักษ์ประจำกาย

                คล้อยหลังองค์รัชทายาทไม่นาน ร่างบางหลังม่านกระตุกขึ้น ใบหน้างามบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะกระอักเลือดสดๆ ออกมา

     

                “เอาล่ะ เลิกเรียนได้”

                ขอบคุณสวรรค์ เลิกเรียนซักที วิชาการฟังเป็นวิชาที่น่าเบื่อที่สุดในสามโลกไปเลย เกวลีกวาดหนังสือยัดลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโจนออกนอกห้องตรงไปห้องเรียนของเด็กปริญญาตรีทันที วันนี้เธอนัดกับอูมุว่าจะไปไหว้ศาลเจ้าด้วยกัน ทำให้เธออดระริกระรี้ไม่ได้ที่จะได้ไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เสียที

                “พร้อมรึยัง ไปกันเหอะ”

                “ซินเอ่อร์ ขอโทษๆ ขอโทษซักร้อยครั้งพันครั้ง วันนี้ฉันคงไปกับเธอไม่ได้แล้ว ฉันลืมไปว่าวันนี้ฉันลงเรียน HSK 5 เอาไว้”

                อ่าวเวร! ทำยังไงดีล่ะทีนี้ เกวลีมองอูมุที่ทำหน้าสำนึกผิดสุดๆ ด้วยความละเหี่ยนใจ เธอเข้าใจนะว่าก่อนจบปริญญาตรีต้องสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาจีนระดับห้า (HSK 5) ให้ผ่าน ฉะนั้นไม่แปลกที่อูมุจะไม่อยากโดดกิจกรรมภาคบ่ายนี้

                “อ่า งั้นเหรอ ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจเธอไปเรียนเถอะ” ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรงั้นเหรอ! ไหนรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าวันนี้ว่างไงยะยัยอูฐหมู

                ก๊าซซซ!

                “ฉันขอโทษจริงๆ นะซินเอ่อร์ งั้นเราไปวันหลังได้รึเปล่า”

                “วันอื่นฉันมีเรียนคาบบ่ายน่ะสิ ไม่เป็นไรหรอกอูมุ ฉันเข้าใจ เดี๋ยวฉันไปคนเดียวก็ได้”

                “โอเค งั้นฉันไปกินข้าวก่อนนะ เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะซินเอ่อร์ บ้ายบาย”

                เจอกันเย็นนี้ ทำไมเธอรู้สึกว่าวันนี้จะไม่มีตอนเย็นสำหรับเธอ     

               

                กว่าเกวลีจะพาร่างตัวเองมาถึงศาลเจ้าได้ก็ทำเอาเจ้าตัวถึงกับลิ้นห้อย แม่เจ้าโว้ย! เนินภูเขาบ้าอะไรถึงได้สูงขนาดนี้ นี่เธอกำลังแข่งขันปั่นจักรยานวิบากอยู่เรอะ!

                หญิงสาวจัดการจอดจักรยานไว้ข้างกำแพง ดวงตากลมโตกวาดมองเข้าไปข้างในอย่างตื่นเต้น ป้ายที่ติดอยู่ตรงประตูเรียกความสนใจให้เธอได้ไม่น้อย เธอพยายามอ่านภาษาจีนโบราณแต่ไม่เท่าไหร่ก็ต้องถอดใจเพราะตัวอักษรมันยุบยับเหลือเกิน

                ร่างสมส่วนก้าวผ่านธรณีประตูเข้าไป ประตูทางเข้าทั้งสองขนาบไปด้วยรูปปั้นนักรบโบราณถือง้าวขนาดใหญ่ หน้าตาบูดบึ้งดูน่าเกรงขาม เกวลีสอดสายตามองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น แปลกจัง ไหนคุณป้าบอกว่าที่นี่คนแน่นทุกวัน แต่เธอเพิ่งสังเกตว่าภายในศาลเจ้าแห่งนี้มีเพียงเธออยู่คนเดียว แม้แต่เจ้าหน้าที่เก็บเงินค่าเข้ายังไม่มีด้วยซ้ำ นี่เธอมาผิดที่รึเปล่า

              ดวงใจแห่งข้า หากเจ้ายังมีลมหายใจ โปรดรับรู้เอาไว้...ข้ายังรอเจ้าอยู่ที่เดิม

                น้ำเสียงเศร้า ทรมานปิ่มจะขาดใจ ตรึงหญิงสาวให้อยู่กับที่ อีกแล้ว เสียงนี้อีกแล้ว มันจะมาจากไหนกัน ในเมื่อตอนนี้เธอไม่ได้ฟังไอพอดด้วยซ้ำ คราวนี้เธอแน่ใจว่าเธอไม่ได้หูฝาดหรือคิดไปเอง เสียงนี้มันดังอยู่ข้างหูเธอจริงๆ

                หัวใจของเธอรัดแน่น ชาหนึบ ความวูบไหวแปลกๆ นี้ทำให้หญิงสาวจับหัวใจโดยไม่รู้ตัว ทรมานเหมือนเกิน

              “อ๊ะ! เดี๋ยวก่อนค่ะ”

                ชั่ววูบหนึ่ง เกวลีรู้สึกเหมือนมีคนเดินผ่านข้างหลัง มือน้อยจะคว้าแขนเสื้อเอาไว้ แต่เมื่อหันกลับไปกลับพบเพียงความว่างเปล่า
     

                ขนแขนพากันสแตนอัพ พุธโธ ธัมโม สังโฆ หลวงพ่อโตที่ห้อยติดคออยู่ตลอดเวลาถูกมือน้อยๆ ล้วงขึ้นมากุม หญิงสาวหลับตาสวดมนต์ไล่ผีอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่สนใจว่าผีจีนจะฟังคาถาไทยออกรึเปล่า แล้วจะให้ทำไงฟะ ในเมื่อเธอสวดคาถาไล่ผีของจีนไม่เป็นนี่หว่า

                พลันกระแสลมพัดเอากลิ่นหอมของดอกไม้ประหลาดกระทบกับจมูกของเธอ หญิงสาวหันไปมองตามทิศทางลม พบเก๋งหลังน้อยตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางสวนหย่อม เสียงกรุ้งกริ้งจากโมบายเก่าๆ ทำให้เกวลี  เดินตรงไปยังเก๋งนั้นคล้ายคนละเมอ ภายในเก๋งมีพระพุทธรูปจีนตั้งอยู่ ใบหน้าอวบของท่านมีจุดแดงอยู่กลางหน้าผาก มุมปากอมยิ้มเปี่ยมไปด้วยเมตตา ท่านนั่งขัดสมาธิอยู่บนดอกบัวบาน มือข้างหนึ่งยกขึ้นห้ามเหมือนท่านกำลังจะบอกเป็นนัยๆ ว่า อย่าเพิ่งเข้ามานะจ๊ะหนู ฝุ่นที่นี่มันกรังพอสมควร ระวังเป็นภูมิแพ้นะลูก

                เบื้องหน้าของท่านมีกระถางธูปโบราณขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ความเกรอะกรังเพราะสนิมทำให้เกวลี  รับรู้ได้ทันทีว่ากระถางธูปนี้คงมีอายุมากกว่าเธอเป็นพันปี

                เกวลีนั่งลงท่าเทพธิดา มือน้อยยกขึ้นมาประณมด้วยความตั้งใจ จิตของเธอระลึกถึงใบหน้าของมารดาที่มักเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเสมอ เธอไม่ยอมให้ใบหน้านั้นบูดเบี้ยวเพราะโรคร้ายมาเยือนหรอก ไม่มีวัน!

                ท่านเจ้าขา ตอนนี้แม่กิเป็นโรคมะเร็ง ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองแม่กิด้วยนะเจ้าคะ ขอให้แม่หายจากการเป็นโรคร้าย อย่าให้มันพาแม่กิไป กิจะเป็นเด็กดี จะตั้งใจเรียนหญิงสาวอธิษฐานเป็นภาษาจีน เกรงว่าท่านจะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องจนทำให้คำขอของเธอไม่เป็นผล

                หรือต่อให้แลกด้วยอะไรก็ยอม

                จบคำพูด กลิ่นหอมของดอกไม้ประหลาดพลันรุนแรงขึ้นราวกับตอบรับคำขอของเธอ เสียงโมบายที่กระทบกันเหมือนยินดีที่จะทำให้คำขอของเธอเป็นจริง

                เงามืดหลังต้นหลิวจ้องร่างบางไม่วางตา มุมปากหนากระดกยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ดวงตาคมสำรวจร่างเล็กจดจำทุกรายละเอียดบนวงหน้าหวาน ยังเหมือนเดิม คิ้วโก่ง ตาหวาน จมูกเชิงขึ้นอย่างคนดื้อรั้น ริมฝีปากแดงสด ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ ในที่สุดเธอก็มา หัวใจของเขากลับมาแล้ว ต่อไปนี้เขาจะอยู่อย่างคนมีหัวใจเสียที

                เกวลีก้มลงกราบสามครั้งด้วยท่า อัญชลี วันทา อภิวาท พร้อมตบหัวแปะๆ แบบฉบับคนไทย ก่อนจะลุกขึ้นเดินสำรวจบริเวณรอบๆ ด้วยความสนใจ

                ถัดจากเก๋งน้อยคือน้ำตกจำลอง มีรูปปั้นชายหญิงคู่หนึ่งยืนตระกองกอดกันอยู่ข้างริมน้ำตก ฝ่ายชายรวบเอวแน่งน้อยไว้แนบชิดกับตน อีกมือชี้ไปบนฟ้าชี้ชวนให้หญิงสาวข้างหายมองขึ้นไป ส่วนฝ่ายหญิงใช้มือยันหน้าอกผู้ชายให้ห่างเล็กน้อย แล้วมองไปยังบนฟ้าตามนิ้วชี้

                เกวลีเดินเข้ามองอย่างสนใจรายละเอียดตามชายผ้าดูสมจริงราวกับว่ามันกำลังพริ้วไหว เมื่อก้มลงจะอ่านป้ายประวัติชายหญิงคู่นี้ ก็ทำเอาหญิงสาวถึงกับงง

                สามี ภรรยา

                ขอถามใครมันเป็นคนเขียนป้ายนี้ฟะ! ช่วยบอกได้รึเปล่าว่าสองคนนี้เค้าสำคัญอะไรยังไงกับที่นี่ ถึงมีรูปปั้นอยู่ตรงนี้ ตูจะตรัสรู้รึเปล่าว่าสองคนนี้เป็นเจ้าของบ้าน เป็นชู้ เป็นหัวหน้าคนงาน หรือเป็นอะไรก็ช่วยบอกมาเหอะ แต่นี่ไม่เลยบอกแค่ว่า สามี ภรรยา อุบาทว์สิ้นดี!

                หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดอย่างขัดใจ เดินออกไปสำรวจที่อื่นต่ออย่างไม่สนใจที่จะมองใบหน้าของบุรุษและสตรีในรูปปั้นซ้ำอีกครั้ง

                แปร๋นนนนนนน

                เสียงช้างน้อยที่ดังจากโทรศัพท์ของเธอทำให้หญิงสาวที่เดินใจลอยถึงกับสะดุ้ง เมื่อมองหน้าจอก็อมยิ้มว่าใครเป็นคนโทรมา

                สวัสดีค่าคนสวย

                [ไม่ต้องทำมาเป็นปากหวานเลย ลืมแม่ไปแล้วรึไงถึงไม่ยอมโทรมาหาแม่เลย]

                โอ๋ๆ น้อยใจหรอเหรอจ้ะ ตอนนี้กิอยู่ข้างนอก ก็ว่าถึงหอเมื่อไหร่ค่อยโทรหาไง

                [อ่าว นี่อยู่ข้างนอกหรอ จะเย็นแล้วนะลูกรีบกลับหอเถอะ แม่เป็นห่วง]

                หญิงสาวอมยิ้มเมื่อนึกถึงว่าตอนนี้หน้าของมารดาที่ตาลีตาเหลือกตอนเธอบอกกล่าว

                จ้าๆ จะกลับเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่า แล้วถ้ากิ ถึงหอเมื่อไหร่จะโทรหาแม่อีกทีนะ

                [ปั่นจักรยานกลับดีๆ นะลูก เข้าใจรึเปล่า]

                รับทราบครับผม จะวางแล้วน้า

                [เดี๋ยวก่อนลูก]

                ว่าไงแม่

                [กิฟังแม่นะลูก แม่รักหนูนะ หากต่อไปหนูเจอเรื่องราวอะไรแม่อยากให้หนูยืนหยัดที่จะต่อสู้มัน เกิดเป็นลูกสาวแม่ต้องเข้มแข็ง ฆ่าได้หยามไม่ได้!]

                เข้าใจแล้วเจ้าค่า กิก็รักแม่น้า

                แม้จะงงอยู่บ้างว่าทำไมจู่ๆ แม่ถึงพูดแบบนี้ แต่คำสอนของแม่ทุกคำ เธอจดจำได้ขึ้นใจ

                เฮ้ย!

                เกวลีถึงกับผงะเมื่อเดินเลี้ยวตรงมุมโค้งเจอรูปปั้นสาวใช้ยืนถือถาดที่มีหนังสือเก่าๆ วางอยู่ หญิงสาวลูบอกปลอบขวัญแล้วจึงหยิบหนังสือโบราณขึ้นมาดูอย่างสนใจ ความเก่าแก่ของมันทำให้เธอค่อยๆ เปิดอ่านในแต่ละหน้าด้วยความระมัดระวังอย่างสุดขีด เออเนอะ เอาตำรายาโบราณมาวางแบบนี้ไม่กลัวคนขโมยรึไงเนี่ย เมืองนี้ยิ่งขึ้นชื่อเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย หญิงสาวเปิดอ่านไปเรื่อยๆ จนสะดุดเข้ากับหน้าหนึ่ง
     

                ดอกโบตั๋นโอสถวิเศษชุบชีวิตผู้ไร้ลมหายใจ

                ประหนึ่ง น้ำทิพย์ที่เกิดขึ้นมาจากบัญชาสวรรค์ รังสรรค์จากเหล่าทวยเทพ ไม่ว่าจะทุกข์ยากลำบากกายาเพราะโรคภัยอันใด เมื่อได้ดื่มด่ำโอสถนี้แล้วจักหายเป็นปลิดทิ้ง ราชาแห่งราชภัยทั้งปวง ย่อมยอมศิโรยราบให้แก่ดอกโบตั๋นโอสถเป็นแน่แท้ ทว่าถูกเก็บอย่างมิดชิดในพระราชวังฝ่ายใน ซึ่งองค์รัชทายาทหลี่เต๋อเป็นผู้เก็บรักษาแต่เพียงผู้เดียว หากมิใช่เหล่าหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ก็จะเป็นการยากลำบากที่จะได้ลิ้มรสแห่งชีวิตใหม่อีกครา
     

                สรรพคุณอะไรจะหรูเริ่ดขนาดนี้ ถ้าตอนนี้รัชทายาทหลี่เต๋อยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ อิฉันจะยอมเป็นพระสนมประจบสอพลอเพื่อขอยานี้มารักษาแม่เลยเจ้าค่า

                พูดไปอย่างคะนองปากเพราะไม่คิดจริงอะไร ยังไงเสียรัชทายาทหลี่เต๋ออะไรนี่ก็ตายไปตั้งหลายร้อยหลายพันปีแล้ว เธอจะไปเป็นพระสนมประจบสอพลอได้อย่างไรกันเล่า!

                หากเมื่อจบคำพูดของเธอกลับมีลมกระโชกแรง ตำราจีนโบราณถูกแรงกระชากของวายุพลิกหนังสือไปเรื่อยๆ อย่างไม่ปราณี ราวกับมีคนจับมันเปิดจนกระทั่งหยุดอยู่ที่หน้าเกือบสุดท้าย พร้อมกับลมที่สงบลง

                คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปม งุนงงกับสิ่งที่เกิดเมื่อครู่ ทำไมนะ เธอถึงได้รู้สึกว่าสายลมที่พัดผ่านร่างเธอกำลังกราดเกรี้ยว
     

                ผู้มีบุญสัมพันธ์ไซร้ แม้นอยู่ไกลกว่าหมื่นลี้ ชะตาก็พัดพาให้มาพานพบ หากแต่ผู้ไร้ซึ่งพันธะแห่งชะตา แม้นนั่งใกล้ไหล่กระทบยังมิอาจทราบแซ่ หรือแค่นาม ฉะนั้นข้าจึงไม่เสียใจเลยที่พบท่านการบอกลาช่างทรมานเหลือเกิน

                                                                                                                                   หวัง
     

                ชื่อตัวสุดท้ายถูกร่องรอยแห่งกาลเวลากลืนหายไป จึงไม่อาจทราบได้ว่าเป็นนามของใครเขียน หญิงสาววางหนังสือลงตามเดิม แม้จะเห็นเพียงตัวหนังสือ แต่เธอกลับสัมผัสถึงความเจ็บปวดของคนเขียนได้ เกวลีปัดความคิดบ้าๆ ออกจากหัว หากหัวใจกลับรู้สึกโหยหายบางอย่าง และบางอย่างนั้นก็กำลังกำลังร้องเรียกหาเธอ

                กลับมาหาข้ายอดรักแห่งข้า

                เสียงนุ่มทุ้มของบุรุษทำให้หญิงสาวอุ่นวาบในใจ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็แฝงไปด้วยความเศร้า

                จังหวะที่เกวลีเดินเลี้ยวกลับไปหัวมุมเดิมนั้น กลับปรากฏรูปปั้นของหญิงสาวรูปร่างสะโอดสะองและชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาขวางหน้าเธอไว้ นั่นไม่น่าตกใจเท่ากับว่า รูปปั้นนั้นเป็นอันเดียวกับที่ตั้งอยู่ริมน้ำตกจำลอง!!

                กรี๊ดดด

                ไม่ทันได้คิดอะไรแข้งขาของเกวลีพลันอ่อนเปลี้ยไร้กระดูก มือบางเกาะไหล่รูปปั้นผู้หญิงก่อนที่ร่างของเธอจะโถมเข้าไปหารูปปั้นนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว รูปปั้นหินล้มลงกระแทกพื้นด้วยแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว และนั่นทำให้ปากกระจับของเกวลีประกบเข้ากับปากรูปปั้นผู้หญิงอย่างพอดิบพอดี ก่อนจะเกิดเป็นแสงสีขาวสว่างวาบตรงปาก พร้อมกับใบหน้าของหญิงสาวที่ค่อยๆ ถูกกลืนเข้าไปในรูปปั้น!!


    -----------------------------------------------------------------------------
    บทต่อไปเข้าเรื่องเลยละกันเนอะ หลังจากที่เกริ่นมากันซะนาน
    มีข้อบกพร่องตรงไหนอยากแนะนำพอก็นำเหนอมากันได้นะคับ
    เพราะจะได้นำไปปรับปรุงในส่วนของบทต่อๆ ไป(ซึ่งยังไปไม่ถึงไหน)
    ฝากวิจารณ์ผลงานของมือสมัครเล่นด้วยนะคับผม^^
    หากใครสนใจนิยายไทยย้อนยุคโบราณ ติดตามได้นะคับ
    http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=499342

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×