ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราตรีนิรันดร์ [YAOI&HAREM]

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 55










    "อย่าหลงตัวเองไปแล้วกันราตรี ข้าหลงเจ้ามิใช่ว่าข้าจะทำร้ายเจ้าไม่ได้"




     
     
    คมเขี้ยวที่ฝังลึกลงไปในต้นขาของข้า ...
    นัยน์ตาสีชาที่ทอประกายของสัตว์ป่า
    แค่คิดก็ทำให้ข้ากัดริมฝีปากแน่น พยุงตัวขึ้นจากพื้นด้วยความทุลักทุเล เพราะความร้อนในกายดูท่าจะไม่มีเค้าลดลงเลย เลือดสีดำที่บัดนี้เริ่มสงบลง มันเริ่มที่จะกลับไปใต้ผิวหนังของข้าดังเดิมและเลือกที่จะปิดปากแผลให้ข้าเหมือนกลัวว่านายของตนจะมาสิ้นแรงตาย ณ ระเบียงในอาณาจักรอันตรายนี่ซะก่อน

    ใช่  อาณาจักร 'สนามรบ'  อาณาจักรที่ข้าซึ้งไปถึงขั้วหัวใจว่ามีแต่พวกป่าเถื่อน
    ขนาดผู้นำยังขนาดนี้ แล้วคนที่มันปกครองจะขนาดไหน !  

    "น้ำ..."  ข้าครางออกมาอย่างสิ้นเรี่ยวแรง  ข้าต้องการมัน คอของข้าแห้งผาก ขาของข้าสิ้นเรี่ยวแรง ข้าสัมผัสได้ถึงเลือดเกรอะกรังทั้งที่คอและต้นขาของข้า ซึ่งผู้ทำร้ายข้างั้นหรือ .. จมลูกธนูจากเลือดข้าตายคาห้องไปแล้วมั้ง !! 


    แต่ดูเหมือนเขาอยากจะอยากให้ข้าจดจำเขา  จึงฝากรอยคมเขี้ยวและความเจ็บปวดใต้ผิวหนังให้ข้า
    ความรุ่มร้อนเหมือนตกอยู่ในไฟนรก ร่างกายเหมือนโดนหลอมละลาย สมองที่บัดนี้เริ่มที่จะไม่ทำงานเพราะความมึนงงจากความเจ็บปวด 
     
    ข้าต้องการน้ำ มิอย่างนั้นข้าได้ตายอยู่ริมระเบียงนี้แน่ !! 


    แสงจันทราสาดส่องให้เห็นรอยแผลตรงมือของข้าที่บัดนี้เลือดสีดำช่วยกันปิดกั้นมิให้เลือดไหลเพิ่ม แต่ข้ากลับกระชากเหล่าเลือดสีดำที่ทำหน้าที่ปิดปากแผลออก  ก่อนที่จะใช้ริมฝีปากของตนเองดูดเลือดของตนอย่างบ้าคลั่ง

    อาจจะเห็นว่าข้าบ้า  แต่นี่คือทางเดียวที่จะดับกระหายข้าได้ !! 

    ข้าพิงหัวตัวเองกับระเบียง เหงื่อของข้าไหลออกมาเป็นทาง จนหยดลงบนพื้น  ... แสงจันทราที่ฉายอยู่เหนือข้าเหมือนเป็นแสงส่องทางให้ข้าก้าวออกไปรับแสงของมัน สู่สวนที่ตัวข้าคิดว่ามิได้ดูแลมาแสนเนิ่นนาน เหล่าต้นไม้ถูกปล่อยละเลย บ้างก็แห้งตายไม่ก็กิ่งก้านใบไปพันกับต้นไม้ต้นอื่น  มีเพียงเสียงของสรรพสัตว์มากมายที่ร้องไปทั่ว  ข้าขดตัวลงก่อนที่จะหาที่หลบซ่อน

    หวังว่าธรรมชาติจะช่วยข้าปิดบังตัวจากหมาป่าคลั่ง ...


    "กลิ่นเลือด" เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น ข้าชะงักก่อนที่จะก่นด่าในใจ  ข้ายังไม่พร้อมที่จะไปต่อสู้กับใครเขา สภาพตอนนี้ต่อให้แค่คลานหนียังเป็นเรื่องยากเลยสำหรับข้า โถ่ พระเจ้า ท่านจะจงเกลียดจงชังข้าไปถึงไหนกัน !!  ข้ามองต้นตอของเสียง ซ้ายไม่มี ขวาไม่มี ...

    สงสัยจะหูแว่ว


    "เจ้าทำอะไรอยู่หรือ?" และก็ต้องเผลอแหกปากออกมาเมื่อเสียงของใครสักคนมากระซิบเข้าหูของตัวเอง ซ้ำยังมีการพ่นลมเข้าหูจนขนพองสยิวอีกต่างหาก!  แต่เพียงแค่ข้าเปล่งเสียงออกมาไม่ถึงหนึ่งวิ มือแข็งกร้านก็ถูกยกขึ้นมาปิดปากข้าเสียแล้ว  

    ตัวของข้าล้มลงไปตามแรงโน้มถ่วง  แสงจันทราทำให้ข้ามองไม่เห็นชายที่คร่อมข้าอยู่ แต่ดูเหมือนเขาอยากจะให้ข้าเงียบ  แล้วทำไมข้าต้องทำตามที่เขาบอกด้วยเล่า ! ข้าตะเกียกตะกายมิยอมจำนน ใช้แรงที่มีทั้งหมดหวังจะผลักผู้ชายที่ดั่งผีร้าย ไร้สุ้มเสียงผู้นี้ให้รู้แล้วรู้รอด


    "ชู่วว เงียบๆซิ  ผู้คุมรู้เข้าทั้งข้าและเจ้าจะช่วยนะ" ผู้คุม ?  คำพูดแปลกๆที่ทำให้ตัวข้าเผลอที่จะเงียบสนิท  ดูเหมือนชายตรงหน้าจะพอใจกับผลลัพธ์เขาจึงปล่อยข้าให้พ้นจากถูกปิดปาก แล้วลุกขึ้นจากตัวข้า นั่งลงข้างตัวข้าแทน


    ข้าผุดลุกขึ้น แต่ด้วยความที่ข้าเสียเลือด ข้าจึงเซเตรียมที่จะล้ม ..ข้าหลับตาเตรียมรับความเจ็บปวด

    "ระวังหน่อยซิ เจ้าเสียเลือดไปมาก การผุดลุกหรือทำอะไรว่องไวนะ จะส่งผลเสียกับเจ้าเองนะ" ข้าเบิกตาโพลง และเมื่อรู้ว่าบัดนี้ข้าได้อยู่ภาตใต้อ้อมกอดของชายแปลกน้า ข้าผลักเขาออกก่อนที่จะใช้ฝ่ามือฟาดไปที่หน้าของเขาเต็มแรง

    "เจ้าตบข้าทำไมน่ะ!!"
    "ก็เจ้า...เจ้า..." เสียงของข้าแผ่วเบาลง เมื่อรู้ว่าเขาช่วยข้าเอาไว้ แต่ข้าตกใจเกินกว่าที่จะใช้เหตุผลมากกว่ากำลัง การที่โดนอีรอสจู่โจม ถึงข้าจะพยายามรวบรวมสติเท่าไหร่ มันก็ยากเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะเมื่อความเจ็บปวดของบาดแผลยังตอกย้ำข้าอยู่   ข้าลูบหน้าลูบตาก่อนที่จะนั่งลงกับผืนหญ้าที่แสนกระด้าง พูดอย่างจำใจยอมรับ


    "เจ้าช่วยข้า..." ข้าเงยหน้ามองใบหน้าของชายตรงหน้า เมื่อเห็นก็ต้องอ้าปากค้าง  มือและขาของเข้าถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เหล็กกล้า คอของเขารอยแผลเป็นจุดเล็กๆดั่งโดนเข็มฉีดยาฉีดเข้าไปอย่างลวกๆ ใบหน้าขาวที่บัดนี้ดวงตาถูกผ้าผืนใหญ่สีดำขาดรุ่งริ่งคาดปิดไว้อย่างลวกๆผมสีเทาขุ่นออกไปทางครามที่ปรกหน้าเหมือนไม่ได้ดูแลมานาน  ริมฝีปากที่มีทั้งรอยแตกและรอยเจาะ จิวเล็กๆและโซ่ที่คล้องระหว่างริมฝีปากและหูด้านซ้างที่ระเบิด   

    รอยสักตรงแก้มของเขาที่ข้าอ่านตามอย่างลืมตัว   

    " 'คนหลงทาง' " ชายตรงหน้าข้า ยื่นหน้าของเขาเข้ามาใกล้ข้า  ข้าปิดปากเงียบก่อนจะถอยหลังไปเล็กน้อย แต่มิวาย เขายังตามข้ามาก่อนที่จะก้มลงไปที่ซอกคอที่มีเลือดกรังของข้า  สูดลมหายใจเหมือนพวก... จิตไม่ปกติ


    "ข้ารังเกียจ ช่วยออกไปจากคอของข้าได้ไหม"
    "เจ้าบริสุทธิ์ใช่ไหม?" คำถามที่ทำให้ข้าอ้าปากค้าง ว่าชายตรงหน้าข้ามียางอายบ้างไหมที่มาถามเรื่องที่...ส่วนตัวแบบนี้ 

    "แล้วดูเหตุผลอันใดที่ข้าต้องบอกเจ้า" 
    "เหตุผลที่ว่าข้าช่วยเจ้า และรู้ว่าเจ้ากำลังหลบหนีอยู่ รู้ไหมถ้าข้าไปบอกผู้คุม การจองจำอยู่ที่นี่ของข้าก็น้อยลงไป" เขาส่งยิ้มหวานให้ข้า แต่ข้ากลับมองว่ามันเป็นยิ้มเคลือบยาพิษ  ข้ามองชายตรงหน้าข้าอย่างพิจารณา 

    "เจ้าเป็นใคร แล้วอะไรคือ ผู้คุม"
    "ข้าชื่อ 'ลอสต์' และคำถามท้ายของเจ้า มันก็เป็นดั่งชื่อ ผู้คุมก็คือผู้คุม ข้าเป็นนักโทษก็ต้องมีผู้คุมคอยคุมไม่ให้ข้าหนีไปก่อเรื่องเพิ่ม บ้างก็เตือนข้า บ้างก็โบยข้าพวกเขาช่างเลวร้ายนัก"  

    "แต่ถ้าเจ้าไม่ทำผิดเจ้าก็คงไม่จำเป็นต้องโดนปฎิบัติแบบนี้  ละลาบละล้วงไปหรือไม่ถ้าข้าอยากจะถามเหตุผลที่เจ้ากลายมาเป็นนักโทษ"   เขาเหยียดยิ้มและก่อนที่ข้าจะรู้ตัว เขาก็ได้สร้างสัมผัสอุ่นๆไว้ตรงที่แก้มด้านซ้ายของข้าเรียบร้อย  ภาษาชาวบ้านคือ เขาหอมแก้มข้า !!  ข้าสบถออกมาแต่ลอสต์กลับหัวเราะแล้วตอบคำถามข้าอย่างไม่มีเค้าของความทุกข์ร้อน

    "ข้ามันอันตรายและบาปเกินไปมั้ง  เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าที่เรามาอยู่ทีนี่เพื่อชดใช้บาป แต่สำหรับข้านั้น ข้าไม่ได้คิดเรื่องนั้นหรอก ที่นี่อิสระ ข้าจะทำอะไรก็ได้ทีข้าอยากทำ ข้าจะฆ่าใครก็ได้ที่ทำให้ข้าไม่พอใจ หากข้าต้องการเงินข้าก็แค่ไปค้ายา แม้ว่านั่นจะเป็นการทำลายอีกหลายชีวิตเพราะความคลั่งยาที่ข้าขายไปก็ตามที"   


    "ที่จริงข้าควรจะถูกคุมขังไว้ที่เขตที่ข้าปักหลักอยู่ เขตหอโคมแดง แต่เพราะที่นั่นมีธาตุอยู่ ข้าเลยถือเป็นนักโทษชนิดพิเศษ ถูกย้ายถิ่นมาอยู่ในถิ่นดัง 'สนามรบ' "
    "ธาตุ?" ลอสต์พยักหน้า 


    "ใช่ ธาตุ ข้ามิใช่สายเลือด'สัตว์พยศ' หากข้าให้เจ้าดูดวงตาข้าก็ดีแต่น่าเสียดาย ข้าถูกควักออกไปเสียแล้ว ..ดวงตาของพวกสัตว์พยศจะเป็นออกสีเขียวและดวงตาของข้าเป็นสีม่วง ...หากเจ้ามิรู้ข้าก็จะเฉลยให้เจ้า  นัยน์ตาที่ส่อถึงเค้าแห่งความมืด เราคือ สายเลือด 'ยักษานิรันดร์' ผู้หยิบยืมอำนาจของธรรมชาติ บ้างก็ควบคุมแสง ควบคุมเงา  แต่ข้า...ข้าควบคุมธาตุ" 


    "ธาตุในผืนดิน ธาตุในเครื่องใช้ แม้แต่ธาตุเหล็กในเลือดของมนุษย์ข้าก็สามารถควบคุมได้ เพราะอย่างนั้นอย่าแปลกใจที่ตรงคอของข้าจะมีรูปร่างเหมือนถูกจิ้มหรือช้ำไปสักหน่อย พวกเขาฉีดยาต้านข้าไว้ได้ในระดับที่ว่าไม่สามารถดึงธาตุเหล็กในเลือดของคนเราออกมาได้ แต่ก็นั่นล่ะ ผืนดินมันย่อมดึงได้ง่ายกว่า ก็ธาตุมันเยอะกว่านี่นะ  พวกเขาเลยย้ายข้ามาที่ สนามรบ แทน เพราะที่นี่ขาดความอุดมสมบูรณ์แน่นอนว่าธาตุเหล็กในที่นี้ยิ่งหายากมากกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก"


    ข้าจ้องมองชายตรงหน้าที่ยังยิ้มอยู่ได้ เขาโยกตัวไปมาจนข้าได้ยินเสียงกระทบกันของโซ่  แต่เสียงของมันทุ้มกังวานกว่าเหล็กกว่าทั่วไป  และเมื่อยามที่เขาโยกตัว ข้าก็เห็นถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ที่หลังเขา

    และเมื่อข้าเห็น  ข้าก็ถึงกับอ่อนแรง 
    คลื่นไส้ ... 
    ตะปูนับสิบถูกแทงเข้าไปในเนื้อของนักโทษหนุ่ม  มันทั้งมีคราบสนิทและเลือดเกรอะกรัง ซึ่งเลือดนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากของนักโทษที่หัวเราะร่าอยู่ตรงหน้าข้า ชุดที่เขาใส่เป็นชุดสีขาวสะอาด ลายแปลกตา  

    "ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้ข้าไม่เจ็บ"
    "..."  ข้าเงียบแล้วมองชายแปลกหน้าอย่างฉงน  เขารู้ได้อย่างไรกันว่าข้ากำลังคิดว่า ตะปูนับสิบที่ทิ่มแทงลงไปในผิวหนังของมนุษย์แล้วจะเจ็บปวดขนาดไหน แล้วทำไมชายตรงหน้าข้ายังหัวเราะและไม่คิดจะหนีไปจากที่นี่อีก

    "หากเจ้าสงสัยว่าทำไมข้าถึงเดาใจเจ้าออก บอกไว้ก่อนว่าข้าอ่านใจใครไม่ได้
    เพียงแค่ข้าหูดีน่ะ ... สัมผัสได้ว่าหัวใจเจ้าเต้นผิดจังหวะ ลมหายใจไม่เท่าเดิม และเรื่องปกติที่ทุกคนเป็นก็เรื่องตะปูที่ตำหลังข้าอยู่นี่ล่ะ"

    "ทำไมเจ้าพูดเหมือนเป็นเรื่องปกตินัก" 
    "แล้วจะพูดให้ยากไปทำไม ข้าแค่ยอมรับความจริงแล้วปรับตัวให้เข้ากับตนเอง เจ้าก็น่าจะเคยได้ยินคำนี้มานี่เลือดสีดำ  ... 'จะสุข จะทุกข์ มันขึ้นอยู่ที่ตัวเรา' "  ข้าหรี่ตาแล้วพูดเสียงเรียบ

    "รู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นเลือดสีดำ"

    "เลือดของเจ้ามันฟ้อง กลิ่นหอมยั่วยวนขนาดนั้นน่ะ แม้แต่ข้า'ยักษานิรันดร์'ยังสู้ไม่ได้ ก็มีแต่เลือดสีดำนั่นล่ะ แถมเจ้าก็คงจะหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย...กลิ่นชายชาตินักรบ น่าจะตำแหน่งสูงซะด้วย กลิ่นคลุ้งขนาดนี้ แถมยังไม่ใช่แค่หนึ่ง...จะเรียกว่าโง่หรือดวงดีกันนะที่รอดมาจากพวกเขา"   ข้าเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดเสียดสีชายนักโทษที่ปากพล่อย 


    "ก็มีแต่คนโง่ที่เลือกให้ตนเองเป็นนางบำเรอ"
    "แต่สิ่งตอบแทนคือความสุข หากเจ้าเด็ดเผ็ดร้อนจริงๆคู่นอนเจ้าก็จะถวายให้เจ้าทุกอย่าง เงินเอย อำนาจเอยได้กองอยู่แทบเท้าเจ้าอย่างแน่นอน ไม่สนหรืออย่างไร นั่นล่ะคือคามฝันสูงสุดของคนหมู่มากเชียวนา"   


    "วิธีเสื่อมพรรคนั้นก็มีแต่พวกเสื่อมด้วยกันนั่นล่ะที่เลือกใช้" ข้าจ้องมองใบหน้าของลอสต์ที่ดูจะนิ่งเรียบเหมือนตกอยู่ในภวังค์  ข้าส่งเสียงไม่ชอบใจเมื่อความเจ็บปวดมันแล่นพล่านไปทั่วอีกแล้ว โดยเฉพาะตรงบริเวณ...ขาอ่อน  

    ขาจ้องมองลอสต์ที่บอกว่าตน  'ตาบอด'

    คนบ้าที่ไหนจะมาบอกว่าตัวเองตาบอดถ้าหากตาดีจริง  ข้าเสหน้าไม่มองหน้าของนักโทษหนุ่มผู้แสนใจดีอีกต่อไปแล้วหันมาวุ่นกับแผลของตนแทน    อ้าขาของตนออกแล้วถกเสื้อตัวโคร่งขึ้น ใช่ เห็นไม่ผิดหรอกข้าพูดว่า  'เสื้อ'  

    อย่าเข้าใจผิดว่าข้าจิตไม่ปกติ ถอดกางเกงตนเองแล้ววิ่งหนี  บ้าหรือไงกัน
    เป็นเพราะเจ้าอีรอสนั่นต่างหาก เจ้าหมาป่าวิตถารหื่นกาม มันอาศัยช่วงเวลาที่ข้าสิ้นแรงปลดเปลื้องอาภรณ์ของข้า ยังดีที่เลือดของข้าทำร้ายมันได้เสียก่อน แต่ก็นั่นล่ะ ข้าที่สิ้นแรงคิดอย่างเดียวว่าหนีมันให้พ้นเป็นพอ แถมถ้าคว้ากางเกงของตนที่มันโยนไปไกลโผ  แล้วถ้าข้าหยิบมันได้แต่หมาป่าวิตถารนั่นมันเกิดมีแรงลุกขึ้นมาฟาดข้ากลับขึ้นเตียงอีกล่ะ  โอย  แค่คิด ... 

    ข้าทำท่าขนลุกขนพอง 

    แค่คิดก็อยากจะสำรอกแล้ว !!

     "อึ๊ก....โอ๊กกกก !!"  ข้าเบิกตาถลนเมื่อตัวข้าสำรอกออกมาจริงๆ ! นี่มันบ้าอะไรกัน ข้าปาดน้ำตาออกเพราะความทรมาน หัวของข้าปวดเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แผลของข้าปวดเสียจนข้าต้องนอนอยู่บนผืนหญ้าแห้งกรอบ ไร้สิ้นเรี่ยวแรงที่แม้แต่จะยันตัวขึ้น  น้ำตาของข้าไหลออกมา 

    และตัวข้าไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่เช็ดมัน

    ข้ารู้สึกดีว่าเหล่าเลือดของข้ากำลังกรีดร้อง  เหมือนพวกมันถูกเผาทั้งเป็น
    มันกรีดร้องอยู่ข้างในตัวข้า  ใต้ผิวหนังนี้  ทั้งรุ่มร้อนและบ้าคลั่ง  เหมือนอยากที่จะออกมาภายนอก อยากที่จะใช้พลังของพวกมัน ฉีกกระชากผู้ที่ทำให้นายของมันกลายสภาพมาเป็นเหยื่อไร้สิ้นคมเขี้ยว


    "เจ้าโดนกัด"
    "..." ข้านอนหายใจรอยริน รู้สึกเพียงว่าชายนักโทษเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ข้า และก็ต้องตัวชาวาบเมื่อมือกร้านนั้นลูบมาที่ต้นขาใกล้กับรอยคมเขี้ยวของอีรอส  ข้ากัดฟันพูดออกมา แม้ว่าที่จริงแม้แต่จะเล่งเสียงก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับข้า

    "ออกไปให้พ้น...!!" คำพูดของข้าหายไปหมดด้วยความตกใจ เมื่อลอสต์จับขาทั้งสองของข้าก่อนจะแยกออก !!  ข้ามองเห็นเขาจากมุมอุบาทว์นี่ ใบหน้าเรียวนั้นกำลังก้มลงแทบจะติดบาดแผลของข้าอยู่แล้ว  และนั่นหมายถึงว่าเขาเข้าใกล้...จุดต้องห้ามในตัวข้าด้วยเช่นกัน ! (หากท่านไม่เข้าใจ ข้าหมายถึงจุดสงวนของชายชาตรีเฉกเช่นข้า)

    "แผลของเจ้า"
    "เจ้ามันอุบาทว์บ้ากาม  ออกไปจากขาข้านะ!"  ข้าตะโกนด่าแม้ว่าตนเองแทบจะสำลักเลือดได้อยู่แล้ว ใบหน้าของข้าร้อนฉ่าด้วยแรงความโกรธและอาย แต่ดูท่าชายนักโทษจะไม่สนใจคำท้วงหรือด่าของข้าเลยสักนิด  เขากลับใช้มือของเขาลูบไปตามบาดแผลที่เกิดจากคมเขี้ยวขอข้า


    "จากพวก 'เขี้ยวพิษ' (POISON FANG) ด้วยซี...เจ้าไปเล่นซนที่ไหนกันถึงไปโดนพวกนั้นมันกัดเอาได้" ข้าสะบัดขาไปมาหวังว่ามันจะพ้นจากมือกร้านนี่ที่พันธณาการข้าอยู่ แต่ไม่เลย มันทำได้มากก็แค่สร้างความรำคาญให้  ชายตาบอดส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ


    "อยู่นิ่งซี เจ้าเด็กซน ไหนๆ ดูเสียก่อนว่าข้ามีอะไรช่วยเจ้าได้บ้างไหม" เขาปล่อยให้ข้าเป็นอิสระ ส่วนตนเองก็คลำหาของไปทั่วตัว บ่นงึมงำเพียงคนเดียว ข้ามองเขาด้วยความไม่ไว้วางใจ บ้างข้าก็คิดว่าดบ้างข้าก็คิดว่าเขามีพิษสง

    ไม่ซิ  นักโทษอย่างเขามันจะต้องมีอยู่แล้ว 
    แต่เพียงแค่รังสีความอยากจะฆ่าข้ามันไม่ออกมา เพียงแค่นั้นเอง

    และข้าก็ไม่อยากให้เขาพุ่งเป้าใส่ข้าเหมือนกัน  ทางทีดีที่สุดคือให้เขาสลบไปเสียก่อน ข้าจ้องมองเหล่าเลือดของข้าที่ไหลรินออกมาจากบาดแผลเหมือนตอบรับความคิดของข้า   ข้าเพ่งจิตตั้งสมาธิให้มั่น  ก่อนจะคิดคำนึงอยู่ในใจ

    เอาเลยซิ  ทำให้หมอนี่สลบไปเลย

    เลือดของข้าค่อยคลืบคลานไปตามผืนหญ้า ก่อนจะหยุดนิ่งงัน ซึมหายไปในผืนหญ้า
    ความงุนงงเกิดขึ้น ... ว่าทำไมถึงไม่ทำตามคำสั่ง  หรือข้าทำอะไรผิด ใช่ มันเป็นครั้งแรกที่ข้าลองสั่งเหล่าเลือดคำสาปของตน  แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกมันเคลื่อนที่ หรือสำแดงฤทธิ์

    เกิดอะไรขึ้นกับเลือดของข้า  !!


    "พิษแทรกซึมทั่วกาย แปรเลือดดีเป็นเลือดร้าย กัดกร่อนกระดูกดั่งอยู่ในไฟนรก
    หนึ่งค่ำเจ็บปวดรวดร้าว  เจ้าเอย แพ้ให้แก่พิษร้ายในคราบหมาป่า" ลอสต์พูดลอยๆ


    "แปรเลือดดีเป็นเลือดร้ายก็บอกอยู่ ... เลือดของเจ้าตอนนี้โดนพิษของหมาป่าที่กัดเจ้าเล่นงานเสียแล้ว และหนึ่งคืน...มันก็แค่คำกลอนปรัมปราเชื่อถือนักก็ดูท่าจะไม่ดี
    ข้าวินิจฉัยให้เจ้า  ว่าสองคืนคืออย่างต่ำ"

    "..." ข้าได้แต่กัดฟัน บัดนี้ตัวของข้าชาไปหมด แม้แต่ขยับปากยังทำไม่ได้แล้ว ร่างกายเหมือนถูกเผาจนต้องร้องครวญคราง อับอาย...ใช่ข้าอับอายแต่การหยุดให้ร้องนั้นข้ากลับห้ามมันไม่ได้ หากข้าไม่ได้ร้องโอดโอย  ข้าอาจจะสำลักความเจ็บปวดนี้จนตายไปเลยก็ได้!!

    เหงื่อซึมชื้นไปทั่วร่างกายของข้า ตัวของข้าหอบถี่เหมือนคนเป็นโรคร้าย


    "ข้าหาเจอแล้ว!!" คำพูดดีใจของลอสต์ ข้านั้นได้ยินแต่มิอาจส่งเสียงบอกว่าข้ารับรู้ได้ บัดนี้ข้าเหมือนตุ๊กตาที่ได้แต่นิ่งอยู่กับที่ ที่แตกต่างคงมีแต่เสียงลมหายใจนี้และความนึกคิดที่ยังบ่งบอกว่าตนยังเป็นมนุษย์

    ข้าถูกฉุดให้ลุกขึ้น ข้าโอนไปตามแรง และเมื่อรู้ตัว ข้าก็ซบหน้าลงกับอ้อมอกของชายนักโทษ
    เขาลูบหัวของข้าอย่างเอ็นดู ฉกฟัดแก้มข้าไปอีกดอกใหญ่ ข้าได้แต่กัดฟันเพรามิอาจตอบโต้อะไรได้ ลอสต์ลูบหัวของข้าอย่างเพลิดเพลิน แล้วเอ่ยปากนำร่องเรื่องของ 'ยา'

    "พิษจากงูขาวโฮรา  งูขาวที่มีถิ่นแค่ในอาณาจักรวิหาร ล้านพิษในกายที่มีอยู่ของมัน แค่เพียงถูกฉกไปครั้งเดียวก็ไม่ต้องห่วง ตายซี้แหงแก๋แน่ แต่นั่นล่ะตามสำนวน 'หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง'..พิษล้างด้วยพิษ "  ข้ารู้ดีว่าเขาจะกล่าวอะไร  เขายื่นข้อเสนออันตรายให้กับข้าเข้าเสียแล้ว

    "หากเจ้าทนได้ ไม่กี่ชั่วคราเจ้าก็จะฟื้นคืนกลับมาเป็นดั่งเดิม
    หากเจ้าทนไม่ได้ กระดูกของเจ้าจะหลอมละลาย พิษร้ายแทรกซึมไปทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ลมหายใจ เป็นซากศพตายอยู่ที่นี่  ...จะเอาอย่างไรดีล่ะ" 

    ข้าเห็นมัน  ของเหลวสีขาวแปลกตาที่กำลังกลิ้นไปมาตามแรงเขย่าของชายผู้หวังดี(?) กับข้า  และข้ารู้ดีว่ามันไม่ปลอดภัยเอาเสียเลยที่จะไปกินของคนที่คนแปลกหน้าเสนอให้ โดยเฉพาะนักโทษอย่างเขา แต่จะทำอย่างไร หากข้านอนอยู่ที่นี้อีกสักพัก  อีรอสจะต้องรู้และลากข้ากลับไปแน่

    ไม่ใช่ว่าชายตรงหน้าทีกอดข้าอยู่จะสู้เพื่อข้า หากถึงเวลาจริงๆ และถึงสู้ก็โอกาสน้อยเสียเหลือเกินไปอีกฝ่ายเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของสนามรบ ถื่อน ...

    ข้ากัดฟัน มองพิษของงูขาวโฮรา อย่างตัดสินใจ
    'ความตาย'  สัมผัสมันมารอบนึงแล้วจะกลัวไปไยกันเล่า ของแค่นี้ข้าจะต้องรอด !!

    ข้าพยักหน้าอย่างยอมรับข้อเสนอ  ลอสต์แสยะยิ้มออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิงกับข้า
    "แต่มีข้อแลกเปลี่ยน เจ้าก็รู้ว่าในเมื่อพิษของงูขาวโฮรานั้นอันตรายขนาดนี้ ราคาของมันก็ต้องแพงหูฉี่"

    ข้าไม่มีเงิน

    "อย่าไปคิดล่ะว่าข้าจะเอาเงิน เงินไม่มีความหมายสำหรับนักโทษซักเท่าไหร่กันหรอก ของง่ายๆเอง...จุมพิต" 
    "มิใช่แค่ริมฝีปากแนบชิด แต่คือการดื่มด่ำใช้เวลาอย่างสำราญ เจ้าจะทำมันได้ไหม จอมซน" ข้าอ้าปากเมื่อคำขอของลอสต์ช่างวิปริตผิดเพศ !! แต่มีหรือที่ข้าจะสู้แรงเข้าได้  พิษของอีรอสมันยังเล่นงานข้าอยู่อย่างที่ลอสต์บอก  ข้าไม่มีแรงแม้แต่ขยับนิ้วมือด้วยซ้ำ  !

    "เจ้าไม่พูดแสดงว่าเจ้าตกลงนะ ..."
    "!!!"  ข้าเบิกตากว้างเมื่อเขากอดรัดข้าแน่นขึ้น กลิ่นของควันและเครื่องหอมที่ลอยฟุ้งออกมาจากตัวของลอสต์ทำให้ข้ามึนงง จนลืมนึกไปว่านี่หรือคือกลิ่นของนักโทษ เขาชันคางของข้าขึ้นก่อนจะมอบสัมผัสอันรุ่มร้อนให้แก่ริมฝีปากของข้า

    ตาของข้าพร่ามัวด้วยแรงของอารมณ์และความเจ็บปวด
    ทั้งอับอายแต่ก็มิอาจหยุดราคะในตัวได้ เพราะความเจ็บปวดที่กระตุ้นให้สัญชาตญาณดิบเผยออกมา จนเผลอจูบตอบชายตรงหน้าไปเสียสนิท !!

    ข้ารู้ดีว่าลอสต์พอใจนักกับการตอบสนองของข้า  เขาผละจากริมฝีปากของข้าไปพักหนึ่งก่อนจะจู่โจมอย่างรุนแรงขึ้น พร้อมของเหลวแปลกปลอมที่เขาพยายามเข้ามาในปากของข้า !! เพียงแค่สัมผัสโดนก็พยายามที่จะถอยหน้า

    ความร้อนวูบวาบที่แม้แต่ปลายลิ้นสัมผัสก็ทำให้จำขึ้นใจ
    ขนาดข้าโดนไปเพียงแค่นิดเดียว แล้วชายตรงหน้าล่ะ จะรู้สึกไปถึงเพียงไหนแล้ว

    ลอสต์จับมือของข้าแน่นมิให้ข้าขัดขืน  อีกมือของเขาค่อยโอบเอวของข้า ข้าตกใจจนเผลอปล่อยให้เขามาวุ่นวายภายในริมฝีปากของข้า  ของเหลวที่เป็นยาพิษนั้นถูกส่งเขามาให้ข้าลิ้มรส มันทั้งร้อนและขม เป็นสิ่งที่ข้าเกลียดชัง   ข้าพยายามดันมันออก แต่ในที่สุดลอสต์ก็ทำให้ข้าดื่มมันจนหมดได้อย่างน่าเหลือเชื่อ !!


    ข้าหอบโรยรินภายใต้อ้อมกอดของนักโทษปริศนาที่ลูบหัวของข้าอย่างเอ็นดู
    เขาพรมจูบที่หน้าผาก  แล้วกระซิบที่ข้างหูของข้า


    "ทนหน่อยนะจอมซน ข้ายังไม่รู้นามของเจ้าเลยด้วยซ้ำ ...อย่าพึ่งจากข้าไปล่ะเพราะข้าติดใจเจ้าเสียแล้ว"


    ผ่านไปนานเท่าไหร่มิอาจล่วงรู้
    แต่เมื่อลืมตาตื่น  ความเหน็บหนาวก็ทำให้เข้าต้องลูบตัวไปมาหวังว่าแรงเสียดสีจะทำให้ข้าอบอุ่นมากขึ้น  ข้ากระพริบตาถี่ให้ชินกับความมืด  จ้องมองไปรอบกายที่เป็นเงาลางเลือน  แล้วแสงของจันทราล่ะ  หายไปไหนกัน

    "ตื่นแล้วหรือจอมซน" ข้าหันขวับไปตามต้นเสียง เมื่อเห็นข้าก็ต้องผุดลุกขึ้นก่อนชี้หน้าอย่างคาดโทษ
    "เจ้า..เจ้ามัน!!" ชายหนุ่มในชุดขาวพร้อมเหล่าโซ่ที่มัดมือทั้งสองเอาไว้จนระโยงระยาง  'ลอสต์'นั่นเอง เขาชี้หน้าตนเองอย่างงงงวย

    "ข้า ข้าทำไมอีกแล้วล่ะ?" ข้าจ้ำอ้าวเข้าไปหาเข้า หวังจะฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าที่ทำเหมือนว่าตนเองไม่ได้ล่วงเกินข้าเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ทำซะจน...ข้าหงุดหงิด !! วันนี้ข้าโดนจูบมากี่ครั้งแล้วกัน คนที่นี่ชอบเล่นพิเรนทร์กันเสียจนข้าหัวหมุน !

    "ก็เจ้าบังอา...เฮ้ย!!"  ข้าร้องลั่นเมื่อพอก้าวเข้าใกล้ลอสต์ได้ไม่ทันไหร่ ตัวข้าก็ร่วงลงไปเบื้องล่าง ทั้งๆที่ๆข้ายืนอยู่คือผืนดิน เสียงใบไม้ดังไปทั่ว ข้าหลับตาปี๋ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง ได้ยินเสียงถอนหายใจแล้วบ่นพึมพำ

    "เจ้ามันซื่อหรือซ่ากันแน่นะจอมซน  ถึงไปตกหลุมพรางเด็กๆแบบนี้ได้ ข้าสร้างมันไว้จับสัตว์ มิใช่ให้เจ้าตกลงไปหรอกนะ"  คำแถลงที่รู้ทันทีว่าหลุมพรางที่ตนเองตกลงไปคือ 'หลุมดักสัตว์' ร้องออกมาอย่างอารมณ์เสีย แล้วตะโกนใส่ชายนักโทษ

    "พาข้าขึ้นไป"  เขาขมวดคิ้ว 
    "ทำไมเจ้าต้องตะคอกข้าด้วย ข้ามิใช่ทาสเจ้า การที่ข้าช่วยเจ้าก็บุญโขแล้วรู้ไหม"  ข้าเชิดหน้า
    "แล้วใครบอกให้เจ้าช่วยข้า"
    "หรืออยากจะโดนคนที่กัดเจ้าลากตัวกลับไปอีกล่ะ.." 
    "..." ข้าเงียบกริบแล้วเม้มปาก มองไปเบื้องล่าง และเมื่อเห็นก็ต้องสบถออกมา
    เจ้านักโทษคนนี้มันชักจะพิลึกกึกกือเข้าไปใหญ่แล้ว  ทำไมข้างล่างข้าที่น่าจะเป็นเพียงหลุมรองรับที่ผืนดิน กลับรองรับไปด้วยหอกแหลมคมจำนวนมาก ถ้าหากข้าตกลงไป  ตัวข้าพรุนแน่ !!

    "พาข้าขึ้นไปที"  ข้าแกล้งบีบเสียงให้อ่อนที่สุด ให้ชายผู้จับข้อมือข้าเอาไว้ใจอ่อนแล้วฉุดข้าขึ้นไปอย่างว่าง่าย แต่หลังจากนั้น  ข้าคิดว่าจะฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าระรื่นนั่นอีกฟาดใหญ่ 

    "บอกนามของเจ้ามาก่อน" ข้าหรี่ตามองลอสต์ ชายที่บอกว่าตนตาบอด เขาดูเป็นคนเจนโลกและดูเหมือนมีแผนอยู่เสมอ เหมือนทุกอย่างถูกเขากำหนดไว้ตั้งแต่แรก และเขาจะเป็นคนที่ได้กำไรอยู่เสมอ  เซนต์ข้าถูกเสมอนั่นล่ะ  และคราวนี้ข้าฟันธงได้

    เขามิใช่นักโทษ

    กลิ่นของเขาที่ข้าได้กลิ่นมันเหมือนพวกที่อยู่ในสถานเริงรมย์ กลิ่นเหล้าอ่อนๆ ควัน เทียนหอม มันคลุ้งไปหมด (ข้าไปบ่อย เพราะพวกพี่ๆชอบพาข้าไปผ่อนคลาย บอกแล้วว่าข้าน่ะชายชาตรี เต็มร้อย!) แถมด้วยเสื้อผ้านักโทษของเขา
    มันขาวสะอาดเกินไป
    คำพูด ... ฝีปาก 'ดี' เกินจะเป็นนักโทษไร้หัวนอนปลายเท้า

    ข้ามิได้บอกว่าเขาฝีปากกล้า พวกกล้าคือพูดโง่ๆมันก็ยังจะกล้าพูด
    แต่ลอสต์มีดีกว่านั้น เขารู้ว่าอันไหนควรพูด อันไหนไม่ควร  และจะตักตวงผลประโยชน์ให้มากที่สุด
    ตัวอันตรายเลยล่ะ  

    ข้าเหยียดยิ้มอย่างนึกสนุก  น่าท้าทายเสียจริง ...

    "บอกนามของเจ้าได้รึยังจอมซน  หากไม่ ข้าจะปล่อยมือของข้าแล้วหรือ"
    " 'ราตรี' แล้วนามที่แท้จริงของเจ้าเล่า" ชายตรงหน้าข้าไม่มีเค้าความตกใจ ดั่งที่ข้าคิด เขายิ้มออกมาอย่างนึกสนุกก่อนที่จะฉุดข้าขึ้นจากหลุมดักสัตว์  และก็อีกเช่นเคย เขาหาช่องเวลาที่ข้าเผลอ ฉกจุมพิตที่คอของข้า และข้ารู้สึก ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น  เขาเม้มมัน !!

    ข้าเคยลองทำมันกับอิสตรีที่แทบจะถวายชีวิตให้ข้า
    การตีตรา   .. ข้าจะมิว่าเลยหากคนที่ทำข้าคืออิสตรีทรวดทรงงามน่าเย้ายวน
    มิใช่ ชายไร้สกุลปลิ้นปล้อนนี่ !!

    "เจ้ามันน่ารังเกียจ!!" ข้าตะโกนใส่แล้วยกฝ่ามือขึ้นหวังจะฟาดใส่หน้าของฝ่ายตรงข้าม  เขารับมันได้ก่อนจะหอมมือของข้าไปอีกฟอด 

    "เจ้าบริสุทธิ์มามากพอแล้วล่ะราตรี ... ให้ข้าทำเจ้าแปดเปื้อนบ้างจะเป็นอะไรไป" คำพูดที่ทำให้ข้าคุกรุ่น
    "นี่งั้นซิ 'ธาตุแท้' ของเจ้า"  
    "ข้าช่วยเจ้าจากพิษร้าย ข้าเสียผลประโยชน์รู้ไหม พิษงูขาวโฮราน่ะ เป็นพิษหายากนักราคาก็...ryoล้านได้ล่ะมั้ง แถมตอนนี้ข้ายังจะพาเจ้าไปดินแดนที่ข้าอยู่ด้วย เห็นไหมว่าข้าหลงเจ้าแค่ไหน"

    ผู้ชาย 'ปากหวาน'   ข้าส่งสายตาดูหมิ่นไปให้เขา และเมื่อเขาเห็นแววตาของข้า
    จากใบหน้าระรื่นเปลี่ยนเป็นใบหน้าดูแคลน ไม่ได้ต่างจากที่ข้าทำ

    "อย่าหลงตัวเองไปแล้วกันราตรี  ข้าหลงเจ้ามิใช่ว่าข้าจะทำร้ายเจ้าไม่ได้"
    "นั่นไงล่ะ เจ้าไม่ได้ตาบอด เจ้ารู้ว่าข้าทำหน้าตาดูแคลนเจ้าอยู่ ...เฮอะ ไร้สัจจะ!" ข้าพูดค่อนแคะเขา ที่ข้าทำหน้าตาดูหมิ่นเขาเพื่อการณ์นี้ล่ะ และดูเหมือนเขาจะคิดได้จึงชะงักไป ก่อนที่จะหัวเราะออกมา 

    มีอะไรน่าขำ

    "เจ้ามารยา"
    "เขาเรียกว่า 'ปัญญา' ข้าไม่ใช่นางโลมที่วันๆเอาแต่รินน้ำเมาให้เหล่าชายไร้สกุล ยกยอปอปั้นหวังเพียงแต่ทองสักก้อนหรือเพชรเม็ดงาม  ข้ามีดีกว่านั้นเป็นเท่าตัว"  
    "เจ้ามีดีอะไรกันล่ะ  หากเจ้าบอกข้าได้ ...ม้าเร็ว  ข้ายกให้เจ้าเลย"  ข้าเชิดหน้าขึ้น

    "ไหนกันล่ะม้าเร็ว แล้วที่นี่มันที่ไหน  เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่"  ลอสต์ขยับยิ้ม
    "ที่นี่คือเขตเชื่อมระหว่างอาณาจักร  ไร้แสงอาทิตย์มีเพียงแต่ราตรี หลังจากที่เจ้าสลบข้าก็ลักตัวเจ้าออกมาจากป้อมของพวกสนามรบ  อีกไม่กี่ชั่วคราเราก็จะถึง 'วิหาร' เราจะพักกันไม่กี่ค่ำ แล้วก็ออกเดินทางต่อไปถึงอาณาจักรแห่งความสำราญ 'หอโคมแดง' " 


    "แสดงว่าเจ้าติดกับ พรรณ และ วิหาร แล้วทำไมถึงต้องข้ามไปข้ามมาแต่ละประเทศ ไม่มีทางลัดหรือไงกัน"

    "ใช่ข้าติดกับ พรรณ และ วิหาร  ทางลัดน่ะมันมี 'ทะเล' อย่างไรล่ะ แต่ทำไมข้าถึงไม่ใช่มัน
    เพราะพวกโจรมันชุม  ข้านั้นน่ะมิเป็นปัญหา ข้าปลอดภัย รอดได้แน่ แต่เจ้าข้าไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ทุกเมื่อ หากเกิดการณ์ใดหรือเจ้าถูกผลักลงทะเล ตายเปล่า   ...ข้าก็ขาดทุนซิ เสียแรงแบกมาสุดท้ายก็ชวด"

    พูดคือ เขามิอยากเสียกำไร ลงแรง แต่ไม่ได้ข้ากลับไปในถิ่นเขา

    "แล้วเจ้าเป็นใครกัน บอกนามเจ้ามา?"  เขายิ้มใสซื่อ ที่ข้าดูก็รู้ว่าเขาแสร้งทำมัน
    "มันสำคัญตรงไหนกัน  เจ้าหนีคนทีกัดเจ้าได้ แถมยังได้ไปท่องอาณาจักรใหม่ๆ เห็นไหมเจ้าได้กำไรมากโขเชียวนา เด็กใหม่"

    "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็น 'เด็กใหม่'"  เขาหัวเราะออกมา
    "คงเพราะกลิ่นของ 'ความบริสุทธิ์' ล่ะมั้ง จมูกข้ามันดีเรื่องนี้น่ะ ผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่น่ะ เต็มไปด้วยราคะทั้งนั้นล่ะจอมซน  ซนที่ไหนก็ให้มันเลือกที่ ไม่ใช่โชคของเจ้าเสมอไปหรอกนาที่จะมาเจอ 'คนใจบุญ' เช่นข้า"
     

    "ใจบุญหรือเก็งกำไรกันแน่..."  เขาหัวเราะออกมา เพียงพริบตาเดียวเขาก็เข้ามาใกล้ข้าจนหน้าแทบจะชิดกัน ข้าผงะไปเล็กน้อยก่อนจะเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่กลัวเกรง ลอสต์หัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่จะฉุดข้าให้นั่งลงบนตักของเขา

    'ตัก'

    ...
    "ปล่อยข้า เจ้ามันผิดเพศเหมือนไอ้หมาป่ายังไม่ได้ฉีดยานั่นล่ะ วิตถารพอกัน!!" ลอสต์ทำหน้างง
    "หมาป่ายังไม่ได้ฉีดยา?"
    "อีรอสยังไงล่ะ ไอ้บ้าเลือดนั่นน่ะ ที่ทำให้ข้าซมซานจนต้องให้เจ้าเอาพิษงูขาวมาช่วย จะไปเรียกค่าเสียหายไปเรียกกับมัน ไม่ต้องมาทวงจากข้า!!"  ข้าได้ยินเสียงลอสต์ทำเสียงครุ่นคิด ข้าจึงได้ทีผุดลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องร้องออกมาอย่างอารมณ์เสีย เมื่อคนที่บังคับให้เขานั่งตักรู้แกว รีบดึงให้เขากลับมานั่งเหมือนเดิม แถมคราวนี้ยังกอดแน่นขึ้น คางของเขามาเชยที่ไหล่ของข้า

    ข้าไม่ได้หลงเคลิ้มกับชั้นเชิงการเข้าหาของเขาเลย ข้าสาบาน
    ก็ดูสถานที่นี้ซี ทั้งมืดทั้งครึ้ม เสียงแมลงเอย สัตว์เอยดังไปหมด มองเห็นก็มองเห็นได้แค่ลางๆเท่านั้นล่ะ !!

    "เล่าซิราตรี  ไหน เจ้ามีอะไรดี บอกข้าซิ" ข้าส่งสายตาจิกเจ้าคนปากดีที่คลอเคลียอยู่กับคอของข้า แม้ว่าข้าจะเอี้ยวตัวหรือใช้มือทุบลงไปที่ขาของเขาเท่าไหร่ ก็ไม่สะเทือนแม้แต่นิด  ข้าถอนหายใจแล้วรีบเล่าให้มันจบๆไป  เขาจะได้เลิกรุ่มร่ามกับข้า  ที่เป็นบุรุษเพศด้วยกัน

    "ชีวิตก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่  ข้าถูกเก็บมาเลี้ยง ข้าเฝ้าร่ำเรียนอย่างหนักทั้งในตำราและนอกตำรา ข้ามีญาณ  ข้าสามารถรับรู้เรื่องที่ใครๆไม่เข้าใจได้  บางที...แค่บางทีข้าจะเข้าใจภาษาสัตว์ คำทำนายของข้าช่วยผู้คนมามากมาย   ทุกคนเทิดทูนข้า เหมือน 'เทพเจ้า' "


    "แสดงว่าเพราะอย่างนั้นเจ้าเลยถือครองตนเองบริสุทธิ์ เพื่อไม่ให้ญาณของเจ้าหายไป" ข้าส่ายหน้า


    "เห็นอย่างนั้นข้ามิได้รับใช้พระเจ้า  ญาณของข้ามิจางหายหรอก เห็นข้าศึกษาในตำราเป็นหนอนหนังสือ  แต่ข้าก็เป็นบุรุษเพศข้ามีความต้องการ ข้าผ่านอิสตรีมาเยอะซึ่งส่วนใหญ่มาหาข้าเพราะอำนาจการทำนายทายทักของข้าบ้างล่ะ  เกียตรของข้า หรือแม้แต่เงิน ...ข้าว่าจมูกของเจ้าพลาดแล้วล่ะ ข้ามิได้บริสุทธิ์"  ข้าหัวเราะออกมาก่อนจะเล่าต่อไปอย่างเพลิดเพลิน จนลืมสนใจผู้ชายจอมเก็งกำไรที่ฟังเรื่องของข้าอย่างใจจดใจจ่อ มือของเขาก็เริ่มที่จะปลดกระดุมของข้าไปทีละเม็ด ๆ ..



    "ข้ามีความรู้สึก มีบาป มีความโลภ เหมือนมนุษย์ทั่วไป ข้ารู้สันดานของมนุษย์ ของตัวเอง แต่ก็รู้ว่าตอนไหนที่จะปล่อยไปตามธรรมชาติ หรืออดกลั้นมันเอาไว้..เฮ้ ! อย่ากัดหูข้าซิ!!"




    next chapter . 
    หมาป่าตามมาทวงของคืน
    จ้าวป่าไร้คราบของผู้นำ
    เลือดสีดำ  ทำให้พวกเขาขาดสติ  .   ส่วนเจ้าตัวน่ะหรือ
    "งูพิษที่เจ้าทำท่าขยะแขยงน่ะ เพื่อนข้าเอง"  
    เข้าสู่อาณาจักรวิหารที่มีผู้นำที่ใครๆต่างก็ หลีกเลี่ยงไปแล้วอย่างไรเล่า !!





    ดีใจจัง นิยายเราติดหน้า 9 แล้วววว TT  ขอบคุณนักอ่านทุกคนค่ะ
    บางคนอาจคิดว่า แค่หน้าเก้าเอง แต่สำหรับเราที่เปิดเรื่องมาไม่กี่วัน
    มันคือ ตั้ง  (แต่ถ้าได้อีกก็ดีนะ -.-)
    ขอบใจนะคะ รักนักอ่านเสมอค่ะ :) 


    -..-  นักโทษคนนี้มีอะไรที่เรียกว่า  เยอะ  ค่ะ 55555555555
    ราตรีน้อยกลอยใจ   ลูกจ๋า   มีสามีเยอะๆมันก็ดีนะ (?)  5555555 -/////////-   (ได้ข่าวว่ายังไม่เสร็จใครเลย)
    ตอนนี้มันช่าง  ร้อนแรงแบบนุ่มนวล วิ้ววววว ว


    อีรอสเธอน่ะมันรุนแรง !  ต้องอย่างลอสต์ นุ่มนวลแต่ร้อนแรง กรี๊ดดดด  .

    ขอบคุณที่ติดตามค่า :)










     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×