ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MIDNIGHT GARDEN สวนเร้นรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : IMAGE , PROLOGUE 100%

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 55


    beyo ng







    ลูคัส อาร์มานี่ 
    image . luke worrall

    ลูกชายคนเดียวของเจ้าของคฤหาสณ์ที่อาทิยาไปทำงาน
    ชอบทำตัวลึกลับไม่พบปะผู้คน วันๆเอาแต่หมกตัวในห้องสมุด
    เขาหลงไหลในพวกสารเสพติดและรอยสักเป็นชีวิตจิตใจ



    อาทิยา  เวชวรดีพร
    image. ebba zingmark

    ผู้หญิงที่สมัครเข้ามาทำงานเป็นคนจัดสวนเพราะได้เงินดี
    เธออยู่ตัวคนเดียวดิ้นรนชีวิตเพื่อเรียนหนังสือ
    วันว่างๆชอบฟังเพลงไม่ก็ออกไปเดินเล่น ทวนการบ้านเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเธอเอง



    ฐาติ เวซายด์
    image .Marius Survila

    พ่อบ้านหนุ่มอายุน้อยควบทั้งงานพ่อบ้านและนักศึกษาในเวลาเดียวกัน
    ชายหนุ่มที่จัดแจงทุกอย่างในบ้านให้มีระเบียบได้ในพริบตา
    ยามดึกชอบโยนงานให้อาทิยาเพื่อตัวเองจะได้ออกไปขับรถเล่น (หรือแข่ง ไม่มีใครแน่ใจได้)










    อาทิยาได้แต่ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ และทบทวนสิ่งที่เธอเห็นว่ามันเป็นเพียงแค่จินตนาการบ้องตื้นของเธอเองหรือเปล่า ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเธอกำลังหลุกหลิกไปมา หัวคิ้วขมวดมุ่นเมื่อภาพเมื่อกี้ยังชัดเจนติดตาเธออยู่   


    ภาพของคุณชายจากคฤหาสณ์เก่ากระโดดจากหน้าต่างลงไปข้างล่าง  ซึ่งถ้าเป็นชั้นสองเธอก็ว่าบ้าแล้ว แต่นี่มันชั้นสามนะเจ้าพระคุณ ! เธอกัดริมฝีปากแล้วรีบเร่งเดินโผล่หน้าออกไปข้างนอกหน้าต่าง  ควานหาศพของลูกชายคนโตของตระกูลดัง 'อีโทร์นิก' แต่ที่เธอพบเห็นก็แค่ผืนหญ้าเขียวขจีที่ลิ่วไปตามลมและทิวทัศน์แบบในเทพนิยายเท่านั้น  
     

    เธอผ่อนลมหายใจ เธอคงจะเพียงแค่ตาฝาดไป


    "ทำอะไรอยู่น่ะ คุณอาทิยา" อาทิยารีบหันขวับไปประจันหน้ากับหัวหน้างานของเธออย่างรวดเร็ว ผู้ชายที่อยู่อีกฝากประตูกำลังมองมาทางเธอด้วยความงงงวย ผมสีดำเข้มและผิวสีซีดดวงตาสีเขียวมรกตกับใบหน้าคมคายร่างกำยำเข้ารูปในชุดสูท เรียกได้ว่าหากหญิงคนไหนมาเห็นแล้วไม่หลงเสน่ห์ก็คงจะเรียกไม่ได้เต็มปากว่าเป็น 'ผู้หญิง' 

    แต่น่าเสียดายเล็กน้อยที่เขาไม่ใช่คุณชายของตระกูลอีโทร์นิก  

    "ห้องพักของคุณอยู่ข้างล่างไม่ใช่หรือไง มาเดินเพ่นพ่านอะไรในห้องของคุณชายล่ะ" แต่เป็นหัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลอีโทร์นิกแทน  แวบแรกที่อาทิยาพบเขาเธอเข้าใจผิดไปอย่างจัง จนกระทั่งเขาเอ่ยปากแนะนำตัวนั่นละ เธอถึงรู้แจ้ง  แม้จะแอบนึกว่าไหนบอกกันว่าลูกชายคนโตของคฤหาสณ์นี้รูปงามนักรูปงามหนา แต่ถ้าเจอพ่อบ้านที่ชื่อ 'ฐาติ' คนนี้เข้าไปแล้วยังรูปงามอยู่ได้ ก็คงจะเข้าขั้นสุดยอดเทพบุตรเต็มที


    "ก็คุณบอกว่าให้มาแนะนำตัวกับคุณชายไม่ใช่เหรอคะ" ฐาตินิ่งไปสักพักก่อนจะกระแอมออกมา แล้วกวักมือเธอให้ออกจากห้อง แน่นอนว่าอาทิยาทำตามโดยดี เขาเรียกให้เธอเดินตามเขามาปากก็อธิบายให้เข้าใจ

    "ผมหมายถึงว่าให้ไปพร้อมกัน ตอนนี้คุณชายกำลังยุ่งกับการ..." พ่อบ้านหนุ่มลากเสียงเหมือนนึกคำก่อนที่จะยกนิ้วขึ้นมา
    " 'ทดลองพืชพรรณ' ใช่แล้ว เขาชอบนักล่ะเรื่องพืชพรรณดอกไม้นานาชนิดน่ะ" ถ้าเขาไม่ใช่พวกบ้าวิทยาศาสตร์เด็กเนิร์ด เขาก็อาจจะเป็นพวกคุณชายสไตล์ไฮโซล่ะมั้ง อาทิยาคิดแต่เธฮไม่ได้พ่นความคิดของเธอออกไปหรอกนะ แน่ล่ะถ้าขืนเธอทำเธออาจจะโดนหัวหน้าพ่อบ้านหนุ่มคนนี้กัดคำพูดของเธอข้อหาทำให้เจ้านายของเขาดูไม่เหมือนคนตัวไป  ( แม้ว่าจะเป็นความจริง จะมีผู้ชายกี่คนที่จะไม่บ้ากีฬาแล้วหันมาสนใจพืชพรรณ )



    เธอมองสำรวจภายในคฤหาสณ์อีกรอบนึง บ้านสไตล์ยุโรปที่ดูจะมีมนตร์ขลัง เพราะมันทั้งประณีตและมีรอยแกะสลักไปทั่ว แม้แต่โคมไฟระย้าแก้วที่เธอพึ่งเดินผ่านมาก็ดูจะเป็นของที่ช่างฝีมือเยี่ยมทำทั้งนั้น
    คำจำกัดความของเธอสำหรับบ้านหลังนี้ เรียกว่าเก่าแก่และน่าสนใจจะดีกว่า 
    แต่นี่ก็ไม่ใช่สาเหตุหลักเลยที่เธอเลือกที่จะเข้ามาทำงานในคฤหาสณ์หลังโตนี้  


    "นี่ห้องของคุณ เปลี่ยนชุดแล้วผมจะพาคุณไปดูที่ๆคุณต้องทำหน้าที่ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าของคุณที่วางทิ้งเอาไว้ที่ห้องโถงเมื่อกี้ ผมจัดเก็บให้หมดแล้ว อยู่ในห้องนี้แล้วครับ" ฐาติเผยมือให้เธออย่างสุภาพ เธอพยักหน้าตอบรับเขาก่อนเอ่ยคำขอบคุณ แม้ว่าจะงุนงงว่าแล้วเหล่าแม่บ้านและพ่อบ้านคนอื่นหายไปไหนกันหมด


    ตั้งแต่ที่เธอเหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้  คนๆเดียวที่เธอเห็นก็คือพ่อบ้านใหญ่นามฐาติคนเดียวเท่านั้น มันช่างน่าแปลก 
    อาทิยายักไหล่แล้วปล่อยความคิดช่างสงสัยของเธอให้หายไปได้ไม่ยากเมื่อเปิดกลอนประตูเข้าไปในห้องพักที่เธอจะต้องอาศัยตั้งแต่นี้ไปต้นไป

    ห้องพักของเธอช่างลงตัวและมีแต่ของตกแต่งที่เธอชอบ ภายในห้องตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์สีเขียวสดตัดกับโคมไฟข้างเตียงสีทอง ตู้เสื้อผ้าเป็นสีขาวสะอาด ทางริมหน้าต่างก็มีกระถางต้นไม้สองสามต้นให้เธอคอยดูแลมันเอาไว้ แสงแดดอ่อนๆสาดส่องเข้ามาเป็นลู่ทางลมทำให้ห้องดูโปร่งสบาย

    เธอลากนิ้วไปตามวอลเปเปอร์เก่าครำคราที่มีฝุ่นติดมือเธอมา อาทิยาไม่ได้มีปัญหากับเรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก เพราะเมื่อเธอมีเวลาล่างเธอก็สามารถทำความสะอาดห้องที่ถือว่ายังอยู่ใน 'สภาพดี' ได้

    เธอลองนั่งที่เตียงฟูกของเธอ แล้วก็ต้องผิวปากออกมาเมื่อมันช่างแสนนุ่มไม่ได้ต่างจากเตียงราคาแพงตามห้างสรรพสินค้าเลย เพียงแค่มันมีสภาพเหมือนวอลเปเปอร์ห้องเท่านั้น  ฝุ่นไงล่ะ 

    อาทิยากระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงหนา แล้วรีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า  เพราะเธอไม่ใช่แขกที่จะทำอะไรเชื่องช้าได้หรอก ตอนนี้เธอมีฐานะเป็นคนสวนของคฤหาสณ์หรู เธอจำเป็นที่จะต้องคล่องแคล่วและกระฉับกะเฉง (เผื่อมันจะทำให้นายจ้างเมตตาให้เงินเธอเพิ่มนั่นเอง...) 

    อาทิยาเปิดตู้เสื้อผ้าสีขาวสะอาด แล้วเมื่อเห็นชุดทำงานของเธอก็ต้องงุนงง 
    ชุดแซ๊คสีขาวกระโปรงบานไปจนเกือบจะปิดเข่าพร้อมระบายลูกไม้ที่เต็มตู้เสื้อผ้า มันทั้งสะอาดและถูกรีดให้เรียบอย่างบรรจง

    ถ้าเป็นปกติเธอคงจะไม่ปฎิเสธที่จะใส่ แต่นี่น่ะเหรอ คือชุดทำงานของคนจัดสวน
    แถมรองเท้ายังไม่มีอีก จะให้เธอสวมรองเท้าเดินชายหาดไปทำสวนหรือไงกันนะคุณเจ้าบ้านก็ช่างคิดได้   หากชุดพวกนี้เปื้อนดินโคลน มันคงจะต้องโดนขยี้หรือโดนประทุษร้ายอย่างหนักจากเจ้าผงซักฟอกแน่ถึงจะกลับมาขาวสะอาดได้เหมือนเดิม

    เธอลองคว้าเจ้าชุดทำงานแปลกประหลาดตัวหนึ่ง ก่อนจะยกมาทาบตัว มองเข้าไปในกระจกเท่าตัวจริงที่ติดผนัง กรอบกระจกทำมาจากเงินเป็นลวดลายเหมือนกิ่งก้านของใบไม้ล้อมรอบและมาบรรจบกันข้างบนโดยที่มีอัญมณีสีเงินแวววาวประดับไว้เป็นจุดเชื่อของสองกิ่งก้าน 

      
    "น่ารักจัง"  เธอพูดเสียงเบาก่อนจะลูบเนื้อผ้าของเจ้าชุดแซ็คสีขาวนั้น เอียงคอและคิดในใจว่า นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้แต่งตัวสมวัยเหมือนผู้หญิงทั่วไป ส่วนใหญ่อาทิยามักจะใส่เพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบตัวเก่งสักตัว มัดผมสีน้ำตาลแดงด้วยหนังยางสักเส้นเหมือนพวกทอมบอย เพราะมันสะดวกกับชีวิตที่วิ่งวุ่นหางานพิเศษเลี้ยงตัวเองของเธอมากกว่าพวกส้นสูงและชุดน่ารักๆแบบนี้

    เสียงนาฬิกาบอกเวลาดังไปทั่ว มันฉุดให้อาทิยาเลิกคิดเรื่องราวอดีตเพ้อเจ้อของตัวเธอเอง เธอส่ายหน้าไล่ความเหม่อลอยของตัวเอง ก่อนที่จะปลดเสื้อของเธอออกอย่างรีบเร่ง ให้ตาย.. ตั้งแต่ที่เธอเหยียบเข้ามาในคฤหาสณ์หลังนี้ ทำไมเธอดูเหมือนพวกศิลปินเอกที่มีโลกส่วนตัวสูงนักนะ เป็นเพราะความเงียบกริบและลมอ่อนๆแน่ 

    "แกรก.."  อาทิยาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดประตู  เธอรีบหันขวับไปในสภาพที่ใส่บราสีแดงสดและกางเกงยีนส์ตัวเดียว และภาพที่เห็นก็ทำให้เธอนิ่งอึ้งซะจนเผลอมองค้างกลับไปให้ผู้ชายแปลกหน้าที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องพักของเธออยู่ 

    ชายหนุ่มตรงหน้าเธอมีผิวขาว ขาวเหมือนหิมะมันซีดซะจนเหมือนไม่ใช่ผิวของมนุษย์ทั่วไป ผมสีน้ำตาลเข้มเหมือนไม้สนและริมฝีปากแดงสดผสมกับใบหน้าเรียวจมูกโด่งเป็นสัน และรอยสักตรงหัวไหล่รูปไม้กางเขนกลับหัวกับหูที่โดนเจาะไม่ต่ำกว่าสามรูต่อหูข้างหนึ่ง

    มันทำให้เธอตัวชากลั้นหายใจเหมือนต้องมนตร์ โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ดวงตาสีเทานั้นเลื่อนมาสบกับเธอ มันเหมือนเธอเกือบจะโดนสูบวิญญาณไปเสียแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าชายตรงหน้าจะเรียกสติของเธอด้วยการหลบสายตาเธอแล้วรีบจับกลอนประตูก่อนจะเร่งรีบออกไป พร้อมคำพูดเพียงประโยคเดียว 'ขอโทษที'

    ประโยคที่ทำให้อาทิยาถึงกับหน้าแดงแล้วรีบคว้าหมอนมาตีเตียงในความโง่ของเธอที่ให้ผู้ชายคนนั้นมองเธอในสภาพบราตัวเดียวกับกางเกงยีนส์อยู่นานสองนาน  !


    "นี่คือสวนที่คุณจะดูแล"  อาทิยาอดที่จะหอบไม่ได้ เพราะเธอรีบเร่งใส่ชุดขาวนั่นก่อนจะวิ่งแจ้นหลังจากที่ลืมไปเสียสนิทว่าหัวหน้าพ่อบ้านตรงหน้าเธอนัดเธอให้มาเจอที่ข้างหน้าโดมสวนที่เธอต้องดูแล 

    เธอมองไปทั่วข้างในของโดมสวนที่เต็มไปด้วยพืชพรรณที่ช่างรกเสียไม่มี มันเป็นสวนที่ถูกจัดวางต้นไม้ดีอยู่แล้วแต่เพียงแค่เพราะขาดคนดูแล ทำให้สวนแห่งนี้ไม่ได้ต่างจากป่าที่เต็มไปกิ่งก้านของต้นไม้ที่แผ่คลุมไปทั่วไม่ก็ใบไม้ที่ร่วงไปเต็มทางเดิน ไม่มีใครกวาดเก็บให้พ้นทาง


    เธอกลัวจริงๆว่าเดินไปแล้วจะโดนงูกัด เขาจะออกค่าพยาบาลให้เธอไหมเนี่ย

    "และไม่ต้องห่วงเรื่องแมลงหรือสัตว์มีพิษนะครับ โดมของเราทำจากกระจกแก้วอย่างดี และมีกุญแจสำหรับเข้าออกซึ่งปกติผมจะปิดโดมเอาไว้" พ่อบ้านหนุ่มชูกุญแจเงินให้เธอดูเขายิ้มให้เธอมันทำให้เธอเผลอมองค้าง 'อีกแล้ว' โอย ยัยบ้าอาทิยา เขาต้องมองว่าเธอเป็นพวกผู้หญิงสมองนิ่มแพ้ผู้ชายแน่ ๆ

    ทั้งที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับคนอย่างเธอ ทั้งชีวิตอาทิยามักจะคลุกอยู่กับพวกผู้ชาย เธอเคยไปนอนค้างบ้านเพื่อนชายที่เป็นดาวของโรงเรียน มีหุ่นน่าฟัดและเป็นนักกีฬา (ย้ำอีกครั้งว่าแค่เพื่อน) เธอเห็นหมอนั่นใส่เพียงแค่ผ้าเช็ดตัวตัวเดียวปิดท่อนล่าง แล้วสิ่งที่เธอทำน่ะเหรอก็แค่มองเขาแล้วบอกความคิดเธอว่า เธออยากกินพิซซ่าสักห้าชิ้น เพราะเธอหิวมาก

    จึงไม่น่าแปลกที่พวกผู้ชายก็มองเธอไม่ได้ต่างจากเพื่อนที่ไม่ต้องปิดบัง (หมายถึงพวกเขาสามารถเรอ หรือพูดเรื่องทุเรศ  แม้ว่ามันจะน่ารังเกียจแต่บางทีเธอก็พอรับได้อยู่บ้างก็ตาม) ยิ่งเวลาทำงานยิ่งไม่ต้องแบ่งแยก เธอทำงานเยอะยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก และเวลางานของเธอไม่ใช่แค่ที่ทำงานเท่านั้น แม้แต่บ้านที่เธอไม่อยากอยู่ก็ใช้เธอเยี่ยงทาสเช่นกัน

    "แต่ต่อจากนี้ไป คนที่จะเก็บกุญแจไว้คงไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณ:)" แต่กับผู้ชายในคฤหาสณ์นี้มันต่างออกไป พวกเขาดูน่าค้นหาและเหมือนมีมนตร์สะกด เธอไม่ได้เพ้อฝันเลยสักนิดแต่มันคือเรื่องจริง ถึงแม้ว่าอีกคนเธอจะไม่รู้จักชื่อเขาและเห็นเขาไม่ถึงนาทีก็เถอะ พวกเขาเหมือนมีเวทย์มนตร์ที่ทำให้ทุกคนจับตามองได้ตลอดเวลา  เชื่อเลยว่าตอนนี้เธอต้องยอมรับว่าพวกเขามีฟีโรโมนที่แม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังต้องเหลียวมอง

    "ค่ะ คุณรู้จักผู้ชายที่อาศัยในคฤหาสณ์นี้ มีรอยสักตรงแขนขวาไหมคะ" อาทิยารับกุญแจเปิดสวนจากมือของฐาติ เธอเงยหน้าถามถึงผู้ชายที่เผลอเข้ามาในห้องพักเธอในตอนที่เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า   ฐาติเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจแล้วถามคำถามที่ทำให้อาทิยาถึงกับนิ่งค้างเพราะความช๊อค


    "อ้าว คุณได้เจอกับลูกชายของเจ้าของคฤหาสณ์แล้วเหรอ นั่นคือคุณ 'ลูคัส อีโทร์นิก' เรียกอีกอย่างก็คือเป็นเจ้านายของคุณไงอาทิยา"








    หนึ่งกำลังใจของคุณเป็นแรงผลักดันชั้นเยี่ยมของนักเขียนค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :)

















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×