ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF SEOHYUN&ETC.

    ลำดับตอนที่ #7 : S E O & L : : You're My Everything Fin.

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 56


    CRY .q

    You’re My Everything





    ผมต้องการคุณเพียงคนเดียว และคุณจะได้ยินเพียงคนเดียว

    ผมต้องการให้คุณอยู่กับผม มองมาที่ผม

    มาหาอ้อมแขนที่จะเป็นของคุณทุกครั้ง

    ทุกอย่างของผม คุณคือทุกๆอย่างของผม

    รัก สำหรับคุณคนเดียว



     

     

                ผมมองการ์ดแต่งงานในมือแล้ววางมันลงบนโต๊ะ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว หัวสมองของผมกำลังมึนตึ๊บไปหมด

     

                “เฮ้ยมยองซู ฉันตัดชุดสูทเสร็จแล้วนะเว้ย รับรองว่าอาจจะหล่อแซงหน้าเจ้าบ่าวก็เป็นได้ ฮ่ะๆๆๆๆ”

     

                ผมมองซองกยูฮยองที่หัวเราะจนตาปิดแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ..”

     

                “อะไรวะ นี่แกทำไมถึงได้ทำหน้าเซ็งแบบนี้ ทั้งๆที่อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งงานอยู่แล้วนะ”ซองยอลที่เพิ่งเดินเข้ามาพูดแล้วตบหัวผมอย่างแรง

     

                “เฮ้ยๆๆๆ อย่าตบหัวว่าที่เจ้าบ่าวเด่ะซองยอล”ดงอูฮยองที่นั่งอยู่ข้างผมตั้งแต่แรกพูดแล้วตีมือซองยอล

     

                “โห่ดงอูฮยอง จะไม่ให้ผมตบหัวมันได้ไง ก็ดูมันดิ ทั้งๆที่กำลังจะได้เป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดแล้วแท้ๆ ยังมาทำหน้าเซ็งอีก”

     

                “นั่นดิวะ นี่ฉันว่าแกน่าจะยิ้มดีใจนะมยองซู แกได้แต่งงานก่อนใครในวง แกแต่งงานแซงลีดเดอร์อย่างฉันเลยนะเว้ย”ซองกยูฮยองพูดแล้วหรี่ตามองผม “มีอะไรปะวะ”

     

                “ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วฮยอง”ผมพูดแล้วลุกเดินหนีเข้ามาในห้องเพื่ออยู่คนเดียว

     

                “เฮ้ยแอล เปิดประตูก่อนดิวะ เฮ้ย ออกมาคุยกันก่อน”

     

                “มยองซู ออกมาพูดให้เคลียร์ๆดิ๊ ไม่แน่ใจมันหมายความว่ายังไง”

     

                “แอล!!!

     

                ผมหยิบหูฟังขึ้นมาใส่แล้วเร่งเสียงให้ดังที่สุดเพราะไม่ต้องการได้ยินเสียงของใครทั้งนั้น ..สวัสดีครับ ผมคิม มยองซู หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามของ แอล อินฟินิท

     

                ปีนี้เป็นปี 2016 ซึ่งเป็นปีทองของอินฟินิทเลยก็ว่าได้ ตอนนี้ผมก็อายุ 24 ปี และยังคงเป็นสมาชิกของวงอินฟินิทเหมือนเดิมพวกเราอยู่ในวงการกันนานมาก เจ๋งไหมล่ะที่พวกผมยังไม่ทิ้งแฟนๆไปไหน ไม่สิ..

     

                มีผมคนนึงที่กำลังจะทิ้งแฟนๆไป.. ผมกำลังจะแต่งงานในอีก 1 เดือนข้างหน้า

     

                ว่าที่เจ้าสาวของผม ..คือคนที่ทุกคนรู้จักกันดีอีกเช่นกัน เธอก็คือ

     

                โซนยอชิแด ซอฮยอนและเธอเองก็กำลังจะเป็นเพียงอดีตสมาชิกเท่านั้น ผมกับซอฮยอน(เพราะเราอายุห่างกันไม่ถึงปีผมเลยไม่ต้องเรียกเธอว่านูนา)คบกันตั้งแต่ต้นปี 2013 เพราะอะไรไม่รู้แหละที่ทำให้เราได้ร่วมงานกัน ผมชอบเธอและตามจีบเธอแบบเงียบๆจนเธอยอมตกลงปลงใจคบกับผม และเรื่องที่เราคบกันถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชนในปี 2014 ช่วงนั้นมีกระแสต่อต้านค่อนข้างจะรุนแรง แต่ไม่นานพวกแฟนๆทั้งของผมและของเธอก็ทำใจยอมรับ และสนับสนุนพวกเราเรื่อยมา

     

                ผมและเธอคบกันมาด้วยความเข้าใจกันมาตลอด ซึ่งมันเป็นเรื่องดีที่เราได้เจอใครสักคนที่รักและเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น ...ซอฮยอนมีทุกๆอย่างที่ผู้ชายทุกคนฝันถึง เธอไม่อ่อนหวานเกินไป แต่เธอก็ไม่ดูห้าวจนเกินไป เธอเป็นคนใจกว้าง เข้าใจ และรับฟังเหตุผลของผมเสมอ และในวันนั้นที่ผมได้ทำให้เธอเข้าใจผิด

     

                เธอเข้าใจว่าผมได้ขอเธอแต่งงานอย่างจริงจัง ทั้งๆที่ตอนนั้นผมเพียงแค่จะซ้อมบทละครเท่านั้น แต่เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนั้นผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะผมเองก็รักเธอมากอยู่แล้ว แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าการที่เราจะต้องแต่งงานกันนั้น มันหมายความว่า

     

                ผมจะไม่ได้เป็นอินฟินิท และเธอจะไม่ได้เป็นโซนยอชิแดอีกต่อไป มันก็จริงอยู่ที่ว่าหากไอดอลแต่งงานไปพวกเขาก็ยังสามารถทำงานในวงการบันเทิงได้อยู่ แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะยังดังและรักษาฐานแฟนคลับได้เหมือนเดิม ดังนั้นทางต้นสังกัดของผมก็ได้บอกให้ผมออกจากอินฟินิท แต่ผมยังสามารถทำงานในวงการบันเทิงได้อยู่ อาจจะเป็นนักแสดง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่ นักร้อง

     

                สิ่งที่ผมรักและสิ่งที่ผมเป็นมาตลอดหลายปี

     

                ซอฮยอนเองก็เช่นกัน เธอไม่ได้ถูกบริษัทบีบให้ออก แต่เธอเลือกที่จะออกจากวงมาเอง ในตอนนี้สมาชิกของโซนยอชิแดเหลือเพียงแค่ 6 คนเท่านั้น เจสสิก้านูนากับยุนอานูนาแต่งงานไปแล้ว และซอฮยอนก็กำลังจะแต่งงาน..

     

                เพลงของวงดังก้องไปในหัวของผม ผมหลับตานึกถึงภาพต่างๆที่ผมได้ทำในตอนเป็นนักร้อง ผมได้เห็นเสียงกรี๊ดของแฟนคลับ ได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขาทุกคน ได้ยินเสียงชื่นชมยินดีที่มอบให้แก่ผม แต่อีกไม่นาน ผมจะไม่ได้ยินพวกนั้นอีกแล้ว..

     

                ผมคิดถูกแล้วหรือ ที่จะยอมทิ้งทุกอย่างไปเพื่อเธอแบบนั้น..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              “มยองซู เมื่อสักพักซอฮยอนมาหานายน่ะ”

     

                ผมมองอูฮยอนฮยองแล้วพยักหน้าเนือยๆ หลังจากฟังเพลงและคิดทบทวนเรื่องต่างๆนานาไปผมก็ผล็อยหลับ มารู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกทีก็ตอนเกือบจะห้าทุ่มอยู่แล้ว

     

                “สักพักเหรอ มากับใครอ่ะ คิบอมฮยองเหรอ”ผมถามแต่ก็รู้อยู่แล้วว่าเธอคงมากับผู้จัดการของเธอ

     

                “ไม่นะ มาคนเดียว”

     

                “ว่าไงนะฮยอง”

     

                “มาคนเดียว”อูฮยอนฮยองพูดแล้วมองนาฬิกา “ฉันไปเคาะประตูเรียกแล้ว แต่นายไม่ออกมาเปิด ฉันก็เลยกะว่าจะไปส่งซอฮยอน แต่เธอบอกว่าไม่เป็นไรกลับเองได้”

     

                “แล้วฮยองก็ปล่อยให้กลับไปเนี่ยนะ”

     

                “ก็เธอยืนยันนี่”

     

                “ฮยอง มันดึกแล้วนะ แล้วมันก็อันตรายมากด้วย”ผมพูดอย่างหัวเสียแล้ววิ่งออกไปจากบ้านเพื่อไปตามซอฮยอน

     

                ให้ตายเถอะ นี่มันดึกขนาดนี้แล้ว เกิดมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นจะทำยังไง ผมมองหาซอฮยอนท่ามกลางความมืด แต่ก็ไม่เห็นเธอจนกระทั่งผมวิ่งมาถึงป้ายรถเมล์ แต่ก็ยังไม่เจอเธอเหมือนเดิม ผมนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหอบหายใจอย่างเหนื่อยๆ

     

                “แอล”

     

                ผมหันไปมองข้างๆเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ..รอยยิ้มที่ผมคุ้นเคยปรากฏบนใบหน้าแสนอ่อนหวานนั้น ผมลุกขึ้นแล้วดึงเธอเข้ามากอด “ทำไมมาคนเดียว”

     

                “อะไรเนี่ย”เธอพูดแล้วดันตัวผมออก “อยู่ๆมากอด”

     

                “ทำไมถึงได้มาคนเดียว”ผมถามแล้วมองหน้าเธอ “ฉันเป็นห่วงซอมากนะ นี่มันดึกแล้ว กล้ามากนะไปไหนมาไหนคนเดียวเนี่ย”

     

                “นี่ ก็ตั้งใจมาหาใครบางคนอ่ะแต่ดันไม่ยอมออกมาเจอนี่นา”เธอพูดแล้วชกไหล่ผมเบาๆ “หลับเพลินเลยเหรอ”

     

                “ก็ฟังเพลงไปด้วยเลยไม่ได้ยิน”

     

                “โทรเข้าก็ไม่รับอีกต่างหาก”

     

                “ขอโทษ”ผมพูดแล้วดึงมือเธอมาจับ “กลับเถอะ เดี๋ยวไปส่ง”

     

                “อื้ม ^-^

     

               

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมลูบหัวเธอเบาๆแล้วยิ้มให้ “เข้าไปได้แล้ว”

     

                “แอล”

     

                “หืม?”

     

                “อีกไม่กี่วันเราก็จะแต่งงานกันแล้วนะ ^o^

     

                “...”

     

                “ฉันรอวันนั้นมากเลยนะรู้ไหม ในที่สุดฉันก็ได้เจอกับคนที่ฉันรักและรักฉันจริงๆแบบแอล รู้ไหมว่าทั้งพวกโอป้ากับออนนีในค่ายดูจะตื่นเต้นมากกว่าฉันซะอีกนะ พวกเขา..”

     

                ผมไม่ได้ฟังในสิ่งที่ซอฮยอนพูดเท่าไหร่นัก ผมเพียงแค่มองหน้าเธอ ที่ยิ้มแย้ม แววตาของเธอบอกว่าเธอมีความสุขมากๆ เธอดูมีความสุขจริงๆในขณะที่ผม..

     

                ผมไม่รู้ว่าผมตัดสินใจถูกหรือไม่ ..ผมรักเธอ แต่ในขณะเดียวกันผมก็รักในการเป็นอินฟินิท..

     

                ผมควรจะทำยังไงดี ผมควรจะเลือกทางไหนดี



     


     







     

                “อินฟินิท อินฟินิท อินฟินิท”

     

                “คัมซาฮัมนีดา(ขอบคุณคร้าบบบบบ)”

     

                พวกเรา 7 คนจับมือกันแล้วก้มโค้งขอบคุณแฟนๆนับหมื่นคนที่มางานคอนเสิร์ตของพวกเรา และเป็นงานครั้งสุดท้ายของผม เมมเบอร์คนอื่นพากันลงจากเวที ไฟบนเวทีปิดมืดแต่ยังคงเห็นแท่งไฟและแฟนๆทุกคนอย่างชัดเจน

     

                ผมมองแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายซึ่งเป็นสิ่งตอกย้ำว่าผม กำลังจะกลายเป็นเพียง อดีต เมมเบอร์เท่านั้น ผมกลอกตาขึ้นข้างบนแล้วถอนหายใจอย่างรู้สึกกดดัน จะไม่ได้เห็นอีกแล้วจริงๆเหรอภาพแบบนี้ จะไม่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางเสียงเชียร์จากแฟนๆอีกแล้วเหรอ ..มันคือสิ่งที่ผมต้องการจริงๆเหรอ

     

                ผมเดินไปที่ห้องแต่งตัวแล้วนั่งลงบนโซฟาในขณะที่คนอื่นๆก็พากันพูดคุยถึงคอนเสิร์ตที่เพิ่งผ่านมา และก็พูดคุยกันถึงคอนเสิร์ตครั้งต่อๆไป ..ที่ไม่มีผม

     

                “มยองซู ต้องมาดูพวกเรานะเว้ย อย่าหายเงียบไปมีความสุขกับซอฮยอนเข้าใจ๊”

     

                “ช่ายๆๆๆ ผมล่ะอิจฮาแอลฮยองจัง จะได้พักผ่อนแล้วอ่ะ แถมยังไม่ต้องคอยฟังซองกยูฮยองบ่นอีกแล้ว”

     

                “เออ เห็นด้วยกับซองจง นับวันลีดเรายิ่งแก่ ยิ่งขี้บ่น”

     

                “หุบปากไปเลยพวกแก - -*

     

                “เออนี่ แล้วถ้าเกิดว่าวันแต่งงานของแอล พวกเราหล่อกว่ามันทำไงอ่ะ”

     

                “มันมีวันนั้นด้วยเหรอซองยอล”

     

                ผมเอนตัวลงนอนไปบนโซฟา ไม่อยากได้ยินพวกนี้คุยกันเรื่องงานแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่นานของผม ..ผมไม่อยากได้ยินเลยจริงๆ

     

                ทำไมผมถึงได้เห็นแก่ตัวแบบนี้ล่ะ ..ผมรักซอฮยอนนะ ผมรักเธอมาก แต่มันยังไม่ใช่ ..มันไม่น่าจะถึงเวลาที่เรา 2 คนจะต้องแต่งงานกันสิ

     

                “เฮ้ย เป็นอะไรวะ ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น”

     

                ผมถูกซองยอลดึงให้ลุกนั่งอีก “หยุดพูดเรื่องานแต่งเหอะขอร้อง”

     

                “มยองซู”ดงอูฮยองเรียกแล้วนั่งลงข้างๆผม “นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกเหรอ”

     

                “...”

     

                “ซอฮยอนรู้เข้าจะเสียใจเอานะ ที่นายคิดแบบนี้น่ะ”

     

                “นั่นสิ”ซองกยูฮยองพูด “มันไม่ได้มีบ่อยนักหรอกนะ ที่จะมีคนดีๆเข้ามาในชีวิตน่ะ ..ในเมื่อเจอแล้ว ทำไมถึงไม่คิดที่จะรักษาเธอเอาไว้ล่ะ”

     

                “...ผม ผมแค่ยังไม่พร้อม”

     

                “...”

     

                “ผมรักเธอ ซอฮยอนเป็นคนที่ผมรักมากก็จริง ตี่ผมยังไม่อยากทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอขนาดนั้น ..ผมยังอยากร้องเพลง ยังอยากยืนอยู่บนเวที อยากทำงานที่ผมรัก ..ผมแค่ไม่อยากแต่งงาน”

     

                “...”

     

                “แต่จะให้ผมทำยังไงในเมื่อเธอดูมีความสุขมากขนาดนั้น ..เธอดูคาดหวังกับงานแต่งงานมาก ในขณะที่ผม ..ภาวนาไม่ให้วันนี้มาถึง และสุดท้ายมันก็มาถึง มันยิ่งตอกย้ำให้ผมได้รู้ว่า วันนี้ คือวันสุดท้าย ..ที่ผมได้ยืนบนเวทีในฐานะ แอล อินฟินิท”

     

                “อ้าวซอฮยอนนูนา มายืนทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะฮะ”

     

                ผมลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินเสียงซองจง ขาของผมรีบก้าวไปที่ประตู แต่ก็เห็นเพียงซองจงยืนอยู่ที่หน้าประตู ในมือถือกล่องอะไรบางอย่างเอาไว้ แล้วทำหน้างงๆ

     

                “เมื่อกี้คุยกับใครน่ะซองจง”ดงอูฮยองถาม

     

                ขอเถอะนะ ..ขออย่าให้เป็นเธอเลย

     

              “ก็ซอฮยอนนูนาน่ะสิ ผมเห็นนูนายืนอยู่หน้าประตูไม่ยอมเข้าไป พอผมทัก นูนาก็ยัดไอ้นี่ให้ผมแล้วก็วิ่งออกไปเลย”

     

                “...”

     

                “ดูเหมือนเธอจะได้ยินว่ะ”

     

                ซองกยูฮยองตบบ่าผมแล้วพยักหน้าช้าๆ ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมกลับมาที่ห้องเพียงลำพังในขณะที่คนอื่นๆไปที่บริษัท ผมเข้าไปในห้อง มองดูกล่องที่ซอฮยอนเอามาให้ ..เธอคงได้ยินทั้งหมดแล้วจริงๆ เพราะเธอปิดเครื่อง ผมไปหาเธอที่หอ พวกนูนาคนอื่นๆก็บอกว่าเธอไม่ได้กลับมา

     

                ผมเปิดกล่องนั้นออกช้าๆ ในกล่องมีสมุดเล่มหนึ่งวางอยู่ ดูเหมือนมันจะเป็นไดอารี่ของซอฮยอน และนอกจากไดอารี่ ยังมีรูปถ่ายต่างๆมากมาย ผมหยิบขึ้นมาดู

     

                รูปนี้เป็นตอนเดทแรกของเรา ..ที่ร้านหนังสือ ต่อมาก็ที่สวนสนุก ที่ร้านอาหาร และสถานที่ต่างๆมากมายที่เราไปกัน ทุกรูปซอฮยอนยิ้ม และเธอดูมีความสุขมาก เช่นเดียวกันกับผม ..ผมเองก็มีความสุขมาก และยังจำความรู้สึกในช่วงเวลาเหล่านั้นได้เสมอ

     

                ผมเก็บรูปใส่ไว้ในกล่องแล้วเปิดไดอารี่ ส่วนใหญ่จะเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอ ..และมักมีผมอยู่ในนั้นเสมอ ในทุกๆวันของเธอ

     

     

                วันนี้เป็นวันที่คิมมยองซูของเราป่วย T^T น่าสงสารจังเลย เอ๊ะ หรือจะหัวเราะเยาะดีนะ ก็อย่าทำเป็นเก่งดีนักนี่ ใช่ไหม คึๆ

     

              ฉันไปเฝ้าเขาที่กำลังป่วยที่หอพัก เนื่องจากคนอื่นๆต้องไปทำงานกันหมด อันที่จริงฉันก็มีงานเหมือนกัน แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อแฟนของฉันป่วยนี่นา ยอมโดนพวกออนนีบ่นสักหน่อยจะเป็นไรไปใช่ไหม แฟนๆเองก็คงเข้าใจอยู่แล้วล่ะมั้ง (ปล.ฉันรักแฟนๆทุกคนนะคะ แต่ฉันก็รักแฟนฉันเหมือนกัน >///<)

     

              คนป่วยเอาแต่นอนๆๆๆๆๆๆๆ ในขณะที่ฉันต้องมาทำงานในหอพักของเขาราวกับแม่บ้านก็ไม่ปาน เอาเถอะ ฉันยอมนะเนี่ย แต่ถ้าเขารู้ว่าฉันโกหกเขาว่าไม่มีงาน เขาจะโกรธฉันไหมนะ?? อย่าโกรธฉันเลยนะมยองซูอ่า ก็นายสำคัญกว่านี่ ^.^

     

     

              ผมหลับตานึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อนานมาแล้ว วันนั้นผมโหมถ่ายละครจนป่วย และซอฮยอนมาเฝ้าไข้ผม

     

                “ไม่มีงานเหรอวันนี้”

     

              “...เอ่อ ไม่มีอ่ะ”

     

              “= = จริงเหรอ”

     

              “จริงสิ”

     

              “อย่างเธอเนี่ยนะไม่มีงาน มันเป็นไปได้เหรอ”

             

              “เอาน่า ก็อย่างฉันเนี่ยแหละที่ไม่มีงาน เลยมาดูแลพ่อคนป่วยอย่างแอลไง”

     

              “ก็ดีเหมือนกัน งั้นฉันนอนก่อนนะ”

     

              “อ้าว จะไม่มาคุยกันหน่อยเลยเหรอ”

     

              “...”

             

              “ชิ คนบ้า”

     

     

              สรุปคือวันนั้นเธอโกหกเพื่อจะมาดูแลผมสินะ ..เธอรู้ว่าถ้าบอกว่ามีงานผมก็ต้องไล่ให้เธอไปทำงานอยู่แล้ว ..นั่นคืออีกครั้งที่เธอสนใจผม มากกว่างานของเธอ

     

     

     

                การถักผ้าพันคอว่ายากแล้ว แต่การถักเสื้อนี่ยากกว่าหลายเท่าเลยแฮะ โอย ฉันจะถักมันทันก่อนที่แอลจะไปญี่ปุ่นไหมนะ ไหนจะซ้อมคอนเสิร์ต ไหนจะถ่ายรายการ ไหนจะเป็นเอ็มซี โอย งานแน่นไปหมด แต่ก็เอาเถอะนะ ยังไงฉันก็ต้องถักเสื้อนี่ให้เสร็จก่อนแอลไปให้ได้เลย

     

              ยูริออนนีเอาแต่บ่นฉันที่มัวแต่ถักเสื้อ ฮโยยอนออนนีก็เอาแต่บ่นฉันที่ฉันไม่ยอมนอนหลับพักผ่อน ส่วนยุนอาออนนีก็บ่นว่าฉันให้เวลากับเสื้อนี่มากเกินไปจนลืมดูแลตัวเอง เอาน่า ฉันอยากจะทำเพื่อคนที่ฉันรัก แค่นี้ไม่มากเกินไปหรอก .. ในเมื่อแอลก็ทำอะไรๆให้ฉันตั้งมากมายนี่นา ^____^

     

     

              เสื้อไหมพรมสีขาวที่เธอเอาไปให้ผมในวันที่ผมต้องบินไปทำงานที่ญี่ปุ่น

     

                “ไปเอาเวลาจากไหนมาทำเนี่ย”

     

              “บ้าเหรอ ลำพังแค่เวลาจะพักยังไม่มีเลย นี่ฉันซื้อมาหรอก”

     

              “ก็ว่าอยู่ ว่าแต่ทำไมถึงซื้อสีขาวล่ะ ฉันชอบสีดำนะ”

     

              “โอ๊ย ใส่อะไรให้มันเข้ากับอิมเมจหน่อยจะคุณเจ้าชาย จะลึกลับไปไหน”

     

              “แต่ตัวร้อนๆนะ ไม่สบายรึเปล่า”

     

              “เอ่อ เปล่าๆๆ ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวต้องรีบไปทำงานก่อนแล้ว”

     

     

     

              หลังจากนั้น 2 วันแทยอนนูนาก็โทรมาบอกผมว่าซอฮยอนป่วยเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าร่างกายของเธอไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ แถมวันที่หมอจะฉีดยาบำรุงให้เธอ ก็เป็นวันเดียวกับที่เธอมาส่งผมที่สนามบิน ..

     

                เป็นอีกครั้งที่ซอฮยอนทำเพื่อผม มากกว่าทำเพื่อตัวเอง

     

                และยังมีอีกหลายต่อหลายครั้งที่เธอทำเพื่อผม ..แล้วผมล่ะ

     

                มีสักกี่ครั้งที่ผมทำเพื่อเธอ ..

     

                “ไอ้งั่งเอ๊ย แกมัวทำอะไรอยู่”

     

                ผมกำลังจะเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไป เพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของผมงั้นเหรอ..

     

              ...

     

              ไม่!!! ผมไม่ยอม!!!















     









     

                ผมมาอยู่ที่หอพักของโซนยอชิแดตั้งแต่เมื่อเย็น จนตอนนี้ปาเข้าไปเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ผมก็ยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม

     

                “แอล ยังไม่กลับอีกเหรอ”

     

                ฮโยยอนนูนาเดินงัวเงียออกมาจากห้อง ถามผมแล้วอ้าปากหาวแบบไม่รักษาภาพพจน์ พวกเราเจอกันบ่อยน่ะ ค่อนข้างจะสนิทกัน อีกอย่างผมก็ไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นยังไง ที่สนใจตอนนี้คือเมื่อไหร่ ..ซอฮยอนจะกลับมา

     

                “นูนาโทรหาซอ แล้วซอรับไหมครับ”

     

                “ปิดเครื่องไปเลย นี่ซันนี่กับซูยองก็ออกไปตามที่บ้าน ไม่รู้ไปถึงไหนแล้ว”

     

                “ไม่เจออ่ะดิ”

     

                “นูนา”

     

                ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หน้าประตูทันทีที่เห็นซูยองนูนากับซันนี่นูนาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเหนื่อยๆ “ที่บ้านก็ไม่อยู่ พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ฉันไปตามหาที่บริษัท ที่ร้านกาแฟ ก็ไม่เจอ”

     

                หน้าผมหม่นลงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

     

                “แอล”

     

                “ครับ?”

     

                “นูนาถามจริง มีเรื่องอะไรกับซอฮยอนเหรอ ปกติมักเน่ไม่ใช่คนแบบนี้นะ”

     

                ผมมองหน้าซันนี่นูนาอย่างชั่งใจ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะผมจริงๆนั่นแหละ ผมมันเลว ผมมันเห็นแกตัวเกินไปจริงๆ

     

                “ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรหรอกมันเป็นเรื่องของพวกเธอ 2 คน แต่นูนาอยากจะบอกนะ ..คนที่รักเราด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริงน่ะ ไม่ได้มีเข้ามาในชีวิตของเราเรื่อยๆหรอก”

     

                “ใช่”ซูยองนูนาพยักหน้า “มันเป็นเรื่องวิเศษที่เราได้รักใครสักคน แต่มันจะกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์เมื่อคนที่เรารัก เขาก็รักเราเหมือนกัน”

     

                “นูนาเชื่อนะว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุผลของมัน คิดทบทวนดูให้ดีๆ ว่าถ้าเกิดว่าต้องขาดซอฮยอนไป แอลจะอยู่ได้ไหม”

     

                ผมมองหน้านูนาทั้ง 3 คน มันจริงทุกอย่าง ผมมันโง่ โง่เอง ทั้งๆที่ผมมีคนที่พร้อมจะรัก และอยู่เคียงข้างกับผมมาตลอดแล้วแท้ๆ แต่ผมกลับทอดทิ้งเธอ

     

                “ขอบคุณมากนะครับนูนา ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะ ว่าผมจะไปตามซอฮยอนที่ไหน”

     

                ผมยิ้มบอกลาให้กับนูนาทุกคนก่อนจะวิ่งออกมาทันที ผมลืมนึกถึงที่นี่ไปได้ยังไงกันนะ ซอฮยอน ขอให้อยู่ที่นั่นทีเถอะนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

                “อ้าวคุณแอล มาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย”

     

                “ผมขอกุญแจสตูดิโอของเอ็มเคาน์ดาวน์หน่อยได้ไหมครับ คุณชเว”

     

                ผู้จัดการชเวมองหน้าผมอย่างงงๆแต่เขาก็ยอมยื่นกุญแจให้กับผม “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

     

                “ผมแค่คิดว่าน่าจะมีคนติดอยุ่ในนั้นคนนึงน่ะครับ”

     

                ผมดึงกุญแจมาแล้วตรงไปยังสตูของเอ็มเคาน์ดาวน์ทันที ตามปกติสตูนี้จะปิดตอน 2 ทุ่มตรงเพราะจะไม่มีการถ่ายทอดสดใดๆ อีกอย่างก็เพื่อเป็นการประหยัดไฟด้วย แต่ผมก็ค่อนข้างจะแน่ใจนะ ว่าคนที่ผมกำลังตามหาอยู่น่าจะอยู่ที่นี่ เพราะที่สตูนี้เป็นที่แรกที่เราได้เจอกัน ผมกับเธอชอบแอบลักลอบเข้ามานั่งเล่นในนี้อยู่บ่อยครั้ง เพราะว่ามันคือที่แรกจริงๆไง ที่ทำให้ผมกล้าเข้าไปคุยกับเธอ

     

                และผมก็คิดไม่ผิดจริงๆด้วย เมื่อผมเปิดประตูสตูเข้ามา ผมก็เห็นร่างบางนั่งคุดคู้อยู่บริเวณคนดู แม้ผมจะเดินเข้ามาเรื่อยๆแต่ก็ดูเหมือนว่าซอฮยอนจะไม่เห็นผม จนกระทั่งผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอนั่นแหละ เธอถึงเห็นว่าผมมา

     

                “แอล..”

     

                “หนีมาอยู่ที่นี่ ไม่คิดจะบอกใครเลยเหรอ”

     

                “...”

     

                “รู้ไหมว่าพวกโซชินูนาเขาเป็นห่วงกันมากแค่ไหน ฉันเองก็ ..เป็นห่วงแทบแย่”

     

                “ไม่ได้รัก แล้วจะมาเป็นห่วงทำไม”ซอฮยอนพูด เธอเช็ดน้ำตาแล้วเบือนหน้าหนีผม

     

                ผมย่อตัวนั่งลงข้างๆเพราะว่าเธอนั่งเก้าอี้ตัวริมสุด ผมเลยเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ไม่ได้ = = เอาก็เอาวะ นั่งมันบนพื้นนี่แหละ “ใครบอกไม่รัก ไม่รักจะห่วงทำไม”

     

                “...คนรักกัน เขาไม่ทำแบบนี้หรอก”

     

                ผมมองเธออย่างรู้สึกผิด เมื่อผมจะจับมือ แต่เธอก็ดึงมือหนี “ซอ..”

     

                “...”

     

                “ขอโทษนะ”

     

                “...”เธอไม่ได้พูดอะไร แต่น้ำตาที่เพ่งเช็ดกลับไหลลงมาอีกครั้ง

     

                ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอ แต่เธอก็ยังพยายามจะหันหน้าหนีไปทางอื่น นั่นทำให้ผมต้องใช้อีกมือจับหน้าเธอเอาไว้เบาๆ “ขอโทษ”

     

                “...”

     

                “ฉันมันคนเห็นแก่ตัว รักแต่ตัวเอง ไม่รู้เลยว่ามีคนที่รักฉันมากอย่างซอ ฉันเกือบจะเสียซอไปแล้วด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ซอคือคนที่อยู่เคียงข้างฉันมาเสมอ แต่ฉันกลับไม่เคยเห็นค่า เอาแต่คิดว่า นี่ฉันกำลังจะต้องเลิกเป็นนักร้อง ฉันจะต้องสูญเสียแฟนคลับไปงั้นเหรอ”

     

                “...”

     

                “แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่า ฉันกำลังจะสูญเสียสิ่งที่มีค่า สูญเสียคนที่เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันไป”

     

                “...”

     

                “ขอโทษนะ”

     

                เธอหันมามองหน้าผม น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด มือบางของเธอเอื้อมมากุมมือผมเอาไว้เบาๆ มือคู่นี้ คือมือที่ช่วยประคองยามที่ผมล้ม คือมือที่คอยปรบมือดีใจเมื่อผมมีความสุข..

     

                “ฉันไม่ได้โกรธแอลเรื่องนั้นนะ แอลไม่ได้เห็นแก่ตัวเลย ฉันต่างหาก..”

     

                “...”

     

                “ฉันไม่รู้ว่าแอลรักในการเป็นนักร้องมากขนาดนี้ ฉันไม่รู้เลยว่ากำลังจะทำลายความฝันของคนที่ฉันรัก ที่ฉันต้องหนีมา เพราะฉันรู้สึกเกลียดตัวเอง ที่คิดจะฉุดแอลไว้กับตัวเองคนเดียว โดยลืมไปสนิทว่าแอลยังมีแฟนคลับอีกตั้งเยอะแยะ”

     

                “...”

     

                “ที่โกรธก็คือคนรักกัน เวลามีเรื่องอะไร ทำไมไม่พูดออกมาตรงๆ”

     

                ผมมองหน้าเธอ รอยยิ้มแสนบริสุทธิ์ปรากฏบนใบหน้าของเธออีกครั้ง

     

                “คราวหลังคิดอะไรก็บอกกันตรงๆสิ จะได้รู้ แล้วก็ไม่ได้คิดไปเอง แล้วก็อีกอย่าง ถ้าคิดจะซ้อมบทละคร ก็บอกกันก่อน ไม่ใช่ปล่อยให้เข้าใจว่าตัวเองเป็นนางเอก -///-

     

                ผมหัวเราะเบาๆกับคำพูดของเธอ ผมยืดตัวตรงก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด “หายโกรธแล้วใช่ไหม”

     

                “ก็ตามมาง้อขนาดนี้แล้วนี่นา”ซอฮยอนพูดเสียงอู้อี้อยู่ในอ้อมแขนของผม “งานแต่งงานของเรา ยกเลิกไปก่อนก็ได้”

     

                ผมยิ้มออกมาบางๆ “มีเรื่องอะไรก็ให้พูดตรงๆใช่ไหม”

     

                “ใช่ ..นี่แอลคงไม่ได้จะบอกเลิกฉันหรอกใช่ไหม”

     

                ผมขยี้หัวเธออย่างหมั่นเขี้ยวแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “ที่จะบอกก็คือ..”

     

                “...”

     

                “เราเลื่อนงานแต่งเข้ามาเป็นวันมะรืนเลยดีไหม”

     

                “แอล!!!

     

                “ฉันรักเธอนะซอฮยอน!!















     

    ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการทั้งนั้น ย้ำ! มันมาจากจิตนาการส่วนตัวล้วนๆ

    เพราะฉะนั้นเรื่องปีพ.ศ. เรื่องราวในอนาคตจะเป็นแบบนี้จริงไหม ไม่รู้ มันอาจจะไม่จริง อาจจะมีโอกาสเป็นจริงได้เพียงแค่ 1-2% เท่านั้น มีการออกจากวง มีการแต่งงาน อันนั้นตัวเค้าไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ภายในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการ เพราะฉะนั้นช่วยเข้าใจด้วย ^_________^

    ปล.เรื่องนี้ไม่ได้น่ารักกุ๊กกิ๊กใสๆเหมือนเรื่องอื่น อาจจะมีดราม่าบ้างเล็กน้อย เพราะเป็นความรักในแบบผู้ใหญ่


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×