ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF SEOHYUN&ETC.

    ลำดับตอนที่ #3 : S E O & K R I S : : Real Story FIN.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.07K
      3
      10 พ.ค. 56

    Duck- ร้านค้าแจกธีมบทความFly


    Real Story





    ฉันเสียใจจริงๆที่เอาแต่หัวเราะให้เธอ

    รู้สึกเหมือนผูกมัดเธอไว้ด้วยคำพูดว่ารัก

    มันจะเบาบางลง แม้กระซิบอยู่ข้างหู

    เธอจะไม่รู้สึกเสียใจอีกแล้ว คำพูดที่ถูกเก็บไว้

    ฉันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นคำพูดออกมา

    แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือฉันจะอยู่ข้างๆเธอ

    ฉันจะทำให้ดีมากขึ้น มากขึ้น เพราะฉันรู้ใจเธอดี








     

     

                ผมมองร่างบางที่เพิ่งร้องไห้งอแงใส่ผมแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ..เด็กน้อยคนนี้โกรธผมอีกแล้ว

     

                ผมเดินกลับเข้าไปในห้องซ้อมแล้วนั่งลงกับพื้นอย่างเหนื่อยๆ ซิ่วหมินฮยองที่หันมาเห็นผมก็หยุดเต้นแล้วเดินมานั่งข้างผม

     

                “เป็นอะไรตุ้ยจาง”

     

                “เปล่าอ่ะฮยอง”ผมตอบส่งๆแล้วคว้าน้ำมาดื่ม แต่น้ำกลับหกเพราะว่ามือดีอย่างเทามาเขย่า “อะไรของนายเนี่ย”

     

                “ทะเลาะกับซอฮยอนนูนามาอีกแล้วเหรอ ดูดิ หน้าเครียดมาเชียว”

     

                ผมปิดฝาขวดน้ำแล้วโยนใส่เทา “ไม่ต้องยุ่งน่า”

     

                ใช่ ผมทะเลาะกับซอฮยอน แล้วก็เพิ่งโดนเธอร้องไห้ใส่มาไงล่ะ อ้อ เผื่อคุณจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้คุณอยู่กับใคร ผมคริส ลีดเดอร์ของวงเดบิ้วท์ใหม่อย่าง EXO จะว่าผมเป็นลีดเดอร์ก็ไม่ถูก ผมเป็นลีดเดอร์ของฝั่ง M ลีดเดอร์ตัวจริงเสียงจริงน่ะคือ จุนมยอนต่างหาก คิดว่าพวกคุณก็คงรู้กันอยู่แล้ว แต่มันยังมีเรื่องที่ผมมั่นใจว่าพวกคุณยังไม่รู้แน่นอนนั่นก็คือ..

     

                ตุ้ยจางผู้มีอิทธิพล(?)อย่างผมมีแฟนแล้ว ยังๆ มันยังไม่น่าตกใจเท่ากับเรื่องที่ว่าแฟนของผมคือ..

     

                โซนยอชิแด

     

              และยังๆ นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจเท่ากับเรื่องที่ว่า นอกจากเธอจะเป็นเมมเบอร์ของโซนยอชิแดแล้วเธอยังเป็น

     

                มักเน่อีกต่างหาก

     

                ใช่! แฟนของผมคือซอฮยอน เราคบกันมัน 11 เดือนใกล้จะครบปีนึงแล้ว ผมคบกับเธอก่อนที่ผมจะได้เดบิ้วท์เสียอีก เราใช้เวลาศึกษาดูใจกันเกือบ 2 ปีเชียวนะกว่าผมจะฝ่าด่านเข้าไปพิชิตใจเธอได้น่ะ แต่พอคบกับเธอไปเรื่อยๆผมก็รู้เลยว่าอิมเมจของเธอที่ผมเข้าใจน่ะ มันไม่ใช่เลย

     

                ก็ไม่ใช่ว่าซอฮยอนจะเป็นคนเลวร้าย หรือนางมารอะไรแบบนั้นหรอกนะครับ เธอน่ารัก น่ารักมากด้วย เพียงแต่อิมเมจของเธอที่คนส่วนใหญ่รู้จะเป็นประเภทพวกที่เก็บตัว เรียบร้อย ความจริงแล้วเธอก็ไม่ใช่แบบนั้นไปซะทีเดียว

     

                ซอฮยอนจะเป็นแบบนั้นกับคนที่เธอไม่ค่อยสนิท แต่กับคนที่เธอสนิทด้วย เธออกจะรั่ว บางทีผมว่ารั่วพวกโซชินูนาด้วยซ้ำนะ และมีอีกนิสัยนึงที่รับรองว่าไม่มีใครรู้นอกจากผม

     

                ซอฮยอนเป็นคนที่ยึดติดกับความรักมาก เธอต้องการให้ผมแสดงความรักกับเธอมากกว่านี้ และนี่ก็คือเรื่องที่เราทะเลาะกัน เธอบอกว่าผมน่ะเฉยชาเกินไป

     

                เด็กคนนั้นไม่เคยรู้เลยว่าสายตาเวลาที่ผมมองเธอ ..ผมบอกรักเธอไปมากมายแค่ไหน

     

                “ฮยอง วันนี้ไปคาราโอเกะกันปะ”

     

                ผมมองแบคฮยอนที่เปิดประตูเข้ามาคุยกับลูฮานแล้วส่ายหน้า “พรุ่งนี้จะขึ้นไลฟ์อยู่ละ ยังจะมีอารมณ์ไปคาราโอเกะ อยากโดนเมเนเจอร์ฮยองตีเอารึไง”

     

                “โห่ คริสฮยอง ก็แบบไปผ่อนคลายบ้างไง ไม่เหนื่อยหรือไง วันๆเต้นแต่เพลงตัวเอง ร้องแต่เพลงตัวเอง ไปเถอะนะๆๆๆๆๆๆ”

     

                ผมถอนหายใจแล้วถาม “ใครไปบ้างล่ะ”

     

                “ก็ไปกันหมดนั่นล่ะ อ้อ เว้นแต่ซูโฮฮยองนะ เห็นว่าต้องไปซ้อมโปรเจ็คพิเศษของวันมะรืนนี้อ่ะ”

     

                “โปรเจ็คอะไร”ซิ่วหมินฮยองถามแล้วเท้าเอว “ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

     

                “โอ๊ย ก็พวกฮยองเพิ่งมาจากจีน อีกอาทิตย์นึงน่ะมีคอนเสิร์ต Music Wave ที่เกาะเชจูอ่ะ แล้วมีเมมเบอร์ของ SM บางส่วนและบางวงที่ไปทำการแสดงที่นั่น”

     

                “พวกเราไม่เหรอ”เทาถามแล้วมองหน้าผม “เป็นหัวหน้าเคยรู้อะไรบ้างไหมเนี่ย”

     

                “แกน่ะเป็นมักเน่ก็ช่วยเคารพฉันหน่อยได้ไหม -*-

     

                “แหะๆ”

     

                แบคฮยอนหัวเราะเมื่อเห็นผมดุเทา “เอาเถอะๆ เท่าที่รู้มาก็มีซูโฮฮยองอ่ะต้องร้องเพลงกับแทยอนนูนา ซึ่งผมโคตรจะอิจฉา แล้วก็มีซูจูซอนเบ ชายนี่ซอนเบที่ไปแสดง”

     

                “แล้วโซชิไม่ได้ไปเหรอ”ผมถามแล้วมองแบคฮยอนที่มองผมอย่างรู้ทัน

     

                ทุกคนในวงของผมกับพวกโซชิซอนเบรู้เรื่องนี้อยู่แล้วน่ะ =_=

     

                “ไปแต่ TTS อ้อ แล้วก็ซอฮยอนนูนามีการแสดงพิเศษด้วย”

     

                “กับใคร!!”ผมถามเน้นเสียงเล็กน้อย ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย

     

                “ผมไม่แน่ใจอ่ะ แต่เห็นว่ากำลังซ้อมกันอยู่ อ้าว –o- ไม่ฟังให้จบก่อนเล่า”

     

                ผมไม่สนใจที่แบคฮยอนกำลังพูด แต่เดินออกมาจากห้องด้วยความเร็วแสง ผมจะต้องไปดูว่าใครคือคนที่ได้แสดงคู่กับซอฮยอน นี่อาจจะเป็นอีกเรื่องนึงที่พวกคุณไม่รู้

     

                ผมเป็นคนขี้หึงมาก แต่ผมก็เก็บอาการเก่งมากเช่นกัน

     

                ใครกันนะ ใครกัน..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เสียงเพลงจังหวะเร็วเร้าใจทำให้ใจผมเต้นกระตุกรัวๆไม่ใช่เพราะจังหวะของเพลง แต่เป็นเพราะภาพที่ผมเห็นต่างหาก

     

                ซอฮยอนกับชานซองซอนเบกำลังเต้นอยู่ด้วยกัน ร่างกายของเขาใกล้ชิดกับร่างกายของเธอ ใกล้ ใกล้เกินไป..

     

                ผมสบตากับซอฮยอนที่มองผมผ่านกระจก เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วก็เชิดหน้าขึ้น ผมหัวเราะในใจแล้วหันหลังเดินออกมาจากห้องซ้อม

     

                จะเล่นแบบนี้ใช่ไหมซอฮยอน ..หึๆ ไม่หึงหรอกเฟ้ย

     

     

     

     





     

     

                นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้วที่ซอฮยอนไม่ยอมพูดกับผมเลย เจอหน้าก็เดินหนี โทรไปก็ไม่รับ ผมก็เซ็งนะที่เธอมางอนผมนานๆแบบนี้ ยิ่งช่วงนี้ซอฮยอนต้องเจอกับชานซองซอนเบทุกวันๆ แถมยังมีหนุ่มๆนอกค่ายมาขายขนมจีบให้ไม่เว้นวัน เฮ้อ ถึงเวลาที่แฟนอย่างผมจะต้องง้อแล้วสินะ

     

                ผมหลบอยู่ในห้องซ้อมของพวกชายนี่ซอนเบที่อยู่ตรงข้ามกับห้องซ้อมของโซชิ อาศัยจังหวะที่ไคแวะมาหาแทมินที่นี่พอดี และประตูห้องซ้อมโซชิก็เปิดออก เป๊ะจริง ที่ซอฮยอนออกมาก

     

                เธอก้มลงมองที่พื้นแล้วก็ยิ้มกว้าง มือบางของเธอประคองอุ้มเจ้าตุ๊กตากบเขียวๆที่ผมตั้งใจซื้อมาง้อ ผมเห็นแบบนั้นก้เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดดทรหาเธอทันที

     

                (...)

     

                “รับแล้วไม่พูดอีก ยังไม่หายโกรธพี่อีกเหรอ”

     

                (ก็ไม่รู้จะพูดอะไรนี่)

     

                ผมยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอกำลังอมยิ้ม “นี่ อย่ายิ้มได้ไหม”

     

                (ทำไม)

     

                “เดี๋ยวถ้าคนอื่นเขาเห็นเขาจะสงสัยน่ะสิ”

     

                (สงสัยอะไรคะ)

     

                “ก็สงสัยว่าทำไมคริสกับซอฮยอนถึงได้ยิ้มตอนคุยโทรศัพท์เหมือนกันไง”ผมพูดแล้วหัวเราะเบาๆ

     

                “ฮยอง คุยกับใครอ่ะ”

     

                (นี่เสียงคิบอมนี่ โอป้าอยู่ไหนคะ)

     

                “โอป้าอยู่ห้องซ้อมของชายนี่ อย่าหันมามองนะ ..เย็นนี้เจอกันที่เดิมนะครับ”

     

                (...ก็ได้)

     

                “หายโกรธแล้วใช่ไหม”

     

                (ไม่ได้โกรธสักหน่อย แบร่)

     

                ผมหัวเราะเบาๆเมื่อเธอแลบลิ้นใส่โทรศัพท์ และเมื่อซอฮยอนเดินกลับไปในห้องแล้วก็พอดีกับที่คีย์เดินมาถึงผม “เอ่อ เมื่อกี๊ว่าไงนะ”

     

                “ผมถามว่าคุยกับใคร เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อย่างกับคนมีความรักแน่ะ”

     

                “เอ่อ..”

     

                “ตุ้ยจางฮะ เรากลับกันเถอะ ซูโฮฮยองโทรตามผมแล้ว”

     

                “เอ้อๆๆๆ ไปก่อนนะคีย์”

     

                ผมหันไปขยิบตากับไคอย่างขอบใจที่เข้ามาช่วยผมได้ถูกจังหวะ ผมเดินออกมาจากห้องซ้อมชายนี่อย่างเร็ว เพราะกลัวว่าคีย์จะถามอะไรต่อ เรื่องของผมกับซอฮยอน ผมเคยบอกไปแล้วนี่ว่ารู้กันแค่ภายในวงของพวกเราทั้งคู่เท่านั้น แต่ช่วงนี้ดูเหมือนลีทึกฮยองจะชอบมาทำผมเกี่ยวกับซอฮยอน เหมือนว่าเขาจะสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ก็ช่วยไม่ได้น่ะนะ

     

                ยังไงซะสักวันนึง ทุกคนก้ต้องรู้อยู่ดี ..แค่รอเวลาเท่านั้น

     

     

     

     

     

     

     

                “จ๊ะเอ๋”

     

                ผมสะดุ้งแล้วยิ้มบางๆก่อนจะดึงมือนุ่มๆที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครออก “ตกใจ ..ตายละ”

     

                “โห่ โอป้าอ่ะ”ซอฮยอนยู่หน้าแล้วเดินมานั่งข้างๆผม เธอสวมหมวกและแว่นตาอันใหญ่ที่ปิดมาครึ่งหน้า แต่เธอก้ยังสวยอยู่นะ สำหรับผม “มานานหรือยังคะ”

     

                “ก็นานเหมือนกันแหละ”

     

                “ก็อย่างนี้ล่ะนะ พวกว่างานอ่ะเน๊าะ”

     

                “ใช่สิ ใครจะไปเหมือนเกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติล่ะ”ผมพูดประชดแล้วหยิกแก้มป่องๆนี่อย่างหมั่นเขี้ยว

     

                “อ๊า มันเจ็บนะโอป้า”ซอฮยอนโวยวายแล้วตีแขนผม “ขึ้นไลฟ์วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ”

     

                “ก็ดี ไม่มีอะไรผิดพลาด อ้อ ถ้าไม่นับตอนที่ซูโฮสะดุดบันไดตอนขึ้นเวทีน่ะนะ”

     

                “คิกๆ”ซอฮยอนปิดปากหัวเราะแล้วเอนตัวพิงด้านหลัง “เฮ้อ สดชื่นดีจัง”

     

                ผมพยักหน้าแล้วพิงตามเธอบ้าง แต่แล้วจู่ๆซอฮยอนก็เด้งตัวขึ้นมา “โอป้า!!

     

                “อะไรเนี่ย”ผมถามแล้วมองซอฮยอน “นึกขึ้นได้ว่ามีเคโรโระตอนพิเศษเหรอ”

     

                “เปล่าค่ะ”ซอฮยอนส่ายหน้าช้าๆแล้วยิ้มหวาน “เมื่อวานน่ะสิก้าออนนีไปดินเนอร์กับดงเฮโอป้ามาด้วยล่ะ”

     

                ผมพยักหน้า ..เจสสิก้านูนาคบกับดงเฮฮยองมานานแล้ว ตอนนี้คนในค่ายรู้กันหมดและทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะทั้ง 2 คนก็โตมากแล้ว “แล้ว..”

     

                “ออนนีเล่าให้ฟังว่าดงเฮโอป้าทำเซอร์ไพรส์กลางร้านอาหารเลย โอป้าเขาเอาแหวนให้กับออนนีเนื่องในวันครบรอบ 2 ปีของพวกเขาน่ะ แถมดงเฮโอป้ายังร้องเพลงแล้วก็เล่นเปียโนเพลงที่แต่งเองให้ออนนีด้วย”

     

                ผมมองซอฮยอนที่ทำหน้าเพ้อฝันแล้วหัวเราะ “แล้วมาเล่าทำไมเนี่ย”

     

                ซอฮยอนหันมามองผมแล้วพูดเบาๆ “ฉันก็แค่อิจฉาออนนีน่ะค่ะที่มีแฟนเป็นคนโรแมนติก แล้วก็เอาใจใส่แบบดงเฮโอป้า”

     

                “เอ.. เหมือนโอป้ากำลังโดนว่ายังไงก็ไม่รู้แฮะ”ผมพูดกลั้วหัวเราะ แต่ซอฮยอนกลับไม่หัวเราะด้วย

     

                “ก็ใช่สิ คริสโอป้า ..อีกแค่ไม่กี่วันก็จบถึงวันครบรอบ 1 ปีของเราแล้วนะคะ”

     

    “อ้าวเหรอ นี่ไม่รู้เลยนะเนี่ย”

     

    “โอป้าเคยใส่ใจบ้างไหมคะ ที่ผ่านมาโอป้าเคยบอกรักฉันบ้างไหม แค่สักครั้ง”

     

                “เอาอีกแล้วนะ”ผมพูดแล้วบีบจมูกซอฮยอน “คำว่ารักมันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอซอฮยอน”

     

                “แล้วคำว่ารักมันพูดยากมากเลยเหรอคะ!!!

     

                เธอเริ่มเสียงแข็งขึ้นและนั่นหมายความว่าเรากำลังจะทะเลาะกันอีกครั้ง “ซอฮยอน นี่มันไม่มีเหตุผลเลยนะ เรากำลังจะทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมๆอีกแล้ว”

     

                “แล้วโอป้าเคยรักฉันบ้างไหมล่ะคะ”

     

                “ทำไมถึงถามแบบนี้ ไม่รู้เลยเหรอ”

     

                ซอฮยอนยืนขึ้นแล้วมองผม เธอน้ำตาคลอเล็กน้อย “โอป้าไม่เคยใส่ใจวันครบรอบของเรา ไม่เคยแม้แต่จะทำอะไรที่พิเศษๆใฟ้กับฉัน ไม่เคยแม้แต่จะบอกรักฉัน”

     

                “ซอฮยอน”

     

                “...”

     

                เธอเม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วสะบัดหน้าใส่ผมก่อนจะวิ่งหนีผมไป ผมถอนหายใจแล้วนั่งลงตามเดิม ..เฮ้อ จบแบบเดิม

     

                เข้าเรื่องนี้ทีไรก็ลงเอยด้วยการทะเลาะกันอย่างนี้ทุกที ..ซอฮยอน เด็กคนนั้นเข้าใจว่าการแสดงความรักต้องบอกเป็นคำพูดอย่างเดียวหรือไง ผมแสดงออกไปทางการกระทำหมดทุกอย่างแล้ว เธอไม่รู้เลยเหรอว่าผมรักเธอมากขนาดไหน แล้วอีกอย่าง ทำไมผมจะจำไม่ได้ล่ะเรื่องวันครบรอบของเรา

     

                ก็ในเมื่อผมรอวันนั้นมาตลอด แต่ผมไม่อยากจะบอกเธอว่าผมจำได้ เพราะถ้าถึงวันนั้นผมก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์เธอน่ะสิ ..หรือว่ามันถึงเวลา

     

                ที่ผมควรจะลดอาการปากหนักนี่ได้แล้ว

     

                ...

     

                ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ถ้าผมไม่อยากเสียเธอไป

     

                “รอหน่อยนะเด็กน้อย”



















     

                “ฮยอง ทำไมต้องไปด้วย แล้วแบบนี้เราจะไม่เป็นข่าวเหรอ เราไม่ได้มีงานที่นั่นสักหน่อยนะ”

     

                ผมขมวดคิ้วแล้วเตรียมจะหันไปเขกหัวชานยอล แต่แบคฮยอนที่นั่งข้างหลังก็ทำหน้าที่นั้นแทน

     

                “ไอ้หยอย หุบปากไปเลย ฉันจะไปดูแทยอนนูนาเว้ย”

     

                “ไอ้แบค แกนี่มัน ฉันแค่เป็นห่วง คนที่งานนั่นก็เยอะอย่างกับอะไรดี เดี๋ยวก็เป็นข่าวจนได้ แถมยังหนีเมเนเจอร์ฮยองมาอีก โอย ตายแน่ๆ”

     

                “นี่ไม่ต้องห่วงนะชานยอล อย่าโอเวอร์ ลืมไปแล้วเหรอว่าซูโฮก็ไปที่นั่น”

     

                “เออว่ะ”

     

                “เราก็บอกว่าเราไปให้กำลังใจซูโฮก็ได้นี่”ผมพูดแล้วหันมามองทางต่อ “บ้าชิบ ขับมาผิดทางเลย”

     

                “เอ้าซะงั้น แล้วนี่จะไปทันไหมเนี่ย งานมันเริ่มไปตั้งชั่วโมงกว่าแล้วนะฮยอง”แบคฮยอนพูดแล้วนั่งกอดหมอนทำหน้ายู่อยู่เบาะด้านหลัง

     

                “ก็ถ้าแกไม่มัวแต่กรีดอายน่ะ ป่านนี่ถึงแล้ว”

     

                “ไอ้หยอย”

     

                “ทำไมล่ะไอ้แบค”

     

                “โอ๊ย นี่หยุดทะเลาะกันได้ไหมเนี่ย รู้ไหมว่าพวกแก 2 คนแหละจะทำเราไปไม่ทัน”ผมพูดอย่างหงุดหงิด “รู้งี้ฉันชวนเซฮุนกับไคมาซะก็ดีละ”

     

                “ไม่ได้ๆๆๆๆ ผมจะไปดูนูนา”

     

                “งั้นก็เงียบๆได้ละ”ผมพูดเสียงเข้มแล้วตั้งใจขับรถต่อ แต่ชานยอลกลับมาสะกินแขนผม “อะไร”

     

                “ทำไมซอฮยอนนูนาโกรธฮยองอีกแล้วล่ะ”

     

                “...เรื่องเดิมๆ”

     

                “ก็เงี้ยแหละน้า ผู้หญิงกับผู้ชายคิดไม่เหมือนกัน”

     

                ผมพยักหน้าแล้วขับรถอย่างตั้งใจ อีกตั้งไกล นี่มันจะทันไหมเนี่ย - -*

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมจอดรถบริเวณหน้างานแล้วหันไปมองแบคฮยอน “ลองโทรถามซูโฮหน่อยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”

     

                “ตุ้ยจาง ผมว่าไม่ทันแล้วอ่ะ”แบคฮยอนพูดแล้วส่งโทรศัพท์มาให้ผม “เออ ลืมไป เดี๋ยวอ่านให้ฟังเลยละกัน”

     

                ผมพยักหน้าแล้วชะเง้อมองเข้าไปด้านในอย่างร้อนใจ กว่าจะมาถึงนี่ก็มืดแล้ว แต่บนเวทียังมีคนแสดงอยู่นะ ผมว่าผมได้ยินเสียง

     

                “ซูโฮฮยองส่งมาว่าตอนนี้เสร็จงานกันหมดแล้ว อยู่ที่รีสอร์ท XXX กลับโซลพรุ่งนี้”

     

                “นี่มาไม่ทันเหรอวะเนี่ย”ผมบ่นพึมพำแล้วกัดปากตัวเองอย่างใช้ความคิด

     

                “ฮยอง ถ้าเราไม่ทันที่นี่แล้วเราก็ไปที่พักพวกเขาเลยดิ”ชานยอลพูด “แต่ว่าคนที่ฮยองตั้งใจมาหาไม่ใช่ซูโฮฮยองนี่ ไอ้แบค โทรกลับไปถามดิ๊ว่าแล้ว TTS น่ะมีใครกลับไปยัง”

     

                “ใช้ฉันเป้นทาสเลยนะ”

     

                “ทำๆไปเหอะไอ้เตี้ย”

     

                “เออ!! ฉันลืมไปว่าฉันมากับพวกสูงๆ”แบคฮยอนพูดประชดแล้วเอาโทรศัพท์มาแนบหู “ฮะฮยอง ตอนนี้ผมอยู่เชจู หน้างานเลย ..เอาน่าอย่าเพิ่งบ่น ผมมากับตุ้ยจางฮะ ..แล้วตอนนี้ฮยองอยู่กับใคร ..อ๋อ ฮะๆ เดี๋ยวเจอกัน”

     

                “ว่าไง”ผมถามทันทีที่แบคฮยอนวางโทรศัพท์

     

                “ซูโฮฮยองบอกว่าให้ไปหาที่รีสอร์ทเลย อยู่ที่นั่นกันหมดแล้ว”

     

                ผมออกรถทันที โอ๊ย ในใจผมมันพุ่งตรงไปที่รีสอร์ทแล้วนะ เหนื่อยแค่ไหนก็ยังไหวล่ะตอนนี้ ขอแค่ไปเจอแฟนขี้งอนของผมก็พอแล้วตอนนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมเดินไปมาอย่างร้อนใจเพื่อรอซูโฮออกมา และผมก็เห็นร่างโอโม่ที่เดินออกมาด้วยขาสั้นๆ(=o=)ของเขา ผมกวักมือเรียกอย่างร้อนใจ

     

                “ตุ้ยจาง มาถึงนี่เลยเหรอ ไม่ได้มาให้กำลังใจฉันแน่ๆอ่ะ”

     

                “รู้ก็ดีแล้ว”ผมพูดแล้วขยี้หัวซูโฮ “เอาเหอะ เชื่อว่านายทำได้ดีอยู่แล้ว”

     

                “แน่นอน”

     

                “ฮยองๆๆๆๆ แทยอนนูนาอยู่ไหน”

     

                “อยู่ข้างในน่ะ เข้าไปเลย ฉันขออนุญาตเมเนเจอร์ฮยองแล้ว”

     

                ผมทำท่าจะเดินเข้าไปบ้างแต่ซูโฮกลับดึงแขนผมไว้ “ทำไม ฉันจะรีบไป”

     

                “ของนายน่ะออกไปเดินเล่น คงอยู่แถวๆหาดนั่นล่ะ”

     

                ผมพยักหน้าแล้วตบบ่าซูโฮ 2 ที “ขอบใจมาก”

     

                ซอฮยอน พี่กำลังจะไปหาเธอแล้ววววววววววววววว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมกวาดสายตามองไปทั่วหาดเพื่อหาคนที่ผมต้องการจะเจอ และสุดท้ายผมก็เห็นเธอ ..แต่เห็นชานซองซอนเบด้วย - -* การแสดงมันจบไปแล้วไม่ใช่เร๊อะ!!

     

                ผมเดินตรงดิ่งไปหาคนทั้งคู่แล้วกระแอมเพื่อเรียกร้องความสนใจ

     

                “อะแฮ่มๆ”

     

                “อ้าว คริสนี่นา”ชานซองซอนเบหันมามองผมอย่างตกใจ

     

                ผมก้มหัวให้เขาแล้วพูดเบาๆ “สวัสดีครับซอนเบ”

     

                “มาทำอะไรที่นี่ล่ะ มาหาซูโฮเหรอครับ”เขาถามผมแล้วยิ้ม แต่ผมไม่ยิ้มด้วย

     

                “มาหาซอฮยอนครับ”

     

                “ห๋า?”

     

                “ขอผมคุยกับซอฮยอนได้ไหม”

     

                “..เอ่อ ได้สิ ได้ๆ”

     

                “2 คนนะครับ”

     

                “อ่า ผมเป็นส่วนเกินสินะ”เขาพูดแล้วค่อยๆปลีกตัวออกไป

     

                “-^- มาทำไมคะ”ซอฮยอนทำหน้างอใส่ผมแล้วเตรียมจะเดินหนี แต่ผมคว้าข้อมือเธอไว้ “อ๊ะ โอป้า ปล่อยนะ”

     

                “ไม่ปล่อยจนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง”

     

                “...ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับโอป้าหรอกนะคะ”

     

                “แต่โอป้ามี”ผมพูดแล้วนั่งคุกเข่า

     

                “โอป้า”

     

                “ฟังนะ ..ฉันมองแค่เธอเท่านั้น ถึงจะไม่แสดงออก แต่ฉันก็สนใจเธอ ฉันยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง เอาแต่ยึดติดคำพูดเท่านั้น เธอมันเด็กโง่จริงๆเลย”

     

              “โอป้า! นี่ด่ากันนี่”

     

                “ไม่ได้ด่า”ผมพูดกลั้วหัวเราะแล้วล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบกล่องของขวัญเล็กๆขึ้นมาวางบนมือของเธอ “สุขสันต์วันครบรอบ 1 ปีของเรานะ อันที่จริงวันนี้ก็เป็นวันครบรอบ 1000 วันที่เรารู้จักกันด้วย”

     

                “โอป้า”เธอเรียกผมอีกครั้งแต่คราวนี้ที่ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มด้วย “จำได้ด้วยเหรอคะ”

     

                “จำได้แม้กระทั่งวันแรกที่เจอกันเลยล่ะ”ผมพูดแล้วบีบมือเธอเบาๆ “ซอฮยอน โอป้าเป้นพวกไม่ชอบใช้คำพูด แต่โอป้าชอบเน้นไปทางการกระทำ แต่โอป้าแค่คิดว่าคำว่า รัก น่ะ ถ้าพูดมันบ่อยๆมันจะดูไร้ความหาย โอป้าก็เลยไม่อยากพูด”

     

                “...”

     

                “แต่โอป้าแสดงออกแทน ทั้งสายตาและการกระทำ ซอฮยอนดูไม่ออกเลยเหรอครับ ว่าโอป้ารักซอมากขนาดไหน”

     

                “โอป้า”

     

                “โอป้าอาจจะไม่ได้ทำเซอร์ไพรส์ใหญ่ๆเหมือนที่ดงเฮฮยองทำ ไม่ได้มีเพลงเพราะๆมาร้องให้ฟัง ไม่ได้บอกรักทุกวันเหมือนอย่างคนอื่น แต่โอป้าก็รักซอฮยอนมากนะ”

     

                “โอป้าคะ”เธอเรียกผมแล้วน้ำตาไหลลงมา “ฉันขอโทษนะคะที่เรียกร้องอะไรบ้าๆจากโอป้า ทั้งๆที่คำว่ารักมันก็ไม่ไดสำคัญอะไรเลย”

     

                “ไม่เป็นไรครับ”ผมลุกขึ้นยืนแล้วใช้นิ้วปาดน้ำตาให้เธอ “ต่อไปนี้โอป้าจะเปลี่ยนนะ”

     

                “...”

     

                “โอป้าจะพูดมันออกมาเท่าที่ซออยากจะฟังมัน”ผมพูดแล้วยิ้มให้เธอ “เปิดดูของขวัญสิ ชอบไหม”

     

                “อื้ม”เธอพยักหน้าแล้วเปิดกล่องออก มือบางของเธอหยิบสร้อยเงินขึ้นมาแล้วยิ้ม “สวยจัง”

     

                ผมชี้ไปที่จี้นางฟ้าแล้วมองหน้าเธอ “แต่คนตรงนี้สวยกว่านะ”

     

                “โอป้า >////< ไม่ต้องเลยนะ”

     

                ผมหัวเราะแล้วหยิบสร้อยในมือเธอมา “เดี๋ยวใส่ให้นะครับ” ผมเอื้อมมือไปด้านหลังของเธอแล้วใส่สร้อยให้เธออย่างเบามือ “เสร็จแล้ว”

     

                “ขอบคุณนะคะ”

     

                ผมยิ้มแล้วดึงเธอเข้ามากอด และพูดคำที่เธอรอคอยจะได้ยินมันมาตลอดที่ข้างหูของเธอ “โอป้ารักซอฮยอนนะครับ”

     

                “ฉันก็รักโอป้าค่ะ”

     

                “โอป้ารักมากกว่านะ”

     

                “แต่ฉันรักโอป้ามากที่สุดค่ะ”

     

                ผมยิ้มแล้วกอดเธอแน่นขึ้น ..ตลอดเวลาซอฮยอนคงเหนื่อยมามากที่มาเจอผู้ชายซื่อๆ และไม่เข้าใจผู้หญิงอย่างผม แต่เธอก็ยังอยู่กับผม อดทนจนเราเดินเคียงข้างกันมาถึงวันนี้ ต่อไปนี้ผมสัญญา

     

                ผมจะเคียงข้างเธอตลอดไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×