ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO-SNSD-Etc.]Revenge

    ลำดับตอนที่ #2 : REVENGE : : CHAPTER 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 56


    ✖ qual ity



    CHAPTER 1

     

                ซอ จูฮยอน หญิงสาววัย 16 ที่ยังคงดูเหมือนเด็กน้อย เพราะดวงตาใสซื่อ และความไร้เดียงสาของเธอ เธอได้เรียนที่โรงเรียนเอกชนที่ราคาแพงแสนแพง สังคมรอบตัวเธอมีแต่พวกที่ใส่หน้ากากเข้าหากันตั้งแต่เด็ก แม้จะมีคนมากมายรายล้อม แต่เธอกลับคิดเสมอว่าเธออยู่ตัวคนเดียว ซอฮยอนไม่ค่อยเข้าไปสุงสิงคุยเรื่องเสื้อผ้าแฟชั่นกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง ไม่เข้าไปคุยเรื่องปาร์ตี้เที่ยวกลางคืนกับพวกผู้ชาย นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ว่า..

     

                ทำไมเธอถึงไม่มีเพื่อน

     

              แม้จะเติบโตมาในตระกูลผู้ดีเก่าที่มีชื่อเสียง แต่เธอกลับมีแค่พี่เลี้ยงที่คอยอยู่กับเธอ พ่อกับแม่ไม่เคยกลับมาที่บ้านเพื่อทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนเด็กคนอื่นๆ ไม่เคยไปเที่ยวพักผ่อนกันแบบครอบครัว ที่เธอจำได้ล่าสุดเมื่อตอนที่พวกท่านกลับมาก็แค่เอาเงินมายื่นให้จำนวนหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็หายไปอีกพักใหญ่ๆ

     

                “เฮ้อ..”

     

                เธอถอนหายใจก่อนจะเดินไปชิดรั้วไม้สักที่แกะสลักลวดลายสุดหรูก่อนจะแอบมองไปที่บ้านข้างๆ มีกลุ่มเด็กผู้ชายที่โตกว่าเธอกำลังเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนาน มันช่างดูน่าอิจฉาชะมัด

     

                พลั่ก!!

               

                “โอ๊ย”

     

                เธอเซจนตกขอบรั้วที่ปีนอยู่ก่อนจะคลำหัวตัวเองด้วยความเจ็บปวด

     

                “คุณหนู!!!!

     

                บรรดาพี่เลี้ยงของเธอที่เห็นเหตุการณ์ต่างวิ่งกรูกันเข้ามาหาเธอราวกับว่าเธอกำลังจะขาดใจตายอย่างงั้นแหละ ซอฮยอนส่ายหน้าก่อนจะพูดกับพวกพี่เลี้ยง “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องเข้ามา”

     

                “แต่หัวคุณหนู..”

     

                “ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไง!!!”เธอตะโกนเสียงแข็งก่อนจะหยิบลูกบอลที่มากระแทกหัวของเธอเมื่อกี๊แล้วเดินไปปีนที่รั้วอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ทันทีที่เธอยืดตัวยืนตรง ใบหน้าของเธอก็อยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มที่ปีนมาจากอีกฝั่งเช่นกัน

     

                โอ เซฮุน ลูกชายคนเดียวของบ้านข้างๆในวัย 20 ปี ยิ้มมุมปากก่อนจะหยิบลูกบอลในมือเด็กสาวแล้วโยนกลับไปในวงเพื่อนๆ ก่อนจะหันมาแล้วหัวเราะกับท่าทางประหลาดๆกับสาวน้อยตรงหน้า

     

                “เป็นอะไร”

     

                “พี่”ซอฮยอนร้องเรียกเขาก่อนจะกระโดดลงมายืนบนพื้นก่อนจะก้มหน้างุด

     

                เซอุนเห็นอย่างนั้นก็กระโดดจากรั้วบ้านของตัวเองเข้ามายังบ้านของเด็กสาวก่อนจะเชยคางเธอขึ้นมาสบตากับเขา “เป็นอะไรของเธอ ทำไมต้องหลบตาด้วย”

     

                “-////-

     

                “แล้วทำไมต้องหน้าแดง”

     

                “...”

     

                เขามองหน้าเธอก่อนจะก้มลงมาใกล้อย่างจงใจแกล้ง ทำไมโอเซฮุนจะไม่รู้ล่ะว่าเด็กคนนี้เขินเรื่องเมื่อกี๊ ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าเธอน่ะ ไม่เคยมีแม้แต่จูบแรก ไม่สิ ไม่เคยมีแฟนเลยสักคนต่างหาก

     

                “เธอกำลังทำอะไรอยู่ นั่งถักนิตติ้ง  จิบชา ดูนิตยสารเสื้อผ้า หรือว่า..”

     

                “พอเลย”ซอฮยอนพูดแล้วเอามือเล็กนั่นเอื้อมไปปิดปากเขาเอาไว้ “ฉันก็แค่กำลังนั่งเบื่ออยู่ต่างหาก”

     

                “เพราะเธอไม่มีเพื่อนนี่เอง”เซฮุนพูดแล้วหัวเราะเมื่อได้เห็นสายตาโกรธๆของคนตรงหน้า “ฉันล้อเล่นน่า”

     

                “ก็ใครจะไปเหมือนพี่ล่ะ พี่มีทุกอย่างที่พี่ต้องการนี่”

     

                “เธอเองก็มีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ แค่เธอบอก คนในบ้านเธอก็จะหามาให้เธอได้ทุกอย่าง”

     

                “แต่พวกเขาหาเพื่อนที่ถูกใจให้ฉันไม่ได้นี่”เธอพูดแล้วเป่าลมเข้าปากจนแก้มใสๆของเธอมันพองขึ้น “ล่าสุดนายอเล็กซ์ที่เขาหามา เป็นเด็กผู้ชายอายุ 18 หมอนั่นมาเล่นกับฉัน แต่ว่าเอาแต่มอง..”

     

                “มอง?”

     

                “มองหน้าอกฉันน่ะสิ”

     

                เซฮุนหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “ทำอย่างกับว่าเธอมีให้มองอย่างงั้นแหละ

     

                “พี่อ่ะ”

     

                เซฮุนหยุดขำก่อนจะจับข้อมือเล็กๆของเธอขึ้นมา “งั้นไปสิ”

     

                “ไปไหน”

     

                “ไปเล่นด้วยกัน”

     

                ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโอเซฮุนมักจะมาแอบพาซอฮยอนออกไปเล่นด้วยกันอยู่เสมอ เกิดความรู้สึกดีขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่ ซอฮยอนเองดูเป็นคนที่สดใสขึ้น เมื่ออยู่กับเซฮุน เซฮุนเองก็ดูอ่อนโยนขึ้นเมื่ออยู่กับซอฮยอน เป็นอย่างนี้เสมอ เรื่อยๆมา

     

     

     

                3 ปีต่อมา

     

              ชีวิตในวงการมายามันช่างน่าตลก คนบางคนตัวจริงกับที่แสดงออกให้คนทั่วไปรับรู้ช่างแตกต่าง แต่ไม่ใช่กับเธอแน่นอน จอง เจสสิก้า

     

                หุ่นสมบูรณ์แบบ เรียวขางามที่ผู้หญิงทุกคนอิจฉาและอยากได้มัน ผิวขาวเนียนละเอียดเนื่องจากได้รับการบำรุงมาอย่างดีเยี่ยม ชุดราตรีเปรี้ยวเข็ดฟันสีแดงเพลิงที่เธอสวมใส่ ไม่ได้เข้ากันกับผู้หญิงทุกคน แต่สำหรับเธอ ไม่ว่าชุดไหนที่อยู่บนเรือนร่างเพอร์เฟ็คนี้ต้องยอมรับเลยจริงๆว่ามันเข้ากับเธอหมดทุกอย่าง

     

                “เจสสิก้า พร้อมรึยัง”

     

                ริมฝีปากบางที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดยกยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืน เมื่อกี๊ถึงไหนแล้วล่ะ อ้อ เธอก็แค่อยากจะบอกว่าเธอน่ะ เป้นเหมือนกันทั้งนอกจอและในจอ

     

                จอง เจสสิก้านางแบบความอดทนต่ำสุดเลิศ นั่นแหละคือฉายาที่ผู้คนมอบให้เธอ แม้เธอจะเป็นแบบนี้ แต่นิตยสารหลับฉบับ หรือแม้แต่ต่างประเทศก็อยากได้ตัวเธอไปร่วมงานทั้งนั้น

     

                ไม่มีใครทนแรงดึงดูดได้นานหรอกน่า และบังเอิญว่าผู้หญิงคนนี้มีแรงดึงดูดที่เกินห้ามใจซะด้วยสิ

     

     

     






     

                โรงแรม K

     

              โรงแรมสุดหรูที่ต้อนรับเฉพาะแขกชั้นสูงเท่านั้น บริกรล้วนแต่เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกการบริการชั้นเยี่ยมมาทั้งนั้น ขายาวก้าวเข้ามาก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟต์ VIP แล้วกดไปที่ชั้นบนสุด

     

                “วันนี้ยังเหลืองานอะไรอีกบ้างไหม”

     

                “เอ่อ สักครู่นะคะ ดิฉันขอ..”

     

                “พอแล้ว”

     

                “คะ?”

     

                “ไม่ต้องดู”เสียงทุ้มพูดก่อนจะปลดเนคไทออกแล้วปรายตามองเลขาที่เพิ่งจ้างมาเมื่อวาน “ฉันไล่เธอออก”

     

                “คะ?”

     

                “ได้ยินชัดแล้วนี่ ออกไปซะ”

     

                คริส หรือวู อี้ฟาน เศรษฐีหนุ่มเจ้าของโรงแรมส่ายหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์ที่แสนคุ้นเคย ไม่นานนักปลายสายก็ตอบรับ

     

                (ว่าไงวะเพื่อน)

     

                “ช่วยหาเลขาให้ฉันใหม่ด้วย”

     

                (นี่แกว่าไงนะ ฉันเพิ่ง..)

     

                “ไม่ได้เรื่อง”คริสพูดก่อนจะแตะคีย์การ์ดแล้วเดินเข้าไปในห้องสุดหรูที่เหมาชั้นนี้เอาไว้ เขาเป้นคนไม่ชอบอยู่ร่วมกับใคร และต้องการความเป้นส่วนตัวอย่างที่สุด สถานที่นี้จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะกับเขามากที่สุด “ไม่ได้เรื่องทั้งเลขา และคนหา”

     

                (เฮ้! นี่แกว่าฉันเหรอวะ)

     

                “ฉันก็ไม่เห็นว่าคำว่าไม่ได้เรื่องจะเป็นการชมตรงไหนเลยนะ”เขาพูดแล้วนั่งลงบนโซฟาสุดหรูในห้อง “หาเลขาให้ฉันใหม่ ขอคนที่พูดรู้เรื่อง ทำงานเป็น และไม่น่ารำคาญ”

     

                (แกนี่มันเรื่องมากชะมัด)

     

                “แกเองก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกันจางอี้ชิง แค่นี้นะ”

     

                (เออ)

     

                “เดี๋ยว!!

     

                (อะไรอีก)

     

                “ช่วยโทรนัดเจสสิก้าให้ฉันด้วย”

     

                ยังไม่ทันที่เขาจะพูดได้จบประโยค ฝ่ามือเย็นเยียบก็มาแตะที่ต้นคอของเขา คริสยิ้มมุมปากก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงไปบนพื้นอย่างไม่ไยดี “คุณมาทำไมไม่บอกผมล่ะ”

     

                “ถ้าฉันบอกคุณมันจะเป็นเซอร์ไพรส์เหรอ”เสียงหวานเอ่ยก่อนจะยื่นแก้วไวน์ที่เพิ่งรินให้กับเขา “ไวน์ที่คุณชอบ ของปี 1893 เชียวนะ”

     

                “คุณเอามาจากไหนล่ะ”

     

                “โจ ลาเวลลูกชายประธานาธิบดีอังกฤษให้ฉันมา”

     

                “หมอนั่นคงเข้ามาจีบคุณสินะ”

     

                “ก็แน่นอน”เธอยักไหล่ก่อนจะจิบไวน์แล้วเอาวางไว้บนโต๊ะ “ใครก็ทนแรงดึงดูดจากฉันไม่ได้ทั้งนั้นคุณก็รู้”

     

                “ผมก็เช่นกัน”

     

                พูดจบเขาก็ดึงตัวเธอลงมาก่อนจะกอดรัดตัวเธอเอาไว้ “ผมก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน”

     

     

     

                “ฉันไม่ชอบตอบคำถามซ้ำซาก ไม่ชอบคนที่พูดไม่รู้เรื่อง เข้าใจใช่ไหม”

     

                คริสที่สวมชุดคลุมแบรนด์ระดับโลกที่ตัดขึ้นมาเพื่อเขาเท่านั้นพูดแล้วมองหน้าเลขาสาวที่อี้ชิงเพิ่งส่งมา คราวนี้เป็นผู้หญิงที่อายุไม่น่าจะมากนัก และดูท่าทาง ..จะพูดรู้เรื่องมากกว่าคนเก่า

     

                “ค่ะ”เธอตอบก่อนจะหลบตาเขา

     

                แน่นอน ผู้ชายคนนี้ดูดีทุกครั้งที่เคลื่อนไหวร่างกาย หรือต่อให้เขานั่งเฉยๆเขาก็ดูดีได้ หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาสวมเพียงแค่เสื้อคลุมเท่านั้น

     

                มันดูจะสบายๆเกินไปสักหน่อย

     

                ร่างบางที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่เดินงัวเงียออกมาจากห้อง คริสหันไปมองก่อนจะยิ้ม “ผมคุยเสียงดังเกินไปเหรอ”

     

                “ไม่ค่ะ แต่ฉันต้องไปทำงานแล้ว”เจสสิก้าตอบก่อนจะมองหน้าหญิงสาวเป็นเชิงถาม

     

                “เลขาคนใหม่ของผมน่ะ”เขาตอบเธอก่อนจะหันมองเลขาคนใหม่ “เธอกลับไปได้แล้ว ตารางงานทั้งหมดของฉัน อี้ชิงคงส่งให้เธอเรียบร้อยแล้ว อย่าให้ฉันต้องเปลี่ยนเลขาใหม่ในวันพรุ่งนี้ล่ะ”

     

                “ค่ะ”เธอตอบก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างเกร็งๆ

     

                คริสมองประตูที่ปิดสนิทก่อนจะหันมามองร่างตรงหน้าที่น่าดูกว่าประตูเป็นไหนๆ เขาคว้าตัวเธอเข้ามาก่อนจะฝังจูบลงไปที่ขมับขวาของเธอ “ผมไม่อยากให้คุณไปเลย”

     

                “เดี๋ยวฉันก็กลับมาหาคุณค่ะ แต่คุณนั่นแหละ จะว่างเจอฉันสักเท่าไหร่เชียว”

     

                “คุณก็รู้นี่ว่าผมน่ะ..”

     

                “ยุ่งมาก”เธอพูดก่อนที่เขาจะพูดจบ “ฉันรู้ค่ะ ฉันเข้าใจ”

     

                “ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ผมถึงขาดคุณไม่ได้”เขาพูดก่อนจะหอมแก้มเธอเบาๆ “ขอโทษที่ผมคงไปส่งคุณไม่ได้ แต่เดี๋ยวผมจะให้คนขับรถไปส่ง”

     

                “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปเองได้นะ”เธอพูดแล้วชูกุญแจรถขึ้นมา “อาทิตย์นี้เราคงได้เจอกันวันนี้เป็นวันสุดท้าย พรุ่งนี้ฉันจะต้องเดินทางไปโตเกียวเพื่อถ่ายปกนิตยสาร”

     

                “นั่นยิ่งทำให้ผมไม่อยากปล่อยคุณไปในตอนนี้นะ”

     

                “แต่ฉันต้อง..”

     

                “ก็แค่อีกนิดเดียวเท่านั้น”เขาพูดก่อนจะก้มลงแล้วจูบที่แก้มซ้ายของเธอหนักๆ

     

                “คริสคะ”เจสสิก้าเรียกเขาและเตรียมจะดันเขาออก แต่ดวงตาแห่งความปรารถนาของเขาทำให้เธอสูญเสียการควบคุมตนเอง เธอต้องการเขาไม่ต่างจากที่เขาต้องการเธอ เขาเหมือนกับสารเสพติดที่เธอคงขาดไม่ได้ และเธอนึกภาพไม่ออกเลยว่าในช่วงเวลาที่ไม่เจอเขา เธอจะทุรนทุรายหนักมากแค่ไหน

     

                คริสอมยิ้มก่อนจะก้มลงฝังจูบที่ต้นคอขาวเนียนของเธอ เขาดันเธอเข้าไปในห้องนอน และภายในพริบตาเดียว ร่างของทั้งคู่ก็อยู่บนเตียงกว้าง และเป็นอีกครั้งที่ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขา

     

                ทนแรงดึงดูดของเธอไม่ได้

     

     

     






     

                อิม ยุนอาผู้หญิงธรรมดาที่ใช้ชีวิตวัย 23 ปีอย่างน่าเบื่อมาตลอดกอดแฟ้มหนา 3 อันที่ถูกเจ้านายโยนมาให้ก่อนจะพยายามไขประตูห้องเช่าธรรมดาๆเข้าไปแต่ก็ไม่สามารถทำได้

     

                “ทำแบบนั้นเมื่อไหร่จะได้เข้าไปล่ะ”

     

                “มาพอดีเลย”เธอพูดก่อนจะโยนกุญแจให้ชายหนุ่มที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้าม “ไขให้หน่อย เร็วๆ”

     

                ชายหนุ่มหยิบกุญแจขึ้นมาก่อนจะเดินไปไขประตูห้องก่อนจะแย่งแฟ้มในมือของยุนอามาถือเอาไว้ เขามองหน้าเธอก่อนจะหัวเราะเบาๆ “เธอได้งานแล้วเหรอ”

     

                “ใช่”

     

                “จะถูกไล่ออกตอนไหนน้า”

     

                “นี่ ไม่ต้องปากมากเลยนะ”เธอพูดแล้วหยิบแฟ้มมาแล้วมองหน้าชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทที่ไม่สนิท “แต่ก็ไม่แน่หรอก เขาดูน่ากลัวยังไงไม่รู้สิ”

     

                “เขา? เขาไหนกันล่ะ”

     

                “วู อี้ฟาน ..คุณคริสน่ะ นายรู้จักไหม”

     

                “ใครไม่รู้จักก็บ้าแล้ว”เขาพูดก่อนจะโยกหัวเธอ “ลาออกซะเถอะ ฉันไม่อยากให้เธอต้องมานั่งร้องไห้ฟูมฟายเพราะโดนไล่ออกเหมือนคราวที่แล้วน่ะ”

     

                “ลาออก? เห๊อะ แล้วฉันจะเอาอะไรกินล่ะ ฉันต้องทำงานหาเงินนะ”ยุนอาพูดก่อนจะมองหน้าชายหนุ่ม “ใครจะไปเหมือนนายล่ะ ลี จงฮยอน ลูกชายคนเดียวของส.ส.ลีผู้ร่ำรวย ไม่ต้องทำอะไรก็มีกินมีใช้ไปทั้งชาติ”

     

                จงฮยอนหัวเราะก่อนจะส่ายหน้า “ก็ฉันบอกเธอแล้วไง”

     

                “อะไร”

     

                “ไม่ต้องทำงาน แล้วก็แต่งงานกับฉันซะก็จบแล้ว”

     

                เธอมองหน้าเขาก่อนจะหยิบกล่องกระดาษทิชชู่ใกล้มือขึ้นมาแล้วโยนใส่เขา “พูดเป็นละครเลย ออกไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”

     

                “ฉันจะรอดูเธอร้องไห้ขี้มูกโป่งนะยุนอา”

     

                “ไปเลยไป๊”








    ....................


    เป็นยังไงบ้างกับตอนแรก พอไปได้อยู่ไหมกับแนวนี้ ติชมกันเยอะๆนะ เพราะมันเป็นแนวไม่ถนัดจริงๆ

    แต่มีพี่ที่รู้จักแนะนำมาว่า นิยายที่ออกแนวดาร์คๆและดราม่าจะเน้นไปที่การบรรยาย แต่นิยายกุ๊กกิ๊กน่ารักๆแบบที่เค้าชอบแต่งจะเน้นไปที่คำพูดของตัวละคร

    ไม่ค่อยชิน แต่จะพยายามบรรยายเยอะๆนะ พออ่านได้ชิมิ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×