คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 03 || Cozart's part
03.
[Cozart’s Part]
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าทำไมถึงได้กระทำอะไรแบบนี้กับเขา...
สิ่งเดียวที่ผมรู้ก็คือดวงหน้าอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา...ดวงเนตรสีอำพันอันสว่างไสว...และเรือนร่างบอบบางราวอิสตรีของคนผู้นี้มันทำให้ภายในของผมแทบคลั่ง
อยากสัมผัส...อยากครอบครอง...อยากแนบชิด...อยากทำให้ทั้งหมดของเขาเป็นของผม...
นั่นมันเพราะเหตุใดกัน?
แต่พอได้เห็นสีหน้าหวาดกลัวและท่าทีกระอักกระอ่วนราวกับกำลังจะปฏิเสธผมแล้ว...ผมก็ไม่สามารถห้ามแรงโทสะที่เดือดดาลขึ้นมาจากภายในได้...
มันทั้งโกรธ...ทั้งเจ็บปวด...
ไม่ว่ามนุษย์หน้าไหนที่ได้พบเจอผม...แล้วได้ล่วงรู้ตัวจริงของผมก็ต่างทำท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์และหวาดกลัวเช่นนี้แทบทั้งนั้น
เสียงโอดครวญขอชีวิต...ท่าทีหวั่นพรึงจนร่างสั่นสะท้าน...หรือกระทั่งวิ่งหนีผลักไสให้ออกห่างราวกับผมเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ...ภาพเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมเห็นจนเจนตาเสียแล้ว
แต่ไม่รู้เหตุใดผมจึงไม่อยากให้เป็นเขา...
“อย่าทำเหมือนรังเกียจฉัน!” ผมตะโกนออกไปเช่นนั่น...คำรามออกไปจากแรงโทสะที่ได้เห็นเขาทำท่าทีรังเกียจผมถึงเพียงนั้น...
มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดลึกอยู่ภายในราวกับถูกหอกแหลมทิ่มแทงที่กลางใจ...ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดตรึงให้ดำดิ่งลงสู่โลกอันมืดมิดอยู่เพียงลำพัง...
ผมเอาแต่พูดเสียดสีและข่มขู่เขา...ผมเอาแต่เอาเปรียบเรือนร่างอันน่าโหยหาของเขา...แต่สิ่งเดียวที่กระจ่างชัดในใจของผมนั้นคือความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับคำพูดและการกระทำของผมโดยสิ้นเชิง...
..อย่ากลัวฉันเลย..จีอ็อตโต้...ฉันไม่ได้อยากทำร้ายนาย…
จริงๆแล้ว..ผมอยากจะบอกเขาแบบนี้ต่างหาก...จีอ็อตโต้....
“นายไม่มีสิทธิ์จะมองฉันด้วยสายตารังเกียจ ...ไม่มีสิทธิ์จะขัดขืน จงศิโรราบต่อฉันซึ่งเป็นนายแต่เพียงผู้เดียว”
แม้ผมจะพูดกับเขาเช่นนั้น...แต่วินาทีแรกที่ได้สัมผัสกับริมฝีปากอันนุ่มนิ่ม...ได้ลิ้มรสความหวานล้ำจากรสจูบที่ดูเงอะงะไร้เดียงสาราวกับไม่เคยทำเช่นนี้กับใครมาก่อน...ได้แนบชิดกับเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นและผิวเนียนนุ่มราวกับอิสตรีของคนผู้นี้...
ผมกลับรู้สึกว่า...ผมอาจเป็นฝ่ายศิโรราบให้เขาเองก็เป็นได้...
ผมค่อยๆถอนริมฝีปากออกจากเขาอย่างอ้อยอิ่ง...นัยน์ตาสีอำพันคู่สวยของเขาปรือลงราวกับดื่มดำในรสสัมผัสที่ไม่เคยคุ้น ..ริมฝีปากกลีบกุหลาบที่เผยอออกราวกับเชื้อชวนนั้นทำให้ผมเกือบห้ามใจที่จะลิ้มรสสัมผัสของเขาอีกคราไม่ไหว...
“ก็ดูตอบสนองดีนี่” ผมเอ่ยพลางกระตุกรอยยิ้ม
“ผ...ผม...” จีอ็อตโต้เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าขาวนวลของเขาแดงซ่านจนเป็นสีแดงระเรื่อ
“หึหึ...ว่าง่ายแบบนี้ค่อยอยู่กันได้หน่อย” ผมเอ่ยกลั่วเสียงหัวเราะ พลางเชยคางของเขาให้เงยขึ้นมาสบ เพื่อที่ผมจะได้เพ่งพินิจใบหน้าของเขาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น...
ผมสังเกตเห็นริมฝีปากของเขาบวมช้ำจนเป็นสีม่วง...เลือดสดๆไหลซึมออกจากบาดแผลที่โดนผมล่วงเกินอย่างหนักหน่วงเมื่อครู่หยาดย้อยลงมาจนถึงคางมน...อาจเป็นเพราะผมไม่เคยใส่ใจกับการกระทำที่มีต่อมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นใดมาก่อน ทำให้ผมพลั้งพลาดทำอะไรรุนแรงกับเขาเกินไปโดยมิได้ตั้งใจ...
“เจ็บมากไหม..?” ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและสายตาห่วงหาอาทรซึ่งไม่สมกับเป็นผมเลยสักนิด...นัยน์เนตรสีอำพันคู่สวยฉายแววประหลาดใจกับคำพูดแสดงความเป็นห่วงของผมเล็กน้อย..
“อ..อือ” เขาพยักหน้ารับอย่างลังเล ดวงตากลมโตยังคงจับจ้องมาที่ผมอย่างหวาดระแวง
ผมเอื้อมมืออกไปสัมผัสบนริมฝีปากอันบวมช้ำของเขาอย่างแผ่วเบา...นิ้วหัวแม่มือค่อยๆลูบไล้ไปมาตรงบริเวณแผลอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนที่ผมจะส่งพลังรักษาให้แผ่ซ่านลงไปยังบาดแผล และไม่ช้ารอยช้ำเหล่านั้นก็หายวับไปราวกับเล่นกล
จีอ็อตโตดูประหลาดใจกับการกระทำของผมเมื่อครู่...เขาเอื้อมมือขึ้นมาสัมผัสบริเวณริมฝีปากของตนเองอย่างแทบไม่เชื่อสายตา “คุณรักษาแผลได้ด้วยหรอ?”
“อืม..แต่ฉันไม่ถนัดนักหรอก...เพราะไม่เคยรักษาใครนอกจากตัวเอง “ ผมเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนขยับรอยยิ้มเย็นออกมาให้คนตรงหน้า “แล้วครั้งสุดท้ายที่ฉันบาดเจ็บ...มันก็ไม่รู้เมื่อกี่ร้อยปีก่อนมาแล้ว”
“ไม่รู้กี่ร้อยปีก่อน ?!...แต่คุณดูไม่แก่เลย?” เขาเอียงคอถามด้วยสีหน้าสงสัย มันเป็นภาพที่ผมอดนึกขำไม่ได้จริงๆ
“ลืมไปแล้วหรอว่าฉันไม่ใช่มนุษย์...” ผมกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอกับความไร้เดียงสาของคนตรงหน้า “ร่างกายของฉันเทียบกับมนุษย์แล้วก็อายุราวยี่สิบกว่าๆเท่านั้น..นายจะตัดสินอายุยมฑูตจากรูปร่างภายนอกไม่ได้หรอกนะ”
“อ่า..นั่นสินะผมนี่มันงี่เง่าจริงๆ” จีอ็อตโต้ตบศีรษะตัวเองเบาๆ ก่อนหัวเราะสดใสออกมาแล้วคลี่ยิ้มสว่างไสวมาให้ผม “ยังไงก็...ขอบคุณที่ช่วยรักษาแผลให้ผมนะ โคซาร์ท...”
ผมรู้สึกราวกับห้วงเวลาหยุดเคลื่อนไหวเมื่อได้สดับฟังเสียงหัวเราะกังวานราวระฆังเงินและได้เห็นรอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้แรกแย้มจากเขา...พลันเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นตรงกลางใจอย่างประหลาด...
“หึ...นายนี่ช่างแปลกคนเสียเหลือเกิน...ทั้งๆที่ฉันเป็นฝ่ายทำให้นายบาดเจ็บแท้ๆ...ยังจะมาขอบคุณฉันอีก” ผมเอ่ยพลางขยันรอยยิ้มหยัน แต่เขากลับเพียงคลี่รอยยิ้มบางกลับมาให้ผม...
“ลางสังหรณ์ของผมบอกว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ...” จีอ็อตโต้เอ่ยก่อนเงยสายตาขึ้นมาสบกับผมช้าๆ “ถึงแม้ผมจะรู้สึกกลัวคุณมากก็ตาม....”
ดวงเนตรสีอำพันยังคงสอดประสานกับสายตาของผม...ความหวั่นพรึงและลังเลในดวงตาคู่นั้นเลือนหายไปแล้ว...เหลือเพียงความอบอุ่นอ่อนโยนที่ทอดตัวเข้ามาหาเท่านั้น...
ใจของผมเต้นรัวเร็วขึ้นชั่วขณะ...โดยมิอาจละสายตาไปจากใบหน้าอันงดงามและรอยยิ้มสว่างไสวเฉกเช่นแสงตะวันของเขาไปได้...
ผมเอื้อมมือออกไปสัมผัสตรงแก้มนวลอย่างแผ่วเบา...แรกเริ่มนั้นจีอ็อตโต้มีท่าทีหวาดระแวงและตื่นกลัวจนร่างของเขาแข็งทื่อ...แต่เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอันอ่อนโยนไม่ได้รุนแรงเฉกเช่นเมื่อครู่นี้ ร่างบางก็ผ่อนคลายลงแล้วยอมให้ผมไล้ผิวขาวนวลที่เต็มไปด้วยเลือดฝาดอย่างโดยดี
จะเป็นอะไรไหม...หากฉันอยากลิ้มรสริมฝีปากของนายอีกครั้ง...
หากฉันจุมพิตนายอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม...นายจะยังกลัวฉันอีกไหม..?
ประโยคดังกล่าวเวียนว่ายไปมาอยู่ในมโนคิดโดยที่ไม่ได้เอ่ยออกไปให้เขาได้ยิน....นัยน์เนตรคู่สวยของเขาดึงดูดผมให้อยู่ในภวังค์ราวกับต้องมนตร์จนห้ามตัวเองไม่ไหว ต้องโน้มริมฝีปากลงไปหมายสัมผัสลิ้มรสความหวานชื่นนั้นอีกครา...
แต่วินาทีที่ริมฝีปากของเราห่างกันเพียงแค่ไม่ถึงเซนต์นั้น...
หัวหน้า...หัวหน้า...ท่านฮาเดสเรียกหาท่าน...
เสียงเรียกในมโนคิดจากหญิงสาวที่เป็นหนึ่งในลูกน้องทำให้ร่างทั้งร่างของผมหยุดชะงัก...ความรู้สึกกังวลฉายชัดอยู่ในจิตใจตั้งแต่ได้ยินชื่อของท่านจ้าวนรก
ผมค่อยๆผละออกห่างจากร่างบางตรงหน้าอย่างนึกเสียดาย...ดวงเนตรสีอำพันฉายแววงุนงงกับการกระทำของผม ใบหน้าขาวนวลของเขายังคงแดงซ่านจากเลือดที่สูบฉีดแรง
“ฉัน...จะไปธุระเสียหน่อย” ผมเอ่ยพลางเดินไปหยิบเสื้อคลุมสีดำทมิฬมาคลุมไว้รอบกาย “นายอยู่ที่นี่ทำตัวดีๆเข้าใจไหม”
“คุณจะไปนานหรือเปล่า?” จีอ็อตโต้เอ่ยถามผมด้วยสีหน้าสับสน...ผมไม่รู้ว่าเขาจะถามผมเช่นนี้ทำไม...หรือจะเป็นเพราะเขากลัวที่จะต้องอยู่คนเดียวหลังจากที่ผมออกไปจากบ้านหลังนี้...
ไม่หรอก...คงเป็นเพราะเขาคิดจะหนีไปจากผมเสียมากกว่า...
“นานหรือไม่นานก็ไม่ใช่เรื่องที่นายจะต้องรู้” ผมเอ่ยตอบเสียงเย็นเยียบ...ภายในใจรู้สึกเงียบเหงาวังเวงยิ่ง “แล้วก็อย่าคิดหนี...เพราะไม่ว่านายจะอยู่ที่ไหนก็ตาม...ฉันจะตามหานายจนพบเสมอ...จีอ็อตโต้”
ผมระบายรอยยิ้มหยันใส่ร่างบางที่บัดนี้ดวงเนตรสีอำพันฉายแววเจ็บปวดระคนเศร้า...ทำไมเขาจะต้องเศร้าด้วย?...ก็เขาคิดจะหนีไปจากผมมิใช่หรือ...?
ผมถอนหายใจยาวก่อนไล่ความคิดอันว้าวุ่นในใจออกไป...การเรียกพบของท่านฮาเดสสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับผมในเพลานี้...หากผมไม่รีบไปให้เร็วเกรงว่าท่านจะพิโรธเสียก่อน
จีอ็อตโต้ยังคงมองตามผมตลอดจนผมปิดประตูเดินออกจากบ้านหลังนี้ไป...ผมยืนอยู่ตรงหน้าประตูสักพักก่อนม่านหมอกสีดำทมิฬจะเคลื่อนคล้อยเข้ามาบดบังร่างกายผมจนมิด...และเมื่อลานสายตาสะท้อนภาพตรงหน้าได้แจ่มชัดอีกคราผมก็มายืนอยู่ที่หน้าปราสาทของท่านฮาเดสในขุมนรกเรียบร้อยแล้ว
รอบข้างผมคือทางเดินที่ทำด้วยหินผุกร่อนเชื่อมต่อกันราวกับถนน เบื้องล่างของทางเดินคือผาอันสูงชันซึ่งถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลเพลิงโลกันต์ที่โหมกระหน่ำราวกับคลื่นมหาสมุทรอันบ้าคลั่ง เหล่ามนุษย์ผู้ล่วงลับต่างคืบคลานอยู่ในเพลิงไฟที่เข้าแผดเผาร่างอย่างยาวนานโดยไม่มีวันจบสิ้น เสียงร้องโอดครวญของพวกเขาดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ
ผมเดินตรงขึ้นไปยังบันไดหินอ่อนสีขาวสะอาดที่ทอดตัวขึ้นไปสู่ปราสาทสไตล์ยุโรปโบราณขนาดสูงเสียดฟ้า ผืนนภาเบื้องบนหาได้เป็นสีฟ้าครามเช่นดั่งบนโลกเหนือพิภพไม่...นรกภูมิแห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยท้องฟ้าสีแดงคล้ำราวกับโลหิตเก่าๆ ประดับเมฆาสีดำทมิฬที่เคลื่อนคล้อยไปมากระจายอยู่เป็นหย่อมๆช่างดูน่าหวาดผวายิ่ง
เมื่อเดินขึ้นมาจนสุดขั้นบันไดผมก็เปิดประตูไม้สักขนาดใหญ่ให้แง้มเปิดออกแล้วค่อยเดินตรงเข้าไปในปราสาทอย่างแช่มช้า
ตรงหน้าของผมคือพรมสีแดงชาดที่ปูยาวเป็นทางเดินจนไปสุดอยู่ที่บัลลังก์หรูที่สลักลายงดงามวิจิตร บนราชบัลลังก์ปรากฎร่างของชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งซึ่งหากคาดเดาอายุจากภายนอกเขาคงมีอายุไม่เกินยี่สิบปลายๆเท่านั้น ชายผู้นี้สวมชุดคลุมสีดำยาวกรอมเท้าเช่นเดียวกับของผม เขาสวมสร้อยโลหะสีเงินยาวจรดหน้าอกโดยมีจี้รูปดาวห้าแฉกสะท้อนแสงเงาวาววับอยู่ตรงกลาง
นัยน์เนตรสีแดงเลือดหมูฉายแววยินดีที่เห็นผมปรากฎกายอยู่ตรงหน้า เขาขยับรอยยิ้มเย็นก่อนกวักมือเรียกผมให้เข้ามาใกล้
“มานี่สิ..โคซาร์ท” ชายผู้นั้นเอ่ยเสียงแผ่ว แต่กลับทรงไปด้วยพลังอำนาจที่ทำให้ร่างของผมสั่นสะท้าน
หากจะมีสิ่งใดที่ทำให้คนอย่างผมรู้สึกกลัวจนสุดขั้วหัวใจได้...ก็คงจะเป็นชายผู้นี้...เจ้านรกฮาเดส
“ขอครับ...ท่านฮาเดส” ผมโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนเดินเข้าไปใกล้แล้วคุกเข่าลงบนพรมสีแดงสด
“ตกลงว่า...เจ้าได้นำวิญญาณของเดม่อน สเปดมาตามที่ได้รับคำสั่งหรือไม่” ฮาเดสเอ่ยพลางขยับรอยยิ้มเย็นที่ทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก
“กระผม...ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง...ที่ทำภารกิจไม่สำเร็จ” ผมตอบด้วยกระแสเสียงตะกุกตะกัก
จ้าวนรกฮาเดสแย้มสรวลออกมาดังสนั่นอย่างที่ทำให้หัวใจของผมกระตุกวูบ...ก่อนเจ้าตัวจะค่อยๆลุกขึ้นเดินลงมาจากบัลลังก์แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม
“โคซาร์ทเอ๋ย...คิดหรือว่าเจ้าทำอะไรลงไปแล้วจะปิดข้าได้ หืม?” เขาเอ่ยพลางเชยคางผมให้เงยขึ้นไปสบ “ลักลอบทำพันธสัญญากับมนุษย์นั้นข้ามิเคยว่า...แต่เหตุใดต้องไว้ชีวิตของเจ้าคนโฉดชั่วผู้นั้นด้วยเล่า”
“กระผมสมควรได้รับโทษขอรับ..” ผมก้มหน้าลงอย่างยอมรับชะตากรรม แต่ท่านจ้าวนรกยังคงนิ่งเงียบมิได้ลงฑัณท์อะไรกับผมอย่างที่คิด
“เอาเถอะๆ...เห็นว่าเจ้าทำประโยชน์ให้ข้ามานานหลายร้อยปี ข้าจะยอมเจ้าสักครั้ง” เขาเอ่ยพลางลูบศีรษะของข้าอย่างเอ็นดู “แต่คราวหน้าอย่าคิดขัดคำสั่งข้าอีกเป็นครั้งที่สอง...เข้าใจหรือไม่..โคซาร์ทเอ๋ย..”
“เป็นพระกรุณาอย่างล้นพ้นขอรับ...กระผมน้อมรับบัญชา” ผมเอ่ยพลางถอนใจอย่างโล่งอก
“ว่าแต่...มนุษย์ที่เจ้าพามานั่นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” ฮาเดสเอ่ยถามด้วยแววตาฉายแววสงสัย
ผมนิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบผู้เป็นใหญ่ตรงหน้า “เป็นมนุษย์ที่ซื่อและใจอ่อนมากเกินมนุษย์ทั่วไป...แต่กระนั้นก็น่าสนใจไม่น้อยขอรับ”
“ฮ่าๆๆ งั้นหรอ” ฮาเดสระบายยิ้มออกมาอย่างสนอกสนใจ “ตลอดหลายร้อยปีมานี้ข้าเสนอมนุษย์สตรีอันเลอโฉมมากมายให้กับเจ้า...แต่เจ้าก็กลับอยู่กับพวกหล่อนเพียงชั่วข้ามคืนไม่คิดสานสัมพันธ์ด้วยเลยแม้สักครั้ง”
“แต่คราวนี้กลับมาทำพันธสัญญากับมนุษย์ชายซื่อๆธรรมดาคนหนึ่ง...น่าสนใจจริงๆ”
ผมมิได้ตอบอันใดกลับไปกับนายเหนือหัวตรงหน้า...นัยน์ตาของผมจับจ้องแต่เพียงพื้นพรมเบื้องล่างและรองเท้าสีดำเงาของผู้เป็นใหญ่ที่วางอยู่ไม่ไกลจากสายตาของผมเท่านั้น
“เอาล่ะ...ช่างเถอะ...หวังว่าเจ้าจะสุขสำราญกับทาสของเจ้าก็แล้วกัน” จ้าวนรกเอ่ยพลางหมุนร่างเดินกลับไปยังบัลลังก์สูงเบื้องบน
“เป็นพระกรุณา..” ผมเอ่ยอย่างนอบน้อมพลางลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับให้ชายตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะหมุนร่างเตรียมเดินออกจากห้องประทับของจ้าวนรก
“เดี๋ยวก่อน...โคซาร์ท...”
เสียงเรียกอันเย็นยะเยียบประดุจน้ำแข็งของจ้าวนรกทำให้ร้างของผมหยุดชะงัก ก่อนรีบหันกายกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“แม้เจ้าจะรู้กฎนี้อยู่แล้ว...แต่ข้าคงต้องขอเตือนเจ้าอีกครั้งด้วยความหวังดี” จ้าวนรกเอ่ยพลางกระตุกรอยยิ้มเย็น
“อย่าได้ริอาจรักกับทาสมนุษย์ของเจ้าเป็นอันขาด...”
คำเตือนของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้สึกชาวูบไปทั้งร่าง...ภายในใจหนักอึ้งราวกับมีสิ่งใดเข้ามาถ่วงตรึงให้จมหายจนเหลือแต่ความว่างเปล่า...
แม้จะรู้ถึงกฎนั้นอยู่แล้วก็ตาม...ทว่า...
“หากเจ้ารักกับมนุษย์แล้วจุดจบของเจ้าจะเป็นอย่างไรเจ้าก็น่าจะเห็นตัวอย่างจากยมฑูตหลายต่อหลายตนที่ตายด้วยเงื้อมมือข้า...” นัยน์เนตรสีเลือดหมูที่สงบนิ่งบัดนี้ฉายแววกราดเกรี้ยวและน่าสะพรึงกลัวยิ่ง
“ถึงนั่นจะเป็นเจ้า...ข้าก็ไม่อาจละเว้นได้...เข้าใจหรือไม่...โคซาร์ท..”
ผมหรี่นัยน์ตาลงก่อนพยักหน้ารับคำเตือนของอีกฝ่ายโดยดุษฎี ก่อนรีบหมุนตัวเดินออกไปจากปราสาทอย่างรวดเร็ว...
รักมนุษย์งั้นหรือ.... ผมคิดคำนึงอยู่ในใจยามที่ม่านหมอกสีดำทมิฬเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาโอบล้อมร่างของผมอีกครั้ง
.
.
TBC.
- - - - - - - - - - - - - - - -
ส้ม : เวิ่นหน่อยนึงถึงประโยคสุดท้ายที่พี่แคทพาเราเพ้อ 555
ฉัน...จะรักนายหรือเปล่า...จีอ็อตโต้...?
ยัง จะ ถาม อีกกกกกก 555555 ดูท่าทางพระเอกของเราจะไม่รอดแน่งานนี้ ~
ความคิดเห็น