คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 02 || Giotto's part
[Giotto’s part]
ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ชายแปลกหน้าที่อ้างว่าตนเป็นยมทูต และใช้สิทธิ์ลิดรอนในการทำพันธะสัญญานั่น ...
“ฉันชื่อโคซาร์ท...เมื่อครู่นี้เราได้ทำพันธสัญญากันแล้ว...”
ราวกับว่าในหัวของผมมันขาวโพลนไปหมดตั้งแต่ที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน รสเค็มปร่าที่ชวนกระอักกระอวนของคาวเลือดยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น แล้วผมก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งหลังจากที่โดนร่างสูงโปร่งตรงหน้าจูบลงบนต้นคอ
“จงมาเป็นทาสของฉันไปชั่วนิรันดร์เถิด...จีอ็อตโต้...”
ถึงผมจะยังไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“จากการทำพันธสัญญา ฉันจะปล่อยชายผู้นี้ไป แลกกับที่นายต้องตามไปอยู่ในยมโลก ...กับฉัน”
หลังจากนั้นไม่ถึงเสี้ยววินาที ม่านหมอกสีดำทมิฬก็ปรากฏขึ้นและลอยล้อมรอบตัวผมกับบุรุษตรงหน้าไปทั่วตรอกแคบๆแห่งนี้ ก่อนจะค่อยๆจางหายไป เผยให้เห็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลไกลสุดลูกหูลูกตา
เรามาอยู่ที่นี่ เพราะอำนาจของยมทูตผู้นั้นก็เป็นได้ ...
“อย่าอยู่ห่างฉัน” เสียงทุ้มเอ่ยอยู่ใกล้ๆหูก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินนำออกไป
ผมเดินตามร่างสูงโปร่งที่เดินนำลิ่วๆไปอย่างไม่รอช้า คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหากจะถูกทิ้งไว้ในต่างถิ่นเพียงลำพัง ยิ่งเป็นสถานที่ที่น่ากลัวแบบนี้แล้วด้วย
สองข้างทางเป็นบ้านคนซึ่งเงียบสงัดราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยใดๆอาศัยอยู่เลย มีเพียงเสียงจิ้งหรีดร้องระงมแม้จะในเวลากลางวันแสกๆก็ตาม... บ้านทุกหลังถูกสร้างขึ้นด้วยไม้เก่าคร่ำคร่าด้วยโครงสร้างซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือสภาพของบ้านแต่ละหลังนั้นค่อนข้างทรุดโทรมอย่างที่จะพังแหล่มิพังแหล่อยู่รอมร่อ
เมื่อเราเดินกันมาจนสุดทางก็พบกับบ้านไม้หลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ต้นไม้ต้นใหญ่สูงชะลูดแตกกิ่งก้านสาขามากมายจนบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ซึ่งส่องลงมาในบริเวณตัวบ้านเป็นการเพิ่มบรรยากาศชวนขนหัวลุกราวกับว่านี่เป็นบ้านผีสิงยังไรอย่างงั้น
“เข้าไปกันได้แล้ว” โคซาร์ทคว้าแขนผมไว้ก่อนที่จะลากผมเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ภายในบ้านมืดทึบ ทั้งชื้นและมีกลิ่นอับ หยากไย่และฝุ่นหนาเกาะไปตามเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านราวกับไม่เคยแตะต้องมันมาแรมปี โคซาร์ททิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าและฉุดแขนให้ผมนั่งลงข้างๆ
“ท ...ที่นี่ เป็นบ้านของคุณจริงๆหรอ ?” ผมถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจกับสภาพบ้านที่ดูราวกับเจ้าของไม่น่าจะเคยอยู่มาเป็นปีๆแล้ว
“ใช่ ส่วนมากฉันออกไปทำงานที่อื่น ไม่มีเวลามาทำเรื่องจุกจิกหรอก แต่ก็นะ ...” ร่างสูงเว้นช่วงคำพูดเอาไว้ ขยับกายเข้ามาใกล้ผมช้าๆและเลื่อนใบหน้าคมคายเข้ามาประชิดจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดอยู่ที่ข้างแก้ม
“... ต่อจากนี้มอบหน้าที่ให้นายเป็นคนดูแลบ้านแล้วกัน”
ริมฝีปากบางยกยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเลื่อนเข้ามาใกล้ชิดอีกนิด จากการกระทำนั้นทำให้ผมถอยหนีอย่างเสียไม่ได้ หากแต่ร่างสูงกลับไม่ได้สนใจในท่าทีปฏิเสธของผม กลับยิ่งขยับเบียดกายเข้ามาแนบชิดกันมากขึ้นจนรู้สึกอึดอัด
“นี่ จีอ็อตโต้ นายมันโชคร้ายแฮะ ที่ยอมเอาตัวเข้าแลกกับคนพรรค์นั้น” โคซาร์ทกระซิบแผ่วอยู่ที่ข้างใบหู ส่วนผมก็พยายามขยับหนีจากลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดข้างแก้มอย่างเป็นจังหวะ
“ฉันคงบาปหนาน่าดูที่ทำให้คนดีๆอย่างนายแปดเปื้อน” โคซาร์ทยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ผมเริ่มรู้สึกว่าที่อึดอัดอยู่นั้นไม่ใช่เพราะแรงเบียดหรอก แต่เป็นเพราะรอยยิ้มของเขามากกว่า
“ค ..คุณช่วย เขยิบ...” พูดในขณะที่ใช้มือดันอกแกร่งของร่างตรงหน้าที่เอาแต่โถมน้ำหนักเข้ามา ในที่สุดร่างของผมก็ชิดติดกำแพงจนได้
“อย่าทำเหมือนรังเกียจฉัน” เสียงเกรี้ยวกราดที่เล็ดรอดไรฟันของโคซาร์ททำให้ผมหยุดชะงักการกระทำลง สีหน้าขึงขังเหมือนกำลังโมโหของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้ว่าตัวเองทำพลาดไปแล้ว
“อยู่ดีไม่ว่าดี นายก็ทำให้ฉันไม่พอใจ” ถึงประโยคถัดมาจะไม่ได้เป็นเสียงที่เกรี้ยวกราดเหมือนก่อนหน้า แต่น้ำเสียงจริงจังแบบนั้นเริ่มทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก
มือหยาบของชายตรงหน้าบีบคางของผมแน่นจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ นัยน์ตาสีทับทิมลุกโชนราวกับไฟแห่งขุมนรกจ้องมาที่ผมด้วยแรงโทสะ
ความรู้สึกกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเริ่มเข้ามากัดกินในความรู้สึก ...ชายตรงหน้าช่างเป็นบุคคลที่น่ากลัวเสียเหลือเกิน..
“นายไม่มีสิทธิ์จะมองฉันด้วยสายตารังเกียจ ...ไม่มีสิทธิ์จะขัดขืน จงศิโรราบต่อฉันซึ่งเป็นนายแต่เพียงผู้เดียว”
ราวกับต้องมนต์สะกด คำพูดนั้นก้องอยู่ในหัวของผมหลายสิบครั้ง ผมค้างอยู่อย่างนั้นและไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย แล้วแรงกดมหาศาลก็ถาโถมเข้ามา
เร็วกว่าความรู้สึก...ร่างสูงโน้มก็ใบหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะบดเบียดริมฝีปากแนบชิดจนไม่เหลือช่องว่างระหว่างเรา ผมสัมผัสได้ถึงลิ้นอุ่นๆที่ล่วงล้ำเข้ามาในช่องปาก มือแกร่งข้างหนึ่งเอื้อมมาจับที่ท้ายทอยเพื่อประคองตัวผมที่แทบจะละลายแตกเป็นเสี่ยงกับจูบเร่าร้อนนี้ เสียงของริมฝีปากที่ขบเม้มนั้นดังขึ้นเป็นจังหวะทำให้ผมแทบอยากจะเบือนหน้าหนีแต่ไม่สามารถทำได้เลย
ทันใดนั้น ดวงตาสีทับทิมที่หลับพริ้มอย่างลุ่มหลงในสัมผัสก็ลืมขึ้นช้าๆ สบกับดวงตาของผมที่เอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตา
การจูบกันทั้งๆที่ลืมตามองอีกฝ่ายยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนแผ่วที่ใบหน้า หัวใจเต้นแรง และลมหายใจเริ่มขาดห้วง
โคซาร์ทไม่หยุดให้ผมได้หายใจ เขายังคงจูบผมอย่างหนักหน่วง ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาทันทีที่ร่างสูงขบฟันกับริมฝีปากของผมอย่างแรง รสคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วปาก และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกได้ใจ
นี่คือการลงโทษ ในฐานะที่นายขัดขืน
เสียงของโคซาร์ทแว่วเข้ามาในหัว...เขาถ่ายทอดความคิดนั้นมาให้ผม
เราไม่สามารถปฏิเสธการตอบสนองนี้ได้ และไม่อาจล่วงรู้ได้ ว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ....
เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าที่ร่างสูงตรงหน้าจะผละริมฝีปากออก ผมหายใจอย่างแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรงราวกับถูกดูดพลังไปจนหมด
นัยน์ตาสีทับทิมที่มีแววอิ่มเอมฉายออกมาทอดมองมายังผม ริมฝีปากขยับยิ้มเย็นยะเยือก
“ที่ร่างกายนายไม่สามารถขยับได้ เพราะฉันควบคุมมันอยู่” หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วนัยน์ตาของผมก็เบิกกว้างทันที แต่แล้วความรู้สึกเหมือนถูกกดทับก็หายไปพร้อมกับร่างกายของผมที่สามารถขยับได้ดังเดิม
“ทีนี้ก็รู้ไว้ซะ ทำให้นายตายน่ะ มันทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว” โคซาร์ทยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร แต่ดูก็รู้ ว่ามันเป็นการประชดชัดๆ
“นายต้องมีชีวิตยืนยาวไปอีก ไม่ควรทำตัววอนหาที่ตายก่อนเวลาอันควร ไม่เช่นนั้นแล้วการเสียสละของนายคงสูญเปล่าสำหรับเดม่อน”
มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของผม แต่ราวกับว่าโคซาร์ทอ่านความคิดผมออกจึงชิงพูดต่อทันที
“นายต้องมีชีวิตอยู่ในฐานะทาสเพื่อให้ตรงกับข้อแลกเปลี่ยน ถ้าเข้าใจแล้วก็ช่วยทำตัวเป็นเด็กดีด้วย ...หึหึหึ”
ทั้งเสียงหัวเราะและคำพูดนั้นเหมือนเป็นการเย้ยหยันและเสียดแทงใจของผม... ผมไม่มีทางเลือก... ไม่มีข้อต่อรอง...มีเพียงต้องทำตามสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้อยู่แล้วจากเส้นทางที่ผมเลือกเองเท่านั้น
โคซาร์ทโน้มใบหน้าลงมาจูบผมอย่างแผ่วเบาอีกครั้งก่อนจะถอนจูบอย่างอ้อยอิ่งราวกับย้ำเตือนผมในทุกๆเรื่อง
จากนี้ไป ชีวิตคงไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว ...
.
.
ความคิดเห็น