ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✞ VIXX ✞ OS/SF

    ลำดับตอนที่ #3 : | 95LINE:SUNGJAEHYUK | " Confession "

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 182
      2
      1 เม.ย. 58




    Confession - Standing Egg


    "Confession"





    ถอยไปหน่อยดิมึงเดินเบียดแทบสิงร่างกูแล้วนะ
                              

    ใครหลายคนชอบที่จะมีเพื่อนเดินอยู่ข้างๆเวลาไปไหนมาไหน
    แต่ผมเป็นคนนึงแหละที่ไม่ชอบเดินข้างๆเพื่อนสนิทของตัวเอง ยิ่งเดินเบียดกันในที่ๆคนเยอะๆแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่


    มึงจะให้กูเดินตรงไหนไม่ทราบในเมื่อคนแม่งเยอะจนแทบจะเหยียบกันตายขนาดนี้เสียงทุ้มๆของคนที่เดินอยู่ข้างๆตอบกลับมาอย่างหัวเสีย เมื่อระหว่างทางที่เดินไปป้ายรถประจำทางคนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆจนแน่นทางเดินไปหมด

    งั้นมึงเดินข้างหลังกูไปเลย แล้วจับเสื้อกูไว้ด้วย เดี๋ยวหลงผมว่าแล้วก้าวขายาวๆไปเดินนำหน้าคนตัวเตี้ยกว่าก่อนจะรู้สึกถึงแรงดึงเบาๆตรงปลายเสื้อโค้ดกับเสียงทุ้มที่บ่นงึมงำกับตัวเอง

    หลงห่าไรกูไม่ใช่เด็กซักหน่อย

    เหตุผลที่ผมไม่ชอบเดินข้างๆเพื่อนสนิทตัวเองน่ะเหรอ

    มันเป็นเพราะทุกครั้งที่มือของเราเผลอมาแตะโดนผมก็อยากจะจับมือมันไว้ แต่ก็ทำไม่ได้






    หลังจากเดินฝ่าฝูงชนออกมาขึ้นรถได้อย่างอยู่รอดปลอดภัยดูเหมือนว่าคนที่นั่งข้างๆผมจะหมดพลังงานไปเยอะทั้งจากที่เรียนแล้วมาเจอคนแน่นๆแบบนี้อีกทำให้หลังจากขึ้นมานั่งบนรถได้ไม่นานมันก็หลับไป

    อาจจะเพราะตอนนี้ดึกมากแถมเกือบจะเป็นรถเที่ยวสุดท้ายแล้ว ผู้โดยสายบนรถเลยค่อนข้างน้อยแล้วยังทยอยลงไปทีละคนอีกจนตอนนี้บนรถเลยเหลือแค่ผมกับมันที่นั่งสัปหงกอยู่ข้างๆแค่สองคนถ้าไม่รวมลุงคนขับนะ

    เพราะแรงสะเทือนจากรถที่เคลื่อนตัวทำให้หัวทุยๆซบลงมาบนไหล่ของผม เปลือกตาบางบางยังคงปิดสนิท เหมือนไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือนอะไรทั้งสิ้น

    ผมไล่มือไปเกลี่ยผมหน้าม้าสีน้ำตาลแดงที่เริ่มจะยาวลงมาปิดตาให้ขยับออกไปข้างๆเพื่อจะได้สำรวจใบหน้าของคนที่หลับอยู่ได้ชัดยิ่งขึ้น จมูกโด่งที่ติดจะรั้งนิดๆยังคงหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ริมฝีปากสีชมพูคลียิ้มบางๆเหมือนทุกครั้งเวลาหลับอย่างกับว่าได้ฝันถึงเรื่องดีๆทำให้ผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

     

    แบบนี้ไงผมถึงไม่ชอบนั่งข้างๆมัน  เพราะเวลาที่หัวเล็กๆนั้นซบลงมาบนไหลมันทำให้ใจผมเต้นแรงไม่หยุด

     

    ผมกลายเป็นพวกซ่อนความรู้สึกไม่เก่งทุกครั้งเวลาอยู่ใกล้มัน ถึงแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันมานานแต่อาการใจเต้นแรงทุกครั้งเวลามันยิ้มหรือหัวเราะ หรือทำอะไรก็แล้วแต่ไม่เคยหายไปซักที

    ฮัน ซังฮยอกมีอิทธิพลต่อหัวใจผมมากเกินไป

     

     

    "ฮยอก"

    "..."

    "ซังฮยอก"

    "หื้อ~"

    "ตื่นได้แล้วมึง จะถึงป้ายบ้านมึงแล้ว"

    "ตื่นแล้ว~"

    มันเด้งหัวออกจากไหล่ผมแล้วกลับไปนั่งหลังตรงเหมือนปกติแต่ตามันยังปรือจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ผมเลยยีหัวมันไปเบาๆทีนึงแล้วลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นป้ายรถอยู่ข้างหน้า ก่อนจะส่งมือไปฉุดให้คนที่นั่งหน้ามึนลุกขึ้นเดินตามมา

     

     

    "มึง"

    ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองคนที่เดินก้มหน้าจับชายเสื้อตามหลังมาแบบมึนๆเมื่อระหว่างทางเดินกลับบ้านวันนี้บรรยากาศดูจะเงียบผิดปกติ

    "หื้อ?"มันช้อนตาปรือนั้นขึ้นมองผมแบบมึนๆ

    “วันนี้เงียบๆนะมึง เป็นไรวะ”

    “กูง่วง มึงเดินเร็วๆดิกูอยากกลับไปอาบน้ำนอนจะแย่แล้ว”มันบ่นด้วยเสียงงึมงัมก่อนจะกระตุกชายเสื้อของผมที่จับอยู่แรงๆเหมือนให้ผมเลิกพูดแล้วเดินต่อไปซักที

    “หน้าสงสารจริงๆ55555555555555”ผมส่งมือไปยีกลุ่มผมนุ่มๆจนฟูไปหมดก่อนจะเปลี่ยนไปดึงมือมันให้ปล่อยออกจากชายเสื้อแล้วมาจับมือกันเอาไว้แทน

     

    ระหว่างทางเดินกลับมาเงียบอีกครั้ง แต่สัมผัสอุ่นๆที่ฝ่ามือทำให้ผมได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียวแล้วอยากให้ระยะทางจากตรงนี้จนถึงบ้านให้มันไกลกว่านี้อีกซักนิด ผมจะได้จับมือมันอยู่แบบนี้นานๆ

     

     

    “ขอบคุณที่มาส่ง”เสียงงัวเงียพูดขึ้นในตอนที่เราทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้ารั้วบ้าน มือเล็กคุ้ยหากุญแจในกระเป๋าเป้ทั้งที่ตาปิดแทบจะสนิท จนผมทนไม่ไหวเลยต้องดึงเป้มันมาหาให้เอง

    "คืนนี้กูค้างบ้านมึงนะ"ผมพูดทำลายความเงียบในขณะที่กำลังไขกุญแจแล้วเปิดรั้วให้อ้าออก แล้วดึงแขนคนที่ทำท่าว่าจะหลับกลางอากาศให้เดินเข้าไปข้างใน

    "บ้านตัวเองไม่มีอยู่รึไง"

    "พ่อกับแม่ไปเที่ยวกัน กูไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว"

    "กลัวผีก็พูดมาไม่ใช้อ้างว่าไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว"

    “มึงหน้ากลัวกว่าผีอีก”


    ต่อให้มันจะง่วงแค่ไหนแต่เสียงัวเงียนั้นยังคงต่อปากต่อคำกับผมได้อย่างดีถึงแม้ว่าตัวเองพร้อมจะหลับกลางอากาศได้ทุกเมื่อก็ตาม-*-

     

     

     

    "นี่มึง"ผมเรียกคนตัวเล็กที่ตอนนี้นอนซุกหมอนอยู่ข้างๆหลังจากถูกผมฉุดกระชากลากถูให้ไปอาบน้ำหลังจากเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วมันแทบจะทิ้งตัวลงจมเตียง

    "วันนี้มึงเรียกกูบ่อยไปแล้วนะยุกซองแจ"มันตอบกลับมาเสียงอู้อี้ทั้งที่ยังเอาหน้าซุกหมอนอยู่ เอาจริงๆบางทีผมก็จำไม่ได้นะว่าวันๆนึงผมเรียกมันบ่อยแค่ไหนจนบางครั้งอดจะคิดไม่ได้ว่ามันคงรำคาญผมอยู่แน่ๆ

    "กูมีอะไรจะถาม"ผมพูดพลางตะแคงตัวหันหน้าไปทางที่มันนอน ถึงภายในห้องตอนนี้เกือบจะมืดสนิทแต่แสงไฟที่ลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามาก็พอที่จะทำให้เห็นคนที่นอนอยู่ข้างๆได้ ถึงจะไม่ค่อยชัดแต่ก็พอทำให้เห็นว่ามันก็หันหน้ามาทางผมเหมือนกัน มันไม่ได้พูดอะไรแค่พยักหน้าเบาๆทั้งที่ยังไม่ลืมตาเป็นการบอกให้ผมพูดต่อ

    "..."

    "ถ้ามึงแอบชอบใครอยู่ แต่ไม่กล้าบอกมึงจะทำไงวะ"เปลือกตาบางลืมขึ้นมาแทบจะทันทีเมื่อผมพูดจบ มันดูตกใจอยู่ไม่น้อยก่อนจะปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติแล้วปิดเปลือกตาลงพร้อมพูดออกมาเบาๆ

    "มึงไปชอบสาวที่ไหนเข้าวะ"

    "กูแค่ถามดูเฉยๆ มึงตอบเหอะ"

    "อื...ม กูก็คงรวบรวมความกล้าที่มีแล้วเข้าไปบอกเขามั้ง"หลังจากที่เปลือกตาบางปิดลงไป ผมก็ได้แต่นอนมองปากเล็กๆที่กำลังขยับพูดออกมาเรื่อยๆอย่างเพลินตา

    "พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน"

    “อะไร”ตาใสๆลืมขึ้นอีกครั้งหลังจากผมผมออกไป มันดูจะงงๆกับการเป็นเรื่องกะทันหันของผมจนคิ้วเล็กๆนั้นขมวดเข้าหากัน

    "ไปเที่ยวกัน"ผมพูดต่อแล้วเอานิ้วชี้จิ้มระหว่างคิ้วมันสองสามทีให้คลายออก

    "ที่ไหน"

    “ไหนบอกง่วง นอนได้แล้ว ฝันดี”ผมพูดตัดบทมันอีกครั้งก่อนจะส่งมือไปลูบกลุ่มผมนิ่มนั้นเบาๆเป็นการกล่อมให้มันหลับแต่ตาใสๆนั้นยังคงมองมาที่ผมอย่างเอาคำตอบผมเลยได้แต่ยิ้มบางๆให้ทั้งที่มือยังคงลูบอยู่บนกลุ่มผมนิ่มจนในที่สุดมันก็ยอมหลับตาลง

     

     
     

    "ฮยอก กูกลับแล้วนะ"ผมเรียกคนที่ยังคงหลับอยู่บนเตียงพลางเขย่าแขนมันเบาๆให้รู้สึกตัว  คนตัวเล็กลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิทำหน้ามึนๆใส่แล้วครางรับอยู่ในคอ

    "หื้อ"

    "กูกลับบ้านแล้วนะ"ตาเล็กๆช้อนขึ้นมองผมอย่างงง ผมเผ้าที่ชี้ไม่เป็นทรงทำให้คนตัวบางบนเตียงยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่

    "กี่โมงแล้ว"น้ำเสียงงัวเงียถามออกมาเบาๆแล้วหันมองรับๆตัวผมเลยส่งมือไปจับผมที่ชี้ไปคนละทิศละทางให้เข้าที่ให้ดี

    "โมงกว่าๆ มึงนอนเหอะกูแค่จะบอกว่ากลับแล้ว"

    "แล้วไหนชวนกูไปเที่ยวไง ไม่ไปพร้อมกันเหรอ"

    "กูกลับไปดูบ้านก่อน เดียวเที่ยงๆมารับ"ผมพูดแล้วดันตัวมันให้นอนลงไปแล้วเอาผ้าขึ้นมาห่มให้จนถึงคอลูกหัวมันเบาๆอีกครั้งก่อนจะผละตัวออกมายืนอยู่ข้างเตียง

    "อื้อ"คนตัวเล็กพยักหน้ารับเบาๆ เปลือกตาบางค่อยๆปรือลงอีกครั้งจากแรงดูดของหมอน ผมยืนนิ่งมองหน้าคนหลับอยู่ซักพักถึงได้เดินออกมา

     

     

     

    ยุน ซองแจคนนี้กำลังไม่มั่นใจ

    แต่งตัวแบบนี้ดีรึยัง ใส่เสื้อยืดแบบนี้ดีหรือใสสเวตเตอร์ดี

    ทำผมตั้งหรือปล่อยหน้าม้าลงมาแบบไหนจะหล่อกว่ากัน

    ผมกำลังไม่มั่นใจในตัวของตัวเอง

    ถ้าถามว่าเป็นเพราะใครเหรอ ก็หน้าจะรู้ๆคำตอบกันอยู่

     
     

    ผมใช้เวลาอยู่ซักพักใหญ่ๆในการเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่เพียงเพราะว่าวันนี้ผมชวนเพื่อนออกไปเที่ยว อาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะปกติเราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่ว่าครั้งนี้ผมจะทำให้มันพิเศษกว่านั้น

     

    เหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังก็พบว่าตอนนี้มันเพิ่งจะสองโมงกว่าๆ ทำไมเวลามันเดินช้าจะวะทั้งที่ปกติเวลารีบไปเรียนนี่กระพริบตาทีก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

     

    ผมทิ้งตัวลงนอนกลิ้งอยู่บนเตียง พลิกซ้ายทีขวาทีพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ตื่นเต้นไปมากกว่านี้ สูดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะแล้วได้แต่พูดย้ำกับตัวเอง

    "ใจเย็นไว้มึง เย็นไว้ ยุกซองแจมึงต้องใจเย็นไว้ เฮ้อ~"

     

     

     


    กริ๊งๆ

    ผมจอดรถคันเก่งเทียบกับขอบฟุตบาด เอาขาทั้งสองข้างยันประคองตัวรถเอาไว้ก่อนจะยักคิ้วให้คนที่ยืนทำหน้าบูด

    "มึงจะพากูไปไหน"เสียงเล็กพูดออกมาเหมือนจะไม่สบอารมณ์หลังจากโดนผมทำหน้ากวนตีนใส่อยู่ซักพัก

    “ขึ้นมาก่อนเหอะน่า”

    “มึงจะไม่บอกกูจริงๆใช่มั้ย”

    "ถึงแล้วก็รู้เองแหละ เกาะแน่นๆนะน้องรถพี่แรง"ผมเอื้อมไปคว้ามือเล็กๆนั้นให้มาเกาะเอวเอาไว้ก่อนจะหันกลับมาแล้วยกขายาว ๆ ขึ้นเหยียบตรงท่อเหล็กเตรียมออกแรงปั่น แต่ก็ยังได้ยินเสียงโวยวายดังอยู่ข้างหู

    "แรงห่าไรจักรยานเนี่ย-*-"

    "แรงพี่นี่ไงจ๊ะ"

    "พูดมากปั่นไปเลยมึง"มันพูดแล้วกำเสื้อตรงช่วงเอวผมไว้หลวมๆผมเลยต้องจับมือเล็กๆให้เลื่อนมากอดเอวผมไว้แทน แต่เพราะเหมือนมันทำท่าจะชักมือกลับอยู่ตลอดผมเลยต้องใช้มืออีกข้างยื้อเล็กๆนั่นเอาไว้ กลายเป็นว่าผมบังคับแฮนด์จักรยานด้วยมือข้างเดียวแล้วอีกมือก็กุมมือของมันไว้

     

    ไม่มีเสียงพูดคุยกันระหว่างทางเหมือนอย่างทุกครั้งเวลาที่เราปั่นจักรยานไปไหนด้วยกัน มีเพียงเสียงรถที่แล่นผ่านไปมาเท่านั้นที่กลบเสียงความเงียบ รอจนแน่ใจแล้วว่ามันจะไม่ชักมือกลับไปอีกผมจึงปล่อยมือเล็กๆนั่นแล้วกลับมาบังคับแฮนด์รถให้ดี

     

     

    รอยยิ้มเล็กๆเกิดขึ้นเมื่อผมรู้สึกถึงแรงซบลงมาที่กลางหลัง ทั้งผมและมันต่างไม่ได้พูดอะไรออกมาซักนิด ผมก็เลยได้แต่ปั่นจักยานไปยิ้มไป

     

     

     

     

     

    เอาจริงๆผมก็คิดนะว่าผมจะชวนมันมาในที่แบบนี้ทำไมในเมื่อคนที่เหมือนจะตายให้ได้คือผมเอง ตอนแรกก็กะว่าจะมาเดินเที่ยวเล่นเครื่องเล่นเบาๆซักสองสามอย่างแล้วค่อยทำอะไรเซอร์ไพรส์มันซักนิด แต่นี่อะไร พอมาถึงมันก็จับผมลากไปเล่นเครื่องเล่นผาดโผนตีลังกาเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนผมที่เซตมาเกือบชั่วโมงตอนนี้แทบไม่เป็นทรง

    "มึงมันอ่อนว่ายุกซองแจ"น้ำเสียงเย้อหยันของฮันซังฮยอกยังดังออกมาไม่ขาดได้ตั้งแต่เราลงมาจากเครื่องเล่นสารพัดที่เล่นกันมาหลายชั่วโมงจนตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว

                เสียงเล็กๆของคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั่นดูจะอารมณ์ดีซะเหลือเกินที่ได้เห็นผมนั่งหมดสภาพอยู่กับบนนั่งใต้ต้นไม้ จะเถียงอะไรก็คงจะสู้มันไม่ได้เลยได้แต่นั่งสูดกลิ่นเย็นๆจากหลอดยาดมพอให้หายหัวหมุน

    "ฟื้ดดดด"

    "เป็นคนชวนกูมาสวนสนุกแท้ๆพอเล่นอะไรเสียวๆเข้าหน่อยทำเป็นหมดสภา มึงมันอ่อน"

    "เงียบเลยมึง มึงไม่เป็นกูมึงไม่เข้าใจ"

    "55555555555555555 ไอ้กาก"มันยังคงพร่ำเยาะเย้ยพร้อมหัวเราะอัดหูผมไม่หยุดจนเริ่มจะทนไม่ไหวต้องชวนมันไปที่อื่น

    "มึงช่วยหาอะไรเบาๆเล่นได้มั้ยวะ กูจะตายแล้ว"

    "อ่อนจังเลย ม้าหมุนแทนมั้ยน้อง"มันพูดพร้อมทำหน้ากวนเบื้องล่าแล้วชี้ไปทางม้าหมุนสีขาวมุ้งมิ้งที่ตอนี้แทบจะไม่มีใครขึ้นไปเล่นอยู่แล้ว

    "สัส นั้นมุ้งมิ้งไป กูอยากขึ้นที่สูง"

    "อยากขึ้นกระเช้าก็พูดมา~"มันยังคงทำหน้าทะเล่นใส่ผมไม่เลิกผมเลยยื่นแขนออกไปเป็นให้มันดึงผมลุกขึ้น

    "เออหน่า ลากกูไปที กูขาสั่น"

    "มึงนี่แม่ง555555555555"มันหัวเราะอัดหน้าผมแรงๆไปอีกทีก่อนจะส่งมือมาจับข้อมือผมไว้แล้วออกแรงฉุดให้เดินตามไป

     

     

     

    กระเช้าค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้นช้าๆ ผมเหลือบตามาคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตั้งแต่เข้ามาข้างใน เพราะในนี้ไม่ได้กว้างมากสามารถนั่งได้แค่ตู้ละสองคนและเรานั่งกันคนละฝั่ง หัวเข่าของราแทบจะคนกันก็จริงแต่ตอนนี้ฮันซังฮยอกแทบหมุนคอมองออกไปข้างนอกกระจกบานใส่อย่างตาเป็นประกายเมื่อตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว แสงไฟดวงเล็กๆสว่างไปทั่วทุกที่ที่เห็นไม่ว่าจะเป็นดวงไปจากตรงลานน้ำพุหน้าทางเข้าหรือตรงม้าหมุนที่ยังคงหมุนไปตามเสียงเพลงที่ดังคลอเบาๆ

    “มึง”ผมส่งเสียงทำลายความเงียบระหว่างเราลง คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้แต่ครางรับในลำคอทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากภาพตรงหน้า

    “หื้อ”

    "มึงจำเรื่องที่กูถามวันก่อนตอนไปนอนบ้านมึงได้ปะ"

    "แอบชอบ"มันตอบกลับมาทั้งที่ยังคงนั่งหันหลังให้ผมอยู่แบบนั้น สายตายังคงทอดมองออกไปข้างนอกเหมือนในตอนแรก

    "อื้อ กูกะจะบอกชอบเขาว่ะ"

    มึงเลยจะพาเขามาที่นี่ว่างั้น"

    "อือ วิวสวยดีแถมได้อยู่กันสองต่อสองด้วย"

    "กูไม่คิดว่ามึงจะคิดอะไรพวกนี่เป็นด้วย ยังไงก็...โชคดีแล้วกัน"ถึงมันจะยังไม่หันหน้ามาแต่ผมรู้สึกได้ถึงโทนเสียงที่ติดจะเริ่มสั่น หรือบางทีผมคงคิดไปเอง

    "กูกลัวเขาปฏิเสธว่ะ"ผมพูดต่อทั้งที่ยังสายตายังจดจ่ออยู่กับแผ่นหลังเล็ก คนตรงหน้ายังคงพูดด้วยน้ำเสียงติดจะเล่นนิดหน่อยแต่ยังไงผมก็ยังรู้สึกว่ามันแปลกๆอยู่ดี

    "คิดมาก เพื่อนกูหล่อดูดีมีดั้งขนาดนี้ สาวที่ไหนปฏิเสธมึงแม่งก็ต้องตัดแว่นใส่แล้ว~"

    "แล้วถ้ากูบอกว่าชอบมึงอ่ะ มึงจะปฎิเสธกูปะ"

    "ห๊ะ!!"

    หลังจากผมพูดจบมันก็หันกลับมาทำหน้าตาตื่นตกใจใส่ผมแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่เอื้อมมือไปยัดหูฟังที่เสียบกับโทรศัพท์เอาไว้ใส่หูมันข้างนึงแล้วเอามาใช้เองข้างนึง

     

    ผมกดเปิดเพลงที่อยู่ในเพลย์ลิสต์ที่ตั้งเอาไว้ พอเสียงเมโลดี้เบาๆของเพลงแนวอินดีดังขึ้นฮันซังฮยอกก็ขมวดคิ้วตัวเองจนยุ่งไปหมด



    너의 손이 스칠

    เมื่อมือของคุณเลื่อนผ่านมือของผม

    어깨에 기댈

    เมื่อคุณซบลงมาที่ไหล่ของผม


    곁에서 걷는 싫어 번씩 너의 손이 스치잖아

    ผมไม่ชอบเดินข้างๆคุณเลย เพราะมือของเรามักจะแตะโดนกันอยู่เรื่อยๆ

    그때마다 잡고 싶은데 하지만 그러면 되잖아

    ทุกครั้งที่ผมต้องการจับมือคุณเอาไว้ แต่ผมก็ทำมันไม่ได้

    옆에 앉는 것도 싫어 어깨에 기대 잠들 거잖아
    ผมไม่ชอบนั่งข้างๆคุณ เพราะผมคาดมักจะหวังให้คุณซบลงมาบนไหล่ของผม

    그렇게 네가 때까지 서로 다른 꿈을 꾸는 거잖아
    ดังนั้นจนกว่าที่คุณจะตื่นจากความฝันที่แตกต่างกันของเรา



    그게 숨긴 곁에 있어주는
    ผมรู้สึกอึดอัดที่ต้องซ่อนความรู้สึกเอาไว้ในขณะที่อยู่ข้างๆคุณ

    이제 안돼 편하게 친구로 있어주는게

    ตอนนี้ผมไม่สามารถเป็นเพื่อนที่คุณไว้ใจได้อีกต่อไปแล้ว

     

    너의 손이 스칠

    เมื่อมือของคุณเลื่อนผ่านมือของผม

    어깨에 기댈

    เมื่อคุณโน้มตัวลงมาซบมาที่ไหล่ของผม



    ซังฮยอกมองผมตาปริบๆเมื่อผมเลื่อนมือไปกุมมือมันเอาไว้ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่เพลงเล่นมาถึงท่อนฮุคพอดี คิ้วของมันยังคงขมวดเข้าหากันจนยุ่งไปหมดผมเลยได้แต่ยิ้มให้มันแทนคำพูดทุกอย่าง

    ตาใสๆของมันหลุบต่ำลงมองมือที่ถูกมุมเอาไว้ เมื่อเห็นอย่างนั้นผมเลยยิ่งกระชับฝามือของตัวให้แน่ขึ้น เสียงเพลงยังคงเล่นต่อไปเรื่อยๆจนเกือบจะจบ

     

     

    너에게 갈게 이젠 말할게 너의 손을 잡고 싶어
    และในตอนนี้ผมจะเข้าไปบอกคุณว่าผมอยากจะจับมือกับคุณ


    너에게 갈게 이젠 말할게 같은 꿈을 꾸고 싶어

    ตอนนี้ผมจะเข้าไปบอกคุณว่าผมอยากจะฝันเหมือนกับคุณ

     

     

    "กูชอบมึง"

    “...”

    “กูชอบมึง ได้ยินยัง”

    “...”

    “มึง”

    “...”

    “ซังฮยอก กูชอบมึง”

    “ไอ้เหี้ย จะพูดซ้ำทำห่าไรนักหนากูได้ยินแล้ว”มันเงยหน้าขึ้นมาโวยวายใส่ผมทั้งที่สองข้างแก้มนั่นแดงจนลามไปถึงใบหู

    “ก็มึงไม่ตอบกู”

    “กูขอเวลาตั้งสติเดี๋ยวไม่ได้รึไง ย้ำจังเลยนะมึง”

    “ต้องย้ำดิ กว่ากูจะกล้าบอกมึงได้”

    “วันก่อนที่ถามนึกว่ามึงไปชอบสาวที่ไหนซะอีก ตกใจหมด”

    “ถ้ากูไปชอบสาวที่ไหนจริงมึงจะตกใจทำไมถ้ามึงไม่ได้รู้สึกอะไร”

    “กูกลัวมึงทิ้งกูไง”

    “อู้ยยย ทำหน้าเป็นเด็กจะโดนทิ้งเลยนะมึง”

    “สัส ใครเด็ก”

    “มึงไง เด็กน้อยของกู มาๆ โอ๋”

    “ไปเล่นตรงนู้นปะ”

    “ซังฮยอก กูขอกอดมึงได้ปะ”

    “ถามทำห่าไร ไม่ให้กอด”มันพูดเหมือนจะปฏิเสธแต่ริมฝีปากบางกลับยิ้มออกมาผมเลยขยับลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าแล้วรวบตัวมันมากอดเอาไว้แล้วกระซิบพูดกับมันเบาๆ

    “แต่กูจะกอด”

     
     

    เวลาผ่านไปซักพักใหญ่ๆเสียงเพลงที่ผมเปิดให้มันฟังยังคงเล่นวนซ้ำอยู่แบบนั้นหลายครั้ง จนตอนนี้ตู้กระเช้าของเราแทบจะหมุนกลับมาที่เดิม ผมยังคงกระซิบคำเดิมให้มันฟังซ้ำๆอยู่ข้างหูจนมันเกือบจะผลักผมออกอยู่หลายครั้งแต่ผมก็ยิ่งกอดแน่ขึ้นแล้วยังเอาแต่พูดคำเดิมซ้ำๆ

    “กูชอบมึงจริงๆนะ”

    “อื้อ กูรู้แล้ว”

    “กูชอบมึงมากๆเลยด้วย ทั้งตามึง จมูกมึง ปากมึง รอยยิ้มของมึง กูชอบมึงไปหมดเลยว่ะ”

    “อือ กูรู้แล้ว กูก็ชอบมึง”

    ซังฮยอกพูดออกมาเบาๆพลางโคลงตัวเบาๆไปตามจังหวะเพลงทั้งที่เรายังกอดกันอยู่ เสียงใสยังคงกระซิบคำที่ผมอยากได้ยินอยู่ข้างหู จนตอนนี้ผมแทบจะยิ้มจนปากจะฉีกอยู่แล้ว

    “ชอบมานานแล้วด้วย”
     

     

    | 95LINE:SUNGJAEHYUK | " Confession "

    หลังจากอยากอ่านคู่นี้แต่ไม่ค่อยมีใครแต่ง แต่งเองเลยค่ะ
    สนองนี๊ดตัวเอง
    โมเมนต์คู่นี้มีให้เห็นกันบ้าง ยิ่งตอนทำบิ๊กบยองด้วยกันนี่ยิ่งเจอบ่อย
    เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อฮิฮิ
    ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ
    ถ้ามันแปลกๆตรงไหนติชมได้
    หากยังมีคำผิดที่ยังแก้ไม่หมดเม้นบอกได้เลยค่ะ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×