ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปลายทางฝันอยู่ผั่งโน้น

    ลำดับตอนที่ #1 : มารู้จักกัน Introduced myself

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 54


    WAS:D ทุกคนที่เปิดเข้ามาอ่านหน้านี้กัน

    อันที่จริงถ้าใครเคยอ่านนิยายของเราก็คงรู้แล้วล่ะว่าเราเป็นคนยัง (�เจ๊ชอบดองเค็ม )
    คราวนี้เราจะมารู้จักกันให้มากขึ้นกว่าเดิมสักนิด
    เอาเป็นว่าเรียกเราสั้นๆว่า ต้า หรือเรียกยาวๆว่า แฟนต้า
    เป็นผู้หญิงที่ส่วนสูงและน้ำหนักไม่ค่อยเสมอภาคกันเท่าไรรูปร่างเลยออกมาคล้ายๆกับโอ่งใส่น้ำฝนแถวบ้านนั้นล่ะ - - '' ( ตอนแรกอยากบอกว่าเท่าโอ่งมังกร แต่เพื่อนกระซิบมาว่ามันเล็กไป )
    งานอดิเรกว่างๆคือการกินและนอน( ไม่ต้องสงสัยเรื่องรูปร่างเลย)
    ถ้าบังเอิญกลิ้งไปกลิ้งมาแล้วเกิดปิ้งไอเดีย ก็จะจับจักรยานสีชมพูคู่ใจปั่น 180 mm/hr� มาที่ร้านเน็ตทันใด และด้วยเหตุผลที่ว่าบ้านยังอยู่ในที่ๆไม่มีไฟฟ้า(ประชด)พ่อกับแม่เลยไม่ตัดสินใจซื้อคอมฯให้สักที ทำให้เราไม่มีเวลามาอัพนิยายเรื่องเดียวในชีวิตเราสักที
    เอาล่ะกลับมาเข้าเรื่อง ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นม.6 โรงเรียน( เกือบ)ดังในนครราชสีมา เกรดเฉลี่ยสะสมที่ตอนนี้ทำได้คือ 3.00
    บอกได้เลยว่าเสียใจมากที่ตัวเองดันสอบติดทั้งที่ตอนแรกกะแค่ว่าจะมาสอบเป็นเพื่อนๆ ตอยยั้ยรู้สึกว่าน้ำหน้าอย่างเราจะไปสอบเข้าโรงเรียนบุ....ได้หรอ เลยไปสมัครอาชีวะไว้ด้วยเพราะพ่อก็อยากให้เรียนที่นั่น แต่ฟ้ากลับเล่ยตลกให้เราสอบได้ส่วนเพื่อนสอบไม่ติดต้องมาเข้ารอบพิเศษ ตอนสอบได้พ่อก็บอกว่าเอาเลยจะได้ไม่ต้องไปสอบอีก แล้วไอ้ที่พ่อบอกว่าอยากให้เข้าอาชีวะนั้นมันหมายความว่าไง?

    ����� พอเข้าเรียนม.4 ก็ต้องเจอวิชาสุดหรรษาอย่างคณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ O�[ ] O โอ้วแม่เจ้าเจ้าวิชาเหล่านี้คืออะไรwhat is this? ช่วงแรกๆมึนไปหลายตลบเขาว่ากันว่าพื้นฐานตอนม.4เป็นอะไรที่ทุกคนต้องแน่นเข้าไว้ สำหรับเรามันออกจะเป็นฐานที่แหว่งนิดแหว่งหน่อยไปบางส่วนแต่ส่วนมากเรื่งที่แหว่งไปมันสำคัญมาก แต่ก็ด้วยความสามารถของเราที่เพื่อนๆขนานนามว่ากิ่งก่าตัวแม่ คือสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เข้ากับสถานที่ได้ด้วยเวลาอันรวดเร็วเราก็รู้สึกว่ารักพวกแกว่ะ�คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แต่ขอลำเอียงโคตรรักคณิตกับชีวะ แต่โคตรเกลียดฟิสิกส์แกคือศรัตรูของฉันแกทำลายใบปพ.ของฉันแกมัน %$@#%^*()_(^&^#^$# แฮ่กๆๆ ฮ่า ฮ่า เราก็สามารถผ่านมันมาได้ได้เกรดอยู่แถว 3 ต้นนิดๆ หลักในการเรียนช่วงนั้นของเรามั่วมากอยากจะอ่านอะไรก็อ่าน อยากจะทำอะไรก็ทำ อาจจะเป็นที่เรายังติดนิสัยในความเป็นเด็กของช่วงม.ต้นมาอยู่

    ��� มาต่อกันที่ ม.5 เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆ เทอมแรกเหรอ ชิวที่สุดในชีวิตอะไรคือการเรียนต่อหรอ? ยังไม่ถึงจะไปแคร์มันทำไมโฮะๆๆ ขอฉันสนุกไปกับชีวิตวัยรุ่นม.ปลายให้มันเต็มอิ่มก่อนเซ่ หนังสือเรียนหรือจะสำคัญเท่าโคนัน การิน นิยายเเจ่มใส อย่ามายุ่งกับฉันฉันไม่สนใจแกหรอก�จนวันนึงในช่วงปิดเทอมเล็กเรื่องบางอย่างก็หลุดออกมาจากปากพ่อ�
    �� " อ้วน! จะเรียนต่ออะไรคิดไว้บ้างรึยัง?"
    � จำได้แม่นเลยว่าพ่อพูดตอนกำลังกินข้าว กับข้าวมื้อนั้นคือหมูทอดของโปรดมันทำให้เราเริ่มสำนึกสำเนียกเจียมตนขึ้นมาได้ว่า เรากำลังจะมาถึงทางแยกอีกเส้นหนึ่งของชีวิตแล้วนะนั้นคือการสอบเข้ามหาลัย เส้นทางก็ช่างมีมากมายให้เราเลือกสรร ตั้งแต่นั้นก็เริ่มที่จะดู หาลู่ทางต่างๆเกี่ยวกับมหาลัยเกี่ยวกับคณะต่างๆที่ตัวเองสนใจ� เปิดเทอมมาก็เริ่มคุยกับเพื่อนแล้วว่าตัวเองจะเรียนต่ออะไรกันบ้าง และด้วยหัวสมองอันน้อยนิดเท่าที่เราคิดได้ตอนนั้นคือ

    กูจะเรียนครูโว้ย!!!!!!

    ในความรู้สึกตอนนั้นเรารู้สึกผูกพันกับโรงเรียนผูกพันกับอะไรหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการศึกษา อยากจะเป็นเหมือนอย่างคุณตรูที่เคยสั่งสอนเรามา เพราะทั้งชีวิตเราอาศัยอยู่แค่ในสายตาตัวเองและความปลอดภัยอะไรที่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกก็รู้สึกไม่อยากจะเข้าไปใกล้
    � แต่อันที่จริงบางมุมในใจเรามันก็ตะโกนกู่ก้องขึ้นมาว่า " ฉันไม่ได้อยากเป็นครู กรูเกลียดเด็ก!!!!!~ " แต่มันก็เป็นเพียงเสียงเล็กๆที่เรามองข้ามมันไป ตอนม.5เป็นช่วงที่เรามุ่งมั่นกับการเป็นครูมา ใฝ่ฝันสุดชีวิตแล้วว่าฉันจะเรียนศึกษาศาสตร์ ม. ขอนแก่นเป็นแน่แท้
    � เพราะตอนนั้นฉันมองข้ามและผ่านเลยไปกับเสียงประท้วงเล็กๆนั้นทำให้ตอนปิดเทอมใหญ่มันก่อม็อบปฏิวัติกันอย่างยิ่งใหญ่ เพิ่งมาฟังเสียงใจตัวเองว่ามันต้องการอะไร ฉันอยากเป็นสถาปนิกนักออกแบบภายใน� อยากเรียนทำ3D อยากเรียนวิศวะทั้งที่โง่ฟิสิกส์ อยากเรียนเภสัชทั้งที่เกือบตกเรื่องปริมาณสารสัมพันธ์ 555 มันเป็นอะไรที่ขำมากอยู่ดีๆก็มีความต้องการเป็นของตัวเอง ที่เราว่ามาทั้งหมดนั้นไม่ใช่ว่าเราอยากเรียนตามใคร แต่เราอยากเรียนทั้งหมดนั่นจริง แถมยังรู้แล้วอีกด้วยว่านอกจากขอนแก่นมันยังมีอีกตั้งมากมาย อยากเรียนมันทุกที่เลย�

    � ตอนนี้เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าสุดท้ายเรื่องมันจะไปจบที่ตรงไหน ที่เราเลือกเรียนอะไรมากมายอะไรขนาดนี้ก็ไม่ใช่ว่าเราสักแต่จะเลือกไม่มีความรอบคอบหรอกนะ เราก็มีแผนเตรียมไว้พร้อมสำหรับทุกอย่างแล้ว เพิ่งรู้เหมือนกันนะว่าตัวเองเป็นขาลุยขนาดนี้ ก็อย่างว่าคติประจำใจเราคือ

    ฝันให้ไกลไปยังไงค่อยว่ากัน และถึงแม้เป้าหมายจะสูง เราก็แค่หาบันไดมาปีนเพื่อจะไขว่ขว้ามันเท่านั้นเอง ^________^

    If you can dream , youcan do it

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×