คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : นภา
“ดาราหนุ่มตัวอักษรย่อ ว หายสาบสูญ ตำรวจยังหาตัวไม่พบ”
มันเป็นพาดหัวข่าวที่หนังสือพิมพ์ทุกๆหนังสือพิมพ์นั้นต้องมีไว้ที่หน้าหนึ่ง ณ ตอนนี้ เมื่อดาราหนุ่มผู้ที่กำลังจะแต่งงานกับดาราสาวที่ฮอตที่สุดกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังงานเลี้ยงฉลองสละโสดที่เกาะส่วนตัว รวมทั้งดาราสาวที่เป็นคู่หมั้นนั้นก็หายไปด้วยเช่นกัน และคนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่ค้นศพเจอเลยแม้แต่คนเดียว
“พี่ว่าช่วงนี้เกิดเรื่องแปลกๆเกี่ยวกับคนในวงการบันเทิงบ่อยนะ”เจ๊จุ๋ม ช่างทำผมประจำตัวของนภา นักร้องสาวที่กำลังมาแรงที่สุดในขณะนี้ถอนหายใจเบาๆหลังจากเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ที่พึ่งซื้อมาเมื่อเช้า ทำให้นภานั้นเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือของตนต่อ แอร์เย็นช่ำที่ออกมาจากช่องแอร์บนหัวของเธอตกกระทบผิวขาวเนียนของหญิงสาวจนเธอต้องดึงผ้าคลุมไหลมาปิด
“ใกล้ถึงรึยังเนี่ย ฉันรอจนเมื่อยแล้วนะ”นภามองชายผู้เป็นคนขับรถด้วยสายตาที่ไม่พอใจนัก เธอโยนโทรศัพท์ราคาหลักหมื่นลงบนเบาะอย่างไม่แยแสราวกับเป็นของไร้ค่า นัยน์ตาเรียวงามจ้องมองไปยังคนขับรถวัยกลางคนด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ทำให้เขาได้เพียงแต่กัดฟันกรอด เพราะถ้าหาสติเตลิดเสียตอนนี้ เงินครึ่งแสนที่กำลังจะได้มานั้นก็จะหายวับไปกับตา นภาที่เห็นกิริยาดังนั้นจึงลอบยิ้มในใจด้วยความสะใจ
ทำยังไงได้ ก็ฉันมัน”ดัง”นี่นา
“ผมขอแวะปั้มเติมน้ำมันซักครู่นะครับ ระหว่างที่ผมเติมน้ำมัน คุณนภาก็เชิญไปยืดเส้นยืดสายให้พอใจเถอะครับ”ชายวัยกลางคนเน้นเสียงหนักในประโยคที่ว่า”ไปยืดเส้นยืดสายให้พอใจ”ราวกับกำลังประชดเธอ ทำให้นภาถึงกับลุกขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“อ๋อ เดี๋ยวนี้ปากดีใช่ไหม งั้นค่าจ้างก็ไม่ต้องเอานะ”นภาชี้หน้าคนขับแล้วด่าอย่างเหลืออด จนเจ๊จุ๋มที่นั่งอยู่ข้างๆต้องห้ามหญิงสาวพลวัน จนในที่สุดนภาก็นั่งลงอีกครั้ง พร้อมๆกับที่รถตู้สีขาวสนิทได้แล่นมาจอดที่ปั้มแห่งหนึ่งอย่างเงียบเชียบ ก่อนหญิงสาวร่างสูงโปร่งจะค่อยๆเดินลงจากรถอย่างช้าๆ ผิวขาวละมุนของเธอกระทบกับแสงแดดยามเย็นทำให้เธอดูน่าหลงใหลอย่างไม่น่าเชื่อ เส้นผมสีน้ำตาลเหยียดตรงที่รับกับดวงหน้ากลมได้รูปพัดปลิวสะบัดน้อยๆ มันทำให้คนที่อยู่แถวนั้นถึงกับมองเธอตาไม่กระพริบ
“นั่นมันนภาใช่ไหม นักร้องที่ดังๆน่ะ”เสียงซุบซิบเริ่มก่อกำเนิดรอบๆบริเวณนั้น ทำให้นภาสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะปั้นรอยยิ้มไร้เดียงสาขึ้นมา ก่อนจะขยิบตาให้ฝูงชนเล็กน้อยแล้วเดินจากไป พร้อมๆกับเสียงฮือฮาที่ดังตาหลังเธอมาอย่างติดๆ หญิงสาวจึงลอบยิ้มในใจน้อยๆ เพราะแค่นี้ เธอก็ได้แฟนคลับเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะแล้ว
พวกนี้นี่มันโง่จริงๆ...
นภาแสยะยิ้มเล็กน้อยพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าร้านสะดวกซื้อไปอย่างสบายใจ ทิ้งให้ฝูงชนนับสิบยืนมุงกันเช่นนั้นต่อไป
สายลมเย็นสบายลอยออกมาจากประตูกระจกทันทีที่ประตูนั้นได้เปิดออก ภายในร้านสะดวกซื้อนั้นถูกจัดเป็นลิอกๆอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ดูเหมือนกับพื้นที่ภายในนั้นกว้างขวางไปโดยปริยาย ขนมกรุบกอบหลากหลายยี่ห้อถูกจัดเรียงจนเต็มชั้น ส่วนด้านตรงข้ามนั้นก็เป็นตู้ใส่เครื่องดื่มเย็นช่ำ ดาราสาวลังเลใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเปิดตู้เครื่องดื่มแล้วหยิบกาแฟลาเต้บรรจุขวดขึ้นมา แล้วเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์จ่ายเงินทันที เพราะเธอรู้ว่าวันนี้คงต้องทำงานดึกพอสมควร
“นี่เธอ นั่นมันนภาลัยใช่ไหมน่ะ”เสียงซุบซิบของพนักงานคิดเงินดังขึ้นแทบจะทันทีเมื่อดาราสาวเดินมาถึง นภาที่เห็นดังนั้นจึงปั้นยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“ใช่แล้วค่ะ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”นภาพูดด้วยท่าทีสุภาพอ่อนน้อม ซึ่งมันตรงกับข้ามกับนิสัยจริงๆของเธอโดยสิ้นเชิง ก่อนหญิงสาวจะยื่นแบงก์สีแดงสดลงบนโต๊ะ พนักงานสาวที่เห็นดังนั้นจึงรีบร้อนคิดเงินด้วยท่าทีที่ลนลานอย่างเห็นได้ชัด ก่อนถุงบรรจุกาแฟของนภาจะถูกยืนมาหาหญิงสาว พร้อมๆกับเศษกระดาษเก่าๆที่ถูกยืนมาพร้อมๆกับถุง
“ขะ....ขอลายเซ็นด้วยได้ไหมคะ”พนักงานสาวพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทำให้นภาสะดุ้งเล็กน้อย แต่ทว่าเธอก็ยังไม่คลายรอยยิ้มจอมปลอมที่ประดับอยู่บนใบหน้า
ใครจะไปให้แกฟรีๆล่ะ ฝันหวานไปหน่อยแล้วยัยสวะเอ้ย
นภาคิดในใจ ก่อนจะทำท่าเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง แล้วเธอก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอได้คืนเศษกระดาษแผ่นนั้นให้พนักงานสาวไป ทำให้พนักงานสาวแสดงความผิดหวังออกมาทางสีหน้าเล็กน้อย
“ขอโทษนะคะ พอดีนภาไม่มีปากกาน่ะค่ะ แล้วรถก็กำลังจะออกแล้วด้วย นภาขอโทษจริงๆค่ะ”หญิงสาวพูดแล้วโค้งตัวด้วยท่าทางที่ดูเสียใจอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พนักงานสาวโค้งตัวเพื่อขอโทษตามเพราะคิดว่าตนเองได้ทำให้ดาราสาวเสียความรู้สึก นภาที่เห็นดังนั้นจึงยิ้มให้พนักงานสาวบางๆ ก่อนจะเดินออกจากร้านสะดวกซื้อไปอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะเหลือบมองรถตู้สีขาวของเธอที่จนถึงตอนนี้ก็ยังต่อแถวเติมน้ำมันอยู่พลางหัวเราะในลำคอน้อยๆ ก่อนเธอจะเก็บขวดกาแฟที่บรรจุน้ำกาแฟอย่างเต็มเปี่ยมลงในย่างของเธอ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายอารมณ์
การแต่งหน้าของนภานั้นกินเวลาร่วมครึ่งชั่วโมง ท่ามกลางสายตานับสิบคู่ที่จับตามองเธออยู่ มันทำให้เธอหัวเสียเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเธอก็ยังคงต้องฉีกยิ้มเอาไว้เพื่อรักษาภาพพจน์ ทำให้ทันทีที่เธอขึ้นนั่งบนเบาะของรถตู้ที่จอดรออยู่บริเวณที่จอดรถ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือ นัยน์ตาเรียวงามมองผู้คนที่อยู่ภายนอกด้วยความหงุดหงิดและดูถูก
เป็นสวะที่น่ารำคาญจริงๆ..
นภาคิดในใจ ก่อนรถตู้สีขาวจะค่อยๆเลื่อนตัวออกจากที่จอดรถอย่างเงียบเชียบ แอร์เย็นช่ำไหลลองมาจากช่องแอร์อีกครั้ง ทำให้อารมณ์ที่ร้อนจนแทบจะประทุของเธอซาลงไปบ้าง เธอจึงตัดสินใจหยิบหนังสือพิมพ์ที่เจ๊จุ๋มอ่านแล้ววางทิ้งไว้บนเบาะขึ้นมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา มือเรียวงามพลิกหน้ากระดาษเพื่อหาข่าวบันเทิง ก่อนเธอจะพบกับพาดหัวข่าวสีแดงตัวเด่นหราที่เขียนอยู่กลางหน้ากระดาษ
“พิธีกรหนุ่มอัคคี ฆ่าตัวตายปริศนา เหตุมาจากเพราะเครียดเรื่องการงาน!”
นภาที่เห็นพาดหัวข่าวดังนั้นจึงหัวเราะในลำคอเบาๆ เพราะนึกขำในการกระทำของพิธีกรหนุ่มในข่าว เพราะทั้งๆที่อีกไม่กี่วันเขาเองก็จะถึงจุดสูงสุดของพิธีกรทั้งประเทศไทยแล้ว แต่กลับทำเรื่องโง่ๆแบบนี้ แต่ทว่าอีกใจหนึ่งหญิงสาวก็นึกดีใจอยู่ลึกๆ เพราะนั่นก็หมายความว่า คู่แข่งของเธอนั้นได้หายไปอีกคนแล้ว อีกทั้งอัคคีก็เป็นคนหนึ่งที่ทำให้รายการ คุยชิวชิว ที่ออกอากาศเวลาเดียวกันกับรายการ แฉเที่ยงคืน ของอัคคีนั้นมีเรทติ้งที่เรียกได้ว่าไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง
สะใจจริงๆเลย ศัตรูหายไปอีกคนหนึ่งแล้ว
นภาฉีกยิ้มออกมาด้วยความสะใจ เพราะถึงทั้งสองจะเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ทว่าบนเวทีที่เต็มไปด้วยมารยาแห่งนี้ ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร เพราะฉะนั้นตอนนี้อัคคีก็เป็นได้เพียงแค่...คู่แข่งของเธอคนหนึ่งเท่านั้น...
เมื่อหญิงสาวคิดได้ดังนั้น จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วจัดการโพสลงบนวอลของอัคคีในเชิงแสดงความเสียใจทันที เพราะเธอรู้ว่าถ้าทำแบบนั้นแล้ว ภาพพจน์ของเธอก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก นิ้วเรียวงามไล้ไปตามหน้าจอโทรศัพท์อย่างชำนาญ ก่อนจะกดลงบนปุ่มโพสเป็นอย่างสุดท้าย
“เสียใจด้วยนะคะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงเราจะเคยเป็นคู่แข่งกันมาก่อนก็เถอะ แต่คุณอัคคีไม่น่าจากไปเร็วขนาดนี้เลย”
หญิงสาวมองโพสของตนพลางยิ้มอย่างสะใจ ขณะที่คอมเม้นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าตกใจ และคอมเม้นก็กล่าวชมนภา ส่วนคนกลุ่มน้อยที่รู้สึกถึงความแปลกประหลาดก็เข้ามาแสดงความเห็นตามความคิดของตน แต่ทว่าพวกเขาเหล่านั้นก็ถูกแฟนคลับหลายร้อยคนรุมประณามจนต้องลบคอมเม้นไปในที่สุด
สุดท้ายแล้วคนอย่างนายก็เป็นได้แค่บันไดให้ฉันก้าวสูงขึ้นไปล่ะนะอัคคี
นภาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะมองวิวข้างทางอย่างสบายใจ แต่เธอกลับไม่รู้เลย ว่าอีกไม่นาน...เธอเองนั่นแหละ...ที่จะต้องโดนล้างแค้นเป็นรายต่อไป!
รถตู้ที่นภาโดยสารมานั้นมาถึงภูเก็ตภายในไม่อีกกี่ชั่วโมงถัดมา ก่อนหญิงสาวจะพบว่าเวทีที่ใช้เพื่อแสดงคอนเสิร์ตในคืนนี้นั้นยังคงไม่เสร็จสมบูรณ์ดี มันทำเอานภาวีนออกมาอย่างไม่ไว้หน้าใคร ทำให้ทีมงานที่จำใจต้องยืนฟังดาราสาวถึงกับส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา เพราะหญิงสาวมันเป็นแบบนี้มาทุกครั้ง ตั้งแต่ที่เธอนั้นเริ่มจะดังขึ้นมา หญิงสาวก็มักจะวีนแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ดาราคนอื่นมักจะมองข้าม ซึ่งทั้งหมดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าแฟนคลับก็จะเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้ามทันที ทั้งสุภาพเรียบร้อย สดใส ร่าเริง มันเป็นสิ่งที่การันตรีได้อย่างดีเลยว่า วงการบันเทิงนั้นรู้หน้าไม่รู้ใจ สิ่งที่ทุกๆคนเห็นอย่างหนึ่ง ที่จริงแล้วมันอาจจะเป็นอีกอย่างหนึ่งก็ได้
“ใจเย็นๆสิครับคุณนภา หงุดหงิดมาเดี๋ยวไม่สวยนะครับ”กรกฎ ทีมงานหนุ่มพูดพลางยื่นน้ำเปล่าเย็นเจี๊ยบให้นภา ซึ่งหญิงสาวก็รับมันมาโยดี เพราะเธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกรกฎแย่จนเกินไปนัก เนื่องจากชายหนุ่มนั้นยังมีค่าพอที่จะเก็บไว้ใช้งานต่อไปอีก หญิงสาวจึงยิ้มน้อยๆให้กรกฎ ก่อนจะจิบน้ำเปล่าจากขวดเล็กน้อย แล้ววางขวดทิ้งไว้บนโต๊ะอย่างไม่แยแส
“นี่เห็นแก่คุณกรกฎนะ ก่อน2ทุ่มทำให้เสร็จด้วย ไม่งั้นฉันจะฟ้องผู้จัดงานว่าพวกแกทำงานช้ากว่ากำหนด”นภาพูดด้วยน้ำเสียงกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะลุกออกไปจากที่นั่งด้วยความหงุดหงิด ทิ้งให้กลุ่มของทีมงานมองตามแผนหลังของหญิงสาวไปด้วยความโกรธแค้น
“นี่หนูกรกฎ ลุงเตือนด้วยความหวังดีนะ เลิกชอบผู้หญิงคนนั้นเถอะ สิที่หนูเห็นมันเป็นแค่หน้ากากของผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นแหละ ลุงเป็นห่วงหนูนะ” ลุงพิพัฒน์ผู้เป็นหัวหน้าของทีมงานกล่าวเตือนชายหนุ่มด้วยความหวังดี กรกฎจึงทำได้เพียงยิ้มเจื่อนๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกมากกว่านั้น ก่อนเขาจะแยกย้ายไปทำงานของตนต่อ เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากก่อนจะถึงสองทุ่ม เนื่องจากชายหนุ่มไม่อยากเอาทีมงานไปเสี่ยงกับอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆของนภานัก
งานที่เหลือนั้นเป็นไปด้วยความลื่นไหล เนื่องจากพวกเขาได้ขึ้นโครงและจัดเตรียมอุปกรณ์ไว้แล้ว ขั้นตอนที่เหลือจึงไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิด ทำให้เวทีนั้นพร้อมใช้งานในเวลาเพียง50นาทีเท่านั้น และทั้งหมดนี้เป็นฝีมือการคุมงานของกรกฎเสียเป็นส่วนใหญ่ นภาที่เห็นดังนั้นจึงได้แต่มองเหล่าทีมงานด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก แต่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากนั้นเลย
และด้วยตารางงานที่บ่งบอกว่างานนั้นเริ่ม3ทุ่ม ทำให้หญิงสาวนั้นมีเวลาว่าล้นเหลือสำหรับการทำธุระส่วนตัว ประกอบกับการที่เธอนั้นได้ให้เจ๊จุ๋มทำผมมาให้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทำให้เวลาที่เหลือเกือบ2ชั่วโมงนั้นกลายเป็นเวลาว่างไปโดยปริยาย
“เอางี้ ไปกินข้าวกับผมดีไหมล่ะครับ คุณนภาก็ยังไม่ได้กินอะไรมาไม่ใช่หรอ อีกอย่างห้างก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย”กรกฎออกความเห็น ทำให้นภาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าเธอเองนั้นก็ยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่ตอนกลางวันเลย อีกทั้งนี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้หว่านเสน่ห์ให้กรกฎเพิ่มด้วย เนื่องจากเดือนนี้เธอยังไม่ได้ไปไหนมาไหนกับกรกฎสองต่อสองเลยแม้แต่น้อย ทำให้หญิงสาวเกรงว่าความรู้สึกหลงใหลเธอของกรกฎจะจางหายไป ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอนั้นจะสูญเสียคนที่ช่วยจัดการหลายๆอย่างให้อย่างกรกฎไป นภาที่คิดได้ดังนั้นจึงปั้นยิ้มบางๆแล้วพยักหน้าแทนการบอกตกลง แล้วเดินไปขึ้นรถซิตี้คาร์ของกรกฎอย่างสบายใจ
เนื่องด้วยว่าผู้ว่าจ้างในครั้งนี้เป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ยักษ์ ทำให้สถานที่จัดคอนเสิร์ตนั้นแทบจะอยู่ติดกับตัวห้างเลย ทำให้ทั้งคู่นั้นเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าภายในไม่กี่นาที บริเวณหน้าห้างนั้นถูกจัดแต่งด้วยของตกแต่งมากมายเพื่อให้เข้ากับเทศกาลคริสมาสและปีใหม่ที่กำลังจะเดินทางมาถึง แสงไฟประดับตกแต่งหลายสิบดวงได้ส่องสว่างออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน บริเวณหน้าห้างมีพนักงานที่แต่งชุดซานต้ามาคอยให้บริการกับลูกค้าภายใต้รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้า
“คุณนภาไปเดินเที่ยวข้างในก่อนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมจะไปหาที่จอดรถก่อน”กรกฎบอกหญิงสาว นภาที่ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ แล้วเปิดประตูรถออกไปสู่ภายนอก ก่อนรถของกรกฎจะออกตัวไปอีกครั้งอย่างนุ่มนวล
นภานั้นสวมเสื้อกันหนาวตัวโต พร้อมๆกับแว่นตากันแดดสีชาเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจมากนัก ซึ่งก็เป็นปกติของดาราทั่วไป ที่จะไม่ต้องการให้มีข่าวฉาวออกมาทำให้ชื่อเสียงของพวกเธอต้องเสื่อมเสีย อีกทั้งนภาก็ไม่ต้องการให้ใครมาเกาะเกะสร้างความรำคาญให้เธอเช่นกัน หญิงสาวมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังตามนิสัยเพื่อตรวจดูว่าไม่มีปาปารัซซี่อยู่แถวนี้
พลันหญิงสาวก็สะดุดตาเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนหันหลังให้ พร้อมๆกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่ดังกังวานไปทั่วจนหญิงสาวรำคาญ แต่ทว่าก็น่าแปลก ที่ผู้คนแถวนั้นกลับเดินไปมาอย่างปกติราวกับว่าไม่มีใครรับรู้ถึงเสียงรองไห้ที่กำลังทำให้นภาประสาทเสียเลย หญิงสาวจรึงตัดสินใจสาวเท้าไปหาผู้หญิงคนนั้นด้วยความหงุดหงิด
นี่เธอ เงียบๆบ้างไม่เป็นหรือไงยะ”นภาวีนใส่หญิงสาวคนนั้นทันทีที่เธอเดินไปถึงตัว แต่ทว่าหญิงสาวตนนั้นก็ยังคงไม่ยอมหยุด แถมยังเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นราวกับจะเยาะเย้ยนภา
“บอกให้หยุดร้องไง! เสียใจอะไรนักหนา ฉันรำคาญ!”นภาพูดพร้อมจับไหล่ของหญิงสาวอย่างเหลืออด ก่อนจะออกแรงดึงให้หญิงสาวคนนั้นหันหน้ากลับมาหาเธอตรงๆ แต่ทว่าภาพที่เห็นกลับทำให้หญิงสาวถึงกับขาอ่อนด้วยความหวาดกลัว เมื่อใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นกลับน่าสยดสยองเกินที่จะเรียกได้ว่ามนุษย์! นัยน์ตาทั้งสองข้างของเธอถลนออกมาจนผิดปกติเนื่องจากแรงอัดของอะไรบางอย่างที่ทำให้กลางใบหน้าของเธอที่ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวแหว่งเว้าเข้าไปภายในจนแทบจะขาดออกจากกัน เศษเนื้อและเศษกะโหลกเปรอะเปื้อนไปทั่วจนดวงหน้าขาวไม่หลงเหลือร่องรอยที่น่าหลงใหล กลิ่นเหม็นเน่าพวยพุ่งออกมาจนนภาแทบจะสำรอกของเก่าให้ได้
“เสียใจที่กูต้องตายเพราะมึงไงอีนภา!”วิญญาณสาวตะโกนลั่นด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาหานภาอย่างช้าๆ
กรี๊ด!
ดาราสาวกรีดร้องลั่นด้วยความกลัว ก่อนจะล้มลงไปบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ทำให้ผู้คนแถวนั้นหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“คุณครับ เป็นอะไรไหมครับ คุณ!”พนักงานหนุ่มในชุดซานต้ารีบวิ่งเข้ามาหาหญิงสาวทันทีพลางเขย่าร่างของเธอแรงๆเพื่อเรียกสติ ทำให้นภาค่อยๆเผยอตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าวิญญาณสาวนั้นได้หายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรก
“เอามือสกปรกของแกออกไปจากฉันนะ!”นภาวีนใส่พนักงานหนุ่มทันทีพร้อมปัดมือของเขาออกจากตัวแล้วมองพนักงานหนุ่มด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไปอย่างหงุดหงิด ทิ้งให้พนักงานหนุ่มมองอย่างงุนงงระคนไปกับหงุดหงิดที่จู่ๆก็โดนทำกิริยาแบบนั้นใส่ แต่ทว่าเขานั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอลูกค้าแบบนี้มาก่อน พนักงานหนุ่มจึงลุกขึ้นแล้วไปทำงานของตัวเองต่อ
ความคิดเห็น