ตอนที่ 26 : เมื่อจะไม่รัก : บทที่ 8 (2)
++++++++
อากิระพานารียาเดินออกมาตามทางเข้าส่วนหย่อมที่ดูเงียบสงบแต่ก็ไม่ได้ลับสายตาคน ระหว่างทางก็ยังคงกุมข้อมือน้องไว้ในหัวก็คิดย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีต เรื่องที่เขาเข้าไปได้ยินบทสนทนาระหว่างแม่ของเขากับน้อง คนทั้งคู่อยู่กันบนห้องนอนของแม่ ยังไม่รู้ตัวว่าเขากลับเข้ามาในบ้าน การได้ยินบทสนทนาในครั้งนั้นได้เปลี่ยนความคิดบางอย่างในหัวเขา ทำให้เขาได้รู้สึกว่านารียาอาจไม่เหมือนคนทั่วๆ คนที่ตัดสินเขาและแม่จากแค่เรื่องที่ได้ยินมา หรือต่อให้เขาและแม่เป็นอย่างที่คนว่าจริง น้องก็ยังคงไม่ได้ใช้สิ่งเหล่านั้นเลือกที่จะอยู่ใกล้ๆ หรือหลีกหนีให้ห่าง เธอยังคงเป็นคนที่ตัดสินทุกอย่างจากที่ใจรู้สึก
‘น้าสิริณทำไมพูดอย่างนั้นคะ ทำไมผึ้งต้องรังเกียจน้า ต่อให้น้าเคยทำงานอย่างที่คนเขาว่ากัน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผึ้งจะต้องรังเกียจ ผึ้งไม่ตัดสินคนจากงานที่เขาเคยทำ หรือทำหรอกค่ะ ยิ่งเป็นคนที่ผึ้งรู้จัก ผึ้งยิ่งต้องเข้าใจ น้าสิริณเป็นคนดีการที่คุณน้ารักพ่อพี่ศิระ แสดงว่าเขาก็ต้องมีสิ่งดีๆ ถึงทำให้รัก สิ่งดีๆ ที่พี่ศิระอาจจะยังมองไม่เห็น หรืออาจจะเห็น แต่ก็โกรธและไม่เข้าใจ ก็เลยทำแบบนั้นค่ะ อย่าคิดมากนะคะ’
‘ศิระ รังเกียจงานที่พ่อเขาทำ เขาบอกว่างานของพ่อ สิ่งที่พ่อเป็นทำให้คนมองแม่ไม่ดี ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลย แล้วต่อให้ใช่ น้าก็ไม่แคร์ไม่สนใจ เพราะแม้รู้ว่าผู้ชายที่ที่น้ารักคือคนดีของน้า คือพ่อของลูกน้า…ทำไมจ๊ะ ผึ้งยิ้มทำไม’
‘ความรักของคุณน้าสวยงามจังค่ะ ผึ้งว่าคุณพ่อพี่ศิระก็ต้องรักคุณน้ามากแน่ๆ ถึงทำให้คุณน้ายังรักมากอย่างนี้ ผึ้งชอบฟังสิ่งที่คุณน้าเล่า อยากฟังอีก แต่วันนี้พักก่อนนะคะ ได้เวลานอนแล้ว คุณน้านอนนะคะ ไว้พรุ่งนี้ผึ้งหยุดเรียน จะมาอยู่ด้วยทั้งวันเลยค่ะ’
นารียาช่วยห่มผ้าให้ก่อนจะออกมาจากห้องนอนของสิริณจึงได้รู้ว่าอากิระยืนอยู่ที่ข้างประตู แล้วก็เดินนำออกไปส่งเธอที่บ้าน ทำอย่างที่เคยทำระหว่างทางก็ไม่พูดอะไร มีแค่นารียาที่ยังคงพูดเจื้อยแจ้ว เล่าเรื่องอาการของแม่เขาในวันนี้ เล่าสิ่งที่เธอไปทำไปเจอในแต่ละวัน
‘วันนี้คุณน้าทานข้าวได้เยอะกว่าเมื่อวานค่ะ พอทานข้าวได้อาการปวดท้องจากฤทธิ์ยาก็น้อยลง พรุ่งนี้พี่ศิระมีงานเช้าใช่มั้ยคะ เลยต้องพาน้าสิริณไปหาหมอได้ตอนบ่าย’ อากิระเพียงพยักหน้า ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูด เขาก็รู้ว่าน้องจะบอกอะไร ‘พอดีเลย พรุ่งนี้ผึ้งหยุด โรงเรียนหยุด หยุดจริงๆ ค่ะ วันครบรอบตั้งโรงเรียน เดี๋ยวผึ้งพาคุณแม่พี่ศิระไปโรงพยาบาลเองนะคะ พี่ศิระจะได้ไม่ต้องลางาน จะได้ทำงานได้เยอะๆ พอค่ายาคุณน้าไงคะ’
‘ผึ้งคิดอย่างนั้นจริงเหรอ’ อยู่ๆ พี่ก็ถามลอยๆ ขึ้นมาทำเอาคนถูกถามงง ‘คิดอย่างที่พูดกับแม่พี่’
‘เรื่องไหนคะ...ทำไมต้องทำหน้าดุด้วยคะ ก็วันนี้ผึ้งคุยกับคุณน้าตั้งเยอะ’
‘ที่บอกว่าความรักของแม่พี่สวยงาม ไม่ว่าผู้ชายที่แม่รักจะเป็นยังไง ทั้งที่เห็นว่าเขาไม่ได้รับผิดชอบอะไร ไล่ลูกไล่เมียออกมาจากบ้าน ยังเชื่อจริงๆ เหรอว่าเขาทำเพราะรัก คิดอย่างนั้นจริงเหรอ’
คนจะให้คำตอบเขาทำหน้าเหมือนคิด ‘พี่ศิระว่าจะมีผู้หญิงที่รักคนที่ทำร้ายจิตใจเธอเหรอคะ ถ้าคุณน้ารู้สึกว่าพ่อพี่ศิระทำร้าย จะยังรักยังคิดถึงอยู่แบบนี้เหรอคะ คุณน้าก็ต้องรู้สึกได้ถึงความรัก ถึงได้ยังรักมากๆ ผึ้งเชื่อคุณน้า เชื่อว่าคุณพ่อพี่ศิระก็ยังรักคุณน้า แล้วก็รักพี่ศิระด้วย’
แววตาของน้องที่มองสบตาเขาในวันนั้นบอกว่าเธอเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ในวันนั้นเขาไม่เคยคิดจะเชื่อตามเรื่องที่ฟังดูเหลวไหลนั้น กระทั่งได้เจอกับตัว ได้ทำอย่างที่พ่อเคยทำ ทำไม่ดีใส่ผู้หญิงคนหนึ่งเพราะคิดว่านั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด แล้วคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าเธอจะเกลียดเขา ลืมเขาเพื่อมีชีวิตที่ดี ที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องไปถาม ไปสนใจว่าแท้ที่จริงแล้วเธอต้องการอะไร
‘แต่มันจะดีกว่านี้นะ ถ้าพ่อพี่ศิระจะถามคุณน้าก่อน ถามว่าคุณน้าเลือกอะไรระหว่างการอยู่อย่างปลอดภัยกับการได้อยู่กับคนที่คุณน้ารัก’
ในวันนั้นพี่ก็ไม่ได้ถามผึ้ง ไม่ได้ถามว่าผึ้งต้องการอะไร...
ต้องการอยู่กับพี่...หรืออยู่กับสิ่งที่ครอบครัวผึ้งเลือกให้แล้วว่าดี
“ขอบคุณนะคะ” นารียาบอกเมื่ออากิระปล่อยข้อมือของเธอ แล้วหันกลับมาเผชิญหน้า “ขอบคุณที่มาช่วยผึ้ง ถ้าไม่ได้พี่ ผึ้งต้องแย่แน่ๆ เลย”
คนถูกขอบคุณยังคงไม่พูดอะไรนอกจากมองสบตาน้อง มองนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นจนเธอตกประหม่าเมื่อต้องอยู่กันลำพังกับความเงียบที่มีเสียงดนตรีในงานแว่วมา ดนตรีของบรรยากาศรื่นเริงยินดีและโรแมนติก
“พี่แต่งตัวแบบนี้ก็เท่ดีนะคะ” นารียารู้สึกว่าต้องพูดอะไรออกไป คำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “ดูเป็นคนที่น่าจะซื้อภาพวาดดอกทานตะวันของผึ้งด้วยเงินหนึ่งล้านได้หน่อย”
“จะขายมั้ยล่ะ” คนพี่บอก คนน้องส่ายหน้าบอกว่าพูดเล่น แล้วก็ยิ้มหวานอย่างที่เธอเคยเป็น ก่อนจะยิ้มแห้งๆ เมื่ออีกฝ่ายมองมาสายตานิ่งๆ ออกไปทางดุเบาๆ “คราวหลังไปไหนก็อย่าออกมาข้างนอกคนเดียวแบบนี้ ถ้าพี่ไม่ไปเจอจะทำไง”
“ผึ้งก็จะร้องเสียงดังๆ ไงคะ...ไม่ได้สิเนอะ ถ้าเขาปิดปากล่ะ...ขอโทษค่ะ คราวหลังจะระวัง ผึ้งแค่ไม่อยากอยู่ตรงนั้น ผึ้งอยากกลับบ้าน เพราะพี่สาวผึ้งเบี้ยว เหมือนหลอกให้ผึ้งมางาน” บอกเสียงอ่อย ก่อนจะแอบถอนหายใจ ไม่อยากคุยเรื่องเศร้า “ดีจังที่ผึ้งเจอพี่ ได้มีคนที่ผึ้งรู้จัก แล้วอยู่ด้วยโดยไม่อึดอัด ไม่งั้นเซ็งแย่เลย กว่าจะได้กลับบ้าน ไม่รู้พี่ศรุตจะพากลับตอนไหน ไหนจะ...”
นารียาเผลอจะหลุดพูดชื่อพงศกร เธอไม่เคยบอกพี่สาวเรื่องที่รู้สึกอึดอัดเวลาต้องอยู่ลำพังกับพี่เขย โดยเฉพาะตอนที่ไม่มีพี่สาวอยู่ด้วย ผู้ชายคนนี้มักมองเธอด้วยสายตาที่เธอไม่ชอบ
“อยากกลับบ้านเหรอ”
“มากๆ เลยค่ะ” พูดจ๋อยๆ แล้วก็ถอนหายใจ “ไม่คุยเรื่องผึ้งแล้วมาคุยเรื่องพี่ดีกว่าค่ะ พี่เป็นใครกันแน่คะ เห็นบอกว่าเพิ่งกลับจากญี่ปุ่น แล้วก็มางานใหญ่ๆ แบบนี้ได้ พี่เป็นแขกทางฝ่ายไหนคะ เจ้าสาวหรือเจ้าบ่าว”
“พ่อเจ้าสาว รัฐมนตรีธงชัย เคยเป็นลูกค้าวีไอพีที่พี่ดูแลเวลาท่านไปญี่ปุ่น หรือประเทศที่มีสาขาธุรกิจที่บ้านพี่ทำ” อากิระบอกเล่า โดยมีสายตาของนารียาเฝ้ามองและฟัง เธอยังขมวดคิ้ว “บ้านพี่ทำงานให้บริการทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ...ทุกอย่าง”
ดูเหมือนคนฟังยังจินตนาการงานของบ้านอีกฝ่ายไม่ออก แต่ก็ยังพูดติดตลก “หาสาวให้ด้วยเหรอคะ”
“ด้วย”
คำพูดสั้นๆ แต่ทำเอานารียาตาโต “คงไม่ใช่ว่า...”
“ใช่อย่างนั้น มากกว่านั้น ใครเป็นลูกค้าวีไอพีที่บ้านพี่บริการทุกอย่าง คุ้มครอง หาที่กินที่เที่ยวให้ ดูแลทุกอย่าง ป้องกันความลับให้แบบครบวงจร ไม่ว่าลูกค้าจะต้องการบริการระดับไหน”
“ฟังดูเหมือนธุรกิจ พวกมาเฟีย ที่ญี่ปุ่นเรียกยากูซ่าเลยเนอะ” เป็นอีกครั้งที่นารียาพูดหวังเอาขำ แต่อีกฝ่ายยังตีหน้าจริงจัง “คงไม่ใช่...ใช่มั้ยคะ”
“ใช่...” ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายดูจริงจัง นารียาคงคิดว่าเป็นมุกตลก “กลัวพี่เหรอ”
นารียายังคงมองตาคนที่ตั้งคำถามกับเธอ ครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้า “พี่ยังไม่ได้ทำอะไรให้ผึ้งรู้สึกกลัวนี่คะ ไม่เห็นต้องกลัว ต่อให้เห็นตอนพี่ทุ่มผู้ชายคนนั้นแล้วจะหักแขนเขาก็เถอะ”
ถึงตอนนี้อากิระก็ยิ้มกว้าง...กว้างกว่าที่เขาเคยยิ้มให้ผู้หญิงคนนี้ได้เห็น ไม่ได้ยิ้มได้ขนาดนี้แค่เพราะคำพูดของน้อง แต่เพราะเขาดีใจ ที่ต่อให้จำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ แต่น้องก็ไม่เคยเปลี่ยน เธอยังเป็น ‘ลิตเติ้ลบี’ ที่ไม่เคยตัดสินใครแค่จากสิ่งที่คนอื่นพูด ไม่ตัดสินแค่งานที่เขาทำ คำที่เขาบอก แต่เธอเชื่อสิ่งที่เธอสัมผัสได้ด้วยตัวเอง เขาจึงยิ้มได้ และเชื่อว่าไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร คนภายนอกจะมองเขาอย่างไร แต่ผู้หญิงคนนี้จะไม่ตัดสินเขาจากสิ่งเหล่านั้น
“ว่าแต่ผึ้งยังไม่รู้ชื่อพี่เลย พี่ชื่ออะไรคะ...คราวนี้ต้องบอกแล้วนะ ถ้าพี่ไม่ตอบแสดงว่าเลี่ยงแล้วล่ะ หรือว่าชื่อพี่ตลก เลยไม่ชอบบอกชื่อกับใครคะ...ต้องใช่แน่ๆ เลย บอกมาเถอะค่ะ ผึ้งสัญญาว่าจะไม่ขำ...นะบอกเถอะนะคะ ไม่ขำจริงๆ ผึ้งสัญญา”
++++++++
กติกาอ่านฟรีจบเรื่อง : ถ้าคุณคอมเม้นต์คุยกับส้มผัก ที่หน้านิยาย D-dek นี้อย่างสม่ำเสมอ คุณได้สิทธิ์อ่านฟรี "ที่ห้องลับ" แบบจบเรื่องแน่นอนค่ะ ข้างล่างนี้เป็นลิงก์เทสต์ห้องลับที่จะเข้าไปอ่าน "เมื่อ(จะไม่)รัก" ช่วงโค้งสุดท้าย - ตอนจบ ตามลิงค์ไปและใส่รหัส "0000" (ศูนย์ 4 ตัว) รหัสนี้จะเปลี่ยนเมื่อเวลาใช้จริง ส่วนในเด็กดีจะลงให้อ่านราว 60 - 70% นะคะ
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=adel&month=09-2019&date=23&group=29&gblog=2
ปล.ลิงค์นี้เป็นลิงค์ของ bloggang.com เป็นบล็อกของ เวป pantip.com นะคะคิดว่าปลอดภัยเข้าได้ เราใช้มานาน
รัก จะติดตาม
นางเอกเหมือนจะใสซื่อ แต่ก็ไม่ไร้เดียงสานะ
นางเอกกลางสวนดอกไม้มากๆ????
อีพี่...กล้าบอกชื่อให้น้องรู้ป่าวน้อ...อิอิ
น้องผึ้งน่ารักมาก
หนูผึ้งน่ารักจัง แบบนี้ไงอีพี่เลยรักมาก
ฮือออ สงสารทั้งคู่จริงๆเลย ถ้าไม่เกิดเรื่องคงเป็นครอบครัวที่น่ารักมาก ให้ฟีลเพลงของพี่ป้างเลยค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของใครเลยแค่เขายังไม่เข้าใจความรักมากพอ
สนุกมากคะ ทุกตอนที่อ่านคะ