ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✎ {os/sf}'BTS - holding hopega ( all홉all슈가 )

    ลำดับตอนที่ #2 : (sf) - SUGA SUGA RUNE ☾ 01 /hopega

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 250
      7
      16 ม.ค. 61


    Title; SUGA SUGA RUNE ☾ 01

    Paring; JungJhope x MinSuga


    Note; อ้างอิงเนื้อเรื่องมาจากอนิเมะญี่ปุ่นเรื่อง sugar2rune (sugar sugar rune) หรือชื่อไทยว่า แม่มดสาวหัวใจกุ๊กกิ๊ก (555555) ประมาณว่าเป็นโลกใบเดียวกัน มีเวทย์มนต์เหมือนกัน หลักเดียวกัน แต่อาจจะไม่100%แหละนะ แต่สมมุติว่า ถ้าใครไม่รู้จักการ์ตูนเรื่องนี้จริงๆ ขอเล่าให้ฟังคร่าวๆนะคะ ใครที่รู้จักอยู่แล้วข้ามไปอ่านได้เลย เนื้อหาฟิคจริงๆอยู่ใต้ภาพแฟนอาร์ตฝีมือเราฮะ

     

    เป็นเนื้อเรื่องว่ามีแม่มดเด็กผู้หญิง2คนถูกส่งมาจากโลกแม่มดมายังโลกมนุษย์เพื่อแข่งขันเก็บหัวใจของมนุษย์ ประมาณว่าเมื่อทำให้รู้สึกต่างๆเช่นตกใจ ชอบ หรือรัก มนุษย์คนนั้นจะมีใจรูปแบบต่างๆออกมาให้เราเก็บค่ะ (ตอนเก็บหัวใจจะต้องแปลงร่างร่ายคาถาด้วยนะ!) ซึ่งมนุษย์คนนึงจะเก็บใจได้หลายรอบ (แต่เหล่าพ่อมดแม่มดจะมีหัวใจแค่ดวงเดียว และมันมีค่ามากๆ) เราจะอธิบายค่าของหัวใจแต่ละแบบไว้ในเรื่องนะคะ สุดท้ายระหว่าง2คนนี้ใครที่เก็บหัวใจรวมกันได้มีค่าสูงสุด (เรียกได้ว่าแข่งกันทำให้ตัวเองมีคนมาชอบมารักมาที่สุด ป๊อปปูล่างั้นก็ได้) จะได้เป็นราชินีแห่งโลกแม่มดค่ะ แต่ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ไปดูคลิปนี้เลยครับผม > https://www.youtube.com/watch?v=3ib-RYIn9Sc เป็นฉากที่หนึ่งในตัวเอกกำลังแปลงร่าง สังเกตได้ว่าพวกผู้ชายจะมีหัวใจสีส้ม(รักแรกพบ) ถ้าเป็นความรู้สึกอื่นๆจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ จะได้ยินคำว่า ชูการ์ ชูการ์รูน วานีรูนใช่มั้ย นี่คือคาถาค่ะ 3คำหลังสุดจะต่างกันไปในแต่ละคน ตอนจบจะมีคำพูดขอใจด้วย ในคลิปถ้าเป็นภาคไทยจะพูดว่า ใจเธอ ขอฉันนะ! 55555 แล้วก็ถ้าเป็นพ่อมดผู้ชาย จะดูคูลและเท่กว่านี้ แต่หาคลิปไม่ได้จริงๆ

     

    มาเริ่มกันเถอะ!

     


     

     

     

     

     


     

     

    อา… ลงมาที่โลกมนุษย์แล้วสินะ 


     


    เปลือกตาปิดสนิทลืมขึ้นอย่างยากลำบาก ง่วงชะมัด มินชูก้าคิด ร่างเล็กในชุดลำลองง่ายๆอย่างเสื้อยืดสีขาวและกางเกงผ้าร่มตัวนิ่มยันตัวเองขึ้นจากเตียงเรียบๆในห้องสีขาวโง่ๆห้องหนึ่ง ข้างนอกหน้าต่างโชว์ภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนและพระจันทร์เสี้ยวดวงใหญ่ท่ามกลางผืนภาพสีดำ มันมืดอยู่ เขาบอกตัวเอง


     

    มือขาวซีดคว้าแผ่นพับใบน้อยที่วางไว้ตรงโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาอ่านคร่าวๆ มันเขียนรายละเอียดด้วยภาษาแม่มดแถบที่ชูก้าอาศัยอยู่ หน้าตามันเหมือนภาษาเกาหลีนะ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่เขาถูกส่งมาที่เกาหลีก็ได้ เอาจริงๆพ่อแม่แม่มดแถบเดียวกันกับเขาก็ส่งมาเกาหลีทั้งนั้นแหละ บรรพบุรุษของพ่อมดแม่มดแถบเขาเป็นคนเกาหลีนี่

     

    หัวใจสีเหลือง​ตกใจ (5 เอคูล)

    หัวใจสีส้ม​รักแรกพบ (300 เอคูล)

    หัวใจสีชมพู​รักหวานแหวว (1000 เอคูล)

    หัวใจสีม่วง​รักร้อนแรง (2500 เอคูล)

    หัวใจสีแดงเข้ม​รักแท้ (5000 เอคูล)

    หัวใจสีดำ​ริษยา (0 เอคูล)

     

    หน้าแรกของแผ่นพับถูกเขียนไว้ด้วยค่าของหัวใจแบบต่างๆที่จะถูกนำมานับในการแข่งขันที่ชูก้าเข้าร่วม มันมีหัวใจแบบอื่นอีก เขารู้ แต่มันไม่ได้ถูกนำมานับในครั้งนี้


     

    ถัดลงมาก็เป็นกติกาและกฎต้องห้ามในเกม การแข่งขันนี้ไม่ได้เป็นที่แพร่หลายในโลกแม่มดนัก แม้ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ได้รับการยอมรับจากควีนแล้วก็เถอะ มินชูก้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เกมนี้มันสนุกออกจะตาย คงเพราะถ้ามีพ่อมดแม่มดเดินป้วนเปี้ยนเต็มโลกมนุษย์ไปหมดมันคงวุ่นวายกับหน่วยจัดการเรื่อง บนโลกใบนี้น่าดู การที่คนตัวขาวได้มานอนอ่านแผ่นพับในห้องนี้ก็เหมือนกัน จริงๆห้องนี้คงเป็น

    ผลจากการหน่วยจัดการซักคนมาติดต่อเช่าห้องให้ละมั้ง

     

     

    รางวัลหรอ ก็คงได้รับสิทธิพิเศษต่างๆจากควีน แต่ที่แน่ๆคือคนที่ชนะเหล่านั้นจะป็อปปูล่าในโลกแม่มดมากทีเดียว มันมีทฤษฎีนึงที่ว่าคนที่ฮอตในโลกแม่มดจะคนชอบน้อยในโลกความเป็นคนจริงส่วนพ่ดมดแม่มดที่ดูน่าเบื่อในโลกนั้นจะป็อปมากในโลกใบนี้ ฉะนั้นส่วนใหญ่ที่มาเล่นเกมนี้ก็เพื่อทำให้ตัวเองเปลี่ยนจากคนไม่ฮอตเป็นคนฮอตไงล่ะ

     

    มินชูก้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาไม่ได้ซ่าแก่นเซี้ยวขนาดที่คนในโลกใบที่เขาเพิ่งจากมาจะสนใจ ถึงได้หาหนทางจะทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักมากขึ้น

     


    กติกาการเล่นมันไม่แปลกอะไร แต่จู่ๆร่างเล็กมีความคิดวูบนึงขึ้นมาในหัว

     


    ถ้าเหล่าพ่อมดแม่มดหลงรักมนุษย์ได้ เกมนี้คงทรมาณความรู้สึกใช่ย่อย คนธรรมดาทั่วไป ความรู้สึกต่างๆก็จะหายไปพร้อมกับหัวใจที่ถูกเก็บ แต่ผู้มีเวทย์มนต์อย่างเขาลบความรู้สึกตัวเองไม่ได้เหมือนมนุษย์

     


    กลุ่มผมสีเหลืองสว่างพริ้วตามแรงสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระจากเจ้าตัว ในเมื่อพ่อมดแม่มดจะถูกร่ายคาถาควบคุมความรู้สึกที่มีต่อมนุษย์ไว้อยู่แล้วตั้งแต่เกิด ความคิดข้างต้นจึงเป็นไปไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป เพราะมนุษย์คนนึงมีใจหลายดวง โลเล เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็ได้ เลิกรักเมื่อไหร่ก็ได้ และหัวใจของคนวิเศษในโลกของเขามันมีค่าเกินกว่าจะนำไปเสี่ยงอะไรแบบนั้น

     

    มือเล็กพลิกแผ่นพับในมือไปหน้าหลังสุด การ์ดจากวัสดุคล้ายกับพลาสติกบนโลกมนุษย์แนบมากับกระดาษที่ถูกพับ แผ่นเล็กแข็งระบุชื่อที่เขาจะต้องใช้บนโลกใบนี้ อายุ อาชีพ และที่อยู่ รายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวเขา ส่วนมุมขวาล่างจะมีคาถาเฉพาะไว้ร่ายเมื่อต้องการติดต่อกลับไปที่โลกเวทย์มนต์ยามฉุกเฉิน

     



    “มินยุนกิ... หรอ​?” ตาชั้นเดียวกระพริบสองสามทีกับชื่อใหม่ “ก็ไม่แย่อะไร แต่ชื่อเหมือนผู้หญิงเลยวะ” ชูก้าเลิกคิ้วนิดหน่อย มันดูเหมือนคำว่ายูกิเลย เด็กผู้หญิงแถบโลกเวทย์ญี่ปุ่นมีหลายคนใช้ชื่อนี้ มันเลยขัดใจพ่อมดชายมาดแมนแบบเขานิดหน่อย แต่ก็แค่นิดหน่อย คนจะแมนแมนที่ใจใช่ที่ชื่อนะครับคุณ - มินยุนกินี่แหละกล่าวไว้ -

     



    นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมากมาย อายุ23 และพนักงานเซอร์วิสร้านเสื้อผ้า โลเคชั่นของร้านและห้องสีขาวโง่ๆที่เขาอยู่ถูกระบุบนบัตรนั่นไว้เรียบร้อย

     

    เท้าสวมสลิปเปอร์ลุกจากเตียงแล้วเดินเตาะแตะไปยืนหน้าตู้เสื้อผ้าทำจาก-- ไม้ละมั้ง ข้างในตู้มีชุดทุกอย่างที่เขาเตรียมเองจากโลกเวทย์มนต์ ทุกอย่างถูกเตรียมไว้หมดแล้ว แม้กระทั่งเงินสกุลวอนที่เอาไว้ใช้ตอนใช้ชีวิตบนโลกแห่งนี้ ไม่เยอะขนาดนั้น แต่มันพอใช้อย่างสบายเลยล่ะ ขนาดที่อยากซื้ออะไรกินก็ซื้อได้ อยากจะไปเที่ยวเล่นซักวันสองวันต่ออาทิตย์ยังพอเลย แต่ก็นะ พอกลับไปก็ต้องจ่ายคืนนั่นล่ะ

     


    สิ่งที่เรียกตัวเองว่าปฏิทินบนผนังบอกว่าเขาว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ และวันจันทร์เป็นวันแรกที่มินยุนกิต้องไปเริ่มงานตามที่ระบุในการ์ด

     

     


    ส่วนงานของมินชูก้าน่ะ เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยต่างหาก

     

     

     

     


     

    อย่างแรก ต้องทักทายเพื่อนบ้านก่อน

     

    เช้าวันต่อมาเจ้าของชื่อมินยุนกิก็ได้วางแผนจะตีสนิทคนข้างห้อง จัดการซื้อสิ่งที่เขาน่าจะเรียกกันว่าเค้กข้าวมาจำนวนหนึ่งกล่องถ้วน เห็นแบบนี้ก็ศึกษามานะครับว่าที่นี่เขาทักทายเพื่อนบ้านใหม่ยังไง เป็นคนดีศรีชูก้ามากมาก

     

    ถ้าคนข้างห้องเขาเป็นผู้หญิงไม่แน่การทักทายแบบนี้อาจจะได้หัวใจสีเหลืองหรือส้มมาซักดวงนึง

     

    ปลายนิ้วป้อมจิ้มลงบนกริ่งห้องถัดจากห้องตัวเองไปเบาๆ ตาเล็กเหลือบมองป้ายเลขห้องระหว่างรอให้มีเสียงเปิดประตูทำลายความเงียบ แต่ว่า--



     

    .

    .

    .

     

    นี่รอมานานมากแล้วเฮ้ย คือชูก้าเมื่อยแล้วไง แม่งเจ้าของห้องยังไม่มาอะ โกรธ

     


    หรือว่าเขาไม่อยู่นะ...

     


    แขนเล็กยกขนมต็อกใส่กล่องกระดาษขึ้นดู พักนึงแล้วที่ซื้อมา จนตอนนี้ควันร้อนๆของมันหายไปจนหมดเหลือเพียงไอน้ำเกาะที่แผ่นใสหน้ากล่องเท่านั้น ยุนกิ(นามจำเป็น)กระพริบตาสองสามทีเมื่อขาสัมผัสได้ถึงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างปลายทางเดิน หมุนข้อมือดูนาฬิกาเรือนสีดำ ตอนนี้เข็มสั้นมันกำลังวนเวียนอยู่ตรงแถวๆเลขสอง และมันคงไม่ใช่เวลาตีสองแน่นอน

     


    บ่ายสองแล้วหรอ?

    อา ลืมไปว่าตัวเองตื่นเที่ยง ขอโทษนะ

    นึกว่าตื่นแปดโมงเช้า แย่จัง

     


    ขาเล็กๆในกางเกงขาสั้นสีแดงเหนือเข่ากำลังจะลากรองเท้าแตะกลับห้องไปหยิบโทรศัพท์และเสื้อกันหนาวเพื่อไปเดินเล่นข้างล่าง ชูก้าชะงักเมื่อคิดอะไรออกก่อนวิ่งไปที่ห้องคว้ากระดาษโพสอิทที่เตรียมมาสำหรับเขียนจีบ(เผื่อเป็น)สาว ดึงออกมาหนึ่งแผ่น จับปากกาเขียนข้อความเล็กๆน้อยๆก่อนจะแปะลงไปบนถุงกระดาษที่ใส่กล่องเค้กข้าวมา  หลังจากพยายามวาดอีโมติค่อนขยิบตาลงไปจนสำเร็จก็แปะกระดาษแผ่นเล็กนี่ลงบนถุงก่อนจะแขวนมันบนลูกบิดห้องข้างๆ

     


     

     

    ผมมินยุนกิเป็นคนที่เพิ่งย้ายมาห้องข้างๆ ผมซื้อเค้กข้าวมาให้ และที่ห้องไม่มีไมโครเวฟ และหวังว่าคุณจะมีแล้วอุ่นมันก่อนทานนะ ฝากตัวฝากใจด้วยนะครับผม - มินยุนกิ ห้อง309 –

     

     

     







    ร่างสูงหนึ่งเมตรกับอีกเจ็ดสิบเซนติเมตรกว่าๆกำลังยืนอยู่ร้านเสื้อผ้าซึ่งกะจากขนาดแล้วน่าจะประมาณสองห้องถ้วน ด้านหน้าถูกกั้นด้วยกระจกใส ประตูถูกเปิดค้างไว้ ขาใส่กางเกงยีนส์ขาดเข่าก้าวขึ้นบันไดราว2-3ขั้นหน้าร้านเข้าไปด้านใน เห็นเจ้าของเรือนผมสีชมพูอ่อนราวกับกลีบซากุระก้มๆเงยอยู่ตรงเคาน์เตอร์ จึงไม่รอช้าเดินเข้าไปหาเพื่อถามเรื่องงาน

     


    “ขอโทษนะครับ คือผม..มินยุนกิ ที่ติดต่อเรื่องทำงานไว้” สิ้นเสียงติดแหบของร่างขาว คนที่เขาพูดด้วยก็หันขวับมาตอบประโยคก่อนหน้าด้วยความสดใส


     

    “อ๋า มินยุนกิ เริ่มงานวันนี้เลยสินะ ตามผมมาก่อนละกัน บอสยังไม่มาน่ะ” เจ้าตัวคว้าซองเอกสารในมือของเขาที่ถูกเตรียมมาให้จากโลกเวทมนต์ก่อนเดินนำไปทางด้านหลังของร้าน “ เรียกยุนกิได้ไหม ผมชื่อจีมินนะ ปาร์คจีมิน เราคงต้องร่วมงานกันอีกนาน ถูกปะ”

     




    ทั้งสองคนเดินมาจนสุดทาง ด้านหลังของร้านมีแค่ห้องพักพนักงาน ห้องเก็บข้าวของและเปลี่ยนเสื้อ ห้องน้ำด้วย จากเท่าที่สังเกตหลังร้านนี่ค่อนข้างแคบพอตัวเลยทีเดียว ดูเหมือนว่าจะใช้พื้นที่ชั้นล่างกับพื้นที่หน้าร้านไปซะเยอะ

     



    “ห้องทำงานบอสอยู่ชั้นสองน่ะ เสื้อผ้าในสต็อกก็อยู่ชั้นสอง ชั้นสามชั้นสี่ฉันไม่ค่อยแน่ใจนะ” คนตัวเล็กกว่าชูก้าเล็กน้อยหันหน้ามาพูด ในประโยคสุดท้ายริมฝีปากสีเดียวกับเรือนผมยู่ลงเล็กน้อย คนที่บอกว่าตัวชื่อปาร์คจีมินพูดเสียงเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆในขณะที่คนผมสีเหลืองสว่างคอยสังเกตสิ่งต่างๆไปพลาง

     



    ร่างไซส์พอกันกับมินชูก้าแนะนำทุกอย่างภายในร้าน ตำแหน่งสิ่งต่างๆ สิ่งที่ต้องทำกับลูกค้า รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดพอดีกับฝ่ามือที่ใช้สำหรับเช็คเสื้อผ้าในสต็อก มันไม่ได้แปลกตามากนักสำหรับพ่อมดอย่างเขา เดี๋ยวนี้โลกเวทย์มนต์น่ะมีทุกอย่างเหมือนบนโลกมนุษย์นั่นแหละ แต่เพราะพวกเขามีเวทย์มนต์ มันเลยไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่



     

    “เดี๋ยวถ้าพี่โฮซอกมาก็ไปให้พี่เขาเห็นหน้าหน่อยนะพนักงานคนใหม่มินยุนกิ” มือเล็กวางบนบ่าของเขาหลังจากพ่นชื่อของใครซักคนออกมา แต่เขาเองไม่คิดจะถามหรอก เดาเอาว่าอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานไม่ก็บอสที่จีมินชอบพูดถึงนักหนา จากนั้นป้ายแขวนคอสำหรับพนักงานใหม่ถูกนำมาคล้องด้วยฝีมือเจ้าของชื่อในแผ่นพลาสติก

     

    สำหรับหน้าที่ดูแลลูกค้าจีมินบอกว่าให้ยุนกิคอยเดินตามหรือดูเขาทำงานไปก่อน ไว้เริ่มชินแล้วจะลองปล่อยให้ทำเองดูบ้าง จากนั้นเจ้ามนุษย์หัวชมพูเอ่ยปากขอให้ช่วยจัดความเรียบร้อยภายในร้าน แค่ทำความสะอาดกับช่วยจัดเสื้อผ้าเท่านั้น ถือว่าเป็นหน้าที่ของเด็กใหม่ไปแล้วกัน

     

     


     

    เวลาผ่านไปเกือบค่อนวัน จนกระทั่งเข็มสั้นชี้ที่เลขสองบนนาฬิกาดีไซน์ประหลาดบนฝาผนัง ตัวบอสที่ปาร์คจีมินว่ายังไม่โผล่เข้ามาเลย ร้านนี้ขายเสื้อผ้าสีสดใสโดยส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ใช่สไตล์ของมินชูก้า แต่จีมินบอกว่ามันเป็นสไตล์ของเจ้านายเขา ต้นไม้จำนวนมากที่ถูกตกแต่งภายในร้านเช่นกัน ถ้าจะให้คนหัวศิลปะ(หรอ)อย่างชูก้าพูด มันเหมือนป่าที่ถูกสาดด้วยสีเลยล่ะ.. หมายถึงสีเขียวชุ่มชื่นของต้นไม้ในร้านกับสีเสื้อผ้าแสบตาพวกนั้นน่ะ

     

    แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าสีเขียวของต้นไม้ การที่บอสยังไม่มา หรือว่าคอมตรงเคาน์เตอร์พังไปสามสิบนาทีตอนสิบเอ็ดโมง

     

     

    คือวันนี้มินชูก้ายังไม่ได้หัวใจซักดวงเลยครับ!

     

     

    เฮ้ยบ้า คือมันเป็นไปไม่ได้เลย แม้กระทั่งหัวใจสีเหลืองยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ปกติคือต้องได้ไง ต้องได้ ที่ชูก้าลงมาโลกมนุษย์เพื่อมาเล่นเกมนี้เนี่ย ไม่ใช่ครั้งแรกนะ สัมผัสได้เลยว่ามันผิดปกติ

     


    จริงๆวันนี้มีเด็กสาวในชุดนักเรียนม.ปลายเขินแก้มแดงใส่เขาด้วยซ้ำ ควรใจสีส้มเลยแหละ

     


    แต่แบบ

     


    พอส่องใจแล้วมันไม่มีอะไรเลยอะ เข้าใจมินยุนกิปะยู?

     


    เหมือนไม่ได้เกิดเป็นพ่อมดเลย คล้ายเวทย์มนต์ใช้ไม่ได้ ขออนุญาติกุมอกอ่อน เป็นทั้งวันเลยนะ


     

    ตัดสินใจแล้วว่าถ้ากลับที่หอพักน่าจะต้องติดต่อไปทางผู้วิเศษหน่อยแล้วล่ะ ถ้าวันนี้ยังเก็บใจไม่ได้เลย

     

     

     


    สุดท้ายงานวันแรกของมินยุนกิก็จบลงอย่างไร้ความหมาย ได้แค่ความรู้ในการทำงาน แล้วก็ชื่อเพื่อนร่วมงานอีก2-3คนนอกจากจีมิน มีใครบ้างนะ คิมนัมจุน อีกคนเป็นผู้หญิง รู้แค่ชื่อจองยอน น่าจะยูจองยอน อีกคนใครนะ จำไม่ได้เลย เฮ้อ คือขี้เกียจจำ ห้าห้าห้า /ขำแห้ง

     

     


    ขาเรียวกับรองเท้าคอนเวิร์สหุ้มข้อสีดำก้าวไปเรื่อยหมายจะหยุดตรงหน้าห้องหมายเลข309 แต่ถุงขนมเค้กข้าวที่แขวนตรงลูกบิดประตูห้องข้างๆทำให้ต้องชะงักฝีเท้าลง

     

    มันคือกล่องเดียวกับที่เขาแขวนไว้ตั้งแต่เมื่อวานกลางวัน ตอนเช้าตอนออกไปทำงานชูก้าไม่เห็นเพราะเขาง่วงเกินกว่าจะสนใจสิ่งรอบข้าง เขาเริ่มคิดว่าบางทีเจ้าของห้องอาจจะไปเที่ยวข้างนอกซักสองสามวัน แต่เขามั่นใจว่าห้องนี้มีคนอยู่จากรองเท้าแตะสีส้มที่ถูกถอดไว้หน้าห้อง รวมถึงพรมสีชมพูเทาที่ลอดซอกเล็กใต้ประตูออกมาเล็กน้อยด้วย

     

    มือขาวเอื้อมไปหยิบกล่องขนมที่เขาซื้อมาเองกับมือออกจากลูกบิดประตูตามการตัดสินใจจากเจ้าตัว เก็บมาทิ้งน่าจะดีกว่าทิ้งให้เน่าหน้าห้องคนอื่นละนะ

     

     

    “นาย! คนหัวเหลือง จะเอากล่องนั่นไปไหน ไม่ใช่ว่ามันเป็นของฉันหรอ”

     


    เสียงของใครซักคนดังขึ้นจากด้านข้างพร้อมเสียงรองเท้าสลิปเปอร์ที่ฟังดูใกล้เข้ามา เจ้าของผมสีสว่างมองไปตามต้นเสียง ผู้ชายในชุดคลุมอาบน้ำคนนึงกำลังเดินมาตรงที่มินชูก้ายืนอยู่

     


    มือลื่นๆเหมือนยังเช็ดไม่แห้งคว้าเข้าที่ข้อมือยุนกิเบาๆเหมือนเรียกให้หยุดเฉยๆ

     



    “ฉัน-- เอ่อ ผม.. ผมเห็นว่ามันแขวนอยู่หน้าห้อง ของผมน่ะ แล้วจู่ๆคุณก็มาหยิบมันไป”


     

    “…”

     


    “ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของผมนะ”



     

    ด้วยระยะห่างที่น้อยกว่าความจำเป็น สิ้นประโยคหยดน้ำหยดหนึ่งจากผมเปียกของคนในชุดคลุมอาบน้ำหยดลงบนแขนยุนกิ ผมสีดำเกือบสนิทเปียกแนบลู่ไปกับโครงหน้าเรียวดึงดูดสายตาร่างเล็กได้ไม่ยากนัก ไม่กี่วินาทีต่อมา หยดน้ำเย็นเฉียบก็ตกใส่แขนอีกครั้ง แต่คราวนี้มันมาจากหยดน้ำที่รวมตัวกันตรงปลายคางอีกคน

     


    “อ-- อ่าใช่ มันเป็นของคุณครับ ถ้าคุณเป็นเจ้าของห้อง..” ยุนกิเงียบไประหว่างหันไปมองเลขห้องตรงหน้า “ห้อง308”

     


    เสียงของยุนกิเงียบลงไปแล้ว แต่กลับไม่มีประโยคตอบกลับมา


     

    สายตาคู่หนึ่งกำลังไล่ไปตามร่างกายอีกคนที่ดูเหมือนคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จเพื่อหลบใบหน้าที่ทำให้เขาเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ

     


    ส่วนสายตาอีกคู่หนึ่งทำเพียงจดจ้องใบหน้าหวานที่คล้ายว่าจะถูกสร้างมาเพื่อให้ใครซักคนตกหลุมรักเข้าให้

     


    เหมือนเพียงช่วงเวลาเสี้ยววินาทีที่เหตุการณ์พวกนั้นเกิดขึ้น หยดน้ำหยดที่สามตกลงบนถุงพลาสติกเพียงแผ่วเบา แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ยุนกิตกใจปล่อยถุงขนมในมือให้อีกคนถือแล้วถอยห่างออกมายืนหน้าห้องตัวเอง

     



    “ผ--ผมซื้อมันมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า ผมไม่แน่ใจว่ามันจะยังทานได้ไหม ลองดูก่อนนะครับ”

     


    พูดจบไม่ทันจะได้คว้ากุญแจมาไขเข้าห้องเสียงทุ้มของคนนั้นก็เรียกเอาไว้ซะก่อน

     


    “มินยุนกิสินะ ขอบคุณที่ซื้อเค้กข้าวมาให้นะครับ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ปล่อยจนน้ำใจของคุณต้องสูญเปล่า”


     

    “ไม่เป็นไรครับผมไม่ซีเรียสหรอก” ตอบพลางหมุนกุญแจไปครึ่งรอบแต่กลับมีคนขัดขึ้นซะก่อน

     


    “แต่ถ้าไม่เป็นการรบกวน ขึ้นไปทานข้าวกับผมที่ห้องซักนิดไหมครับ เป็นการขอโทษเรื่องที่เสียมารยาทในชุดแบบนี้” ชายผมดำคนนั้นเงียบ “แล้วก็เรื่องขนมต็อกด้วย” เจ้าตัวว่าพร้อมชูถุงพลาสติกในมือขึ้นให้อยู่ในระดับสายตาจะมองเห็น

     



    กุญแจถูกเก็บกางเกงยีนส์สีซีดไปแล้ว ผู้ชายคนนี้บอกมานิดหน่อยว่านี่ไม่ใช่ห้องเขาที่อยู่ แต่นี่เป็นห้องเอาไว้เก็บของเฉยๆ จริงๆเขาอยู่ที่ชั้นบนสุดของตึก

     

     

    ไม่รู้ว่าเพราะหิวข้าวเย็นทั้งที่กินมาแล้วจากร้านสะดวกซื้อ เพราะคิดว่า คนในชุดคลุมอาบน้ำแสนล่อแหลมนั่นเสียมารยาทจริงที่มาแตะตัวเขาจนต้องการมื้ออาหารยามดึกเป็นการขอโทษ

     

    หรือว่าเป็นเพราะรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงกันสวย มันสดใสซะจนนึกว่านี่มันเพิ่งเที่ยงวันกันแน่ และการไปกินข้าวกับใครซักคนตอนเที่ยงคงไม่ใช่เรื่องแย่นัก ถึงจริงๆมันจะสี่ทุ่มแล้วก็เถอะ

     



    ก็คุณจองโฮซอกเขาบอกว่าเขาทำอาหารอร่อยนี่นะ ;)

     

     

     

     

    ยอมรับกันตรงๆว่าขึ้นมาที่นี่เพื่อหวังได้ใจสีเหลืองซักดวง คิดว่าน่าจะได้จากผู้ชายด้วยกันเองบ้างล่ะ ทำอะไรให้เขาตกใจซักหน่อยน่าจะดีนะ อย่างน้อยดีกว่าไปนอนโง่อยู่ที่ห้องตัวเอง แถมได้เทสอีกด้วยว่าจริงๆแล้วเขายังเป็นพ่อมดแน่หรือเปล่า

     

    เพราะตึกนี่มีเพียง 4 ชั้นเท่านั้น จากชั้นที่ยุนกิอยู่จึงขึ้นมาอีกแค่ชั้นเดียว ถึงจะขี้เกียจขนาดไหน อยากจะขึ้นลิฟท์ยังไง แต่ว่าคนที่ชวนมาทานข้าวมื้อดึกเดินนำเขาขึ้นบันไดมาแล้ว จะให้วิ่งไปขึ้นลิฟท์คนเดียวมันก็แปลกไงอยู่นะคุณ

     

     


    ?

     

    “คือคุณจองครับ คือทำไม…” นิ้วขาวชี้ไปที่ผนังด้านหน้าที่มาขวางทางเดิน หมายถึง ส่วนที่ควรจะเป็นทางเดิน แบบ ทางเดินตรงกลางไง มันควรจะมีห้องเยอะๆไหม เหมือนชั้นล่าง ไม่ใช่มีประตูบานเดียวมาขวางทางแบบนี้อ่ะ


     

    ริมฝีปากสีอ่อนเม้มลงก่อนหันหน้าไปหาคนนำทาง เอียงหน้า47องศาพร้อมเลิกคิ้วเชิงขอคำตอบ แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความยิ้มอ่อนของเจ้าตัว ยุนกิขอยาดแปะมีมได้ปะ


     

    “ไม่ได้บอกสินะครับ ว่าชั้นสี่ทั้งชั้น” โฮซอกเงียบไปชั่วครู่ “ของผมทั้งชั้นเลยครับ” ว่าจบก่อนรอยยิ้มจะกว้างกว่าเดิมราวกับภูมิใจซะเต็มที่

     


    เสียงประตูปลดล็อคก็ดังขึ้นต่อจากเสียงกดรหัส ตกใจยังไม่ทันหาย แต่ว่าก็ถูกมือเย็นๆลากเข้าไปในห้องซะแล้ว

     

    ไหล่ถูกกดให้นั่งบนโซฟาสีดำตัวยาว ลูกอมรสพีชสองเม็ดถูกยัดลงมาในมือยุนกิ


     

    “กินซะนะครับคุณมิน เมื่อกี้เจอคุณเลยลืมเลยว่าจะลงไปเอาของชั้นล่าง ไปเอาก่อนนะครับ” ยิ้มโชว์ฟันขาวหนึ่งรอบก่อนวิ่งดุ๊กดุ๊กออกนอกห้องไป หลังจากเสียงเพลงจากตัวล็อคประตูดิจิตอลเงียบ เพราะเกรงใจเกินกว่าจะเดินสำรวจในห้อง มินยุนกิจึงทำได้แค่แกะลูกอมสีหวานในมือเข้าปากไปหนึ่งเม็ด ขาเรียวยืดตรงแล้วเคาะปลายเท้ากับพื้นกระเบื้องลายไม้เป็นจังหวะซ้ำๆ

     

    เชื่อแล้วว่าทั้งชั้น ห้องน่ะ มันใหญ่มากจริงๆนะ.. แค่โซนโถงกลางมันก็กว้างพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นห้องครัว โซนนั่งเล่นที่เขานั่งอยู่ และห้องเล็กๆน้อยๆที่มีผนังหรือกระจกกันกั้น ถูกแบ่งสัดส่วนมาราวกับผ่านออกแบบโดยคนฝีมือดี จริงๆส่วนตัวชูก้าคิดว่าที่คุณจองโฮซอกบอกว่าทั้งชั้นมันก็ไม่ค่อยถูกนัก น่าจะเรียกว่าสองชั้นเลยมากกว่า รวมดาดฟ้าด้วย สังเกตจากเพดานที่สูงกว่าห้องเขาถึงสองเท่า มีกระจกใสบานใหญ่ที่อยู่ส่วนครึ่งบนของผนังทั้งหมด ข้างนอกเป็นเหมือนโซนสวนเล็กๆที่ถูกจัดมาอย่างดี

     

    ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่มันถูกตกแต่งคล้ายกับร้านเสื้อผ้าที่เขาทำงานอยู่เลยล่ะ

     

     

    แต่ไม่ทันได้คิดอะไรมากกว่านั้นเสียงประตูก็ดังขึ้นซะก่อน



    “รอนานไหมครับคุณมิน..ยุนกิ รอผมล้างหน้าซักสองสามนาทีนะครับ เมื่อกี้ครีมล้างหน้าหมดเลยวิ่งลงไปเอาข้างล่างน่ะ” ว่าจบก็หายเข้าไปในห้องน้ำครู่นึง แต่มันก็นานพอที่ยุนกิจะกินลูกอมรสพีชเม็ดแรกในปากละลายไปแล้ว ไม่รอช้าแกะอีกเม็ดใส่ปากทันที

     


    “ก็อร่อยดินิ่” คนพูดเปลี่ยนท่าเป็นนั่งไขว้ห้างแล้วก้มหน้ามองปลายเท้าแล้วฮัมเพลงไปเรื่อย

     

     


     

    “ฮัมเพลงอะไรหรอครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังทำเอายุนกิตกใจเด้งตัวนั่งหลังตรงในวินาทีต่อมา

     


    “คุณจองครับ ผมตกใจนะเนี่ย​!” ผมสีบลอนด์อ่อนสะบัดตามแรงหัน


     

    “โถ่คุณผมล้อเล่นน่า” โฮซอกยิ้มขำเบาๆ “ผมจะทำข้าวผัดกิมจินะ เหลือผัดเท่านั้นล่ะ รอผมหน่อยละกันครับ” อีกคนเดินตรงไปทางห้องครัวที่มีโต๊ะกินข้าวตัวยาวตั้งอยู่ ร่างเล็กเริ่มเข้าใจว่าคงต้องไปทานข้าวที่โต๊ะนั้นมากกว่านั่งทานบนโซฟาและโต๊ะตัวเตี้ย


     

    “อ่าครับ แล้วก็-- เอ่อ…” เสียงนั่นเรียกความสนใจจากร่างโปร่ง “ผมชอบลูกอมน่ะ อร่อยดี” ไม่ทันจะพูดอะไรอีกซองลูกอมสีชมพูอมส้มอ่อนก็วางลงตรงหน้า


     

    “ซื้อมาจากญี่ปุ่นน่ะครับ ทานได้เต็มที่เลยนะ”

     

     


    คุณจองโฮซอกยิ้มจนเห็นลักยิ้มบุ๋มตรงแก้ม

    น่าอิจฉาจังที่มีสเน่ห์มากขนาดนี้ ถ้าเป็นพ่อมดละก็…

     

    คงฮอตใช่ย่อยเลยล่ะมั้ง


     

    ใบหน้าขาววางคางลงบนฝ่ามือ ดวงตาตี่มองแผ่นหลังกว้างในชุดกันเปื้อนสีเขียวขี้ม้า สำหรับความคิดหญิงสาวมันน่าจะ… น่าซบ 


     

    ไม่นานนักเจ้าตัวก็หันมาสบตากับเขา ทำเอายุนกิสะดุ้งเป็นครั้งที่สอง แต่ไม่แรงเท่าครั้งแรก ในมือสวยสองข้างมีข้าวผัดสีแดงอยู่ จานหนึ่งถูกวางลงตรงหน้าของเขาแทนที่ซองลูกอม ร่างสูงนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามแล้วเริ่มตักอาหารฝีมือตัวเองขึ้นมาเป่าดังฟู่ก่อนเอาเข้าปากไปคำใหญ่


     

    “คุณมินไม่ทานหรอครับ” คุณจองที่เพิ่งกลืนข้าวลงคอไปเอ่ยถามทันที ส่วนคนถูกถามทำได้เพียงใช้ลิ้นดุนลูกอมแล้วใช้ฟันหน้าซี่เล็กกัดไว้ให้อีกคนดูเป็นคำตอบ เมื่อเห็นว่าอีกคนมองมาที่ปากแล้วเลยงับเข้าปากไปตามเดิม

     


    “ถ้าละลายหมดแล้วจะ​--”

     


    “ปากคุณสีเหมือนลูกอมเลยเนอะ”

     


    “…” ประโยคที่หลุดออกมาจากปากอีกคนทำเอายุนกิชะงัก ไม่ชินที่มีผู้ชายด้วยกันมาชมอะไรแบบนี้ แต่ประโยคต่อไปมากกว่าทำให้คนตัวขาวนิ่งเป็นตุ๊กตาปั้น

     


    แล้วปากคุณจะหวานเหมือนกันไหมนะ


     

    คุณโฮซอกพูดออกมาแบบนั้น ดวงตาที่หยีเป็นพระจันทร์เสี้ยวคว่ำจากรอยยิ้มมองมาที่คนตัวเล็กอย่างเป็นมิตร

     

     

    มิตรบ้ามิตรบออะไรล่ะ! มิตรที่ไหนเขาสงสัยกันว่าปากสหายหวานไหม

     

     

    “อา คงตกใจสินะครับ ผมล้อเล่นน่า” เสียงทุ้มหลุดขำจากสีหน้าของอีกคนพลางลูบหน้าตัวเองไปด้วย ดวงตาระหว่างเรียวนิ้วมองมาที่ยุนกิอย่างยิ้มๆ


     

    “โธ่ตกใจสิครับคุณ ไม่ให้ตกใจยังไงไหวล่ะ” จองโฮซอกค้างอยู่ท่านั้นชั่วครู่ก่อนจะกลับมาตักข้าวผัดในจานหลังเห็นว่าคนตัวขาวเริ่มตักอาหารฝีมือเขาในจานเข้าปากแล้ว


     

    “รสจัดเหมือนกันนะเนี่ย” มินยุนกิเอ่ยออกมาตั้งที่ยังเคี้ยวข้าวตุ่ย “ถูกปากผมนะ ผมชอบกินรสชาติแบบนี้แหละ” ข้าวคำต่อไปเข้าไปแทนที่คำก่อนหน้าถูกกลืนลงคอเมื่อกี้

     


    “งั้นก็ขึ้นมาทานบ่อยๆก็ได้นะครับ”



    “บ้า จะให้ผมขึ้นมารบกวนคุณทานข้าวบ่อยๆได้ยังไงเล่า”

     


    “น่า ขึ้นมาเถอะครับ ผมเต็มใจ”

     

     


    ไม่มีเสียงแหบของมินชูก้าตอบกลับไป มีเพียงเสียงช้อนกระทบกับจานเซรามิก ดูเหมือนว่าอาหารที่จองโฮซอกทำมันจะถูกใจมินยุนกิน่าดู

     

    แถมไม่รู้ตัวด้วยว่าถูกสายตาอีกคู่มองอยู่พักหนึ่งแล้ว

     

     


    คนอะไรวะ โคตรน่ารักเลย

     

     

    จองโฮซอกคิดแบบนั้น

     

     

     

     

     

     

     

    เมื่อคืนหลังจากนายมินชูก้าช่วยคุณจองโฮซอกล้างจานเสร็จก็ลงข้างล่างอาบน้ำนอนทันที มันดึกเกินกว่าจะติดต่อไปที่โลกเวทย์มนต์เรื่องหัวใจที่เขาสมควรได้รับจากเด็กสาวคนเมื่อวานแต่เขาไม่

     

    อีกอย่างเมื่อวานเขาได้หัวใจสีเหลืองมาหนึ่งดวงจากคุณจองชั้นสี่(ทั้งชั้น) เนื่องจากคุณมินชั้นสาม(ห้อง309ด้วย)ทำจานแตกไปหนึ่งใบถ้วน เย้

     

    ก็เสียค่าเสียหายไปตามระเบียบ ถึงแม้ว่าคุณจองจะบอกไม่ต้องก็เถอะ

     

     


    จากนั้นอีก2-3วันหน้าที่ภายในร้านเสื้อผ้าของมินยุนกิก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะคนที่จีมินเรียกว่าบอสยังไม่โผล่มาที่ร้านซักที คนร่างไซส์เล็กกว่าเขาบอกว่าบอสเป็นแบบนี้ตลอดเวลาอยากออกเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ คาดว่าน่าจะหายไปหาแรงบันดาลใจ ตัวจีมินเองในฐานะที่เป็นรุ่นน้องคนสนิทกับเจ้าของร้านมาตั้งแต่ตอนเปิดแรกๆ การควบคุมร้านทั้งหมดโดยไม่มีเจ้านายมาคอยคุมอีกทีไม่ใช่เรื่องยากมากมาย

     

    ส่วนความสัมพันธ์ของตัวเองกับคุณคนผมดำชั้นสี่เหมือนว่าจะพัฒนาจนเรียกอีกคนว่าโฮซอกเฉยๆแทนคำว่าคุณจองได้แล้ว และก็รู้มาว่าอายุมากกว่าอายุของยุนกิในโลกมนุษย์อยู่หนึ่งปี แต่อายุเท่ากันถ้าเทียบตามอายุในโลกเวทย์มนต์ เหมือนว่าเจ้าตัวจะชอบใจน่าดู วันๆเอาแต่ยิ้มจนปากเป็นรูปหัวใจแล้วก็บอกว่า ยุนกิอา เรียกฉันว่าโฮซอกฮยองสิ!

     


    จะบ้ารึไง ทำไมต้องเรียกคนแบบนั้นว่าฮยองด้วยเนี่ย มันน่าเคารพที่ไหนกัน /กอดอก

     

     

    วันนี้เป็นอีกวันโฮซอกเรียกมินยุนกิขึ้นไปเล่นกันบนห้อง เจ้าคนนั้นเหมือนคนต้องการความรักเอามากๆ ทั้งที่ก็ทำตัวเหมือนว่าจะได้รับความรักเยอะอยู่แล้วแท้ๆ

     


    สเน่ห์แบบนั้นน่ะ

    แค่กระดิกนิ้วก็คนเข้าหาเยอะแยะแน่นอน น่าอิจฉาจังเลยนะ


     

    ตอนนี้เป็นคืนวันเสาร์ คงมีเวลาอีกเยอะที่จะได้เล่นอะไรคลายความเครียดกับผู้ชายที่ดูสดใสกว่าสีผมดำสนิทบนศีรษะตัวโฮซอกเอง

     

    จริงๆช่วงสองสามวันที่ผ่านมาตัวมินยุนกิเองก็ได้เพียงหัวใจสีเหลืองจากผู้ชายหลายๆคน บางครั้งตาฝาดด้วยว่าเห็นใจสีส้ม… จากผู้ชายเนี่ยนะ รักแรกเนี่ยนะ บ้าไปแล้วล่ะ ส่วนตัวก็คิดว่าตาฝาดจริงๆนั่นแหละ จึงทำได้แต่เก็บมาก่อน

     

    แต่ที่น่าแปลกคือช่วงนี้เขาเก็บใจจากผู้หญิงมาไม่ได้ซักดวงเลย แม้กระทั่งสีเหลืองก็เถอะ คิดว่าพรุ่งนี้จะติดต่อไปเช็คกับโลกนู้นนิดหน่อย ที่ผลัดมาหลายวันเพราะเลิกงานเย็น แล้วก็ถูกจองโฮซอกกวนมาตลอดนั่นแหละ

     

    พอเห็นสายตาที่กะตือรือร้นอยากจะเล่นด้วยกันแบบนั้น ทำเอาปฏิเสธไม่ลง

     


     

    เรียวขาสวยกว่าผู้ชายทั่วไปในกางเกงผ้านิ่มสั้นเท่าเข่ากำลังก้าวขึ้นบันไดตรงสุดทางเดินเพื่อขึ้นชั้นสี่ เพราะถูกโฮซอกมาลากผ่านทางนี้ขึ้นไปทุกวันจนชินไปแล้ว

     

    มือขาวกดกริ่งหน้าห้องไปหนึ่งครั้ง ไม่ถึงเสี้ยววินาทีเสียงปลดล็อคประตูเป็นทำนองเพลงสั้นๆก็ดังขึ้นราวกับมีคนรอกดเปิดอยู่ด้านหลังประตูอยู่แล้ว

     


    “ยุนกิอา มาแล้วหรอ” โฮซอกถอยออกจากบริเวณหน้าประตูก่อนจะโค้งตัวแล้วผายมือเชิญเขาเข้าไป

     


    “มากไปๆ ไหน วันนี้เล่นอะไรน่ะ” ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนโซฟาสีดำตัวเดิมที่เคยนั่งเมื่อวันแรก “วันนี้อาบน้ำมาแล้วถึงมาห้องนาย เล่นยาวๆได้เลย”

     


    มินยุนกิเอนตัวลงบนหนังนิ่มสีเข้มรอคำตอบ อาจจะเป็นเพราะนิสัยของจองโฮซอกที่ทำเหมือนสนิทกับเขามานานแรมปี ถึงสนิทกันไวแล้วก็ทำให้เขาผ่อนคลายได้ขนาดนี้

     


    “เล่นทายคำกัน เดี๋ยววันนี้พายุนกิอาดูหนังด้วยล่ะ” โฮซอกสวมสลิปเปอร์เดินเตาะแตะไปหยิบไอแพดมาเปิดแอพพลิเคชั่นอะไรซักอย่างที่พ่อมดอย่างเขาไม่รู้จัก มือเรียวคว้าที่คาดผมมาคาดเพื่อไม่ให้ปรอยผมสีดำ(ที่มินยุนกิว่ามันโคตรจะเหมาะกับโฮซอก)ลงมาปรกหน้าก่อนจะเริ่มกดสตาร์ทเกม

     


    โฮซอกทำเขาขำจนปวดกรามไปหมดแล้ว แถมยังเสียงดังจนเขาปวดหูด้วย

     

    จริงๆยุนกิก็ไม่ได้คิดว่าเกมมันยากอะไรจนกระทั่งโฮซอกเลือกหมวดยี่ห้อสินค้ามาเล่น

    แหงสิ เขาไม่ได้มาที่โลกมนุษย์ได้บ่อยๆนี่ มาทีก็ลืมไปหมดแล้ว

     

    มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่หรอกถ้าเขาไม่ได้ตกลงรับคำของโฮซอก ไปว่าถ้าแพ้ตานี้จะยอมทำตามที่อีกคนบอกหนึ่งอย่าง รู้งี้เล่นหมวดท่าทางต่อไปซะก็ดี หึ่ย

     

     

    “ไหน ว่าไง นายจะให้ฉันทำอะไรล่ะ” นิ้วขาวหยิบลูกอมรสพีชแบบเดิมที่เคยกินเข้าปาก ก่อนจะดุนมันไว้ข้างกระพุ้งแก้ม

     


    “ก็บอกว่าให้เรียกโฮซอกฮยองไงเล่า… รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา”


     

    ไม่นานนักอีกคนก็กลับมาพร้อมอะไรซักอย่างหน้าตาเหมือนเส้นผมเป็นกองๆขยุ้มๆมา มันดูเยอะจนบังมือสวยของโฮซอกจนมิด ส่วนอีกข้างถือกระปุกอะไรไม่รู้กับแท่งสีน้ำตาลเล็กคล้ายปากกากับ… กับอะไรซักอย่างอีกแล้ว มันหน้าตาคล้ายพวกอุปกรณ์แต่งหน้าของผู้หญิง ที่โลกแม่มดก็มี แต่ยุนกิไม่ใส่ใจเองมากกว่า


     

    แล้วก็-- ที่คาดผมหูแมว?

    บ้าบอน่า เอามาเพื่อ?


    /ยุนกิ เอาปากกาเขียนเครื่องหมายคำถามบนหน้าผากตัวเองสามตัว

     


    คงไม่…

     

     

    “ฉันเอามาให้ยุนกิใส่ มันคงเหมาะกับนายน่าดูเลยนะ” โฮซอกวางของในมือลงบนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยหน้าโซฟา “อยากเห็นยุนกิแต่งหน้าดูน่ะ



     

     “ห๊ะ อะไรนะ!





    ใครก็ได้เอาชูก้ากลับห้องที แง้








    -----------------------------------------------------


    หน้ามืดได้พล็อตนี้มาเพราะว่าไปอ่านฟิคที่ชูก้าถูกเรียกชื่อติดกัรหลายๆรอบ แบบ ชูก้าชูก้าชูก้า เปิดเวิร์ดแต่งซะเลย แต่กว่าจะจบตอนแรก เอ้อ 555555 เรื่องเดินเร็วนิดนึงนะคะเพราะว่าคงไม่เกิน5ตอนจบ ไม่รู้ว่าจะงงกันมั้ยว่ามันยังไง นี่ก็ไม่ได้ดูการ์ตูนเรื่องนี้นานมากแล้วค่ะ เนื้อเรื่องไม่เป๊ะเยย แง้ง  ตอนหน้าอาจจะได้เห็นมินชูก้าแปลงร่างกันแล้ว! 55555555 ยังไงก็ฝากด้วยนะคับ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×