ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ฝันร้ายของยายมารร้าย
                      ตอน๑
ณบ้านเกริกเกียรตินิมิตรนุกุล ที่เป็นที่อยู่อาศัยของหม่อมสุดประเสริฐเลิศประไพ และหลานรักคุณชายบรรเจิด คุณชายบรรเจิดนั้นเป็นบุคคลที่ถูกเลี้ยงมาอย่างเป็นผู้ดีทุกตารางมิลิ ไมโคร พิโก นาโนนิ้วทีเดียว
คุณชายบรรเจิดนั้นเป็นคนที่มีรูปร่างค่อนข้างเตี้ย คือสูง150แล้วน้ำหนัก56 ส่วนลักษณะอย่างอื่นนั้นบ่งบอกถึงความเป็นผู้ดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผิวที่ขาวเนียนละเอียดยังกับฉาบด้วยปูนตราเสือพลัส หน้าตาที่ไม่มีแม้แต่รอยสิวผ้าเพราะใช้ผงพอกหน้าตรานางมารหน้าขาวมาโดยตลอด นิ้วมือที่เรียวงามได้รูป ผมที่ดำราวกับสีเครือบรถ พร้อมทั้งบุคลิกที่เรียบร้อยดุจผ้าที่ซัก อบ รีด ด้วยไฟไลน์น้ำยารีดเรียบลื่นจนคูณสัมผัสได้ แล้วพับด้วยกระบวนท่าเส้าหลินซอคเกอร์ พร้อมทั้งเก็บวางอย่างดี จนทำให้เขากลายเป็นคุณช๊ายคุณชายแห่งบ้านเกริกเกียรตินิมิตรนุกุล
“บรรเจิด..ร้อยพวงมาลัย  รภัสพรพรหมหาราชนิเวศน์นุกุลยเกศเกล้าฟ้าพสุธาดิน  เสร็จรึยังจ๊ะหลานสุดรักของหม่อมยาย”      (โหชื่อพวงมาลัยเนี้ยนะ!!!สุดๆ โคตรเว่อร์เลย  +-+)
        “จะว่ากระไรได้ขอรับหม่อมยาย อันกระผมนี้คาดว่าการที่กระผมจะนั่งร้อยมวลเหล่าดอกมะลิ ให้เกิดเจริญงอกงามกลายเป็นพวงมาลาอันสวยสด นี้ต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร เพราะหากว่ากระทำการโดยเร็วแล้ว ก็เกรงว่าเหล่าดอกไม้ จะพากันชอกช้ำรันทดระทนทรวงนะค่ะหม่อมยาย”  (เอ่อคือคุณชายของเราไม่ใช่กระเทยนะค่ะเพียงแต่ออกจาเรียบร้อยแบบผิดมนุษย์มนามากไปหน่อยอะ .อิอิอิ)
“หลานรัก หม่อมยายว่าวันพรุ่งเจ้าควรเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนตามแบบสามัญชนทั่วไปได้แล้วนะ หาไม่แล้วเจ้าอาจไม่มีสังคมกับเพื่อนมนุษย์ก็เป็นได้”
ทันทีทันใดนั้นคุณชายบรรเจิดก็นึกถึงคำพูดของนางเอกลิเกที่ได้ชมมาเมื่อตอนเย็น (หม่อมยายเป็นผู้หญิงสมัยโบราณที่ติดลิเกเป็นชีวิตจิตใจโดยเฉพาถ้าคณะใดมีพระเอกหล่อด้วยแล้วหม่อมยายแทบจะไม่พลาดการแสดงนั้นเลย และทุกครั้งก็มักจะพาหลานชายสุดที่รักไปด้วนเสมอ ทำให้คุณชายของเราเลยติดลิเกไปด้วย)
“ว่ากระไรนะค่ะหม่อมยาย หม่อมยายไฉนเลยจึงไม่พิศวาสในตัวหลานรักคนนี้แล้วรือจึงได้ผลักไสไล่สงไปยังที่อื่น หรือหม่อมยายจะลืมความหลังที่เรามีให้กันมาแต่ครั้นเก่าก่อน” คุณชายบรรเจิดส่งสายตาหยาดเยิ้มส่องสาดกระเส็นกระเด็นกระดอนไปยังหม่อมยายจนมดที่ไต่ดอกไม้ต่างพากันชอล์กตายด้วยโรคเบาหวาน
“เปล่าเลยหลานรัก หากเจ้ายังอยู่ ยายเกรงว่าเจ้าจะไม่มีสังคมเสมือนคนอื่นเค้า ยายกลัวเหลือเกิน ว่าอนาคตของหลานอาจไม่เป็นไปอย่างที่ยายหวังไว้ หรือเจ้าอาจต้องลำบาก”หม่อมยายทำท่าสะอึกสะอื่นพลางนึกว่าตัวเองกำลังเป็นนางเองลิเกตอนจัทรโครบจากนาง
“ในเมื่อหม่อมยายเป็นห่วงกระผมถึงขนาดนี้นะคะ กระผมจะยอม ยอมลาจากสถานที่แห่งนี้เพื่อหม่อมยายอันเป็นที่รัก” คุณชายพูดพลางนึกว่าตัวเองเป็นโกโบลิ
เช้าวันแรกของการเรียนที่โรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่ง
(โรงเรียนสาธิตมักจะมีการเรียนที่เป็นอิสระเหมือนมหาลัย และให้นักเรียนสามารถแสดงออกทางความคิดได้อย่างอิสระ จนบางครั้งก็อิสระจนเกินขอบเขต)
“ตูม !!!!  “เสียงเดินตกท่อของสาวสุดโหดประจำโรงเรียน เธอมีชื่อว่าพิน เธอเป็นหัวหน้าแก็งเด็กผู้หญิงที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนที่ทุกคนต่างต้องก้มหัวให้ แต่ถึงแม้เธอจะแสบแค่ไหนเธอก็มีพฤติกรรมเปิ่นๆอยู่เสมอๆ  และตอนนี้เธอกำลังเรียนอยู่ในชั้นม.5 
แล้วตอนนี้เด็กรุ่นน้องรุ่นพี่ต่างพากันหัวเราะความเปิ่นของเธอเหมือนทุกวัน
“เฮย!!!พวกแกขำหาวิมานอะไรมิทราบ อยากตายไง หุบปากเน่าๆของแกซะ”  ทันทีที่พินออกปากด่า ก็เหมือนว่าเสียงหัวเราะนั้นจะหยุดลงเพราะกลัวสิ่งที่จะตามมา แน่นอนยัยพินของเราไม่มีทางถูกหัวเราะคนเดียวแน่  และวันนี้เธอก็พกหม้อมาโรงเรียน ทำไมนะหรอก็เธอมักจะเดินตกท่อทุกวันและเธอก็มักจะถูกหัวเราะทุกวัน มันทำให้เธอรู้สึกขายขี้หน้ามากเพราะเธอคือพินหัวหน้าแก็งผู้ยิ่งใหญ่แห่งโรงเรียนสาธิต และหม้อนี่ก็เป็นเครื่องมือแก้แค้นอย่างดีซะด้วย
ใช่แล้วเธอสาดน้ำในท่อไปทางฝั่งนักเรียนที่หัวเราะเธอ
“เฮย  ทำไรอะ    อยากเดินตกท่อเองก็อย่ามาพาลเดะ”เสียงนักเรียนที่โนสาดร้องขึ้น
“เออ ..จะได้รู้ว่าคนที่เดินตกท่อเนี่ยมันรู้สึกยังไง”พร้อมทั้งสาดแบบไม่ยั้งไปทางคนเหล่านั้น แล้วเรื่องก็จบลงที่เดิมที่กิจการนักเรียนตามเคย
“ทำไมเธอทำแบบนี่ เธอไม่รู้เลยใช่ไหมว่าเธอมีหน้าที่เรียนไม่ใช่มาทำเรื่องพันนี้ พ่อแม่ของเธอส่งพวกเธอมาเรียน 
เข้าใจไหม .”และการสวดก็มีแบบต่อเนื่องและยืดยาวยิ่งกว่าการท่องชินปัญชรหมื่นจบ หรือเทศน์มหาชาติที่ป่าช้าหลังวัดดอน
“ซวย..ชิบหายเลยวันนี้ไม่น่าเจอแฮมทาโร่แต่เช้าเลย” พินบ่น(แฮมทาโร่เป็นอาจารย์ที่ชอบลากนักเรียนขึ้นกิจการนักเรียนเสมอๆ และวันนี้เขาก็เป็นคนที่ส่งเธอไปขึ้นกิจการนักเรียน)
“แล้วแกเป็นบ้าอะไรวะ ตกท่ออยู่ได้ทุกวันไม่เบื่อบ้างไง ” แพรเพื่อนที่สนิทที่สุดของพินถามขึ้น
“แล้วใครว่าฉันอยากตกลงไปเล่า ก็ไอ้ท่อแม่งดันสะเออะมาวางตกที่เท้าฉันตอนจะก้าวทุกทีนี่หว่า”
“เออๆๆ ..ฉันไม่อยากจะเถียงกับแกแล้ว แกไปล้างเอาไอ้กลิ่นทุเรศๆนี้ออกเลย ไอ้ที่ติดกับเท้าแกอะเดี๋ยวแกจะเป็นเชื้อราบนพระบาทา  ขี้เกียจพาแกไปหาหมอวะบอกตรงๆ”
“เออ .ก็คิดๆอยู่”แล้วพินสาวโหดของเราก็เดินทางไปยังสถานที่ที่เราเรียกกันว่าสุขาวดี หรือส้วม แต่มันไม่ใช่ส้วมธรรมดาเพราะเธอมักจะบ่นว่าส้วมที่โรงเรียนเหม็นอยู่เสมอ ดังนั้นส้วมที่เธอจะใช้ต้องเป็นส้วมที่ห้องครูใหญ่เท่านั้น
และขณะที่เธอกำลังล้างผ่าพระบาทาของเธออยู่นั้น
“ดิฉันฝากหลานอันเป็นที่รักด้วยนะค่ะ”
“ได้ครับทางโรงเรียนของเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้หลานท่านมาเป็นนักเรียนครับ”บทสนทนาประจบสอพลอยังมีต่อไปอีกยืดยาวแต่ก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของพินเลยซักนิด
“เฮย แพรไม่ต้องตามฉันไม่ชอบเรียนอังกฤษไง”พินพูดเพราะรู้สึกเหมือนมีใครมาสะกิดเธอ
“เฮยก็บอกแล้วไง ไม่ไปๆ  เอ๋วันนี้เธอพูดไม่รู้เรื่องเลยหรอ”พิณพูดขึ้นอีกเพราะรำคาญมือที่มาสะกิดแต่หารู้ไม่ว่าแพรรีบกลับไปเรียนวิชาโปรดของเธอนานแล้ว
“เฮยก็แล้วไงว่า ”พินพูดพร้อมหันไปง้างมือทำท่าจะต่อยเต็มที่แต่แล้ว
เธอก็รู้สึกเหมือนฟันเหล็กของเธอชนกับอะไรเข้าอย่างจัง  แต่แล้วเธอก็พบว่าไอ้สิ่งที่ฟันของเธอชนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตตัวผู้
“จึก  กรีด ”เสียงกรีดของพินและนายคนนั้น ซึ่งที่จริงแล้วก็คือคุณชายบรรเจิดก็ดังขึ้น
และแล้วคุณชายบรรเจิดของเราก็เป็นลมล้มฟุบไปอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาว
“ว้าย เจิดหลานรักของยาย ..เธอ .เธอ ..ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เธอทำลงไปวันนี้”
เสียงหม่อมยายดังขึ้นแต่เหมือนไม่ได้ไปกระทบความรู้สึกของพินเลยแม้แต่น้อย เธอเอาแต่ส่องดูกระจกและดูว่าเหล็กของเธอที่ติดอยู่กับฟันนั้นชำรุดไหม  เมื่อเธอพบว่าเหล็กของเธออยู่ในสภาพปรกติดีจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“เท่าไร ..”
(เนื่องจากทางบ้านเธอค่อนข้างมีฐานะเธอจึงมักทำแบบนี้เสมอเวลาที่เธอเป็นผู้ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย เนื่องจากเรื่องมักจะจบอย่างง่ายดายและรวดเร็วด้วยเงินที่อาจจะมากสำหรับคนอื่นแต่น้อยนิดสำหรับพินสูกสาวคนเดียวของประธานบริษัท  n&n  กรุ๊ปที่มีสาขาทั่วโลก แต่รู้สึกว่าครานี้เธอจะคิดผิด)
“เธอคิดว่าฉันเป็นใคร เงินเหล่านั้นไม่สามารถซื้อฉันได้หรอกนะ ยิ่งกับสิ่งที่เธอทำกับหลานชายอันเป็นที่รักของฉันแล้วเธอต้องรับผิดชอบ”
“แล้วป้าฟูจะเอาไงอะ .ฉันไม่มีเวลาพอจะมาสาทยายอะไรไร้สาระกับสิงโตแก่หรอกนะ”
(วันนี้หม่อมยายทำผมทรงที่เราสามารถเห็นในข่าวทีวี หรือข่าวไฮโซทั่วไป  นั่นคือทรงที่คนไฮโซที่มีอายุมักจะทำลักษณะจะเป็นทรงผมทรงฟูฟ่องเสมือนว่าจะแข่งกันว่าใครฟูกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ และแน่นอนวันนี้หม่อมยายชนะชาด เพราะฟูยิ่งกว่ากระด้งที่ตีพับๆๆอยู่กับกระหังเสียอีก)
“เธอ .ในฐานะที่เธอทำให้หลานชั้นเสียความบริสุทธิผุดผ่อง และทำให้ใบหน้าเขาแปดเปื้อนเป็นคนแรก”
“ไรอะป้าสิง ..พล่ามอยู่ได้เข้าประเด็นเลยดิ  แบบรำคาญอะ”พินพูดพลางกดเกมรถแข่งในมือถือของเธอเล่นอย่างสบายใจ
“อื่มได้ เธอต้องปกป้องดูแลเค้าไม่ให้เป็นอะไรแม้แต่ปลายผม”
“เออป้า เรื่องแค่นี่ใช่ปะ .โหทามไมจบง่ายจังวะ”
“ยังก่อน ..แสดงว่าเธอยังไม่เข้าใจที่ฉันพูด ฉันหมายความว่าเธอต้องรับผิดชอบชีวิตเขาไงละ”
“โห .ตกสะพานเลย .ว้าแย่จัง โอ้ยหิวจัง    อ้า ไอศครีมคาราเมล .ไก่ทอด .”  และขณะที่พินพร่ามไปนั้น
“เธอต้องแต่งงานกับหลานฉัน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
      ตอนนี้พินมีความรู้สึกเหมือนใครเอาสายไฟฟ้าแรงสูงแสนวัตต์มาวางพาดที่ตัวเธอทุกอย่างในเวลานี้มันชั่งอื้ออึงไปหมด ยิ่งกว่าเอาหัวไปมุดระฆังในวัดพระแก้วแล้วตีระฆังนั้นด้วยค้อนป้อน เธอรู้สึกงงงันยิ่งกว่าเธอไม่มีเงินเล่นเกมracknarock แต่ในที่สุด
    “แล้วถ้า ..ฉันไม่แต่งอะจะทามไม”  *=*
    “ก็ไม่ทำไมหรอก  แต่เรื่องที่เธอจับแมวติดจรวด  ระเบิดส้วม  และเออ ”
    “นี่ยัยแหนมป้าย่ย    รู้ได้ไงอะ      -_-  รึว่าเลี้ยงกุมาร”
    “ฉลาดไงละ  ยัยอ่อน  เธอนะยังอ่อนนักนังหนู”
ทันใดนั้นคำพูดในโฆษณาก็ปรากฏในหัวพิน
“ชิชะเดี๋ยวนี้ทำอวดเก่ง ไม่โตัวเองชะช้านังเด็กเมื่อวาดซืน”แล้วภาพเธอถูกหม่อมยายไล่ตีก็ลอยมา โดยเธอใส่ชุดเด็กมัดจุกวิ่งหนีไปทั่ว
“เฮย!!!!!!!!! ..สยองวะ  ..”เธอตะโกนขึ้นมาสุดเสียงราวกับว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้ตะโกนอีก
“ฉันรู้นะว่าพ่อแม่เธอไม่เคยรู้ว่า    หล่อนทำตัวแบบไหนเวลาที่ไม่มีพวกเค้าอยู่ ..และและฉันก็เชื่ออีกว่าเธอก็คงไม่อยากให้พ่อแม่ของเธอรู้ด้วย”  หม่อมยายยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ เสมือนถือไพ่เหนือกว่า
“โอ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!นี่มันวันห่าอะไรไรวะเนี้ย”  เธอตะโกนสุดเสียงและมันดังมากกว่า
ชุดเครื่องเสียงตราแฟมิลี่ติดที่ลำโพงกระจายห้าทิศทาง  ซึ่งมากเพียงพอที่จะทำให้อึ่งอางคางคกตื่นออกมาร่วมประสานเสียงกันอย่างมีความสุข
ณบ้านเกริกเกียรตินิมิตรนุกุล ที่เป็นที่อยู่อาศัยของหม่อมสุดประเสริฐเลิศประไพ และหลานรักคุณชายบรรเจิด คุณชายบรรเจิดนั้นเป็นบุคคลที่ถูกเลี้ยงมาอย่างเป็นผู้ดีทุกตารางมิลิ ไมโคร พิโก นาโนนิ้วทีเดียว
คุณชายบรรเจิดนั้นเป็นคนที่มีรูปร่างค่อนข้างเตี้ย คือสูง150แล้วน้ำหนัก56 ส่วนลักษณะอย่างอื่นนั้นบ่งบอกถึงความเป็นผู้ดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผิวที่ขาวเนียนละเอียดยังกับฉาบด้วยปูนตราเสือพลัส หน้าตาที่ไม่มีแม้แต่รอยสิวผ้าเพราะใช้ผงพอกหน้าตรานางมารหน้าขาวมาโดยตลอด นิ้วมือที่เรียวงามได้รูป ผมที่ดำราวกับสีเครือบรถ พร้อมทั้งบุคลิกที่เรียบร้อยดุจผ้าที่ซัก อบ รีด ด้วยไฟไลน์น้ำยารีดเรียบลื่นจนคูณสัมผัสได้ แล้วพับด้วยกระบวนท่าเส้าหลินซอคเกอร์ พร้อมทั้งเก็บวางอย่างดี จนทำให้เขากลายเป็นคุณช๊ายคุณชายแห่งบ้านเกริกเกียรตินิมิตรนุกุล
“บรรเจิด..ร้อยพวงมาลัย  รภัสพรพรหมหาราชนิเวศน์นุกุลยเกศเกล้าฟ้าพสุธาดิน  เสร็จรึยังจ๊ะหลานสุดรักของหม่อมยาย”      (โหชื่อพวงมาลัยเนี้ยนะ!!!สุดๆ โคตรเว่อร์เลย  +-+)
        “จะว่ากระไรได้ขอรับหม่อมยาย อันกระผมนี้คาดว่าการที่กระผมจะนั่งร้อยมวลเหล่าดอกมะลิ ให้เกิดเจริญงอกงามกลายเป็นพวงมาลาอันสวยสด นี้ต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร เพราะหากว่ากระทำการโดยเร็วแล้ว ก็เกรงว่าเหล่าดอกไม้ จะพากันชอกช้ำรันทดระทนทรวงนะค่ะหม่อมยาย”  (เอ่อคือคุณชายของเราไม่ใช่กระเทยนะค่ะเพียงแต่ออกจาเรียบร้อยแบบผิดมนุษย์มนามากไปหน่อยอะ .อิอิอิ)
“หลานรัก หม่อมยายว่าวันพรุ่งเจ้าควรเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนตามแบบสามัญชนทั่วไปได้แล้วนะ หาไม่แล้วเจ้าอาจไม่มีสังคมกับเพื่อนมนุษย์ก็เป็นได้”
ทันทีทันใดนั้นคุณชายบรรเจิดก็นึกถึงคำพูดของนางเอกลิเกที่ได้ชมมาเมื่อตอนเย็น (หม่อมยายเป็นผู้หญิงสมัยโบราณที่ติดลิเกเป็นชีวิตจิตใจโดยเฉพาถ้าคณะใดมีพระเอกหล่อด้วยแล้วหม่อมยายแทบจะไม่พลาดการแสดงนั้นเลย และทุกครั้งก็มักจะพาหลานชายสุดที่รักไปด้วนเสมอ ทำให้คุณชายของเราเลยติดลิเกไปด้วย)
“ว่ากระไรนะค่ะหม่อมยาย หม่อมยายไฉนเลยจึงไม่พิศวาสในตัวหลานรักคนนี้แล้วรือจึงได้ผลักไสไล่สงไปยังที่อื่น หรือหม่อมยายจะลืมความหลังที่เรามีให้กันมาแต่ครั้นเก่าก่อน” คุณชายบรรเจิดส่งสายตาหยาดเยิ้มส่องสาดกระเส็นกระเด็นกระดอนไปยังหม่อมยายจนมดที่ไต่ดอกไม้ต่างพากันชอล์กตายด้วยโรคเบาหวาน
“เปล่าเลยหลานรัก หากเจ้ายังอยู่ ยายเกรงว่าเจ้าจะไม่มีสังคมเสมือนคนอื่นเค้า ยายกลัวเหลือเกิน ว่าอนาคตของหลานอาจไม่เป็นไปอย่างที่ยายหวังไว้ หรือเจ้าอาจต้องลำบาก”หม่อมยายทำท่าสะอึกสะอื่นพลางนึกว่าตัวเองกำลังเป็นนางเองลิเกตอนจัทรโครบจากนาง
“ในเมื่อหม่อมยายเป็นห่วงกระผมถึงขนาดนี้นะคะ กระผมจะยอม ยอมลาจากสถานที่แห่งนี้เพื่อหม่อมยายอันเป็นที่รัก” คุณชายพูดพลางนึกว่าตัวเองเป็นโกโบลิ
เช้าวันแรกของการเรียนที่โรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่ง
(โรงเรียนสาธิตมักจะมีการเรียนที่เป็นอิสระเหมือนมหาลัย และให้นักเรียนสามารถแสดงออกทางความคิดได้อย่างอิสระ จนบางครั้งก็อิสระจนเกินขอบเขต)
“ตูม !!!!  “เสียงเดินตกท่อของสาวสุดโหดประจำโรงเรียน เธอมีชื่อว่าพิน เธอเป็นหัวหน้าแก็งเด็กผู้หญิงที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนที่ทุกคนต่างต้องก้มหัวให้ แต่ถึงแม้เธอจะแสบแค่ไหนเธอก็มีพฤติกรรมเปิ่นๆอยู่เสมอๆ  และตอนนี้เธอกำลังเรียนอยู่ในชั้นม.5 
แล้วตอนนี้เด็กรุ่นน้องรุ่นพี่ต่างพากันหัวเราะความเปิ่นของเธอเหมือนทุกวัน
“เฮย!!!พวกแกขำหาวิมานอะไรมิทราบ อยากตายไง หุบปากเน่าๆของแกซะ”  ทันทีที่พินออกปากด่า ก็เหมือนว่าเสียงหัวเราะนั้นจะหยุดลงเพราะกลัวสิ่งที่จะตามมา แน่นอนยัยพินของเราไม่มีทางถูกหัวเราะคนเดียวแน่  และวันนี้เธอก็พกหม้อมาโรงเรียน ทำไมนะหรอก็เธอมักจะเดินตกท่อทุกวันและเธอก็มักจะถูกหัวเราะทุกวัน มันทำให้เธอรู้สึกขายขี้หน้ามากเพราะเธอคือพินหัวหน้าแก็งผู้ยิ่งใหญ่แห่งโรงเรียนสาธิต และหม้อนี่ก็เป็นเครื่องมือแก้แค้นอย่างดีซะด้วย
ใช่แล้วเธอสาดน้ำในท่อไปทางฝั่งนักเรียนที่หัวเราะเธอ
“เฮย  ทำไรอะ    อยากเดินตกท่อเองก็อย่ามาพาลเดะ”เสียงนักเรียนที่โนสาดร้องขึ้น
“เออ ..จะได้รู้ว่าคนที่เดินตกท่อเนี่ยมันรู้สึกยังไง”พร้อมทั้งสาดแบบไม่ยั้งไปทางคนเหล่านั้น แล้วเรื่องก็จบลงที่เดิมที่กิจการนักเรียนตามเคย
“ทำไมเธอทำแบบนี่ เธอไม่รู้เลยใช่ไหมว่าเธอมีหน้าที่เรียนไม่ใช่มาทำเรื่องพันนี้ พ่อแม่ของเธอส่งพวกเธอมาเรียน 
เข้าใจไหม .”และการสวดก็มีแบบต่อเนื่องและยืดยาวยิ่งกว่าการท่องชินปัญชรหมื่นจบ หรือเทศน์มหาชาติที่ป่าช้าหลังวัดดอน
“ซวย..ชิบหายเลยวันนี้ไม่น่าเจอแฮมทาโร่แต่เช้าเลย” พินบ่น(แฮมทาโร่เป็นอาจารย์ที่ชอบลากนักเรียนขึ้นกิจการนักเรียนเสมอๆ และวันนี้เขาก็เป็นคนที่ส่งเธอไปขึ้นกิจการนักเรียน)
“แล้วแกเป็นบ้าอะไรวะ ตกท่ออยู่ได้ทุกวันไม่เบื่อบ้างไง ” แพรเพื่อนที่สนิทที่สุดของพินถามขึ้น
“แล้วใครว่าฉันอยากตกลงไปเล่า ก็ไอ้ท่อแม่งดันสะเออะมาวางตกที่เท้าฉันตอนจะก้าวทุกทีนี่หว่า”
“เออๆๆ ..ฉันไม่อยากจะเถียงกับแกแล้ว แกไปล้างเอาไอ้กลิ่นทุเรศๆนี้ออกเลย ไอ้ที่ติดกับเท้าแกอะเดี๋ยวแกจะเป็นเชื้อราบนพระบาทา  ขี้เกียจพาแกไปหาหมอวะบอกตรงๆ”
“เออ .ก็คิดๆอยู่”แล้วพินสาวโหดของเราก็เดินทางไปยังสถานที่ที่เราเรียกกันว่าสุขาวดี หรือส้วม แต่มันไม่ใช่ส้วมธรรมดาเพราะเธอมักจะบ่นว่าส้วมที่โรงเรียนเหม็นอยู่เสมอ ดังนั้นส้วมที่เธอจะใช้ต้องเป็นส้วมที่ห้องครูใหญ่เท่านั้น
และขณะที่เธอกำลังล้างผ่าพระบาทาของเธออยู่นั้น
“ดิฉันฝากหลานอันเป็นที่รักด้วยนะค่ะ”
“ได้ครับทางโรงเรียนของเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้หลานท่านมาเป็นนักเรียนครับ”บทสนทนาประจบสอพลอยังมีต่อไปอีกยืดยาวแต่ก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของพินเลยซักนิด
“เฮย แพรไม่ต้องตามฉันไม่ชอบเรียนอังกฤษไง”พินพูดเพราะรู้สึกเหมือนมีใครมาสะกิดเธอ
“เฮยก็บอกแล้วไง ไม่ไปๆ  เอ๋วันนี้เธอพูดไม่รู้เรื่องเลยหรอ”พิณพูดขึ้นอีกเพราะรำคาญมือที่มาสะกิดแต่หารู้ไม่ว่าแพรรีบกลับไปเรียนวิชาโปรดของเธอนานแล้ว
“เฮยก็แล้วไงว่า ”พินพูดพร้อมหันไปง้างมือทำท่าจะต่อยเต็มที่แต่แล้ว
เธอก็รู้สึกเหมือนฟันเหล็กของเธอชนกับอะไรเข้าอย่างจัง  แต่แล้วเธอก็พบว่าไอ้สิ่งที่ฟันของเธอชนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตตัวผู้
“จึก  กรีด ”เสียงกรีดของพินและนายคนนั้น ซึ่งที่จริงแล้วก็คือคุณชายบรรเจิดก็ดังขึ้น
และแล้วคุณชายบรรเจิดของเราก็เป็นลมล้มฟุบไปอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาว
“ว้าย เจิดหลานรักของยาย ..เธอ .เธอ ..ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เธอทำลงไปวันนี้”
เสียงหม่อมยายดังขึ้นแต่เหมือนไม่ได้ไปกระทบความรู้สึกของพินเลยแม้แต่น้อย เธอเอาแต่ส่องดูกระจกและดูว่าเหล็กของเธอที่ติดอยู่กับฟันนั้นชำรุดไหม  เมื่อเธอพบว่าเหล็กของเธออยู่ในสภาพปรกติดีจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“เท่าไร ..”
(เนื่องจากทางบ้านเธอค่อนข้างมีฐานะเธอจึงมักทำแบบนี้เสมอเวลาที่เธอเป็นผู้ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย เนื่องจากเรื่องมักจะจบอย่างง่ายดายและรวดเร็วด้วยเงินที่อาจจะมากสำหรับคนอื่นแต่น้อยนิดสำหรับพินสูกสาวคนเดียวของประธานบริษัท  n&n  กรุ๊ปที่มีสาขาทั่วโลก แต่รู้สึกว่าครานี้เธอจะคิดผิด)
“เธอคิดว่าฉันเป็นใคร เงินเหล่านั้นไม่สามารถซื้อฉันได้หรอกนะ ยิ่งกับสิ่งที่เธอทำกับหลานชายอันเป็นที่รักของฉันแล้วเธอต้องรับผิดชอบ”
“แล้วป้าฟูจะเอาไงอะ .ฉันไม่มีเวลาพอจะมาสาทยายอะไรไร้สาระกับสิงโตแก่หรอกนะ”
(วันนี้หม่อมยายทำผมทรงที่เราสามารถเห็นในข่าวทีวี หรือข่าวไฮโซทั่วไป  นั่นคือทรงที่คนไฮโซที่มีอายุมักจะทำลักษณะจะเป็นทรงผมทรงฟูฟ่องเสมือนว่าจะแข่งกันว่าใครฟูกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ และแน่นอนวันนี้หม่อมยายชนะชาด เพราะฟูยิ่งกว่ากระด้งที่ตีพับๆๆอยู่กับกระหังเสียอีก)
“เธอ .ในฐานะที่เธอทำให้หลานชั้นเสียความบริสุทธิผุดผ่อง และทำให้ใบหน้าเขาแปดเปื้อนเป็นคนแรก”
“ไรอะป้าสิง ..พล่ามอยู่ได้เข้าประเด็นเลยดิ  แบบรำคาญอะ”พินพูดพลางกดเกมรถแข่งในมือถือของเธอเล่นอย่างสบายใจ
“อื่มได้ เธอต้องปกป้องดูแลเค้าไม่ให้เป็นอะไรแม้แต่ปลายผม”
“เออป้า เรื่องแค่นี่ใช่ปะ .โหทามไมจบง่ายจังวะ”
“ยังก่อน ..แสดงว่าเธอยังไม่เข้าใจที่ฉันพูด ฉันหมายความว่าเธอต้องรับผิดชอบชีวิตเขาไงละ”
“โห .ตกสะพานเลย .ว้าแย่จัง โอ้ยหิวจัง    อ้า ไอศครีมคาราเมล .ไก่ทอด .”  และขณะที่พินพร่ามไปนั้น
“เธอต้องแต่งงานกับหลานฉัน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
      ตอนนี้พินมีความรู้สึกเหมือนใครเอาสายไฟฟ้าแรงสูงแสนวัตต์มาวางพาดที่ตัวเธอทุกอย่างในเวลานี้มันชั่งอื้ออึงไปหมด ยิ่งกว่าเอาหัวไปมุดระฆังในวัดพระแก้วแล้วตีระฆังนั้นด้วยค้อนป้อน เธอรู้สึกงงงันยิ่งกว่าเธอไม่มีเงินเล่นเกมracknarock แต่ในที่สุด
    “แล้วถ้า ..ฉันไม่แต่งอะจะทามไม”  *=*
    “ก็ไม่ทำไมหรอก  แต่เรื่องที่เธอจับแมวติดจรวด  ระเบิดส้วม  และเออ ”
    “นี่ยัยแหนมป้าย่ย    รู้ได้ไงอะ      -_-  รึว่าเลี้ยงกุมาร”
    “ฉลาดไงละ  ยัยอ่อน  เธอนะยังอ่อนนักนังหนู”
ทันใดนั้นคำพูดในโฆษณาก็ปรากฏในหัวพิน
“ชิชะเดี๋ยวนี้ทำอวดเก่ง ไม่โตัวเองชะช้านังเด็กเมื่อวาดซืน”แล้วภาพเธอถูกหม่อมยายไล่ตีก็ลอยมา โดยเธอใส่ชุดเด็กมัดจุกวิ่งหนีไปทั่ว
“เฮย!!!!!!!!! ..สยองวะ  ..”เธอตะโกนขึ้นมาสุดเสียงราวกับว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้ตะโกนอีก
“ฉันรู้นะว่าพ่อแม่เธอไม่เคยรู้ว่า    หล่อนทำตัวแบบไหนเวลาที่ไม่มีพวกเค้าอยู่ ..และและฉันก็เชื่ออีกว่าเธอก็คงไม่อยากให้พ่อแม่ของเธอรู้ด้วย”  หม่อมยายยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ เสมือนถือไพ่เหนือกว่า
“โอ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!นี่มันวันห่าอะไรไรวะเนี้ย”  เธอตะโกนสุดเสียงและมันดังมากกว่า
ชุดเครื่องเสียงตราแฟมิลี่ติดที่ลำโพงกระจายห้าทิศทาง  ซึ่งมากเพียงพอที่จะทำให้อึ่งอางคางคกตื่นออกมาร่วมประสานเสียงกันอย่างมีความสุข
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น