ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1
chapter 1
:::::
::::
:::
::
:
เสียงผู้คนว่อกแว่กจอแจไปทั่วบริเวณรอบร้านกาแฟประจำมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดย่อมนี้เกิดขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่จะเป็นตัวเลือกให้นักศึกษามาฝึกงานภายในมหาวิทยาลัย
ด้านหน้าผนังกระจกข้างๆประตูทางเข้าปรากฏร่างบางในชุดกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดสีขาวตัวโปรด ในมือขาวจับกระเป๋าคู่ใจไว้แน่น เด็กหนุ่มหน้าหวานใสยืนอยู่ตรงนั่นเนิ่นนาน จนคนที่พลุกพล่านกลับกลายเป็นร่อยหรอ เขากำลังเฝ้ามองเข้าไปด้านในด้วยใจร้อนรนวุ่นวาย วันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่นักศึกษาปีสามเริ่มฝึกงานกันในร้านกาแฟ
สถานที่แห่งนี้คือที่ที่เขาตกลงกับยุนโฮผู้เป็นเพื่อนสนิทเอาไว้ว่าจะมาฝึกงานด้วยกัน พวกเขาเสียสละเวลาไปอ่านตำราทำขนม ฝึกทำกาแฟ คิดแผนการตลาดเอาไว้แล้วอย่างดิบดี แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ กลับกลายเป็นเขาเองที่ถอนตัวออกไปฝึกงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีแทนร้านกาแฟ
ยุนโฮจะคิดยังไง..คงจะโกรธเขามาก หมอนั่น ไอ้เพื่อนสนิทที่เขาแอบรัก
ใบหน้าหวานใสนั่นยิ่งบูดบึ้งขณะมองดูร่างสูงด้านในร้านกาแฟที่กำลังรับออเดอร์โต๊ะสุดท้ายอย่างขะมักขะเม้น ถึงจะไม่อยากเจอหน้าไอ้คนหล่อๆนั่นตอนที่กำลังโกรธแต่ยังไงก็ต้องเข้าไปง้อแน่ๆ คิดได้แบบนั้นก็เลยต้องก้าวเข้าไปด้านในพร้อมกับกล่องขนมที่ซื้อมาง้อ คนหน้าสวยมุ่งตรงไปหาร่างหนาที่กำลังเก็บโต๊ะอยู่
"ไอ้คุณชาย เริ่มทำงานเป็นไง วันนี้แต่งตัวดีนะเนี่ย"เสียงหวานพูดเจื้อยแจ้วแต่คนตัวหนาไม่หันมามองด้วยซ้ำ อาการแบบนั้นทำเอาใบหน้าใสของคนมาง้อเจื่อนไปนิดหน่อยแล้วก็กลับมายิ้มต่ออีก
"นี่ ชั้นเอาขนมเค้กมาฝากแกด้วยนะ รสกาแฟไง แกจะเลิกงานรึยังเดี๋ยวรอ"
"ยัง..."พูดจบก็ทำท่าจะเดินเข้าครัวไปพร้อมกับจานอาหารที่ใช้แล้ว แจจุงทำหน้าจ๋อยสนิทอย่างปิดไม่อยู่ เพื่อนๆที่ฝึกงานด้วยกันเริ่มหันมามอง ใครที่สนิทกันก็จะรู้ดีว่สองคนนี้ตัวติดกันแค่ไหน ตอนนี้มีปัญหาทะเลาะกันเลยกลายเป็นจุดสนใจ
"เฮ้ย ไอ้ยุน แกไปเถอะเดี๋ยวทางนี้ชั้นทำเอง นี่ก็ไม่มีอะไรแล้วด้วย" ชางมินที่เห็นท่าไม่ดีเลยเดินเข้ามารับจานในมือยุนโฮไป คนอื่นๆรีบพยักหน้าเสริม
แจจุงเห็นแบบนั้นเลยลากคนตัวหนาออกไปทั้งที่ใส่ชุดผ้ากันเปื้อนเต็มยศอย่างนั้น เดินฉุดกระชากลากดึงกันมาจนถึงที่ห้องซ้อมดนตรีที่ชั้นสอง มือเล็กลากคนตัวใหญ่ที่ทำหน้าไม่พอใจเหมือนหมีกินผึ้งมานั่งตรงหน้าเปียโนสีดำหลังโต ห้องแห่งนี้ อันเป็นที่ที่ยุนโฮกับแจจุงมาใช้เวลาหลังเลิกเรียนด้วยกันบ่อยๆ ก็เพราะเจ้าคนตัวบางนี่หนะสิที่อยากซ้อมเปียโนให้เก่ง ทั้งๆที่ตัวเองก็เรียนการตลาด คู่หูอย่างยุนโฮก็เลยต้องชติดสอยห้อยตามมาด้วย และบ่อยครั้งที่มาฟังก็จะเพลินจนเกือบหลับคาห้องไปก็มี หรือไม่ก็จะถามโน่นถามนี่คนเล่นจนแจจุงไม่มีสมาธิซ้อม
แต่วันนี้บรรยากาศสบายๆเหล่านั้นเปลี่ยนไป มันไม่ใช่อาการรุนแรงถึงขั้นบาดหมางหรอก แต่มันคือความเข้าใจผิด จากความห่วงหาอาลัยของคนสองคน...
"แกจะพูดอะไร" ยุนโฮในคราบหนุ่มเสริฟในร้านกาแฟที่ยังคงดูหล่อเหล่าเสมอในสายตาของแจจุงพูดขึ้น
"ชั้นเอาเค้กมาให้แกไง" มันก็ต้องพูดอ้อมๆไปก่อน ที่เค้าไม่ไปฝึกงานก็มีเหตุผลส่วนตัวเหมือนกันหนิ ถึงจะอยากอยู่ด้วย อยากเจอหน้ามันทุกเวลาก็เถอะ
"แค่นี้?...." พูดแล้วก็ทำหน้าขรึมใส่ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามันหล่อกระชากใจคนตรงหน้าแค่ไหน แจจุงอาจจะบ้าไปแล้วที่ลอบแทะโลมเพื่อนรักตัวเองได้แทบจะตลอดเวลาแบบนี้ แต่ในอีกด้านนึงเขาก็ต้องบอกว่าตัวมันเกร็งชาไปเหมือนกัน ก็ตอนนี้ ยุนโฮกำลังโกรธเขาอยู่หนิ
แจจุงกำมือแน่น มองหน้ายุนโฮอยู่นาน เขาเองก็เสียใจเหมือนกันที่ผิดคำพูด แต่ไม่ใช่ว่าจะอยากทำแบบนี้สักหน่อยหนิ
"ชั้นขอโทษ...." พูดแล้วก็กระพริบตาปริบๆไล่น้ำที่มันกำลังจะไหลให้หายไปจากตา
"เรื่องอะไร..."ยุนโฮถามต่อเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
"ก็...." แจจุงพูดไม่ออก ตาที่กลมโตนั้นเริ่มแดง
"เรื่องฝึกงานใช่มั้ย" ยุนโฮกลับกลายเป็นฝ่ายตอบคำถามแทนอย่างรุกราน แจจุงยืนจ้องเงียบกริบ
"แกไปฝึกกับบริษัทอื่น เพราะใหญ่กว่า ดีกว่า ได้เจอคนใหม่ๆเยอะกว่าเพื่อนหน้าเดิมๆนี่ใช่มั้ย" ยุนโฮตะโกนขึ้นเสียงเล็กน้อย
"ไม่ใช่แบบนั้น" แจจุงน้ำตาไหลเป็นทาง มองหน้าคมของยุนโฮ มือเล็กรีบปัดน้ำใสๆให้ออกจากใบหน้า
"ถ้างั้นแล้วอะไรว่ะ"
"ชั้นก็มีเหตุผลที่แกไม่เข้าใจ" ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี แต่เสียงอู้อี้กับตาแดงๆนั้นทำเอายุนโฮใจอ่อน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เข้ารับน้องวันแรกจนถึงตอนนี้ก็สามปีกว่าแล้ว แจจุงแทบไม่เคยทำให้เขาเสียใจ แต่ว่าในน้อยครั้งที่เพื่อนรักทำให้เขาผิดหวังหรือน้อยใจนั้น สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายยอมใจอ่อนให้อภัยง่ายๆเสมอ และดูเหมือนว่าครั้งนี้ก็จะเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกัน
ร่างสูงถอนหายใจ ท่ามกลางความเงียบงันและอึดอัดใจนั้นยุนโฮพูดขึ้นว่า
"อยากกินเค้กกาแฟแล้วว่ะ" ทำหน้านิ่งไปด้วยจนคนมาง้อหัวเราะออก
ร่างหนาเดินไปกอดคนคนตัวบางแล้วพากันไปนั่งที่เก้าอี้เปียโน ถึงจะไม่รู้เหตุผลจริงๆว่าไปทำไปทำไม แต่เขาก็ไม่อยากโกรธกับแจจุงนานๆ
"อะไรว่ะ ไปซื้อมาหนิ มาง้อคนอื่นยังไม่ยอมทำเองอีกไอ้เผือก" เรียกฉายาของแจจุง แล้วมองเหล่ๆไปทางคนตัวเล็ก ก็เพื่อนเขาคนนี้มันขาวซะจนเผือกเรียกทวดเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายภาษาอะไร
"ก็มันไม่มีเวลาหนิหว่า อีกอย่างแกก็บอกว่าร้านนี้อร่อยกว่าของชั้นอยู่แล้วหนิ"
"พอชั้นหายโกรธแล้วย้อนกลับเชียวนะ ไอ้คุณเผือก ใช่ซี้ เดี๋ยวนี้แกได้ไปฝึกงานบริษัทใหญ่โต จะมามีเวลาทำอะไร" บอกจบก็ใช้ซ้อมจิ้มแรงๆลงไปบนเค้กกาแฟก่อนจะพามันเข้าปาก
"ก็บอกว่าขอโทษไง แค่เรื่องนี้แกอย่าโกรธชั้นได้มั้ย"
"เออๆ ไม่โกรธก็ไม่โกรธ ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้า เดี๋ยวก็จับมาจูบซะเลยหนิ" ยุนโฮล้อหาเรื่องเล่นๆแบบที่เคยพูดอยู่ประจำกับไอ้เพื่อนรักหน้าหวานคนนี้ แต่ยุนโฮจะรู้มั้ยว่ามันทำให้แจจุงหน้าแดงแค่ไหน คนฟังที่แอบหลังรักเพื่อนตัวเองมานานแถมจะไข้ขึ้นทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดทำนองนี้
"มาก้มหน้านิ่งอีก มาช่วยกันกินเลยไอ้เผือกหวาน"
"ไอ้เผือกนี่เข้าใจ แต่หวานนี่มายังไงอีกว่ะ" แจจุงเงยหน้าถามยิ้มๆ
"ก็เผือกคือขาว บวกกับความหน้าหวานของแก ก็กลายเป็นเผือกหวานไงว่ะ ไอ้สามเหลี่ยม"
"เรียกมั่วๆแบบนี้อีกหล่ะ จะเอาสักฉายานึงได้มั้ยว่ะ ไอ้คุณชาย" คนหน้าหวานที่มีไหล่กว้างแต่เอวเล็กเหมือนสามเหลี่ยมบอกหน้าตึง
"กินเข้าไปเร็วๆเลย" ยุนโฮยัดก้อนเค้กเข้าปากแจจุง
"เฮ้ย ไม่กิน ชั้นให้แกไง" แจจุงเบี่ยงหน้าหลบ
"แกต้องกิน เอวจะได้ใหญ่ขึ้น หุ่นจะได้หายเป็นรูปสามเหลี่ยมซะที"
"ไอ้บ้า กินเข้าไปมันก็ยิ่งไปออกที่หน้ากับไหล่เว้ย ไม่ใช่เอว" แจจุงเถียงกลับหลบเจ้าก้อนเค้กที่ยุนโฮทำท่าจะยัดใส่ปากเขาให้ได้ ปกติเขาไม่ชอบกาแฟเท่าไหร่ แต่เพราะยุนโฮชอบเค้กกาแฟหรอกถึงได้ซื้อมา เถียงไปเถียงมา เล่นไปเล่นมา มือของยุนโฮก็ไปปัดโดนกล่องเค้กกาแฟตก ทั้งสองค้างไปแล้วหัวเราะออกมา สุดท้ายเค้กที่ตั้งใจว่าจะบังคับให้แจจุงกินเลยเปลี่ยนมาเข้าปากยุนโฮแทน ก็มันคำสุดท้ายหนิ
--------------------------------------
เวลาเย็นย่ำค่ำจนตะวันใกล้จะตกดินเต็มที ยุนโฮกับแจจุงแกว่งขา เท้าคางนั่งมองดวงตะวันกันอยู่เงียบๆ ยุนโฮคงไม่รู้ว่าการอยู่ด้วยกันสองคนในบรรยากาศเบาๆแบบนี้มันทำให้หัวใจแจจุงพองโตด้วยความสุขแค่ไหน
"เฮ้ย..."
"อะไร" แจจุงถามเมื่อจู่ยุนโฮก็หันมาพูด
"ไปเล่นเปียโนให้ฟังดิ่"
"ขี้เกียจ" แกล้งตอบแบบกวนๆ ยุนโฮเลยเอาหน้ามาใกล้เรื่อยๆจนจมูกแทบชนกัน
"แกจะเล่นไม่เล่น"
"ไอ้ยุน.ฮ่าๆๆ ออกไป"หัวเราะแล้วพยายามจะหนีไปจากคนตัวสูงแต่ก็อย่าคิดว่าจะพ้น มือหนาจับไหล่เนียนเอาไว้แน่นแล้วเอาหน้าเข้ามาบุก
"จะเล่นไม่เล่น ไอ้แจ"
"เฮ้ย พอแล้ว เดี๋ยวโดนปาก" แจจุงพยายามทำเสียงจริงจัง ทั้งที่หน้าแดง ตัวชา ใจสั่นไปหมด
"โดนก็ดีจะได้รู้ ว่าไอ้ปากแดงๆของแกมันจะหวานมั้ย"
"จริงจังแล้วนะเว้ย ไอ้ยุน"พูดแบบนั้นแต่หน้านะยิ้มหวานแบบตรงกันข้ามเลย
" ก็จริงจังอ่ะดิ" ร่างหนาไม่สนใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้เรื่อย ก็พูดไปงั้นเองไม่ได้คิดจะให้ชนจริงซะหน่อย
"เออๆ เล่นก็เล่นเว้ย พอแล้ว"แจจุงพูดแบบจนปัญญา เดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังเปียโน ยุนโฮหัวเราะซะใจแล้วเดินไปนั่งข้างๆ
คนหน้าหวานเริ่มวางนิ้วที่พลิ้วไหวลงบนแป้นสีขาวสลับดำของเปียโน บรรเลงเพลงโปรดของตัวเองออกมาอย่างคล่องแคล่ว คนข้างๆที่บ่นและขู่เอาเป็นเอาตายว่าอยากฟังนั้น นั่งหลับตาพริ้มฟังอย่างสบายใจ จนบทเพลงอันแสนอ่อนหวานนั้นจบลงในที่สุด
"จะเอาอีกมั้ย" คนเล่นหันมาถาม มองยุนโฮที่นอนอยู่อย่างหมั่นไส้
"เมื่อกี้เพลงไร" ไม่ตอบคำถามแถมยังมาหลับตานิ่งถามเขากลับเสียงเอื่อยๆอีกต่างหาก ทว่าคนหน้าใสที่โดนถามนั้นกลับไม่ว่าอะไร ยิ้มตอบอย่างเต็มใจ
"kiss the rain"
"แปลว่าอะไร" หลับตาถามอยู่แบบเดิม นี่เป็นคำถามที่ยุนโฮถามแจจุงทุกครั้งที่เล่นให้ฟัง แจจุงเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ไม่ได้ยินที่ตอบไปเพราะกำลังจะหลับหรือว่าเพราะลืมก็ไม่รู้ แต่ถึงจะอย่างนั้น แจจุงก็พร้อมและยินดีที่จะตอบให้ฟังเสมอ เพราะว่าคนที่ถามนั้น..คือยุนโฮ
"จูบหยาดฝน"แจจุงตอบยิ้มๆ แอบลอบมองหน้าคมหล่อเหล่าของเพื่อนรักไปด้วย ยุนโฮยังคงหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์เมื่อกี้คาดว่าคงจะละเมอถามเขามากกว่า เห็นอย่างนั้นเลยก้มหน้าลงไปมองซะใกล้จนได้กลิ่นโคโลจน์อ่อนๆของอีกฝ่าย ใกล้มากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่อุ่นร้อน แล้วในตอนนั้น...ดวงตาคมของคนที่คิดว่าหลับอยู่ก็เปิดขึ้น
"ขอเปลี่ยนเป็นจูบคนเล่นเทนได้มั้ย" แจจุงตกใจมองหน้าคมของเพื่อนสนิทที่เขาแสนหลงใหลอย่างอึ้งๆ พูดออกมาได้ยังไง ยุนกำลังพูดอะไรกับเราว่ะเนี่ย รู้บ้างมั้ยว่าฟังแล้วมันกระชากหัวใจแค่ไหน
"ล้อเล่นเว้ยไอ้เผือก ฮ่าๆ"
"โหย ไอ้ยุน ไอ้คุณชายตีนแดง" แจจุงตะโกนหยิบกระเป๋าวิ่งตามยุนโฮออกไปจากห้องแทบไม่ทัน
"ทำหน้าจริงจังอย่างกับเห็นผีเชียวนะ" ยุนโฮยังล้อไม่หยุด ก็มันมีความสุขที่ได้แกล้งหนิ ใครใช้ให้ไอ้เพื่อนรักของเขามันหน้าขาว ตัวบางแก้มป่องแบบนั้นหล่ะ
-------------------------------------------
ท่ามกลางแสงสีส้มสลัวของเสาไฟข้างทาง แจจุงเดินก้าวเท้าขึ้นเนินไปตามทางถนนที่เงียบเชียบ เริ่มดึกแล้ว ซอยเก่าๆแบบนี้ก็ว่างเปล่า ปราศจากผู้คน เพราะทางมันเปลี่ยวน่าวังเวงใจแบบนี้เอง ยุนโฮถึงได้อาสาจะมาส่งแจจุงอยู่แทบทุกวัน แต่แจจุงก็มักจะปฏิเสธ ไม่อยากให้มาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเขา มันไม่ใช่ย่ำแย่หรอก แต่ว่ามันธรรมดาแค่นั้นเอง แม่เลี้ยงของเขาเปิดร้านขายของโชว์ห่วยที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน แต่มันก็แค่นั้น แค่มีรายได้พออยู่พอกิน เทียบไม่ได้เลยกับทายาทเจ้าของธุกิจอุปกรณ์อิเลคทรอนิคที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเกาหลีอย่างยุนโฮ
มันแตกต่างกันมากไปมั้ยนะ เขาธรรมดา แต่ยุนโฮนั้นโดดเด่นแม้จะไม่ได้ทำตัวฟุ้งเฟ้อก็ตามที เขาเป็นผู้ชาย..ซึ่งก็ไม่เข้ากันเลยสักนิดกับผู้ชายที่หล่อจัดๆอย่างยุนโฮ เขาอาจจะเรียนเก่ง รู้ใจยุนโฮ แต่คุณสมบัติเหล่านั้นมันก็ไม่เพียงพอเลย หากจะเทียบกับเหล่าคุณหล่อที่ดีพร้อมทั้งหน้าตาและชาติตระกูลอีกมากมาย
แจจุงถอนหายใจขณะหยุดมองบ้านตัวเองแล้วคิดเรื่องไร้สาระอยู่นาน ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่เข้าท่า แต่ก็ยังวนเวียนคิดเรื่องแบบนี้อยู่ได้เรื่อยๆ
ก้าวเดินทอดน่องเอื่อยๆเข้ามาในบ้านแล้วก็วางกระเป๋าลงข้างประตู ก้มลงทอดรองเท้า ได้ยินเสียงละครโทรทัศน์ที่แม่เลี้ยงเขาชอบดูดังมาจากด้านหลังโซฟา
"กลับมาแล้วหรอ" คิม ซอยอง หันมาถามด้วยสีหน้านิ่งเฉยจนเกือบจะค่อนไปทางบึ้งตึง
"ครับ" แจจุงตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ หิ้วกระเป๋าสาวเท้าเข้ามาในบ้าน แล้วเดินไปหยิบชุดฝึกงานของตัวเองขึ้นมาดู ร้านซักรีดเอามาให้แล้วสินะ ถึงมันจะดูเป็นทางการมากกว่าชุดพนักงานร้านกาแฟของมหาลัยแต่เขาก็ยังชอบและอยากจะไปอยู่ในชุดที่สามารถอยู่ใกล้ๆยุนโฮได้มากกว่า
"ดูเข้าไป เสียเงินเสียทองไปตั้งเยอะก็ตั้งใจฝึกเข้าหล่ะ จะได้รีบออกมาหาเงินเลี้ยงชั้นสักที" คำพูดนั้นทำให้แจจุงหลุดออกจากความคิดของตัวเองแล้วหน้าบูดบึ้งไป แม่เลี้ยงของเขาเป็นแบบนี้เอง ตามประสาแม่ค้าชาวบ้าน
ร่างบางเดินหอบของทั้งหมดขึ้นไปชั้นบน สาวเท้าเอื่อยๆไปเข้าไปในห้อง ตัดขาดจากเสียงรบกวนภายนอกแล้วถอนหายใจออกมา
จู่ๆความทรงจำเรื่องเมื่อสี่วันก่อนก็เข้ามาในสมองอย่างแจ่มชัด
flash back
วันนั้นเป็นวันธรรมดาๆที่เขาเพิ่งจะเลิกเรียน มันเป็นหนึ่งในน้อยๆครั้งที่เขายอมให้ยุนโฮ ไอ้เพื่อนรักที่เขาแอบเฝ้าคิดถึงมาส่งที่บ้าน
แน่นอนว่าไม่ได้เข้ามาถึงข้างในหรอก เขาขี้เกียจให้ยุนโฮมาเจอกับแม่เลี้ยงและก็ไม่อยากให้เข้ามาเห็นความแตกต่าง แค่นี้..เขาก็รู้ตัวดีอยู่แล้ว ถึงยุนโฮจะไม่คิดอะไร แต่เขาก็อดคิดและเก็บมาเสียใจคนเดียวไม่ได้
"กลับดึกจริงนะ" เป็นท่าเดิมแต่แค่เปลี่ยนวันและคำพูดนิดหน่อยเท่านั้นเอง แม่เลี้ยงเขากำลังนั่งดูละครอยู่ที่โซฟา พอเขากลับมาก็จะหันหน้ากลับมาถาม
"ครับ" ไม่อยากจะตอบอะไรมากมาย แจจุงขี้เกียจจะเถียง
"ไอ้หนุ่มสุดที่รักของแกมาส่งหรอ" แม่เลี้ยงเขารู้ดี ก็แน่หล่ะ เขาแอบกอดแอบจูบรูปยุนโฮประจำเวลาอยู่ในห้องตัวเอง แล้วจะมีหรอที่แม่เลี้ยงที่ไม่ค่อยมีมารยาทในการเคาะประตู แต่ชอบสอดรู้สอดเห็นจะไม่รู้ว่าเขาแอบชอบยุนโฮมากแค่ไหน
"ยุนโฮมาส่ง" ตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ ราวกับจะแก้ไขสรรพนามการเรียกเพื่อนรักซะใหม่
"ไปทำอะไรกันมาหล่ะ กลับซะดึกดื่น แถมแกยังหน้าบานมาเชียว"
"ไปวางแผนงานมาครับ"
"งานอะไร" หันมาถามอย่างจริงจัง เพราะช่วงนี้ละครกำลังโฆษณาอยู่
"กำลังจะเตรียมจะไปฝึกงานกัน เลยต้องวางแผน"
"ฝึกงานอะไร แกไม่เห็นบอก" ถามจู้จี้จนแจจุงถอนหายใจ นึกอยากจะให้ละครรีบเล่นเร็วๆ
"ฝึกงานในร้านกาแฟของมหาวิทยาลัย" ตอบแล้วแจจุงก็ก้าวขึ้นบันไดพร้อมกับใหบน้าที่เบื่อหน่าย
"แหมๆ กะอีแค่ร้านกาแฟ ทำมาเป็นวางผงวางแผน ชั้นจะบอกอะไรแกให้นะ ไอ้แจจุง ไอ้ร้านกาแฟนั่นหน่ะมันจะช่วยอะไรแกสักเท่าไหร่เชียว มาแต่ไปเกาะติดคนที่แอบรัก ไม่ได้เจียมตัวเลย เขาหน่ะทำได้ เพราะบ้านเค้ามันรวยมหาศาลอยู่แล้ว แต่แกหน่ะ เป็นใคร..ไปฝึกงานง่ายๆตามเค้าหน่ะ ใช้หัวคิดบ้างมั้ย คิดว่าอยู่ใกล้ๆเขาแล้วเขาจะเอาแกรึไง ..หัดตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงาซะบ้าง...."
แจจุงกัดฟันแน่น เดินขึ้นห้องมาพร้อมกับหัวใจที่แสบปวด มันไม่ได้จบแค่นี้หรอก สิ่งที่แม่เลี้ยงเขากระแหนะกระแหน มันไม่ได้จับแค่นั้น เพียงแต่เขาทนฟังมันไม่ไหวเท่านั้นเอง ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นความจริง แต่บางทีความจริง..มันก็...โหดร้ายเกินไปมั้ย
flash come
แจจุงนั่งเหม่อมองชุดฝึกงานของตัวเองแล้วนั่งลงบนเตียง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาใส่ใจกับคำพูดของแม่เลี้ยงตัวเอง คำถากถางเหล่านั้นมันเริ่มมีอิทธิพลต่อเขามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มันทำให้เขาตัดใจอยู่ห่างจากยุนโฮได้มากขนาดนี้เชียว มันทำให้เขายอมทำในสิ่งที่รู้ว่ายุนโฮจะต้องโกรธและเสียใจ ทว่าบางครั้ง เราต้องยอมเสียบางอย่างไป เพื่อให้ได้อีกอย่างนึงมา และคิมแจจุง ก็ยอมที่จะเสีย
------------------------------------------------
ส้มเปิดเรื่องใหม่ หลังจากที่ไม่ได้เปิดมาเป็นปีแล้วค่ะ คิดพล็อตเรื่องนี้นานมาก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนได้ถูกใจมาเป็นอันนี้แหละค่ะ ตอนนี้ส้มมาอยู่ที่จีนแล้ว มาเรียนภาษาอย่างเดียวก่อนค่ะ ดรอปเรียนมาเลยปีนึง คาดว่าคงจะมีเวลามาแต่งฟิคได้ค่ะ
ตั้งใจว่าจะรีบแต่เรื่องนี้ให้จบ ไม่อยากดอง แต่ไม่รู้ว่าจะได้แค่ไหน ยังไงก็ฝากฟิคเรื่องนี้เอาไว้กับนักอ่านทุกคนด้วยนะค่ะ
คิดถึงคนอ่านที่สุดในโลก
ปล ขอติดแบนเนอร์ไว้ด้วย คิคิ
:::::
::::
:::
::
:
เสียงผู้คนว่อกแว่กจอแจไปทั่วบริเวณรอบร้านกาแฟประจำมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดย่อมนี้เกิดขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่จะเป็นตัวเลือกให้นักศึกษามาฝึกงานภายในมหาวิทยาลัย
ด้านหน้าผนังกระจกข้างๆประตูทางเข้าปรากฏร่างบางในชุดกางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดสีขาวตัวโปรด ในมือขาวจับกระเป๋าคู่ใจไว้แน่น เด็กหนุ่มหน้าหวานใสยืนอยู่ตรงนั่นเนิ่นนาน จนคนที่พลุกพล่านกลับกลายเป็นร่อยหรอ เขากำลังเฝ้ามองเข้าไปด้านในด้วยใจร้อนรนวุ่นวาย วันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่นักศึกษาปีสามเริ่มฝึกงานกันในร้านกาแฟ
สถานที่แห่งนี้คือที่ที่เขาตกลงกับยุนโฮผู้เป็นเพื่อนสนิทเอาไว้ว่าจะมาฝึกงานด้วยกัน พวกเขาเสียสละเวลาไปอ่านตำราทำขนม ฝึกทำกาแฟ คิดแผนการตลาดเอาไว้แล้วอย่างดิบดี แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ กลับกลายเป็นเขาเองที่ถอนตัวออกไปฝึกงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีแทนร้านกาแฟ
ยุนโฮจะคิดยังไง..คงจะโกรธเขามาก หมอนั่น ไอ้เพื่อนสนิทที่เขาแอบรัก
ใบหน้าหวานใสนั่นยิ่งบูดบึ้งขณะมองดูร่างสูงด้านในร้านกาแฟที่กำลังรับออเดอร์โต๊ะสุดท้ายอย่างขะมักขะเม้น ถึงจะไม่อยากเจอหน้าไอ้คนหล่อๆนั่นตอนที่กำลังโกรธแต่ยังไงก็ต้องเข้าไปง้อแน่ๆ คิดได้แบบนั้นก็เลยต้องก้าวเข้าไปด้านในพร้อมกับกล่องขนมที่ซื้อมาง้อ คนหน้าสวยมุ่งตรงไปหาร่างหนาที่กำลังเก็บโต๊ะอยู่
"ไอ้คุณชาย เริ่มทำงานเป็นไง วันนี้แต่งตัวดีนะเนี่ย"เสียงหวานพูดเจื้อยแจ้วแต่คนตัวหนาไม่หันมามองด้วยซ้ำ อาการแบบนั้นทำเอาใบหน้าใสของคนมาง้อเจื่อนไปนิดหน่อยแล้วก็กลับมายิ้มต่ออีก
"นี่ ชั้นเอาขนมเค้กมาฝากแกด้วยนะ รสกาแฟไง แกจะเลิกงานรึยังเดี๋ยวรอ"
"ยัง..."พูดจบก็ทำท่าจะเดินเข้าครัวไปพร้อมกับจานอาหารที่ใช้แล้ว แจจุงทำหน้าจ๋อยสนิทอย่างปิดไม่อยู่ เพื่อนๆที่ฝึกงานด้วยกันเริ่มหันมามอง ใครที่สนิทกันก็จะรู้ดีว่สองคนนี้ตัวติดกันแค่ไหน ตอนนี้มีปัญหาทะเลาะกันเลยกลายเป็นจุดสนใจ
"เฮ้ย ไอ้ยุน แกไปเถอะเดี๋ยวทางนี้ชั้นทำเอง นี่ก็ไม่มีอะไรแล้วด้วย" ชางมินที่เห็นท่าไม่ดีเลยเดินเข้ามารับจานในมือยุนโฮไป คนอื่นๆรีบพยักหน้าเสริม
แจจุงเห็นแบบนั้นเลยลากคนตัวหนาออกไปทั้งที่ใส่ชุดผ้ากันเปื้อนเต็มยศอย่างนั้น เดินฉุดกระชากลากดึงกันมาจนถึงที่ห้องซ้อมดนตรีที่ชั้นสอง มือเล็กลากคนตัวใหญ่ที่ทำหน้าไม่พอใจเหมือนหมีกินผึ้งมานั่งตรงหน้าเปียโนสีดำหลังโต ห้องแห่งนี้ อันเป็นที่ที่ยุนโฮกับแจจุงมาใช้เวลาหลังเลิกเรียนด้วยกันบ่อยๆ ก็เพราะเจ้าคนตัวบางนี่หนะสิที่อยากซ้อมเปียโนให้เก่ง ทั้งๆที่ตัวเองก็เรียนการตลาด คู่หูอย่างยุนโฮก็เลยต้องชติดสอยห้อยตามมาด้วย และบ่อยครั้งที่มาฟังก็จะเพลินจนเกือบหลับคาห้องไปก็มี หรือไม่ก็จะถามโน่นถามนี่คนเล่นจนแจจุงไม่มีสมาธิซ้อม
แต่วันนี้บรรยากาศสบายๆเหล่านั้นเปลี่ยนไป มันไม่ใช่อาการรุนแรงถึงขั้นบาดหมางหรอก แต่มันคือความเข้าใจผิด จากความห่วงหาอาลัยของคนสองคน...
"แกจะพูดอะไร" ยุนโฮในคราบหนุ่มเสริฟในร้านกาแฟที่ยังคงดูหล่อเหล่าเสมอในสายตาของแจจุงพูดขึ้น
"ชั้นเอาเค้กมาให้แกไง" มันก็ต้องพูดอ้อมๆไปก่อน ที่เค้าไม่ไปฝึกงานก็มีเหตุผลส่วนตัวเหมือนกันหนิ ถึงจะอยากอยู่ด้วย อยากเจอหน้ามันทุกเวลาก็เถอะ
"แค่นี้?...." พูดแล้วก็ทำหน้าขรึมใส่ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามันหล่อกระชากใจคนตรงหน้าแค่ไหน แจจุงอาจจะบ้าไปแล้วที่ลอบแทะโลมเพื่อนรักตัวเองได้แทบจะตลอดเวลาแบบนี้ แต่ในอีกด้านนึงเขาก็ต้องบอกว่าตัวมันเกร็งชาไปเหมือนกัน ก็ตอนนี้ ยุนโฮกำลังโกรธเขาอยู่หนิ
แจจุงกำมือแน่น มองหน้ายุนโฮอยู่นาน เขาเองก็เสียใจเหมือนกันที่ผิดคำพูด แต่ไม่ใช่ว่าจะอยากทำแบบนี้สักหน่อยหนิ
"ชั้นขอโทษ...." พูดแล้วก็กระพริบตาปริบๆไล่น้ำที่มันกำลังจะไหลให้หายไปจากตา
"เรื่องอะไร..."ยุนโฮถามต่อเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
"ก็...." แจจุงพูดไม่ออก ตาที่กลมโตนั้นเริ่มแดง
"เรื่องฝึกงานใช่มั้ย" ยุนโฮกลับกลายเป็นฝ่ายตอบคำถามแทนอย่างรุกราน แจจุงยืนจ้องเงียบกริบ
"แกไปฝึกกับบริษัทอื่น เพราะใหญ่กว่า ดีกว่า ได้เจอคนใหม่ๆเยอะกว่าเพื่อนหน้าเดิมๆนี่ใช่มั้ย" ยุนโฮตะโกนขึ้นเสียงเล็กน้อย
"ไม่ใช่แบบนั้น" แจจุงน้ำตาไหลเป็นทาง มองหน้าคมของยุนโฮ มือเล็กรีบปัดน้ำใสๆให้ออกจากใบหน้า
"ถ้างั้นแล้วอะไรว่ะ"
"ชั้นก็มีเหตุผลที่แกไม่เข้าใจ" ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี แต่เสียงอู้อี้กับตาแดงๆนั้นทำเอายุนโฮใจอ่อน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เข้ารับน้องวันแรกจนถึงตอนนี้ก็สามปีกว่าแล้ว แจจุงแทบไม่เคยทำให้เขาเสียใจ แต่ว่าในน้อยครั้งที่เพื่อนรักทำให้เขาผิดหวังหรือน้อยใจนั้น สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายยอมใจอ่อนให้อภัยง่ายๆเสมอ และดูเหมือนว่าครั้งนี้ก็จะเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกัน
ร่างสูงถอนหายใจ ท่ามกลางความเงียบงันและอึดอัดใจนั้นยุนโฮพูดขึ้นว่า
"อยากกินเค้กกาแฟแล้วว่ะ" ทำหน้านิ่งไปด้วยจนคนมาง้อหัวเราะออก
ร่างหนาเดินไปกอดคนคนตัวบางแล้วพากันไปนั่งที่เก้าอี้เปียโน ถึงจะไม่รู้เหตุผลจริงๆว่าไปทำไปทำไม แต่เขาก็ไม่อยากโกรธกับแจจุงนานๆ
"อะไรว่ะ ไปซื้อมาหนิ มาง้อคนอื่นยังไม่ยอมทำเองอีกไอ้เผือก" เรียกฉายาของแจจุง แล้วมองเหล่ๆไปทางคนตัวเล็ก ก็เพื่อนเขาคนนี้มันขาวซะจนเผือกเรียกทวดเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายภาษาอะไร
"ก็มันไม่มีเวลาหนิหว่า อีกอย่างแกก็บอกว่าร้านนี้อร่อยกว่าของชั้นอยู่แล้วหนิ"
"พอชั้นหายโกรธแล้วย้อนกลับเชียวนะ ไอ้คุณเผือก ใช่ซี้ เดี๋ยวนี้แกได้ไปฝึกงานบริษัทใหญ่โต จะมามีเวลาทำอะไร" บอกจบก็ใช้ซ้อมจิ้มแรงๆลงไปบนเค้กกาแฟก่อนจะพามันเข้าปาก
"ก็บอกว่าขอโทษไง แค่เรื่องนี้แกอย่าโกรธชั้นได้มั้ย"
"เออๆ ไม่โกรธก็ไม่โกรธ ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้า เดี๋ยวก็จับมาจูบซะเลยหนิ" ยุนโฮล้อหาเรื่องเล่นๆแบบที่เคยพูดอยู่ประจำกับไอ้เพื่อนรักหน้าหวานคนนี้ แต่ยุนโฮจะรู้มั้ยว่ามันทำให้แจจุงหน้าแดงแค่ไหน คนฟังที่แอบหลังรักเพื่อนตัวเองมานานแถมจะไข้ขึ้นทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดทำนองนี้
"มาก้มหน้านิ่งอีก มาช่วยกันกินเลยไอ้เผือกหวาน"
"ไอ้เผือกนี่เข้าใจ แต่หวานนี่มายังไงอีกว่ะ" แจจุงเงยหน้าถามยิ้มๆ
"ก็เผือกคือขาว บวกกับความหน้าหวานของแก ก็กลายเป็นเผือกหวานไงว่ะ ไอ้สามเหลี่ยม"
"เรียกมั่วๆแบบนี้อีกหล่ะ จะเอาสักฉายานึงได้มั้ยว่ะ ไอ้คุณชาย" คนหน้าหวานที่มีไหล่กว้างแต่เอวเล็กเหมือนสามเหลี่ยมบอกหน้าตึง
"กินเข้าไปเร็วๆเลย" ยุนโฮยัดก้อนเค้กเข้าปากแจจุง
"เฮ้ย ไม่กิน ชั้นให้แกไง" แจจุงเบี่ยงหน้าหลบ
"แกต้องกิน เอวจะได้ใหญ่ขึ้น หุ่นจะได้หายเป็นรูปสามเหลี่ยมซะที"
"ไอ้บ้า กินเข้าไปมันก็ยิ่งไปออกที่หน้ากับไหล่เว้ย ไม่ใช่เอว" แจจุงเถียงกลับหลบเจ้าก้อนเค้กที่ยุนโฮทำท่าจะยัดใส่ปากเขาให้ได้ ปกติเขาไม่ชอบกาแฟเท่าไหร่ แต่เพราะยุนโฮชอบเค้กกาแฟหรอกถึงได้ซื้อมา เถียงไปเถียงมา เล่นไปเล่นมา มือของยุนโฮก็ไปปัดโดนกล่องเค้กกาแฟตก ทั้งสองค้างไปแล้วหัวเราะออกมา สุดท้ายเค้กที่ตั้งใจว่าจะบังคับให้แจจุงกินเลยเปลี่ยนมาเข้าปากยุนโฮแทน ก็มันคำสุดท้ายหนิ
--------------------------------------
เวลาเย็นย่ำค่ำจนตะวันใกล้จะตกดินเต็มที ยุนโฮกับแจจุงแกว่งขา เท้าคางนั่งมองดวงตะวันกันอยู่เงียบๆ ยุนโฮคงไม่รู้ว่าการอยู่ด้วยกันสองคนในบรรยากาศเบาๆแบบนี้มันทำให้หัวใจแจจุงพองโตด้วยความสุขแค่ไหน
"เฮ้ย..."
"อะไร" แจจุงถามเมื่อจู่ยุนโฮก็หันมาพูด
"ไปเล่นเปียโนให้ฟังดิ่"
"ขี้เกียจ" แกล้งตอบแบบกวนๆ ยุนโฮเลยเอาหน้ามาใกล้เรื่อยๆจนจมูกแทบชนกัน
"แกจะเล่นไม่เล่น"
"ไอ้ยุน.ฮ่าๆๆ ออกไป"หัวเราะแล้วพยายามจะหนีไปจากคนตัวสูงแต่ก็อย่าคิดว่าจะพ้น มือหนาจับไหล่เนียนเอาไว้แน่นแล้วเอาหน้าเข้ามาบุก
"จะเล่นไม่เล่น ไอ้แจ"
"เฮ้ย พอแล้ว เดี๋ยวโดนปาก" แจจุงพยายามทำเสียงจริงจัง ทั้งที่หน้าแดง ตัวชา ใจสั่นไปหมด
"โดนก็ดีจะได้รู้ ว่าไอ้ปากแดงๆของแกมันจะหวานมั้ย"
"จริงจังแล้วนะเว้ย ไอ้ยุน"พูดแบบนั้นแต่หน้านะยิ้มหวานแบบตรงกันข้ามเลย
" ก็จริงจังอ่ะดิ" ร่างหนาไม่สนใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้เรื่อย ก็พูดไปงั้นเองไม่ได้คิดจะให้ชนจริงซะหน่อย
"เออๆ เล่นก็เล่นเว้ย พอแล้ว"แจจุงพูดแบบจนปัญญา เดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังเปียโน ยุนโฮหัวเราะซะใจแล้วเดินไปนั่งข้างๆ
คนหน้าหวานเริ่มวางนิ้วที่พลิ้วไหวลงบนแป้นสีขาวสลับดำของเปียโน บรรเลงเพลงโปรดของตัวเองออกมาอย่างคล่องแคล่ว คนข้างๆที่บ่นและขู่เอาเป็นเอาตายว่าอยากฟังนั้น นั่งหลับตาพริ้มฟังอย่างสบายใจ จนบทเพลงอันแสนอ่อนหวานนั้นจบลงในที่สุด
"จะเอาอีกมั้ย" คนเล่นหันมาถาม มองยุนโฮที่นอนอยู่อย่างหมั่นไส้
"เมื่อกี้เพลงไร" ไม่ตอบคำถามแถมยังมาหลับตานิ่งถามเขากลับเสียงเอื่อยๆอีกต่างหาก ทว่าคนหน้าใสที่โดนถามนั้นกลับไม่ว่าอะไร ยิ้มตอบอย่างเต็มใจ
"kiss the rain"
"แปลว่าอะไร" หลับตาถามอยู่แบบเดิม นี่เป็นคำถามที่ยุนโฮถามแจจุงทุกครั้งที่เล่นให้ฟัง แจจุงเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ไม่ได้ยินที่ตอบไปเพราะกำลังจะหลับหรือว่าเพราะลืมก็ไม่รู้ แต่ถึงจะอย่างนั้น แจจุงก็พร้อมและยินดีที่จะตอบให้ฟังเสมอ เพราะว่าคนที่ถามนั้น..คือยุนโฮ
"จูบหยาดฝน"แจจุงตอบยิ้มๆ แอบลอบมองหน้าคมหล่อเหล่าของเพื่อนรักไปด้วย ยุนโฮยังคงหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์เมื่อกี้คาดว่าคงจะละเมอถามเขามากกว่า เห็นอย่างนั้นเลยก้มหน้าลงไปมองซะใกล้จนได้กลิ่นโคโลจน์อ่อนๆของอีกฝ่าย ใกล้มากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่อุ่นร้อน แล้วในตอนนั้น...ดวงตาคมของคนที่คิดว่าหลับอยู่ก็เปิดขึ้น
"ขอเปลี่ยนเป็นจูบคนเล่นเทนได้มั้ย" แจจุงตกใจมองหน้าคมของเพื่อนสนิทที่เขาแสนหลงใหลอย่างอึ้งๆ พูดออกมาได้ยังไง ยุนกำลังพูดอะไรกับเราว่ะเนี่ย รู้บ้างมั้ยว่าฟังแล้วมันกระชากหัวใจแค่ไหน
"ล้อเล่นเว้ยไอ้เผือก ฮ่าๆ"
"โหย ไอ้ยุน ไอ้คุณชายตีนแดง" แจจุงตะโกนหยิบกระเป๋าวิ่งตามยุนโฮออกไปจากห้องแทบไม่ทัน
"ทำหน้าจริงจังอย่างกับเห็นผีเชียวนะ" ยุนโฮยังล้อไม่หยุด ก็มันมีความสุขที่ได้แกล้งหนิ ใครใช้ให้ไอ้เพื่อนรักของเขามันหน้าขาว ตัวบางแก้มป่องแบบนั้นหล่ะ
-------------------------------------------
ท่ามกลางแสงสีส้มสลัวของเสาไฟข้างทาง แจจุงเดินก้าวเท้าขึ้นเนินไปตามทางถนนที่เงียบเชียบ เริ่มดึกแล้ว ซอยเก่าๆแบบนี้ก็ว่างเปล่า ปราศจากผู้คน เพราะทางมันเปลี่ยวน่าวังเวงใจแบบนี้เอง ยุนโฮถึงได้อาสาจะมาส่งแจจุงอยู่แทบทุกวัน แต่แจจุงก็มักจะปฏิเสธ ไม่อยากให้มาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเขา มันไม่ใช่ย่ำแย่หรอก แต่ว่ามันธรรมดาแค่นั้นเอง แม่เลี้ยงของเขาเปิดร้านขายของโชว์ห่วยที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน แต่มันก็แค่นั้น แค่มีรายได้พออยู่พอกิน เทียบไม่ได้เลยกับทายาทเจ้าของธุกิจอุปกรณ์อิเลคทรอนิคที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเกาหลีอย่างยุนโฮ
มันแตกต่างกันมากไปมั้ยนะ เขาธรรมดา แต่ยุนโฮนั้นโดดเด่นแม้จะไม่ได้ทำตัวฟุ้งเฟ้อก็ตามที เขาเป็นผู้ชาย..ซึ่งก็ไม่เข้ากันเลยสักนิดกับผู้ชายที่หล่อจัดๆอย่างยุนโฮ เขาอาจจะเรียนเก่ง รู้ใจยุนโฮ แต่คุณสมบัติเหล่านั้นมันก็ไม่เพียงพอเลย หากจะเทียบกับเหล่าคุณหล่อที่ดีพร้อมทั้งหน้าตาและชาติตระกูลอีกมากมาย
แจจุงถอนหายใจขณะหยุดมองบ้านตัวเองแล้วคิดเรื่องไร้สาระอยู่นาน ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่เข้าท่า แต่ก็ยังวนเวียนคิดเรื่องแบบนี้อยู่ได้เรื่อยๆ
ก้าวเดินทอดน่องเอื่อยๆเข้ามาในบ้านแล้วก็วางกระเป๋าลงข้างประตู ก้มลงทอดรองเท้า ได้ยินเสียงละครโทรทัศน์ที่แม่เลี้ยงเขาชอบดูดังมาจากด้านหลังโซฟา
"กลับมาแล้วหรอ" คิม ซอยอง หันมาถามด้วยสีหน้านิ่งเฉยจนเกือบจะค่อนไปทางบึ้งตึง
"ครับ" แจจุงตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ หิ้วกระเป๋าสาวเท้าเข้ามาในบ้าน แล้วเดินไปหยิบชุดฝึกงานของตัวเองขึ้นมาดู ร้านซักรีดเอามาให้แล้วสินะ ถึงมันจะดูเป็นทางการมากกว่าชุดพนักงานร้านกาแฟของมหาลัยแต่เขาก็ยังชอบและอยากจะไปอยู่ในชุดที่สามารถอยู่ใกล้ๆยุนโฮได้มากกว่า
"ดูเข้าไป เสียเงินเสียทองไปตั้งเยอะก็ตั้งใจฝึกเข้าหล่ะ จะได้รีบออกมาหาเงินเลี้ยงชั้นสักที" คำพูดนั้นทำให้แจจุงหลุดออกจากความคิดของตัวเองแล้วหน้าบูดบึ้งไป แม่เลี้ยงของเขาเป็นแบบนี้เอง ตามประสาแม่ค้าชาวบ้าน
ร่างบางเดินหอบของทั้งหมดขึ้นไปชั้นบน สาวเท้าเอื่อยๆไปเข้าไปในห้อง ตัดขาดจากเสียงรบกวนภายนอกแล้วถอนหายใจออกมา
จู่ๆความทรงจำเรื่องเมื่อสี่วันก่อนก็เข้ามาในสมองอย่างแจ่มชัด
flash back
วันนั้นเป็นวันธรรมดาๆที่เขาเพิ่งจะเลิกเรียน มันเป็นหนึ่งในน้อยๆครั้งที่เขายอมให้ยุนโฮ ไอ้เพื่อนรักที่เขาแอบเฝ้าคิดถึงมาส่งที่บ้าน
แน่นอนว่าไม่ได้เข้ามาถึงข้างในหรอก เขาขี้เกียจให้ยุนโฮมาเจอกับแม่เลี้ยงและก็ไม่อยากให้เข้ามาเห็นความแตกต่าง แค่นี้..เขาก็รู้ตัวดีอยู่แล้ว ถึงยุนโฮจะไม่คิดอะไร แต่เขาก็อดคิดและเก็บมาเสียใจคนเดียวไม่ได้
"กลับดึกจริงนะ" เป็นท่าเดิมแต่แค่เปลี่ยนวันและคำพูดนิดหน่อยเท่านั้นเอง แม่เลี้ยงเขากำลังนั่งดูละครอยู่ที่โซฟา พอเขากลับมาก็จะหันหน้ากลับมาถาม
"ครับ" ไม่อยากจะตอบอะไรมากมาย แจจุงขี้เกียจจะเถียง
"ไอ้หนุ่มสุดที่รักของแกมาส่งหรอ" แม่เลี้ยงเขารู้ดี ก็แน่หล่ะ เขาแอบกอดแอบจูบรูปยุนโฮประจำเวลาอยู่ในห้องตัวเอง แล้วจะมีหรอที่แม่เลี้ยงที่ไม่ค่อยมีมารยาทในการเคาะประตู แต่ชอบสอดรู้สอดเห็นจะไม่รู้ว่าเขาแอบชอบยุนโฮมากแค่ไหน
"ยุนโฮมาส่ง" ตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ ราวกับจะแก้ไขสรรพนามการเรียกเพื่อนรักซะใหม่
"ไปทำอะไรกันมาหล่ะ กลับซะดึกดื่น แถมแกยังหน้าบานมาเชียว"
"ไปวางแผนงานมาครับ"
"งานอะไร" หันมาถามอย่างจริงจัง เพราะช่วงนี้ละครกำลังโฆษณาอยู่
"กำลังจะเตรียมจะไปฝึกงานกัน เลยต้องวางแผน"
"ฝึกงานอะไร แกไม่เห็นบอก" ถามจู้จี้จนแจจุงถอนหายใจ นึกอยากจะให้ละครรีบเล่นเร็วๆ
"ฝึกงานในร้านกาแฟของมหาวิทยาลัย" ตอบแล้วแจจุงก็ก้าวขึ้นบันไดพร้อมกับใหบน้าที่เบื่อหน่าย
"แหมๆ กะอีแค่ร้านกาแฟ ทำมาเป็นวางผงวางแผน ชั้นจะบอกอะไรแกให้นะ ไอ้แจจุง ไอ้ร้านกาแฟนั่นหน่ะมันจะช่วยอะไรแกสักเท่าไหร่เชียว มาแต่ไปเกาะติดคนที่แอบรัก ไม่ได้เจียมตัวเลย เขาหน่ะทำได้ เพราะบ้านเค้ามันรวยมหาศาลอยู่แล้ว แต่แกหน่ะ เป็นใคร..ไปฝึกงานง่ายๆตามเค้าหน่ะ ใช้หัวคิดบ้างมั้ย คิดว่าอยู่ใกล้ๆเขาแล้วเขาจะเอาแกรึไง ..หัดตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงาซะบ้าง...."
แจจุงกัดฟันแน่น เดินขึ้นห้องมาพร้อมกับหัวใจที่แสบปวด มันไม่ได้จบแค่นี้หรอก สิ่งที่แม่เลี้ยงเขากระแหนะกระแหน มันไม่ได้จับแค่นั้น เพียงแต่เขาทนฟังมันไม่ไหวเท่านั้นเอง ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นความจริง แต่บางทีความจริง..มันก็...โหดร้ายเกินไปมั้ย
flash come
แจจุงนั่งเหม่อมองชุดฝึกงานของตัวเองแล้วนั่งลงบนเตียง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาใส่ใจกับคำพูดของแม่เลี้ยงตัวเอง คำถากถางเหล่านั้นมันเริ่มมีอิทธิพลต่อเขามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มันทำให้เขาตัดใจอยู่ห่างจากยุนโฮได้มากขนาดนี้เชียว มันทำให้เขายอมทำในสิ่งที่รู้ว่ายุนโฮจะต้องโกรธและเสียใจ ทว่าบางครั้ง เราต้องยอมเสียบางอย่างไป เพื่อให้ได้อีกอย่างนึงมา และคิมแจจุง ก็ยอมที่จะเสีย
------------------------------------------------
ส้มเปิดเรื่องใหม่ หลังจากที่ไม่ได้เปิดมาเป็นปีแล้วค่ะ คิดพล็อตเรื่องนี้นานมาก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนได้ถูกใจมาเป็นอันนี้แหละค่ะ ตอนนี้ส้มมาอยู่ที่จีนแล้ว มาเรียนภาษาอย่างเดียวก่อนค่ะ ดรอปเรียนมาเลยปีนึง คาดว่าคงจะมีเวลามาแต่งฟิคได้ค่ะ
ตั้งใจว่าจะรีบแต่เรื่องนี้ให้จบ ไม่อยากดอง แต่ไม่รู้ว่าจะได้แค่ไหน ยังไงก็ฝากฟิคเรื่องนี้เอาไว้กับนักอ่านทุกคนด้วยนะค่ะ
คิดถึงคนอ่านที่สุดในโลก
ปล ขอติดแบนเนอร์ไว้ด้วย คิคิ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น