ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้าม กับการหนีตาม...

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1:ฉากเร่าร้อนที่ไม่คาดฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 54


     

     
    Chapter 1:ฉากเร่าร้อนที่ไม่คาดฝัน

    เสียงคนพูดคุยดังจ่อกแจ่กไปทั่งบริเวณลานกว้าง เบื้องหน้าของผู้คนมากมายคือแกลลอรี่นัมเบอร์วัน สถานที่จัดแสดงงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโซล 

    วันนี้มีเหล่าผู้สื่อข่าวและคนรักงานศิลปะมากมายมายืนออเพื่อรอคอยการเปิดนิทรรศการของนักอาร์ตชื่อดัง หนึ่งในคนจำนวนมากนั้นก็คือ คิม แจจุง ร่างบางอยู่ในชุดเสื้อคอวีกับกางเกงขาสั้นสีขาว  บนใบหน้าหวานมีแว่นกันแดดอันโตแถมในมือยังมีร่มสีเหลืองกางอยู่เพื่อป้องกันแสงแดดอีกชั้น 


    แจจุงก้มหน้ามองเท้าของตัวเองที่โดนคนเหยียบไปเป็นสิบครั้งแล้วอย่างอารมณ์เสีย ไม่รู้ว่าคนมันจะเบียดอะไรนักหนา ถ้าไม่ใช่เพื่อพี่ชีวอนนะ จะไม่มาง้อเลย แล้วนี่มันก็ถึงเวลาเปิดแล้วหนิทำไมถึงยังไม่ให้เข้าไปอีกหล่ะ  แบบนี้คงต้องหาทางชิงเข้าไปก่อนหล่ะ



    ร่างเล็กคิดก่อนจะเดินแหวกผู้คนออกไปจากวงล้อมเบียดเสียดอย่างยากลำบาก แจจุงเดินตรงไปทางด้านหลังตึกสูง เท้าเล็กก้าววนไปวนมาอยู่สักพักก็หาประตูทางเข้าจนเจอ
    เชอะ ใครจะไปยืนรอไหว อีกอย่างนี่มันก็ใกล้เวลานัดทานอาหารกับมะม๋าแล้วด้วย เราต้องรีบหน่อยซะแล้ว คิมแจจุง


    ร่างเล็กเดินมองซ้ายมองขวาเดินเข้าไปในแกลอรี่แล้วจึงถอดแว่นพร้อมกับเก็บร่มพับเข้ากระเป๋า กำแพงด้านในทั้งหมดเป็นสีขาวล้วน ผลงานศิลปะระดับมืออาชีพถูกจัดแสดงอย่างประณีต ทว่าแจจุงกลับไม่สนใจมองสิ่งอื่นใดรอบตัว ร่างบางมุ่งหน้ามองหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ และในที่สุดก็เจอมันจนได้



    ภาพสีน้ำมันขนาดปานกลางที่แขวนอยู่บนกำแพงข้างรูปปั้นอันโต ด้านบนเป็นป้ายชื่อนิทรรศการบ่งบอกว่าผลงานชิ้นนี้เป็นชิ้นเอกของการจัดแสดง แจจุงไม่รอช้าเอื้อมมือไปคว้าภาพสีน้ำมันลงมาอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กหยิบเงินก้อนโตออกมาจากกระเป๋าก่อนจะโยนมันไปไว้ที่พื้น มือบางคว้าผลงานชิ้นเอกก่อนจะเดินจากไปพร้อมด้วยรอยยิ้มสมใจบนใบหน้า



    แจจุงเดินลากเท้าอย่างรวดเร็วและระมัดระวังไปตามทางเดิน และในช่วงเวลานั้นเองร่างสูงของใครบางคนก็โผล่ออกมา แจจุงผงะก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ และก็ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน คนตรงหน้านี้อยู่ในชุดเสื้อแจ็คแก็ตหนังสีน้ำตาลมีแว่นตากันแดดอันโตปกคลุมใบหน้า แต่ว่านั่นไม่สำคัญสำหรับแจจุง สิ่งที่เรียกความสนใจแก่สายตาหวานมากที่สุด คือมือเรียวยาวสวยงามคู่นั้นต่างหาก มือที่เขาได้นั่งจ้องผ่านจอแก้วอยู่ทุกวัน มือที่สวยที่สุดในโลกเท่าที่เคยเห็นมา มือของ จอง ยุนโฮ


    กึกกักๆ  


    เสียงฝีเท้าคนที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้ร่างสูงตรงหน้ารีบคว้าตัวแจจุงเดินหลบไปอีกทาง ทั้งสองเข้ามาหลบอยู่ที่ซอกระหว่างพนังแสดงงานโชว์กับกระจกที่มีบานเกล็ดสีขาวครึ่งปิดครึ่งเปิดอยู่ ร่างเล็กยืนตัวแข็งทั้งตื่นตระหนกและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน 
    คนตรงหน้านี่ใช่จองยุนโฮจริงรึเปล่า 

    “คือ...”


    ชู่ว์ 


    ร่างเล็กกำลังจะอ้าปากถามแต่ว่าคนตัวสูงก็รีบเอามือปิดปากเป็นสัญญาณห้าม เพราะแบบนั้นแจจุงเลยได้แต่ยืนเกร็งต่อไป ในซอกตรงนี้มันแคบมาก หลังของเขาพิงติดกับ
    กระดานสีขาวสำหรับโชว์งานศิลปะ มือบางจับภาพสีน้ำมันเอาไว้แน่น มือหนาของคนตรงหน้าวางอยู่ที่กำแพงเหนือหัวเขา แผ่นหลังกว้างแนบกับบานเกล็ดสีขาว



    ท่ามกลางความร้อนยามบ่าย ในซอกที่คับแคบ แสงแดงแรงกล้าส่องผ่านบานเกล็ดเข้ามาแทงตาหวานจนแจจุงต้องหลับตาลง เขาอึดอัดเหลือเกิน จะพูดก็ไม่ได้ จะขยับตัวก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ที่สำคัญเขาอยากรู้ว่าร่างสูงนี่ใช่ยุนโฮหรือเปล่า ทำไงดี



    ในช่วงเวลานั้นเองเสียงคนคุยกันกับเสียงฝีเท้าก็ค่อยๆเลือนลางไป

    คงจะเป็นสตาฟที่มาเดินเช็คความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายก่อนเปิดงานสินะ  


    ร่างสูงคิดในใจ ปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าสตาฟพวกนั้นคงจะไปแล้ว ร่างหนาขยับตัวแต่จมูกโด่งก็มาแตะกับหน้าผากมนของคนเบื้องล่างซะก่อน  แจจุงหยีตาขึ้นแต่ก็แทบมองไม่เห็นเพราะแสงแดด 



    มือหนาเอื้อมมาอยู่ด้านหน้าดวงตาหวานเพื่อบังแสงให้ ในเวลานี้ใบหน้าของทั้งสองคนสัมผัสกันไปมา ร่างหนามองหน้าคนเบื้องล่างผ่านเลนส์สีชา ลมหายใจอุ่นร้อนระบายมาโดนแก้มเขาอย่างจัง  ริมฝีปากบางแดงอิ่มนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม บางอย่างในตัวเขากำลังลุกโชนแสดงความปรารถนาอย่างมากมาย
    ไม่ไหวแล้ว


    ริมฝีปากหนาประกบลงไปที่กลีบกุหลาบสีแดงตรงหน้าอย่างเร่าร้อน ร่างบางหลับตาแน่นรับรสจุมพิต มือบางปล่อยภาพสีน้ำมันลงกับพื้นแล้วโอบรอบต้นคอหนาไว้ แว่นของร่างสูงตรงหน้าหลุดร่วงลงกับพื้น 



    แจจุงพยายามจะลืมตาขึ้นมาดูที่ใบหน้าคมแต่ก็ทำไม่ได้  เขามึนหัวไปหมด  ไม่รู้แน่ชัดว่าคนตรงหน้าที่เขากำลังจูบอยู่ด้วยนี้เป็นใคร ทว่าบางอย่างบอกเขาว่านี่ เป็น จอง ยุนโฮ
    ไม่ทันที่แจจุงจะได้คิดอะไรมาก มือหนาข้างหนึ่งก็สอดเข้าไปใต้เสื้อคอวีตัวบาง อีกข้างหนึ่งเอื้อมมาปลดกระดุมกางเกงขาสั้นสีขาวของเขาออกอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสอันเร่าร้อน ริมฝีปากที่รุกรานเข้ามาในโพรงปากอย่างชำนาญ ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดวนดูดดื่มความหวานซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือหนากกกอดยกร่างของเขาเอาไว้แนบแน่น บางอย่างกำลังเข้าไปที่ช่องทางร้อนด้านหลังของแจจุง



    ร่างเล็กเกร็งตัวเอามือจับที่ไหล่กว้างแน่น ใบหน้าหวานแหงนขึ้นรับอากาศ รู้สึกราวกับจะขาดใจ หยุดไม่ได้แล้ว เขาหยุดตัวเองไม่ไหวแล้ว มันต้องการมากขึ้นอีก อยากให้มันลึกล้ำเข้าไปกว่านี้อีก 
    ลมหายใจของทั้งสองดังเร่งตามจังหวะกระแทกที่เร็วถี่ขึ้นเรื่อยๆมือหนาบีบบั้นท้ายขาวนวล ร่างนัวเนียของคนสองคนเกร็งขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงครางในลำคออย่างสุขสมในที่สุด...


    ---------------------------------------------



    แสงไฟสีส้มจากโคมห้อยระย้าบนเพดานส่องกระทบเครื่องแก้วบนโต๊ะอาหารจนแวววาว อาหารนานาชนิดถูกจัดวางอย่างดีบนผ้าปูสีเนื้อของโต๊ะตัวยาวเหยียด 



    เจ้าของคฤหาศหลังโตเดินลงบันไดมุ่งหน้ามาสู่ห้องอาหารที่มีคนนั่งรออยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าพ่อปาร์คนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะที่เด็กรับใช้เลื่อนให้ สายตาคมกวาดมองไปที่หมู่คนซึ่งนั่งประจำที่อยู่ที่เก้าอี้ไม้ก่อนจะขมวดคิ้วหงุดหงิดเมื่อเห็นเก้าอี้ว่างไปสองตัว



    “ยูชอนกับแจจุงหล่ะ ไปไหน” ประมุขของบ้านเอ่ยถามเสียงเข้ม

    “คุณหนูบอกว่าออกไปเอาของข้างนอกจะกลับมาสายนิดหน่อยครับ”ชางมินกล่าวมาจากด้านข้างเจ้าพ่อปาร์คแล้วเอ่ยตอบอย่างสุภาพในฐานะผู้ดูแลของคุณหนูแจจุง บุตรคนที่สองของบ้านนี้


    “หนีออกไปกับคนขับรถอีกหล่ะสิ”เจ้าพ่อปาร์คกล่าวส่ายหัวอย่างระอา


    “ ครับ” ชางมินตอบเสียงเบา ก็คุณหนูของเขาหน่ะสิ มีอย่างที่ไหนแอบออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขา เขียนแต่โน้ตทิ้งเอาไว้ว่าจะไปเอาของขวัญวันเกิดให้ คุณชีวอน



    “โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ซะบ้าง ต่อไปชีวอนคงจะลำบากน่าดูแล้วหล่ะ ลุงฝากด้วยนะ” เจ้าพ่อปาร์คหันไปบ่นกับร่างสูงที่นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายถัดไปจากคุณนายคิม ชีวอนนั้นเป็นคู่หมั้นคู่หมายที่สนิทกับแจจุงมาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว


    “ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกครับ ผมเต็มใจ แจเค้าก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วหล่ะครับ”ร่างสูงพูดยิ้มๆเมื่อนึกถึงคนรัก ขานั้นหน่ะ เป็นคุณหนูช่างพูด น่ารักสดใสจนเขาหลงแบบถอนตัวไม่ขึ้นเชียว



    “เข้าข้างกันจริงเลยนะ แบบนี้สงสัยแจจุงคงได้เอาแต่ใจตัวเองไปจนแก่ แล้วนี่เจ้ายูชอนหล่ะคุณ หายไปไหน”ประมุขของบ้านหันหน้าไปถามภรรยา



    “เอ่อ เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะค่ะ” คุณนายคิมตอบหน้าถอดสีเล็กน้อยกับเจ้าลูกชายคนโตตัวดี


    “นี่มันอะไรกันเนี่ย แค่มาร่วมทานอาหารด้วยกันแค่นี้มันยากนักหรือไง ถึงต้องให้แขกเห
    รื่อ ผู้หลักผู้ใหญ่รอกันตาตั้งแบบนี้ ไม่ไหวเลยนะ ไอ้ลูกสองคนนี้ ยังไงพ่อต้องขอโทษ ยูฮวานด้วยนะ อุตส่าห์จะเลี้ยงเปิดตัวเราทั้งที เจ้าพี่ชายตัวดีทั้งสองกลับยังไม่โผล่มาซะนี่”เจ้าพ่อปาร์คบ่นก่อนจะหันมาพูดเสียงอ่อนกับลูกคนเล็กที่นั่งเรียบร้อยอยู่ทางด้านขวา ริคกี้ ยูฮวานเป็นลูกชายของภรรยาน้อยที่หายสาบสูญไปของเจ้าพ่อปาร์ค เขาใช้เวลาตามหาหลายปีกว่าจะได้ตัวมาเมื่ออาทิตย์ก่อน 


    “แล้วเพื่อนเราไปไหนซะหล่ะ เห็นว่าชื่อ มิน..มินอะไรนะ” 

    “มินโฮครับ คุณพ่อ” 

    “อ๋อ มินโฮ แล้วอยู่ไหนล่ะ” เจ้าพ่อปาร์คถามอย่างเอ็นดู เขาสงสารเจ้าลูกคนนี้เหลือเกิน ตอนที่ลูกน้องเขาไปเจอที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นร่างเล็กสภาพแย่มาก เสื้อผ้าขาดวิ่นตัวผอมโซ และด้วยความกังวลว่ายูฮวานจะยังปรับเข้ากับคนอื่นๆในบ้านไม่ได้ เจ้าพ่อปาร์คเลยอนุญาตให้พาเพื่อนมาอยู่ด้วยคนหนึ่งและนั่นก็คือมินโฮ


    “คือ มินโฮเค้าไม่ค่อยชอบอยู่กับคนเยอะๆนะครับ คุณพ่อ” ร่างเล็กตอบอย่างประหม่า


    “งั้นหรอ...”


    “กลับมาแล้วคร้าบ” เสียงใสแจ้วตะโกนมาแต่ไกลขัดบทสนทนาระหว่างพ่อลูกคู่ใหม่จนหมดสิ้น


    “โวยวายอะไรมาแต่ไกลฮะ”เจ้าพ่อปาร์คหันไปว่าลูกคนรองที่วิ่งเข้ามา


    “แจขอโทษฮะ ที่ให้รอแล้วก็เสียงดัง อ๊ะ พี่ชีวอนมาแล้วหรอ” ร่างเล็กรีบแก้ตัวพอหันไปเห็นคู่หมั้นร่างเล็กก็หน้าเจื่อนไป ก็มือเขาถือเจ้าภาพสีน้ำมันที่เป็นของขวัญวันเกิดพี่ชีวอนอยู่หนิ


    “พี่มาตั้งนานแล้วแจ แล้วนี่ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังหล่ะครับหน่ะ”


    “ปะเปล่าๆ แค่อะไรบางอย่างหน่ะ เดี๋ยวพี่ชีวอนก็ได้จะรู้เอง” ร่างเล็กพูดก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆชีวอนด้วยสีหน้าเจื่อนๆ รู้สึกผิดต่อชีวอนจนแทบจะมองหน้าไม่ได้



    “ทำเป็นมีความลับนะ เจ้าลูกคนนี้” คุณนายคิมหันไปค้อนลูกคนกลางอย่างหมั่นไส้ แจจุงเป็นลูกคนโปรดของเธอมาแต่ไหนแต่ไรเพราะว่าขี้อ้อน เพราะแบบนั้นก็เลยให้ใช้นาสกุลตามชื่อของเธอ ส่วนยูชอนนั้นเป็นลูกชายคนโตเลยให้ใช้นามสกุลตามสามี


    “ถ้างั้นทุกคนก็เริ่มทานอาหารเลยล่ะกัน ไม่รอเจ้ายูชอนมันแล้ว” เจ้าพ่อปาร์คพูดสั่ง


    “จุนซู ตักอาหารสิ” คุณนายคิมหันไปสั่งเด็กรับใช้หน้าหวานที่เธอเก็บมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของตระกูลคิม เธอรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น เหมือนกับว่าจะได้ทำประโยชน์อะไรบางอย่างให้


    “เริ่มทานกันแล้วหรอครับ” ร่างสูงผู้เดินเข้ามาใหม่พูดขึ้นขณะที่จุนซูกำลังตักข้าวแจกทุกคนอยู่


    “ก็ใครเค้าจะไปรอแกกันหล่ะ เจ้าลูกชายตัวดี”เจ้าพ่อปาร์คหันไปพูดกับยูชอน ส่วนคุณนายคิมนั้นส่งสายตาบังคับให้นั่งลงด้านขวามือตรงข้ามกับเธอ


    “ผมต้องทำงานหนิครับ โรงแรมของคุณพ่อไม่ได้มีแค่สาขาเดียวนะครับ” 


    “ไม่ต้องเอางานมาบังหน้าเลยนะ อย่าคิดนะว่าชั้นไม่รู้เรื่องวีรกรรมทั้งหลายของแก กินข้าวเสร็จแล้วไปหาชั้นกับแม่แกที่ห้องด้วยหล่ะ”



    “ครับ” ยูชอนตอบรับทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ก็พอดีกับที่ร่างเล็กของจุนซูเดินเก้ๆกังๆมาตักข้าวใส่จานให้เขาเป็นคนสุดท้ายพอดี


    การรับประทานอาหารเริ่มไปได้สักพัก เจ้าพ่อปาร์คก็เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง



    “นี่ ยูชอน แจจุง รู้จักกับยูฮวานเอาไว้สิ เค้าเป็นน้องเล็กของพวกแก”ประมุขของบ้านพูด


    “หวัดดีนะ” แจจุงพูดแล้วยิ้มให้ส่วนยูชอนนั้นหันไปทำหน้าเย็นชาใส่เท่านั้นเอง


    “คนอื่นๆก็ด้วยนะ ขอให้รู้ไว้ว่า ยูฮวานเป็นลูกคนเล็กของชั้น ไม่มีการแบ่งแยกใดๆ” เจ้าพ่อปาร์คลั่นวาจาเสียงดัง ท่ามกลางเหล่าเด็กรับใช้และผู้คนในครอบครัว ยูฮวานได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆแบบคนที่ทำตัวไม่ถูก ส่วนคนอื่นๆก็เงียบกริบนั่งทานอาหารต่อไป



    ---------------------------------------------------------------------


    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับเข้าห้อง แจจุงนั้นเดินออกมาที่สวนด้านนอกกับชีวอน



    “วันนี้หายไปไหนมา พี่รอกินข้าวตั้งนานนะ” ร่างสูงพูดแล้วเดินไปกอดแผ่นหลังบางท่ามกลางความมืดสลัว


    “แจก็...อืม เอาเป็นว่าพี่ชีวอนหลับตาก่อน” ร่างเล็กพูดเอื้อมมือไปปิดตาคมพร้อมรอยยิ้ม


    “ตื่นเต้นนะเนี่ย”


    “พร้อมรึยัง”

    “พร้อมแล้วครับ” ชีวอนตอบรับ

    “แต่น แตน แต๊น สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าฮะ พี่ชีวอนของแจ” ร่างเล็กบอกก่อนจะหยิบเจ้าภาพวาดที่อยู่ข้างออกมาโชว์ 


    “ว้าว น่ารักจริงๆ จำได้ด้วยหรอว่าพี่อยากได้ภาพนี้หน่ะ”ชีวอนทำหน้าตื่นเต้น มันเป็นผลงานชิ้นเอกในนิทรรศการใหม่ของ ลี คูมยอง นักศิลปะชื่อดัง ผลงานสีน้ำมันเพียงชิ้นเดียว 


    “ ไม่งั้นจะเรียกว่าคู่หมั้นได้หรอ” แจจุงพูดแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ รับกอดชีวอนเอาไว้ ความจริงวันเกิดของชีวอนนั้นเป็นพรุ่งนี้ ซึ่งก็คือวันเกิดของเขาด้วย แต่แจจุงอยากจะให้ก่อน


    “แล้วนี่เราไปชกชิงมาจากนิทรรศการเค้าเลยหรอเนี่ย เดี๋ยวก็โดนจับเอาหรอก” 

    “ไม่มีทางหรอกฮะ ก็แจคุยกับเจ้าของผลงานเอาไว้แล้ว เพียงแต่ทางแกลลอรี่หน่ะเรื่องมากอยากจะเอาโชว์ก่อน แต่แจไม่อยากรอเลยไปชิงมาก่อน ให้เงินเยอะกว่าเดิมด้วยนะ”ร่างเล็กพูดอย่างเจ้าเล่ห์


    “ซนจริงๆเลยนะเรา” 

    “แล้วชอบมั้ยล่ะฮะ” 

    “ชอบสิ ชอบมากเลย”

    “งั้นขอรางวัลหน่อย”แจจุงบอกแก้มไปให้


    “ไม่พอหรอกแบบนั้น”ร่างสูงบอกก่อนจะจับใบหน้าเล็กมาประกบปากแทน ลิ้นหนาค่อยๆสอดเข้าไปในโพรงปากเล็ก แจจุงหลับตาลง แต่แทนที่จะเคลิ้มเคลิบไปกับจูบ เขากลับนึกถึงแต่ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันนี้ 


    “เป็นอะไรไปแจ” ชีวอนถามอย่างงงๆเมื่อเห็นแจจุงถอยตัวออกไป


    “คือ..”

    “มีอะไรหรอครับ ไม่อยากเร่าร้อนกับพี่ต่อหรือไง” ร่างสูงพูดยิ้มๆเดินไปจูบที่ซอกคอขาวอย่างแผ่วเบา


    “เดี๋ยวฮะ...” แจจุงผลักชีวอนออกหน้าเสียไปจนสังเกตเห็นได้ชัดเจน


    “มีอะไรหรอ”

    “แจ...คือ...แจ.....”ร่างเล็กหลับตาลงอย่างลำบากใจ

    “แจ ไปเร่าร้อนกับคนอื่นมา”


    -----------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×