ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1:ฉากเร่าร้อนที่ไม่คาดฝัน
Chapter 1:ฉากเร่าร้อนที่ไม่คาดฝัน
เสียงคนพูดคุยดังจ่อกแจ่กไปทั่งบริเวณลานกว้าง เบื้องหน้าของผู้คนมากมายคือแกลลอรี่นัมเบอร์วัน สถานที่จัดแสดงงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโซล
วันนี้มีเหล่าผู้สื่อข่าวและคนรักงานศิลปะมากมายมายืนออเพื่อรอคอยการเปิดนิทรรศการของนักอาร์ตชื่อดัง หนึ่งในคนจำนวนมากนั้นก็คือ คิม แจจุง ร่างบางอยู่ในชุดเสื้อคอวีกับกางเกงขาสั้นสีขาว บนใบหน้าหวานมีแว่นกันแดดอันโตแถมในมือยังมีร่มสีเหลืองกางอยู่เพื่อป้องกันแสงแดดอีกชั้น
แจจุงก้มหน้ามองเท้าของตัวเองที่โดนคนเหยียบไปเป็นสิบครั้งแล้วอย่างอารมณ์เสีย ไม่รู้ว่าคนมันจะเบียดอะไรนักหนา ถ้าไม่ใช่เพื่อพี่ชีวอนนะ จะไม่มาง้อเลย แล้วนี่มันก็ถึงเวลาเปิดแล้วหนิทำไมถึงยังไม่ให้เข้าไปอีกหล่ะ แบบนี้คงต้องหาทางชิงเข้าไปก่อนหล่ะ
ร่างเล็กคิดก่อนจะเดินแหวกผู้คนออกไปจากวงล้อมเบียดเสียดอย่างยากลำบาก แจจุงเดินตรงไปทางด้านหลังตึกสูง เท้าเล็กก้าววนไปวนมาอยู่สักพักก็หาประตูทางเข้าจนเจอ
เชอะ ใครจะไปยืนรอไหว อีกอย่างนี่มันก็ใกล้เวลานัดทานอาหารกับมะม๋าแล้วด้วย เราต้องรีบหน่อยซะแล้ว คิมแจจุง
ร่างเล็กเดินมองซ้ายมองขวาเดินเข้าไปในแกลอรี่แล้วจึงถอดแว่นพร้อมกับเก็บร่มพับเข้ากระเป๋า กำแพงด้านในทั้งหมดเป็นสีขาวล้วน ผลงานศิลปะระดับมืออาชีพถูกจัดแสดงอย่างประณีต ทว่าแจจุงกลับไม่สนใจมองสิ่งอื่นใดรอบตัว ร่างบางมุ่งหน้ามองหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ และในที่สุดก็เจอมันจนได้
ภาพสีน้ำมันขนาดปานกลางที่แขวนอยู่บนกำแพงข้างรูปปั้นอันโต ด้านบนเป็นป้ายชื่อนิทรรศการบ่งบอกว่าผลงานชิ้นนี้เป็นชิ้นเอกของการจัดแสดง แจจุงไม่รอช้าเอื้อมมือไปคว้าภาพสีน้ำมันลงมาอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กหยิบเงินก้อนโตออกมาจากกระเป๋าก่อนจะโยนมันไปไว้ที่พื้น มือบางคว้าผลงานชิ้นเอกก่อนจะเดินจากไปพร้อมด้วยรอยยิ้มสมใจบนใบหน้า
แจจุงเดินลากเท้าอย่างรวดเร็วและระมัดระวังไปตามทางเดิน และในช่วงเวลานั้นเองร่างสูงของใครบางคนก็โผล่ออกมา แจจุงผงะก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ และก็ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน คนตรงหน้านี้อยู่ในชุดเสื้อแจ็คแก็ตหนังสีน้ำตาลมีแว่นตากันแดดอันโตปกคลุมใบหน้า แต่ว่านั่นไม่สำคัญสำหรับแจจุง สิ่งที่เรียกความสนใจแก่สายตาหวานมากที่สุด คือมือเรียวยาวสวยงามคู่นั้นต่างหาก มือที่เขาได้นั่งจ้องผ่านจอแก้วอยู่ทุกวัน มือที่สวยที่สุดในโลกเท่าที่เคยเห็นมา มือของ จอง ยุนโฮ
กึกกักๆ
เสียงฝีเท้าคนที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้ร่างสูงตรงหน้ารีบคว้าตัวแจจุงเดินหลบไปอีกทาง ทั้งสองเข้ามาหลบอยู่ที่ซอกระหว่างพนังแสดงงานโชว์กับกระจกที่มีบานเกล็ดสีขาวครึ่งปิดครึ่งเปิดอยู่ ร่างเล็กยืนตัวแข็งทั้งตื่นตระหนกและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
คนตรงหน้านี่ใช่จองยุนโฮจริงรึเปล่า
“คือ...”
ชู่ว์
ร่างเล็กกำลังจะอ้าปากถามแต่ว่าคนตัวสูงก็รีบเอามือปิดปากเป็นสัญญาณห้าม เพราะแบบนั้นแจจุงเลยได้แต่ยืนเกร็งต่อไป ในซอกตรงนี้มันแคบมาก หลังของเขาพิงติดกับ
กระดานสีขาวสำหรับโชว์งานศิลปะ มือบางจับภาพสีน้ำมันเอาไว้แน่น มือหนาของคนตรงหน้าวางอยู่ที่กำแพงเหนือหัวเขา แผ่นหลังกว้างแนบกับบานเกล็ดสีขาว
กระดานสีขาวสำหรับโชว์งานศิลปะ มือบางจับภาพสีน้ำมันเอาไว้แน่น มือหนาของคนตรงหน้าวางอยู่ที่กำแพงเหนือหัวเขา แผ่นหลังกว้างแนบกับบานเกล็ดสีขาว
ท่ามกลางความร้อนยามบ่าย ในซอกที่คับแคบ แสงแดงแรงกล้าส่องผ่านบานเกล็ดเข้ามาแทงตาหวานจนแจจุงต้องหลับตาลง เขาอึดอัดเหลือเกิน จะพูดก็ไม่ได้ จะขยับตัวก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ที่สำคัญเขาอยากรู้ว่าร่างสูงนี่ใช่ยุนโฮหรือเปล่า ทำไงดี
ในช่วงเวลานั้นเองเสียงคนคุยกันกับเสียงฝีเท้าก็ค่อยๆเลือนลางไป
คงจะเป็นสตาฟที่มาเดินเช็คความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายก่อนเปิดงานสินะ
ร่างสูงคิดในใจ ปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าสตาฟพวกนั้นคงจะไปแล้ว ร่างหนาขยับตัวแต่จมูกโด่งก็มาแตะกับหน้าผากมนของคนเบื้องล่างซะก่อน แจจุงหยีตาขึ้นแต่ก็แทบมองไม่เห็นเพราะแสงแดด
มือหนาเอื้อมมาอยู่ด้านหน้าดวงตาหวานเพื่อบังแสงให้ ในเวลานี้ใบหน้าของทั้งสองคนสัมผัสกันไปมา ร่างหนามองหน้าคนเบื้องล่างผ่านเลนส์สีชา ลมหายใจอุ่นร้อนระบายมาโดนแก้มเขาอย่างจัง ริมฝีปากบางแดงอิ่มนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม บางอย่างในตัวเขากำลังลุกโชนแสดงความปรารถนาอย่างมากมาย
ไม่ไหวแล้ว
ริมฝีปากหนาประกบลงไปที่กลีบกุหลาบสีแดงตรงหน้าอย่างเร่าร้อน ร่างบางหลับตาแน่นรับรสจุมพิต มือบางปล่อยภาพสีน้ำมันลงกับพื้นแล้วโอบรอบต้นคอหนาไว้ แว่นของร่างสูงตรงหน้าหลุดร่วงลงกับพื้น
แจจุงพยายามจะลืมตาขึ้นมาดูที่ใบหน้าคมแต่ก็ทำไม่ได้ เขามึนหัวไปหมด ไม่รู้แน่ชัดว่าคนตรงหน้าที่เขากำลังจูบอยู่ด้วยนี้เป็นใคร ทว่าบางอย่างบอกเขาว่านี่ เป็น จอง ยุนโฮ
ไม่ทันที่แจจุงจะได้คิดอะไรมาก มือหนาข้างหนึ่งก็สอดเข้าไปใต้เสื้อคอวีตัวบาง อีกข้างหนึ่งเอื้อมมาปลดกระดุมกางเกงขาสั้นสีขาวของเขาออกอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสอันเร่าร้อน ริมฝีปากที่รุกรานเข้ามาในโพรงปากอย่างชำนาญ ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดวนดูดดื่มความหวานซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือหนากกกอดยกร่างของเขาเอาไว้แนบแน่น บางอย่างกำลังเข้าไปที่ช่องทางร้อนด้านหลังของแจจุง
ร่างเล็กเกร็งตัวเอามือจับที่ไหล่กว้างแน่น ใบหน้าหวานแหงนขึ้นรับอากาศ รู้สึกราวกับจะขาดใจ หยุดไม่ได้แล้ว เขาหยุดตัวเองไม่ไหวแล้ว มันต้องการมากขึ้นอีก อยากให้มันลึกล้ำเข้าไปกว่านี้อีก
ลมหายใจของทั้งสองดังเร่งตามจังหวะกระแทกที่เร็วถี่ขึ้นเรื่อยๆมือหนาบีบบั้นท้ายขาวนวล ร่างนัวเนียของคนสองคนเกร็งขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงครางในลำคออย่างสุขสมในที่สุด...
---------------------------------------------
แสงไฟสีส้มจากโคมห้อยระย้าบนเพดานส่องกระทบเครื่องแก้วบนโต๊ะอาหารจนแวววาว อาหารนานาชนิดถูกจัดวางอย่างดีบนผ้าปูสีเนื้อของโต๊ะตัวยาวเหยียด
เจ้าของคฤหาศหลังโตเดินลงบันไดมุ่งหน้ามาสู่ห้องอาหารที่มีคนนั่งรออยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าพ่อปาร์คนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะที่เด็กรับใช้เลื่อนให้ สายตาคมกวาดมองไปที่หมู่คนซึ่งนั่งประจำที่อยู่ที่เก้าอี้ไม้ก่อนจะขมวดคิ้วหงุดหงิดเมื่อเห็นเก้าอี้ว่างไปสองตัว
“ยูชอนกับแจจุงหล่ะ ไปไหน” ประมุขของบ้านเอ่ยถามเสียงเข้ม
“คุณหนูบอกว่าออกไปเอาของข้างนอกจะกลับมาสายนิดหน่อยครับ”ชางมินกล่าวมาจากด้านข้างเจ้าพ่อปาร์คแล้วเอ่ยตอบอย่างสุภาพในฐานะผู้ดูแลของคุณหนูแจจุง บุตรคนที่สองของบ้านนี้
“หนีออกไปกับคนขับรถอีกหล่ะสิ”เจ้าพ่อปาร์คกล่าวส่ายหัวอย่างระอา
“ ครับ” ชางมินตอบเสียงเบา ก็คุณหนูของเขาหน่ะสิ มีอย่างที่ไหนแอบออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขา เขียนแต่โน้ตทิ้งเอาไว้ว่าจะไปเอาของขวัญวันเกิดให้ คุณชีวอน
“โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ซะบ้าง ต่อไปชีวอนคงจะลำบากน่าดูแล้วหล่ะ ลุงฝากด้วยนะ” เจ้าพ่อปาร์คหันไปบ่นกับร่างสูงที่นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายถัดไปจากคุณนายคิม ชีวอนนั้นเป็นคู่หมั้นคู่หมายที่สนิทกับแจจุงมาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว
“ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกครับ ผมเต็มใจ แจเค้าก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วหล่ะครับ”ร่างสูงพูดยิ้มๆเมื่อนึกถึงคนรัก ขานั้นหน่ะ เป็นคุณหนูช่างพูด น่ารักสดใสจนเขาหลงแบบถอนตัวไม่ขึ้นเชียว
“เข้าข้างกันจริงเลยนะ แบบนี้สงสัยแจจุงคงได้เอาแต่ใจตัวเองไปจนแก่ แล้วนี่เจ้ายูชอนหล่ะคุณ หายไปไหน”ประมุขของบ้านหันหน้าไปถามภรรยา
“เอ่อ เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะค่ะ” คุณนายคิมตอบหน้าถอดสีเล็กน้อยกับเจ้าลูกชายคนโตตัวดี
“นี่มันอะไรกันเนี่ย แค่มาร่วมทานอาหารด้วยกันแค่นี้มันยากนักหรือไง ถึงต้องให้แขกเห
รื่อ ผู้หลักผู้ใหญ่รอกันตาตั้งแบบนี้ ไม่ไหวเลยนะ ไอ้ลูกสองคนนี้ ยังไงพ่อต้องขอโทษ ยูฮวานด้วยนะ อุตส่าห์จะเลี้ยงเปิดตัวเราทั้งที เจ้าพี่ชายตัวดีทั้งสองกลับยังไม่โผล่มาซะนี่”เจ้าพ่อปาร์คบ่นก่อนจะหันมาพูดเสียงอ่อนกับลูกคนเล็กที่นั่งเรียบร้อยอยู่ทางด้านขวา ริคกี้ ยูฮวานเป็นลูกชายของภรรยาน้อยที่หายสาบสูญไปของเจ้าพ่อปาร์ค เขาใช้เวลาตามหาหลายปีกว่าจะได้ตัวมาเมื่ออาทิตย์ก่อน
รื่อ ผู้หลักผู้ใหญ่รอกันตาตั้งแบบนี้ ไม่ไหวเลยนะ ไอ้ลูกสองคนนี้ ยังไงพ่อต้องขอโทษ ยูฮวานด้วยนะ อุตส่าห์จะเลี้ยงเปิดตัวเราทั้งที เจ้าพี่ชายตัวดีทั้งสองกลับยังไม่โผล่มาซะนี่”เจ้าพ่อปาร์คบ่นก่อนจะหันมาพูดเสียงอ่อนกับลูกคนเล็กที่นั่งเรียบร้อยอยู่ทางด้านขวา ริคกี้ ยูฮวานเป็นลูกชายของภรรยาน้อยที่หายสาบสูญไปของเจ้าพ่อปาร์ค เขาใช้เวลาตามหาหลายปีกว่าจะได้ตัวมาเมื่ออาทิตย์ก่อน
“แล้วเพื่อนเราไปไหนซะหล่ะ เห็นว่าชื่อ มิน..มินอะไรนะ”
“มินโฮครับ คุณพ่อ”
“อ๋อ มินโฮ แล้วอยู่ไหนล่ะ” เจ้าพ่อปาร์คถามอย่างเอ็นดู เขาสงสารเจ้าลูกคนนี้เหลือเกิน ตอนที่ลูกน้องเขาไปเจอที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นร่างเล็กสภาพแย่มาก เสื้อผ้าขาดวิ่นตัวผอมโซ และด้วยความกังวลว่ายูฮวานจะยังปรับเข้ากับคนอื่นๆในบ้านไม่ได้ เจ้าพ่อปาร์คเลยอนุญาตให้พาเพื่อนมาอยู่ด้วยคนหนึ่งและนั่นก็คือมินโฮ
“คือ มินโฮเค้าไม่ค่อยชอบอยู่กับคนเยอะๆนะครับ คุณพ่อ” ร่างเล็กตอบอย่างประหม่า
“งั้นหรอ...”
“กลับมาแล้วคร้าบ” เสียงใสแจ้วตะโกนมาแต่ไกลขัดบทสนทนาระหว่างพ่อลูกคู่ใหม่จนหมดสิ้น
“โวยวายอะไรมาแต่ไกลฮะ”เจ้าพ่อปาร์คหันไปว่าลูกคนรองที่วิ่งเข้ามา
“แจขอโทษฮะ ที่ให้รอแล้วก็เสียงดัง อ๊ะ พี่ชีวอนมาแล้วหรอ” ร่างเล็กรีบแก้ตัวพอหันไปเห็นคู่หมั้นร่างเล็กก็หน้าเจื่อนไป ก็มือเขาถือเจ้าภาพสีน้ำมันที่เป็นของขวัญวันเกิดพี่ชีวอนอยู่หนิ
“พี่มาตั้งนานแล้วแจ แล้วนี่ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังหล่ะครับหน่ะ”
“ปะเปล่าๆ แค่อะไรบางอย่างหน่ะ เดี๋ยวพี่ชีวอนก็ได้จะรู้เอง” ร่างเล็กพูดก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆชีวอนด้วยสีหน้าเจื่อนๆ รู้สึกผิดต่อชีวอนจนแทบจะมองหน้าไม่ได้
“ทำเป็นมีความลับนะ เจ้าลูกคนนี้” คุณนายคิมหันไปค้อนลูกคนกลางอย่างหมั่นไส้ แจจุงเป็นลูกคนโปรดของเธอมาแต่ไหนแต่ไรเพราะว่าขี้อ้อน เพราะแบบนั้นก็เลยให้ใช้นาสกุลตามชื่อของเธอ ส่วนยูชอนนั้นเป็นลูกชายคนโตเลยให้ใช้นามสกุลตามสามี
“ถ้างั้นทุกคนก็เริ่มทานอาหารเลยล่ะกัน ไม่รอเจ้ายูชอนมันแล้ว” เจ้าพ่อปาร์คพูดสั่ง
“จุนซู ตักอาหารสิ” คุณนายคิมหันไปสั่งเด็กรับใช้หน้าหวานที่เธอเก็บมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของตระกูลคิม เธอรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น เหมือนกับว่าจะได้ทำประโยชน์อะไรบางอย่างให้
“เริ่มทานกันแล้วหรอครับ” ร่างสูงผู้เดินเข้ามาใหม่พูดขึ้นขณะที่จุนซูกำลังตักข้าวแจกทุกคนอยู่
“ก็ใครเค้าจะไปรอแกกันหล่ะ เจ้าลูกชายตัวดี”เจ้าพ่อปาร์คหันไปพูดกับยูชอน ส่วนคุณนายคิมนั้นส่งสายตาบังคับให้นั่งลงด้านขวามือตรงข้ามกับเธอ
“ผมต้องทำงานหนิครับ โรงแรมของคุณพ่อไม่ได้มีแค่สาขาเดียวนะครับ”
“ไม่ต้องเอางานมาบังหน้าเลยนะ อย่าคิดนะว่าชั้นไม่รู้เรื่องวีรกรรมทั้งหลายของแก กินข้าวเสร็จแล้วไปหาชั้นกับแม่แกที่ห้องด้วยหล่ะ”
“ครับ” ยูชอนตอบรับทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ก็พอดีกับที่ร่างเล็กของจุนซูเดินเก้ๆกังๆมาตักข้าวใส่จานให้เขาเป็นคนสุดท้ายพอดี
การรับประทานอาหารเริ่มไปได้สักพัก เจ้าพ่อปาร์คก็เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง
“นี่ ยูชอน แจจุง รู้จักกับยูฮวานเอาไว้สิ เค้าเป็นน้องเล็กของพวกแก”ประมุขของบ้านพูด
“หวัดดีนะ” แจจุงพูดแล้วยิ้มให้ส่วนยูชอนนั้นหันไปทำหน้าเย็นชาใส่เท่านั้นเอง
“คนอื่นๆก็ด้วยนะ ขอให้รู้ไว้ว่า ยูฮวานเป็นลูกคนเล็กของชั้น ไม่มีการแบ่งแยกใดๆ” เจ้าพ่อปาร์คลั่นวาจาเสียงดัง ท่ามกลางเหล่าเด็กรับใช้และผู้คนในครอบครัว ยูฮวานได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆแบบคนที่ทำตัวไม่ถูก ส่วนคนอื่นๆก็เงียบกริบนั่งทานอาหารต่อไป
---------------------------------------------------------------------
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับเข้าห้อง แจจุงนั้นเดินออกมาที่สวนด้านนอกกับชีวอน
“วันนี้หายไปไหนมา พี่รอกินข้าวตั้งนานนะ” ร่างสูงพูดแล้วเดินไปกอดแผ่นหลังบางท่ามกลางความมืดสลัว
“แจก็...อืม เอาเป็นว่าพี่ชีวอนหลับตาก่อน” ร่างเล็กพูดเอื้อมมือไปปิดตาคมพร้อมรอยยิ้ม
“ตื่นเต้นนะเนี่ย”
“พร้อมรึยัง”
“พร้อมแล้วครับ” ชีวอนตอบรับ
“แต่น แตน แต๊น สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าฮะ พี่ชีวอนของแจ” ร่างเล็กบอกก่อนจะหยิบเจ้าภาพวาดที่อยู่ข้างออกมาโชว์
“ว้าว น่ารักจริงๆ จำได้ด้วยหรอว่าพี่อยากได้ภาพนี้หน่ะ”ชีวอนทำหน้าตื่นเต้น มันเป็นผลงานชิ้นเอกในนิทรรศการใหม่ของ ลี คูมยอง นักศิลปะชื่อดัง ผลงานสีน้ำมันเพียงชิ้นเดียว
“ว้าว น่ารักจริงๆ จำได้ด้วยหรอว่าพี่อยากได้ภาพนี้หน่ะ”ชีวอนทำหน้าตื่นเต้น มันเป็นผลงานชิ้นเอกในนิทรรศการใหม่ของ ลี คูมยอง นักศิลปะชื่อดัง ผลงานสีน้ำมันเพียงชิ้นเดียว
“ ไม่งั้นจะเรียกว่าคู่หมั้นได้หรอ” แจจุงพูดแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ รับกอดชีวอนเอาไว้ ความจริงวันเกิดของชีวอนนั้นเป็นพรุ่งนี้ ซึ่งก็คือวันเกิดของเขาด้วย แต่แจจุงอยากจะให้ก่อน
“แล้วนี่เราไปชกชิงมาจากนิทรรศการเค้าเลยหรอเนี่ย เดี๋ยวก็โดนจับเอาหรอก”
“ไม่มีทางหรอกฮะ ก็แจคุยกับเจ้าของผลงานเอาไว้แล้ว เพียงแต่ทางแกลลอรี่หน่ะเรื่องมากอยากจะเอาโชว์ก่อน แต่แจไม่อยากรอเลยไปชิงมาก่อน ให้เงินเยอะกว่าเดิมด้วยนะ”ร่างเล็กพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“ซนจริงๆเลยนะเรา”
“แล้วชอบมั้ยล่ะฮะ”
“ชอบสิ ชอบมากเลย”
“งั้นขอรางวัลหน่อย”แจจุงบอกแก้มไปให้
“ไม่พอหรอกแบบนั้น”ร่างสูงบอกก่อนจะจับใบหน้าเล็กมาประกบปากแทน ลิ้นหนาค่อยๆสอดเข้าไปในโพรงปากเล็ก แจจุงหลับตาลง แต่แทนที่จะเคลิ้มเคลิบไปกับจูบ เขากลับนึกถึงแต่ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันนี้
“เป็นอะไรไปแจ” ชีวอนถามอย่างงงๆเมื่อเห็นแจจุงถอยตัวออกไป
“คือ..”
“มีอะไรหรอครับ ไม่อยากเร่าร้อนกับพี่ต่อหรือไง” ร่างสูงพูดยิ้มๆเดินไปจูบที่ซอกคอขาวอย่างแผ่วเบา
“เดี๋ยวฮะ...” แจจุงผลักชีวอนออกหน้าเสียไปจนสังเกตเห็นได้ชัดเจน
“มีอะไรหรอ”
“แจ...คือ...แจ.....”ร่างเล็กหลับตาลงอย่างลำบากใจ
“แจ ไปเร่าร้อนกับคนอื่นมา”
-----------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น