คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตำหนักแสงสุริยัน
ณ โรงเตี๊ยม ในเมืองเจิ้งโจว แคว้นเหอหนาน
กุ๊กๆ กุ๊กๆ (เสียงเคาะประตู)
-ใคร
-ข้าน้อยเสี่ยวเอ้อครับ มีคนฝากของให้นำมาส่งม๊อบให้คุณชายครับ
อี๊ดดดดดด (เสียงเปิดประตู)
หลังจากหยวนจงเปิดประตู ก็มีสองหนุ่มโผล่เข้ากอดหยวนจงไว้แน่น
-ท่านพี่ คิดถึงจังเลย
-อ้อ พวกเจ้าเองรึ
หลังจากหยวนลงปิดประตูก็พา ชายหนุ่มทั้งสองไปนั่งที่เตียง
-ท่านพี่ไปอยู่ที่ไหนมาค่ะ พวกข้าคิดถึงท่านมาก
เสี่ยวหมิง เสี่ยวเอี้ยนกล่าวถามพร้อมกัน
-พี่ก็อยู่ที่ตำหนักภูษาสวรรค์นั่นแหระจ้ะ
-เอ๊ะยังไง
หยวนจงก็ได้เล่าเหตุการณืทั้งหมดให้ ทั้งสองฟัง
-มิน่าละพวกเราสืบหาข่าวคราวของท่านพี่กลับมิได้เบาะแสใดเลย มิทราบว่าทำไมแม่นางไป่หลินจึงได้ทำเรื่องน่าอายเช่นนี้
เสี่ยวหมิงกล่าว
-ว่าแต่น้องหญิง ทั้งสองเถอะ ทราบได้อย่างไรว่า พี่พักอยู่ที่นี่
-ก็หลังจากกลับตำหนัก จันทรา ท่านพ่อ ท่านแม่ก็ได้ จ้างให้ตำหนักดาราแปรช่วยสืบหาเบาะแส จนในที่สุดทราบว่าท่านปรากฏตัวที่ สำนักเก้ากระบี่สวรรค์ และเดินทางขึ้นเหนือมา ที่ เจิ้งโจว พวกข้าเลยชวนกันเดินทางมาหาท่านที่นี่
เสี่ยวหมิงกล่าว
-เข้านอนกันเถอะ ดึกมาแล้วข้าก็ง่วงแล้วด้วย มีอะไรไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน
เสี่ยวเอี้ยนกล่าว พร้อมโอบกอด หยวนจงแนบแน่น หยวนจง ก็ยิ้มออกมา พร้อมโอบกอดสองสาวพาล้มตัวลงบนเตียง
หยวนจงและสองสาวได้เดินทางท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของเจิ้งโจวได้กว่าสัปดาห์แล้ว วันนี้หลังจากเดินทางกลับจากท่องเที่ยวนอกเมือง ทั้งสามได้หยุดพักนั่งรับประทานน้ำชา โรงน้ำชาระหว่างทางเข้าเมือง ระหว่างที่นั่งรับประทานน้ำชากันอยู่นั้นก้ได้รับฟัง ชาวยุทธคุยกันทำให้ทราบว่า พรรคมารฟ้าพึ่งได้ครอบครองคัมภีกระบี่มารที่หายสาบสูญไปจากยุทธจักรกว่าร้อยปีแล้วไปและประมุขน้อยแห่งตำหนักแสงสุริยัน กำลังระดมชาวยุทธไปถล่มพรรคห่าโลหิต เมื่อเสี่ยวเอี้ยนทราบเรื่องได้ชวนหยวนจงและเสี่ยวหมิงไปเก็บข้าวของที่โรงเตี๊ยมในเมืองและเดินทางไปยังพรรคห่าโลหิตทันที
พรรคห่าโลหิตตั้งอยู่ที่แคว้นชานซี เมือง ไท่หยวน อยู่ทางทิศเหนือของแคว้นเหอหนาน เมื่อไปถึงเสี่ยวเอี้ยนวก็นำหยวนจงและเสี่ยวหมิงไปพักที่กระท่อมใกล้ๆกับพรรคห่าโลหิต โดยการเดินทางผ่านทางลับเข้าไป ทั้งนี่ที่นางไม่นำหยวนจงและเสี่ยวหมิงเข้าไปพักในพรรคเพราะเหตุผลหนึ่งคือนางหนีพ่อนางออกไปท่องเที่ยวนในยุทธภพจนได้พบหยวนจงและเกิดเความสัมพันธ์พิเศษแก่กัน ซึ่งถ้าพ่อนางรับทราบจะต้องโกรธเกี้ยวเป็นอย่างมากไม่แน่อาจถึงขั้นสังหารหยวนลงเลยก็เป็นได้ กระท่อมที่นางนำทั้งหมดมาพักเดิมทีเป็นกระท่อมที่อยู่ของมารดานางเนื่องจากมารดานางไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับกิจการงานของพรรคห่าโลหิตเลยขอปลีกตัวมาอยู่อย่างสงบเพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องสนุนไพรต่างๆ
สามวันหลังจากที่ เอี้ยนเอ๋อ หมิงเอ๋อ และ หยวนจงได้มาพักยังกระท่อมใกล้พรรคห่าโลหิต ประมุขน้อยแห่งตำหนักแสงสุริยันก้ได้นำกำลังชาวยุทธมาถล่มพรรคห่าโลหิต เกิดการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย อย่างดุเดือด ผลปรากฏ พรรคห่าโลหิตเป็นฝ่ายได้รับความเสียหายมากมายยิ่ง จนถึงระยะการต่อสู้ขั้นแตกหักระหว่างทั้งสองฝ่าย ที่ลานฝึกวิชาของพรรคห่าโลหิต
-เข็มพิรุณโลหิต
พลังปราณเข็มสีแดง นับหมื่นๆเล่มได้พุ่งโจมตีชาวยุทธ ทำให้ต่างต้องปัดป้องเพื่อรักษาชีวติไว้
-ท่านคงเป็นประมุขพรรคห่าโลหิตกระมัง
ประมุขน้อยตำหนักแสงสุริยัน หยางเซิง ถาม
-ใช่แล้ว ข้า เอี้ยนหว่อ เจ้าคงเป็นผู้นำชาวยุทธมาถล่มพรรคข้าครั้งนี้กระมัง
-ใช่แล้ว ข้าหยางเซิง แห่งตำหนักแสงสุริยัน
-ฮ่าๆ นับว่า เด็กทารกอย่างเจ้าทำได้ไม่เลว แต่ก็ไม่แน่ว่าเจ้าจะสามารถทำลายพรรห่าโลหิตได้ไม่
-นั่นก็ต้องดูว่าฝีมือท่านสูงส่งเพียงใด
-ฮ่าๆดีๆ ไหนเจ้ามีสุดยอดวิชาอะไรลองสำแดงออกมาซิ
-ฝ่ามือสุริยัน ขั้นที่สิบ
เกิดปราณเพลิงสว่างเจิดจ้าที่ทั้งสองฝ่ามือของ หยางเซิง
-ฝ่ามือโลหิตขั้นสุดยอด
เกิดปราณสีแดงเข้มที่ฝ่ามือทั้งสองของประมุขเอี้ยน
-รับมือ
หยางเซิงกล่าวพร้อมบุกฟาดฝ่ามือเข้าใส่ ทั้งคู่ต่างสู้กันด้วยวิชาฝ่ามือขั้นสูง นับร้อยกระบวนท่าก็ยังไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ ตูม
เมื่อทั้งสองปะทะลมปราณกันต่างก็ถูกพลังกระแทกลอยตัวกลับมายืนที่เดิม
-เจ้ายังมีวิชาใดอีกจงแสดงออกมาซะ
ประมุขเอี้ยนกล่าว
-ปราณสุริยันขั้นที่สิบ พายุสุริยะ
ฟู่ๆๆๆๆๆ เกิดพลังลมปราณร้อนแรงดุจดังความร้อนของดวงอาทิตยืห่อหุ้มร่างของหยางเซิง แต่หาได้เผาไหม้เสื้อผ้าของมันไม่
ชาวยุทธและศิษย์พรรคห่าโลหิต ที่พลังปราณอ่อนด้อยต้องเคลื่อนกายถอยห่างออกไป
-ปราณห่าโลหิตขั้นสุดยอด ลมปราณกระบี่บินโลหิต
เกิดเป็นปราณกระบี่ห้าเล่มลอยอยู่กลางอากาศและปราณกระบี่โลหิตอีกหนึ่งเล่มในมือประมุขเอี้ยน
-พายุกระบี่สุริยะ
ตูมมมมม พลังพลังระจากร่าง หยางเซิงระเบิดออกมาเกิดเป็นกระบี่เพลิงลอยอยู่กลางอากาศ ห้าเล่มเท่ากับของประมุขเอี้ยนและมีกระบี่ปราณเพลงสุริยะในมืออีกหนึ่งเล่มเช่นกัน
-ฮ่าๆ ถ้าเช่นนั้น คงไม่ต้องใช้กระบี่บินกระมังมาสู้กันด้วยปราณกระบี่เถอะ
ว่าแล้วก็สลายกระบี่บินไป
-ได้
หยางเซิงก้สลายกระบี่บินไปเช่นกัน เตรียมรับมือ หยางเวิงกล่าว ก่อนพุ่งร่างโจมตีประมุขเอี้ยนด้วยปราณกระบี่เพลิงสุริยะ
ตูม เสียงระเบิดดังกึกก้องเมื่อปรารกระบี่ทั้งสองปะทะกัน
ตูม ตูม ตูม ... ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดนับร้อยกระบวนเพลง ตูมมม ในที่สุดผลการต่อสูก้ปรากฏออกมา ประมุขเอี้ยนถูกฝ่ามือพายุสุริยะ ของ หยางเวิง กระแทกจนกระเด็นถอยหลังไปห้าก้าวพร้อมกระอักโลหิตออกมา และมีรอยไหม้เป็นรูปฝ่ามือที่บริเวณหน้าอก
-พลังปราณที่แข็งแกร่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าด้วยวัยเช่นเจ้าจะมีพลังปราณที่สูงส่งขนาดนี้
ประมุขเอี้ยนกล่าว
-ขอบคุณประมุขเอี้ยนที่ออมมือ ท่านคงยอมรับความพ่ายแพ้แล้วกระมัง
หยางเซิงกล่าวพร้อม หันไปกล่าวกับศิษย์ขงพรรคห่าโลหิต
-ศิษย์พรรคห่าโลหิตจงฟัง ข้าหยางเซิงได้ประลองมีชัยเหนือประมุคพรรคห่าโลหิตแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีพรรคห่าโลหิตในยูทธภพอีก ห่าใครมิยินยอม ก็จงก้าวออกมา
-ข้าไม่ยิยยอม
ผู้รักษากฏพรรคก้าวออกมา กล่าว
-ดีถ้างั้นท่านลองรับฝ่ามือพายุสุริยะข้า สักหนึ่งฝ่ามือเป็นไร
ว่าแล้วหยางเซิงก็พุ่งตัวไปหาผู้รักษากฏพร้อมฟาดฝ่ามือเข้าใส่ ตูมมมมม ฟู่ๆๆๆๆๆ ร่างของผู้รักษากฏหายไปเหลือแต่โครงกระดูกในชั่วพริบตา
-ยังมีใครที่ไม่ยินยอมอีหรือไม่
หยางเซิงถาม วึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดคิดตายเช่นผู้รักษากฏจึงไม่มีใครกล้าก้าวออกมา แต่
-ข้าไม่ยอม
เสี่ยวเอี้ยนในสภาพปลอมเป็นชายได้กระโดดลอยตัวเข้ามายืนขวางหน้าประมุขเอี้ยนไว้
-ดีงั้นเจ้าจงรับฝ่ามือพายุสุริยะไป
หยางเซิงพุ่งเข้าใสพร้อมฟาดฝ่ามือออกไป ตูมมมมม
หยางเซิงกระเด็นถอยกลับมายืนที่เดิม เสี่ยวเอี้ยนก็หาได้รับบาดเจ็บอันใดไม่ทั้งนี้เพราะ มีร่างกายสีเขียวของบุคคลคนหนึ่งยืนบัดบังอยู่ วึ่งก้แน่ชัดว่าฝ่ามือของหยางเซิงได้ฟาดถูกร่างสีเขียวนี้ไปเต็มๆ แต่ดูเหมือนว่ามันหาได้รับบาดเจ็บอะไรไม่
-เจ้าเป็นใคร
หยางเซิงถาม
-ข้า หยวนยง
-เจ้าเป็นอะไรกับพรรคห่าโลหิต
-เป็นคนของบุตรีท่านประมุข
-อ้อ เช่นนั้นท่านก็คงคิดขัดขวางการครั้งนี้ใช่หรือไม่
-ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
-ดี งั้นก็มาประลองกัน
-ท่านยังมิใช่คู่มือข้าหรอก
-ฮ่าๆก็ต้องขอลองดู ดาบเพลิงสุริยะ
เคร้ง ตูม มม เสียงระเบิดดังสนั่น ร่างของหยางเวิงกระเด็นไปไกลพร้อมกระอักโลหิตออกมา เมื่อดาบเพลิงสุริยะของมันปะทะเข้ากับดาบสีเขียวเล่มหนึ่งที่แฝงพลังปราณสูงส่งยิ่ง
ชาวยุทธต่างพุ่งกายเข้ามาดูอาการของหยางเซิง
-ข้าไม่เป็นไร
หยางเซิงกล่าวพร้อมหอบหายใจอย่างหนัก
-พวกเรากลับเถอะ ฝีมือชายประหลาดผู้นี้สูงส่งยิ่งนัก คงเอาชนะไม่ได้ง่ายนัก
ชาวยุทธต่างเห็นด้วยก็ช่วยพยุงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทะยอยถอนตัวจากไป
-ขอบคุณท่าจอมยุทธ
ประมุขเอี้ยนกล่าว
-ท่านพ่อ ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่
เสี่ยวเอี้ยนนั่งลงพร้อมตรวจดูอากาบาดเจ็บของบิดา
-ลูกเอี้ยนนี่เจ้าเองรึ
-ค่ะท่านพ่อ
-แล้วเจ้าหนุ่มนั่น เป็นใคร
-เป็นสามีข้าค่ะท่านพ่อ
-นี่เจ้าๆ แฮกๆๆ ประเสริฐนัก แล้วกันไปเหอะ เจ้าหนุ่มเจ้าชื่ออะไร
-ข้าน้อยนามหยวนจง
-วิชาของเจ้าช่างประหลาดนัก มิทราบว่าอาจารย์เจ้าเป็นใคร
-อาจารย์ข้าคือท่านพ่อข้า ขออภัยที่ข้าไม่ทราบนามของท่าน
-อ้อ
-ท่านพ่อท่านอย่าเพิ่งกล่าวอะไรเลย ไปรับการรักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ ท่านพี่ช่วยแบกท่านพ่อข้าไปที่กระท่อมได้หรือไม่
หยวนจงก็ได้แบกร่างประมุขเอี้ยนไปที่กระท่อมเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
หลังจากการบุกถล่มของประมุขน้อยตำหนักแสงสุริยันครั้งนี้ พรรคห่าโลหิตก็ได้หายสาปสูญไปจากยุทธภพ แม้ว่าประมุขพรรคยังมีชีวิตอยู่แต่วรยุทธก็ไม่ได้สูงส่งเหมือนก่อนเพราะผลจากการที่พลังลมปราณโดนทำลายโดยพลังฝ่ามือลมปราณพายุสุริยะ ของหยางเซิง
ความคิดเห็น