ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธกลายพันธ์

    ลำดับตอนที่ #6 : ตำหนักแสงสุริยัน

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 55


    ณ โรงเตี๊ยม ในเมืองเจิ้งโจว แคว้นเหอหนาน

    กุ๊กๆ กุ๊กๆ (เสียงเคาะประตู)

    -ใคร

    -ข้าน้อยเสี่ยวเอ้อครับ มีคนฝากของให้นำมาส่งม๊อบให้คุณชายครับ

    อี๊ดดดดดด (เสียงเปิดประตู)

    หลังจากหยวนจงเปิดประตู ก็มีสองหนุ่มโผล่เข้ากอดหยวนจงไว้แน่น

    -ท่านพี่ คิดถึงจังเลย

    -อ้อ พวกเจ้าเองรึ

    หลังจากหยวนลงปิดประตูก็พา ชายหนุ่มทั้งสองไปนั่งที่เตียง

    -ท่านพี่ไปอยู่ที่ไหนมาค่ะ พวกข้าคิดถึงท่านมาก

    เสี่ยวหมิง เสี่ยวเอี้ยนกล่าวถามพร้อมกัน

    -พี่ก็อยู่ที่ตำหนักภูษาสวรรค์นั่นแหระจ้ะ

    -เอ๊ะยังไง

    หยวนจงก็ได้เล่าเหตุการณืทั้งหมดให้ ทั้งสองฟัง

    -มิน่าละพวกเราสืบหาข่าวคราวของท่านพี่กลับมิได้เบาะแสใดเลย มิทราบว่าทำไมแม่นางไป่หลินจึงได้ทำเรื่องน่าอายเช่นนี้

    เสี่ยวหมิงกล่าว

    -ว่าแต่น้องหญิง ทั้งสองเถอะ ทราบได้อย่างไรว่า พี่พักอยู่ที่นี่

    -ก็หลังจากกลับตำหนัก จันทรา ท่านพ่อ ท่านแม่ก็ได้ จ้างให้ตำหนักดาราแปรช่วยสืบหาเบาะแส จนในที่สุดทราบว่าท่านปรากฏตัวที่ สำนักเก้ากระบี่สวรรค์ และเดินทางขึ้นเหนือมา ที่ เจิ้งโจว พวกข้าเลยชวนกันเดินทางมาหาท่านที่นี่

    เสี่ยวหมิงกล่าว

    -เข้านอนกันเถอะ ดึกมาแล้วข้าก็ง่วงแล้วด้วย มีอะไรไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน

    เสี่ยวเอี้ยนกล่าว พร้อมโอบกอด หยวนจงแนบแน่น  หยวนจง ก็ยิ้มออกมา พร้อมโอบกอดสองสาวพาล้มตัวลงบนเตียง

     

    หยวนจงและสองสาวได้เดินทางท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของเจิ้งโจวได้กว่าสัปดาห์แล้ว วันนี้หลังจากเดินทางกลับจากท่องเที่ยวนอกเมือง ทั้งสามได้หยุดพักนั่งรับประทานน้ำชา โรงน้ำชาระหว่างทางเข้าเมือง ระหว่างที่นั่งรับประทานน้ำชากันอยู่นั้นก้ได้รับฟัง ชาวยุทธคุยกันทำให้ทราบว่า พรรคมารฟ้าพึ่งได้ครอบครองคัมภีกระบี่มารที่หายสาบสูญไปจากยุทธจักรกว่าร้อยปีแล้วไปและประมุขน้อยแห่งตำหนักแสงสุริยัน กำลังระดมชาวยุทธไปถล่มพรรคห่าโลหิต เมื่อเสี่ยวเอี้ยนทราบเรื่องได้ชวนหยวนจงและเสี่ยวหมิงไปเก็บข้าวของที่โรงเตี๊ยมในเมืองและเดินทางไปยังพรรคห่าโลหิตทันที

    พรรคห่าโลหิตตั้งอยู่ที่แคว้นชานซี เมือง ไท่หยวน อยู่ทางทิศเหนือของแคว้นเหอหนาน เมื่อไปถึงเสี่ยวเอี้ยนวก็นำหยวนจงและเสี่ยวหมิงไปพักที่กระท่อมใกล้ๆกับพรรคห่าโลหิต โดยการเดินทางผ่านทางลับเข้าไป ทั้งนี่ที่นางไม่นำหยวนจงและเสี่ยวหมิงเข้าไปพักในพรรคเพราะเหตุผลหนึ่งคือนางหนีพ่อนางออกไปท่องเที่ยวนในยุทธภพจนได้พบหยวนจงและเกิดเความสัมพันธ์พิเศษแก่กัน ซึ่งถ้าพ่อนางรับทราบจะต้องโกรธเกี้ยวเป็นอย่างมากไม่แน่อาจถึงขั้นสังหารหยวนลงเลยก็เป็นได้ กระท่อมที่นางนำทั้งหมดมาพักเดิมทีเป็นกระท่อมที่อยู่ของมารดานางเนื่องจากมารดานางไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับกิจการงานของพรรคห่าโลหิตเลยขอปลีกตัวมาอยู่อย่างสงบเพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องสนุนไพรต่างๆ

    สามวันหลังจากที่ เอี้ยนเอ๋อ หมิงเอ๋อ และ หยวนจงได้มาพักยังกระท่อมใกล้พรรคห่าโลหิต ประมุขน้อยแห่งตำหนักแสงสุริยันก้ได้นำกำลังชาวยุทธมาถล่มพรรคห่าโลหิต เกิดการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย อย่างดุเดือด ผลปรากฏ พรรคห่าโลหิตเป็นฝ่ายได้รับความเสียหายมากมายยิ่ง จนถึงระยะการต่อสู้ขั้นแตกหักระหว่างทั้งสองฝ่าย ที่ลานฝึกวิชาของพรรคห่าโลหิต

    -เข็มพิรุณโลหิต

    พลังปราณเข็มสีแดง นับหมื่นๆเล่มได้พุ่งโจมตีชาวยุทธ ทำให้ต่างต้องปัดป้องเพื่อรักษาชีวติไว้

    -ท่านคงเป็นประมุขพรรคห่าโลหิตกระมัง

    ประมุขน้อยตำหนักแสงสุริยัน หยางเซิง ถาม

    -ใช่แล้ว ข้า เอี้ยนหว่อ เจ้าคงเป็นผู้นำชาวยุทธมาถล่มพรรคข้าครั้งนี้กระมัง

    -ใช่แล้ว ข้าหยางเซิง แห่งตำหนักแสงสุริยัน

    -ฮ่าๆ นับว่า เด็กทารกอย่างเจ้าทำได้ไม่เลว แต่ก็ไม่แน่ว่าเจ้าจะสามารถทำลายพรรห่าโลหิตได้ไม่

    -นั่นก็ต้องดูว่าฝีมือท่านสูงส่งเพียงใด

    -ฮ่าๆดีๆ ไหนเจ้ามีสุดยอดวิชาอะไรลองสำแดงออกมาซิ

    -ฝ่ามือสุริยัน ขั้นที่สิบ

    เกิดปราณเพลิงสว่างเจิดจ้าที่ทั้งสองฝ่ามือของ หยางเซิง

    -ฝ่ามือโลหิตขั้นสุดยอด

    เกิดปราณสีแดงเข้มที่ฝ่ามือทั้งสองของประมุขเอี้ยน

    -รับมือ

    หยางเซิงกล่าวพร้อมบุกฟาดฝ่ามือเข้าใส่ ทั้งคู่ต่างสู้กันด้วยวิชาฝ่ามือขั้นสูง นับร้อยกระบวนท่าก็ยังไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ ตูม

    เมื่อทั้งสองปะทะลมปราณกันต่างก็ถูกพลังกระแทกลอยตัวกลับมายืนที่เดิม

    -เจ้ายังมีวิชาใดอีกจงแสดงออกมาซะ

    ประมุขเอี้ยนกล่าว

    -ปราณสุริยันขั้นที่สิบ พายุสุริยะ

    ฟู่ๆๆๆๆๆ เกิดพลังลมปราณร้อนแรงดุจดังความร้อนของดวงอาทิตยืห่อหุ้มร่างของหยางเซิง แต่หาได้เผาไหม้เสื้อผ้าของมันไม่

    ชาวยุทธและศิษย์พรรคห่าโลหิต ที่พลังปราณอ่อนด้อยต้องเคลื่อนกายถอยห่างออกไป

    -ปราณห่าโลหิตขั้นสุดยอด ลมปราณกระบี่บินโลหิต

    เกิดเป็นปราณกระบี่ห้าเล่มลอยอยู่กลางอากาศและปราณกระบี่โลหิตอีกหนึ่งเล่มในมือประมุขเอี้ยน

    -พายุกระบี่สุริยะ

    ตูมมมมม พลังพลังระจากร่าง หยางเซิงระเบิดออกมาเกิดเป็นกระบี่เพลิงลอยอยู่กลางอากาศ ห้าเล่มเท่ากับของประมุขเอี้ยนและมีกระบี่ปราณเพลงสุริยะในมืออีกหนึ่งเล่มเช่นกัน

    -ฮ่าๆ ถ้าเช่นนั้น คงไม่ต้องใช้กระบี่บินกระมังมาสู้กันด้วยปราณกระบี่เถอะ

    ว่าแล้วก็สลายกระบี่บินไป

    -ได้

    หยางเซิงก้สลายกระบี่บินไปเช่นกัน เตรียมรับมือ หยางเวิงกล่าว ก่อนพุ่งร่างโจมตีประมุขเอี้ยนด้วยปราณกระบี่เพลิงสุริยะ

    ตูม เสียงระเบิดดังกึกก้องเมื่อปรารกระบี่ทั้งสองปะทะกัน

    ตูม ตูม ตูม ... ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดนับร้อยกระบวนเพลง ตูมมม ในที่สุดผลการต่อสูก้ปรากฏออกมา ประมุขเอี้ยนถูกฝ่ามือพายุสุริยะ ของ หยางเวิง กระแทกจนกระเด็นถอยหลังไปห้าก้าวพร้อมกระอักโลหิตออกมา และมีรอยไหม้เป็นรูปฝ่ามือที่บริเวณหน้าอก

     

    -พลังปราณที่แข็งแกร่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าด้วยวัยเช่นเจ้าจะมีพลังปราณที่สูงส่งขนาดนี้

    ประมุขเอี้ยนกล่าว

    -ขอบคุณประมุขเอี้ยนที่ออมมือ ท่านคงยอมรับความพ่ายแพ้แล้วกระมัง

    หยางเซิงกล่าวพร้อม หันไปกล่าวกับศิษย์ขงพรรคห่าโลหิต

    -ศิษย์พรรคห่าโลหิตจงฟัง ข้าหยางเซิงได้ประลองมีชัยเหนือประมุคพรรคห่าโลหิตแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีพรรคห่าโลหิตในยูทธภพอีก ห่าใครมิยินยอม ก็จงก้าวออกมา

    -ข้าไม่ยิยยอม

    ผู้รักษากฏพรรคก้าวออกมา กล่าว

    -ดีถ้างั้นท่านลองรับฝ่ามือพายุสุริยะข้า สักหนึ่งฝ่ามือเป็นไร

    ว่าแล้วหยางเซิงก็พุ่งตัวไปหาผู้รักษากฏพร้อมฟาดฝ่ามือเข้าใส่ ตูมมมมม ฟู่ๆๆๆๆๆ ร่างของผู้รักษากฏหายไปเหลือแต่โครงกระดูกในชั่วพริบตา

    -ยังมีใครที่ไม่ยินยอมอีหรือไม่

    หยางเซิงถาม วึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดคิดตายเช่นผู้รักษากฏจึงไม่มีใครกล้าก้าวออกมา แต่

    -ข้าไม่ยอม

    เสี่ยวเอี้ยนในสภาพปลอมเป็นชายได้กระโดดลอยตัวเข้ามายืนขวางหน้าประมุขเอี้ยนไว้

    -ดีงั้นเจ้าจงรับฝ่ามือพายุสุริยะไป

    หยางเซิงพุ่งเข้าใสพร้อมฟาดฝ่ามือออกไป ตูมมมมม

    หยางเซิงกระเด็นถอยกลับมายืนที่เดิม เสี่ยวเอี้ยนก็หาได้รับบาดเจ็บอันใดไม่ทั้งนี้เพราะ มีร่างกายสีเขียวของบุคคลคนหนึ่งยืนบัดบังอยู่ วึ่งก้แน่ชัดว่าฝ่ามือของหยางเซิงได้ฟาดถูกร่างสีเขียวนี้ไปเต็มๆ แต่ดูเหมือนว่ามันหาได้รับบาดเจ็บอะไรไม่

    -เจ้าเป็นใคร

    หยางเซิงถาม

    -ข้า หยวนยง

    -เจ้าเป็นอะไรกับพรรคห่าโลหิต

    -เป็นคนของบุตรีท่านประมุข

    -อ้อ เช่นนั้นท่านก็คงคิดขัดขวางการครั้งนี้ใช่หรือไม่

    -ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น

    -ดี งั้นก็มาประลองกัน

    -ท่านยังมิใช่คู่มือข้าหรอก

    -ฮ่าๆก็ต้องขอลองดู ดาบเพลิงสุริยะ

    เคร้ง ตูม มม เสียงระเบิดดังสนั่น ร่างของหยางเวิงกระเด็นไปไกลพร้อมกระอักโลหิตออกมา เมื่อดาบเพลิงสุริยะของมันปะทะเข้ากับดาบสีเขียวเล่มหนึ่งที่แฝงพลังปราณสูงส่งยิ่ง

    ชาวยุทธต่างพุ่งกายเข้ามาดูอาการของหยางเซิง

    -ข้าไม่เป็นไร

    หยางเซิงกล่าวพร้อมหอบหายใจอย่างหนัก

    -พวกเรากลับเถอะ ฝีมือชายประหลาดผู้นี้สูงส่งยิ่งนัก คงเอาชนะไม่ได้ง่ายนัก

    ชาวยุทธต่างเห็นด้วยก็ช่วยพยุงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทะยอยถอนตัวจากไป

    -ขอบคุณท่าจอมยุทธ

    ประมุขเอี้ยนกล่าว

    -ท่านพ่อ ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่

    เสี่ยวเอี้ยนนั่งลงพร้อมตรวจดูอากาบาดเจ็บของบิดา

    -ลูกเอี้ยนนี่เจ้าเองรึ

    -ค่ะท่านพ่อ

    -แล้วเจ้าหนุ่มนั่น เป็นใคร

    -เป็นสามีข้าค่ะท่านพ่อ

    -นี่เจ้าๆ แฮกๆๆ ประเสริฐนัก แล้วกันไปเหอะ เจ้าหนุ่มเจ้าชื่ออะไร

    -ข้าน้อยนามหยวนจง

    -วิชาของเจ้าช่างประหลาดนัก มิทราบว่าอาจารย์เจ้าเป็นใคร

    -อาจารย์ข้าคือท่านพ่อข้า ขออภัยที่ข้าไม่ทราบนามของท่าน

    -อ้อ

    -ท่านพ่อท่านอย่าเพิ่งกล่าวอะไรเลย ไปรับการรักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ ท่านพี่ช่วยแบกท่านพ่อข้าไปที่กระท่อมได้หรือไม่

    หยวนจงก็ได้แบกร่างประมุขเอี้ยนไปที่กระท่อมเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

     

    หลังจากการบุกถล่มของประมุขน้อยตำหนักแสงสุริยันครั้งนี้ พรรคห่าโลหิตก็ได้หายสาปสูญไปจากยุทธภพ แม้ว่าประมุขพรรคยังมีชีวิตอยู่แต่วรยุทธก็ไม่ได้สูงส่งเหมือนก่อนเพราะผลจากการที่พลังลมปราณโดนทำลายโดยพลังฝ่ามือลมปราณพายุสุริยะ ของหยางเซิง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×