คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : สำนักภูตดูดวิญญาณ
บทที่ ๖ สำนักภูตดูดวิญญาณ
ฮั่นคงจับซา เดินเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมาย ค่ำไหนนอนนั่น จนในที่สุดมาถึงเมืองชายแดนตะวันตกเมืองหนึ่ง เมืองดูสงบเงียบยิ่ง ไม่มีเสียงผู้คน จับซาค่อยๆเดินเข้าไปในเมืองเพื่อหาโรงเตี้ยมที่พัก แต่เมื่อเดินผ่านประตูเมืองเข้าไปก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าตกตะลึง มองไปทุกทิศทางภายในเมืองพบแต่สภาพศพมนุษยืแห้งกัง หนังติดกระดูก ไม่มีวีแววของผู้คนอาศัยอยู่เลย จากการตรวจวิเคราะห์สภาพศพอย่างละเอียด ประมาณการได้ว่า ทั้งหมดเสียชีวิตพร้อมกัน ในระยะเวลา ไม่นานน่าจะเพียงเดือนเศาเท่านั้น จากรูปการเหมือนดังคนทั้งเมืองโดยแพร่พิษแล้วถูกสูบเอาพลังชีวิตไปจนหมดสิ้น เพราะภายในตัวเมือง สิ่งมีวิต สัตว์แมลงต่างๆก็หามีไม่ นี่จึงเหตุการฆ่ากรรมที่น่าสยองขวัญสั่นสะเทือนบู๊ลิ้มคดีหนึ่ง หลังจากสำรวจทั่วแล้ว จับซาก็ได้พบแผนที่ฉบับหนึ่งซึ่งเป็นแผนที่ของเมืองต่างๆ ฝั่งชายแดนตะวันตก จึงได้จำแนกทิศทางแล้วใช้วิชาตัวเบา เต่าไต่เมฆา มุ่งไปทันใด
ในไม่ช้า จับ ซาก็มาถึงตัวเมือง เดินเข้าประตูเมืองก็เห็นผู้คนใช้ชีวิตปกติ ดูเหมือนว่าหาทราบเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับเมืองก่อนหน้านั้นไม่ จับซาจึงเลือกหาโรงเตี้ยมที่พัก แต่ดูเหมือนโชคไม่ดีที่โรงเตี๊ยมได้ถูกจับจองหมดแล้ว เหลือแต่โรงเตี๊ยมมังกรทองซึ่งเป็นโรงเตี๊ยมที่ราคาแพงสุดในเมือง ซึ่งแน่นอนว่าจับซาไม่ยอมใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือยเพื่อการรี้ จึงตัดสินใจจะไปหาวัดล้างเพื่อพักผ่อน แต่ระหว่างทางออกจากเมือง จับซาก็ต้องตกตะลึงหยุดอยู่กับที่เมื่องมองเห็นสาวงามนางนึงที่กำลังเดินเข้าเมืองมากับขบวนสาวงามนางรำขบวนใหญ่ ด้วยการอาจพึงตาต้องใจจน ทำให้จับซาจับจ้องมองนางจนตาไม่กระพริบ ทำให้แม่นางคนนั้นรู้สึกตัว จนหันมามองและถลึงตาใส่ด้วยสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่จับซาหาสนใจไม่มันกับเดินตรงเข้าไปขวางทางขบวนนางรำกลุ่มนั้น พร้อมกับกล่าวทักทาย
- หยุดก่อนแม่นางทั้งหลาย ข้าพเจ้า มีนามว่า ฮั่นคงจับซา ไม่ทราบว่า ข้าขอสอบถามนามแม่นางผู้นั้นได้หรือไม่
-บังอาจ เจ้าเป็นใครกล้ามาขัดขวางขบวน และยังมีหน้ามากล่าวเกี้ยวพาราสีกับพี่ใหญ่เราอีก หากยังรักชีวิตจงใสหัวออกไปซะ
แต่จับซาหาได้เคลื่อนไหวไปไหนไม่ มันกับยิ่งจ้องนางงามไม่ละสายตาพร้อมทั้งพยายายามส่งยิ้มให้ ขวับ ขวับ เสียงเหล่าอาวุธลับระดมพุ่งใส่ร่างจับซาอย่างเร่งร้อน แต่ในพริบตาร่างของจับซาก็หายไปจากที่ยืนเดิมก่อนอาวุธลับเหล่านั้นไปถึงซะแล้ว จับซาหายไปไหน แม่นางที่เป็นพี่ใหญ่ของขบวนสะดุ้งตัวเล็กน้อยพร้อมทั้งยกมือขึ้นมารูปข้างแก้ม นางก็ตกใจกับเหตุการที่เพิ่งได้พบเพราะไม่เห็นว่า ซับซาใช้ท่วงท่าอะไรกับเคลื่อนตัวมาหอมแก้มนางก่อนจะสูบหายไปอย่างไร้ร่องรอย
โรงเตี้ยมมังกรทอง ขบวนสาวงามนางรำ มีหมดทั้งสินสิบสองนาง ต่างล้วนเดินทางมายังโรงเตี๊ยมมังกรทองเพื่อพักค้างแรม หลังจากที่ทุกนางได้จับจองห้องพักและแยกย้ายกันเข้าพักแล้ว จับซาก็ค่อยๆเดินออกมาจากที่ซ่อนเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมเพื่อจับจองห้องพัก
เมื่อยามค่ำคืนมาบรรจบในเมืองก็ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟ หลากสีสรร ผู้คนพากันเดินเที่ยวงานประจำเมือง กลุ่มสาวงามนางรำต้องประดับตกแต่งร่างกายก่อนทะยอยออกมารวมกันเพื่อพากันไปร่ายรำที่เวทีกลางเมือง จับซาหลังจากสั่งอาหารมากินจนอิ่มแล้วก็ค่อยออกสะกดรอยตามพวกนางไป
เมื่อถึงเวลาเวลาท่านเจ้าเมืองก็ขึ้นเวลากล่าวปราศัย พร้อมเปิดโชว์การระบำรำฟ้อน เมื่อสาวงามทั้งสิบสองทยอยขึ้นเวทียืนประจำตำแหน่งของแต่ละคนเรียบร้อยแล้ว เครื่องดนตรีก็ทำการบรรเลง จากนั้นสาวงามทั้งสิบสองก็ทำการร่ายรำอย่างวิจิตรการตา เมื่อการร่ายรำจบสิ้น ก็มีการจุดพลุไฟสวยงามทั่วทั้งเมือง และในไม่ช้า จับซาก็เริ่มเห็นชาวเมืองล้มตัวลงสลบสไหลที่ละคนสองคน จนในไม่ช้าก้หมดสิ้นทำให้เขาต้องแกล้งสลบสไหลคล้อยตามไป
นางงามทั้งสิบสองบนเวทีเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นต่างก้ยิ้มแย้ม กระจายแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆของเมืองเพื่อลงมือดูดพลังชีวิตชาวเมืองที่สลบไสล
เป็นเวลาชั่วครู่ นางามทั้งหลายก็กลับมารวมตัวกันที่เดิม
-เอะ พี่ใหญ่ทำไมท่านยังไม่สูบพลังชีวิตเจ้าหนุ่มผู้นี้อีก
-น้องเล็ก เจ้าหนุ่มนี่มีพลังฝีมือสูงเยี่ยมยิ่ง ข้าอยากจะคุมขังมันไว้ก่อนเพื่อจะได้รีดเค้นสุดยอดวิชาจากมัน พวกเจ้ากลับมากันครับแล้วใช่หรือไม่
-ค่ะ // ทุกคนตอบ
-ดีงั้นเรากลับสำนัก ไปหลอมรวมลมปราณกัน
ว่าแล้วนางงามทั้งสิบสองก็ทะยอยใช้วิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยมหายวับไปจากเวทีกลางเมือง โดยนางงามผู้เป็นพี่ใหม่ไม่ลืมที่จะคว้าคอเสื้อ ซับซาติดมือไปด้วย
ตุบ ร่างซับซาถูกเหวี่ยงลงไปในคุกใต้ดิน
-คารวะท่านเจ้าสำนัก
-ลุกขึ้น พวกเจ้าปฏิบัติงานได้สำเร็จลุล่วงหรือไม่
-เรียนเจ้าสำนักทุกอย่างสำเร็จลุล่วงดีเจ้าค่ะ
- ดีงั้นไปทำพิธีหลอมรวมลมปราณกัน
ว่าแล้วเจ้าสำหนักภูตดูดวิญญาณก็นำพาศิษย์ทั้งสิบสองนางไปยังห้องฝึกวิชา ทั้งสิบสองนางก็ต่างนั่งแยกย้ายล้อมวงเจ้าสำนักไว้ แล้วเดินลมปราณปลดปล่อยพลังชีวิตที่ดูดซับมาให้เจ้าสำนักนำไปหลอมรวมกับพลังลมปราณของตนเอง
สำนักภูตดูดวิญญาปัจจุบันมีเจ้าสำนักหนุ่มซึ่งเป็นลูกชายเจ้าสำนักรุ่นก่อน มีภรรยา ชื่อเม่ยเม่ย วึ่งเป็นพี่ใหญ่สุดของสาวงามทั้สิบสองคน ด้วยเจ้าสำนักยังหนุ่มจึงยังมีปราณไม่พอฝึกวิชาขั้นสูงสุดยังได้ให้เหล่าศิษย์พรรคที่เป็นสาวงามฝึกวิชาดูดพลังชีวิตไปรวบรวมพลังปราณจากผู้คนเพื่อมาหลอมรวมกับของตน วึ่งในครั้งนี้มันก้ได้รับพลังมากเพียงพอต่อการฝึกยอดวิชาขั้นสูงสุดแล้ว
-เอาหละ ขอบใจพวกเจ้ามาก จากนี้ข้าจะเก็บตัวฝึกวิชาขั้นสูง หนึ่งอาทิตย์ ห้ามมีผู้ใดมารบกวน
-ระบทราบค่ะเจ้าสำหรับ // ทั้งหมดกล่าวพร้อมเพียงกัน
จับซารู้สึกตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นแสงตะเกียงพุ่งตรงมายังที่ห้องขัง ประตูห้องขังถูกเปิดออก ผู้ที่เข้ามาคือนางงามของเขานั่นเอง
-เจ้าเป็นศิษย์สำนักไหน
-ข้าไม่บอก จนกว่าแม่นางจะบอกชื่อให้ข้าทราบ
เพี๊ยะ เพี้ยะ เสียงฝ่ามือตบเข้าแก้มซ้ายขงาของจับซา
-ยังไงข้าก็ไม่บอก
เพี๊ยะ เพี้ยะ เพี๊ยะ เพี้ยะ เพี๊ยะ เพี้ยะ จับซาถูกตบจนแก้มแดงเป็นรอยฝ่ามือ
-เฮ้อ ดื้อด้านจริงๆ ข้าชื่อ เม่ยเม่ย ทีนี้บอกได้ยังว่าเจ้าเป็นศิษย์สำนักไหน
-ข้าเป็นศิษย์ของตำหนักหงส์
-อ้อ ไม่น่าเชือว่าศิษยืของตำหนักหงส์ที่แสนจะลึกลับกับมีฝีมืออยู่ท่าสองท่า เจ้าสามารถถ่ายทอดวิชาตัวเบา ที่เจ้าใช้ที่ในเมืองให้ข้าได้หรือไม่
-ได้แต่มีข้อแลกเปลี่ยน
-เจ้าต้องการอะไร
-ข้าขอนอนกับท่านหนึ่งคืน
-เจ้าคนต่ำช้า
เพี๊ยะ เพี้ยะ เพี๊ยะ เพี้ยะ และแล้วซับซาก็ถูกตบอีกสี่ครั้งก่อนที่ แม่นางเม่ยเม่ย จะเดินจากไปอย่างอารมณ์เสีย
ราตรีที่เงียบสงบ มีบุคคลลึกลับผู้หนึ่งกำลังเคลื่อนไหวสำรวจตึกต่างๆของสำนักภูตดูดวิญญาณ คนผู้นั้นเข้าห้องนั้นออกห้องนี้กระโดจากตึกหลังนั้นไปหลังนี้ จนไปหยุดอยู่ที่ตึกปรุงยา ร ห้องปรุงยาของสำนักภูตดูดวิญญาณ ได้เก้บรวมรวมตัวยาหายากไว้มากมายยิ่ง แต่สายตาบุคคลลึกลับกับจ้องมองไปยังขวดเคลือบใบหนึ่งซึ่งมีป้ายกำกับไว้ว่า ผงราคะ บุคคลดังกล่าวได้หยิบขวดยาดังกล่าวใส่อกเสื้อพร้อมยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะทยานร่างด้วยวิชาตัวเบาสั้นสูงหายลับไป
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เม่ยเม่ยที่เข้านอนแล้วจึงต้องตื่นมาจุดตะเกียงแล้วถามว่า
-ผู้ใด
เงียบ ไม่มีคำตอบ แต่ก็ยังมีเสียงเคาะดังมา ก๊อกๆ
-บัดซบ // เม่ยๆพูดพลางทะยานร่างไปเปิดประตู
ฟู่ๆๆๆ เมื่อประตูเปิดออก เม่ยๆก็พบว่าผิดท่า เพราะ ผู้ที่เคาะประตูได้พ่นผงยาบางอย่างใส่นาง นางก็ไหวตัวถอยหลังไปที่เตียงทันใด แต่ผู้นั้นก้ได้ทะยานร่างตามติดมาพร้อมกับปิดประตูเป็นที่เรียบร้อย
-เป็นเจ้า
-ใช่ข้าเอง
-เจ้าไม่ได้สุญเสียพลังและโดนจี้จุด
-ย่อมไม่
-เจ้าต้องการอะไร แล้วเจ้าเป่าผงอะไรใส่ข้า ใช้ยาพิษหรือไม่
-ข้าย่อมต้องการท่านและผงที่ข้าเป่าใส่ท่านข้าก็โดนด้วยนั้น ไม่ใช่ยาพิษแต่มันคือ ผงราคะ ที่ข้าค้นได้จากหอปรุงยาของสำนักท่าน
-เจ้า .....
รุ่งเช้า อากาศสดใสเสียงกรุณาร่ำร้อง ร่างเปลือยเปล่าของเม่ยเม่ยก็นอนหลับอย่างสุขสบายใจในอ้อมกอดของ จับซา
ครบเจ็ดวัน เจ้าสำนักภูตตดูดวิญญาณ ก้ได้ออกจากห้องฝึกวิชา บัดนี้มำสำเร็จวิชาสูงสุดของสำนักแล้ว มันจึงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ต่อไปนี้ ยุทธภพจะอยู่ย่างไม่สงบสุขแล้ว
แอ๊ดเสียงผลักประตูห้องนอนของเจ้าสำนัก แต่ภาพที่มันเห็นบนเตียงทำให้มันต้องตกตะลึง และรู้สึกโกรธอย่างมาก
-นางแพศยา อย่าอยู่เลย
เจ้าสำหนักพุ่งพลังฝ่าสือขั้นสุดยอดนามฝ่ามือสลายวิญญาณสู่เม่ยเม่ยเมียรัก ตูม เสียงระเบิดดังกึกก้อง เจ้าสำนักถุกรงปราณผลักดันให้ลอยไปชนกับประตูห้องตนหลุดกระจาย
เม่ยเม่ย กับ จับซาก้ลุกขึ้นจากเตียงสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรีบร้อน
-เจ้าเป็นใคร
-ข้า ฮั่นคงจับซา ขออภัยที่ล่วงเกินท่าน
-เจ้าเป็ชู้กับเมียข้า อย่าอยู่เลย // เจ้าสำนักพูดพร้อมเก็งพลังร้อยส่วนคิดฟาดฟัน จับซาให้แหลกเหลวตกตายในฝ่ามือเดียว
ตูม ร่างเจ้าสำนักกระเด็นกลับมาอีกครั้ง และได้รับการประครองจาก สาวงามทั้ง ๑๑ ที่ได้ยินเสียงระเบิดและพากันมาดู
-เจ้าสำนักมีเรื่องอะไร
-พวกเจ้ามาได้เวลาพอดี
พูดจบเจ้าสำนักก็ใช้วิชา ดูพลังขั้นสุดยอด ดูดเอาพลังชีวิตของสาวงามทั้ง ๑๑ คนไปหมดสิ้น
-ไม่ๆๆๆๆๆ ท่านพี่ ท่านโหดร้ายเกินไปแล้ว
-นังแพศยา เจ้าไม่มีสิทธิมากล่าวตำหนิข้า เจ้าเตรียมตัวตายไปกับชายชูของเจ้าเถอะ
พลังฝ่ามือสลายวิญญาขั้นสุดยอดของสุดยอด เจ้าสำนักรีดเร้นพลังปราณทั้งหมดที่เพิ่งดูซับมาและที่มีอยู่ มั่นใจว่าซัดทำลายร่างของทั้งคู่ได้แหลกรานแน่นอน
ตูมๆๆๆๆๆ ชิ้นส่วนเตียงปลิวกระเด็นกระจายแล้วค่อยแหลกเป็นผุยผง แต่ จับซาและ เม่ยเม่ย หาได้อยู่ที่นั้นไม่ จับซาเคลื่อนย้ายเม่ยเม่ยออกมาด้วยวิชา ผ่านมิติ มายืนอยู่ที่กลางสวนด้านนอกตึกแล้ว เมื่อเจ้าสำนักรับรู้จึงพุ่งทะยานร่างรวบรวมพลังฟาดฝ่ามือใส่ทั้งคู่อีกครา
พลัก ตูมมมม ร่างเจ้าสำหนักถูกเท้าของจับซาเตะกระเด็นไปชนกับเก๋งกลางสวนพลังทลาย และเจ้าสำนักก็ได้ขาดใจตายในบัดดลโดยไม่สามารถทำอะไรจับซาได้แต่แต่ปลายขุมขน
-ท่านพี่
จับซาโอบกอดเม่ยเม่ยไว้พร้อมปลอบใจ
- อย่าไปเสียใจให้คนโหดร้ายเช่นนั้นเลยน้องหญิง
- แต่ ถ้าไม่มีท่านพี่ ข้าต้องใช้วิชาดูดพลังทุกเดือน ก็จะไม่มีใครช่วยสลายพลังให้ในทีสุดก็ต้องระเบิดตายเช่นกัน
- หาเป็นเช่นนั้นไม่น้องหญิง พี่ฝึกลมปราณหงส์ฟ้ามาจนถึงขั้นรวมลมปราณได้ปราณบริสุทธ์ข้าจะสามารถหลับนอนกับท่านเมื่อท่านมีอาการช่วงที่ต้องดูดซับพลัง และข้าจะค่อยๆหลอมรวมย่อยสลายวิชานอกรีตนี้ให้หมดไปจากตัวท่านเอง
- ขอบคุณท่านพี่
เม่ยเม่ยโอบกอด จับซาด้วยความรัก
-แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดี // เม่ยเม่ย ถาม
-เราเดินทางไปท่องยุทธภพเพื่อปราบมารร้ายกัน
ความคิดเห็น