คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : พลายงามได้นางศรีมาลา + ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ
พลายงามได้นางศรีมาลา
ขุนแผนพลายงามเยี่ยมพระพิจิตร
ฝ่ายพระพิจิตรเจ้านางบุษบามีลูกสาวคนหนึ่งชื่อ นางศรีมาลา ก็ฝันเห็นดอกบัวและบ่าวได้ทำนายว่าจะได้คู่ครอง
ขุนแผนชวนพลายงามไปเยี่ยมพระพิจิตรที่จวน พระพิจิตรเห็นขุนแผนมาเยี่ยมก็ดีใจ แล้วขุนแผนแนะนำว่าพลายงาม คือลูกของนางวันทอง รวมทั้งเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง พระพิจิตรก็บอกว่าตนก็มีลูกสาวคนหนึ่ง ถ้าหากเป็นผู้ชายก็อยากจะให้ไปทัพด้วย แล้วได้เรียกนางศรีมาลามาไหว้ขุนแผน พลายงามเมื่อเห็นนางศรีมาลาก็หลงรัก แล้วขุนแผนได้ถามถึงม้าสีหมอก พระพิจิตรบอกว่า ม้าสีหมอกนั้นได้เลี้ยงดูอย่างดี
ขุนแผนชวนพลายงามไปดูแล้วเสกหญ้าให้กิน ม้าสีหมอกมองหานางวันทองไม่พบก็เสียใจจนน้ำตาคลอ แต่เมื่อรู้ว่าจะได้ไปทัพกับขุนแผนอีกก็ดีใจ แล้วขุนแผนจึงเด็ดยอดหญ้ามาเสกด้วย พระเวทมุขใหญ่ป้อนให้กิน ทำให้ม้าสีหมอกมีกำลังดังเดิม ขุนแผนได้บอกกับพลายงามว่า ฤกษ์เสาร์เก้าชั้นจะยกทัพไปแล้ว พลายงามนึกอาลัยนางศรีมาลามากก็ทัดทานว่า ไม่ควรรีบเดินทัพ ควรจะพักเหนื่อยสักระยะหนึ่งก่อน รวมทั้งตนจะปลุกเครื่องอีกสักครั้ง ขุนแผนรู้ทันพลายงามจึงบอกว่า พรุ่งนี้เป็นวันดีจะไปปลุกเครื่องในป่า
พลายงามเข้าเรือนศรีมาลา
คืนนั้นพลายงามคิดถึงแต่นางศรีมาลา เมื่อขุนแผนเข้านอนพลายงามก็เป่ามนต์สะกดให้ขุนแผนและทุกคนในจวนหลับ แล้วสะเดาะกลอนเข้าไปหานางศรีมาลา พร้อมกับคลายมนต์สะกดเมื่อนางศรีมาลาตื่นขึ้นเห็นพลายงามก็ตกใจจนสลบไป เมื่อพลายงามแก้ไขจนฟื้นปลอบประโลมให้คลายใจและได้นางเป็นเมีย พอรุ่งสางพลายงามออกมาจากห้อง นางศรีมาลาพบขุนแผน ขุนแผนก็ต่อว่าพลายงามว่า ไม่ควรไปล่วงเกินลูกสาวผู้มีพระคุณ พลายงามจึงบอกว่าตนรักนางมาก ขุนแผนจึงว่า เมื่อเหตุการณ์ล่วงเลยไปถึงขั้นนี้ ก็อย่าทิ้งขว้างนางมิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย
ขุนแผนขอนางศรีมาลาให้พลายงาม
รุ่งขึ้น ขุนแผนก็ไปขอหมั้นนางศรีมาลาให้กับพลายงาม พระพิจิตรยอมยกให้ โดยบอกว่า เมื่อเสร็จศึกกลับมาแล้ว ในเดือนนี้จะจัดงานแต่งงานให้
เมื่อได้ฤกษ์ขุนแผนและพลายงามก็เดินทัพต่อ จนถึงเมืองพิษณุโลก แวะไหว้พระชินราช พระชินสีห์ ที่วัดมหาธาตุ แล้วไปสวรรคโลกผ่านป่าเขา ทำให้พลายงามคิดถึงนางศรีมาลามาก
"ถ้าแม้นแก้วแววตามาด้วยพี่ | | จะชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา |
คิดพลางเดินพลางตามทางมา | ข้ามท่าเขินเขาลำเนาธาร | |
แลเห็นเขาเงาเงื้อมชะง่อนชะโงก | เป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน | |
โครมครึกกึกก้องท้องพนานต์ | พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์ | |
เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก | แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน | |
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล | บ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย | |
ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผิน | ชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย | |
ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทะลาย | เป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย | |
บ้างเป็นยอดกอดก่ายตะเกะตะกะ | ตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย | |
ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อย | บ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ | |
บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลม | บ้างโปปมเป็นปุ่มกะปุบกะปิบ | |
บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบ | โล่งตลิบแลตลอดยอดศิขรินทร์....." |
"...แลดูหมู่วิหกนกนา | | สาริกาพูดจ้ออยู่จอแจ |
คุ่มขาบเขาขันสนั่นป่า | กระสาจับกระสังส่งเสียงแซ่ | |
กระลิงจับกิ่งประโลงแล | คับแคไต่คางริมทางจร | |
ค้อนทองจับบนต้นกะถิน | แก้วจับแก้วกินแล้วบินร่อน | |
นกยูงจับยางแผ่หางฟ้อน | กะทุงทองจับกระท้อนทำอ่อนคอ | |
กระจาบจ้อยโจนจับกระเจาเจ่า | แซงแซวเซาจับสนดูซอมซ่อ | |
นกกระไนไก่ฟ้าพญาลอ | นกกรอดพลอดจ้ออยู่กิ่งจันทน์ | |
นกเขาจับเงื้อมเขาแล้วเคล้าคู่ | จู่หุกกูจู้ฮุกกูเฝ้าคูขัน..." |
ขุนแผนพลายงามปรึกษาการศึก
เดินทางมา 14 วัน เมื่อใกล้ถึงเมืองเชียงใหม่ ขุนแผนปรึกษากับพลายงามว่าหากจะเข้า ไปตีเมืองเลยคงไม่ดี ด้วยมีพระนายท้ายน้ำและไพร่ไทยเป็นประกันอยู่ ควรจะลอบเข้าไปพาตัวออกมาก่อน และควรจะได้ปลอมตัวเป็นลาวเข้าไปเพื่อไม่ให้ใครสงสัย
มีลาวพ่อลูกปลูกบ้านอยู่ที่ไร่ชายป่า จะถึงที่ตายก็ให้หงุดหงิดชวนกันเข้าป่า มาถึงที่ขุนแผนกับพลายงามซ่อนตัว จึงถูกขุนแผนฆ่าตาย แล้วขุนแผนได้ตัดเอาผมและทำเครื่องแต่งกายมาสวมใส่เพื่อปลอมตัว แล้วยังได้ปลุกผีสองพ่อลูกมาสั่งว่า เมื่อจะเข้าเมืองจะให้ทั้งสองพาเข้าไป จากนั้นก็กลับไปยังที่พัก พลไพร่ไทยเห็นขุนแผนและพลายงามก็นึกว่าเป็นลาว เพราะปลอมตัวได้เหมือนมาก
ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ
พระท้ายน้ำติดคุก
รุ่งขึ้น ขุนแผนและพลายงาม ได้ปลอมตัวแบบลาว แล้วให้ผีลาวพ่อลูกพาเข้าเมืองไปถามพวกแม่ค้า ถึงไพร่ไทยที่ถูกจับมาว่า ได้ข่าวว่ามีไทยถูกจับไว้อยู่ที่ไหนอยากจะเห็น เมื่อรู้ว่าถูกขังอยู่ที่ไหนก็รีบเข้าไปจนถึงคุก พบตาหลอกับตารักชาวไทยถูกจับ จึงได้นัดแนะให้ไปบอกพระนายท้ายน้ำและคนอื่น ๆ ให้รู้ว่า จะเข้าไปช่วยในเวลาห้าทุ่ม ให้เตรียมตัวไว้ ส่วนตาหลอได้แนะว่า ก่อนจะถึงห้าทุ่ม ขุนแผนและพลายงามควรจะไปซ่อนตัวที่ กุฎิวัดหนังหลังคุกก่อน
แก้พระท้ายน้ำออกจากคุก
เมื่อถึงเวลาห้าทุ่มขุนแผนก็ไปคุกร่ายมนตร์สะกดผู้คุมและทุกคนจนหลับ แล้วสะเดาะกลอนเข้าไปและคลายมนต์ สะกดพวกไทยที่ในคุก พร้อมกับเสกข้าวสารซัดจนเครื่องจองจำหลุดหมดทุกคนแล้วพากันหนีออกมา บางคนถูกขังคุกนานจนง่อยเปลี้ยเสียขา ต้องเอาม้ามาขี่หนี
รุ่งเช้า ผู้คุมลาวเข้าไปเบิกคนโทษมาทำงาน พบว่านักโทษไทยหนีไปหมด แล้วไทยได้เขียนหนังสือบอกไว้ จึงรีบเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าเชียงใหม่รู้ว่า พระพันวษาแห่งศรีอยุธยาสั่งให้ขุนแผนกับพลายงามนำทหารสามสิบห้ามาทำศึก เพราะเชียงใหม่ไปชิงตัวนางสร้อยทองมา หากรักตัวกลัวตายให้ส่งนางสร้อยทองคืน และขอโทษยอมรับว่ากลัวตายจะยกโทษให้
พระเจ้าเชียงใหม่ให้เตรียมทัพ
พระเจ้าเชียงใหม่ฟังแล้วแค้นใจและโกรธส่งทหารไปสืบ เมื่อรู้ว่าพักพลอยู่แถวบึงใหญ่ ก็ให้ท้าวกรุงกาฬและแสนตรีเพชรกล้า คุมทัพไปจับตัวมาทั้งหมด
ฝ่ายแสนตรีเพชรกล้า เมื่อได้รับคำสั่งให้เป็นแม่ทัพยกไปรบกับทัพไทย ก็ปลุกเศกเครื่องและวิชา พร้อมกับเสกน้ำอธิษฐาน
"...ถ้าจะเกิดอันตรายวายชีวิต | | ในนิมิตน้ำแดงเป็นแสงฝาง |
ถ้าไม่ชนะไม่แพ้แต่ปานกลาง | น้ำเป็นอย่างสีรงลงละลาย | |
ถ้าจะไปมีชัยแก่ข้าศึก | น้ำเลื่อมดังผลึกวิเชียรฉาย..." |
เมื่ออธิษฐานน้ำกลายเป็นสีแดง ก็รู้ว่าชะตาตนจะถึงฆาตก็ให้นึกกลัว ส่วนท้าวกรุงกาฬเมื่อจะขึ้นขี่ช้างก็เกิดลางร้าย เห็นรูปนิมิตเป็นคนหัวขาด ก็รู้ว่าจะต้องตายเช่นกัน
ทัพไทยกับทัพเชียงใหม่รบกัน
เมื่อสองทัพเข้าประจันหน้ากัน แสนตรีเพชรกล้าเข้าต่อสู้กับพลายงาม ต่างฝ่ายต่างใช้คาถาอาคมเข้าต่อสู้กัน ไม่อาจแพ้ ไม่อาจชนะ จนทหารของลาวอ่อนกำลังลง ท้าวกรุงกาฬจึงยกพลเข้าช่วย ส่วนแสนตรีเพชรกล้านั้นเมื่อเพลี่ยงพล้ำแต่ก็ฆ่าไม่ตาย ขุนแผนก็บอกให้เอาหลาวมาสวนทวารจนตาย
"ขุนแผนร้องว่าอย่ามี่ฉาว เฮ้ยพวกเราเอาหลาวทะลวงก้น
ถึงมาตรแม้นอยู่ยงมันคงทน แยงให้จนถึงคอคงมรณา"
พระเจ้าเชียงใหม่ให้รักษาเมือง
ฝ่ายพระเจ้าเชียงใหม่ เมื่อรู้ข่าวว่าทัพของตนพ่ายแพ้ก็สลดใจ แต่ด้วยมานะกษัตริย์ ก็สั่งให้เสนารักษาเมือง โดยให้ตั้งค่ายให้มั่นคง
"....ให้เร่งรัดจัดรักษาซึ่งเวียงชัย | | ให้ตั้งค่ายรายไปรอบพารา |
ปิดทวารทั้งนั้นให้มั่นคง | ลงเขื่อนไม้แก่นให้แน่นหนา | |
ปืนหามแล่นเอาจุกทุกเสมา | คาบศิลาใส่ตับลำดับไว้ | |
ที่ขอบค่ายนั้นให้รายปืนจ่ารง | ที่ช่องตรงประตูกลางวางปืนใหญ่ | |
เอาประขาวกวาดวัดทั้งฉัตรชัย | จุกใส่ให้ทุกช่องทวารา | |
บนกำแพงทวารข้างด้านใต้ | จงเอาซุงแขวนไว้ให้หนักหนา | |
แม้นข้าศึกฮึกโหมโจมเข้ามา | เอามีดพร้าตัดทับให้ยับไป | |
ในกำแพงถากถางหนทางเดิน | แถวถนนบนเชิงเทินให้กว้างใหญ่ | |
ที่ตรงหว่างวางปืนกองฟืนไฟ | คั่วกรวดทรายไว้ให้ทุกกอง | |
ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชา | ผู้ดีไพร่ให้เข้ามาทุกบ้านช่อง | |
นั่งยามตามไฟเที่ยวสอดมอง | ตีฆ้องตรวจตระเวนกะเกณฑ์กัน... | |
.....สระบ่อท่อธารบ้านของใคร | | ขุดไขน้ำเข้าให้เต็มที่ |
ข้าวปลานาไร่ของใครมี | ให้ขนมาไว้ที่นี่สิ้นทั้งนั้น...... |
.....ถ้าข้าศึกเข้าด้านใครอย่าไว้มัน เอาไปฟันเสียบเสียสาใจ .....
แล้วได้ตรัสสั่งอีกว่า หากข้าศึกบุกเข้าถึงตัวเมือง ก็อย่าเพิ่งออกรบให้ตั้งมั่นไว้ นอกเมืองก็ให้เผายุ้งฉางให้หมด ทัพไทยก็จะอดอยากเมื่อนั้นก็จะได้ไปฆ่าให้หมด
ความคิดเห็น