ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขุนช้าง ขุนแผน

    ลำดับตอนที่ #37 : นางสร้อยฟ้าศรีมาลาลุยไฟ + จระเข้เถรขวาด (จบ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.09K
      4
      7 มี.ค. 51

    นางสร้อยฟ้าศรีมาลาลุยไฟ

    เมื่อถึงวันพิธี เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว นางสร้อยฟ้าและนางศรีมาลาเริ่มลุยไฟ

    ...เข้าคนละข้างหัวรางไฟ 

    ถวายบังคมไปมิได้ช้า

    เขาโบกปัดพัดไฟให้ถ่านแดง

    นางสร้อยฟ้าแสยงเป็นหนักหนา

    ศรีมาลาเพราพริ้มยิ้มแย้มมา

    บังคมแล้วไคลคลาเข้ารางไฟ

    ลีลาศดังราชเหมหงส์

    เยื้องย่างเหยียบลงหาร้อนไม่

    นางมิได้หวาดหวั่นพรั่นฤทัย 

    ลุยมาลุยไปได้สามที...

     

     

    นางสร้อยฟ้าลุยไฟแพ้

    สร้อยฟ้ากระดากอยู่ปากราง

    เปลวไฟร้อนนางยืนจดจ้อง

    ให้ครั่นคร้ามกลัวไฟจะไหม้พอง 

    แข็งใจเยื้องย่องซมซานมา

    เหยียบไฟลงได้สองสามก้าว 

    ตัวสั่นท้าวท้าวไหม้ตีนฉ่า...

     

    ทุกคนเมื่อเห็นประจักษ์เช่นนั้น ต่างก็พากันโกรธแค้น นางสร้อยฟ้าด้วยประการต่าง ๆ  สมเด็จพระพันวษา กริ้วนางสร้อยฟ้ายิ่งนัก จึงตรัสสั่งพระยายมราช เอาตัวนางสร้อยฟ้าไปฆ่า ผ่าอกด้วยขวาน ประจานไว้ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง นางสร้อยฟ้าจึงวิงวอนนางศรีมาลา ให้ทูลขอโทษ โดยขอให้เห็นแก่ลูกที่ตนท้องได้เจ็ดเดือน จะพลอยตายไปด้วย นางทองประศรีได้ฟังก็สงสาร จึงขอร้องให้นางศรีมาลาช่วยนางสร้อยฟ้า  นางศรีมาลาได้ฟังก็ใจอ่อน และบอกว่าตนมิได้พยาบาท แล้วจึงกราบทูลขอโทษให้นางสร้อยฟ้า เพื่อช่วยชีวิตลูกพระไวยที่อยู่ในครรภ์นางสร้อยฟ้า

    สมเด็จพระพันวษาทรงทราบก็คลายพิโรธ พระราชทานอภัยโทษให้  แล้วให้ขับไปจากเมือง

    ...ไม่รู้ว่ามันจะมาพาลูกตาย 

    เสื่อมคลายกริ้วลงด้วยทรงธรรม์

    วาสนาสร้อยฟ้าจะไม่ม้วย 

    กุศลศรีมาลาช่วยค้ำชูนั่น

    ทั้งบุญบุตรในท้องนั้นป้องกัน 

    บันดาลให้ไภยันต์นั้นพ้นไป...

     

    แล้วทรงตรัสขอบใจศรีมาลาที่ไม่จองเวร มีสัตย์ธรรมสูง แล้วพระราชทานรางวัลนางศรีมาลา ที่มีความชอบ ออกไปพาขุนแผนกับพลายชุมพลมาได้

    ...เงินสองชั่งทั้งผ้าสองสำรับ

    แหวนก้อยพลอยประดับขันล้างหน้า

    หีบหมากลายเทพประนมถมยา 

    พระราชทานศรีมาลาเป็นรางวัล

    อีกทั้งปวะหล่ำกำไรทอง 

    ประทานลูกในท้องเป็นของขวัญ...

     

     

    นางสร้อยฟ้าลาพระไวย

    รุ่งขึ้นนางสร้อยฟ้าเข้าไปลาพระไวย คร่ำครวญด้วยประการต่าง ๆ ด้วยความสำนึกผิด  พระไวยก็สงสารยิ่งนัก แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ จึงปลอบใจให้หายเศร้า และขอให้นางสร้อยฟ้า รักษาครรภ์อย่าให้อันตราย ถ้าไม่ตายคงจะได้พบกันใหม่

    ...อนิจาเวรกรรมจำวิบาก 

    เมียจะจากพ่อไปอย่างไรได้

    ถึงจะต้องตกลำบากยากไร้ 

    ถ้าอยู่ได้แล้วไม่จากพระคุณเลย

    พ่อเจ้าดูเมียเสียยังแล้ว 

    พ่อทูนกระหม่อมแก้วของเมียเอ๋ย

    ตั้งแต่นี้มิได้เห็นดังเช่นเคย 

    จนลับเลยสุดสิ้นชีวาลัย ฯ

     

    แล้วนางก็ไปลานางทองประศรี รำพันถึงความปราณี และบุญคุณที่มีต่อตนให้รอดตาย

    ...เจ้าประคุณคุณย่าได้ปรานี 

    ชั่วดีไม่ทิ้งให้หลานตาย 

    ให้แม่ศรีมาลามาขอไว้ 

    หลานรักจึงไม่ม้วยฉิบหาย...

    ...เหมือนตายจากคุณย่าจะลาไป

    ทางไกลตายเป็นไม่เห็นกัน ฯ 

     

    แล้วเข้าไปลาขุนแผนและพลายชุมพล จากนั้นจึงเข้าไปลานางศรีมาลา

    ...แม่เจ้ามีคุณขอทูนไว้ 

    หาไม่จะประลัยไปเป็นผี

    คุณของแม่หนอในข้อนี้ 

    จะใส่ในเกศีคุ้มวันตาย...

    ..อภัยโทษโปรดเถิดจะขอลา

    ผิดพลั้งแต่หลังมาอย่าเป็นเวร

     

     

    นางสร้อยฟ้าออกจากเมือง

    เมื่อเข้าลาทุกคนแล้ว นางสร้อยฟ้าก็กลับมาเรือนของตน คร่ำครวญที่ต้องจากไป เตรียมข้าวของ ออกเดินทางโดยทางเรือ พระไวยเฝ้าดูอยู่ด้วยความโศกเศร้าอาดูร

    ...ได้ยินเสียงร้องไห้ไปแจ้วแจ้ว 

    สนั่นแนวคงคาน่าสงสาร

    โอ้ว่ากรรมเราทำแต่ก่อนกาล

    มาประหารให้กำจัดจึงพลัดพราย...

    ...เหลียวชะแง้แลตามเจ้าทรามเชย 

    จนเรือเลยลับแหลมแลไม่เห็น

    น้ำตาตกอาบซาบกระเซ็น

    ตั้งแต่นี้จะไม่เว้นวายคะนึง...

     

    นางสร้อยฟ้าเดินทางไปตามลำดับ จากบ้านป้อมไปหัวสะพาน อ่างทอง บางแก้ว บางแมว ชาวบ้านเล่ากันว่ามีจระเข้อยู่สองตัว ตัวหนึ่งยาวเส้นเศษ  อีกตัวหนึ่งยาวเก้าวา ชอบแสดงตัวลอยขวางอยู่กลางลำน้ำ ถ้าเรือใครผ่านมาลำเดียวตอนพลบค่ำในที่เปลี่ยว ก็จะไล่กัดแจวหัก แต่ไม่เห็นว่ากินคน  นางสร้อยฟ้าได้ฟังก็กลัวจะเป็นอันตราย

     


    เถรขวาดพานางสร้อยฟ้าไปเชียงใหม่

    เถรขวาดกับเณรจิ๋ว แปลงตัวเป็นจระเข้ หนีไปอยู่ที่ หัวย่านบ้านบางแมว พอตกค่ำก็ส่งเสียงคำราม แล้วผุดขึ้นลอยอยู่เหนือน้ำ เห็นเรือจอดดูอยู่ท้ายคุ้ง จึงว่ายเข้าไปใกล้ ได้ยินเสียงร้องไห้ก็จำได้ว่าเป็นเสียงนางสร้อยฟ้า จึงว่ายขึ้นฝั่ง แล้วกลับเพศเป็นคนพร้อมกับเณรจิ๋ว เข้าไปพบนางสร้อยฟ้า แล้วเล่าเรื่อง ที่รอดตายมาได้ให้นางสร้อยฟ้าฟังทั้งหมด  นางสร้อยฟ้าก็เล่าเรื่องของตน ให้ฟังตามจริง แล้วก็รับเถรขวาดกับเณรจิ๋วลงเรือ ขึ้นไปเชียงใหม่ด้วยกัน เดินเรือผ่านปากน้ำบางพุดทรา  เดินทางมาได้หนึ่งเดือนก็ถึงเมืองระแหง แล้วขึ้นบกเดินทางกันต่อไป ได้สองเดือนจึงถึงเมืองเชียงใหม่

     

     

    กำเนิดพลายเพชรลูกนางศรีมาลา

    นางศรีมาลาท้องแก่จะคลอดลูก  นางทองประศรีก็เป็นธุระ ดูแลจัดแจงเตรียมงานต่าง ๆ จนเรียบร้อย คลอดลูกออกมาเป็นชาย รูปร่างหน้าตาน่ารัก พออายุได้สามเดือนก็โกนหัว บรรดาญาติมาทำขวัญให้ แล้วพระไวยกับพระกาญจน์บุรีก็ช่วยกันคิดตั้งชื่อ ให้สมกับตระกูลที่สืบเนื่องมาจากทวด จึงให้ชื่อว่า พลายเพชร

     

     

    กำเนิดพลายบัวลูกนางสร้อยฟ้า

    นางสร้อยฟ้าเมื่อครรภ์ถึงกำหนด ก็คลอดลูกเป็นชาย รูปร่างหน้าตางามเหมือนพระไวย เป็นที่รักใคร่ของพระเจ้าเชียงใหม่ ผู้เป็นพระเจ้าตายิ่ง แล้วตั้งชื่อตามวงศ์ตระกูลของไทยว่า พลายยงพงศ์นพรัฐ อยู่เย็นเป็นสุขกันต่อมา

     

     

     

    จระเข้เถรขวาด

    ตั้งแต่เถรขวาดรับนางสร้อยฟ้ากลับมาเชียงใหม่ได้  เจ้าเชียงใหม่ก็เห็นบุญคุณยกย่องให้เป็นที่ สังฆราชามลาว์วงศ์ อยู่ที่วัดพระธาตุ ได้รับถวายเครื่องยศอย่างสังฆราช แล้วให้ลาวเป็น เลขวัด ผลัดเปลี่ยนกันเข้าเดือนอยู่มากมาย โดยมีเณรจิ๋วเป็นผู้ดูแล

    ถวายเครื่องยศอย่างสังฆราช 

    ตลกบาตรตาลิปัตรพัดย่าม

    ล้วนปักหักทองขวางสำอางงาม

    ขี่เรือม่านคานหามกั้นสัปทน

     

    อยู่มาวันหนึ่งเมื่อฉันเพลแล้ว ส่องกระจกดูหน้าเห็นแผลที่หน้าผาก จากการที่พลายชุมพลสับด้วยกระบี่ ก็คิดแค้น จึงคิดจะลงไปกรุงศรีอยุธยา เพื่อฆ่าพลายชุมพล จึงไปหานางสร้อยฟ้าที่ในวัง บอกขอลาไปแก้แค้น  นางสร้อยฟ้าจึงว่า ได้เคยเหนี่ยวรั้งไว้ครั้งหนึ่ง ที่จะไปแก้แค้นขุนแผนกับพระไวย ด้วยเกรงว่าพลายยงจะกำพร้าพ่อ ถ้าเว้นพระไวยแล้วจะลงไป ก็ตามแต่ความคิด  เถรขวาดจึงว่าจะไปแก้แค้นพลายชุมพล โดยจะแปลงเป็นจระเข้ ไปอาละวาดถึงกรุงศรีอยุธยา

    จึงหมายว่าจะแกล้งแปลงอินทรี ย์

    เป็นกุมภีล์ลงไปในอยุธยา

    จะทำเสียให้วุ่นขุ่นทั้งกรุง 

    เอาให้ยุ่งถึงสมเด็จพระพันวษา

    อันคนดีที่ไหนใครจะมา 

    คงอาสาแต่อ้ายพลายชุมพล

    จะล่อมันลงน้ำทำให้ถนัด 

    ขบกัดตามสบายให้ตายป่น...

     

    นางสร้อยฟ้าได้ฟังดังนั้นก็ชอบใจ ด้วยตนอาฆาตพลายชุมพลมานานแล้ว แล้วกำชับอย่าประมาทพลายชุมพล เนื่องจากเคยเสียทีมาแล้ว  แต่เถรขวาดก็แก้ว่า ที่เสียทีพลายชุมพลครั้งนั้น เพราะตนเมาเหล้า และขอลานางสร้อยฟ้าไปพรุ่งนี้ เพราะได้ฤกษ์เก้าเป็นเสาร์ห้า  แล้วเรียกเณรจิ๋วมาสั่งว่า ตนจะไปสักสิบห้าคืน ถ้าเห็นนานเกินกว่ นั้นให้เณรจิ๋วรีบตามไป เณรจิ๋วพยายามทัดทานไม่ให้ไป แต่เถรขวาดไม่ยอมฟัง

    ...ฤทธิ์เดชเวทมนตร์กลใดใด 

    ที่พระครูทำได้มันไวกว่า

    คนดีไม่มีสิ้นอยุธยา

    อย่าชะล่าใจนักจักเสียที...

     

    เกิดนิมิตรร้ายหลายประการให้เถรขวาดเห็น มีจิ้งจกตกมาตายตรงหน้า งูเห่าเลื้อยมาแผ่แม่เบี้ยขวางทางไป เถรขวาดเห็นเป็นลางร้ายจึงยกเมฆดูนิมิต

    ...กอดอกยกเมฆดูนิมิตต์ 

    ก็วิปริตเป็นรูปคนหัวหาย

    จะยกต่อคอแขนไม่ติดกาย 

    เถรสำคัญมั่นหมายไม่คืนมา...

     

    ด้วยความกลัวนางสร้อยฟ้าจะว่าขลาด จึงคิดไปตายเอาดาบหน้า แล้วแปลงตัวเป็นแร้งบินไป

     


    เถรขวาดแปลงเป็นจระเข้

    ถึงเมืองอ่างทอง ที่คลองบางแมว จึงแปลงตนเป็นจระเข้ ตัวใหญ่ยาวเก้าวา ส่งเสียงร้องดังฟ้าผ่า ตำบลที่เถรขวาดแปลงตัว เป็นจระเข้นี้จึงได้ชื่อว่า บ้านจระเข้ร้อง ตั้งแต่นั้นมา

    ...เสกไม้เท้าต่อหางที่กลางตัว 

    แล้วเอาบาตร์สวมหัวเข้าเร็วรี่

    เผ่นโผนโจนผางกลางนที 

    ก็กลายเป็นกุมภีล์มหิมา...

    ...ใหญ่ยาวราวพระยาชาละวัน

    ครื้นครั่นสนั่นก้องลำพองกาย...

     

    จระเข้เถรขวาดอาละวาดมาถึงหน้าเมืองอ่างทอง  ผู้คนเรียกหาหมอจระเข้ บรรดาหมอจระเข้เก่าก็ไม่กล้าเข้าไปจับ เพราะเห็นว่าเป็นจระเข้ใหญ่เกินขนาด

    ...เหมือนอย่างคำบุราณท่านย่อมว่า

    ถ้าสามวาแล้วมีฤทธินิมิตต์ได้

    นี่มันเกินสามวากว่าขึ้นไป 

    เวทมนตร์เห็นจะไม่ถึงใจมัน...

     

    เถรขวาดทำร้ายหมอจระเข้ที่ดื้อดึงและอวดดี และผู้คนทั่วไปแต่ไม่กินคน และไม่ทำร้ายผู้ใส่บาตรให้เถรขวาด พอใกล้รุ่งก็กลับร่างเป็นคนเที่ยวบิณฑบาต

    ...พอจวนรุ่งเที่ยวมาหาที่เปลี่ยว 

    เถรขึ้นเที่ยวบิณฑบาตที่บนบ้าน

    ได้จังหันฉันแล้วตะลีตะลาน 

    โจนลงชลธารเป็นกุมภา

    ถ้าบ้านไหนเถรได้บิณฑบาต 

    บ้านนั้นเป็นอันขาดไม่เข่นฆ่า

     

     

    จระเข้เถรขวาดถึงกรุงศรีอยุธยา

    ล่องลงมาตามลำดับถึงหัวย่านบ้านสะตือ โพธิ์สระ บางเทวาท้ายป่าโมก แล้วมาทางบางโผงเผง บ้านกุ่ม บางบาน บ้านตึก ถึงกรุงศรีอยุธยาที่หน้าบ้านป้อม ภูเขาทอง มาถึงหน้าตำหนักแพ

    เจ้าคุณอธิบดีรู้เรื่องจระเข้อาละวาดทำร้ายผู้คน จึงนำความเข้ากราบทูล  สมเด็จพระพันวษา จึงตรัสสั่งให้หาหมอจระเข้มาปราบ  จระเข้เถรขวาดก็ฆ่าตายหมด  สมเด็จพระพันวษาเห็นผิดสังเกต จึงตรัสเรียกพระไวยมาหารือ  พระไวยก็เห็นว่า จระเข้ตัวนี้มีฤทธิ์ผิดปกติ เห็นทีจะไม่ใช่จระเข้ธรรมดา  เห็นโอกาสที่จะให้พลายชุมพลได้ทำความชอบ จึงกราบทูลไปว่า จระเข้ตัวนี้คงจะเป็นจระเข้มนตร์ของคนร้าย ขอให้พลายชุมพลไปหาความจริงดู

    สมเด็จพระพันวษาตรัสเรียกพลายชุมพลมาหา ตรัสสั่งให้ไปดูว่าเป็นจระเข้ชนิดใด  พลายชุมพลรับพระราชโองการ แล้วจึงลงไปที่ตำหนักแพ เห็นจระเข้ตัวใหญ่ลอยอยู่บนหลังน้ำก็พอรู้

    ...เจ้าพลายเพ่งพินิจพิจารณา 

    เห็นผิดเพศกุมภาตามธรรมเนียม

    เหมือนชาติไก่กับงูดูตีนเห็น

    เป็นจรเข้วิชาการจึงหาญเหี้ยม...

     

     

    พลายชุมพลอาสาจับจระเข้เถรขวาด

    เมื่อเห็นประจักษ์แก่ใจแล้ว จึงกลับไปกราบทูลสมเด็จพระพันวษาว่า จระเข้าตัวนี้ไม่ใช่จระเข้ธรรมดา แต่เป็นจระเข้มนตร์ แปลงมาลองดีทหารในกรุงศรีอยุธยา  ตนขออาสาไปจับจระเข้ตัวนี้  สมเด็จพระพันวษาได้ฟังก็ชอบพระทัย ตรัสว่า ถ้าทำสำเร็จจะพระราชทานรางวัลให้จุใจ  แล้วตรัสสั่งพระไวยไปบอกขุนแผน แล้วให้ทั้งหมดช่วยกันเตรียมการให้พร้อม พระองค์จะเสด็จไปทอดพระเนตรที่แพแต่ย่ำรุ่ง

    ทั้งสองคนจึงพากันไปหาขุนแผน แจ้งเรื่องให้ทราบ ขุนแผนทราบเรื่องแล้วก็รีบไปเตรียมการทันที

    ...ครั้นถึงจึงสั่งศรีมาลา 

    ให้จัดหาบัดพลีทุกสิ่งสรรพ์

    เครื่องอานเรียกหาเอามาพลัน

    แป้งน้ำมันกระแจะเจิมเฉลิมพักตร์

    ที่ในห้องหอพระจมื่นไวย

    จัดธูปเทียนไว้ดอกไม้ปัก

    มีดหมอเปลี่ยนปลอกหอกชะนัก

    พร้อมพรักเรียบเรียงไว้เคียงกัน

    ให้ชุมพลชำระสระสนาน

    ขุนแผนอ่านคาถาเสกอาถรรพ์

    ลูบไล้ว่านยาทาน้ำมัน

    คงกระพันเขี้ยวงาสารพัด

    พอแสงทองพวยพุ่งจะรุ่งเช้า

    ชุมพลเข้าหอพระที่สงัด

    นิ่งนั่งบริกรรมทำอาพัด

    อัดใจเป่าปลุกเครื่องสาตรา...

     

    เสร็จพิธีแล้วก็พากันมาที่ตำหนักแพ เมื่อสมเด็จพระพันวษาเสด็จลงสู่ตำหนักแพแล้ว ก็ตรัสเรียกพลายชุมพล มาย้ำความมั่นใจ พลายชุมพลก็กราบทูลว่า ถ้าทำการไม่สำเร็จก็ขอยอมตาย แล้วกราบบังคมออกมา



    พลายชุมพลสู้กับเถรขวาด

    ...อธิษฐานนมัสการพระเป็นเจ้า

    จงปกเกล้าคุ้มภัยให้แก่ข้า

    คุณพระธรณีพระคงคา

    คุณบิดรมารดาจงคุ้มครอง

    จากนั้นก็ลงแพล่องไปกลางน้ำ อ่านคาถาพระสยมภูวนารถ เสกข้าวสารปรางควานแล้วซัดไป แล้วเสกน้ำสาดไปอีก ทำให้พรายของเถรขวาดหลีกหนีไป  เถรขวาดต้องมนตร์ไม่อาจกบดานนิ่งอยู่ได้ ก็ลอยตัวขึ้นมาหลังน้ำ พลายชุมพลเห็นดังนั้น ก็เตรียมตัวจับจระเข้เถรขวาด

    ...จึงเสกด้ายสายสิญจน์เข้าสามเส้น

    คมักเขม้นพันมือไว้คอยท่า

    มีดหมอเหน็บมั่นกับกายา

    ถือชะนักตั้งท่าจะชิงชัยฯ

    แล้วทั้งสองฝ่ายก็สู้กัน จระเข้เถรขวาดถูกพลายชุมพลแทงด้วยมีดหมอ เลือดไหลโทรมกาย ก็แปลงกายเป็นปลา พลายชุมพลก็แปลงกายเป็นนก ดำค้นหาปลาในน้ำ  เถรขวาดจึงแปลงกายเป็นช้างงาตัวใหญ่ พลายชุมพลก็แปลงกายเป็นเสือไล่กัดช้าง  เถรขวาดจึงแปลงกายเป็นลิง พลายชุมพลก็แปลงกายเป็นงูเห่าเข้าไล่ขบ และรัดเอาลิงกลิ้งอยู่ จนต้องกลับร่างเป็นเถรขวาด พลายชุมพลก็กลับร่างเป็นคนดังเดิม เข้ารวบรัดตัวเถรขวาดไว้ได้ แล้วพาตัวมายังหน้าพระที่นั่ง

     


    ประหารชีวิตเถรขวาด

    สมเด็จพระพันวษาโสมนัสยิ่งนัก ตรัสสั่งให้จมื่นศรีเสาวรักษ ์เอาตัวเถรขวาดไปซักถาม แล้วตรัสกับพระกาญจน์บุรีว่า พลายชุมพลนี้ไม่เสียทีที่เลี้ยงไว้ พอเป็นคู่กับพระไวยในงานราชการได้ แล้วเสด็จกลับวัง  จมื่นศรีเสาวรักษ์เอาตัวเถรขวาดมาสอบถาม เถรขวาดไม่ยอมรับว่าผู้ใดใช้มา จึงให้ผูกเถรขวาดไว้กับขื่อคา แล้วซักถามเถรขวาดได้รับความเจ็บปวด จึงสารภาพทั้งหมดว่า ตนอาฆาตพลายชุมพลแต่ครั้งก่อน จึงตามมาล้างแค้น จมื่นศรีจึงให้เสมียนเขียนคำสารภาพของเถรขวาด แล้วนำขึ้นกราบทูล สมเด็จพระพันวษาทรงทราบเรื่องแล้ว จึงตรัสถามพระยาอนุชิตว่า ครั้งนั้นบอกว่าเถรขวาดกับเณรจิ๋วตายแล้ว มาครั้งนี้ยังไม่ตายจะว่าอย่างไร  พระยาอนุชิตจึงกราบทูลว่า เมื่อผู้คุมมารายงานว่าตาย ตนจึงให้นำไปทิ้งที่ป่าช้า โดยมิทันได้พิจารณา

    สมเด็จพระพันวษาจึงตรัสว่า ตั้งแต่นี้ไปถ้าคนโทษนั้นถึงตาย ให้มีหมายบอกมหาดเล็ก และตำรวจออกไปตรวจก่อน พร้อมทั้งกลาโหมและมหาดไทย แล้วจึงให้เอาศพไปป่าช้า แล้วตรัสสั่งให้ เจ้ากระทรวง ลูกขุน ศาลหลวงพร้อมกันปรึกษาโทษเถรขวาด   ทุกฝ่ายเห็นควรให้ประหาร  พระองค์จึงตรัสสั่งให้พลายชุมพล เอาตัวเถรขวาดไปประหาร ขุนแผนก็ส่งดาบฟ้าฟื้นให้พลายชุมพล ใช้ประหารเถรขวาด

     


    พลายชุมพลได้เป็นหลวงนายฤทธิ์

    วันรุ่งขึ้นเมื่อสมเด็จพระพันวษาออกว่าราชการ พระองค์เห็นว่าพลายชุมพลมีความชอบ ที่ปราบจระเข้ได้ ควรพระราชทานยศศักดิ์ให้รับราชการ ให้เป็นที่ หลวงนายฤทธิ์ รับใช้ใกล้พระองค์ แล้วให้กรมเมืองทหาร ไปจัดการหาที่ปลูกเรือนให้อยู่ พร้อมทั้งพระราชทานรางวัล

    ...แล้วตรัสสั่งชาวคลังใน

    จัดผ้าสมปักไหมสไบส่าน

    ทั้งเงินตราห้าชั่งตั้งใส่พาน

    พระราชทานแล้วเสด็จขึ้นข้างในฯ

     

    พลายชุมพลและพระไวย ก็กลับมาแจ้งให้ขุนแผนทราบ เป็นที่ยินดีปรีดาทั่วหน้า อยู่กันด้วยความเป็นสุขสืบต่อมา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×