ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขุนช้าง ขุนแผน

    ลำดับตอนที่ #34 : นางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์ + พระไวยถูกเสน่ห์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.55K
      4
      3 มี.ค. 51

    นางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์

    พระไวยอยู่กับนางสร้อยฟ้ากับนางศรีมาลาด้วยความผาสุข แต่ธรรมดาชายหนุ่มมีเมียสอง ย่อมจะมีเรื่องแข่งแย่งผัวกัน  มาวันหนึ่งเกิดเรื่องขึ้น พระไวยให้ทั้งสองนางทำขนมเบื้อง ศรีมาลาทำได้ดี แต่สร้อยฟ้าไม่สันทัด พลายชุมพลจึงพูดว่า ขนมที่นางสร้อยฟ้าหนาเหมือนแป้งจี่ แล้วพากันพูดกระทบกระเทียบขนมเบื้องของสร้อยฟ้า ทำให้นางไม่พอใจ  ตกค่ำพระะไวยเข้าห้องนางศรีมาลา นางก็ต่อว่ายังหัวค่ำอยู่ พระไวยก็ไม่ยอมนางจึงว่า

    ...ศรีมาลาว่าชะช่างร้อนจิตต์ 

    พระอาทิตย์ยังไม่ลับดับแสงเหลือง

    เด็กเด็กยังตื่นครื้นทั้งเมือง 

    ขนมเบื้องทำด้วยปากยากอะไร ฯ

     

    นางสร้อยฟ้าได้ยินแว่วว่าขนมเบื้อง ก็คิดว่านางศรีมาลานินทาตน จึงร้องว่านางศรีมาลาไป  นางศรีมาลาก็ย้อนกลับ เกิดโต้ตอบกันไปมาด้วยคารม  พระไวยได้ฟังก็ชอบใจ  นางทองประศรีได้ยินเสียงเถียงกัน ก็ว่ากล่าวนางสร้อยฟ้า  แล้วก็ว่าพระไวยที่ไม่ห้ามเมีย

     

    สร้อยฟ้าศรีมาลาทะเลาะกัน

    วันรุ่งขึ้นนางสร้อยฟ้ายังคิดเคืองอยู่ไม่หาย พอเห็นพระไวยลงเรือนไปแล้ว ก็แกล้งด่ากระทบพวกบ่าวไพร่ จนที่สุดก็ทะเลาะกับนางศรีมาลา จนถึงขั้นตบตีกัน พลายชุมพลเข้าห้าม นางสร้อยฟ้าจึงผลักพลายชุมพลตกล่อง นางทองประศรีได้ยินเสียง ก็รีบออกมาดู เห็นหลานบาดเจ็บก็โกรธ ด่าว่านางสร้อยฟ้า นางสร้อยฟ้าก็เถียงย่า พอดีพระไวยกลับมาเห็นเข้าสอบถาม  นางสร้อยฟ้ายังโต้เถียงไม่รับผิด  พระไวยโกรธจึงตีนางสร้อยฟ้า นางศรีมาลาเข้าห้ามไว้

    นางสร้อยฟ้าหนีเข้าไปในห้องของตน แล้วให้คิดแค้น พอตกดึกนึกได้ถึงเถรขวาด  วันรุ่งขึ้นจึงใช้นางไหม ข้าเก่าจากเชียงใหม่ให้ไปหาเถรขวาด เล่าความทุกข์เข็ญที่เป็นมา ขอให้เถรขวาดช่วยแก้แค้นให้ด้วย

     

     

    สร้อยฟ้าให้อีไหมไปหาเถรขวาด

    เถรขวาดอยู่วัดเวียงที่เชียงใหม่ รู้วิชาสารพัด  เมื่อตอนทัพไทย ขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่ เถรขวาดไปหาเหล็กไหลอยู่ในป่า พอรู้ข่าวก็กลับมาจะสู้ แต่กองทัพไทยตีเมืองได้เสียก่อน เมื่อเจ้าเชียงใหม่ถูกนำตัวลงมายังกรุงศรีอยุธยา ก็ให้มาเป็นเพื่อน เมื่อกลับคืนเชียงใหม่แล้ว ก็ให้เถรขวาดอยู่เป็นเพื่อนนางสร้อยฟ้า ได้ไปอยู่ที่วัดพระรามเกือบหนึ่งพรรษา แต่ไปเมาเหล้าวุ่นวายในโบสถ์ เจ้าคุณพระพิมลจึงขับไล่จากคณะวัดพระราม  เถรขวาดพร้อมเณรจิ๋ว ก็ดั้นด้นแสวงหาวัดอยู่ใหม่ที่ลี้ลับ เพื่อหนีไม่ให้คนรู้จัก  มาพบวัดพระยาแมน มีพระเณรอยู่ไม่มาก  เณรจิ๋วเที่ยวไปบอกชาวบ้านว่าเถรขวาดมีวิชาดี ผู้คนก็พากันมาหากันมาก

    ...พวกชายหญิงชาวบ้านร้านตลาด

    ก็เกลื่อนกลาดติดตามมาถามหา

    บ้างมาขอเครื่องรางบ้างขอยา 

    บ้างขอผ้าประเจียดลงเป็นองค์พระ

    ที่บ้างถูกคุณไสยมาไหว้บน 

    ให้ปัดเป่าเอาน้ำมนตร์รดศีรษะ

    เขาถวายข้าวปลาธารณะ 

    ค่อยเปลื้องปละอดอยากลำบากใจ

    แต่ลางวันพ้นเพลตาเถรเถ้า 

    ยังกินเหล้าเช้าค่ำหาทิ้งไม่...

     

    ฝ่ายนางไหมไปหาเถรขวาด แล้วเล่าความให้ฟัง เถรขวาดก็ให้พานางสร้อยฟ้ามาหา นางไหมก็กลับมาบอกนางสร้อยฟ้า เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งสองนางก็ไปหาเถรขวาดที่วัดพระยาแมน เล่าความทุกข์ยากให้ฟัง

     

    เถรขวาดทำเสน่ห์

    เถรขวาดได้ฟังแล้วตั้งพิธีทำเสน่ห์ให้นางสร้อยฟ้า

    ...หยิบขันสัมริดประสิทธี 

    ฤกษ์ดีตักน้ำมาเสกพลัน

    อึดใจเป่าไปก็พล่านพลุ่ง 

    เป็นฝอยฟุ้งฟองฟูขึ้นท่วมขัน

    ส่งไปให้เจ้าสร้อยฟ้านั้น 

    อธิษฐานเสียให้ทันที่ฤกษ์ดี

    ครานั้นจึงโฉมเจ้าสร้อยฟ้า 

    รับทูลเกศาเกษมศรี

    ขอพระเวทวิเศษประสิทธี 

    ให้สูญสิ้นราคีที่ร้ายรอง

    จงเข้าดลใจพระไวยผัว 

    ให้มืดมัวลุ่มหลงลงมาห้อง

    แล้วชิงชังศรีมาลาอย่านึกปอง 

    ต้องมนตร์พันพัวให้มัวใจ

     

    จากนั้นเถรขวาดจึงทำพิธีต่อไป

    ...ลงอักษรเสกซ้อมแล้วย้อมผม 

    เป่าด้วยอาคมแล้วจึงปั้น 

    เป็นสองรูปไว้เรียงเคียงกัน

    ชักยันต์ลงชื่อศรีมาลา

    อีกรูปหนึ่งลงชื่อคือพระไวย 

    เอาหลังติดกันไว้ให้ห่างหน้า

    ปักหนามแทงตัวทั่วกายา 

    แล้วผูกตราสังมั่นขนันไว้

    ซ้ำลงยันต์พันด้วยใบเต่ารั้ง

    ให้เณรจิ๋วไปฝังป่าช้าใหญ่

    แล้วปั้นรูปสร้อยฟ้ากับพระไวย 

    เอาใบรักซ่อนใส่กับเลขยันต์

    เถรนั่งบริกรรมแล้วซ้ำเป่า 

    พอต้องสองรูปเข้าก็พลิกผัน

    หันหน้าคว้ากอดกันพัลวัน

    เอาสายสิญจน์เข้ากระสันไว้ตรึงตรา

    รูปนี้จงฝังไว้ใต้ที่นอน

    ไม่ข้ามวันก็จะร่อนลงมาหา...

     

    เสร็จพิธีที่วัดแล้ว นางสร้อยฟ้าก็กลับมาเรือน จัดการตามที่เถรขวาดสั่ง แล้วนอนคอย พลายงามอยู่ในห้อง

     

     


    พระไวยถูกเสน่ห์

    ฝ่ายพระไวยนอนอยู่ในห้องกับนางศรีมาลา ให้เกิดความปั่นป่วน ฝันว่านางสร้อยฟ้ามาเชิญชวนให้ไปหา ตื่นขึ้นก็เดินไปห้องนางสร้อยฟ้า  นางสร้อยฟ้าต่อว่า พระไวยก็ยอมรับผิด แล้วอยู่กับนางสร้อยฟ้าตลอดคืน  รุ่งขึ้นพระไวยไปเข้าเฝ้า  สมเด็จพระพันวษาเห็นพระไวย จึงตรัสถามว่า ทำไมหน้าตาหมองคล้ำไป หรือว่าเมียเกิดหึงกัน เพราะใครที่มีเมียสองมักมีเรื่องหมองใจ แต่พระไวยยังไม่สร่างมนตร์ที่ถูกดลใจไว้ จึงมิได้กราบทูลตอบแต่อย่างใด เมื่อกลับออกมาแล้ว ก็ครุ่นคิดถึงแต่นางสร้อยฟ้า และรู้สึกเกลียดชังนางศรีมาลา   พบทั้งสองนางนั่งอยู่ นางสร้อยฟ้าแกล้งล้มลง แล้วใส่ร้ายว่าศรีมาลาทำร้าย  พระไวยก็เชื่อนางสร้อยฟ้า แล้วเฆี่ยนตีศรีมาลา นางทองประศรีก็พลอยเข้าข้างสร้อยฟ้า  มีแต่พลายชุมพลเท่านั้น ที่เข้าช่วยกั้นให้ศรีมาลา เลยถูกพระไวยตีไปหลายครั้ง นางทองประศรีจึงเข้ามากันหลาน แล้วด่าว่าพระไวยที่กลัวเมีย

     


    พลายชุมพลหนีไปกาญจนบุรี

    ฝ่ายพลายชุมพลก็มาคิดว่า พระไวยพี่ชายของตนคงจะถูกทำเสน่ห์ แม้แต่เมียรักของตนยังเฆี่ยนตีได้ ตนเองไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน พระไวยก็คงจะไม่รัก จึงคิดจะไปหาพ่อกับแม่ที่กาญจนบุรี  จึงรอโอกาสจนนางทองประศรีผู้เป็นย่าหลับ ก็แอบหนีไปเมืองกาญจนบุรี โดยมีกุมารทองเป็นเพื่อนไปด้วย

    นางทองประศรีตื่นขึ้นไม่เห็นหลาน ก็เที่ยวให้คนตามหากันอลหม่านไปทั้งบ้าน  พระไวยรู้เรื่องก็จับยามดู ก็รู้ว่าพลายชุมพลไม่เป็นอันตรายอะไร

    ...จึงจับยามตามตำราพระอาจารย์

     วันอังคารเศษเสาร์เข้ายามจันทร์

    จะไปดีมาดีมิเป็นไร 

    จะพานพบผู้ใหญ่เกษมสันต์... 

     

    เมื่อรู้ดังนั้นแล้ว จึงบอกนางทองประศรีไป ทำให้นางคลายใจ แล้วก็เฝ้าเป็นทุกข์ถึงหลาน อยู่ด้วยความเศร้าสร้อยอาลัยอาวรณ์ไม่เว้นวัน

    ...เช้าเย็นเป็นทุกข์ถึงหลานน้อย 

    ยิ่งเศร้าสร้อยสวมสอดกอดแต่หมอน

    พระสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน

     แกอาวรณ์ร้องไห้ไม่วายวัน ฯ

     

    พลายชุมพลเดินทางดั้นด้นไปในป่า เข้าเขตสุพรรณบุรีตอนบ่าย ให้คิดถึงและห่วงใยย่ากับนางศรีมาลา ที่เคยให้ความรักใคร่เอ็นดูตนมาโดยตลอด

    โอ้สงสารท่านย่านิจจาเอ๋ย 

    จะวายเวยร้องไห้อาลัยถึง

    ที่ในบ้านป่านนี้จะมี่อึง 

    โกรธขึ้งถุ้งเถียงกันทั้งเรือน

    โอ้เอ็นดูแต่พี่ศรีมาลา 

    น้องจากมาแล้วจะได้ใครเป็นเพี่อน...

    ...ถึงเป็นพี่สะใภ้ไม่ฉันทา 

    เหมือนมารดาเลี้ยงน้องถนอมใจ...

     

    เมื่อถึงกาญจนบุรีตอนใกล้รุ่ง กุมารทองก็นำไปยังบ้านขุนแผน แล้วหายตัวไป  พลายชุมพลเห็นพ่อแม่นั่งอยู่ที่หอขวาง ก็วิ่งเข้าไปหา กราบไหว้แล้วร้องไห้ เล่าความที่เกิดขึ้นให้ฟังโดยตลอด  ขุนแผนทราบเรื่องแล้วก็โกรธพระไวยยิ่งนัก  แล้วก็ปรารถว่ากุมารทองไปไหน ทำไมไม่มาบอกเรื่องนางสร้อยฟ้าให้ตนทราบ กุมารทองจึงกระซิบบอกว่า สร้อยฟ้าไปหาเถรขวาดที่วัดพระยาแมน ให้ปั้นรูปรอยฝัง ขอให้ขุนแผนรีบลงไปช่วย

     

    พลายชุมพลหนีไปสุโขทัย

    เมื่ออยู่ด้วยกันสองแม่ลูก พลายชุมพลก็ถามแม่ถึงญาติฝ่ายแม่ นางแก้วกิริยาก็เล่าเรื่องให้ฟังถึงความเป็นมา พลายชุมพลได้ฟังก็สงสารแม่ที่ต้องตกยาก แล้วคิดว่าจะหนีไปหาคุณยายคุณตาที่เมืองสุโขทัย  ตกกลางคืนเมื่อทุกคนหลับหมดแล้ว ก็เรียกกุมารทองมาบอกความ แล้วก็ลาแม่ทั้งที่ยังหลับ ออกเดินทางไปสุโขทัยกับกุมารทอง

    แล้วกราบเท้ามารดาน้ำตาพราก

    ลูกจะจากแม่แล้วยังหลับไหล 

    จะบอกแม่กลัวแต่จะขืนใจ 

    จำเป็นหนีไปไม่ทันลา

    โอ้ว่าเจ้าประคุณของลูกแก้ว 

    ตื่นแล้วจะโศกเศร้าเฝ้าโหยหา

    ลูกไม่ไปไหนจะพบคุณยายตา 

    ก็หักใจไคลคลามาจากเตียง

     

    รุ่งเช้านางแก้วกิริยาตื่นขึ้นมา เห็นลูกหายไปก็ตกใจ รีบไปบอกขุนแผน  ขุนแผนจับยามดูแล้วเห็นว่า ไม่เป็นอะไร จึงบอกให้นางคลายใจ

    ...จึงจับยามตามเคยสังเกตใจ

    คืนนี่ไปยามจันทร์วันอังคาร

    ในตำราว่าอมฤคโชค 

    ไม่มีโศกจะเป็นสุขสนุกสนาน

    จะพบพานผู้ใหญ่ในวงศ์วาน

    ไม่ช้านานก็จะมาเห็นหน้ากัน

     

    พลายชุมพลเดินทางอยู่สามวัน ก็ถึงเมืองสุโขทัย  กุมารทองชี้เรือนพระยาสุโขทัยให้ แล้วก็หายตัวไปเป็นเงาตามอยู่ข้างหลัง   พลายชุมพลเห็นยายกับตานั่งอยู่บนหอขวาง ก็คลานเข้าไปไหว้คุณยายกับคุณตาของตน  เมื่อไต่ถามจนรู้ว่า พลายชุมพลเป็นลูกนางแก้วกิริยาก็ดีใจยิ่งนัก  จึงให้จัดบายศรีรับขวัญหลานเป็นงานใหญ่ เสร็จงานแล้วก็อยู่กับตายายต่อมาด้วยความสุข  ได้สอบถามเรื่องการเรียน  พลายงามก็แจ้งว่า ย่าได้สอนหนังสือให้จนถึงแม่เกย ตายายจึงหารือว่าจะให้ไปบวชเรียนที่วัด  พลายชุมพลก็ว่าตนอยากบวชอยู่แล้ว  ดังนั้นสองยายตาจึงพาหลานไปฝาก สังฆราชาที่วัดกระพังทอง

    ...ให้หาธูปเทียนข้าวตอกดอกไม้ 

    กับหมากพลูจะได้ไปถวาย

    แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งหลานชาย

    ให้นุ่งลายห่มแพรม่วงดวงพุดตาน

    ยายเพ็ญจันทร์นั้นนุ่งตะรางไหม

    ห่มปักตะนาวใหม่สมภูมิฐาน

    เจ้าขรัวตานุ่งผ้าปูมประทาน

    แล้วหยิบส่านมาห่มสมตัวครัน

    ชวนหลานชายพลายน้อยออกเดินทาง

    ต่างกางร่มปีกค้างคาวกั้น

    บ่าวถือถาดพานทองรองตะบัน

    ตามกันออกไปวัดกระพังทอง...

     

     

    นางศรีมาลาครวญ

    นางศรีมาลาเมื่อพลายชุมพลจากไปแล้ว ก็ตรอมตรมระทมใจ พระไวยก็ไปอยู่กับนางสร้อยฟ้า  นางทองประศรีก็พลอยด่าว่าไม่พูดด้วย คอยขุนแผนก็ยังไม่มา จึงคิดที่จะไปบอกพ่อแม่ของตน ให้ลงมาว่ากล่าวให้เด็ดขาดกันไป  ถ้าพระไวยไม่ใยดี ก็จะไปบวชชีที่บ้านตน คิดแล้วจึงให้ข้าเก่า ขึ้นไปบอกพ่อแม่ของตนที่เมืองพิจิตร ว่าตนเจ็บไข้หนัก ขอให้ลงมาเยี่ยม ส่วนเรื่องวิวาทกันในครอบครัวนั้นไม่ให้บอก อ้ายทิดข้าเก่ารับคำแล้ว รีบออกเดินทางไปเมืองพิจิตร
     

    ...แล้วเดินมาข้างนอกไม่บอกใคร

    จับถุงย่ามใหญ่ใส่ข้าวปลา

    ทั้งหมากพลูบุหรี่มีทุกอย่าง 

    ลายฉลางคาดพุงหม้อตุ้งก่า

    ครั้นเสร็จสรรพแล้วจับหอกละว้า

    เอาย่ามใหญ่ใส่บ่าแล้วคลาไคล...

     

    เดินทางอยู่สามวันครึ่งก็ถึงเมืองพิจิตร    แจ้งข่าวนางศรีมาลาให้พระพิจิตร กับ นางบุษบาทราบ ทั้งสองคนทราบเรื่องแล้วก็ตกใจ รีบเตรียมตัวออกเดินทางเข้ากรุงโดยทางเรือ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×