ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขุนช้าง ขุนแผน

    ลำดับตอนที่ #33 : ฆ่านางวันทอง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.4K
      4
      3 มี.ค. 51

    ฆ่านางวันทอง

    ทุกคนต่างพากันตกใจ และเศร้าโศกเสียใจกันทั่วหน้า พระยายมราชก็มาคุมตัวนางวันทอง ไปที่ตะแลงแกง ทุกคนก็ติดตามไป คร่ำครวญอาลัยในหมู่ญาติ นางวันทองครวญกับพระไวยว่า

    ...วันนี้แม่จะลาพ่อพลายแล้ว 

    จะจำจากลูกแก้วไปสูญสิ้น

    พอบ่ายก็จะตายลงถมดิน 

    ผินหน้ามาแม่จะขอชม

    เกิดมาไม่เหมือนกับเขาอื่น

    มิได้ชื่นเชยชิดสนิทสนม...

    ...ร่ำพลางนางกอดพระหมื่นไวย

    น้ำตกไหลซบเซาไม่เงยหน้า

    ง่วงหงุบฟุบลงกับพสุธา

    กอดลูกยาแน่นิ่งไม่ติงกาย ฯ

     

    พระไวยก็รำพันถึงนางวันทองผู้เป็นแม่

    ...โอ้เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย

    แม่เคยเลี้ยงลูกแล้วสั่งสอน

    ผูกเปลเห่ช้าให้ลูกนอน

    ป้อนข้าวอาบน้ำให้กินนม...

    ...ขอตายแทนตัวของมารดา 

    อย่าให้แม่ข้านี้บรรไลย

    เป็นเพราะกูรับแม่กลับมา

    ท่านจึงลงอาญาเป็นข้อใหญ่

    ว่าพลางกลิ้งเกลือกเสือกไป 

    สะอื้นไห้อยู่ที่ตีนของมารดา

     

    ขุนแผนครวญกับนางวันทอง ที่ได้ตกระกำลำบากมาด้วยกันช้านาน

    ขุนแผนแสนโศกสงสารน้อง

    นิ่งนั่งฟังวันทองให้อัดอั้น

    นางหันมากอดเท้าเข้าจาบัลย์ 

    ขุนแผนนั้นซบหน้ากับหลังเมีย

    สะท้อนสะทึกสะอึกสะอื้นให้ 

    ออกปากน้ำตาไหลลงราดเรี่ย

    เสียแรงทรมานตัวทั้งผัวเมีย

    เขี่ยดินเลี้ยงกันเหมือนหนึ่งนก...

    ...ถึงสุดแสนลำบากยากไร้ 

    เจ้าสู้ทนได้ไปกับผัว

    จนพฤกษาหายากกินรากบัว 

    ชั้นชั่วข้าวสักเม็ดไม่พานพบ

    แปดเดือนเรือนชานมิได้เห็น 

    แสนเข็ญพาน้องวันทองหลบ...

    ...เหมือนเจ้าตายจากพี่ทีหนึ่งแล้ว

    ต้องคลาดแคล้วพี่ตั้งแต่เศร้าหมอง

    อยู่ในคุกทุกข์ถึงคะนึงตรอง

    สองทุกข์สามทุกข์เข้าทับใจ...

    ...ได้พบผัวพูดกันแต่กลางคืน

    พอนอนตื่นไม่ทันตะวันสาย

    ก็เกิดความลามวุ่นขุ่นระคาย

    ลงปลายน้องรักจักวายชนม์...

    ...คนอื่นหมื่นแสนก็คุ้มรอด 

    ยอดรักคนเดียวไม่คุ้มได้

    จำเพาะเด็ดดวงจิตปลิดเอาไป

    ช่างกระไรพ้นที่จะป้องกัน...

    ...ขุนแผนฟังคำที่ร่ำว่า

    ไม่ออกปากพูดจาต่อไปได้

    สุดคิดอัดอั้นให้ตันใจ 

    สุดอาลัยล้มผางลงกลางดิน

     

    นางแก้วกิริยา กับนางลาวทองก็เข้าไปขอสมา  นางวันทองก็รับสมาจากทั้งสองนาง  นางสร้อยฟ้ากับนางศรีมาลา  ก็เข้าไปขอขมา  นางวันทองรับขมา จากนั้นก็เข้าไปขมานางทองประศรี

         นางวันทองน้องเรียกเอาดอกไม้

    คลานเข้าไปไหว้กราบทองประศรี

    ลูกจะลามารดาในวันนี้

    ขออภัยอย่าให้มีซึ่งโทษทัณฑ์

    แต่ลูกอยู่กับพ่อขุนแผน 

    ให้แม่แค้นอย่างไรที่ไหนนั่น

    จนถึงเวลาเขาฆ่าฟัน 

    สิ้นเวรกรรมกันเถิดแม่คุณ

     

    ฝ่ายขุนช้างไม่กล้าเข้าไปใกล้นางวันทอง ได้แต่นั่งครวญอยู่ห่าง ๆ

    ...ฝ่ายขุนช้างนั่งเหงาไม่เข้าใกล้ 

    ร้องไห้หน้าขาวราวกับผี

    เสียใจใหลเล่อเพ้อพาที

    คราวนี้ตายแน่แล้วแม่คุณ

    พุทโท่อยู่หลัดหลัดมาพลัดกัน 

    โอ้แม่วันทองตายเพราะอ้ายขุน...

     

     

    พระไวยปรึกษาขุนแผนจะทูลขอโทษนางวันทอง

    ครั้นแล้วพระไวยก็คิดกับขุนแผนว่า จะไปกราบทูลขอพระราชทานโทษนางวันทอง   ขุนแผนก็เห็นด้วย แต่เมื่อจับยามดูแล้วก็รู้ว่า จะทรงโปรดยกโทษให้ แต่นางวันทองก็ไม่พ้นตาย

    ...ครานั้นขุนแผนแสนสะท้าน

    ฟังลูกคิดอ่านก็เห็นได้

    แต่ครั้นจับยามดูรู้แจ้งใจ

    จึงว่ากับพระไวยพ่อพลายงาม

    อัฐกาลพาลขัดอยู่หนักหนา 

    พ่อว่าประหนึ่งจะชิงห้าม

    เจ้าจะไปทูลขอดูก็ตาม 

    ในยามว่าองค์พระทรงชัย

    เจ้าไปทูลขอโทษคงโปรดแน่ 

    แต่แม่เจ้าหาพ้นจากตายไม่

    ดูหน้าหน้าก็นวลจวนบรรลัย 

    จะใกล้ในเวลานี้เข้าสี่โมง

    ขีดชาตาลงดูกับแผ่นดิน 

    ก็ขาดสิ้นเคราะห์ร้ายเห็นตายโหง

    เสาร์ทับลัคนากาจับโลง

    ยามลิงล้วงโพรงจรเข้กิน

    ใครต้องยามนี้มิได้รอด

    พระไวยเห็นตลอดอยู่เสร็จสิ้น

    น้ำตาอาบหน้าลงรินริน 

    ผินหน้าว่ากับพ่อว่าตามกรรม

    เคราะห์ร้ายตายเป็นก็เห็นหมด 

    ลูกจะทดแทนคุณอุปถัมภ์...

     

    แล้วพระไวยก็ฝากพ่อให้ดูแลแม่ไว้ อย่าเพ่อให้เขาฆ่าได้  แล้วเข้าไปหาพระยายมราช บอกว่าจะไปเฝ้าสมเด็จพระพันวษา เพื่อกราบทูลขอโทษให้แม่ ขอให้รอไว้เพ่อฆ่า  พระยายมราชได้ฟังก็ยินดี บอกให้พลายงามรีบไป เพราะถ้ารั้งรอนานไปตนก็เกรงพระอาญา

     

    พระไวยทูลขอโทษนางวันทอง

    พระไวยได้เข้าเฝ้าและกราบทูลขอโทษ

    ...นี่มารดาอุ้มท้องทรมาน 

    ได้เกิดมาเป็นนานเพราะมารดา

    สารพัดพระคุณไม่นับได้ 

    จะทิ้งไว้ไม่ควรเป็นหนักหนา

    อนึ่งตั้งแต่กำเนิดเกิดมา

    ยังมิได้พยาบาลประการใด

    ครั้งนี้ที่สุดถึงชีวิต 

    ขอพระองค์จงประสิทธิ์ประสาทให้

    ให้เลื่องลือชื่อเสียงปรากฏไป 

    ว่าหมื่นไวยได้แทนคุณมารดา

     

    สมเด็จพระพันวษาได้ฟัง ก็เกิดความปราณี ประทานโทษให้นางวันทอง  แล้วตรัสสั่งให้ พระท้ายน้ำไปกับพระไวย เพื่อไปแจ้งกับเจ้ากรมยมราช ว่าพระองค์ยกโทษตายของนางวันทอง ทั้งสองคนรับพระราชโองการ แล้วจึงรีบเดินทางไปโดยด่วน เพราะเห็นว่าเป็นเวลาเย็นจวนค่ำแล้ว รีบขี่ม้าไปคนละตัว แล้วเอาธงขาวโบกมาเป็นสำคัญ

    ฝ่ายพระยายมราชเห็นประหลาดที่มีคนขี่ม้า พร้อมทั้งโบกธงมาแต่ไกล เข้าใจว่าสมเด็จพระพันวษากริ้ว ที่ยังไม่ฆ่านางวันทอง จึงเร่งให้เพชฌฆาตประหารนางวันทอง ขุนแผนเห็นดังนั้นก็โถมตัวเข้าคร่อม นางวันทองไว้ เกิดการฉุดคร่ากัน และดึงเอาตัวขุนแผนออกมา แล้วก็ประหารนางวันทองก่อนที่ใครจะช่วยทัน

     


    พระไวยกลับมาไม่ทันฆ่านางวันทอง

    ...เพชฌฆาตดาบยาวก้าวย่างมา

    ขุนแผนโถมถาคร่อมเมียไว้

    ฉุดคร่าคว้ากันอยู่ดันดึง 

    ฟันผึงถูกขุนแผนหาเข้าไม่

    ดาบยู่บู้พับยับเยินไป 

    เข้ากลุ้มรุมฉุดได้ขุนแผนมา

    ขุนแผนฮึดฮัดกัดฟันเกรี้ยว 

    บิดตัวเป็นเกลียววางกูหวา

    เพชฌฆาตแกว่งดาบวาบวาบมา

    ย่างเท้าก้าวง่าแล้วฟันลง

    ต้องคอนางวันทองขาดสะบั้น

    ชีวิตวับดับพลันเป็นผุยผง

    พอพระไวยถึงโผนโจนม้าลง

    ตรงเข้ากอดตีนแม่แน่นิ่งไป

    ขุนแผนก็ล้มลงทั้งยืน

    ปิ้มจะไม่คงคืนชีวิตได้

    ขุนช้างล้มนิ่งกลิ้งอยู่ไกล

    บ่าวไพร่น้อยใหญ่ก็วุ่นวาย

    ทองประศรีกลิ้งเกลือกเสือกกายา

    สร้อยฟ้าศรีมาลาล้มคว่ำหงาย

    นางแก้วลงกลิ้งทิ้งลูกชาย

    ใครจะรู้สึกกายก็ไม่มี...

     

    ต่างคนก็ร้องไห้คร่ำครวญ พระไวยต่อว่าขุนแผนที่ไม่สามารถป้องกันนางวันทองได้

    ...พ่อก็เรืองเวทวิทยา

    ลาวหมื่นแสนมายังไม่พรั่น

    ทั้งมนต์จังงังก็ขลังครัน

    ถึงคนร้อยพันก็ซวนซุด

    ทำไมกับอ้ายเพชฌฆาต 

    พ่อเป่าจังงังปราดมันก็หยุด...

     

    แล้วพระไวยก็หันไปต่อว่าเจ้ากรมยมราช

    ...ที่สัญญาว่าไว้อย่างไรเล่า

    ควรฤาฟันแม่เราให้คอขาด

    กลัวเรามาทันรีบฟันฟาด

    พยาบาทเราด้วยเหตุอันใด...

    ...เราพยาบาทท่านจนวันตาย

    ความแค้นไม่วายที่หมายมั่น...

     

    แล้วก็คร่ำครวญถึงนางวันทอง

    ...โอ้ว่าเจ้าประคุณของลูกแก้ว 

    ลับแล้วทีนี้ไม่เห็นหน้า

    ลูกนี้มิได้คิดกับชีวา

    ขืนพระราชอาชญาเข้ากราบทูล

    พระองค์ทรงโปรดประทานให้

    ดีใจว่าแม่ไม่ดับสูญ...

    ...ร่ำพลางทางกอดเอาศพแม่ 

    นิ่งแน่ไม่สมประดีได้

    ยังรึกรึกสะทึกสะท้อนใจ

    ล้มซบสลบไสลไม่เจรจา

     

     

    ฝังศพนางวันทอง

    ขุนแผนแก้พระไวยให้ฟื้นปลอบให้คลายเศร้า แล้วช่วยกันปลงศพนางวันทอง

    ...เอาผ้าขาวมาให้ดังใจหวัง

    จึงตราสังห่อศพหาช้าไม่

    ตัดกระดานต่อโลงด้วยทันใด

    ก้านตองรองในเข้าฉับพลัน

    ครั้นแล้วยกศพขึ้นใส่ไม้ 

    ให้หามไปฝังที่ป่าช้านั่น

    เกณฑ์คนเฝ้าศพได้ครบครัน 

     แล้วพากันร้องไห้กลับไปเรือน

     

    ฝ่ายขุนช้างรีบกลับไปสุพรรณ ปิดเรื่องไม่ให้แม่ยายรู้ที่ตนไปฟ้องจนเกิดเรื่อง แล้วหลบอยู่แต่ในห้อง

     

     

    นางศรีประจันครวญถึงลูก

    วันรุ่งขึ้นขุนแผนจึงให้คนไปบอกข่าวแก่นางศรีประจัน ไปพบสายทองก่อนได้แจ้งเรื่องให้ทราบ  สายทองก็เสียใจยิ่งนัก ถึงกับสลบไป  เมื่อนางศรีประจันรู้เรื่องก็เสียใจ จนเป็นลมไปอีกคน คร่ำครวญถึงนางวันทองและตำหนิทั้งขุนช้าง ขุนแผน และพลายงามที่เป็นเหตุให้นางวันทองตาย
     

    ...โอ้ว่าวันทองของแม่เอ๋ย

    ไม่ควรเลยจะเข้าไปให้เขาฆ่า

    ถ้าเจ็บไข้อยู่บ้านกับมารดา 

    ก็จะได้รักษาพยาบาล

    เมื่อพ่อตายหมายจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ 

    จนเถ้าแก่ไม่พรากไปจากบ้าน

    เผอิญเนื้อเคราะห์กรรมนำบันดาล

    ไปได้ผัวจัณฑาลให้ผลาญตัว...

    ...ทั้งอ้ายแผนอ้ายล้านกระบาลใส

    ล้วนจัญไรได้มาเป็นลูกเขย...

    ...โอ้อกกูแก่เถ้ามาเปล่าเปลี่ยว

    ตัวคนเดียวลูกผัวก็ศูนย์หาย

     จะอยู่ใยให้ยากลำบากกาย

    แกฟูมฟายครวญคร่ำอยู่ร่ำไร ฯ

     

     

    นางสายทองมาเยี่ยมศพนางวันทอง

    ฝ่ายนางสายทองคิดถึงนางวันทองมาก จึงลานางศรีประจัน เดินทางไปกรุงศรีอยุธยา พบขุนแผนรู้ว่าศพนางวันทองฝังอยู่ที่วัดตะไกร ก็เดินทางไปที่ป่าช้าฝังศพ คร่ำครวญถึงนางวันทอง

    ...แม่มานอนอยู่ใยในปัถพี

    ตัดช่องน้อยหนีไปแต่ตัว

    เสียแรงรักกันมาแต่ไร

    ร่วมเรือนร่วมใจแล้วร่วมผัว

    สุขทุกข์ปรองดองไม่หมองมัว

    พันพัวเลี้ยงกันมาแต่น้อย...

    ...โอ้แต่นี้นับปีจะแลลับ

    นับเดือนจะวิโยคโศกศัลย์

    จะคร่ำครวญหวนไห้ไปทุกวัน

    เมื่อไรนั้นจะได้ไปพานพบ...

    จากนั้นก็ให้บ่าวไพร่กลับสุพรรณ ส่วนตัวนางจะอยู่ช่วยพระไวยจัดงาน

     

     

    งานศพนางวันทอง

    พระไวยเข้าไปกราบทูลพระพันวษาเรื่องงานศพของมารดา  พระองค์ได้ฟังก็สงสาร ตรัสสั่งให้เอาข้าวของจากท้องพระคลังไปช่วยงานศพ

    ...อย่าทุกข์ไปกูจะให้ซึ่งเงินทอง

    ข้าวของแต่งศพให้เหมาะเหมง

    ทำให้หลายวันคืนให้ครื้นเครง

    อย่าได้เกรงต้องการสิ่งอันใด

    เองมาเอาข้าวของท้องพระคลัง 

    กูจะสั่งพนักงานให้จ่ายให้

    จัดแจงให้งามตามใจ

    จะต้องการสิ่งไรอย่าอำปลัง

    มีทั้งโขนละครมอญรำ 

    มวยปล้ำค่ำลงจงมีหนัง

    ตีประโคมฆ้องกลองให้ก้องดัง 

    ให้หีบตั้งใส่ศพให้ครบครัน

    ร้านม้าเครื่องประดับสรรพเสร็จ

    การเล่นเบ็ดเตล็ดทุกสิ่งสรรพ์

    ดอกไม้ไฟช่องระทาสารพัน

    ทำให้ทันการของเอ็งอย่างเกรงใจ

     

    จากนั้นพระไวยก็ถวายบังคมลาบวชเป็นเวลาเจ็ดวัน  สมเด็จพระพันวษาก็ทรงยินดี แล้วให้จัดผ้าไตรครอง  พระราชทานให้พระไวย

    เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วทุกคนก็พร้อมกันมาช่วยปลงศพ

    ...เกือบจะบ่ายชายแสงพระสุริยัน

    ขุดศพนั้นอาบน้ำแล้วชำระ

    ยกศพใส่หีบพระราชทาน

    เครื่องอานแต่งตั้งเป็นจังหวะ

    ปี่ชะวาร่ำร้องกลองชะนะ

    นิมนต์พระให้นำพระธรรมไป

    พลายชุมพลนุ่งขาวใส่ลอมพอก

    โปรยข้าวตอกออกหน้าหาช้าไม่

    พวกพ้องพี่น้องก็ร่ำไร 

    นุ่งขาวตามไปล้วนผู้ดี

    ศรีประจันมารดาน้ำตาพราย

    เดินมากับท่านยายทองประศรี

    ครั้นมาถึงโรงทึมเข้าทันที 

    อึงมี่ยกศพขึ้นร้านม้า

     

    พอตกเย็นก็มีการเล่นทุกชนิด โหมโรงตั้งแต่หัวค่ำ  ครั้นรุ่งเช้าก็ลงโรงเล่นประชันกัน มีโขน ละคร มอญรำ หุ่นเชิด จำอวด งิ้ว ปรบไก่ ผู้คนก็พากันมาดูมหรสพกันมากมาย พอตกบ่ายก็มีการทิ้งทาน ตกค่ำก็จุดดอกไม้ไฟ ไฟพะเนียง พลุ แล้วมีหนัง

    ฝ่ายขุนช้างรู้ข่าวทำศพนางวันทอง ก็ล่องเรือมาจากสุพรรณ ถึงวัดตะไกร แล้วเข้าไปหาสมภาร ขอให้พูดจาว่ากล่าวไกล่เกลี่ย เรื่องที่ร้าวฉานกับพระไวย สมภารก็ดำเนินการให้ พระไวยให้อภัยขุนช้างแล้วร่วมกันทำบุญ เมื่อครบกำหนดสามวัน บังสุกุลเสร็จพระไวยก็ไปที่ป่าช้า อ่านพระคาถา เอาน้ำมันงาทาตัวจนทั่ว แล้วขึ้นไปนอนบนเชิงตะกอน ให้เอาศพนางวันทองขึ้นวางทับบนตัว แล้วจุดไฟเผาจนโลงไหม้หมด แล้วจึงคืนกลับออกมา  เป็นที่อัศจรรยแก่บรรดาผู้คนที่ไปร่วมงาน

     

    พระไวยบวชพระ ขุนช้างบวชเณร

    เสร็จงานเผาศพแล้ว พระไวยก็ให้พระสงฆ์ที่วัดตะไกรบวชให้  ขุนช้างเกิดศรัทธาขอบวชเป็นเณร หลวงตาหนูก็จัดการบวชให้ เมื่อครบสามคืนก็ลาสึก กลับไปเมืองสุพรรณ พระไวยบวชได้เจ็ดวันก็สึก แล้วไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระพันวษา ถวายพระราชกุศล พระองค์ก็ทรงอนุโมทนา แล้วทรงห่วงใยเรื่องชายแดน จึงให้พระไวยไปเตือนขุนแผน ให้ไปครองเมืองกาญจนบุรี

     

    ขุนแผนทูลลา

    ขุนแผนเมื่อทราบความตามกิจจาแล้ว ก็เตรียมดอกไม้ธูปเทียน เพื่อกราบถวายบังคมลาไปทำหน้าที่ พอตกค่ำก็บอกกับนางทองประศรีว่า จะเชิญนางไปอยู่เมืองกาญจนบุรีด้วย    นางทองประศรีจะไปก็ห่วงพระไวย ครั้นจะไม่ไปก็อาลัยพลายชุมพล จึงออกปากขอพลายชุมพลให้อยู่กับตน นางแก้วกิริยาก็อาลัยลูก แต่ก็จำให้ให้อยู่กับย่า

    ...โอ้โอ๋อนิจจาแก้วตาแม่

    จะห่างแหเข้าไปใจคออ่อน

    แต่กอดลูกร้องไห้ไม่หลับนอน

    จนอัมพรแจ่มแจ้งแสงอุไทย

     

    รุ่งขึ้นขุนแผนไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระพันวษา พระองค์ตรัสสั่งงานขุนแผนและให้พร

    ...ราชการบ้านเมืองเอาใจใส่

    ระวังระไวเขตต์ขอบบุรีศรี 

    ตรวจตราด่านดงพงพี 

    เองไปจงดีอย่ามีภัย ฯ

     

    ขุนแผนรับพระพรแล้ว กลับมาเตรียมตัวออกเดินทาง พาแก้วกิริยาและลาวทอง ไปลานางทองประศรี ขุนแผนสั่งสอนพระไวยและลูกสะใภ้ทั้งสองคน มอบดาบฟ้าฟื้น และให้พรพระไวย ฝากฝังพลายชุมพลให้ช่วยกันดูแล แล้วออกเดินทางบุกป่าฝ่าดงมาสามวัน ก็ถึงเมืองกาญจนบุรี เกณฑ์ไพร่พลตัดไม้ปลูกเรือน อยู่กันต่อมาด้วยความสุข

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×