คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : ขุนแผนพลายงามจับพระเจ้าเชียงใหม่ + ขุนแผน พลายงามยกทัพกลับ
ขุนแผนพลายงามจับพระเจ้าเชียงใหม่
ขุนแผนพลายงามคิดเข้าตีเมืองเชียงใหม่
ฝ่ายขุนแผนเมื่อตีทัพเชียงใหม่แตกพ่ายไปแล้ว ก็ปรึกษากับพลายงามว่า ควรจะเข้าประชิดเมืองเชียงใหม่ แล้วเข้าโจมตีไม่ให้ตั้งตัวได้ เพราะหากช้าไปจะขาดเสบียงอาหาร และควรจะตีให้ได้ภายในสองวัน คืนนั้นขุนแผนกับพลายงาม ก็ทำพิธีเซ่นไหว้ภูตพรายและเหล่าเทพารักษ์ แล้วบอกว่าขอให้ไปช่วยรบกับผีเมืองและขับไล่ไป เพราะพระเจ้าเชียงใหม่ เป็นคนไม่มีศีลธรรม
พระเจ้าเชียงใหม่ถึงกาลที่ชะตาจะขาด ฝันเห็นผีเมืองไม่อาจสู้ผีป่าได้ ทั้งพระเสื้อเมืองทรงเมือง หอเครื่องเจตคุกก็หนีไปหมด และทุกคนก็ฝันเช่นเดียวกันหมดทั่วทุกครัวเรือน แต่ด้วยมานะกษัตริย์พระเจ้าเชียงใหม่ก็ไม่ยอมแพ้
"อันชาติเสือถึงจะตายลายก็อยู่ | | ให้ใครดูรู้ชาติว่าอาจหาญ |
ชาติกษัตริย์ถึงจะป่นจนวายปราณ | มิให้พานชื่อชั่วว่ากลัวใคร" |
นางอัปสรมเหสีห้ามพระเจ้าเชียงใหม่
นางอัปสรสุมาลี มเหสีพระเจ้าเชียงใหม่ เห็นบ้านเมืองวิปริตก็คิดว่า จะเสียเมืองกันในคราวนี้จึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเชียงใหม่แล้วทูลว่า ตนไม่ได้คิดหึงหวงนางสร้อยทอง แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเพราะเอานางสร้อยทองมาไว้ ควรจะส่งตัวคืนไปบ้านเมืองจะได้สงบสุข แต่พระเจ้าเชียงใหม่ไม่ยอม จะขอสู้ทัพไทย
".....พวกลาวระวังตัวทั่วธานี | | เข้าประจำหน้าที่ทั้งสิ้นนั้น |
บ้างเคี่ยวชันหลอมตะกั่วคั่วทราย | ตั้งเตารายบนกำแพงไว้แข็งขัน | |
กองไฟรอบเมืองเนืองเนือง กัน | ส่งแสงแดดฉันทั้งเวียงไชย | |
องค์พระเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นนัครา | ออกมาสั่งเสนาผู้น้อยใหญ่...." |
ขุนแผนพลายงามเข้าวังพระเจ้าเชียงใหม่
เมื่อถึงยามสาม ขุนแผนกับพลายงามก็ร่ายเวทย์สะกดทหาร นอกกำแพงเมืองจนหลับไปหมด แล้วทั้งสองก็ขี่คอภูตพรายข้ามกำแพงเมืองไป สะกดทหารในเมืองแล้วสะเดาะกลอนเข้าไปในวัง ขุนแผนสั่งให้กุมารทองเข้าไปสะกดพระเจ้าเชียงใหม่ มเหสีและลูกสาว ขุนแผนและพลายงามเดินตรวจตราไปทุกห้องในวัง จนถึงห้องบรรทมของมเหสี และนางสร้อยฟ้าธิดา
"กระหมวดมุ่นเกศาก็น่าชม | | ปักปิ่นทองถมราชาวดี |
กุณฑลสองข้างพร่างแสงเพชร | สังวาลประดับสลับเม็ดพลอยต่างสี | |
กำไลกรทองร่อนรูปนาคี | ธำรงค์เรือนมณีสีพร่างพราย | |
ผ้านุ่งถึงยกกนกกรอง | ห่มแพรริ้วทองจำรัสฉาย" |
ฝ่ายขุนแผนและพลายงาม เมื่อมาถึงห้องบรรทมของพระเจ้าเชียงใหม่ก็เข้าไปเอาดาบและอาวุธข้างตัวมา แล้วสั่งให้ กุมารทองเลิกสะกด พระเจ้าเชียงใหม่ก็ตื่นขึ้นแล้วควานหาอาวุธแต่ไม่พบ ก็คิดว่าคราวนี้คงจะตายแน่ ขุนแผนจึงว่า พระพันวษาเห็นพระเจ้าเชียงใหม่ส่งราชสาส์นแสดงถึงความโอหัง ก็ให้เราซึ่งเป็นทหารมาฆ่าเสีย ฉะนั้นจะยอมให้ฆ่าหรือจะกลับตัวกลับใจเสีย
พระเจ้าเชียงใหม่ยอมแพ้
พระเจ้าเชียงใหม่กลัวตายจึงขอชีวิตแล้วบอกว่า จะขอเป็นข้ารับใช้พระพันวษา ส่วนนางสร้อยทองนั้น ยังไม่ได้ไปเกี่ยวข้องจะถวายคืนให้ ขุนแผนก็ทูลว่า หากที่ตรัสไว้นี่เป็นสัตย์ก็จะกลับไปทูลขอโทษต่อพระพันวษาให้ และถวายดาบคืนแก่พระเจ้าเชียงใหม่ เมื่อขอขมาแล้วก็ทูลลากลับ แต่ให้โหงพรายและกุมารทองเฝ้าดูไว้
รุ่งขึ้น พระเจ้าเชียงใหม่เสด็จไปหามเหสี แล้วว่าเมื่อคืนศัตรูเข้ามาถึงที่ห้องบรรทม เมื่อตื่นมาไม่พบอาวุธจึงยอมแพ้ แล้วได้ถวายเมืองเชียงใหม่ ผู้คนและนางสร้อยฟ้าให้กับพระพันวษา มเหสีฟังก็ตกใจ
ขุนแผน พลายงามยกทัพกลับ
เมื่อชนะศึกแล้ว ขุนแผนพระท้ายน้ำและพลายงามก็ปรึกษากันได้ข้อยุติว่า จะแจ้งเรื่องไปยังกรุงศรีอยุธยา เพื่อให้พระพันวษาทรงทราบ หากมีพระราชประสงค์จะให้ทำอย่างไรต่อไป จึงได้เขียนสารส่งไป
...จึงพร้อมใจให้เขียนเป็นสารา | ประทับตราหนุมานชาญสนาม |
กับสำเนาเข้าผนึกบันทึกความ | ห่อสามชั้นใส่ในกลักพลัน |
ปากกระบอกพอกครั่งประจำตรา | สั่งนายปานขวานฟ้านายคงมั่น... |
เมื่อคนนำสารไปถึงอยุธยา ก็นำสารนั้นเสนอเจ้าคุณอธิบดี เพื่อนำเข้ากราบทูลพระพันวษาต่อไป ในสารนั้นได้เล่าถึงขั้นตอนการทัพ ตั้งแต่ต้นจนปลาย เฉพาะเหตุการณ์ที่สำคัญ และขอพระราชบัญชา ในการดำเนินการต่อไป พระพันวษาทรงทราบเรื่องโดยตลอดแล้ว จึงตรัสสั่งให้ เจ้าพระยาจักรี มีตราสั่งให้ยกกองทัพกลับ ให้ริบสมบัติ ลูกเมีย ข้าทาสเจ้าเชียงใหม่ พร้อมทั้งกวาดต้อนชาวเมืองมาเป็นเชลย โทษตายของเจ้าเชียงใหม่ให้ยกไว้เนื่องจากยอมอ่อนน้อม สำหรับนางสร้อยฟ้าและนางสร้อยทอง ก็ให้ส่งตัวมาเป็นนางใน และให้จัดเรือกัญญาไปรับขุนแผนและพลายงาม
...ข้อที่มันอ่อนน้อมยอมภักดี | กูปราณียกให้ชีวิตไว้ |
แต่กวาดครัวเอาตัวมาให้หมด | ให้ปรากฏแก่ประเทศทั้งน้อยใหญ่ |
จะได้เป็นเยี่ยงอย่างข้างหน้าไป | มิให้ใครทุจริตผิดเหมือนกัน... |
เมื่อขุนแผนได้รับสารแล้ว ก็สั่งการให้เป็นไปตามนั้น เจ้าเชียงใหม่ทราบคำสั่งก็เสียใจทุกข์ร้อนหนัก แล้วให้ป่าวร้องแจ้งให้ชาวเมือง แจ้งให้พระมเหสีและบรรดาสนมได้รู้ ทุกคนรู้เรื่องแล้วก็เศร้าโศกเสียใจ ในชะตากรรมที่จะต้องถูกกวาดต้อน พลัดที่นาคาที่อยู่ไปยังกรุงศรีอยุธยา
...โอ้อกจะตกไปกรุงล่าง | จะย่อยยับอับปางเป็นไฉน |
ต้องตกทุกข์ขุกเข็ญเป็นบ่าวไทย | จะบรรไลยแหลกล่มถมดินดาน |
ลูกเต้าจะกำจัดพลัดพ่อแม่ | ปู่เถ้าย่าแก่จะพลัดหลาน... |
บรรดาผู้คนต่างเตรียมตัวออกเดินทาง มีการจัดหาเสบียงอาหาร จัดการซ่อนทรัพย์สมบัติ เมื่อได้เวลาเลิกทัพ กลับอยุธยา ขุนแผนก็ให้จัดแยกกองเดินสองข้าง เอาพวกครัวเชียงใหม่ที่กวาดต้อนมาอยู่ตอนกลาง ให้กองช้างเดินไปก่อน และให้พวกชาวเวียงจันทน์ป้องกันซ้ายขวาและด้านหลัง
...ครั้นได้ฤกษ์ให้เลิกโยธาทัพ | คั่งคับพสุธาโกลาลั่น |
พวกทหารขานโห่ขึ้นพร้อมกัน | ยิงปืนครื้นครั่นสนั่นไป... |
เมื่อตกเย็นก็ปลงทัพ จัดคนนั่งระวังยาม ชักหนามเป็นวง ก่อกองไฟ เพื่อป้องกันอันตราย เมื่อรุ่งเช้าก็พากันหุงข้าวเผาปลา กินกัน เสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อไป
ขุนแผนกลับมาถึงเมืองพิจิตร
เมื่อเดินทางมาได้ สิบสี่วันครึ่ง ก็ถึงเมืองพิจิตร จึงให้หยุดพักไพร่พลโยธา สร้างพลับพลาให้สร้อยทอง สร้อยฟ้าและเจ้าเชียงใหม่อยู่ ส่วนขุนแผนและพลายงามไปพักอยู่ที่ศาลา
ฝ่ายพระพิจิตรเมื่อได้รับตราพระราชสีห์ว่าขุนแผนได้ชัยชนะ ก็เตรียมการต้อนรับ มีการจัดเรือประเทียบขึ้นไปรับ เตรียมเสบียง แล้วถางพื้นที่ให้เป็นที่พัก เมื่อกองทัพยกมาถึงก็พากันกับไปต้อนรับ
...ว่ากองทัพกลับมาถึงธานี | ก็ยินดีชวนกันจะครรไล... |
...ครั้นปลัดยกรบัตรมหาดไทย | กรมการผู้ใหญ่มาพร้อมหน้า |
พระพิจิตรกับนางบุษบา | ก็ลงจากเคหาพากันไป... |
เมื่อพบปะสนทนาปราศรัยไต่ถามทุกข์สุขกันแล้ว ก็หารือกันในการจัดการงานขั้นต่อไป โดยให้แบ่งหน้าที่กันทำดังนี้
...ขุนพลนั้นรับรองกองทัพไทย | ทั้งให้ดูลาวชาวล้านช้าง |
มหาดไทยให้รับเลี้ยงช้างม้า | โคกะทิงมะหิงษาสัตว์ต่างต่าง |
ขุนเมืองคุมครัวดูรั้วทาง | ให้จัดวางจุกช่องแลกองไฟ |
ขุนวังตั้งประจำที่พลับพลา | ทั้งที่บุตรภรรยาเจ้าเชียงใหม่ |
ขุนคลังนั้นให้นั่งระวังระไว | สิ่งของน้อยใหญ่แลเงินทอง |
ขุนนาหน้าที่เป็นกองกลาง | ประจำฉางจ่ายข้าวแลสิ่งของ... |
...หลวงปลัดยกรบัตรคอยตรวจตรา | แล้วกะเกณฑ์นาวามาเลือกสรร... |
วันรุ่งขึ้นขุนแผนกับพลายงามก็ไปเยี่ยมพระพิจิตรกับนางบุษบาที่จวน เอาของฝากที่ได้มาจากเมืองเชียงใหม่ ไปให้ นางศรีมาลากลัวผู้ใหญ่จะเห็นพิรุธของตนและพลายงาม จึงแกล้งทำเป็นป่วยไม่ออกไปพบ จากนั้นทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ก็หารือกันเรื่องงานวิวาห์ ตกลงว่า จะกำหนดงานในเดือนสี่ซึ่งพอดีที่เสร็จงานทัพ และปลูกเรือนหอเสร็จ แล้วชวนขุนแผนกับพลายงามมาอยู่ที่จวนของตน แต่ขุนแผนเกรงว่า พลายงามอยู่ใกล้นางศรีมาลาจะไม่งาม จึงบ่ายเบี่ยง อ้างความเหมาะไม่ควร ในฐานะที่เป็นแม่ทัพ
...พระท้ายน้ำกับพวกที่อยู่นั่น | จะพากันบอกกล่าวเป็นข่าวขาน |
ว่าพ่อลูกบ่ายเบี่ยงเลี่ยงราชการ | มาอยู่บ้านเป็นสุขสนุกสบาย |
ไหนไหนก็ลำบากมามากแล้ว | อย่าให้มีวี่แววความเสียหาย |
จำต้องทนถ่อร่างค้างกาย | ไปจนเสร็จสมหมายที่รับมา... |
พลายงามขึ้นหานางศรีมาลา
พลายงามรู้ทันขุนแผนก็ให้คิดขัดใจ และตั้งใจว่าจะแก้ลำขุนแผน มาหาศรีมาลาให้ได้ แล้วหาทางไปพบอีเม้ย คนใช้ของนางศรีมาลา ฝากต่อว่าที่ศรีมาลาไม่ออกมาพบ และนัดแนะไปพบศรีมาลาตอนกลางคืน พอตกกลางคืนเวลายยามปลาย ก็แกล้งไปเล่นหมากรุกกับลูกน้อง ขุนแผนเห็นดังนั้นก็ตายใจ ส่วนพลายงามพอถึงสองยาม เห็นพ่อหลับแล้ว จึงลอบเข้าไปหานางศรีมาลาถึงห้องนอน และอยู่ด้วยกันตลอดคืน
ทำอยู่เช่นนี้หลายวัน จนวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง เผลอตัวหลับไปไม่ทันตื่นแต่มืด พอรุ่งสางจึงรีบกลับไปพบนางบุษบา ที่ไปเตรียมทำอาหาร นางบุษบาจึงนำความไปบอกพระพิจิตรว่า คงจะเกิดเหตุไม่งามขึ้นกับศรีมาลา
...โบราณว่าหมาขี้ที่มูลฝอย | ดูร่องรอยมันจะถึงซึ่งลูกแก้ว |
เราผัวเมียเสียทีไม่มีแวว | อย่าสอดแคล้วเลยจะคิดประการใด... |
พระพิจิตรได้ฟังก็บอกว่า สงสัยแต่แรกอยู่แล้วว่า ศรีมาลาคงเสียตัวแก่พลายงามตั้งแต่วันที่กองทัพกลับมาถึง เพราะมีพิรุธไม่ยอมมาพบ แต่อย่างไรก็ตามก็ได้สู่ขอกันไว้แล้ว ดังนั้นจึงควรเงียบไว้ดีกว่า เพราะจะร้าวรานถึงขุนแผน และเกิดความอื้อฉาวเป็นที่ขายหน้า
...ถ้าต่อว่าต่อขานพานอื้อฉาว | จะรานร้าวถึงขุนแผนไม่พอที่ |
เขาก็ยังซื่อตรงคงภักดี | เรานี้เป็นผู้ใหญ่อย่าใจเบา |
จะขึ้นชื่อลือเสียงศรีมาลา | ว่าคบชู้สู่หาขายหน้าเขา |
เป็นนมยานกลิ้งชกอกของเรา | ทำเฉยเลยเถิดเจ้าอย่าแพร่งพราย... |
รุ่งขึ้นการเตรียมการเดินทัพกลับก็พร้อม ขุนแผนกับพลายงามก็ไปลาพระพิจิตร แล้วออกเดินทางโดยทางเรือ ล่องลงไปกรุงศรีอยุธยา
ความคิดเห็น