ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขุนช้าง ขุนแผน

    ลำดับตอนที่ #30 : ขุนแผนพลายงามจับพระเจ้าเชียงใหม่ + ขุนแผน พลายงามยกทัพกลับ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.8K
      5
      10 ก.พ. 51

    ขุนแผนพลายงามจับพระเจ้าเชียงใหม่

    ขุนแผนพลายงามคิดเข้าตีเมืองเชียงใหม่

    ฝ่ายขุนแผนเมื่อตีทัพเชียงใหม่แตกพ่ายไปแล้ว  ก็ปรึกษากับพลายงามว่า  ควรจะเข้าประชิดเมืองเชียงใหม่ แล้วเข้าโจมตีไม่ให้ตั้งตัวได้  เพราะหากช้าไปจะขาดเสบียงอาหาร  และควรจะตีให้ได้ภายในสองวัน  คืนนั้นขุนแผนกับพลายงาม ก็ทำพิธีเซ่นไหว้ภูตพรายและเหล่าเทพารักษ์  แล้วบอกว่าขอให้ไปช่วยรบกับผีเมืองและขับไล่ไป   เพราะพระเจ้าเชียงใหม่ เป็นคนไม่มีศีลธรรม

    พระเจ้าเชียงใหม่ถึงกาลที่ชะตาจะขาด  ฝันเห็นผีเมืองไม่อาจสู้ผีป่าได้ ทั้งพระเสื้อเมืองทรงเมือง หอเครื่องเจตคุกก็หนีไปหมด  และทุกคนก็ฝันเช่นเดียวกันหมดทั่วทุกครัวเรือน  แต่ด้วยมานะกษัตริย์พระเจ้าเชียงใหม่ก็ไม่ยอมแพ้

     

    "อันชาติเสือถึงจะตายลายก็อยู่

     

    ให้ใครดูรู้ชาติว่าอาจหาญ

    ชาติกษัตริย์ถึงจะป่นจนวายปราณ

     

    มิให้พานชื่อชั่วว่ากลัวใคร"

     

    นางอัปสรมเหสีห้ามพระเจ้าเชียงใหม่

    นางอัปสรสุมาลี มเหสีพระเจ้าเชียงใหม่  เห็นบ้านเมืองวิปริตก็คิดว่า  จะเสียเมืองกันในคราวนี้จึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเชียงใหม่แล้วทูลว่า  ตนไม่ได้คิดหึงหวงนางสร้อยทอง  แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเพราะเอานางสร้อยทองมาไว้ ควรจะส่งตัวคืนไปบ้านเมืองจะได้สงบสุข  แต่พระเจ้าเชียงใหม่ไม่ยอม  จะขอสู้ทัพไทย

     

    ".....พวกลาวระวังตัวทั่วธานี

     

    เข้าประจำหน้าที่ทั้งสิ้นนั้น

    บ้างเคี่ยวชันหลอมตะกั่วคั่วทราย

     

    ตั้งเตารายบนกำแพงไว้แข็งขัน

    กองไฟรอบเมืองเนืองเนือง กัน

     

    ส่งแสงแดดฉันทั้งเวียงไชย

    องค์พระเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นนัครา

     

    ออกมาสั่งเสนาผู้น้อยใหญ่...."

     

    ขุนแผนพลายงามเข้าวังพระเจ้าเชียงใหม่

    เมื่อถึงยามสาม ขุนแผนกับพลายงามก็ร่ายเวทย์สะกดทหาร นอกกำแพงเมืองจนหลับไปหมด แล้วทั้งสองก็ขี่คอภูตพรายข้ามกำแพงเมืองไป  สะกดทหารในเมืองแล้วสะเดาะกลอนเข้าไปในวัง   ขุนแผนสั่งให้กุมารทองเข้าไปสะกดพระเจ้าเชียงใหม่  มเหสีและลูกสาว ขุนแผนและพลายงามเดินตรวจตราไปทุกห้องในวัง   จนถึงห้องบรรทมของมเหสี และนางสร้อยฟ้าธิดา

     

    "กระหมวดมุ่นเกศาก็น่าชม

     

    ปักปิ่นทองถมราชาวดี

    กุณฑลสองข้างพร่างแสงเพชร

     

    สังวาลประดับสลับเม็ดพลอยต่างสี

    กำไลกรทองร่อนรูปนาคี

     

    ธำรงค์เรือนมณีสีพร่างพราย

    ผ้านุ่งถึงยกกนกกรอง

     

    ห่มแพรริ้วทองจำรัสฉาย"

     

    ฝ่ายขุนแผนและพลายงาม  เมื่อมาถึงห้องบรรทมของพระเจ้าเชียงใหม่ก็เข้าไปเอาดาบและอาวุธข้างตัวมา แล้วสั่งให้ กุมารทองเลิกสะกด  พระเจ้าเชียงใหม่ก็ตื่นขึ้นแล้วควานหาอาวุธแต่ไม่พบ  ก็คิดว่าคราวนี้คงจะตายแน่  ขุนแผนจึงว่า พระพันวษาเห็นพระเจ้าเชียงใหม่ส่งราชสาส์นแสดงถึงความโอหัง  ก็ให้เราซึ่งเป็นทหารมาฆ่าเสีย ฉะนั้นจะยอมให้ฆ่าหรือจะกลับตัวกลับใจเสีย

    พระเจ้าเชียงใหม่ยอมแพ้

    พระเจ้าเชียงใหม่กลัวตายจึงขอชีวิตแล้วบอกว่า จะขอเป็นข้ารับใช้พระพันวษา ส่วนนางสร้อยทองนั้น ยังไม่ได้ไปเกี่ยวข้องจะถวายคืนให้  ขุนแผนก็ทูลว่า หากที่ตรัสไว้นี่เป็นสัตย์ก็จะกลับไปทูลขอโทษต่อพระพันวษาให้ และถวายดาบคืนแก่พระเจ้าเชียงใหม่  เมื่อขอขมาแล้วก็ทูลลากลับ  แต่ให้โหงพรายและกุมารทองเฝ้าดูไว้

    รุ่งขึ้น พระเจ้าเชียงใหม่เสด็จไปหามเหสี  แล้วว่าเมื่อคืนศัตรูเข้ามาถึงที่ห้องบรรทม  เมื่อตื่นมาไม่พบอาวุธจึงยอมแพ้  แล้วได้ถวายเมืองเชียงใหม่ ผู้คนและนางสร้อยฟ้าให้กับพระพันวษา  มเหสีฟังก็ตกใจ

     

     

     

    ขุนแผน พลายงามยกทัพกลับ

    เมื่อชนะศึกแล้ว ขุนแผนพระท้ายน้ำและพลายงามก็ปรึกษากันได้ข้อยุติว่า จะแจ้งเรื่องไปยังกรุงศรีอยุธยา เพื่อให้พระพันวษาทรงทราบ หากมีพระราชประสงค์จะให้ทำอย่างไรต่อไป  จึงได้เขียนสารส่งไป

     

    ...จึงพร้อมใจให้เขียนเป็นสารา 

    ประทับตราหนุมานชาญสนาม

    กับสำเนาเข้าผนึกบันทึกความ 

    ห่อสามชั้นใส่ในกลักพลัน

    ปากกระบอกพอกครั่งประจำตรา 

    สั่งนายปานขวานฟ้านายคงมั่น...

     

    เมื่อคนนำสารไปถึงอยุธยา ก็นำสารนั้นเสนอเจ้าคุณอธิบดี เพื่อนำเข้ากราบทูลพระพันวษาต่อไป ในสารนั้นได้เล่าถึงขั้นตอนการทัพ ตั้งแต่ต้นจนปลาย เฉพาะเหตุการณ์ที่สำคัญ และขอพระราชบัญชา ในการดำเนินการต่อไป   พระพันวษาทรงทราบเรื่องโดยตลอดแล้ว จึงตรัสสั่งให้ เจ้าพระยาจักรี มีตราสั่งให้ยกกองทัพกลับ ให้ริบสมบัติ ลูกเมีย ข้าทาสเจ้าเชียงใหม่ พร้อมทั้งกวาดต้อนชาวเมืองมาเป็นเชลย โทษตายของเจ้าเชียงใหม่ให้ยกไว้เนื่องจากยอมอ่อนน้อม  สำหรับนางสร้อยฟ้าและนางสร้อยทอง ก็ให้ส่งตัวมาเป็นนางใน และให้จัดเรือกัญญาไปรับขุนแผนและพลายงาม
     

    ...ข้อที่มันอ่อนน้อมยอมภักดี 

    กูปราณียกให้ชีวิตไว้

    แต่กวาดครัวเอาตัวมาให้หมด 

    ให้ปรากฏแก่ประเทศทั้งน้อยใหญ่

    จะได้เป็นเยี่ยงอย่างข้างหน้าไป 

    มิให้ใครทุจริตผิดเหมือนกัน...

     

    เมื่อขุนแผนได้รับสารแล้ว ก็สั่งการให้เป็นไปตามนั้น  เจ้าเชียงใหม่ทราบคำสั่งก็เสียใจทุกข์ร้อนหนัก แล้วให้ป่าวร้องแจ้งให้ชาวเมือง  แจ้งให้พระมเหสีและบรรดาสนมได้รู้  ทุกคนรู้เรื่องแล้วก็เศร้าโศกเสียใจ ในชะตากรรมที่จะต้องถูกกวาดต้อน พลัดที่นาคาที่อยู่ไปยังกรุงศรีอยุธยา

     

    ...โอ้อกจะตกไปกรุงล่าง 

    จะย่อยยับอับปางเป็นไฉน

    ต้องตกทุกข์ขุกเข็ญเป็นบ่าวไทย 

    จะบรรไลยแหลกล่มถมดินดาน

    ลูกเต้าจะกำจัดพลัดพ่อแม่ 

    ปู่เถ้าย่าแก่จะพลัดหลาน...

     

    บรรดาผู้คนต่างเตรียมตัวออกเดินทาง มีการจัดหาเสบียงอาหาร  จัดการซ่อนทรัพย์สมบัติ  เมื่อได้เวลาเลิกทัพ กลับอยุธยา ขุนแผนก็ให้จัดแยกกองเดินสองข้าง  เอาพวกครัวเชียงใหม่ที่กวาดต้อนมาอยู่ตอนกลาง ให้กองช้างเดินไปก่อน  และให้พวกชาวเวียงจันทน์ป้องกันซ้ายขวาและด้านหลัง

     

    ...ครั้นได้ฤกษ์ให้เลิกโยธาทัพ 

    คั่งคับพสุธาโกลาลั่น

    พวกทหารขานโห่ขึ้นพร้อมกัน 

    ยิงปืนครื้นครั่นสนั่นไป...

     

    เมื่อตกเย็นก็ปลงทัพ จัดคนนั่งระวังยาม  ชักหนามเป็นวง  ก่อกองไฟ  เพื่อป้องกันอันตราย เมื่อรุ่งเช้าก็พากันหุงข้าวเผาปลา กินกัน เสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อไป

    ขุนแผนกลับมาถึงเมืองพิจิตร

    เมื่อเดินทางมาได้ สิบสี่วันครึ่ง ก็ถึงเมืองพิจิตร  จึงให้หยุดพักไพร่พลโยธา สร้างพลับพลาให้สร้อยทอง สร้อยฟ้าและเจ้าเชียงใหม่อยู่  ส่วนขุนแผนและพลายงามไปพักอยู่ที่ศาลา

    ฝ่ายพระพิจิตรเมื่อได้รับตราพระราชสีห์ว่าขุนแผนได้ชัยชนะ ก็เตรียมการต้อนรับ มีการจัดเรือประเทียบขึ้นไปรับ เตรียมเสบียง แล้วถางพื้นที่ให้เป็นที่พัก เมื่อกองทัพยกมาถึงก็พากันกับไปต้อนรับ

     

    ...ว่ากองทัพกลับมาถึงธานี 

    ก็ยินดีชวนกันจะครรไล...

    ...ครั้นปลัดยกรบัตรมหาดไทย

    กรมการผู้ใหญ่มาพร้อมหน้า

    พระพิจิตรกับนางบุษบา

    ก็ลงจากเคหาพากันไป...

     

    เมื่อพบปะสนทนาปราศรัยไต่ถามทุกข์สุขกันแล้ว  ก็หารือกันในการจัดการงานขั้นต่อไป โดยให้แบ่งหน้าที่กันทำดังนี้

     

    ...ขุนพลนั้นรับรองกองทัพไทย 

    ทั้งให้ดูลาวชาวล้านช้าง

    มหาดไทยให้รับเลี้ยงช้างม้า

    โคกะทิงมะหิงษาสัตว์ต่างต่าง

    ขุนเมืองคุมครัวดูรั้วทาง 

    ให้จัดวางจุกช่องแลกองไฟ

    ขุนวังตั้งประจำที่พลับพลา 

    ทั้งที่บุตรภรรยาเจ้าเชียงใหม่

    ขุนคลังนั้นให้นั่งระวังระไว 

    สิ่งของน้อยใหญ่แลเงินทอง

    ขุนนาหน้าที่เป็นกองกลาง 

    ประจำฉางจ่ายข้าวแลสิ่งของ...

    ...หลวงปลัดยกรบัตรคอยตรวจตรา 

    แล้วกะเกณฑ์นาวามาเลือกสรร...

     

    วันรุ่งขึ้นขุนแผนกับพลายงามก็ไปเยี่ยมพระพิจิตรกับนางบุษบาที่จวน เอาของฝากที่ได้มาจากเมืองเชียงใหม่ ไปให้ นางศรีมาลากลัวผู้ใหญ่จะเห็นพิรุธของตนและพลายงาม จึงแกล้งทำเป็นป่วยไม่ออกไปพบ  จากนั้นทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ก็หารือกันเรื่องงานวิวาห์ ตกลงว่า จะกำหนดงานในเดือนสี่ซึ่งพอดีที่เสร็จงานทัพ และปลูกเรือนหอเสร็จ แล้วชวนขุนแผนกับพลายงามมาอยู่ที่จวนของตน แต่ขุนแผนเกรงว่า พลายงามอยู่ใกล้นางศรีมาลาจะไม่งาม จึงบ่ายเบี่ยง อ้างความเหมาะไม่ควร ในฐานะที่เป็นแม่ทัพ

     

    ...พระท้ายน้ำกับพวกที่อยู่นั่น

    จะพากันบอกกล่าวเป็นข่าวขาน

    ว่าพ่อลูกบ่ายเบี่ยงเลี่ยงราชการ

    มาอยู่บ้านเป็นสุขสนุกสบาย

    ไหนไหนก็ลำบากมามากแล้ว 

    อย่าให้มีวี่แววความเสียหาย

    จำต้องทนถ่อร่างค้างกาย 

    ไปจนเสร็จสมหมายที่รับมา...

     

    พลายงามขึ้นหานางศรีมาลา

    พลายงามรู้ทันขุนแผนก็ให้คิดขัดใจ  และตั้งใจว่าจะแก้ลำขุนแผน มาหาศรีมาลาให้ได้  แล้วหาทางไปพบอีเม้ย คนใช้ของนางศรีมาลา ฝากต่อว่าที่ศรีมาลาไม่ออกมาพบ  และนัดแนะไปพบศรีมาลาตอนกลางคืน  พอตกกลางคืนเวลายยามปลาย ก็แกล้งไปเล่นหมากรุกกับลูกน้อง ขุนแผนเห็นดังนั้นก็ตายใจ ส่วนพลายงามพอถึงสองยาม เห็นพ่อหลับแล้ว จึงลอบเข้าไปหานางศรีมาลาถึงห้องนอน และอยู่ด้วยกันตลอดคืน

    ทำอยู่เช่นนี้หลายวัน  จนวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง เผลอตัวหลับไปไม่ทันตื่นแต่มืด พอรุ่งสางจึงรีบกลับไปพบนางบุษบา ที่ไปเตรียมทำอาหาร นางบุษบาจึงนำความไปบอกพระพิจิตรว่า คงจะเกิดเหตุไม่งามขึ้นกับศรีมาลา

     

    ...โบราณว่าหมาขี้ที่มูลฝอย

    ดูร่องรอยมันจะถึงซึ่งลูกแก้ว

    เราผัวเมียเสียทีไม่มีแวว

    อย่าสอดแคล้วเลยจะคิดประการใด...

     

    พระพิจิตรได้ฟังก็บอกว่า สงสัยแต่แรกอยู่แล้วว่า ศรีมาลาคงเสียตัวแก่พลายงามตั้งแต่วันที่กองทัพกลับมาถึง เพราะมีพิรุธไม่ยอมมาพบ  แต่อย่างไรก็ตามก็ได้สู่ขอกันไว้แล้ว  ดังนั้นจึงควรเงียบไว้ดีกว่า เพราะจะร้าวรานถึงขุนแผน และเกิดความอื้อฉาวเป็นที่ขายหน้า

     

    ...ถ้าต่อว่าต่อขานพานอื้อฉาว

    จะรานร้าวถึงขุนแผนไม่พอที่

    เขาก็ยังซื่อตรงคงภักดี

    เรานี้เป็นผู้ใหญ่อย่าใจเบา

    จะขึ้นชื่อลือเสียงศรีมาลา

    ว่าคบชู้สู่หาขายหน้าเขา

    เป็นนมยานกลิ้งชกอกของเรา 

    ทำเฉยเลยเถิดเจ้าอย่าแพร่งพราย...

     

    รุ่งขึ้นการเตรียมการเดินทัพกลับก็พร้อม ขุนแผนกับพลายงามก็ไปลาพระพิจิตร แล้วออกเดินทางโดยทางเรือ ล่องลงไปกรุงศรีอยุธยา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×