ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขุนช้าง ขุนแผน

    ลำดับตอนที่ #27 : เจ้าล้านช้างถวายนางสร้อยทอง + พระเจ้าเชียงใหม่ชิงนางสร้อยทอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.21K
      9
      18 ต.ค. 50


    เจ้าล้านช้างถวายนางสร้อยทอง


    เจ้าเชียงใหม่ได้ข่าวนางสร้อยทอง

    พระเจ้าพิไชยเชียงอินท์  เป็นกษัตริย์ครองเมืองเชียงอินทร์  หลังจากที่ได้ออกขุนนางท่ามกลางเหล่างขุนและสนมกำนัลมากมาย แล้วก็คิดถึงนางสร้อยทองบุตรีเจ้าล้านช้างที่อายุได้สิบห้าปี  มีความงดงาม  อยากได้มาเป็นมเหสี  จึงได้คิดว่าควรจะมีสาส์นไปขอแก่พระเจ้าล้านช้างหรือหากไม่ให้จะยกทัพไปชิงตัวมา  แต่ก็ยังไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไร

     

    " .....แต่ละหน้าหน้านวลควรจะรัก

     

    ผ่องพักตร์เป็นที่พิสมัย

    เกล้าผมนมนางงามวิไล

     

    อำไพผิวผ่องเพียงขวัญตา

    แซมดอกไม้ไหวใส่ช้อง

     

    ห่มตาดริ้วทองกรองหน้า....."

     

    รุ่งขึ้นเมื่อออกท้องพระโรง  ก็ให้เสนาผู้ใหญ่มาเฝ้าให้พร้อมกันแล้วทรงปรึกษาว่า  พระองค์อยากได้ลูกสาวเจ้าล้านช้าง ทำอย่างไรจึงจะได้นางมา หากจะขออย่างกษัตริย์ก็คงถูกขัดขืน  หรือว่าจะส่งกองทัพไปชิงมา  ขุนนางผู้ใหญ่ทุกคนเห็นพ้องกันว่า  นางสร้อยทองนั้นก็มีเชื้อสายกษัตริย์อยู่เหมือนกัน  ควรจะไปพูดกันดีดีก่อน  หากขัดขืนไม่ยอมให้จึงค่อยยกกองทัพไปชิงมา  เพื่อไม่ให้ประเทศลาวครหาได้  พระเจ้าเชียงใหม่ส่งฑูตไปขอนางสร้อยทอง  พระเจ้าพิไชยทรงเห็นด้วย  จึงสั่งให้แต่งสาส์นไปเจริญพระราชไมตรี  และส่งดอกไม้ทองและข้าวของไปให้  โดยให้ท้าวกรุงกาฬถือสาส์นไป  เดินทางด้วยม้าสิบวันก็ถึงด่าน  และอีกเจ็ดวันก็ถึงเมืองล้านช้าง  แล้วไปบอกอุปชาดแสนหลวงว่าตนถือพระสาส์นและเครื่องบรรณาการมาเข้าเฝ้าพระเจ้าล้านช้าง ขุนนางผู้ใหญ่จึงทำความเข้ากราบทูล พระเจ้าล้านช้างได้ฟังก็พิโรธว่า  พระเจ้าพิไชยมีลูกเมียอยู่มากมาย  นางสร้อยทองยังเด็กอยู่ยังจะมาอยากได้  แล้วให้ตัดหัวคนถือสาส์นไปเสียบประจานไว้  อุปชาดจึงได้กราบทูลอย่าไปฆ่าฑูตจะเป็นที่ครหา  ควรจะตอบสาส์นไปว่านางยังเด็กอยู่ไม่ควรจะมีคู่ในตอนนี้  อันเมืองเชียงใหม่นั้นเล็กกระจ้อยร่อยตีเมื่อไรก็ได้

     

    พระเจ้าล้านช้างไม่ให้นางสร้อยทอง

    พระเจ้าล้านช้างฟังแล้วก็สงบพระทัยได้  โปรดให้แต่งสาส์นและประทานของและรางวัลแก่ราชฑูต  เมื่อเดินทางกลับถึงเชียงใหม่  ก็นำพระราชสาส์นเข้าเฝ้า  เมื่อพระเจ้าพิไชยได้รู้ความแล้วก็ทรงพิโรธ  สั่งให้ยกทัพไปชิงตัวนางสร้อยทองมา

     

    พระเจ้าล้านช้างให้ฑูตมากรุงอยุธยา

    ฝ่ายพระเจ้าล้านช้างนั้นยังทรงพิโรธว่ากษัตริย์เมืองเชียงใหม่นั้นโอหังนัก  จึงได้เรียกพระมเหสีมาเล่าเรื่องให้ฟังและว่า ทางเชียงใหม่คงจะโกรธ  อาจยกทัพมาตีเมืองเราได้  เห็นมีแต่เมืองศรีอยุธยาจะเป็นที่พึ่งพาได้  โดยจะนำนางสร้อยทองไปถวายตัว  หากเชียงใหม่ยกมารบ  เมืองศรีอยุธยาก็คงมาช่วย  พระนางเกสรมเหสี  ทูลว่าที่ตรัสมาก็มีเหตุผลและควรจะรีบทำเสียก่อน  หากช้าไปจะมีภัยได้  พระเจ้าล้านช้างจึงตรัสสั่งอุปฮาดแสนหลวงเร่งจัดเครื่องราชบรรณาการ  พร้อมทั้งจารึกสาส์นบนแผ่นทองไปถวายพระเจ้าแผ่นดินไทย

     

    ทูตล้านช้างถึงโคราช

    อำมาตย์เมืองล้านช้างนำเครื่องบรรณาการและแผ่นทองจารึกเดินทางข้ามเรือไปถึงท่าใหญ่  แล้วขึ้นม้าต่อไปถึงบ้านด่าน  ไปหาชาวบ้านด่าน  จมื่นไวยบอกเรื่องราชสาส์น  ชาวบ้านด่านก็พามาหาเจ้าเมืองโคราช  เจ้าเมืองโคราชจึงให้คนถือสาส์นมายังศรีอยุธยา  โดยเดินทางผ่านสูงเนิน  โคกพญา  ตัดเข้าดงพญาไฟ  ห้าคืนถึงแก่งคอย  ใช้เวลา หก  วันเจ็ดคืนจึงจะถึงอยุธยา  ฝ่ายพระพันวษาได้เสด็จออกขุนนางเป็นปกติ  เจ้าพระยาราชสีห์ได้กราบทูลว่า มีคนบอกมาจากโคราชว่า  ขณะนี้มีพวกลาวถือพระราชสาส์นถวายลูกสาวมาจากพระเจ้าล้านช้าง พร้อมเครื่องราชบรรณาการ และให้รออยู่ที่เมืองโคราช  สมเด็จพระพันวษาจึงตรัสหารือบรรดาข้าราชการ

     

    "ผินพระพักตร์ตรัสปรึกษาเสนาพลัน

     

    พร้อมกันจะเห็นประการใด

    ต่างเมืองเขามาถวายนาง

     

    จะเห็นจริงอยู่บ้างฤาหาไม่

    ฤากลศึกนึกแหนงควรแคลงใจ

     

    ใครเห็นอย่างไรให้ว่ามา

     

    บรรดาข้าราชการทูลว่า ที่ล้านช้างถวายลูกสาวมาครั้งนี้คงจะหวังพึ่งบารมีควรจะไปรับมา  พระพันวษาจึงตรัสสั่งให้ตำรวจใน ไปรับราชฑูตมาจากเมืองโคราช  และในพระราชสาส์นนั้นกราบทูลว่า  ขอถวายลูกสาวเป็นข้าพระบาท แต่ตัวนางยังไม่ได้ส่งมาเพราะไม่ไว้ใจในระหว่างการเดินทาง  ขอให้พระองค์ส่งทหารมารับตัวในภายหลัง  ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เป็นกลลวงแต่อย่างใด

     

    รับฑูตล้านช้าง

    พระพันวษาได้ตรัสสั่งให้กรมวังเตรียมการรับแขกเมืองและเครื่องราชบรรณาการในวังตามประเพณี

     

    "เบิกธนูโล่ห์เขนง้าวทวน

     

    ตามกระบวนกลาบาตซ้ายขวา....

    ....เหล่าทหารถ้วนมือถืออาวุธ

     

    ครบสิ่งสรรพยุทธหลายหลั่น....

    แน่นเนืองเป็นขนัดถัดกัน

     

    จัดสรรตามขนบธรรมเนียมมา

    เหล่าหนึ่งถือธนูอยู่เป็นพวก

     

    นุ่งกางเกงใส่หมวกเกี้ยวผ้า

    ล้อมวังถือดั้งนั่งเนื่องมา

     

    บ้างถือดาบพาดบ่าเกี้ยวผ้าลาย

    เหล่าทวนถือทวนดูสันทัด

     

    เกณฑ์หัดถือปืนก็มากหลาย

    เสื้อแดงหมวกแดงแต่งกาย

     

    บ้างถือเขนนั่งรายล้วนตัวดี

    เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งนั่งเป็นพวก

     

    ใส่เสื้อใส่หมวกอยู่ตามที่

    ถือปืนปลายหอกทุกบอกมี

     

    ตัวดีแม่นยำทำท่าทาง"

     

    เมื่อเสด็จออกนั่งท้องพระโรง  ได้ตรัสถามราชฑูตว่า

     

    "กี่วันจึงถึงพระพารา

     

    มรรคายากง่ายประการใด

    อนึ่งกรุงนาคบุรี

     

    ข้าวกล้านาดีฤาไฉน

    ฤาฝนแล้งข้าวแพงมีไภย

     

    ศึกเสือเหนือใต้สงบดี

    ทั้งองค์พระเจ้าเวียงจันท์

     

    ทรงธรรม์เป็นสุขเกษมศรี

    ไม่มีโรคายายี

     

    อยู่ดีฤาอย่างไรในเวียงจันท์"

     

    แล้วก็พระราชทานเสื้อผ้าแพรอย่างดีแก่ราชฑูต  และจัดขบวนทัพส่งราชบรรณาการไปให้พระเจ้าล้านช้าง แล้วให้รับนางสร้อยทองมา  พระท้ายน้ำจึงจัดทัพมารับ

     

     

     

    พระเจ้าเชียงใหม่ชิงนางสร้อยทอง

    ฝ่ายพระเจ้าเชียงใหม่นั้นคิดว่าได้ส่งราชสาส์นและบรรณาการไปให้พระเจ้าล้านช้างแล้วไม่เห็นว่าอย่างไร  บรรณาการที่ให้ไปก็ส่งคืนมาน่าจะมีลับลมคมใน  จึงสั่งให้มหาชาดไปสืบข่าวที่เวียงจันทน์

    ฝ่ายมหาปาด  เมื่อรับสั่งแล้วก็เดินทางโดยม้าดั้นด้นมาจนถึงแดนเวียงจันทน์  เมื่อผ่านมาทางบ้านพวกละว้าก็รู้ข่าวว่า จะมีชาวอยุธยามาเวียงจันทน์ มหาปาดก็ปลอมตัวโดยแต่งกายคล้ายคนไทย เข้าไปในเวียงจันทน์เที่ยวฟังข่าว ก็รู้ว่าทัพไทยจะขึ้นมารับพระธิดาพระเจ้าล้านช้างไปเป็นมเหสี อีกสิบห้าวันจะออกเดินทางไปอยุธยา จึงรีบเดินทางกลับมายังเชียงใหม่ ทูลเรื่องราวแก่พระเจ้าพิไชย

    พระเจ้าพิไชย เมืองเชียงใหม่ได้ฟังก็โกรธมาก สั่งให้จัดทัพห้าแสนคนไปตีเมืองล้านช้าง ฆ่าให้หมดไม่ให้เหลือแม้แต่ต้นหญ้า

     

    พระเจ้าเชียงใหม่ให้แสนตรีเพ็ชรยกทัพไปดักทาง

    อุปราชพระยาแมน ทูลว่าล้านช้างนั้นไกลมากกว่าจะเดินทางไปถึง นางสร้อยทองก็คงไปอยุธยาแล้ว หากจะได้นางมาก็ควรยกทัพไปดักกลางทาง พระเจ้าพิไชยเห็นด้วย ก็รับสั่งให้แสนตรีเพ็ชรยกทัพไปล้อมจับตัวนางสร้อยทองมา และอย่าฆ่าฟันไพร่พลของศัตรู

    ตรีเพชรกล้าคุมทัพทหารที่เก่งมีวิชาดี อยู่ยงคงกระพันห้าพัน พร้อมอาวุธปืนไฟ หน้าไม้ทวน เดินทัพตัดป่าไปทางภูเวียง และพักทัพดักซุ่มอยู่เชิงเขา

     

    ส่งนางสร้อยทองไปอยุธยา

    เมื่อถึงเวลาเดินทางไปอยุธยา พระเจ้าล้านช้างกับพระมเหสีเกสร ก็ให้พี่เลี้ยงสี่คนไปกับนางสร้อยทอง แล้วพระนางเกสรก็จัดแจงแต่งกายนางสร้อยทองอย่างนางกษัตริย์ แล้วส่งนางเดินทางไปอยุธยา

     

    " กระหมวดมุ่นมวยอย่างนางกษัตริย์

     

    ปักปิ่นเพชรรัตน์จำรัสศรี

    แล้วแซมช่อบุปผามาลี

     

    ทรงกุณฑลมณีมีราคา

    ภูษาซิ่นยกกนกทอง

     

    สะไบกรองเนื้อนุ่มคลุมอังสา

    สร้อยสอิ้งสังวาลตระการตา

     

    ทองกรซ้ายขวาหาพุรัด

    คาดสายเข็มขัดรัดพระองค์

     

    ธำมรงค์ทรงทั้งสองพระหัตถ์..."

     


    แสนตรีเพ็ชรส่งนางสร้อยทองไปเชียงใหม่

    ฝ่ายแสนตรีเพ็ชรกล้าที่ซุ่มทัพอยู่เชิงเขาในป่า และพวกสอดแนมมาบอกข่าวว่า ทัพลาวไทยกับนางสร้อยทองพักอยู่ที่ปางคาพอตกค่ำแสนตรีเพ็ชรกล้าก็พาไพร่พลไปอยู่ใกล้แล้วเป่ามนตร์ให้เกิดฟ้ามืดมัวมีพายุ แล้วก็เข้าล้อม ทัพไทยลาวมองไม่รู้ว่าศัตรูอยู่ตรงไหนวุ่นวายไปทั้งกองทัพแสนตรีเพ็ชรกล้าจึงสั่งให้พร่พลจับตัวไว้ได้ทุกคน เว้นนางสร้อยทองที่อยู่ในพลับพลาแสนตรีเพ็ชรจึงคลายมนตร์จนฟ้าสว่าง แล้วพาทหารเข้าไปในพลับพลา ทูลว่าพระเจ้าพิไชยเจ้าเมืองเชียงใหม่ให้มาเชิญไปเมืองเชียงใหม่ อย่าได้ตกใจ แล้วแสนตรีเพ็ชรกล้าก็นำเชลย และพระท้ายน้ำนางสร้อยทองเข้าไปเฝ้าพระเจ้าพิไชยเจ้าเมืองเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าพิไชยเห็นนางสร้อยทอง ก็นึกรักให้จัดตำหนักทองสองหลัง ทรัพย์สมบัติและข้าไทให้นาง แล้วคิดว่าการที่นำนางมานี้ ทางอยุธยาจะโกรธ อาจยกทัพควรคิดเรื่องการศึกเสียก่อน 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×