ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Beware of the darkness

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 2

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 54




    โว้ !!! ข้านึกออกแล้ว !!!” อัลเฟร็ดร้องลั่น พร้อมกับกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่คนตรงหน้าพร้อม ๆ กับสีหน้าอึ้ง ๆ ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วใบหน้าของแองกัสอีกเป็นรอบที่ห้า !

    เด็กสาวทำหน้าสงสัย ...รึบางที สายนั่นกลับบ่งบอกว่า เจ้าเป็นบ้าเหรอ ซะมากกว่า มีเรื่องอะไรให้เขาต้องทำท่าทางประหลาด ๆ นั่นออกมากัน

     

    ข้านึกออกแล้ว เจ้าก็คือ...ผู้หญิงที่ไปสอบเข้าเป็นองครักษ์ !!! โอ ! ให้ตายสิ ! เจ้าใจกล้าชะมัด คิดยังไงถึงได้ไปสอบกัน ??”

    เด็กสาวทำหน้างง ๆ ผู้ชายคนนี้ รู้ได้ยังว่าเธอไปสอบเข้าเป็นองครักษ์ ...ใช่ ! เรื่องนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อสองสามเดือนก่อนหน้าที่เธอต้องมาเข้าสังเวียนต่อสู้เพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้องนี่แหละ

     

    เจ้าเห็นข้างั้นรึ ??” เด็กสาวหรี่ตามองผู้ชายตรงหน้า ไม่มีใครอนุญาตให้สามัญชนธรรมดาเข้าไปในเขตพระราชวังได้นอกจากมีคำร้องและราชาดราโก้ได้ทรงอนุญาตแล้ว

    อัลเฟร็ดทำหน้าเจื่อน ๆ ไปทันที ก่อนจะนึกขึ้นได้ สำหรับคนที่มีตำแหน่งสูง ๆ เมื่อเข้ามาปะปนอยู่ในคนทั่วไปแบบนี้แล้ว คงไม่ใครอยากให้ฐานะที่แท้จริงของตัวเองเปิดเผยหรอก ...ก็ลองคิดดูสิ ! ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูท่านพ่อขึ้นมา เขาจะโดนอะไรบ้าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหนักแค่ไหน อย่างน้อยตอนนี้เด็กหนุ่มก็มองเห็นอิสระภาพบินจากไปแสนไกลทีเดียว มันอาจจะบินไปไกลถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  !

     

    เอ่อ...ก็มีคนเค้าเล่า ๆ กันมา ..แล้ว....แล้ว..วันนั้น ใช่ ! วันนั้นข้าเห็นผู้หญิงท่าทางหน้าตาเหมือนเจ้าเดินกลับออกมาจากพระราชวัง...คือว่าข้า ....เป็นคนส่งของเข้าไปในวังน่ะ ก็เลยเห็น” อัลเฟร็ดแสร้งทำกลบเกลื่อนให้เนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ดูเหมือนมันจะกลายเป็นคำว่า  ได้เท่านี้เองหรือ ซะมากกว่า เด็กหนุ่มเบนสายตามองไปทิศอื่นอย่างรวดเร็ว

    ...ใช่แล้ว นั่นข้าเอง” แองกัสตอบ เสียงเบาลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

    ในใจครุ่นคิด ...อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเจ้ายักษ์นั่นคนเดียวที่ทำให้เธอสอบไม่ผ่าน แย่ชะมัด !!

     

    ....ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าเป็นคนส่งของเข้าไปในวัง เจ้าส่งอะไร ??”

    อัลเฟร็ดจุก นี่เขาจะต้องมาตกม้าตายไปคำโป้ปดของตัวเองรึเปล่า ?? ถึงแม้จะมีสติปัญญาคิดทฤษฎีและเรื่องต่าง ๆ ได้มากมาย แต่ประสบการณ์การใช้ชีวิตช่างมีน้อยนิดจนน่าใจหาย

    ก็...ของที่ต้องส่งนั่นแหละ...แบบว่า มีคำสั่งแล้วเราก็ส่ง” แองกัสฟังประโยคกำกวมนั่นด้วยหน้าตางุนงง

     

    ...ช่างเถอะ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร ??” เด็กสาวถามต่อโดยไม่ได้หันมาสนใจหน้าตาเหมือนคนกำลังสำลักน้ำคลำแถว ๆ ข้างทาง รึบางที นั่นอาจจะเหมือนหน้าคนตอนดมกลิ่นคาวปลาเน่า ๆ เข้าไปจนแทบสำรอก

    ชื่อ... เวรแล้ว !!..เขาลืมคิดเรื่องนี้ไปซะสนิท จะบอกไปว่าอะไรดีล่ะ อัลเฟร็ดงั้นหรือ ?? สาบานได้ว่านั่นเป็นความคิดที่โง่เง่าที่สุด บอกชื่อจริงไปก็จบเห่ ที่นี่ น้อยคนนักที่จะมีชื่อนี้ นอกจากเจ้าชายรัชทายาทกับญาติห่าง ๆ คนหนึ่งของเขาซึ่งอยู่ที่ไหนซักแห่งในย่านผู้ดีของเมืองนี้  ...เรดิส... เฮ้ !! นั่นมันเป็นชื่อของม้าที่น้องชายเขาใช้ฝึกอยู่ทุกวัน จะใช้ชื่อม้าเนี่ย แย่เกินไปแล้ว !

    ชื่อแปลกประหลาดหลากหลายพุ่งชนกันโครมครามในหัวของเขาไม่ได้หยุดจนเด็กหนุ่มเริ่มสับสนความคิดของตัวเองขึ้นมา จากนั้นตัวอักษรตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเด่นชัด...อ้า !!!

     

    ข้าชื่อแอล”  แองกัสหันมายิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก แม้นั่นจะยังไม่ใช่ยิ้มจากใจจริงก็ตามที

    ชื่อสั้นดีนะ” เด็กสาวว่า หันไปสนใจสองฝั่งถนนต่อ  

     

    ...ชื่อเจ้าก็แปลกดี เหมือนผู้ชาย ทำไมเจ้าได้ชื่อแบบนั้น ??”

    พ่อข้าอยากได้ลูกชายน่ะ แต่ดันมีข้าออกมา”

    แล้วเจ้าก็เลยไปสอบองครักษ์งั้นเหรอ ??” อัลเฟร็ดเริ่มนึกไปต่าง ๆ นานา นี่เป็นเหตุผลที่เธอปลอมเป็นบุรุษไปสอบเข้าเป็นองครักษ์ด้วยรึเปล่า ...บางที พ่อของเธออาจจะบังคับ

     

    ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก ...ข้าแค่อยากเป็น แล้วก็เบื่อกับการที่สตรีเพศต้องถูกบุรุษเพศ...อย่างพวกเจ้า ...” เด็กสาวเน้นคำสุดท้าย ก่อนหันมามองอัลเฟร็ดด้วยแววตำหนิ...เขาไปทำอะไรให้เธอล่ะนั่น เด็กหนุ่มร้องอยู่ในใจ เธอช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ใช่ว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหมดเมื่อไร

    ...คอยดูถูกและขีดเส้นแบ่งว่า เจ้าน่ะ ทำนู่นไม่ได้ เจ้าน่ะ ทำนี่ไม่ได้ เพราะเจ้าเป็นผู้หญิง !! ให้ตายสิ ! ข้าไม่คิดหรอกว่าผู้หญิงจะออกรบไม่ได้” แองกัสพูดต่ออย่างมีน้ำโห

     

    ...แบบนี้นี่เอง...ข้าคิดว่าเจ้า...อยากจะไปเป็นองครักษ์ขององค์ชายรัชทายาทซะอีก” อัลเฟร็ดพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้นเล็กน้อย ใครหลายคนที่นี่อาจจะรู้จักองค์ชายรัชทายาท แต่ก็น้อยคนที่จะรู้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาเป็นยังไง บางที พวกเขาอาจจะรู้จักอีริคซึ่งเป็นน้องชายมากกว่าซะอีก แต่ก็นั่นล่ะ เด็กหนุ่มแค่สนใจสิ่งที่แองกัสกำลังจะพูดถึงเขาต่อจากนี้ต่างหาก

    ...เขาจะมีชื่อเสียงไปในทางใด ??

     

    “องค์ชายอัลเฟร็ด ! เจ้าพูดเล่นเหรอ ??” อัลเฟร็ดมีท่าทีประหลาดใจกับประโยคและน้ำเสียงของแองกัสเป็นอย่างมาก และพยายามเก็บอาการไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ได้ยินมาว่าเขาทั้งหยิ่ง คบผู้หญิงไม่เลือกหน้า ชอบขัดคำสั่งของราชาดราโก้ แล้วก็ไม่เก่งอะไรเลยซักอย่าง..ข้าไม่มีทางไปเป็นองครักษ์ให้คนแบบนั้นแน่”

     

    อัลเฟร็ดอ้าปากค้าง ...โอ !! พระเจ้า มีคนรู้ว่าเขาเป็นยังไงทั้งที่เขายังไม่รู้ตัวเองเลยว่าเป็นแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไร หยิ่ง ?? ...มันก็ต้องมีบ้างในบางครั้งนั่นแหละ ก็คนไม่รู้จักจะให้ยิ้มให้ตลอดก็บ้าแล้ว เขาไม่ใช่ไอดิลอทนะ !! คบผู้หญิงไม่เลือกหน้า ????? นี่ก็อีก หมายความว่ายังไง วันวันอยู่แต่ในห้อง เขาจะเอาเวลาไหนไปหลีสาวกัน  ขัดคำสั่งท่านพ่อ...อันนี้ไม่เถียง เพราะทำอยู่เป็นประจำ แต่อันสุดท้ายนี่สิ ..ไม่เก่งอะไรซักอย่าง.??

    สาบานได้ว่าถ้าเขาเจอแองกัสในฐานะที่เป็นเจ้าชาย อย่างน้อยเขาก็แสดงให้เธอเห็นว่าเขายังเก่งในเรื่องที่มนุษย์ผู้ชายทั่วไปทำกันอยู่...

     

    ..เฮ้ ! อย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกล ก็แค่กำลังหมายถึงเรื่องขี่ม้า ยิงธนูหรือการต่อสู้ ใช่ว่าเขาทำไม่ได้เลยนี่ !

     

    เจ้าเคยพบกับองค์ชายแล้วเหรอ ??” คราวนี้แองกัสอึ้งกับประโยคที่ถูกถามกลับไปบ้าง

    ก็จริง ...เธอไม่แม้แต่จะเคยพบหน้าของท่านผู้นั้น แต่กลับเชื่อในคำที่ใคร ๆ บอกเล่ากันมา เท่ากับเป็นการดูหมิ่นผู้ที่มีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์คนต่อไป เด็กสาวทำหน้าเจื่อน ๆ ไป ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเบา ๆ

     

    ไม่...ข้าไม่เคยพบ”

    นั่นไง เพราะแบบนี้เจ้าคงไม่สามารถรู้ได้หรอก ว่าองค์ชายเป็นคนยังไง..” อัลเฟร็ดว่า

    ของแน่อยู่แล้ว คงไม่มีใครอยากให้คนอื่น ๆ มาพูดถึงตนเองในทางเสียหายหรอก ยิ่งคนที่ไม่เคยรู้จักจริง ๆ ด้วยแล้ว

     

    พูดเหมือนเจ้ารู้จักองค์ชายดี ??” อัลเฟร็ดเกือบจะหลุดปากตอบออกไป  ก็ข้านี่แหละองค์ชาย หากแต่จิตใต้สำนึกที่บอกว่าตอนนี้เขากำลังแสดงเป็นแอลอยู่นั้น ทำให้เขาอ้าปากค้างอย่างเก้อ ๆ ก่อนที่สมองจะรีบหาคำพูดประโยคดี ๆ มาเพื่ออธิบายเหตุผล

    ..ก็ข้า เข้าไปส่งของบ่อย ๆ นี่ ก็เคยได้พบองค์ชาย ท่านไม่เห็นเหมือนที่เจ้าพูด องค์ชายออกจะดูเป็นคนที่มี..ความรู้ !” โอ !! เขาเปล่าชมตัวเองนะ สาบานได้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริงทั้งเพ ก็วัน ๆ นั่งอ่านแต่หนังสือเป็นตั้ง ๆ อยู่ในห้อง ออกมาครั้งหนึ่งก็เพื่อมาทดลองทำสิ่งแปลก ๆ ที่ใคร ๆ เขาไม่ทำกัน แทบจะเรียกได้ว่าบ้าสุด ๆ คิดย้อนไปบางที อัลเฟร็ดก็ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกัน...

     

     จริงเหรอ ?? ...แล้ว....บ้านเจ้าอยู่ตรงไหนกัน ?? รึว่าเจ้าไม่กลับบ้าน ??..รึว่า...เจ้าไม่มีบ้าน ?”

     

    เด็กหนุ่มฟังประโยคนั้นแล้วก็ทนที่จะเอามือขึ้นมากุมขมับแทบไม่ไหว ให้ตายสิ !!! ไม่ได้คิดเรื่องนั้นไว้อีกเหมือนกัน เขาคิดว่าอาจจะขอแยกจากแองกัสตรงนี้เลย

    อยู่แถว ๆ นี้เหละ งั้นข้าขอตัวไปก่อนละกัน เดี๋ยวต้องไปทำธุระอื่นต่อ” แองกัสฟังแล้วก็พยักหน้าเออออตาม จากนั้นเด็กสาวก็ค่อย ๆ มองอัลเฟร็ดเดินหันหลังกลับไป แต่จู่ ๆ เขาก็หันกลับมายิ้มให้เธอก่อนถามอีก

     

    แล้วข้าจะได้พบเจ้าอีกมั้ย ??”

    ไม่รู้สิ แองกัสยักไหล่ ตอบด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก

     

    ข้าว่าเราต้องได้พบกันอีกแน่ ๆ” อัลเฟร็ดยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่คนตรงหน้าก็ไม่เข้าใจรอยยิ้มนั่นสักนิด

     

    _          _          _          _

     

    เส้นผมสีบลอนซ์ทองถูกปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ข้อศอกขาวที่แทบจะมีแต่บาดแผลอิงอยู่ที่ขอบระเบียงไม้ สายตาเลื่อนลอยจ้องมองไปทั่วท้องฟ้ากว้าง แม้ดวงดาวจะสว่างไสวมากเพียงใด ก็ไม่มากพอที่จะดึงเด็กสาวให้หลุดออกจากห้วงคำนึงถึงใครบางคนได้

    ...ชายผู้มีผมสีบลอนซ์เช่นเดียวกันกับเธอ ดวงตาสีฟ้าคล้ายคลึงกัน  ...วิลเลี่ยม

    ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้าง พี่ชายที่ใจดีคนนั้น คนที่ช่วยสอนทุกอย่างให้กับเธอจนแข็งแกร่งขึ้นมาหลายเท่า

     

    อะ แฮ่ม !” เสียงกระแอมไอของใครบางคนทำให้ความคิดเมื่อกี้หายวับไปทันที เธอค่อย ๆ หันมองกลับไปข้างหลัง พบว่าผู้เป็นแม่ยืนพิงประตูอยู่ สองมือกอดอก สายตามองมาที่เธอยิ้ม ๆ

    ท่านแม่..” แองกัสเอ่ยเสียงเบา

    เจ้ายังไม่นอนอีกเหรอ ?? มัวคิดอะไรอยู่กัน ??”

    เอ่อ...ข้า...ดูดาวน่ะท่านแม่”

    เอ้อ ! งั้นรึ แล้ววันนี้ดาวดวงไหนสว่างที่สุดล่ะ ??” พอได้รับคำถามแบบนั้น แองกัสถึงกับหน้าถอดสีไปทีเดียว ก็จะให้ตอบได้ได้ยังไงกัน ในเมื่อสายตาเธอจับจ้องไปที่ดวงดาวก็จริง แต่สมองมีแต่ภาพของวิลเลี่ยมอยู่เต็มไปหมด

     

    ตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” เอเลนยิ้ม เธอรู้ดีว่าลูกสาวไม่ได้สนใจที่จะมองดาว แต่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ต่างหาก ทั้งที่ดวงดาวก็สว่างไสวออกปานนี้ แต่อะไรที่สว่างไสวพอที่จะทำให้แองกัสคิดถึงได้จนไม่สนใจดวงดาวกันนะ ??

    รึบางทีอาจจะเป็นเรื่องของเดวิด ...พ่อของเธอ

    คิดถึงท่านพ่ออยู่รึแองกัส ?”

     

    ....ก็ไม่เชิง เพียงแต่ข้ากำลังนึกถึงเรื่ององครักษ์ ที่ข้า...สอบไม่ผ่าน” น้ำเสียงของแองกัสฟังดูเรียบเฉย หากแต่ความรู้สึกไม่ได้เป็นไปตามนั้นเลยแม้แต่นิด พอท่านแม่ถามขึ้นมา เธอก็พาลนึกไปถึงความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นอีก มันช่างน่าเจ็บใจนัก เป็นสตรีใคร ๆ มักมองว่าอ่อนแอ ทำเหมือนพวกบุรุษไม่ได้ เด็กสาวสงสัยเหลือเกิน ว่าพวกเขาเอาอะไรมาแบ่งแย่งความเป็นคน มีสองมือสองเท้าเหมือนกัน

    แล้วทำไมเจ้าถึงได้อยากเป็นองครักษ์ล่ะแองกัส คงไม่ใช่เพราะท่านพ่อของเจ้าหรอกนะ”

    ไม่ใช่หรอกค่ะท่านแม่...ข้าคิดว่าการได้ปกป้องผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดี และข้ารู้สึกว่า ทำแบบนั้นแล้วมีความสุข”

    เอเลนยิ้มกว้างกว่าเดิม หล่อนรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้ยิ่งนัก แม้ไม่ใช่เพศชายที่เดวิดต้องการ แต่หากว่าดวงวิญญาณของเขากำลังมองดูอยู่ที่ไหนซักแห่ง คงจะรู้ได้ว่าแองกัสเหมือนผู้เป็นพ่อมากเพียงใด ไม่แม้แต่นิสัยหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกัน แต่ทั้งความชอบและความคิดต่างก็ใกล้เคียงกันในทุกด้าน

    ..เจ้าเองก็คงจะภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้มาก ๆ เหมือนกับข้าใช่มั้ย เดวิด ? ช่วยให้ลูกสาวของเรา ได้เป็นองครักษ์ตามที่นางฝันไว้ด้วยเถอะ...

     

    -           -           -           -

     

    ข้าไม่ต้องการ !!!!” เสียงตะโกนดังก้องไปเกือบจะทั่วพระราชวัง เหล่าองครักษ์ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังอัลเฟร็ดเกือบจะเก็บอาการสะดุ้งไว้ไม่อยู่ เจ้าชายหนุ่มค่อย ๆ หันกลับมามององครักษ์ด้วยแววตาคาดโทษ

    พวกเจ้าเลิกตามข้าซักที !!”อัลเฟร็ดส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ และนอกเหนือจากนั้นก็ยังเสียอารมณ์ ให้ตายสิ !! ที่ท่านพ่อคัดเลือกคนเข้าเป็นองครักษ์ก็เพื่อให้มาคอยตามเขา เขาถึงเกลียดการเดินไปไหนมาไหนในวัง สู้อยู่ในห้องไม่ต้องมาเห็นองครักษ์พวกนี้ให้เซ็งในอารมณ์ยังดีซะกว่า

    จะเดินไปไหนทีก็มีคนอีกครึ่งตามมาเป็นโขยง พระเจ้า !! เขาไม่ใช่นักโทษนะ  

     

    แต่นี่เป็นคำสั่งของราชาดราโก้นะพะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์หน่วยที่หนึ่งพูดขึ้น และก็ต้องเงียบไปสนิทเมื่อเสียงของอัลเฟร็ดที่ดังและมีอำนาจมากกว่าตะหวาดเข้าให้

    หุบปาก !!! ข้าก็มีอำนาจรองจากท่านพ่อเหมือนกัน”

    เอะอะอะไรกัน ??!!”เสียงทุ้มของผู้มาใหม่ทำให้ทุกคนหันมองพร้อมกัน ก่อนจะก้มหัวคำนับด้วยความเคารพ รวมถึงอัลเฟร็ดด้วย

     

    เจ้าไม่พอใจอะไรองครักษ์พวกนี้งั้นรึ ??” ดราโก้เข้าประเด็นทันที

    หม่อมฉันไม่ต้องการให้ใครมาเดินตามมากมายเช่นนี้พะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” อัลเฟร็ดกล้าเจรจากับผู้เป็นพ่อได้อย่างเฉียบขาดเช่นกัน ไม่อย่างนั้น เขาจะได้ชื่อว่าขัดคำสั่งของดราโก้ได้มากที่สุดในวังได้อย่างไร และเพราะอย่างนี้ล่ะ อิสระถึงได้อยู่เคียงข้างเขาเสมอมา

    ดราโก้หรี่ตา มันเป็นความปลอดภัยของเจ้า อีกอย่างข้าก็ไม่ไว้ใจให้เจ้าไปไหนมาไหนคนเดียวด้วย” อัลเฟร็ดฟังประโยคนั้นก่อนจะขบกรามแน่น

    แต่หม่อมฉันโตแล้วนะพะย่ะค่ะ หม่อมฉันดูแลตัวเองได้”

     

    ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ไว้ใจ ...ลูกชายหัวดื้ออย่างเจ้า”

     

    แล้วทำยังไงเสด็จพ่อถึงจะไว้ใจหม่อมฉัน...รึว่าหม่อมฉันต้องทำตามคำที่เสด็จพ่อสั่งทุกอย่าง”

    เจ้าจะทำได้มั้ยล่ะ ข้าเห็นเจ้าไม่เคยทำตามที่ข้าสั่งได้ซักครั้ง !

    หม่อมฉันทำแน่ เพียงแต่หม่อมฉัน...ไม่ต้องการองครักษ์มากมายขนาดนี้ เหมือนเป็นนักโทษอย่างนั้นล่ะ”

    “แล้วเจ้าต้องการแบบไหน จะกี่ครั้งเจ้าก็หนีได้ตลอด องครักษ์พวกนี้ก็ไม่เคยคุมเจ้าอยู่ !! เจ้าเด็กบ้า !!” ดราโก้พูด เขารู้สึกราวกับตัวเองจะทนเจ้าลูกชายหัวดื้อคนนี้ไม่ไหวอีกต่อไป

    อัลเฟร็ดกัดฟันจนรู้สึกปวดกราม หากแต่ภายในเวลาไม่กี่วินาที เขาก็คิดเรื่องดีดีออก เรื่องดีมากถึงขั้นทำให้เขาลืมองครักษ์น่ารำคาญหน่วยนี้ไปได้สนิทเลยทีเดียว..ต้องหาข้อต่อรอง ! และข้อต่อรองที่ว่านั่นมันชัดเจนอยู่ในหัวเขาที่สุด

    “หม่อมฉันต้องการองครักษ์เพียงแค่คนเดียว ไม่จำกัดเพศ แค่ดูจากฝีมือที่ดีที่สุดก็พอ..”

    นี่เจ้ากล้าสั่งข้ารึ !!!!!!!!” ดราโก้ตอบกลับเสียงกร้าว ไม่คิดว่าลูกชายจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ กล้าต่อรองกับผู้เป็นพ่ออย่างเขา นอกจากนั้นอัลเฟร็ดก็ยังไม่เคยทำอะไรให้เขาพอใจได้สักครั้ง

     

    ขออภัย หม่อมฉันมิกล้าสั่งท่านพ่อได้หรอก นี่เป็นแค่ข้อต่อรองเท่านั้น”

    เอาสิ !!! อัลเฟร็ดเห็นหนทางสมใจอยู่รำไร อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าตัวเองมีจิตวิทยาในการพูดและความซื่อสัตย์ที่สัญญาสิ่งได้แล้วก็ต้องทำให้สำเร็จตามคำสัญญานั้นแน่นอน  

    หึ ! เจ้าพูดเหมือนมั่นใจนักว่าเจ้าจะทำทุกอย่างที่ข้าต้องการได้”

    หม่อมฉันมั่นใจพะย่ะค่ะ” อัลเฟร็ดยิ้มให้ผู้เป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้ดราโก้รู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ใช่ว่าเขาไม่มีแผนซะเมื่อไหร่กัน ถ้าอัลเฟร็ดสัญญามาแบบนี้แล้วก็เข้าทาง

    ก็ได้ !!! ข้าตกลง แต่เจ้าอย่าลืมสัญญาที่เจ้าให้ไว้กับข้าด้วยล่ะ...อัลเฟร็ด”.
                ..สองพ่อลูกยิ้มให้กัน ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ติดใจในรอยยิ้มนั่น หากแต่คนที่เห็นกลับทำหน้าไม่ถูก รอยยิ้มมีเลศนัยแบบนั้น สายตาก็ไม่ได้แสดงถึงความเป็นมิตรกันอย่างแท้จริง ราวกับมีแผนการอยู่ในใจทั้งสิ้น




    วิลเลี่ยมเช่นนั้นหรือ!? หึ! ชื่อไม่เหมาะกับหน้าเลย น่าจะเป็นพวก ไททัน ไม่ก็ เจอร์ราด แต่เอ้อ! นั่นมันชื่อพ่อข้านี่... เวรกรรม นี่ข้าคิดว่าชื่อพ่อข้าฟังดูป่าเถื่อนหรือนี่!

     

    องค์หญิงแอบมองหน้าผู้ชายผมทองที่ยืนอยู่ห่างออกไปเป็นพักๆ ชื่อชายคนนั้นมันขัดกับความรู้สึกที่ฟังดูแล้วท่าทางจะเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งจากประสบการณ์ของนาง มันขัดแย้งอย่างชัดเจน!

    ...ความรู้สึกทั้งไม่ปลอดภัย ทั้งหวาดระแวง ทั้งสงสัย ปนเปกันไปเวลามองไอ้โจรป่า เอ้ย! องครักษ์คนนั้น แต่จะให้บอกใครได้! ดูเหมือนพระบิดาก็ชอบนัก! ไปทูลอะไรคงไม่เชื่อ แถมจะหาว่าหาเรื่องไม่อยากมีองครักษ์อะไรนั่นอีก

     

    ทำไมองค์หญิงหัดตั้งนานแล้ว ยังยิงธนูไม่แม่นเลยล่ะเพคะเสียงเจนดังขึ้น ทำให้นางหันไปถอนหายใจให้อย่างไม่สบอารมณ์

    ท่านพ่อเพิ่งยอมให้ข้าหัดยิงเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนเองนะ! เป็นเจ้า เจ้าจะได้อย่างข้าแล้วเหรอ!?” สเตลล่าเริ่มกระแทกเสียงตอบกลับ แล้วปล่อยธนูออกไปอีกลูก ....ลูกธนูพุ่งตรงไปแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะปักลงพื้น

    องค์หญิงถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ นี่รอบที่เท่าไหร่แล้ว!? คราวก่อนๆยังยิงไกลกว่านี้เลย  หรือว่าเพราะคนๆนั้น?

     

    องค์หญิงพะยะค่ะ หม่อมฉันคิดว่าพระองค์ไม่มีสมาธิเลยเสียงของครูฝึกยิงธนูดังขึ้น... ทำให้นางถอนหายใจอีก นั่นก็ถูก... แต่กำลังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมไม่มีสมาธิ! ขนาดตอนมีสมาธิยังยิงไม่เคยถูก แล้วประสาอะไรกับตอนที่สมาธิหายไปเพราะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ!

     

    ทรงเกร็งมากไปพะย่ะค่ะ

    สเตลล่าพยายามทำตามที่สอน ...จับคันธนูให้พอดี เล็ง แต่พอตอนยิงออกไป มือมันก็สั่น แล้วก็เหมือนเดิม... ธนูเฉียงออกนอกเป้าไป! สเตลล่าจ้องไปที่เป้าซึ่งยังใสสะอาดอยู่ด้วยความรำคาญ ก่อนจะหันหน้าไปหาครูฝึก

     

    ท่านเฟรดเดอริค... ข้าได้ยินว่าท่านต้องไปฝึกทหารต่อ

    ใช่พะย่ะค่ะ แต่ว่าข้าต้องฝึกท่านให้เสร็จก่อน ทหารพวกนั้นรอได้พะย่ะค่ะ

    “.....ท่านเฟรดเดอริค ตามจริงข้าสิต้องรอได้ ทหารมีเป็นร้อย แต่ข้ามีคนเดียวนะ นี่ก็เลยเวลาไปเยอะแล้ว ข้าว่าท่านไปฝึกทหารต่อเถอะ

    ท่านจะเลิกฝึกแล้วหรือพะย่ะค่ะ

    ข้าจะลองยิงต่อดู ข้าแค่อยากรู้ว่าฝึกกับผู้เชี่ยวชาญธนูอย่างท่านขนาดนี้ ข้าจะไม่ซึมซับอะไรบ้างเลยหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไร้สาระเกินไปแล้วสเตลล่าเห็นว่าครูฝึกมีท่าทางเกรงใจ องค์หญิงเลยพูดต่อ

    ท่านรีบไปเถอะ... ขอบคุณท่านมากที่สละเวลามาให้ข้า ถ้าข้ายิงได้เก่งเมื่อไหร่ ข้าจะไปช่วยท่านฝึกทหารแน่ แต่คงอีกนาน ฮ่าๆๆ

    องค์หญิง... ถ้าเช่นนั่นหม่อมฉันทูลลา

     

    ครูฝึกเดินออกไปแล้ว สเตลล่ามองตาม ก่อนหันกลับมา แล้วยื่นคันธนูลงให้เจน กำลังจะเดินไปเก็บลูกธนูเก่ามายิงต่อ

    องค์หญิง จะไปไหนเพคะ?”

    เก็บลูกธนู เจ้าไม่ต้องมาเก็บช่วยหรอก ไม่เป็นไร เอ้อ! แต่มาก็ดี

    คำพูดนั้นทำนางกำนัลทำหน้างงไปชั่วขณะ แต่พอหันไปมองด้านหลัง เจอกับผู้ชายหน้าตายคนนั้นก็เลยเข้าใจ รีบวิ่งตามสเตลล่าไปโดยดี

     

    เจ้าคิดว่าข้าจะบอกท่านพ่ออย่างไรดี ข้าไม่ไว้ใจชายคนนี้เลย

    องค์หญิง... ข้าก็ไม่ทราบเพคะ

    คิดดูสิเจน ถึงจะพยายามเข้าใจแล้วก็เถอะว่าที่เขารัดคอข้านั่นก็อาจจะเพราะตกใจ แต่ข้าเป็นผู้หญิงนะ! แถมดูแผลที่มีรอยรักษาก็น่าจะรู้ว่าข้าไม่ได้ทำร้าย! ตอนนั้นยังจะฆ่าข้า นับประสาอะไรกับตอนนี้ล่ะ

    องค์หญิง แต่ เอ่อ... บางทีเราอาจจะคิดมากไปก็ได้นะเพคะ ตั้งหลายวันแล้ว เขาก็ดูสงบดี ข้าไปลองสืบๆมา เขาเป็นคนพูดน้อยมากๆ แล้วก็... เหมือนว่าพวกองครักษ์ด้วยกันก็ชอบเขา

     

    เฮ้อ! ยังไงก็ไม่ไว้ใจ... ข้ากลัว กลัวว่าเขาจะวางแผนอะไรไม่ดี ลองมองดูตาเขาสิ มันอำมหิตจะตายไป! แววตาคนปกติมันก็น่าจะสะท้อนอารมณ์อะไรออกมาบ้าง แต่ดูชายคนนี้นะ น่ากลัว... มันมีแต่แบบเดียว แบบเดียวจริงๆนะสเตลล่าว่า ขณะที่ทั้งสองคนก็ช่วยกันเก็บลูกธนูที่อยู่พื้น

    องค์หญิง... นี่ท่านไปจ้องตาผู้ชายอย่างนั้นหรือ? โอ้ คุณพระคุณเจ้า ท่านเป็นหญิงนะเพคะ!”

    เจ้าจะบ้ารึ! ข้าไม่ได้จ้องเพราะว่าชอบนะ! ข้าระแวง ระแวงมากๆด้วย! อ๊ะ!”

     

    คงเพราะมัวแต่พูดใส่อารมณ์จนเกินไป... คมปลายธนูก็ทิ่มเข้ามือ สเตลล่ารีบสะบัดมือ ปล่อยลูกธนูคันนั้นหลุดลง แต่เลือดซึมออกมือแค่นิดเดียว นางเลยเช็ดกับกระโปรง แล้วก้มลงหยิบลูกธนูต่อ

    เฮ้อ! ข้าเกรงว่ายิ่งพูดถึงคนๆนั้นจะเจอเรื่องร้ายๆ เอาเถอะ! ยังไงข้าก็จะหาทางพิสูจน์ให้รู้ให้ได้แน่ ว่าเขามาด้วยจุดประสงค์อะไร

     

    สเตลล่ายืดตัวขึ้นเมื่อเก็บเสร็จ มองกลับไปจุดยิงธนู... ผู้ชายคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิมเหมือนรูปปั้น สเตลล่าปัดผมที่ลมพัดมาปรกหน้าออก แล้วเดินกลับไปตรงนั้น พยายามที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายที่ชื่อวิลเลี่ยม แต่สายตาก็อดมองหาพวกทหารแถวนี้ด้วยความระแวงไม่ได้

    องค์หญิงยกธนูขึ้นเล็งอีกรอบ คราวนี้มือสั่นอย่างหนัก... นางกัดปาก เริ่มเครียดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

    ทำไมข้าเป็นแบบนี้นะ!”

    ข้าว่า... วันนี้ท่านแปลกๆนะเพคะ

    แปลกอย่างไร?”

    มือท่านสั่นมาก

    นั่นข้ารู้ว่ามือสั่น! โธ่เอ๊ย แต่ข้าไม่รู้ว่าทำไม

    ข้า เอ่อ ข้าเพียงแค่เดานะเพคะองค์หญิง  ...เพราะท่านไม่เคยเป็นแบบนี้

    เดาอะไร?”

     

    เอ่อ... เพราะวิลเลี่ยมหรือไม่เพคะ?” ประโยคหลังนั่น เจนเข้ามากระซิบใกล้ๆ ทำให้คนฟังอึ้งไปชั่วขณะ

    พระเจ้า! นี่เจ้าคิดได้ยังไง?! มีหรือข้าจะหวั่นไหวไปกับคนป่าเถื่อนแบบนั้น!”
                ”.. องค์หญิง ข... ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่ข้าจะถามท่านว่า ท่านกลัววิลเลี่ยมมากขนาดนั้นเลยหรือเพคะ ข้าไม่ได้คิดว่าท่านจะ เอ่อ... ตกหลุมรักชายผู้นั้น

     

    สเตลล่าลดคันธนูลงทันทีเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง และยังพูดซะดังลั่น.... นางเผลอมองไปที่คนที่นางว่าป่าเถื่อน แต่ก็ต้องรีบละสายตาหนี เพราะเขาเองก็มองมาเช่นกัน!

    พระเจ้า! ข้าพูดบ้าอะไรออกไป

    “....องค์หญิง

    พอเลยเจน! ข้าไม่อยากคุยตอนนี้ โธ่! แล้ววันนี้ข้าจะยิงเข้ารึเปล่า.. ข้าตั้งใจว่าจะเข้าสักลูกแล้วค่อยไปอ่านหนังสือ เจ้าก็รู้ว่าถ้าข้าทำอย่างหนึ่งไม่เสร็จ ข้าทำอย่างอื่นต่อไม่ได้ ขอร้องนะ.. ถอยไปก่อนเถอะ

    เพคะ... เอ่อ หม่อมฉันขออภัย

    เจ้ามาขอโทษข้าทำไม เจ้าไม่ได้ผิดสักหน่อย ดูสิ! คนบางคนต่างหาก เข้ามาก็มีแต่ทำให้ข้าเสียสมาธิ!”สเตลล่าจงใจกระแทกเสียงให้องครักษ์นางได้ยิน ..ก่อนจะยิงธนูออกไปอีก ซึ่งถ้าเป็นไปได้ นางคงจะหันกลับมายิงใส่คนที่อยู่ข้างหลังซะมากกว่า!

     

    เฮอะ!”

    หึ...”

     

    เสียงแรกมาจากความไม่พอใจที่ตนเองยิงธนูห่วย และอีกเสียงที่ตามมาแทบจะพร้อมกันทำให้สเตลล่าหันขวับไปมองด้วยสายตาเดือดดาล

    เจ้าหัวเราะอะไรข้า!?”

     

    แต่วิลเลี่ยมเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นสูง ไม่ได้ตอบอะไรออกมา สีหน้าเรียบเฉยขององครักษ์ทำนางชักไม่แน่ใจว่าคนที่หัวเราะแดกดันใส่ใช่เขาหรือไม่

    องค์หญิงหันหน้าหันหลังมองไปรอบๆ เจนก็เดินออกไปห่างอย่างที่นางบอกแล้ว แล้วใครที่ไหนจะมาหัวเราะอีก ถ้าไม่ใช่เขา! สเตลล่าถอนหายใจแรงๆ เดินเข้าไปใกล้วิลเลี่ยมด้วยอารมณ์โมโห

     

    เป็นแค่องครักษ์ อย่ากล้ามาดูถูกข้า ถึงข้าอาจจะฝีมือด้อยกว่าเจ้าแค่ไหนก็เถอะ!”

    “.....”

     

    ความเงียบและท่าทางเฉยชาที่วิลเลี่ยมตอบกลับมีแต่เพิ่มความเดือดดาลให้สเตลล่า

    ข้ายังจำได้ว่าเจ้าเคยทำอะไรไว้กับข้า... ข้าเชื่อว่าอย่างไรสันดานป่าเถื่อนของเจ้ามันก็ไม่หายไปไหนหรอก ต่อให้เจ้าพยายามเก็บไว้ใต้ความเงียบก็ตามที สักวันมันก็ต้องเปิดเผยออกมาแน่!”

    “....”

    ข้าไม่รู้นะว่าเจ้าวางแผนชั่วร้ายอะไร  แต่อย่าคิดว่าเจ้าจะทำเรื่องแบบนั้นได้สะดวก ตราบใดที่ข้าอยู่นี่ สาบานเถอะ! ข้าจะทำให้ทุกคนเห็นธาตุแท้ของเจ้าแน่!”

    ตราบใดที่ท่านยังอยู่? ....ท่านพูดราวกับท่านพร้อมจะหักคอหม่อมฉันได้ทุกเมื่อ ทั้งๆที่แค่จับคันธนูก็ยังมือสั่นแบบนี้น่ะหรือ?”

    อะไรนะ!?”

    องค์หญิง... ไม่ว่าท่านจะคิดว่าข้าเป็นแบบไหน ข้าก็ไม่สนใจหรอก เพราะหม่อมฉันมีหน้าที่แค่ยืนนิ่งๆมองดูท่านที่กำลังอยากจะอาละวาดเต็มที่ เหมือน... เหมือนอะไรสักอย่างที่ข้าเคยจับกินน่ะ อ้อ ใช่... หมูป่า

    น้ำเสียงและสีหน้าคนพูดนั่นนิ่งเรียบ แต่คนฟังก็ยิ่งแสดงอาการอย่างที่วิลเลี่ยมว่า ยังไม่ทันที่นางจะได้ตอบโต้ วิลเลี่ยมก็พูดต่อด้วยอาการเฉยชาเช่นเดิม

    “...หม่อมฉันคิดว่าท่านไม่ควรเสียเวลามาอาละวาด อย่างที่หม่อมฉัน เสียเวลายืนเฝ้าท่านหรอก ทรงกลับไปซ้อมธนูดีกว่าพะย่ะค่ะ

     

    ไม่หรอก ข้าคิดว่ายังไงชาตินี้คงยิงไม่เข้าเป้า เสียเวลาเปล่า แต่ถ้าเป็นองครักษ์ปากดีสักคนก็ไม่แน่!”สเตลล่าเริ่มกระชากเสียง แต่นั่นทำให้อีกฝ่ายยิ้มนิดๆราวกับพอใจที่เห็นแบบนั้น

    หม่อมฉันคงเป็นเกียรติอย่างยิ่ง หากหม่อมฉันได้เป็นเป้าแรกที่ท่านสามารถยิงเข้าวิลเลี่ยมพูด ก่อนจะโค้งให้แล้วหันหลังกลับ เดินออกไปยืนห่างกว่าเดิม สเตลล่าได้แต่มองตามไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจ

     

    -           -           -           -

     

    ข้าว่าไม่เคยเป็นแบบนี้!” องค์หญิงว่า วางหนังสือลงที่โต๊ะ แล้วหันไปหานางกำนัลคนสนิท

    “...องค์หญิง

    เจ้าคิดดูสิเจน! ข้าเคยอารมณ์แปรปรวนขนาดนี้ที่ไหน! เอ่อ ข้าหมายถึงข้าจำได้ว่าไม่อารมณ์ขึ้นๆลงๆเท่านี้นะ เฮ้อ...”

    ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้ไม่ลองขอพระราชาไปนอกวังดูล่ะเพคะ?”

    วิเศษมาก! บางทีถ้าข้าออกไป.... โอ้ ไม่สิ! ท่านพ่อจะให้ข้าไปอย่างนั้นหรือ... ถ้า ถ้า... โธ่เอ๊ย!”

    “..จริงสิ หม่อมฉันเองก็ลืมไปเลย องค์หญิงทรงมีองครักษ์แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ทรงออกไปนอกเขตเมืองไม่ได้เลยสินะเพคะ

    ไม่ใช่แค่นอกเมือง! ...แค่นอกวังข้าคงจะได้ออกไปหรอก ข้าเคยไปสาบานกับท่านพ่อไว้แล้ว อีกไม่กี่ปีข้าก็ต้องสืบราชสมบัติ ก่อนหน้านี้ข้าต้องฝึกตัวเองให้ดีกว่าเดิม แล้วถึงจะได้ออกไปอีก ถึงตอนนั้น….”

    เฮ้อ ข้าเที่ยวเล่นแบบเดิมไม่ได้แล้วล่ะสเตลล่าถอนหายใจในที่สุด ก่อนจะหลับตาลงเพื่อระงับความรู้สึกขัดใจที่พลุ่งพล่านขึ้นมา... อาจจะเพราะว่าแต่ก่อนไม่ได้เคร่งครัดอะไรกับกิจวัตรประจำวัน พอรู้ว่าต้องควบคุมตัวเอง แล้วก็ยังมีผู้อื่นมาควบคุมด้วยเลยนึกไม่ชอบใจนัก

     

    “..องค์หญิง คืนนี้เดือนมืดนะเพคะ

    สเตลล่าลืมตาขึ้น.. หันหน้ากลับมามองเจน พอเห็นสีหน้าของนางกำนัล นางก็พอจะเข้าใจว่าคิดอะไร

    นี่เจ้าอย่าบอกนะ

    หม่อมฉันทราบว่าองค์หญิงก็ต้องการจะทำสิ่งใด

    รู้ดีซะจริงนะ!”สเตลล่าว่า แล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะพูดต่อเบาๆ แต่ข้าคงทำไม่ได้ ตราบใดที่ชายผู้นั้นอยู่หน้าห้องข้า

    ไม่ใช่หรอกเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่าดึกๆช่วงนี้ พวกองครักษ์มีงานอะไรซักอย่าง เมื่อคืนก่อนหม่อมฉันออกไปข้างนอก มีแค่ทหารคนอื่นอยู่หน้าห้องเพคะ

    จริงหรือ?” สเตลล่าว่าอย่างไม่อยากเชื่อ เจนเลยเดินออกไปนอกห้อง ไม่นานก็กลับเข้ามาด้วยสีหน้ารื่นเริง

     

    ดีจริง! ข้าน่ะอึดอัดแทบตาย! ขอออกไปอีกสักครั้งคงไม่เป็นอะไร!”

     

    -           -           -           -

     

    แปลกจริง... เจ้าคิดว่าพวกองครักษ์ไปทำงานอะไรกันสเตลล่าหันมาถามนางกำนัลคนสนิทของตน ขณะลูบตัวม้าเบาๆ ไม่ให้มันตกใจ ก่อนจะค่อยๆดึงเชือกลากมันให้เดินออกมาจากคอก

    หม่อมฉันเองก็ไม่ทราบเพคะ...” เจนกระซิบตอบ ขณะที่ทั้งสองใช้ความมืดบดบังตัว เดินเลียบออกไปด้านหลังวังช้าๆ

    ถ้าเช่นนั้นก็ช่างเถอะ... ท่านพ่อคงมีอะไรสักอย่างถึงได้เรียกใช้งานพวกองครักษ์

    ถึงจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่ในใจของสเตลล่ายังไม่หายคลางแคลงใจ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าพวกองครักษ์ก็เหมือนทหารที่มีฝีมือกว่าทหารทั่วไป งานหลักๆก็มีแค่อารักขาพระราชา หรือไม่ก็ตัวนางเอง  แล้วจะมีงานอะไรนอกเหนือจากนี้อีก แถมยังต้องทำอะไรตอนดึกๆเช่นนี้ด้วย

    เจน... เจ้ารีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวทหารพวกนั้นจะตื่นพอดี ข้าจะกลับมาก่อนเช้าแน่ ไม่ต้องห่วง

    “...เพคะ... เอ่อ.. แต่อยู่ดีๆ เจนก็มีท่าทีลังเล 

    แต่อะไร?”

    ทำไมหม่อมฉันรู้สึกอยากไปกับองค์หญิง หม่อมฉันกลัว...”

    หือ?! กลัวอะไร ที่ห้องข้าไม่มีผีนี่ ฮ่าๆ นอกจากเจ้าเองจะเผลอไปส่องกระจกเข้าน่ะสเตลล่าพูดขำๆ ทำให้นางกำนัลยิ้มเจื่อนให้ ก่อนจะพูดต่อ

    องค์หญิง... ที่โน่นมันไกลนะเพคะ หม่อมฉันคิดว่าท่านน่าจะอยู่แค่ในเมือง

     

    สเตลล่าถอนหายใจ... แล้วกระโดดขึ้นขี่หลังม้า

    ดึกๆแบบนี้เมืองมีแต่ร้านเหล้ายาที่เปิด ข้าจะไปเที่ยวแบบนั้นทำไม ข้าคิดถึงลมเย็นๆที่โน่นจะแย่ ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายล่ะก็ ข้าจะชมมันให้เต็มที่ อะไรกันเจน? เจ้าเสนอข้าเอง แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงอยากจะห้ามข้าขึ้นมาอีกล่ะ

    ก็หม่อมฉันเป็นห่วงเพคะ บางที องค์หญิงอาจจะไม่ควร...”

    โธ่ เจน! นี่ครั้งสุดท้ายนะ ..ครั้งสุดท้าย! เจ้าจะไม่ให้ข้าตักตวงความสุขนี้อีกสักครั้งหน่อยหรือ?”

     

    นางกำนัลเงียบไปทันที ทำให้สเตลล่ารีบพูดต่อ

    รีบกลับไปเถอะเจน ข้าจะมาให้ทันเช้า ไม่ต้องห่วง

    เพคะ.....”

     

    เสร็จสิ้นคำพูด ...ร่างบางบนหลังม้าก็ควบออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้นางกำนัลมองตามไปอย่างเป็นกังวล ถึงจะอยากให้องค์หญิงมีความสุข แต่นางเองก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นถึงอันตรายที่อาจจะเกิดต่อไป ตามจริงตอนแรก นางก็แค่เอ่ยเสนอไปอย่างนึกสนุก แต่พอองค์หญิงออกไปจริงๆกลับอดเสียวสันหลังวาบขึ้นมาไม่ได้ ยิ่งตัวนางเองไม่ได้ตามไปอีก ...โธ่เอ๊ย ถ้าหากองค์หญิงเป็นอะไรไปเล่า!?

     

    โอ.. นี่ข้าทำอะไรลงไปกัน!!?

     

     

    -           -           -           -

     

    ลมฤดูใบไม้ผลิยังเย็นและชื้น.. ไอน้ำที่ปะทะผิวให้ความสดชื่นชนิดที่สเตลล่าคิดว่านางไม่มีทางหาได้จากในวัง... บรรยากาศในคืนเดือนมืดนั้นมืดสนิท แต่แสงของดวงดาวที่สว่างระยับไปเกือบทั้งท้องฟ้านั้นทำให้หญิงสาวบนหลังม้าไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแต่อย่างใด

    สเตลล่าเริ่มควบม้าให้ช้าลงเรื่อยๆ ไปบนทางเดิมสู่ทุ่งดอกไม้ป่า ซึ่งครั้งหนึ่งนางเคยแอบฝึกขี่ม้าจนมาเจอเข้า มันเลยกลายเป็นที่ๆนางประทับใจจนรัก.. อาจจะรักมากกว่าห้องบรรทมในวังด้วยซ้ำ

    ลมพัดกลิ่นหอมประหลาดของดอกไม้ป่านานาชนิดลอยมา กลิ่นหอมเย็นๆที่ทำให้รู้สึกเหมือนตกอยู่ในความฝัน องค์หญิงมองออกไปสุดสายตา ก่อนลงจากหลังม้า ดึงม้าไปผูกไว้กับต้นไม้แถวนั้น

     

    ร่างบางในชุดสาวชาวบ้านธรรมดาเดินเลาะเข้าไปในทุ่งดอกไม้อย่างเชื่องช้า.. ทุ่งดอกไม้ที่ว่าไกลจากเมืองหลวง ถัดจากนี้ไปก็เป็นป่ากว้างใหญ่ พอหมดเขตป่าไปก็เป็นอีกอาณาจักรแล้ว

    นางเดินไปเรื่อยๆ ใจอยากจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ ยิ่งโตขึ้น นางยิ่งต้องควบคุมตนเอง และทำงานอย่างที่เห็นพระบิดาทำ ถึงจะไม่ได้รู้เรื่องงานปกครองมากเท่าไหร่ แต่นางก็พอจะเข้าใจถึงสถานการณ์ของอาณาจักรในตอนเวลานี้

    ตั้งแต่เริ่มมีการทำสงครามล่าอาณาจักรกันอย่างบ้าคลั่ง เรสเตลล่าที่เป็นอาณาจักรค้าขาย ก็ต้องใช้เงินในท้องพระคลังใช้จ่ายในการสร้างกองกำลังมากขึ้น เพื่อเอาไว้ป้องกันอาณาจักร แต่ถึงเช่นนั้นก็ยังมีทหารที่เก่งกาจน้อยอยู่ดี เพราะแต่เดิมไม่มีใครสนใจเรื่องรบราฆ่าฟันกันมาก่อน

    ถึงตอนนี้ทุกอย่างจะดูสงบดี แต่นางก็ทราบว่าพระบิดาคงจะหนักใจไม่ใช่น้อย ในใจลึกๆก็ต่างกลัวว่าจะมีต้องทำสงคราม และที่น่าห่วงก็คือเมืองที่ชอบล่าอาณาจักรนั้นอยู่ติดกันนี่เอง หากไม่ได้ป่าขนาดใหญ่ขวางกั้นไว้ เรสเตลล่าอาจจะไม่พ้นเงื้อมมือของเมืองเดเมเทรียสแน่ ต่อให้ดราโก้จะเป็นพระสหายของพระบิดาก็ตามเถอะ แต่เป็นที่รู้กันดีแต่ไหนแต่ไร... กษัตริย์ผู้นี้โหดเหี้ยมแค่ไหน

    แต่ถึงจะเช่นนั้นก็ตาม.. ตอนนี้สถานการณ์ภายในวังของเดเมเทรียสเหมือนจะไม่สงบนัก เพราะขุนนางเริ่มมีอำนาจมากกว่ากษัตริย์ โดยที่ดราโก้เองแทบทำอะไรไม่ได้ เพราะขุนนางที่ว่าเป็นพระบิดาของพระราชินี

    ซึ่งนั่นดีที่ทำให้ดราโก้วางเรื่องล่าอาณาจักรไปชั่วคราว แต่ถึงเช่นนั้นก็เถอะ อาณาจักรอื่นที่อยู่ห่างออกไปเล่า? สุดท้ายแล้วก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี

     

    สเตลล่าถอนหายใจช้าๆ มุ่งหน้าเข้าไปที่กระท่อมท้ายทุ่งดอกไม้ซึ่งติดกับป่า... มันเป็นกระท่อมร้าง คิดว่าคงเคยเป็นของพวกนายพรานล่าสัตว์เมื่อนานมาแล้ว นางชอบมานั่งเล่นในนั้นบ่อยๆ เลยคิดจะมาสั่งลา ก่อนที่เวลาเที่ยวเล่นแบบนี้จะหมดลงไป...

    องค์หญิงเอื้อมมือไปจับประตูไม้เก่าๆทันทีที่ถึงกระท่อม.. แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงที่ดังออกมาจากข้างใน เสียงคนจำนวนหนึ่งกำลังคุยกันทำให้นางใจหายวาบ แต่ยังไม่หายตกใจดี นางก็ถูกลากถอยออกมาอย่างง่ายดาย ขณะที่เสียงต่ำๆกระซิบขึ้น

    เงียบไว้พะยะค่ะ!..”

     

     

    สเตลล่าหายใจไม่ทั่วท้องกว่าตอนแรกเมื่อรู้ว่าคนที่ลากนางออกมาเป็นใคร แม้ยังไม่ต้องเห็นหน้า แต่น้ำเสียงนี้นางไม่มีทางจำไม่ได้

    เจ้ามาทำอะไรที่นี่!” ทันทีที่มือของชายหนุ่มปล่อยออกจากแขน นางก็หันไปกระชากเสียงถามจนถูกมือของวิลเลี่ยมปิดปากอีกครั้ง ดวงตาฉายแววดุ

    ตะโกนเข้าไป พระองค์จะได้ถูกพวกมันออกมาสับเป็นชิ้นๆ

    สเตลล่าเริ่มตื่นกลัวกับคำขู่เหล่านั้น ท่าทางของวิลเลี่ยมไม่ได้ล้อเล่น และคนอย่างเขาคงไม่คิดล้อเล่นอะไรแน่ๆ นางพยักหน้า ขณะที่วิลเลี่ยมค่อยๆปล่อยมือออก

    พวกมันเป็นใครองค์หญิงกระซิบถาม แต่ผู้เป็นองครักษ์ไม่ตอบ วิลเลี่ยมเอื้อมมือจับด้ามดาบ เขาตั้งอกตั้งใจกับการพยายามเดินออกห่างกระท่อมหลังนั้นให้เบาที่สุด ทันทีที่ย้อนกลับมาถึงใต้ต้นไม้ที่ม้าของชายหนุ่มถูกผูกไว้ เขาพยักหน้าเป็นเชิงให้สเตลล่ากระโดดขึ้นไปก่อน

     

    ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าเดินไปเอาม้าข้ามาเอง อยู่เลยไปไม่กี่ก้าวนางว่าแล้วรีบเดินออกไปโดยที่วิลเลี่ยมไม่ทันได้ห้าม แต่ยังไปได้ไม่กี่ก้าว โลหะแหลมคมก็โผล่มาจ่อที่คอของนางและตัวเขาเองรอบทิศ เขารีบชักดาบออกมาจากฝัก แต่ก็ถูกของแข็งฟาดเข้าต้นคอจนล้มลง มือที่ยังไม่ปล่อยดาบพยายามแทงคืน หมัดหนักๆก็เสยเข้าคางและลำตัวจนล้มลงไปนอนกับพื้น ดาบถูกแย่งไปอย่างง่ายดาย

    วิลเลี่ยม!”สเตลล่าร้อง กำลังจะวิ่งเข้าไปหาองครักษ์ของนาง แต่ก็ถูกสกัดไว้ด้วยดาบที่ลำคอตนเอง แม้นางจะเคยเห็นดาบมานักต่อนัก แต่ก็ไม่เคยมีวาสนาให้มันมาจ่ออยู่คอสักครั้ง.. แต่เห็นทีครั้งนี้วาสนาจะดีเกินไปแล้วกระมัง!

    พวกแกเป็นใครวิลเลียมกระชากเสียงถามทั้งที่ยังมึนหัว มองไปรอบตัวก็ล้วนมีแต่ดาบ เขาอยากจะลุกขึ้นดึงหญิงสาวที่เขามีหน้าที่ปกป้องให้ถอยมาใกล้ แต่เขารู้ว่าทันทีที่ขยับ ดาบของพวกมันต้องแทงเข้ามาแน่

    ไม่มีเสียงใดๆออกจากปากคนเหล่านั้น ชายหนุ่มพยายามเพ่งมองให้เห็นหน้าว่าพวกมันเป็นใคร สมองก็ใครครวญอย่างหนักว่าควรทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้

    ต้องการอะไรเขาเอ่ย นับจำนวนดาบเหล่านั้นได้ราวๆ 8 ...รูปทรงของมันเป็นดาบตีเอง นั่นทำให้เขาเริ่มรู้ว่าพวกมันเป็นใคร

    จับผู้หญิงไป... แล้วฆ่ามันซะเสียงเย็นเยียบของใครคนหนึ่งออกคำสั่ง พร้อมๆกับร่างบางตรงหน้าถูกกระชากออกจากวงไปโดยที่เขาไม่ทันได้คว้า ดาบของพวกมันก็ฟาดลงมา ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากรับดาบเล่มนั้นด้วยมือเปล่า แรงพวกมันเยอะพอๆกับเขา แต่ว่ามีมากกว่าหลายเท่า!

    สเตลล่าถูกลากห่างออกจากวิลเลี่ยมอย่างรวดเร็ว และในเวลานั้นเอง.. ผู้ชายที่นางไม่อยากเข้าใกล้ที่สุดคือคนที่นางรู้สึกปลอดภัยที่สุดเมื่ออยู่ข้างๆ แต่ว่าเขากำลังถูกพวกมันรุมนับสิบ แล้วที่สำคัญนางเองก็มัวแต่ตื่นตกใจและคิดอะไรไม่ออก ราวกับทุกอย่างโล่งไปหมดในสมอง มีเพียงเสียงกรีดร้องที่ออกมาจากปาก รวมทั้งการพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากการจับกุมซึ่งไม่มีทางได้ผลใดๆ

     

    วิลเลี่ยมรู้สึกได้ถึงเลือดบนมือและหัวไหล่ที่ดาบคมเหล่านั้นฟันเฉียดไป แต่ก็ทิ้งรอยแผลไว้ลึกเอาการ ชายหนุ่มกัดฟัน เสียงของสเตลล่ากรีดร้อง และเสียงม้าของเขาพยศดังลั่นไปทั่วบริเวณ เขากระชับดาบที่แย่งมาได้ไว้แน่น กระหน่ำฟันใส่คนที่วิ่งเข้าใส่ไม่ยั้งมือจนมันล้ม วิลเลี่ยมก็ถูกหนึ่งในพวกมันพุ่งเข้าหมายจะแทงจากด้านหลัง เขาไหวตัวหลบได้เพียงเล็กน้อย คมดาบของมันจึงบาดเฉือนสีข้างไป พร้อมกับดาบในมือเขาแทงเข้าที่ลำคอของฝ่ายศัตรู

    ขณะนั้นเองที่เสียงม้าก็ร้องดังขึ้นในทิศทางที่พวกมันจับสเตลล่าไป ชายหนุ่มจึงกระโจนขึ้นหลังม้าตนเอง ควบเข้าใส่พวกที่เหลือซึ่งกำลังมัดหญิงสาว แต่ทันทีที่พวกมันเห็นเขา มันจึงเร่งจับสเตลล่าขึ้นม้า แล้วควบหนี วิลเลี่ยมกระตุกบังเหียนเร่งม้าตนเองให้ไล่ตามม้าของพวกมันที่วิ่งตัดทุ่งดอกไม้เข้าป่าไป

    ช่วยด้วย!” สเตลล่าตะโกน แล้วก็ถูกมือหนาๆฟาดเข้าใส่จนแทบหล่นจากหลังม้านั้น หากมือของมันรีบคว้าไว้ สเตลล่าใกล้คำว่าหมดสติเต็มทีในเวลานั้น ความกลัวที่กัดกร่อนเข้าในจิตใจอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่เคยฝึกการป้องกันตัวมาก่อนนี้ แต่กลับไม่รู้จะทำอะไร ร่างทั้งร่างราวกับจะหมดแรงเอาเสียดื้อๆเมื่อรู้ว่าไม่มีทางสู้แรงคนนิรนามเหล่านี้ได้ มือที่ถูกมัดไพล่หลังไม่ยอมขัดขืน ส่วนหนึ่งของจิตใจบอกให้ยอมแพ้ แม้ว่าชายที่ทำร้ายจะอยู่ข้างหน้า... แม้มันจะจับให้นางหันหน้าเข้าหาก็ตาม

    แต่ในแรงเฮือกสุดท้าย สเตลล่าตัดสินใจใช้ศีรษะตนเองกระแทกเข้าคางมันเต็มแรง พร้อมพยายามเบียดร่างนั้นตกหลังม้า ชายนิรนามเผลอกระชากบังเหียนสุดมือจนม้าพยศ ร่างทั้งสองร่วงลงหลังม้าด้วยความรวดเร็ว เป็นเวลาเดียวกับที่วิลเลี่ยมเข้าใกล้ ชายหนุ่มกระโดดลงจากม้าตนเอง มุ่งเข้าใส่ร่างของผู้ไม่หวังดีซึ่งกำลังไม่ทันตั้งตัว แทงมันด้วยดาบนั้นก่อนถีบให้มันล้มลงแล้วรีบหันไปพยุงอีกร่างขึ้นมา

    องค์หญิง…”

     

    นางหอบหายใจอย่างตื่นตระหนก พยายามเรียกสติตนเองกลับคืนแต่ช่างทำได้ยากเย็น

    วิลล์... นั่นเจ้าใช่ไหม

    พะยะค่ะ เราต้องรีบไปจากที่นี่เขารัวคำพูด แล้วพาร่างหญิงสาวขึ้นไปบนหลังม้าอย่างทุลักทุเล ทันทีที่ขึ้นไปได้ วิลเลี่ยมโอบร่างบางไว้ในอ้อมแขน เขารู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งร่าง แต่ต้องทนให้ไหว จึงกระตุกบังเหียนม้าให้ออกวิ่งมุ่งกลับไปยังเมืองโดยเร็ว

     

     

    เสียงม้าที่ควบด้วยความเร็วทำให้หัวหน้าทหารยามผู้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาลุกจากที่นั่ง ก่อนกระชับอาวุธในมือ แล้วหันไปสั่งทหารยามคนอื่นๆเตรียมพร้อม เพราะเวลานั้นประตูเมืองปิดลงแล้ว จึงไม่ใช่ยามที่ใครจะเข้าออกเมืองโดยง่าย ทันทีที่ร่างบนหลังม้าปรากฏขึ้นภายใต้แสงคบไฟ คันธนูนับสิบถูกเล็งไปยังที่เดียวกัน

    ท่านเป็นใคร!”

    เปิดประตูเมืองให้ข้า!!” ชายบนหลังม้าตะโกน มืออีกข้างของเขาโอบหญิงสาวไว้

    ประตูเมืองปิดแล้ว กลับไปเสีย มิเช่นนั้น…!”

    บอกให้เปิดประตูเมืองให้ข้า! ข้าคือองครักษ์ขององค์หญิง! นางได้รับบาดเจ็บ!” ชายผู้นั้นตะโกนอีกครั้ง หัวหน้าเวรเพิ่งสังเกตว่าเขามีเลือดโชกท่วมตัว และที่สำคัญมืออีกข้างที่ไม่ได้โอบร่างหญิงสาวสิ้นสตินั้นมีตราทหารราชองครักษ์! หัวหน้าเวรหันไปสั่งแทบจะในทันทีที่ตระหนักได้

    รีบเปิดประตูให้เขา เร็ว!!”

     

     

    -           -           -           -

     

    ร่างโชกเลือดพร้อมบาดแผลตามตัวของวิลเลี่ยมไม่ได้รับการใส่ใจเท่าสตรีสูงศักดิ์ที่เขาทำหน้าที่ปกป้อง นางสลบไปเพราะแรงมือของพวกมัน แต่ความเคยชินในบาดแผลการต่อสู้นั้นต่างกัน เขาแน่ใจว่าหากนางโดนคมดาบเฉียดสีข้างหรือแขนขาเช่นเขา นางอาจทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วก็เป็นได้

    เกิดอะไรขึ้น วิลเลี่ยม!” เจอร์ราดมีสีหน้าตกใจกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้ ชายหนุ่มหอบหายใจถี่ ก่อนคุกเข่าลง มองตามร่างสเตลล่าถูกพาไปยังห้องบรรทม แล้วหันมาตอบกระแสรับสั่งพระราชา

    องค์หญิงถูกพวกโจรทำร้ายพะย่ะค่ะ

    โจรรึ! ได้อย่างไรกัน โอ้! แล้วนี่เจ้า...” เจอร์ราดเพิ่งสังเกตว่าเขาไม่ควรซักไซ้อะไรอีกต่อไป เพราะองครักษ์หนุ่มตรงหน้าเลือดไหลแทบจะท่วมตัวอยู่แล้ว ทหาร! มาพาเขาไปรักษา เร็ว!”

     

    บาดแผลบนร่างวิลเลี่ยมนั้นไม่ถึงกับฉกรรจ์ แต่หลายจุดจนทำให้ชายหนุ่มเริ่มมีอาการซีดเพราะเสียเลือดไปมากเอาการ หมอเร่งมือเย็บแผลเขาด้วยความไวเท่าที่จะไวได้ วิลเลี่ยมพยายามหายใจอย่างปกติ ไม่ใช่หอบถี่จนเกินไป.. เขายังรู้สึกตัวอยู่ บางทีไอ้ความสามารถในการอดทนเกินพอดีมันก็น่าโมโหที่ต้องรู้สึกเจ็บปวดนาน ทุกๆรอยเข็มที่แทง ทุกๆความแสบของยาที่รดลงบนแผล ทุกๆความเจ็บปวดที่ทิ่มแทง... เขายังรู้สึกทุกอย่าง

    ชายหนุ่มเหม่อมองเพดานห้อง แทบสะดุ้งทุกครั้งที่หมอแตะบาดแผลเหล่านั้น แต่เขาก็ค่อยๆชินไปในไม่ช้า วิลเลี่ยมหลับตาลง ภาพบางอย่างย้อนเข้ามาในความคิด.. เสียงกระซิบก่อนที่มือนั้นจะฟาดลงมาบนใบหน้ายังไม่เคยจางหายไปจากห้วงความทรงจำ

    อย่าให้ต้องลงทุนเสียเปล่า!..”

     

     

    ฟื้นแล้วรึ

    ท่านพ่อ…” สเตลล่าพึมพำ ก่อนลุกขึ้นนั่ง นางยังรู้สึกวิงเวียนแต่ไม่มากนัก

    เจ้าออกไปทำอะไร

     

    สเตลล่าถอนหายใจช้าๆ นางนึกไว้แล้วว่าต้องเจอคำถามนี้เป็นแน่ แต่ยังไร้ซึ่งคำตอบที่คิดว่าเป็นเหตุเป็นผลพอจะตอบออกไป นางจึงนิ่งเงียบ

    “ตอบพ่อมาเถอะ”

    นางหลบสายตาลงต่ำ นึกกลัวโดนดุราวกับเด็กๆ



    Shalunla 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×