คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 1
ในสายตาของสเตลล่า... ร่างของผู้ชายตรงหน้าเหมือนกับร่างของพวกนักรบ ไม่ก็คงโจรป่า ตัวสูงใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปได้แค่ 2 กรณีเท่านั้นแหละ!
“องค์หญิง... ถ้าชายคนนี้เป็นโจรล่ะเพคะ?”
“....”
คำพูดของนางกำนัลทำองค์หญิงนิ่งเงียบ ดูจากรอยแผลที่ทั้งฟกช้ำ แถมยังมีรอยของมีคมบาดลึกจนเป็นแผลกว้าง นางก็พอจะเดาๆได้ว่าถ้าเป็นนักโทษก็ต้องถูกลงโทษมาแน่
“แผลตั้งกว้าง... เขาทนได้อย่างไรนะ”สเตลล่าพูดกับตัวเอง ขณะใช้ผ้าเช็ดคราบเลือดออกจากร่างของชายคนนั้น นึกสยดสยองกับรอยแผล แต่ก็กลั้นใจเช็ดไปเรื่อยๆ
“เจน ออกไปซื้อยารักษาแผลเพิ่มให้ข้าที ที่ข้ามีมันไม่พอ..”
“องค์หญิง! ท่านแน่ใจหรือเพคะว่าผู้ชายคนนี้...!”
สเตลล่าเงยหน้าขึ้น หันกลับไปมองเจนอย่างเหนื่อยๆ แล้วตอบออกไป
“ข้าเจอคนๆนี้ แล้วเจ้าจะให้ข้าปล่อยให้เขาตายไปเฉยๆงั้นเหรอ?”
“มันจะนานนะเพคะ...”
“ถ้ากลัวนาน เจ้าก็รีบไปหายามาเร็วๆสิ เราจะได้รีบทำรีบกลับ” สเตลล่าว่า แล้วเดินไปหยิบย่ามตัวเองมา ยื่นเหรียญเงินให้นางกำนัล เจนรับไปอย่างไม่เต็มใจนัก
“องค์หญิง ระวังนะเพคะ”
“โธ่! เจน... เขาเจ็บขนาดนี้ ต่อให้เป็นโจรป่า ก็คงไม่มีแรงลุกมาฆ่าข้าได้หรอกน่า!”
เจนตกลงเบาๆ แล้วเหลือบมองร่างของผู้ชายนิรนามที่นอนอยู่บนเตียงอย่างระแวง ก่อนจะค่อยๆหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ทำให้สเตลล่านึกขำกับอาการวิตกจริตเกินเหตุของนางกำนัลตัวเอง ทันทีที่เจนออกจากห้อง องค์หญิงเลยเดินไปแขวนย่ามไว้ที่เดิม
ก่อนหน้านี้ องค์หญิงกับนางกำนัลพาร่างของเขาเข้ามาในห้องพักของโรงเหล้า การที่ผู้หญิง 2 คนแบกเอาผู้ชายตัวใหญ่แบบนี้เข้ามาไม่ใช่ง่ายๆ และไม่ใช่เรื่องดีในสายตาใคร!
สเตลล่าหันมามองเสื้อผ้าที่วางพาดเก้าอี้ ซึ่งนางเป็นคนถอดออกมาจากร่างชายคนนั้นตอนจะทำแผลให้ เสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยคราบเลือด แต่สายตาของนางดันเหลือบไปเห็นตราอะไรบางอย่างหล่นอยู่บนพื้น...
มือก็เอื้อมไปหยิบขึ้นมา มันเป็นตราที่คงจะทำด้วยทอง แต่มองสัญลักษณ์นั่นได้ไม่ชัด เลยต้องเพ่งดู
แต่ยังเพ่งได้ไม่ทันชัดดี คอก็ถูกแขนรัดแน่น ตามมาด้วยน้ำเสียงดุดันที่ดังขึ้นข้างๆหู จนตรานั่นร่วงจากมือของสเตลล่า
“เจ้าเป็นใคร!!!”
สเตลล่าตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก แรงจะขัดขืนก็เหมือนหมดไปดื้อๆ
“ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร!?” เสียงแหบต่ำนั่นถามต่อไป ทำเอาใจหายใจคว่ำ
“ข... ข้า”
ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม ร่างบางของนางก็ถูกผลักไปที่ๆคนผลักเคยนอน แต่ตอนนี้เป็นนางซะเองที่ต้องนอนหมดสภาพ สเตลล่าได้แต่จ้องไปที่ร่างสูงอย่างตื่นตระหนก แววตาดุดันสีเทาน่ากลัวอย่างไม่เคยพบเคยเห็น แถมมองอย่างกับจะฆ่ากัน! ตอนนี้ สเตลล่าเพิ่งจะรู้ตัวว่าคิดผิดอย่างหนักที่ไม่เชื่อคำพูดของนางกำนัล!!
“........ข้าสิ ที่ต้องถามว่าเจ้าเป็นใคร!?” ชาติเสือต้องไว้ลาย ต่อให้จะตายก็ปากดี! เพราะนางถือคตินี้ตลอดเลยกระชากเสียงถาม ทั้งๆที่ก็รู้ว่าถ้าสู้กัน ใครจะชนะ!
ร่างสูงจ้องกลับอย่างโมโห ทำองค์หญิงเสียวสันหลังวาบ... ให้ตายเถอะ ต่อให้เจ็บขนาดนั้น แถมยังไม่มีอาวุธ แต่ดูๆแล้วยังไงก็หักคอคนได้สบาย วัดจากแรงมหาศาลเมื่อครู่ที่ผลักร่างมา แต่ถึงจะรู้ว่าแบบนั้น ปากก็ถามต่อไป
“ตรานั่นของเจ้างั้นหรือ หรือว่าเจ้าไปขโมยใครมา!?”
“อย่ากล้ามาย้อนถามข้า ตอบมาก่อนสิว่าเจ้าเป็นใคร!?”
“องค์หญิง ...!”เสียงของเจนดังขึ้นพร้อมๆกับประตูถูกผลักเข้ามา ทำให้ทั้งคู่หันไปมอง ทันทีที่เจนเห็นเหตุการณ์ นางก็ตกใจจนแทบทรุด เพราะตอนออกไปคนที่นอนอยู่เตียงเป็นผู้ชาย แต่ตอนนี้กลับเป็นองค์หญิงที่นอนอยู่แทน!
“องค์หญิงงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มพึมพำ ก่อนจะค่อยๆแสยะยิ้ม แล้วก้มหัวลงทำความเคารพช้าๆ
“งั้นข้ายินดีที่ได้พบท่าน.... ข้ารับรองว่าเราจะได้พบกันในไม่ช้า แล้วข้าจะตอบแทนท่านอย่างสาสม!”
สิ้นคำพูดของชายผมทอง เขาก็หยิบเสื้อคลุมมาสวม แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตกใจของทั้งสเตลล่า และเจน
“องค์หญิง เป็นอะไรมั้ยเพคะ!?”
- - - -
“ข้าบอกแล้ว ท่านไม่เชื่อ นี่ดีที่ท่านไม่เป็นอะไร”
“เออ... งั้นเจ้าก็เงียบๆไปเถอะเจน เฮ้อ! ข้าเบื่อจนไม่อยากทำอะไรแล้ว ได้ข่าวว่าท่านพ่อจะเลือกทหารมาเป็นองครักษ์ข้า หึ! คงจะหาพวกยักษ์ๆมาขู่ไม่ให้ข้าเถลไถลล่ะสิ!”สเตลล่าพูดไป กระแทกเสียงไป มือก็คลำหลังด้วยความเจ็บ นึกถึงเรื่องเมื่อเช้าแล้วสยองไม่หาย..
“องค์หญิง... แต่จะไม่ทรงรับสั่งให้ทหารตามหาโจรคนนั้นหรือเพคะ?”
“ถ้าข้าขอให้ทหารไปไล่จับคนๆนั้น... พ่อข้าก็ต้องรู้สิว่าข้าไปเจออะไรมา คราวนี้มีหวังข้าไม่ได้ออกไปนอกวังเป็นชาติแน่!”
“..แต่ถ้าชายคนนั้นไปทำให้เมืองเราเดือดร้อนล่ะเพคะ ดูจากที่ท่านเล่า คนๆนี้ไม่ธรรมดาแน่ ขนาดเจ็บปางตายยังลุกมาทำร้ายท่านได้ ....มันไม่ใช่คนแล้วล่ะองค์หญิง”
คำพูดของนางกำนัลทำคนฟังสะอึกเพราะเพิ่งนึกได้ เอาล่ะสิ! ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ชาวบ้านเดือดร้อน กับตัวเองไม่ได้ออกไปเที่ยว
.สำนึกของคนมีภาระเยอะมันก็ต้องเลือกอย่างแรก
“ก็ได้... ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปบอกท่านพ่อ” สเตลล่าว่า แล้วลุกจากเก้าอี้ นึกเรียบเรียงคำพูดไปด้วยขณะเดินออกจากห้องของนางไปตามทาง เดินๆไป ภาพของชายผมทองกับแววตาน่าสยดสยองนั่นก็แทรกเข้ามาในความคิดจนแทบหยุดเดินไปทุกครั้ง
นางได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ มันน่านักที่ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก! มัวแต่ตกใจอยู่นั่น
สเตลล่าเดินไปจนถึงห้องทรงงานของพระบิดา... นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะบอกให้นางกำนัลหน้าห้องเข้าไปทูล... แต่คำตอบที่ได้กลับเป็น
“พระองค์ทรงเสด็จออกไปล่าสัตว์เพคะ”
“อะไรนะ? แล้วทำไมเราไม่รู้ล่ะ ท่านพ่อไปตอนไหน!?”
“เมื่อเที่ยงนี้เพคะ เอ่อ พระองค์รับสั่งว่าองค์หญิงไม่ต้องตามไปด้วย”
สเตลล่าเงียบไปชั่วครู่ ได้แต่ถอนหายใจช้าๆ
“ทรงออกไปล่าสัตว์กับท่านดราโก้อีกงั้นหรือ?” นางเอ่ยถึงกษัตริย์แคว้นเดเมเทรียส... แคว้นเพื่อนบ้านใกล้ๆ ที่ทรงเป็นพระสหายกับพระบิดาของนาง
“เพคะ...”
“เจน กลับกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาอีก” พูดจบ ร่างบางก็หันหลังกลับไปทันที
- - - -
สเตลล่านั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ...ตั้งแต่วันนั้น นี่ก็ 3 วันเข้าไปแล้วที่เสด็จพ่อยังไม่กลับ ถ้าไม่มีจดหมายมาบ้าง สาบานว่านางคงขี่ม้าตามไปแน่!
“องค์หญิง! องค์หญิงเพคะ!!”
เสียงดังลั่นมาแต่ไกลของเจน ทำนางหันไปมองอย่างดุๆ
“เจน... ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าวิ่ง
!”
“ขอประทานอภัยเพคะ.. แต่! แต่พระราชาเสด็จกลับมาแล้วเพคะ!!”
“อะไรนะ... จริงเหรอ!”
สเตลล่าลุกจากเก้าอี้ รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้างาม... โธ่ ท่านพ่อ บทจะไปก็ไปไม่บอก บทจะกลับก็กลับไม่กล่าว แต่เอาเถอะ.. ท่านกลับมาก็ดีกว่าเรื่องไหนๆแล้ว!
องค์หญิงก้าวเท้าเร็วๆ ออกไปนอกพระราชวัง นางมองเห็นขบวนตามเสด็จค่อยๆเคลื่อนเข้าวังอย่างใหญ่โต ก็อดยิ้มไม่ได้... สเตลล่าเดินเร็วขึ้น เร็วขึ้น ..แล้วจากเดินก็เป็นวิ่ง นางมุ่งเข้าไปหาม้าที่อยู่หน้าสุด...
“ท่านพ่อ!!”
ร่างของคนที่นางเรียกค่อยๆก้าวลงจากม้า... ตามด้วยเหล่าทหารและขุนนางที่ตามลงมาเมื่อถึงที่หมาย สเตลล่ายิ้มกว้าง ขณะเข้าไปหาพระราชา
“เป็นอย่างไร ดาวน้อยของพ่อ... ฮ่าๆๆ นี่เจ้าคงหนีออกไปเที่ยวเต็มอิ่มเลยสินะ กับ 3 วันที่ผ่านมา”
“โธ่... ท่านพ่อ! ข้าก็ออกไปแค่ตอนที่ท่านอนุญาต พอกลับมาข้าไม่เจอท่าน ข้าก็ไม่อยากไปไหนหรอกเพคะ แล้วทำไมท่านไปไม่รอลาข้าสักคำ.... ข้าเป็นห่วงแทบแย่ จะตามไปท่านก็ห้าม”
“ฮ่าๆๆ สเตลล่า... พ่อแค่อยากจะทำให้เจ้าประหลาดใจ อย่าเคืองพ่อเลย”
“ข้าไม่กล้าโกรธเคืองท่านหรอกเพคะ”
“ก็ดีแล้ว... แต่น่าเสียดายยิ่งนักที่เจ้าไม่ยอมฉกฉวยโอกาสที่พ่ออุตส่าห์เปิดกว้างให้ ก่อนที่เจ้าจะหาโอกาสไปเที่ยวแบบนั้นไม่ได้อีก”
“หือ? ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรเพคะ?”
สเตลล่าทำหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ได้รับคำตอบแทบทันที เมื่อพระบิดาของนางหันไปข้างหลัง เรียกชื่อใครอีกคนให้ก้าวออกมา
“วิลเลี่ยม! ข้าภูมิใจนำเสนอเจ้ากับนายใหม่ยิ่งนัก... นี่สเตลล่า ต่อไปนี้เจ้าต้องอารักขานางให้ดี ดูแลนางแทนข้า ปกป้องนางสุดฝีมืออย่างที่เจ้าแสดงให้ข้าเห็น”
“พะย่ะค่ะ” เสียงต่ำๆ เอ่ยตอบ ขณะที่ชายร่างสูงใหญ่คนนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าองค์หญิง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตา....
ขณะที่วินาทีนั้น นางจ้องดวงตาสีเทาของชายหนุ่มกลับ และไม่รู้สึกตัวอีกต่อไปแล้ว!
- - - -
น่าขำ...
นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มคิดอยู่ในหัว ขณะมองหน้าองค์หญิงกลับ... นางหน้าซีด แสดงความตกใจอย่างชัดเจน ผู้หญิงอะไรขวัญอ่อนซะจริง!
“...พ่อชื่นชมชายผู้นี้มาก เขาสามารถเอาชนะชายเกือบ 100 กว่าคนที่เข้าทดสอบฝีมือมาเป็นองครักษ์เจ้าได้อย่างง่ายดาย คุณสมบัติเหมาะสมยิ่งนักที่พ่อจะฝากเจ้าให้เขาปกป้องคุ้มครอง”
วิลเลี่ยมมองหน้าสเตลล่า แล้วส่งยิ้มเยือกเย็นให้... เขาชอบมองดูคนแสดงอาการหวาดกลัว เพราะมันยังคงสนุกเหมือนเดิม!
“ข้าขอสัญญา... ว่าจะปกป้ององค์หญิงด้วยชีวิต”เขาเอ่ย... แต่ในใจก็ออกจะนึกรำคาญไม่น้อย งานเขาต้องมาคอยยืนดูแลผู้หญิงงี่เง่างั้นหรือ? หึ! ไม่เข้าใจซะจริงว่างานแบบนี้ ทำไมแองกัสถึงอยากจะเป็นนัก!
“เจ้าไม่เอ่ยอะไรหน่อยรึ!? สเตลล่า”
นางเงยหน้ามองพระบิดาอย่างตื่นๆ แล้วพูดละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นคำ
“..ข... ข้า.. ขอขอบใจ”
“อื้ม ดีแล้ว... ข้าขอฝากอีกทีนะ วิลเลี่ยม”
“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ชายหนุ่มรับ แล้วค่อยๆลุกขึ้น... เดินไปยืนข้างหลังหญิงสาวสูงศักดิ์นางนั้น
...เอาเถอะ อย่างน้อยนี่ก็เป็นจุดหมายเริ่มต้นของการเริ่มชีวิตใหม่.....
ชายหนุ่มถอนหายใจช้าๆ... พลางนึกไปถึงเด็กสาวผมบลอนด์ที่อยู่อีกเมือง
ป่านนี้... เจ้าทำตามฝันของเจ้าได้รึยังนะ แองกัส?
เส้นผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วไสวไปตามแรงลมเบา ๆ สองแขนเท้ากับขอบระเบียง ริมฝีปากสีชมพูอ่อนค่อย ๆ เผยยิ้มออกมาทีละนิด สายตาคมทอดมองไปรอบ ๆ อาณาจักร
ที่นี่ ...ที่ที่เขาเกิดมา ทุกอย่างล้วนเป็นสมบัติของแผ่นดินนี้ โดยที่ราชวงศ์มีหน้าที่ปกครองให้ทุกอย่างเป็นระเบียบ มีกฎเกณฑ์ ทั้งพื้นดิน ภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ ผู้คนทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ ล้วนเป็นคนของแผ่นดินทั้งสิ้น มันช่างสงบสุข คงเป็นอย่างที่ใคร ๆ บอกไว้จริง ๆ ว่าไม่มีที่ใด ดีเท่าบ้านของเรา
อัลเฟร็ดหลับตา อ้าแขนรับสายลมเย็นที่พัดมากระทบเข้ากับร่าง...
“ข้าไม่นึกว่าในเมืองเราจะมีคนบ้าอยู่อีกคน นอกจากไอดิลอท...” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะความสุข ประโยคที่พูดถึงไอดิลอทนั้นทำให้อัลเฟร็ดนิ่วหน้า ใคร ๆ ก็รู้จัก ว่าผู้ชายคนนี้มีชื่อเสียงทางใด เดินไปมารอบเมืองไม่กลับบ้านช่อง พูดคนเดียว หรืออะไรต่าง ๆ นานา ที่จะสามารถเรียกได้ว่าบ้านั่นล่ะ เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องของชายบ้าคนนี้มาไม่น้อย
เด็กหนุ่มลดมือลงข้าง ๆ ลำตัว ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่
“เจ้าฝึกเสร็จแล้วเหรอ ? ถึงได้มีเวลาว่างมาว่าข้าแบบนี้” อัลเฟร็ดกล่าวยิ้ม ๆ หากแต่ผู้เป็นน้องชายกลับทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก เขาจะดีใจกว่านี้ ถ้าหากพี่ชายของเขา ไม่มัวแต่นั่งอ่านตำราอยู่ในห้อง คิดทฤษฎีแปลก ๆ หรือทำท่าทางเหมือน...ไอดิลอทอยู่แบบนี้ อัลเฟร็ดควรหาเวลาไปฝึกการต่อสู้แบบที่คนหนุ่มในเมืองทั่วไปทำกัน
“ท่านพี่ควรจะไปฝึกตามที่ท่านพ่อรับสั่ง ไม่เช่นนั้นท่านคงกริ้ว !” อีริคว่า ก่อนจะเดินมายืนข้าง ๆ พี่ชาย สายตาทอดมองไปเบื้องหน้าตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เจ้าก็รู้ ว่าข้าไม่ชอบให้ใครมาบังคับ” เด็กหนุ่มแย้ง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเหตุการณ์บางอย่างที่ลานประลอง เหล่าทหารและขุนนางต่างยืนล้อมวงเพื่อดูบุคคลสองคนกำลังประลองฝีมือกัน
ผู้ชายในชุดเกราะสองคนกำลังฟาดฟันกันด้วยดาบคม เสียงผู้คนรอบ ๆ โห่ร้องเชียร์ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
“วันนี้มีการสอบเป็นองครักษ์อย่างนั้นเหรอ ?” อัลเฟร็ดหันมาถามผู้เป็นน้องชาย
“ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” อีริคตอบ
ดูเหมือนว่าสองวันที่ไม่ได้เยื้องกรายออกจากห้องของตัวเองนั้นจะทำให้เขาพลาดไปขนาดหนัก ไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างในวัง
“ท่านพี่จะไปดูมั้ย ??” อีริคถามอีก เมื่อเห็นว่าอัลเฟร็ดมีท่าทางสนอกสนใจขนาดหนัก
“ลงไปให้เปิดหูเปิดตาสักหน่อยก็ดี” จบประโยค อัลเฟร็ดก็ก้าวเท้าไว ๆ ออกจากห้องไป
“..น่าจะทำได้ตั้งนาน !” และนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มไม่ได้ยินประโยคที่น้องชายพูดอย่างประชดประชัน
- - - -
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในเขตลานประลอง เด็กหนุ่มก็ยืนดูภาพตรงหน้าอย่างสนใจ... ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะพิศวาสการต่อสู้ แต่นานๆได้ดูทีก็เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบเหมือนกัน
"องค์ชาย ทรงเสด็จมาด้วยหรือพะย่ะค่ะ"
เสียงทักทำให้อัลเฟร็ดหันไปมอง แลนดอสนั่นเอง เขาได้แค่ยิ้มตอบให้ทหารองครักษ์ของท่านพ่อนิดๆ ก่อนจะหันไปมองการต่อสู้ต่อ
"องค์ชายคิดว่าใครจะชนะ? หม่อมฉันดูแล้ว... นี่มันมวยต่างชั้นจริงๆ แต่หม่อมฉันก็แอบเสียดายเจ้าตัวเล็กนั่น มันฝ่ามาจนถึงรอบสุดท้ายได้ ฝีมือนับว่าไม่เบาเลย"
"อย่างนั้นหรอกเหรอ.." อัลเฟร็ดว่า พลางมองไปที่ร่างทั้งสองตรงลานประลอง อย่างที่อัศวินหนุ่มนามแลนดอสว่า... มวยต่างชั้น อีกคนร่างใหญ่อย่างกับยักษ์ ส่วนอีกคนก็ตัวเล็กกว่าหลายเท่า ไม่ว่าครั้งไหนที่คนร่างเล็กจะพยายามรุก ก็กลับเป็นฝ่ายที่ต้องแพ้ทุกครั้ง ถึงแบบนั้น เสียงเฮก็ดังลั่น
"ถ้าเจ้ายักษ์นั่นแพ้ หม่อมฉันคงเสียทองหลายแท่ง ฮ่า ๆ"
"อะไร ? นี่เจ้าพนันกันรึ?! ระวังเถอะ ถ้าท่านพ่อข้ารู้..."
"องค์ชาย ! ได้โปรดอย่าไปบอกนะพะย่ะค่ะ...."
"ฮ่า ๆ นี่เจ้าลืมรึไง แลนดอส ถ้าท่านพ่อข้ารู้นะ คงไม่ลงโทษเจ้าหรอก แต่ข้าคิดว่าคงจะมาร่วมวงแทงพนันมากกว่า ฮ่าๆๆ"
"เหอ ๆๆ... เฮ้ย!! อะไรวะน่ะ !" เสียงอุทานของแลนดอสเรียกให้เด็กหนุ่มรีบหันไปมองลานประลองตามทันที ภาพที่เขาเห็นทำเอาทั้งตัวอัลเฟร็ดเอง ทั้งผู้คนรอบลานประลองตกใจไปชั่วขณะ
ร่างของคนตัวเล็กล้มลงไปกับพื้น เสื้อหนาๆ หลุดออกติดมือคู่ต่อสู้ เหลือเพียงเสื้อบางๆข้างในที่ทำให้มองดูรูปร่างแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง เส้นผมสีทองที่มัดไว้หลุดลุ่ยยุ่งเหยิง
"ผู้หญิง ?"
"เฮ้ย ! นั่นมันผู้หญิง !!"
ทั้งขุนนางทั้งทหารต่างส่งเสียงตะโกนกันไปมาอื้ออึง... ทหาร 2-3 คนรีบเข้าไปดึงร่างเล็กที่ล้มอยู่พื้นขึ้น ส่วนร่างยักษ์ที่เป็นคู่ต่อสู้ซึ่งใคร ๆ ต่างแน่ใจว่าเป็นผู้ชายก็มีท่าทีตกใจไม่น้อย
"นางอีกเเล้วหรือ" เสียงของหัวหน้าองครักษ์พูดขึ้น ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้าวเข้าไปในลานนั้น
"อย่ามาจับข้า !" นางตะโกน พยายามสะบัดตัวจนหลุดออกจากทหารที่เข้าไปจับตัว
"...เจ้าก็รู้นี่ ว่าการประลองครั้งนี้ไม่รับสตรี ทำไมถึงยังดื้อดึงนัก !"
คำพูดของหัวหน้าองครักษ์ที่เป็นผู้ตัดสินการประลองทำให้เจ้าชายหนุ่มหันไปหาแลนดอส
"นางเคยเข้ามาประลองงั้นเรอะ ?"
" พ่ะย่ะค่ะ ...รอบที่แล้วๆ นางถูกจับได้ก่อนว่าเป็นหญิง เลยไม่ได้เข้าประลองถึงรอบลึกๆแบบนี้ แต่ฝีมือนาง... สุดยอดเลย" แววตาของแลนดอสบ่งบอกว่าชื่นชมหญิงสาวผู้นี้จริง ๆ ..หากว่าเป็นเขาที่ต่อสู้กับเจ้าร่างยักษ์นั่น ไม่แน่ว่าอาจจะพลาดท่าไปตั้งแต่โดนเจ้านั้นโจมตีครั้งแรกแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้กลับหลบได้แทบทุกครั้ง
อัลเฟร็ดพยักหน้า แล้วหันไปมองร่างของผู้หญิงคนนั้นที่ก้าวมายืนต่อหน้าหัวหน้าองครักษ์อย่างท้าทาย
"...ถ้าสตรีแข็งแกร่งแบบนี้ ท่านก็จะไม่รับไว้เลยอย่างนั้นเหรอ !?"
"เจ้ากำลังจะแพ้ นี่หรือที่เรียกว่าแข็งแกร่ง ?"
คำพูดของหัวหน้าองครักษ์ทำให้ผู้หญิงคนนั้นเงียบไป... หรือที่ในสายตาอัลเฟร็ด นางก็รุ่นราวคราวเดียวกับเขา แต่ตอนนั้น สายตาเขาไม่ได้จับอยู่ที่นางอีกต่อไป อัลเฟร็ดจ้องไปที่ร่าง ๆ หนึ่ง ซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความตกใจ นานแค่ไหนที่ไม่ได้เห็นคน ๆ นี้ ?
" ลอร์ดไนท์.... แล้วถ้าข้าทำให้นางชนะได้ล่ะ ? ท่านจะว่าอย่างไร ? "
อัลเฟร็ดยืนตัวแข็งทื่อ เขาตั้งสติและพยายามจะหมุนตัวกลับไปมองผู้ที่กำลังเอามีดสั้นเล็ก ๆ หากแต่คมกริบจ่อคอหอยเขาอยู่
อา...ให้ตายสิ ! เกิดมาไม่เคยเจออะไรประชิดตัวขนาดนี้ !
เด็กหนุ่มมองอีกฝ่ายตาโตเมื่อมีดยิ่งถูกเลื่อนเข้ามาใกล้อีกหลังจากที่เขาหันไป ดวงตาของนางราวกับราชสีห์ที่ดุร้าย พร้อมจะกระโจนเข้าใส่เขาเพื่อเอาชีวิตได้ทุกเมื่อ
“เจ้าตามข้า...ทำไม ??!!” แองกัสพูดเสียงต่ำ แต่แฝงไปด้วยแรงกดดันมากมาย ทำเอาอัลเฟร็ดอ้ำอึ้ง พูดไม่ออกไปเลยทีเดียว
“ข้าไม่ได้ตามเจ้า” เสียงนั่นไม่มีอาการสั่น เพราะที่จริงเด็กหนุ่มกำลังพยายามควบคุมมันไว้อย่างที่สุด ทันทีที่ตอบเสร็จ เด็กหนุ่มคิดว่านางอาจจะเอามีดนั่นเก็บกลับไป ทว่าเขาคิดผิดถนัด เมื่อเด็กสาวยิ่งเดินเข้ามาใกล้ ไล่ต้อนเขาจนต้องไปยืนชิดกำแพงในที่สุด
แองกัสเพ่งสายตามองผู้ชายตรงหน้า ดวงตาสีฟ้าเข้มกำลังมองเธอด้วยแววตื่นตระหนก ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เลื่อนลงมายังมีดที่เธอถือจ่อคอของเขาอยู่
“โกหก...คิดว้าข้าโง่งั้นเหรอ ??!” มีดเล่มนั้นใกล้เข้ามาจนชิดกับลำคอของเด็กหนุ่ม แต่เวลานี้เขากลับสนใจที่จะมองสำรวจไปทั่วใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้ามากกว่า รู้สึกคุ้น ๆ กับใบหน้านี้ คลับคล้ายคลับคลาว่าอาจจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบชิด ...แต่ก็นึกไม่ออก...
“ตอบมา !!” แองกัสตะคอก
“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้านั่นจะแพ้ผู้หญิงนะ ฮ่า ๆๆๆๆ” เสียงบทสนทนาของใครบางคนดังขึ้น ก่อนเงาดำ ๆ จะตามมา แองกัสรีบลดมือที่ถือมีดลงทันที นั่นทำให้อัลเฟร็ดถือโอกาสนั้น จับข้อมือของเด็กสาวไว้ แล้วดึงมีดออกมา แองกัสมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ พยายามพลิกตัวหนี แต่นั่นกลับทำให้เธอต้องไปอยู่ในวงแขนของเขาอย่างช่วยไม่ได้ แขนแข็งแรงรัดตัวเธอไว้แน่น เธอไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย
“เจ้า !!!!!!!”
“ทำไม ? เจ้าจะทำอะไรข้าได้ ???”อัลเฟร็ดพูดอย่างผู้เหนือกว่า ใช้แรงเพียงนิดเดียว มีดเล่มเล็กก็ลอยขึ้นกลางอากาศ และตกลงไปในสระน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขามากนัก
แองกัสรู้สึกว่าทุกอย่างผิดไปจากที่เธอคิด ก็ตอนแรก ผู้ชายคนนี้ยังทำหน้าตื่นกลัวอยู่เลย ก็แล้วตอนนี้เขากลับยิ้มหน้าระรื่นอย่างผู้ชนะ แถมเธอยังต้องมาอยู่ในสภาพที่ตกเป็นรองอีก
“เจ้าชื่ออะไร ??” ผู้ชายคนนั้นถามเสียงเรียบ ก่อนใช้แขนอีกข้างหนึ่งดันปลายคางของเธอขึ้นมากพอที่จะทำให้เธอไม่สามารถก้มลงมากัดแขนของเขาได้
“ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า !” เด็กสาวกัดฟันตอบเสียงเครียด
“คิดว่าข้าไม่กล้าหักคอเจ้ารึยังไง ..แค่ข้าออกแรงนิดเดียว เจ้าก็จะตายทันที...จะเอายังไงล่ะ ?” อัลเฟร็ดขู่อย่างนึกสนุก ก่อนจะแอบหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ
“ข้าขอยอมตาย ดีกว่าบอกทุกอย่างกับเจ้า !”
ช่างเป็นอิสตรีที่เด็ดเดี่ยวและน่านับถืออะไรเช่นนี้ ดูจากอายุของนาง ก็คงพอ ๆ กับเขานั่นแหละ แต่กลับมีความกล้ามากกว่าที่คิด
“ทำอย่างกับข้ากำลังขู่เอาความลับสำคัญกับเจ้าอย่างนั้นแหละ ..บอกมาดีกว่าน่า อย่าลืมสิว่าข้าเป็นผู้ชาย ...ทำอย่างอื่นได้มากกว่าการฆ่าเจ้าอีกนะ” เด็กหนุ่มยังไม่เลิกคิดที่จะแหย่อีกฝ่ายเล่น ประโยคหลังอัลเฟร็ดกระซิบเสียงเย็นที่ข้างใบหูของแองกัส ทำเอาเธอขนลุกซู่ จำต้องตอบออกมาในที่สุด
“ข้าชื่อ...แองกัส ...”
“ชื่อเจ้าเหมือนผู้ชาย..” อัลเฟร็ดทำหน้าแปลกใจ
“ใช่ ! แล้วทำไม ??”
“เปล่าก็แค่ ...ข้าชอบชื่อเจ้า ใครเป็นคนตั้งให้ ??”
“เจ้าจะถามข้าอีกซักกี่คำถามเชียว !!!” เด็กสาวตอบกลับเสียงเขียว เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มจะถามเซ้าซี้มากเกินไปแล้ว
และเธอก็ต้องอดแปลกใจไม่ได้ เมื่อเขาค่อย ๆ ปล่อยแขนออกจากการจับกุมตัวเธอไว้
“อะไรกัน ทำหน้าสงสัยแบบนั้น ??” อัลเฟร็ดยิ้มทะเล้น
“เจ้า...ไม่ทำอะไรข้าเหรอ เช่น ฆ่าทิ้งแล้วโยนลงน้ำ อะไรแบบนั้น ??”
“ข้าไม่ใช่พวกคนไม่ดีซะหน่อย”
ความคิดเห็น