คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Only you ; Chapter 1
Only you ; Chapter 1
นักศึกษาใหม่ทุกคน แยกกันไปรวมตัวกันที่ตึกคณะของตัวเอง
เสียงประกาศดังขึ้นก้องทั่วมหาวิทยาลัย ทำให้เด็กปีหนึ่งที่มาใหม่แต่ละคนต่างแตกตื่นหาตึกของตัวเอง ไม่ต่างจากผมที่พึ่งจะเปิดเทอม เลยทำให้เบลอๆอยู่บ้าง
“เห้ ลู่หานนนน !!”
เสียงทักชื่อผมดังมาแต่ไกล ผมหันไปทางต้นเสียง และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใคร คนที่ผมสนิทที่สุดนั่นเอง
“อ่าวว ซิวหมิน”
ผมทักตอบกลับไปทันที ชายแก้มตุ่ยรีบวิ่งมาทางผม ก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งล๊อคคอผมไว้เหมือนการหยอกล้อเล่นธรรมดาของพวกเรา ซิ่วหมินอาจไม่คิดอะไร แต่ใจผมนั้นเต้นแรงจนจะกระเด็นออกมาจากอก
“ไม่ได้เจอตั้งนาน เป็นไงบ้างหว่ะ ??”
หลังจากปิดเทอมสี่เดือนที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้ติดต่อเขาเลย และเขาก็ไม่ได้ติดต่อผมด้วย จึงทำให้ไม่รู้ว่าปิดเทอมนี้ซิ่วหมินได้ไปทำอะไรมาบ้าง
“ก็สบายดีอ่ะ แค่เบื่อๆ เปิดเทอมมาค่อยดีหน่อย มาเจอพวกเพื่อนๆด้วย แล้วมึงอ่ะ เป็นไงบ้าง”
เขาถามผมกลับ
“ก็เหมือนมึงแหละ สบายดี”
ผมพูดพร้อมส่งรอยยิ้มเล็กๆไปให้
“เอออ งั้นรีบไปกันที่ตึกกันเถอะ ไปดูหน้าเด็กใหม่ด้วย”
ผมพยักหน้าแล้วเดินตามเพื่อนสุดที่รักไป (ตัดคำว่าเพื่อนออกได้ไหม ? -/////-)
ไม่นานนักเราก็เดินมาถึงหน้าตึกขนาดใหญ่ คณะมนุษย์ศาสตร์ ผมเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้น นักศึกษาใหม่นั่งเต็มพื้นที่ไปหมด ผมกวาดตามองไปรอบๆเพื่อพิจารณาความดูดีของแต่ละคน แต่ผมก็ต้องไปสะดุดตากับชายร่างสูงคนนึง ผมไม่ได้สะดุดตาเพราะเขาหล่อหรือพิศวาสในตัวเขาหรอกน่ะ แต่ที่ผมต้องรีบหยุดมองในตอนนั้นเพราะชายร่างสูงคนนั้น คือคนที่ผมเดินชนไปเมื่อเช้านี้ และถ้าไม่ทันสังเกตผมก็จะไม่รู้เลยว่าเขาก็มองผมอยู่เหมือนกัน
“อยู่คณะเดียวกับเราหรอเนี่ย” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะรีบเดินไปรวมตัวกันฝั่งที่รุ่นพี่ยืนเรียงกันอยู่
“อ่าว !!! เงียบๆกันหน่อย”
เสียงของประธานคณะดังขึ้น ทำให้ความโหวกเหวกโวยวายเมื่อกี้หายไปทันที นักศึกษาทุกคนต่างมองไปที่ประธานเป็นสายตาเดียวกัน
“เอาหล่ะ ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่ทุกคนสู่สถานที่ใหม่ เพื่อนใหม่ รุ่นพี่ใหม่และบรรยากาศใหม่ๆ”
เริ่มมีเสียงซุบซิบดังขึ้นมาอีกครั้ง
“หลายคนอาจยังไม่รู้จักกฎของคณะเรา คณะเรามีกฎอยู่สองข้อ ข้อแรกต้องเชื่อฟังรุ่นพี่เสมอ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ส่วนข้อสอง …”
เขาเว้นช่วงให้ลุ้นสักพัก
“ห้ามแหกกฎข้อที่หนึ่ง”
เสียงของนักศึกษาดังยิ่งขึ้นไปอีก
“ตอนนี้ก็ถึงเวลาสักที กิจกรรมที่ไม่ว่ากี่ปีกี่สมัยมาคณะเราต้องทำประจำ นั่นคือการจับพี่รหัส”
กล่องใบนึงถูกวางไว้ข้างหน้าแถวของนักศึกษาทุกคนต่างจ้องไปที่กล่องใหญ่ใบนั้น
“ทีนี้ให้ลุกขึ้นทีละแถวแล้วเดินมาล้วงรายชื่อของรุ่นพี่ เสร็จแล้วเก็บเอาไว้จนกว่าจะถึงวันเฉลย ใครที่หารุ่นพี่ของตัวเองไม่เจอ จะโดนทำโทษ !!”
นิสิตแต่ละคนขึ้นแล้วเดินไปจับชื่อรุ่นพี่ของตัวเองก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อนไปตามอัธยาศัย ในใจผมได้แต่ภาวนาให้รุ่นน้องที่จับได้ผมดูดีและน่ารักหน่อยๆเถอะ -3-
“ลู่หาน นายคิดว่าน้องรหัสนายจะเป็นใคร” ซิวหมิ่นที่เงียบอยู่นานสะกิดผม สายตายังคงจ้องไปที่รุ่นน้องที่เรียงแถวจับชื่อพี่รหัสอยู่
“ไม่รู้สิ” สายตาผมจ้องไปที่ชายร่างสูง คนที่ผมเดินชนไป ดูเหมือนเขาจะจับชื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ไม่แน่ นายอาจได้น้องรหัสเป็นคนนั้นก็ได้น่ะเว้ยย” เพื่อนสุดที่รักของผมชี้ไปทางเด็กใหม่ที่ใส่แว่นหน้าเตอะ สิวเขอะเต็มหน้าไปหมด เดินโซซัดโซเซไปมา ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กเรียน -…-‘ เอิ่มมมม …
“ไม่เอาอ่ะ ถ้าได้ฉันยกให้เป็นน้องรหัสนายดีกว่า” ไม่ไหวหรอกคับ ผมอยากได้น้องรหัสที่ดูดี ที่เข้ากับผมสักหน่อย
น่าจะมีเพื่อนรหัสเนอะ ผมจะขอให้จับได้สุดที่รักผม เอ้ย!! เพื่อนสุดที่รักผมเป็นคนแรกเลย >3<
หลังจากการจับพี่รหัสผ่านไปเรียบร้อยทุกคนแล้ว รุ่นพี่ก็ต่างพากันแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว บ้างก็รับประทานอาหาร บ้างก็เดินไปทักทายเซไฮกับรุ่นน้อง ส่วนผมกับซิ่วหมินก็พากันไปนั่งที่โต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้ ที่เก่าที่เดิมที่ทุกครั้งเมื่อว่างเราจะมานั่งตรงนี้กัน
หลายคนคงสงสัยใช่ม้า ว่าทำไมผมจึงอยู่กับแต่ซิ่วหมินไม่มีเพื่อนคนอื่นหรอ ? ผมมีคับ มีเยอะด้วย แต่ส่วนมากอยู่คนล่ะคณะกัน ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ส่วนเพื่อนที่อยู่ในคณะเดียวกับผมก็มีอยู่ไม่กี่คนหรอก ก็มีซิ่วหมิน และซูโฮประธานของคณะมนุษย์ศาสตร์ และเพื่อนผมในคณะอื่นก็มีแบคฮยอน ชานยอล เอ่อ … ดูเหมือนว่าจะเท่ากัน = =? เวลาว่างเราค่อยมารวมตัวกันคุยเรื่องนู่นเรื่องนี่ แต่ตอนนี้ยังคงไม่ว่างเท่าไหร่ พวกเราเลยไม่ได้รวมตัวกัน และตอนปิดเทอมก็ไม่ได้เจอกันเลยด้วย -____-‘
หวังว่าคงยังไม่ลืมหน้ากัน
“ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วเนอะ” อยู่ๆซิ่วหมินก็พูดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบ
“ใช่ๆ” ผมพยักหน้าไปสองสามครั้ง
“ถ้าเราเกิดจบกันไป เราจะเจอกันอย่างนี้อีกรึป่าวหว่ะ”
เขาพูดก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้ผม ปากบางอมชมพูนั่น หน้าขาวใสที่ใครมองก็ต้องหลงใหล
ตึก ตึก…
เอาอีกแล้วไง ต้องเป็นอย่างนี้ทุกที ซิ่วหมินทำท่าทางแบบนี้ทีไร หัวใจผมมันต้องเต้นแรงทุกครั้ง นี่อยู่ด้วยกันมาสี่ปีแล้ว ทำไมยังไม่ชินอีกน้าลู่หานนน …
“ดะ .. ได้สิ เราได้เจอกันอยู่แล้วหล่ะ”
ผมยิ้มตอบกลับเขา
เรานั่งพูดคุยกันเรื่องนู่นเรื่องนี่หลังจากไม่ได้เจอกันนานเพราะปิดเทอมที่แสนยาวเหยียด
“อะแฮ่ม!!”
การสนทนาของเราถูกขัดด้วยเสียงของใครบางคน ผมหันไปมองด้วยความสงสัย
“แบคฮยอน ชานยอล !!”
ผมตะโกนออกมาทันที ไม่ใช่อะไรน่ะคับ ผมดีใจไง ไม่เจอกันนาน สองคนนี้คบกับผมมาตั้งแต่ผมอยู่มอหนึ่งจนตอนนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เพื่อนไม่มีวันตายจริงๆ -_-‘
“มานั่งเลยมาๆ ไม่ได้เอาตูดมาหรอยังไง” ผมรีบเชื้อเชิญให้สองคนที่ลักษณะเหมือนเป็นริดสีดวง = =; จริงๆคือมันไม่ได้เป็นกันหรอกครับ ผมแค่เห็นมันไม่นั่งลงเฉยๆ
“โห มาถึงก็พูดงี้เลยอ๋อออ” หนุ่มร่างเล็กทำหน้างอคอตกเหมือนหมาอดอาหารมาสามปี =w=
“โถ่ ล้อเล่นน่า รีบๆนั่งเร็ว”
กว่าจะนั่งลงกันได้ - -; คิดว่าไม่ได้เอาตูดมากันจริงๆซ่ะแล้ว
“เป็นไงปิดเทอม ไปไหนกันมาบ้าง” ผมเริ่มการสนทนาต่อทันที
“ไม่ได้ไปไหนเลยหว่ะ อยู่แต่กับไอหมาหงอยเนี่ยอะดิ” ชานยอลหนุ่มร่างสูงพูดพร้อมกับทำปากบู้บี้ไปหาคนที่นั่งข้างๆ
“แหมมม ยังรักกันดีไม่เป็นเลยน้า” ซิ่วหมินที่เงียบอยู่นานเริ่มแซวสองคนที่อยู่ตรงหน้า
ใช่คับ แบคฮยอนกับชานยอลคบหาดูใจกันตั้งแต่มอหกแล้วคับ และดูเหมือนว่าแบคฮยอนจะติดชานยอลเอามากๆ นี่ยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผมอยากคบกับซิ่วหมินมาก ผมอยากมีคนที่ดูแลเอาใจใส่เหมือนแบคฮยอนเขาบ้าง
“ก็นิดนึง แต่อีกสักพักคงเลิกล่ะ เพราะตอนนี้สนใจน้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่คนนึง”
ร่างสูงทำหน้าตาแหย่คนร่างเล็กที่ตอนนี้ดูเหมือนจะงอลจนหน้าเป็นตูด =______________=’ ตูด ?
“โถ่ๆๆๆ ล้อเล่นหน่า เค้าจะไปรักใครที่ไหนได้ ในเมื่อเค้ามีน้องหมาที่เค้ารักอยู่ทั้งคนแล้ว” เขาพูดจบก็ยื่นปากไปแตะแก้มที่นุ่มนวลตรงหน้า ทำให้เกิดเป็นสีแดงฝาดๆ จนรู้เลยว่าตอนนี้ไอแบคเพื่อนผมนี่มันต้องเขินมากแน่ๆ
“บ้า ทำอะไรคนอยู่เต็มไปหมด ไม่อายหรอไง” ร่างเล็กที่ตอนแรกหน้าเป็นตูดตอนนี้เปลี่ยนสีหน้าทันที
“จะไปแคร์ทำไม บนโลกนี้มีแค่เราสองคน”
เอ้อออ ไม่จบ ผมเห็นกริยาท่าทางของสองคนตรงหน้า ทำให้ผมยิ่งเขินไปด้วย แต่ผมว่าชานยอลนี่ก็เสี่ยวไปน่ะ - -‘ เอิ่ม บนโลกนี้มีแค่เราสองคน เอ้ออออ คิดได้ๆ ..
ผ่านไปห้านาที …
ผ่านไปสิบนาที..
ผ่านไปสิบห้านาที..
ผมนั่งดูความเลี่ยนของสองคนตรงหน้าอยู่นาน … อย่างที่มันว่าแหละ บนโลกนี้มีแค่มันสองคน - -; คือคุณพวกมึงเจอหน้ากันแทบทุกวันแล้ว ไม่คิดจะคุยกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันสี่เดือนตรงนี้เลยหรอ ?! เห้อออ . .
“เออๆๆ งั้นพวกกูไปก่อนน่ะเว้ย ต้องไปทำกิจกรรมที่คณะ ไว้เจอกันหลังเลิกเรียน” แล้วมันก็วิ่งกันไปสองคน
เอิ่ม .. แล้วพวกมึงจะมาหากูทำพระแสงเลเซอร์อะไร ?? หมั่นไส้จริงๆ ไม่เคยสนใจเพื่อนหรอกเชอะ
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ ต้องทำกิจกรรมของคณะเราเหมือนกันน่ะ” ซิ่วหมินพูดขึ้นหลังจากที่เราหยุดให้สองคนนั้นคุยกันเสร็จจนลุกออกไป
“อืม” ผมหันไปตอบกลับเขาแล้วเราก็ลุกขึ้นเพื่อเดินไปยังตึกคณะมนุษย์ศาสตร์
“ก่อนที่เราจะเรียนคณะนี้ได้ เราต้องรู้จักกันก่อน ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง ต้องรักกันให้เหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ!! ในเมื่อมาอยู่ที่เดียวกันแล้ว ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราก็ต้องรู้จักเคารพและรักกันให้มาก !! เริ่มจากให้รุ่นพี่และรุ่นน้องจับคู่กัน!!!”
สิ้นเสียงประธานคณะ ความโกลาหนภายในอาคารได้เกิดขึ้นทุกคนต่างวิ่งหาคู่ของตัวเอง แต่มันลำบากตรงที่คู่ของเราต้องเป็นรุ่นน้อง ซึ่งเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ผมหันหน้าไปซิ่วหมิน ซึ่งตอนนี้ …. หายไปแล้ว !!!!!!
ผมมองหาซิ่วหมินไปทั่วทุกทิศ แต่ความวุ่นวายข้างหน้าทำให้ผมไม่สามารถมองหาเพื่อนสุดที่รักของผมได้เลย ยิ่งใส่ยูนิฟอร์มเหมือนกันอย่างนี้แล้ว ยิ่งหายากเข้าไปอีก
“ใครจับคู่ได้แล้วนั่งลง !! และให้รุ่นน้องแนะนำตัวให้รุ่นพี่ฟัง แต่รุ่นพี่ไม่ต้องแนะนำตัว เอาไว้วันประกาศพี่รหัสค่อยแนะนำ !!” จากนั้นทุกคนต่างพากันนั่งลง
โดยที่ผมยังหารุ่นน้องไม่ได้เลย TT !!!!
ไม่ทันไรก็มีมือหนึ่งคว้าแขนผมให้นั่ง ผมรีบหันไปมองเจ้าของมือนั้น
“นะ .. นายย” ใช่แล้วคับ เขาคือคนที่ผมเดินชนเมื่อเช้า
“สวัสดีคับพี่ ก่อนอื่นผมต้องขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้ขอโทษพี่เมื่อเช้า แต่ไหนๆพี่ก็ขอโทษผมแล้ว งั้นตอนนี้ผมยกโทษให้คับ ผมไม่โกรธพี่หรอกคับ ในเมื่อมันเป็นแค่อุบัติเหตุ วันหลังพี่ก็ระวังๆหน่อยแล้วกันน่ะคับ อย่าไปเดินชนใครอีก แต่ถ้าจะชนอะ ชนผมคนเดียวพอ”
อึนสิคับ อึนเลยย เมื่อเช้าเห็นเงียบๆ … ไม่คิดว่าจะพูดมากขนาดนี้ และคำพูดยังแปลกๆ ชนผมคนเดียว(?) แล้วมันยังสั่งสอนผมอีก ! นี่ทั้งบังคับและสั่งสอนเลยน่ะเนี่ยยย อือหือออ พูดไม่ดูรุ่น =0=
“เอ่ออ ……. ”
“อ่ออ ผมลืม ผมชื่อเซฮุนคับ โอเซฮุน หรือพี่จะเรียกผมว่าเซฮุนนาก็ได้น่ะคับ งั้นผมขอเรียกพี่ว่าฮยองแล้วกันน่ะ ฮยองๆๆๆ”
นั่น ยังไม่หยุด
“อืมๆๆๆ เรียกอะไรก็เรียกเหอะ” ผมตอบออกไปห้วนๆ เพราะไม่มีความต้องการจะคุยกับคนตรงหน้าเท่าไหร่”
“เอาหล่ะ หลังจากทำความรู้จักกันแล้ว ให้แลกเบอร์กันไว้เผื่อต้องติดต่อกันเวลารุ่นน้องมีปัญหาอะไรให้โทรหารุ่นพี่ที่ได้เบอร์ไปวันนี้ได้!!” เอ่อออ … แลกเบอร์??? ไอซูโฮเอาอะไรมาคิดเนี่ย ??
“091xxxxxxxxx” เสียงข้างๆพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เอ่อออ ใครขอนาย !!??
“แล้วเบอร์ฮยองหล่ะ ??” เห้ออ จริงๆผมไม่ได้อยากให้ไอเด็กคนนี้หรอก และผมก็ไม่ได้เมมเบอรืไอเด็กนี่ไว้ด้วย แต่ในเมื่อเราเป็นรุ่นพี่มันก็ทำตามกฏเนอะ
“090xxxxxxxxx” คนตรงหน้ารีบควักโทรศัพท์ขึ้นมากดอย่างรวดเร็ว
“ฮยองไม่เมมเบอร์ผมหรอฮ่ะ ?” เหมือนจะจับไต๋ได้ - -;
“เมมไปแล้ว นายมองไม่เป็นเอง” ผมตอบห้วนๆไปอีก
“ดีจังเลยน่ะฮ่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรฮยองโทรหาผมได้เสมอน่ะ” เออ นี่มันโง่หรือโง่เนี่ย ?? มันเห็นผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดแล้วหรอไง = =; แต่ก็ดีและที่มันจับไม่ได้
ผ่านไปชั่วโมงกว่า หลังจากกิจกรรมได้เสร็จสิ้นลง ผมรีบลุกออกมาจากเด็กบ้านั่นโดยไม่เอ่ยลาสักคำ เอาจริง เซฮุนไรเนี่ยพูดมากชะมัด ถามนู้นถามนี่อยู่ได้ เพลียย ;l
“ซิ่วหมินนายรีบกลับรึป่าว ? ไปดูหนังกัน” ผมรีบชวนเนื่องจากปิดเทอมที่ผ่านมาผมไมได้ดูหนังเลย และอีกอย่างผมอยากดูหนังกับซิ่วหมินด้วยแหละ
“ได้สิๆๆ ชวนพวกซูโฮไปดูกันด้วย” เอิ่มม .. คือประเด็นผมอยากไปดูกับซิ่วหมินแค่สองคนไง แต่ก็ไม่เป็นไร ผมก็คิดถึงเพื่อนๆที่ไม่ได้เจอกันนานเหมือนกันนั่นแหละ
“โอเคๆ”
ผมรีบวิ่งไปหาซูโฮเพื่อชวนไปดูหนังวันนี้ด้วยกัน และซูโฮก็ตอบตกลง ผมวิ่งไปที่ตึกคณะนิเทศ เพื่อไปหาไอสองคู่รักที่ในโลกนี้มีแค่มันสองคน - -;
“เห้ยยย ไอแบคไอยอล ไปดูหนังกันป่าววว ???” ผมรีบถามทันทีเมื่อเจอมัน ดูเหมือนกำลังสวีทกันอยู่
“ขอโทษน่ะมึง เย็นนี้พวกกูไปดินเน่อกัน” เอิ่มม … สนใจเพื่อนบ้าง!!!!
“เออๆๆๆๆ งั้นวันหลังค่อยไปดูด้วยกัน พวกมึงไปกันเหอะ เดี๋ยวกูไปดูกับซิ่วหมินและซูโฮก็ได้” ความจริงในใจคือผมก็รู้สึกดีใจน่ะที่พวกมันไปไม่ได้ แต่จะให้ดีกว่านี้ ซูโฮน่าจะไปไม่ได้ด้วย = =]
ผมเดินกลับไปตึกคณะตัวเองเพื่อไปหาซิ่วหมินและซูโฮที่กำลังจัดเก็บอุปกรณ์และของที่ทำกิจกรรมในวันนี้กันเสร็จ
ผมนั่งรถสุดหรูมากับซิวหมิ่น โดยที่มีซูโฮขับตามข้างหลัง คือทั้งน้องเปาและป๋าโฮมีรถเป็นของตัวเองโดยที่ผมยังไม่มี ม่ามี๊ไม่ยอมซื้อให้ T^T
อย่างแรกที่ผมทำเมื่อมาถึงโรงหนังคือเช็ครอบหนังและมองหาเรื่องที่น่าดูทันที
เพราะว่าในทุกครั้ง ที่กลับมายังที่ตรงนี้ ไม่เคยมีสักทีที่ใจ *
เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นผมควักขึ้นมาทันทีก่อนที่จะรีบกดรับโดยไม่ทันมองว่าเป็นเบอร์ของใคร
“ฮัลโหลฮยองง !!”
เสียงนี่มัน ….
“อะไรของนาย !! โทรมาทำไม ฉันไม่ว่าง !”
“ไม่ว่างอะไรหล่ะ เมื่อไหร่จะกลับมาที่บ้านของเราเนี่ยยยฮยอง ????? แม่ของฮยองบอกให้รีบกลับมาน่ะ”
ห้ะ !!!!???? บ้านของเรา ? แม่ของผม ?
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบแล้วสำหรับตอนแรก เป็นไงสนุกกันไหมเอ่ยยย ?????? ไรท์พยายามแต่งให้สนุกที่สุดแล้วน้าาาา T^T
ยังไงก็ติดตามด้วยเนอะ ติดตามไปจนถึงตอนสุดท้ายกันเลยยย รับรองว่าสนุกและทำน้ำตาแตกได้แน่
ช่วยแสดงความคิดเห็นกันด้วยเน้อออ
เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างผลงานต่อไป ..
ความคิดเห็น