ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Only you [fiction HUNHAN]

    ลำดับตอนที่ #2 : Only you ; Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 56


    Only you ; Chapter 1

     

     

     

     

    นักศึกษาใหม่ทุกคน แยกกันไปรวมตัวกันที่ตึกคณะของตัวเอง

     

    เสียงประกาศดังขึ้นก้องทั่วมหาวิทยาลัย ทำให้เด็กปีหนึ่งที่มาใหม่แต่ละคนต่างแตกตื่นหาตึกของตัวเอง ไม่ต่างจากผมที่พึ่งจะเปิดเทอม เลยทำให้เบลอๆอยู่บ้าง

    เห้ ลู่หานนนน !!”

    เสียงทักชื่อผมดังมาแต่ไกล ผมหันไปทางต้นเสียง และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใคร คนที่ผมสนิทที่สุดนั่นเอง

    อ่าวว ซิวหมิน

    ผมทักตอบกลับไปทันที ชายแก้มตุ่ยรีบวิ่งมาทางผม ก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งล๊อคคอผมไว้เหมือนการหยอกล้อเล่นธรรมดาของพวกเรา ซิ่วหมินอาจไม่คิดอะไร แต่ใจผมนั้นเต้นแรงจนจะกระเด็นออกมาจากอก

    ไม่ได้เจอตั้งนาน เป็นไงบ้างหว่ะ ??

    หลังจากปิดเทอมสี่เดือนที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้ติดต่อเขาเลย และเขาก็ไม่ได้ติดต่อผมด้วย จึงทำให้ไม่รู้ว่าปิดเทอมนี้ซิ่วหมินได้ไปทำอะไรมาบ้าง

    ก็สบายดีอ่ะ แค่เบื่อๆ เปิดเทอมมาค่อยดีหน่อย มาเจอพวกเพื่อนๆด้วย แล้วมึงอ่ะ เป็นไงบ้าง

    เขาถามผมกลับ

    ก็เหมือนมึงแหละ สบายดี

    ผมพูดพร้อมส่งรอยยิ้มเล็กๆไปให้

    เอออ งั้นรีบไปกันที่ตึกกันเถอะ ไปดูหน้าเด็กใหม่ด้วย

    ผมพยักหน้าแล้วเดินตามเพื่อนสุดที่รักไป (ตัดคำว่าเพื่อนออกได้ไหม ? -/////-)

     

    ไม่นานนักเราก็เดินมาถึงหน้าตึกขนาดใหญ่ คณะมนุษย์ศาสตร์ ผมเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้น นักศึกษาใหม่นั่งเต็มพื้นที่ไปหมด ผมกวาดตามองไปรอบๆเพื่อพิจารณาความดูดีของแต่ละคน แต่ผมก็ต้องไปสะดุดตากับชายร่างสูงคนนึง ผมไม่ได้สะดุดตาเพราะเขาหล่อหรือพิศวาสในตัวเขาหรอกน่ะ แต่ที่ผมต้องรีบหยุดมองในตอนนั้นเพราะชายร่างสูงคนนั้น คือคนที่ผมเดินชนไปเมื่อเช้านี้ และถ้าไม่ทันสังเกตผมก็จะไม่รู้เลยว่าเขาก็มองผมอยู่เหมือนกัน

    อยู่คณะเดียวกับเราหรอเนี่ยผมพูดกับตัวเองก่อนจะรีบเดินไปรวมตัวกันฝั่งที่รุ่นพี่ยืนเรียงกันอยู่

     

    อ่าว !!! เงียบๆกันหน่อย

    เสียงของประธานคณะดังขึ้น ทำให้ความโหวกเหวกโวยวายเมื่อกี้หายไปทันที นักศึกษาทุกคนต่างมองไปที่ประธานเป็นสายตาเดียวกัน

    เอาหล่ะ ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่ทุกคนสู่สถานที่ใหม่ เพื่อนใหม่ รุ่นพี่ใหม่และบรรยากาศใหม่ๆ

    เริ่มมีเสียงซุบซิบดังขึ้นมาอีกครั้ง

    หลายคนอาจยังไม่รู้จักกฎของคณะเรา คณะเรามีกฎอยู่สองข้อ ข้อแรกต้องเชื่อฟังรุ่นพี่เสมอ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ส่วนข้อสอง …”

    เขาเว้นช่วงให้ลุ้นสักพัก

    ห้ามแหกกฎข้อที่หนึ่ง

    เสียงของนักศึกษาดังยิ่งขึ้นไปอีก

    ตอนนี้ก็ถึงเวลาสักที กิจกรรมที่ไม่ว่ากี่ปีกี่สมัยมาคณะเราต้องทำประจำ นั่นคือการจับพี่รหัส

    กล่องใบนึงถูกวางไว้ข้างหน้าแถวของนักศึกษาทุกคนต่างจ้องไปที่กล่องใหญ่ใบนั้น

    ทีนี้ให้ลุกขึ้นทีละแถวแล้วเดินมาล้วงรายชื่อของรุ่นพี่ เสร็จแล้วเก็บเอาไว้จนกว่าจะถึงวันเฉลย ใครที่หารุ่นพี่ของตัวเองไม่เจอ จะโดนทำโทษ !!”

    นิสิตแต่ละคนขึ้นแล้วเดินไปจับชื่อรุ่นพี่ของตัวเองก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อนไปตามอัธยาศัย ในใจผมได้แต่ภาวนาให้รุ่นน้องที่จับได้ผมดูดีและน่ารักหน่อยๆเถอะ -3-

    ลู่หาน นายคิดว่าน้องรหัสนายจะเป็นใครซิวหมิ่นที่เงียบอยู่นานสะกิดผม สายตายังคงจ้องไปที่รุ่นน้องที่เรียงแถวจับชื่อพี่รหัสอยู่

    ไม่รู้สิสายตาผมจ้องไปที่ชายร่างสูง คนที่ผมเดินชนไป ดูเหมือนเขาจะจับชื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    ไม่แน่ นายอาจได้น้องรหัสเป็นคนนั้นก็ได้น่ะเว้ยยเพื่อนสุดที่รักของผมชี้ไปทางเด็กใหม่ที่ใส่แว่นหน้าเตอะ สิวเขอะเต็มหน้าไปหมด เดินโซซัดโซเซไปมา ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กเรียน -…-‘ เอิ่มมมม

    ไม่เอาอ่ะ ถ้าได้ฉันยกให้เป็นน้องรหัสนายดีกว่าไม่ไหวหรอกคับ ผมอยากได้น้องรหัสที่ดูดี ที่เข้ากับผมสักหน่อย

    น่าจะมีเพื่อนรหัสเนอะ ผมจะขอให้จับได้สุดที่รักผม เอ้ย!! เพื่อนสุดที่รักผมเป็นคนแรกเลย >3<

     

     


    หลังจากการจับพี่รหัสผ่านไปเรียบร้อยทุกคนแล้ว รุ่นพี่ก็ต่างพากันแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว บ้างก็รับประทานอาหาร บ้างก็เดินไปทักทายเซไฮกับรุ่นน้อง ส่วนผมกับซิ่วหมินก็พากันไปนั่งที่โต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้ ที่เก่าที่เดิมที่ทุกครั้งเมื่อว่างเราจะมานั่งตรงนี้กัน


     

    หลายคนคงสงสัยใช่ม้า ว่าทำไมผมจึงอยู่กับแต่ซิ่วหมินไม่มีเพื่อนคนอื่นหรอ ? ผมมีคับ มีเยอะด้วย แต่ส่วนมากอยู่คนล่ะคณะกัน ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ส่วนเพื่อนที่อยู่ในคณะเดียวกับผมก็มีอยู่ไม่กี่คนหรอก ก็มีซิ่วหมิน และซูโฮประธานของคณะมนุษย์ศาสตร์ และเพื่อนผมในคณะอื่นก็มีแบคฮยอน ชานยอล เอ่อ ดูเหมือนว่าจะเท่ากัน = =? เวลาว่างเราค่อยมารวมตัวกันคุยเรื่องนู่นเรื่องนี่ แต่ตอนนี้ยังคงไม่ว่างเท่าไหร่ พวกเราเลยไม่ได้รวมตัวกัน และตอนปิดเทอมก็ไม่ได้เจอกันเลยด้วย -____-‘

    หวังว่าคงยังไม่ลืมหน้ากัน

     

    ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วเนอะอยู่ๆซิ่วหมินก็พูดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบ

    ใช่ๆผมพยักหน้าไปสองสามครั้ง

    ถ้าเราเกิดจบกันไป เราจะเจอกันอย่างนี้อีกรึป่าวหว่ะ

    เขาพูดก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้ผม ปากบางอมชมพูนั่น หน้าขาวใสที่ใครมองก็ต้องหลงใหล

     

    ตึก ตึก

    เอาอีกแล้วไง ต้องเป็นอย่างนี้ทุกที ซิ่วหมินทำท่าทางแบบนี้ทีไร หัวใจผมมันต้องเต้นแรงทุกครั้ง นี่อยู่ด้วยกันมาสี่ปีแล้ว ทำไมยังไม่ชินอีกน้าลู่หานนน

    ดะ .. ได้สิ เราได้เจอกันอยู่แล้วหล่ะ

    ผมยิ้มตอบกลับเขา

     

    เรานั่งพูดคุยกันเรื่องนู่นเรื่องนี่หลังจากไม่ได้เจอกันนานเพราะปิดเทอมที่แสนยาวเหยียด

    อะแฮ่ม!!”

    การสนทนาของเราถูกขัดด้วยเสียงของใครบางคน ผมหันไปมองด้วยความสงสัย

    แบคฮยอน ชานยอล !!”


    ผมตะโกนออกมาทันที ไม่ใช่อะไรน่ะคับ ผมดีใจไง ไม่เจอกันนาน สองคนนี้คบกับผมมาตั้งแต่ผมอยู่มอหนึ่งจนตอนนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ เพื่อนไม่มีวันตายจริงๆ -_-‘


    มานั่งเลยมาๆ ไม่ได้เอาตูดมาหรอยังไงผมรีบเชื้อเชิญให้สองคนที่ลักษณะเหมือนเป็นริดสีดวง = =;  จริงๆคือมันไม่ได้เป็นกันหรอกครับ ผมแค่เห็นมันไม่นั่งลงเฉยๆ


    โห มาถึงก็พูดงี้เลยอ๋อออหนุ่มร่างเล็กทำหน้างอคอตกเหมือนหมาอดอาหารมาสามปี =w=


    โถ่ ล้อเล่นน่า รีบๆนั่งเร็ว

    กว่าจะนั่งลงกันได้ - -; คิดว่าไม่ได้เอาตูดมากันจริงๆซ่ะแล้ว


    เป็นไงปิดเทอม ไปไหนกันมาบ้างผมเริ่มการสนทนาต่อทันที


    ไม่ได้ไปไหนเลยหว่ะ อยู่แต่กับไอหมาหงอยเนี่ยอะดิชานยอลหนุ่มร่างสูงพูดพร้อมกับทำปากบู้บี้ไปหาคนที่นั่งข้างๆ

    แหมมม ยังรักกันดีไม่เป็นเลยน้าซิ่วหมินที่เงียบอยู่นานเริ่มแซวสองคนที่อยู่ตรงหน้า

    ใช่คับ แบคฮยอนกับชานยอลคบหาดูใจกันตั้งแต่มอหกแล้วคับ และดูเหมือนว่าแบคฮยอนจะติดชานยอลเอามากๆ นี่ยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผมอยากคบกับซิ่วหมินมาก ผมอยากมีคนที่ดูแลเอาใจใส่เหมือนแบคฮยอนเขาบ้าง

    ก็นิดนึง แต่อีกสักพักคงเลิกล่ะ เพราะตอนนี้สนใจน้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่คนนึง

    ร่างสูงทำหน้าตาแหย่คนร่างเล็กที่ตอนนี้ดูเหมือนจะงอลจนหน้าเป็นตูด =______________=’ ตูด ?

    โถ่ๆๆๆ ล้อเล่นหน่า เค้าจะไปรักใครที่ไหนได้ ในเมื่อเค้ามีน้องหมาที่เค้ารักอยู่ทั้งคนแล้วเขาพูดจบก็ยื่นปากไปแตะแก้มที่นุ่มนวลตรงหน้า ทำให้เกิดเป็นสีแดงฝาดๆ จนรู้เลยว่าตอนนี้ไอแบคเพื่อนผมนี่มันต้องเขินมากแน่ๆ

    บ้า ทำอะไรคนอยู่เต็มไปหมด ไม่อายหรอไงร่างเล็กที่ตอนแรกหน้าเป็นตูดตอนนี้เปลี่ยนสีหน้าทันที

    จะไปแคร์ทำไม บนโลกนี้มีแค่เราสองคน

    เอ้อออ ไม่จบ ผมเห็นกริยาท่าทางของสองคนตรงหน้า ทำให้ผมยิ่งเขินไปด้วย แต่ผมว่าชานยอลนี่ก็เสี่ยวไปน่ะ - -‘ เอิ่ม บนโลกนี้มีแค่เราสองคน เอ้ออออ คิดได้ๆ ..

     

    ผ่านไปห้านาที

     

     

    ผ่านไปสิบนาที..

     

     

    ผ่านไปสิบห้านาที..

     

     

    ผมนั่งดูความเลี่ยนของสองคนตรงหน้าอยู่นาน อย่างที่มันว่าแหละ บนโลกนี้มีแค่มันสองคน - -; คือคุณพวกมึงเจอหน้ากันแทบทุกวันแล้ว ไม่คิดจะคุยกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันสี่เดือนตรงนี้เลยหรอ ?! เห้อออ . .

    เออๆๆ งั้นพวกกูไปก่อนน่ะเว้ย ต้องไปทำกิจกรรมที่คณะ ไว้เจอกันหลังเลิกเรียนแล้วมันก็วิ่งกันไปสองคน

     

    เอิ่ม .. แล้วพวกมึงจะมาหากูทำพระแสงเลเซอร์อะไร ?? หมั่นไส้จริงๆ ไม่เคยสนใจเพื่อนหรอกเชอะ

     

    งั้นเราก็ไปกันเถอะ ต้องทำกิจกรรมของคณะเราเหมือนกันน่ะซิ่วหมินพูดขึ้นหลังจากที่เราหยุดให้สองคนนั้นคุยกันเสร็จจนลุกออกไป

    อืมผมหันไปตอบกลับเขาแล้วเราก็ลุกขึ้นเพื่อเดินไปยังตึกคณะมนุษย์ศาสตร์

     

     

     

     

     

    ก่อนที่เราจะเรียนคณะนี้ได้ เราต้องรู้จักกันก่อน ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง ต้องรักกันให้เหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ!! ในเมื่อมาอยู่ที่เดียวกันแล้ว ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราก็ต้องรู้จักเคารพและรักกันให้มาก !! เริ่มจากให้รุ่นพี่และรุ่นน้องจับคู่กัน!!!”



    สิ้นเสียงประธานคณะ ความโกลาหนภายในอาคารได้เกิดขึ้นทุกคนต่างวิ่งหาคู่ของตัวเอง แต่มันลำบากตรงที่คู่ของเราต้องเป็นรุ่นน้อง ซึ่งเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

    ผมหันหน้าไปซิ่วหมิน ซึ่งตอนนี้ …. หายไปแล้ว !!!!!!

    ผมมองหาซิ่วหมินไปทั่วทุกทิศ แต่ความวุ่นวายข้างหน้าทำให้ผมไม่สามารถมองหาเพื่อนสุดที่รักของผมได้เลย ยิ่งใส่ยูนิฟอร์มเหมือนกันอย่างนี้แล้ว ยิ่งหายากเข้าไปอีก

    ใครจับคู่ได้แล้วนั่งลง !! และให้รุ่นน้องแนะนำตัวให้รุ่นพี่ฟัง แต่รุ่นพี่ไม่ต้องแนะนำตัว เอาไว้วันประกาศพี่รหัสค่อยแนะนำ !!” จากนั้นทุกคนต่างพากันนั่งลง

    โดยที่ผมยังหารุ่นน้องไม่ได้เลย TT !!!!

     

    ไม่ทันไรก็มีมือหนึ่งคว้าแขนผมให้นั่ง ผมรีบหันไปมองเจ้าของมือนั้น


    นะ .. นายยใช่แล้วคับ เขาคือคนที่ผมเดินชนเมื่อเช้า

    สวัสดีคับพี่ ก่อนอื่นผมต้องขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้ขอโทษพี่เมื่อเช้า แต่ไหนๆพี่ก็ขอโทษผมแล้ว งั้นตอนนี้ผมยกโทษให้คับ ผมไม่โกรธพี่หรอกคับ ในเมื่อมันเป็นแค่อุบัติเหตุ วันหลังพี่ก็ระวังๆหน่อยแล้วกันน่ะคับ อย่าไปเดินชนใครอีก แต่ถ้าจะชนอะ ชนผมคนเดียวพอ


    อึนสิคับ อึนเลยย เมื่อเช้าเห็นเงียบๆ ไม่คิดว่าจะพูดมากขนาดนี้ และคำพูดยังแปลกๆ ชนผมคนเดียว(?) แล้วมันยังสั่งสอนผมอีก ! นี่ทั้งบังคับและสั่งสอนเลยน่ะเนี่ยยย อือหือออ พูดไม่ดูรุ่น =0=


    เอ่ออ ……. ”


    อ่ออ ผมลืม ผมชื่อเซฮุนคับ โอเซฮุน หรือพี่จะเรียกผมว่าเซฮุนนาก็ได้น่ะคับ งั้นผมขอเรียกพี่ว่าฮยองแล้วกันน่ะ ฮยองๆๆๆ

    นั่น ยังไม่หยุด

    อืมๆๆๆ เรียกอะไรก็เรียกเหอะผมตอบออกไปห้วนๆ เพราะไม่มีความต้องการจะคุยกับคนตรงหน้าเท่าไหร่

     

    เอาหล่ะ หลังจากทำความรู้จักกันแล้ว ให้แลกเบอร์กันไว้เผื่อต้องติดต่อกันเวลารุ่นน้องมีปัญหาอะไรให้โทรหารุ่นพี่ที่ได้เบอร์ไปวันนี้ได้!!” เอ่อออ แลกเบอร์??? ไอซูโฮเอาอะไรมาคิดเนี่ย ??

     

    “091xxxxxxxxx” เสียงข้างๆพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

    เอ่อออ ใครขอนาย !!??


    แล้วเบอร์ฮยองหล่ะ ??เห้ออ จริงๆผมไม่ได้อยากให้ไอเด็กคนนี้หรอก และผมก็ไม่ได้เมมเบอรืไอเด็กนี่ไว้ด้วย แต่ในเมื่อเราเป็นรุ่นพี่มันก็ทำตามกฏเนอะ


    “090xxxxxxxxx” คนตรงหน้ารีบควักโทรศัพท์ขึ้นมากดอย่างรวดเร็ว


    ฮยองไม่เมมเบอร์ผมหรอฮ่ะ ?เหมือนจะจับไต๋ได้ - -;


    เมมไปแล้ว นายมองไม่เป็นเองผมตอบห้วนๆไปอีก


    ดีจังเลยน่ะฮ่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรฮยองโทรหาผมได้เสมอน่ะเออ นี่มันโง่หรือโง่เนี่ย ?? มันเห็นผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดแล้วหรอไง = =; แต่ก็ดีและที่มันจับไม่ได้

     

     

     

     

    ผ่านไปชั่วโมงกว่า หลังจากกิจกรรมได้เสร็จสิ้นลง ผมรีบลุกออกมาจากเด็กบ้านั่นโดยไม่เอ่ยลาสักคำ เอาจริง เซฮุนไรเนี่ยพูดมากชะมัด ถามนู้นถามนี่อยู่ได้ เพลียย ;l

     

    ซิ่วหมินนายรีบกลับรึป่าว ? ไปดูหนังกันผมรีบชวนเนื่องจากปิดเทอมที่ผ่านมาผมไมได้ดูหนังเลย และอีกอย่างผมอยากดูหนังกับซิ่วหมินด้วยแหละ


    ได้สิๆๆ ชวนพวกซูโฮไปดูกันด้วย”  เอิ่มม .. คือประเด็นผมอยากไปดูกับซิ่วหมินแค่สองคนไง แต่ก็ไม่เป็นไร ผมก็คิดถึงเพื่อนๆที่ไม่ได้เจอกันนานเหมือนกันนั่นแหละ


    โอเคๆ


    ผมรีบวิ่งไปหาซูโฮเพื่อชวนไปดูหนังวันนี้ด้วยกัน และซูโฮก็ตอบตกลง ผมวิ่งไปที่ตึกคณะนิเทศ เพื่อไปหาไอสองคู่รักที่ในโลกนี้มีแค่มันสองคน - -;


    เห้ยยย ไอแบคไอยอล ไปดูหนังกันป่าววว ???ผมรีบถามทันทีเมื่อเจอมัน ดูเหมือนกำลังสวีทกันอยู่


    ขอโทษน่ะมึง เย็นนี้พวกกูไปดินเน่อกันเอิ่มม สนใจเพื่อนบ้าง!!!!


    เออๆๆๆๆ งั้นวันหลังค่อยไปดูด้วยกัน พวกมึงไปกันเหอะ เดี๋ยวกูไปดูกับซิ่วหมินและซูโฮก็ได้ความจริงในใจคือผมก็รู้สึกดีใจน่ะที่พวกมันไปไม่ได้ แต่จะให้ดีกว่านี้ ซูโฮน่าจะไปไม่ได้ด้วย = =]

    ผมเดินกลับไปตึกคณะตัวเองเพื่อไปหาซิ่วหมินและซูโฮที่กำลังจัดเก็บอุปกรณ์และของที่ทำกิจกรรมในวันนี้กันเสร็จ

     

     

     

     

     

     


    ผมนั่งรถสุดหรูมากับซิวหมิ่น โดยที่มีซูโฮขับตามข้างหลัง คือทั้งน้องเปาและป๋าโฮมีรถเป็นของตัวเองโดยที่ผมยังไม่มี ม่ามี๊ไม่ยอมซื้อให้ T^T

    อย่างแรกที่ผมทำเมื่อมาถึงโรงหนังคือเช็ครอบหนังและมองหาเรื่องที่น่าดูทันที

     


    เพราะว่าในทุกครั้ง ที่กลับมายังที่ตรงนี้ ไม่เคยมีสักทีที่ใจ *

     

    เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นผมควักขึ้นมาทันทีก่อนที่จะรีบกดรับโดยไม่ทันมองว่าเป็นเบอร์ของใคร

    ฮัลโหลฮยองง !!”

    เสียงนี่มัน ….

    อะไรของนาย !! โทรมาทำไม ฉันไม่ว่าง !”

    ไม่ว่างอะไรหล่ะ เมื่อไหร่จะกลับมาที่บ้านของเราเนี่ยยยฮยอง ????? แม่ของฮยองบอกให้รีบกลับมาน่ะ

     

     

     

     

     

    ห้ะ !!!!???? บ้านของเรา  ? แม่ของผม ?

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    จบแล้วสำหรับตอนแรก เป็นไงสนุกกันไหมเอ่ยยย ?????? ไรท์พยายามแต่งให้สนุกที่สุดแล้วน้าาาา T^T
    ยังไงก็ติดตามด้วยเนอะ ติดตามไปจนถึงตอนสุดท้ายกันเลยยย รับรองว่าสนุกและทำน้ำตาแตกได้แน่


    ช่วยแสดงความคิดเห็นกันด้วยเน้อออ
    เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างผลงานต่อไป ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×