ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ++ เรียน ielts ที่ไหนดี ++
สำหรับการเรียนต่อในประเทศออสเตรเลีย จะสอบด้วย IELTS หรือจะสอบด้วย TOFEL ก็ได้ัทั้งสองอย่ง แต่เทียบแล้วคนที่ไปจะสอบ ielts กันมากกว่า คงเพราะวิธีการทำข้อสอบมันง่ายกว่า ย้ำนะว่าวิธีการ ไม่ใช่ตัวข้อสอบ ที่มันง่ายกว่าเป็นเพราะว่ามันยังเป็นข้อสอบแบบโบราณ คือแบบทำมือ ในขณะที่ toefl จะปรับใหม่หมด เป็นแบบ internet based แล้ว เพราะงั้น เราต้องเรียนรู้การใช้งานอีก แถมได้ข่าวว่ามันทำแล้วทำเลยด้วยนะ ย้อนกลับไปแก้ไม่ได้
มาทำความรู้จักกับการสอบ IELTS ให้มากขึ้นดีกว่า - http://www.ielts.org/
มหาลัยที่เลือกไปนั้น มีข้อกำหนดทางภาษาไว้ต่างกันก็คือ UTAS เอา band รวมที่ 6.0 และต้องไม่มี band ไหนต่ำกว่า 6.0 ส่วน เช่นกัน ส่วนที่ GU นั้น เอา band รวม 6.5 และต้องไม่มี band ไหนต่ำกว่า 6.0 บอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ว่าอันไหนยากง่ายกว่ากัน
และ ไม่ว่าเราจะสอบอะไรก็ตาม ก็ควรจะไปเรียนสักหน่อย เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และเพื่อไม่ให้เราไม่ผ่านจนต้องเสียค่าสอบเปล่าๆ แต่ใครจะทบทวนเองก็ได้นะ ถ้าคิดว่ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินไป ในจุดนี้ที่ปรึกษาที่ดีก็คือ ห้องไกลบ้าน ณ พันทิป ที่เข้าไปสิงอยู่บ่อยๆนี่เอง มีหลายคนที่เคยไปร่ำเรียนเมืองนอกเมืองนา บางคนก็กำลังเรียนอยู่ ก็จะให้คำปรึกาาที่ดีกับเราได้ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจว่าจะเรียนแน่นอนไม่เสียงเตรียมตัวเอง
หลังจาก ที่ศึกษาที่เรียนแล้ว ก็เลยเลือกเรียนที่เพื่อนคุณเจ๊สอน หุหุ ... แต่ช้าก่อน เพราะที่นี่เค้าก็เป็นสถาบันที่มีชื่อพอตัวนะ หลายคนก็แนะนำกันมา แต่ที่เลือกเรียนนั้นเพราะ อาจารย์เค้าจะลดราคาให้ลูกเพื่อนทุกคนที่สมัคร 55+ เข้าตำรางกนี่เอง แล้วก็เช่นเคย มีเวบของที่อื่นๆมาแนะนำด้วยเหมือนกัน ...
http://www.ajarnmike.com/home.html - อาจารย์ไมค์ โรงหนังสยาม ที่นี่คนฮิตไปเรียนเยอะเหมือนกันนะ
http://www.newcambridge.net/ - นิวเคมบริดจ์ ใกล้ๆอาคารมณียา ชิดลม (หรืออยู่ในอาคารเองวะ??)
http://www.ajarnduangjai.com/Content/Course/IELTS/Introduction.html - ดวงใจภาษาต่างประเทศ เห็นชื่อแบบนี้มีแค่ภาษา
เดียวนี่แหละ หุหุ อาจารย์สอนดีนะ น่ารักมากๆ เค้าทำกันสองคน ออกแนวสามีหาบ ภรรยาคอน คริคริ แซวเพื่อนคุณเจ๊ซ้าหน่อย
หรือ อีกทีจะเรียนที่ British Council หรือที่ IDP เองก็ได้ เพราะทั้งสองที่นี้ก็เป็นศูนย์สอบในตัวเหมือนกัน ก็น่าจะสะดวกดี แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะเอาข้อสอบมาบอกหรอกนะ หุหุ ตอนแรกคุณเจ๊อยากให้เรียนที่นี่ เพราะเชื่อว่าเค้าจะบอกข้อสอบ เวรกรรม ระดับนานาชาตินะค๊าา ใครเค้าจะบอกกัน ฝรั่งมันยิ่งถือๆเรื่องพวกนี้อยู่ ไม่ได้เชียร์เพื่อนตัวเองเล้ยยย เค้าสอนดีออกจะตาย
ส่วนมากการเรียนจะกินเวลากันครึ่งวันค่อนวัน บางที่ตารางก็กระจาย เรียนตอนบ่ายของทุกวันมั่งละ ตอนเย็นของทุกวันมั่งละ ต้องจัดเวลา
เอาเองให้ดีๆเลยแหละ แถมบางที่การบ้านมากอีกนะ ใครที่ทำงานอาจจะไม่มีเวลาทำก็ได้ เตือนไว้ก่อน อิอิ
ก่อนจะจบตอนนี้ ก็มี Tips ดีๆมาแนะนำกันหน่อย สำหรับใครที่เตรียมตัวสอบพูดภาษาอังกฤษ หรือใครที่อยากพัฒนาสำเนียงตัวเองให้ดี
ยิ่งขึ้น ใกล้เคียงเจ้าของภาษามากขึ้นนะ
สำเนียง การพูดภาษาอังกฤษของฝรั่งเนี่ย มันจะมีสิ่งที่เรียกว่า stream of sound คือ การขึ้นๆลงของเสียง เหมือนการใส่วรรณยุกต์เข้าไปที่แต่ละพยางค์น่ะ ใส่ยังไงก็ความหมายเดิม ไม่เหมือนภาษาไทยเรา ที่ถ้าเปลี่ยนแล้วละก็ความหมายผิดกันไกล ถึงขั้นผิดใจกันก็มี แล้ว
เจ้า stream of sound นี่แหละ คือส่วนที่ทำให้คนไทย หรือชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก มีปัญหาในการพูด เพราะไม่ได้ใช้มัน
บ่อยๆไง หูเราเลยไม่สามารถจับสำเนียงขึ้นๆลงที่ว่านี้ได้
วิธี ที่จะฝึกให้รับจับสำเนียงนี้ได้ ก็มีง่ายมากๆ ลงทุนอย่างมากไม่ถึง 200 บาท หรือบางคนก็ไม่ต้องด้วยซ้ำ เพราะมีอยู่ในบ้านแล้ว เจ้าสิ่ง
นั้นก็คือ DVD หนังเรื่องที่ชอบมากๆ นั่นเอง เอามาดูซะ แล้วเปิดให้เป็น soundtrack ซะนะ ดูแม่มเข้าป่ะ จนตาแฉะ ไม่ต้องดูซ้ำๆต่อ
กันหลายรอบก็ได้ ดูวันเว้นวัน ดูอาทิตย์เว้นอาทิตย์ แต่ต้องดูบ่อยๆเลยนะ อย่างต่ำนี่ดูให้ได้ เกิน 5 รอบ จะดีมากๆ วิธีนี้ มันจะทำให้เราต้องเงี่ยหูฟังการพูด แล้วเราจะเริ่มจับสำเนียงได้โดยปริยายเลยแหละ จากการดูครั้งแรกนะ ในครั้งต่อๆไปเราจะพบว่าเราฟังประโยคออก
เยอะขึ้นมาก สักรอบที่สามจะเริ่มพูดตามได้แล้วในหลายๆจุด แล้วให้ลองพูดตามมันดู ทีนี้นะ เวลาต้องพูด เราจะพูดได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยแหละ อ้อ แล้วที่บอกให้เลือกเรื่องที่ชอบ เพราะจะได้ดูได้เยอะๆรอบแล้วไม่เบื่อไง
เตรียมตัวสอบแล้ว ต่อไปก็ดำเนินการสมัครได้แล้วสินะ
* หมายเหตุ *
ขอขอบคุณอาจารย์ดวงใจ มากๆที่แนะนำการฝึกฟังเสียงมา ได้ผลจริงๆค่ะ
มาทำความรู้จักกับการสอบ IELTS ให้มากขึ้นดีกว่า - http://www.ielts.org/
มหาลัยที่เลือกไปนั้น มีข้อกำหนดทางภาษาไว้ต่างกันก็คือ UTAS เอา band รวมที่ 6.0 และต้องไม่มี band ไหนต่ำกว่า 6.0 ส่วน เช่นกัน ส่วนที่ GU นั้น เอา band รวม 6.5 และต้องไม่มี band ไหนต่ำกว่า 6.0 บอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ว่าอันไหนยากง่ายกว่ากัน
และ ไม่ว่าเราจะสอบอะไรก็ตาม ก็ควรจะไปเรียนสักหน่อย เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และเพื่อไม่ให้เราไม่ผ่านจนต้องเสียค่าสอบเปล่าๆ แต่ใครจะทบทวนเองก็ได้นะ ถ้าคิดว่ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินไป ในจุดนี้ที่ปรึกษาที่ดีก็คือ ห้องไกลบ้าน ณ พันทิป ที่เข้าไปสิงอยู่บ่อยๆนี่เอง มีหลายคนที่เคยไปร่ำเรียนเมืองนอกเมืองนา บางคนก็กำลังเรียนอยู่ ก็จะให้คำปรึกาาที่ดีกับเราได้ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจว่าจะเรียนแน่นอนไม่เสียงเตรียมตัวเอง
หลังจาก ที่ศึกษาที่เรียนแล้ว ก็เลยเลือกเรียนที่เพื่อนคุณเจ๊สอน หุหุ ... แต่ช้าก่อน เพราะที่นี่เค้าก็เป็นสถาบันที่มีชื่อพอตัวนะ หลายคนก็แนะนำกันมา แต่ที่เลือกเรียนนั้นเพราะ อาจารย์เค้าจะลดราคาให้ลูกเพื่อนทุกคนที่สมัคร 55+ เข้าตำรางกนี่เอง แล้วก็เช่นเคย มีเวบของที่อื่นๆมาแนะนำด้วยเหมือนกัน ...
http://www.ajarnmike.com/home.html - อาจารย์ไมค์ โรงหนังสยาม ที่นี่คนฮิตไปเรียนเยอะเหมือนกันนะ
http://www.newcambridge.net/ - นิวเคมบริดจ์ ใกล้ๆอาคารมณียา ชิดลม (หรืออยู่ในอาคารเองวะ??)
http://www.ajarnduangjai.com/Content/Course/IELTS/Introduction.html - ดวงใจภาษาต่างประเทศ เห็นชื่อแบบนี้มีแค่ภาษา
เดียวนี่แหละ หุหุ อาจารย์สอนดีนะ น่ารักมากๆ เค้าทำกันสองคน ออกแนวสามีหาบ ภรรยาคอน คริคริ แซวเพื่อนคุณเจ๊ซ้าหน่อย
หรือ อีกทีจะเรียนที่ British Council หรือที่ IDP เองก็ได้ เพราะทั้งสองที่นี้ก็เป็นศูนย์สอบในตัวเหมือนกัน ก็น่าจะสะดวกดี แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะเอาข้อสอบมาบอกหรอกนะ หุหุ ตอนแรกคุณเจ๊อยากให้เรียนที่นี่ เพราะเชื่อว่าเค้าจะบอกข้อสอบ เวรกรรม ระดับนานาชาตินะค๊าา ใครเค้าจะบอกกัน ฝรั่งมันยิ่งถือๆเรื่องพวกนี้อยู่ ไม่ได้เชียร์เพื่อนตัวเองเล้ยยย เค้าสอนดีออกจะตาย
ส่วนมากการเรียนจะกินเวลากันครึ่งวันค่อนวัน บางที่ตารางก็กระจาย เรียนตอนบ่ายของทุกวันมั่งละ ตอนเย็นของทุกวันมั่งละ ต้องจัดเวลา
เอาเองให้ดีๆเลยแหละ แถมบางที่การบ้านมากอีกนะ ใครที่ทำงานอาจจะไม่มีเวลาทำก็ได้ เตือนไว้ก่อน อิอิ
ก่อนจะจบตอนนี้ ก็มี Tips ดีๆมาแนะนำกันหน่อย สำหรับใครที่เตรียมตัวสอบพูดภาษาอังกฤษ หรือใครที่อยากพัฒนาสำเนียงตัวเองให้ดี
ยิ่งขึ้น ใกล้เคียงเจ้าของภาษามากขึ้นนะ
สำเนียง การพูดภาษาอังกฤษของฝรั่งเนี่ย มันจะมีสิ่งที่เรียกว่า stream of sound คือ การขึ้นๆลงของเสียง เหมือนการใส่วรรณยุกต์เข้าไปที่แต่ละพยางค์น่ะ ใส่ยังไงก็ความหมายเดิม ไม่เหมือนภาษาไทยเรา ที่ถ้าเปลี่ยนแล้วละก็ความหมายผิดกันไกล ถึงขั้นผิดใจกันก็มี แล้ว
เจ้า stream of sound นี่แหละ คือส่วนที่ทำให้คนไทย หรือชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก มีปัญหาในการพูด เพราะไม่ได้ใช้มัน
บ่อยๆไง หูเราเลยไม่สามารถจับสำเนียงขึ้นๆลงที่ว่านี้ได้
วิธี ที่จะฝึกให้รับจับสำเนียงนี้ได้ ก็มีง่ายมากๆ ลงทุนอย่างมากไม่ถึง 200 บาท หรือบางคนก็ไม่ต้องด้วยซ้ำ เพราะมีอยู่ในบ้านแล้ว เจ้าสิ่ง
นั้นก็คือ DVD หนังเรื่องที่ชอบมากๆ นั่นเอง เอามาดูซะ แล้วเปิดให้เป็น soundtrack ซะนะ ดูแม่มเข้าป่ะ จนตาแฉะ ไม่ต้องดูซ้ำๆต่อ
กันหลายรอบก็ได้ ดูวันเว้นวัน ดูอาทิตย์เว้นอาทิตย์ แต่ต้องดูบ่อยๆเลยนะ อย่างต่ำนี่ดูให้ได้ เกิน 5 รอบ จะดีมากๆ วิธีนี้ มันจะทำให้เราต้องเงี่ยหูฟังการพูด แล้วเราจะเริ่มจับสำเนียงได้โดยปริยายเลยแหละ จากการดูครั้งแรกนะ ในครั้งต่อๆไปเราจะพบว่าเราฟังประโยคออก
เยอะขึ้นมาก สักรอบที่สามจะเริ่มพูดตามได้แล้วในหลายๆจุด แล้วให้ลองพูดตามมันดู ทีนี้นะ เวลาต้องพูด เราจะพูดได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยแหละ อ้อ แล้วที่บอกให้เลือกเรื่องที่ชอบ เพราะจะได้ดูได้เยอะๆรอบแล้วไม่เบื่อไง
เตรียมตัวสอบแล้ว ต่อไปก็ดำเนินการสมัครได้แล้วสินะ
* หมายเหตุ *
ขอขอบคุณอาจารย์ดวงใจ มากๆที่แนะนำการฝึกฟังเสียงมา ได้ผลจริงๆค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น