ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ++ เรียนอะไรดีนะ ++
ตอนแรกที่เข้าไปที่ IDP ไปแบบหัว blank มากๆ แค่คิดว่าอยากไปให้พ้นจากที่นี่ ไปหาสิ่งที่ดีกว่าที่โน่น เดินเข้าไปแบบเอ๋อมากเลยนะ พอพี่ป็อบถามว่าสนใจจะเรียนอะไร ตอบไม่ได้ว่ะ มึนงงไปหมดเลย อึ้งไปสามวิ เรียนไรดีวะกรู ... ความจริงสมัยเรียนปีสามน่ะ อยากไปเรียนป.โท marketing communication ที่ University of Canberra มากเลย เพราะตรงกับที่จบมา แล้วสนใจมากๆด้วย เอ้ย ลืมบอกไปเลย ว่าจบ สื่อสารมวลชนมา จากเกษตร แต่ไม่มีเอกนะ เป็นแบบเน้นลงวิชาเอาเอง ก็เน้นพวกวิชา advertising มา แต่มันเรียนนานเหมือนกัน เลยไม่ได้บอกพี่ป็อบไปว่าจะไปที่นี่ คือมันเปลืองด้วยไง
ทีนี้เลยนึกถึงช่วงที่ไปเรียนนิเทศศิลป์ที่สมาคมฝรั่งเศส จริงๆชอบด้านนี้มากนะ ฝันมาแต่เด็กว่าอยากเรียนอาร์ท แต่ว่าฝีมือไม่พอ เลยเข้าทางนิเทศแทน เพราะอิสระคล้ายๆกัน พอเรียนจบมาจากเกษตร เลยไปเรียนเพิ่มที่นี่ ชอบมากๆเรียนกราฟฟิคกับโฟโต้ ... เลยบอกพี่ป็อบไปว่า อยากเรียนด้านอาร์ทค่ะ เอาเป็นพวก graphic design หรือ photo ก็ได้ พี่เค้าก็จัดมาให้ แต่ไอ่ที่ไปเรียนมาจากสมาคมอ่ะ มันไม่ได้แบบเก่งดีเท่าพวกที่เรียนมา 4 ปีในมหาลัยไง เลยบอกพี่เค้าว่าขอดูเป็นระดับ diploma ว่ากันง่ายๆคือสายอาชีพนี่แหละ ปวช. ปวส. เทือกๆนี้แหละ มันเข้าไม่ยากเท่าไปต่อโท หรือจะลงตรีใหม่คงไม่ไหว เรียนอาชีวะนี่คนไม่เป็นมาก่อนเลยก็เรียนได้ แถมเราก็พอจะมี porfolio อยู่เล็กน้อย พอไปไหว แล้วสถาบันของเค้าไม่เถื่อนๆแบบบ้านเรานะ มาตรฐานดีกว่ามากจริงๆ เลยกะว่าจบมาจะได้ทำงานสายนี้เต็มตัวซะที
พอคุยไปคุยมา เกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆของการสมัครเรียนแล้ว ก็พบว่าถ้าจะไปเรียนระดับที่ต่ำกว่าอุดมศึกษามันต้องใช้ statment ในการขอวีซ่าด้วย อย่างที่บอกน่ะ กลับบ้านมาก็ชั่งใจ ลังเลใจอยู่หลายวันนะ สุดท้ายคิดว่าไม่เอาดีกว่า ไหนๆเรียนแล้วก็เรียนให้ได้วุฒิสูงขึ้นกว่าเดิมไปเลย กลับมาจะได้หางานได้ดีกว่าเดิมด้วยไงเลยตัดสินใจเปลี่ยนมาเรียนป.โทดีกว่า ก็เน้นที่สายเดิมแหละ marketing ของชอบเลย
จากนั้นก็ลองค้นหาข้อมูลด้วยตัวเอง เพราะปกติเป็นคนที่ออนไลน์ทั้งคืนอยู่แล้ว ก็เข้าเวบนั้นออกเวบนี้ไปทั่ว เลยหาข้อมูลเองดีกว่า โตๆแล้วไม่ต้องพึ่ง agent ไปทุกอย่างหรอก เพราะเรารู้ตัวเองดีแล้วว่าจะเอายังไงแน่ ก็เลยเข้าไปดูว่ามหาลัยไหนมีคอร์สที่ต้องการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1.5 ปี ด้วย เพราะไม่อยากไปนาน กลัวคุณเจ๊ตังค์หมด และสำหรับเวบที่เข้าไปหาข้อมูลเรื่องคอร์สก็จะมี ....
http://studyinaustralia.gov.au/Sia/th/Home.htm - อันนี้เหมือนเป็นเวบหลักในการโปรโมทการศึกษาของประเทศเค้าเลย อ่านง่ายเข้าใจง่าย เพราะเป็นภาษาไทย รูปแบบสีสันสวยงามทีเดียว
http://cricos.deewr.gov.au/?Redirect=Y - แต่เวบนี้ออกแนวทางการเลย เพราะเป็นของกระทรวงศึกษาที่นั่น สีจืดๆแก่ๆ แถมข้อมูลสั้นด้วยนะ ให้ลิ้งค์มหาลัยมาอีกทีแค่นั้นเอง แต่ดีที่ว่ามีบอกค่าเรียนไว้ด้วย
http://www.pantip.com/cafe/klaibann/ - เป็นเวบที่ใช้เป็นที่สิงสถิตย์หลักมานานนับทศวรรศ หุหุ มีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆใจดี คอยแลกเปลี่ยนข้อมูลดีๆให้กันตลอดเวลา
http://www.aussiethai.com/home.php - อีกหนึ่ง agent ที่น่าไว้ใจ ให้บริการผ่านทางเมลล์และเวบ เพราะไม่มีสำนักงานที่นี่ แอบกระซิบบอกว่า ที่นี่มีโปรโมชั่นน่าสนใจเยอะมากนะ ได้ราคาดีๆเยอะเลย แต่จะเ้น้นพวกอาชีวะเยอะหน่อย กับเรียนภาษา
ค้นไปค้นมา เลยไปเจอหลักสูตรที่น่าสนใจสองที่ คือ marketing ที่ University of Tasmania กับที่ Griffith University ใช้เวลาเรียนไม่นานทั้งคู่เลย อย่างละปี แต่ว่าอยู่กันคนละโยชน์เลยนะ UTAS อยู่ที่เกาะ Tasmania นอก mainland มาหน่อยนึง ส่วน GU จะอยู่ที่เมือง Brisbane แต่แยกเป็นหลาย campus บางคณะก็เลือกเรียนได้หลายที่ด้วยละ
สำหรับ UTAS - http://www.utas.edu.au/ อยู่ในเมืองที่ค่าครองชีพถูกที่สุดในออสซี่เลยแหละ เรียกว่าอยู่ได้อย่างสบายใจ แต่ก็เป็นเมืองที่อากาศหนาวที่สุดด้วยนะ สำหรับที่นี่หลักสูตรเด่นๆเลยก็จะเป็นพวก Maritime หรือถาปัดก็ดังเหมือนกัน แต่สำหรับคณะอื่นๆก็ไม่ได้น้อยหน้านะจ๊ะ เพราะว่า UTAS นี้จัดเป็นมหาลัยที่เก่าแก่เป็น อันดับ 4 ของประเทศ ทีเดียวเชียวแหละ อิอิ
และสำหรับ GU -http://www.griffith.edu.au/ อยู่ในเมืองท่องเที่ยวเลย มีสวนสนุกและ fun park ต่างๆมากมาย อากาศไม่หนาวเท่าไหร่ แถมค่อนข้างจะร้อนด้วยซ้ำ ในบาง campus ที่อยู่ริ่มหาดอย่าง goldcoast ที่ GU มี arts centre ที่มีชื่อเสียงมากเลยนะ ถึงจะไม่ใช่มหาลัยที่ดีที่สุดของรัฐ แต่ถ้าเป็น arts centre ที่นี่ละก็ กินขาดเลยล่ะ
และเรื่องราคากับค่าครองชีพของทั้งสองที่นี่ก็จัดว่าไม่แพงเลยนะ เอาว่าเรียนจบหลักสูตร รวมค่าใช้จ่ายตั้งแต่เตรียมตัวจากเมืองไทยสารพัด และค่าเรียน ค่ากินอยู่ที่นั่น มีเงินแค่ ล้านเดียว ก็อยูได้สบายๆ แต่ถ้าอยากเที่ยวเยอะหน่อย ช็อปเยอะหน่อย ก็ต้องหางานพิเศษทำด้วยนะ จะได้มีค่าขนมเพิ่ม ไม่ต้องกวนทางบ้านมากนัก (คิดคร่าวๆจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เกิน 25 บาท ต่อ 1 AUD นะ)
อาทิตย์ถัดมาก็เลยไปปรึกษาอีก คราวนี้พี่ป็อบไม่อยู่ ได้คุยกับพี่คนอื่นแทน ซึ่งเค้าก็ให้คู่มือของทั้งสองมหาลัยมา แล้วก็อธิบายๆเราอย่างละเอียดเลย เรียกว่าตอนนี้เริ่มจะกะวันเวลาคร่าวๆได้แล้วว่าจะต้องเริ่มทำอะไรตอนไหนกันบ้าง
และสิ่งแรกที่ต้องเตรียม คือ การสอบ IELTS
ทีนี้เลยนึกถึงช่วงที่ไปเรียนนิเทศศิลป์ที่สมาคมฝรั่งเศส จริงๆชอบด้านนี้มากนะ ฝันมาแต่เด็กว่าอยากเรียนอาร์ท แต่ว่าฝีมือไม่พอ เลยเข้าทางนิเทศแทน เพราะอิสระคล้ายๆกัน พอเรียนจบมาจากเกษตร เลยไปเรียนเพิ่มที่นี่ ชอบมากๆเรียนกราฟฟิคกับโฟโต้ ... เลยบอกพี่ป็อบไปว่า อยากเรียนด้านอาร์ทค่ะ เอาเป็นพวก graphic design หรือ photo ก็ได้ พี่เค้าก็จัดมาให้ แต่ไอ่ที่ไปเรียนมาจากสมาคมอ่ะ มันไม่ได้แบบเก่งดีเท่าพวกที่เรียนมา 4 ปีในมหาลัยไง เลยบอกพี่เค้าว่าขอดูเป็นระดับ diploma ว่ากันง่ายๆคือสายอาชีพนี่แหละ ปวช. ปวส. เทือกๆนี้แหละ มันเข้าไม่ยากเท่าไปต่อโท หรือจะลงตรีใหม่คงไม่ไหว เรียนอาชีวะนี่คนไม่เป็นมาก่อนเลยก็เรียนได้ แถมเราก็พอจะมี porfolio อยู่เล็กน้อย พอไปไหว แล้วสถาบันของเค้าไม่เถื่อนๆแบบบ้านเรานะ มาตรฐานดีกว่ามากจริงๆ เลยกะว่าจบมาจะได้ทำงานสายนี้เต็มตัวซะที
พอคุยไปคุยมา เกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆของการสมัครเรียนแล้ว ก็พบว่าถ้าจะไปเรียนระดับที่ต่ำกว่าอุดมศึกษามันต้องใช้ statment ในการขอวีซ่าด้วย อย่างที่บอกน่ะ กลับบ้านมาก็ชั่งใจ ลังเลใจอยู่หลายวันนะ สุดท้ายคิดว่าไม่เอาดีกว่า ไหนๆเรียนแล้วก็เรียนให้ได้วุฒิสูงขึ้นกว่าเดิมไปเลย กลับมาจะได้หางานได้ดีกว่าเดิมด้วยไงเลยตัดสินใจเปลี่ยนมาเรียนป.โทดีกว่า ก็เน้นที่สายเดิมแหละ marketing ของชอบเลย
จากนั้นก็ลองค้นหาข้อมูลด้วยตัวเอง เพราะปกติเป็นคนที่ออนไลน์ทั้งคืนอยู่แล้ว ก็เข้าเวบนั้นออกเวบนี้ไปทั่ว เลยหาข้อมูลเองดีกว่า โตๆแล้วไม่ต้องพึ่ง agent ไปทุกอย่างหรอก เพราะเรารู้ตัวเองดีแล้วว่าจะเอายังไงแน่ ก็เลยเข้าไปดูว่ามหาลัยไหนมีคอร์สที่ต้องการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1.5 ปี ด้วย เพราะไม่อยากไปนาน กลัวคุณเจ๊ตังค์หมด และสำหรับเวบที่เข้าไปหาข้อมูลเรื่องคอร์สก็จะมี ....
http://studyinaustralia.gov.au/Sia/th/Home.htm - อันนี้เหมือนเป็นเวบหลักในการโปรโมทการศึกษาของประเทศเค้าเลย อ่านง่ายเข้าใจง่าย เพราะเป็นภาษาไทย รูปแบบสีสันสวยงามทีเดียว
http://cricos.deewr.gov.au/?Redirect=Y - แต่เวบนี้ออกแนวทางการเลย เพราะเป็นของกระทรวงศึกษาที่นั่น สีจืดๆแก่ๆ แถมข้อมูลสั้นด้วยนะ ให้ลิ้งค์มหาลัยมาอีกทีแค่นั้นเอง แต่ดีที่ว่ามีบอกค่าเรียนไว้ด้วย
http://www.pantip.com/cafe/klaibann/ - เป็นเวบที่ใช้เป็นที่สิงสถิตย์หลักมานานนับทศวรรศ หุหุ มีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆใจดี คอยแลกเปลี่ยนข้อมูลดีๆให้กันตลอดเวลา
http://www.aussiethai.com/home.php - อีกหนึ่ง agent ที่น่าไว้ใจ ให้บริการผ่านทางเมลล์และเวบ เพราะไม่มีสำนักงานที่นี่ แอบกระซิบบอกว่า ที่นี่มีโปรโมชั่นน่าสนใจเยอะมากนะ ได้ราคาดีๆเยอะเลย แต่จะเ้น้นพวกอาชีวะเยอะหน่อย กับเรียนภาษา
ค้นไปค้นมา เลยไปเจอหลักสูตรที่น่าสนใจสองที่ คือ marketing ที่ University of Tasmania กับที่ Griffith University ใช้เวลาเรียนไม่นานทั้งคู่เลย อย่างละปี แต่ว่าอยู่กันคนละโยชน์เลยนะ UTAS อยู่ที่เกาะ Tasmania นอก mainland มาหน่อยนึง ส่วน GU จะอยู่ที่เมือง Brisbane แต่แยกเป็นหลาย campus บางคณะก็เลือกเรียนได้หลายที่ด้วยละ
สำหรับ UTAS - http://www.utas.edu.au/ อยู่ในเมืองที่ค่าครองชีพถูกที่สุดในออสซี่เลยแหละ เรียกว่าอยู่ได้อย่างสบายใจ แต่ก็เป็นเมืองที่อากาศหนาวที่สุดด้วยนะ สำหรับที่นี่หลักสูตรเด่นๆเลยก็จะเป็นพวก Maritime หรือถาปัดก็ดังเหมือนกัน แต่สำหรับคณะอื่นๆก็ไม่ได้น้อยหน้านะจ๊ะ เพราะว่า UTAS นี้จัดเป็นมหาลัยที่เก่าแก่เป็น อันดับ 4 ของประเทศ ทีเดียวเชียวแหละ อิอิ
และสำหรับ GU -http://www.griffith.edu.au/ อยู่ในเมืองท่องเที่ยวเลย มีสวนสนุกและ fun park ต่างๆมากมาย อากาศไม่หนาวเท่าไหร่ แถมค่อนข้างจะร้อนด้วยซ้ำ ในบาง campus ที่อยู่ริ่มหาดอย่าง goldcoast ที่ GU มี arts centre ที่มีชื่อเสียงมากเลยนะ ถึงจะไม่ใช่มหาลัยที่ดีที่สุดของรัฐ แต่ถ้าเป็น arts centre ที่นี่ละก็ กินขาดเลยล่ะ
และเรื่องราคากับค่าครองชีพของทั้งสองที่นี่ก็จัดว่าไม่แพงเลยนะ เอาว่าเรียนจบหลักสูตร รวมค่าใช้จ่ายตั้งแต่เตรียมตัวจากเมืองไทยสารพัด และค่าเรียน ค่ากินอยู่ที่นั่น มีเงินแค่ ล้านเดียว ก็อยูได้สบายๆ แต่ถ้าอยากเที่ยวเยอะหน่อย ช็อปเยอะหน่อย ก็ต้องหางานพิเศษทำด้วยนะ จะได้มีค่าขนมเพิ่ม ไม่ต้องกวนทางบ้านมากนัก (คิดคร่าวๆจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เกิน 25 บาท ต่อ 1 AUD นะ)
อาทิตย์ถัดมาก็เลยไปปรึกษาอีก คราวนี้พี่ป็อบไม่อยู่ ได้คุยกับพี่คนอื่นแทน ซึ่งเค้าก็ให้คู่มือของทั้งสองมหาลัยมา แล้วก็อธิบายๆเราอย่างละเอียดเลย เรียกว่าตอนนี้เริ่มจะกะวันเวลาคร่าวๆได้แล้วว่าจะต้องเริ่มทำอะไรตอนไหนกันบ้าง
และสิ่งแรกที่ต้องเตรียม คือ การสอบ IELTS
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น