ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ++ ตัดสินใจไปเรียน ++
+++ เตือนไว้ก่อนว่ามีพาดพิงการเมืองเล็กน้อย แต่ก็เป็นเหตุผลและทัศนคติส่วนตัวนะจ๊ะ +++
ความจริงคิดมานานแล้ว เรื่องเรียนต่อเมืองนอกเนี่ยนะ คือเพิ่งเริ่มมาเสียดายที่ไม่ยอมไปสอบสัมภาษณ์ AFS ก็ หลังจากที่เพื่อนพวกที่มันไปกันเริ่มกลับมา เฮ้ยย แม่งพูดแก่งขึ้นว่ะ ได้อะไรๆมาเยอะแยะเลย อยากบอกว่าโคตรเสียดายเลยอ่ะ เพราะเชื่อว่าตัวเองน่าจะไปได้ ถ้าไม่ได้เลือกประเทศที่สูงๆ อย่างเมกา หรือแคนาดา หุหุ แต่ก็เออ มันแล้วไปแล้วอ่ะ ช่างมัน แล้วก็เริ่มมาคิดอีกทีก็ตอนม.6 ปลายๆเทอมแรก คือก็มีอีพวกที่ไปนอกปีนึงอะแหละ พวกทุนพก. 55+ มันกลับมากันอีก อินี่ก็ต่อมกิเลสแตกแล้วไง อยากไปอย่างเค้าอีก อยากไปมาตลอด แต่ไม่กล้าบอกที่บ้าน (มาบอกทีหลังถูกด่าอีก ว่าทำไมตอนนั้นไม่บอก ) สุดท้ายเลยไม่ได้ไป จนพับโครงการยาวเลย
กลับ มาคิดถึงอีกทีตอนปีสามโน่นแล้ว ก็ไปหาข้อมูลนะ หาไปหามากลับไม่อยากไปซะงั้น เพราะมันเปลือง ตอนนั้นรู้สึกแบบเป็นบ้าไรวะเนี่ยกรู เปลี่ยนใจไปมาหลายรอบมากอ่ะ กลัวที่บ้านเปลืองตังค์ กลัวนั่นกลัวนี่สารพัด กลัวเรียนไม่รอดด้วย พับแผนอีก 55+ ถ้าเป็นกระดาษนี่ยู่ไปแล้ว พับไปพับมาหลายรอบเกิ๊น
โอ เค พอเรียนจบทำงานแบบบ้าๆบอๆ เข้าที่นั่น ออกที่นี่ได้ปีนึง จริงๆมีช่วงที่ว่างงานแล้วไปลงเรียนที่สมาคมฝรั่งเศสอย่างเดียวด้วยแหละแต่ ไว้เดี๋ยวเขียนถึงในอีกเรื่องนึง หุหุ จนตอนทำงานที่ล่าสุด ช่วงนั้นก็พอดีว่าเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองขึ้นมาอย่างนึง ที่พันธมิตรไปบุกที่สถานี NBT แล้วก็เข้าไปยึดสภาอ่ะ คือตอนนั้นอารมณ์แบบ เจ้ดดด บ้านเมืองกรูเป็นดินแดนอะไรไปแล้ววะ แม่ม ใครคิดจะทำอะไรก็ทำได้แล้วรึไง บ้าไปแล้ว เลยนึกอยากหนีเมืองไทยขึ้นมา ตัดสินใจเอาวันนั้นเลยว่าจะไปเรียนต่อ เพื่อหาลู่ทางที่จะขอเป็น PR ที่ ออสเตรเลียได้ไม่อยากจะอยู่มันแล้วบ้านนี้เมืองนี้ ไปให้พ้นๆดีกว่า แล้วอีกหน่อยจะรับคุณป๋ากะคุณเจ๊ไปอยู่ด้วย รับเบบี๋ไปด้วย คริคริ แบบฟันเฟื่องมากๆอะคิดว่าไปแล้วจะได้โอกาสที่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อ่าาา ลืมบอกไปเลยว่า PR คืออะไร พูดง่ายๆ มันคือ green card แห่งแดนจิงโจ้นี่เอง ซึ่งเค้าจะมีหลักเกณฑ์การให้คะแนนแบบต่างๆอยู่ด้วย เพื่อประเมินแต่ละคนๆไป ว่าจะไ้ด้รึเปล่า (มั่นเหลือเกินว่าตัวเองคงได้ เหอๆๆ) แล้วตอนนี้ก็มีคนไทยเรานี่แหละ นิยมที่จะไปลงเรียนในสาขาวิชาที่ขอ PR ง่าย ได้คะแนนดี เมื่อคิดดังนี้แล้ว ทำให้อยากไปกะเค้ามั่ง จะได้หนีความเส็งเคร็งบางอย่างจากที่นี่ไปซะ
ก็เลยไปปรึกษาที่ agent ศึกษาต่อ IDP ในเย็นวันนั้นเลย พอดีว่าสมัยก่อนเราเรียนแถวสีลม ซึ่ง agent นี้เค้าก็ไปที่โรงเรียนบ่อยแหละ ไปแนะนำหลักสูตรอะไรของเค้าเนี่ยนะ เลยรู้จักอยู่ พอไปคุยกับเค้าถึงความต้องการ เค้าก็ให้เอกสารของทางสถาบันต่างๆมาดู พร้อมกับแนะนำด้วยนะว่า สำหรับคนที่ไปเรียนระดับอุดมศึกษา ขอวีซ่าแบบนี้ไม่ต้องใช้ statement แล้ว เพราะสมัยก่อนถ้าจะไปเรียนที่นี่ต้องแสดงการเงินหมดเลย แต่ตอนนี้เพิ่งเปลี่ยนกฎไง พี่ที่ประโยคนี้เองที่ทำให้ตาโต จากตอนแรกที่ตาโตอยู่แล้ว คราวนี้เท่าไข่นกกระจอกเทศเลย เหอๆๆ ก็เลยรีบแล่นกลับบ้านไปบอกคุณเจ๊ แบบชักแม่น้ำทั้งห้ามาก คุณเจ๊แกก็ฟังโดยดี ค่อนข้างเห็นด้วย เล่าๆๆแจกแจงตามที่ฟังพี่คนที่เราไปถามข้อมูลมา เ้อ้อ บอกไว้ตรงนี้เลยว่าพี่คนนี้ชื่อ พี่ป็อบ (แล้วต่อไปจะเรียกแบบนี้ไปตลอด เป็นอันรู้กัน) พี่เค้าบอกเราว่า ทางการของออสซี่เค้าเหมือนกันการันตีให้คนไทยที่ไปเรียนระดับอุดมฯที่นั่น เพราะว่าไปกันแล้วก็ตั้งใจเรียนกัน ไม่ได้สมัครเรียนไปส่งๆแล้วไปแอบทำงาน เหมือนพวกที่สมัครเรียนอาชีวะ หรือเรียนภาษาเค้าทำกัน บางคนแอบทำงานเกิน เรียนตก มันก็ส่งผลกั[วีซ่าใช่ไม๊ แต่พวกเด็กอุดมฯไม่ทำตัวเสียอย่างงั้น เลยยกเว้นให้ คุณเจ๊ก็พยักหน้าไปหงึกๆ พอเห็นช่องดังนี้ก็เลยใส่เลยว่า เนี่ย ก็เท่ากับว่าเราจ่ายแค่ค่าเรียนกะค่ากินอยู่ จ่ายค่าเรียนต่อเทอม แล้วค่ากินอยู่ก็โอนไปต่อเดือน แบบนี้ไม่ลำบากดี ไม่ต้องหาเงินเข้าบัญชีให้มีเงินมากพอที่จะผ่าน เรียนอุดมฯเค้าเอาเป็นล้านๆเลยนะ เมื่อคุณเจ๊ได้ฟังดังนี้ก็คล้อยตามสุดริด แล้วจากนั้นก็เอาเข้าที่ประชุมสภาของบ้าน เป็นอันว่าผ่านมติ
เย้ เย้ เย้ เย้ ได้ไปเรียนเมืองนอกแร้วกรู
ความจริงคิดมานานแล้ว เรื่องเรียนต่อเมืองนอกเนี่ยนะ คือเพิ่งเริ่มมาเสียดายที่ไม่ยอมไปสอบสัมภาษณ์ AFS ก็ หลังจากที่เพื่อนพวกที่มันไปกันเริ่มกลับมา เฮ้ยย แม่งพูดแก่งขึ้นว่ะ ได้อะไรๆมาเยอะแยะเลย อยากบอกว่าโคตรเสียดายเลยอ่ะ เพราะเชื่อว่าตัวเองน่าจะไปได้ ถ้าไม่ได้เลือกประเทศที่สูงๆ อย่างเมกา หรือแคนาดา หุหุ แต่ก็เออ มันแล้วไปแล้วอ่ะ ช่างมัน แล้วก็เริ่มมาคิดอีกทีก็ตอนม.6 ปลายๆเทอมแรก คือก็มีอีพวกที่ไปนอกปีนึงอะแหละ พวกทุนพก. 55+ มันกลับมากันอีก อินี่ก็ต่อมกิเลสแตกแล้วไง อยากไปอย่างเค้าอีก อยากไปมาตลอด แต่ไม่กล้าบอกที่บ้าน (มาบอกทีหลังถูกด่าอีก ว่าทำไมตอนนั้นไม่บอก ) สุดท้ายเลยไม่ได้ไป จนพับโครงการยาวเลย
กลับ มาคิดถึงอีกทีตอนปีสามโน่นแล้ว ก็ไปหาข้อมูลนะ หาไปหามากลับไม่อยากไปซะงั้น เพราะมันเปลือง ตอนนั้นรู้สึกแบบเป็นบ้าไรวะเนี่ยกรู เปลี่ยนใจไปมาหลายรอบมากอ่ะ กลัวที่บ้านเปลืองตังค์ กลัวนั่นกลัวนี่สารพัด กลัวเรียนไม่รอดด้วย พับแผนอีก 55+ ถ้าเป็นกระดาษนี่ยู่ไปแล้ว พับไปพับมาหลายรอบเกิ๊น
โอ เค พอเรียนจบทำงานแบบบ้าๆบอๆ เข้าที่นั่น ออกที่นี่ได้ปีนึง จริงๆมีช่วงที่ว่างงานแล้วไปลงเรียนที่สมาคมฝรั่งเศสอย่างเดียวด้วยแหละแต่ ไว้เดี๋ยวเขียนถึงในอีกเรื่องนึง หุหุ จนตอนทำงานที่ล่าสุด ช่วงนั้นก็พอดีว่าเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองขึ้นมาอย่างนึง ที่พันธมิตรไปบุกที่สถานี NBT แล้วก็เข้าไปยึดสภาอ่ะ คือตอนนั้นอารมณ์แบบ เจ้ดดด บ้านเมืองกรูเป็นดินแดนอะไรไปแล้ววะ แม่ม ใครคิดจะทำอะไรก็ทำได้แล้วรึไง บ้าไปแล้ว เลยนึกอยากหนีเมืองไทยขึ้นมา ตัดสินใจเอาวันนั้นเลยว่าจะไปเรียนต่อ เพื่อหาลู่ทางที่จะขอเป็น PR ที่ ออสเตรเลียได้ไม่อยากจะอยู่มันแล้วบ้านนี้เมืองนี้ ไปให้พ้นๆดีกว่า แล้วอีกหน่อยจะรับคุณป๋ากะคุณเจ๊ไปอยู่ด้วย รับเบบี๋ไปด้วย คริคริ แบบฟันเฟื่องมากๆอะคิดว่าไปแล้วจะได้โอกาสที่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อ่าาา ลืมบอกไปเลยว่า PR คืออะไร พูดง่ายๆ มันคือ green card แห่งแดนจิงโจ้นี่เอง ซึ่งเค้าจะมีหลักเกณฑ์การให้คะแนนแบบต่างๆอยู่ด้วย เพื่อประเมินแต่ละคนๆไป ว่าจะไ้ด้รึเปล่า (มั่นเหลือเกินว่าตัวเองคงได้ เหอๆๆ) แล้วตอนนี้ก็มีคนไทยเรานี่แหละ นิยมที่จะไปลงเรียนในสาขาวิชาที่ขอ PR ง่าย ได้คะแนนดี เมื่อคิดดังนี้แล้ว ทำให้อยากไปกะเค้ามั่ง จะได้หนีความเส็งเคร็งบางอย่างจากที่นี่ไปซะ
ก็เลยไปปรึกษาที่ agent ศึกษาต่อ IDP ในเย็นวันนั้นเลย พอดีว่าสมัยก่อนเราเรียนแถวสีลม ซึ่ง agent นี้เค้าก็ไปที่โรงเรียนบ่อยแหละ ไปแนะนำหลักสูตรอะไรของเค้าเนี่ยนะ เลยรู้จักอยู่ พอไปคุยกับเค้าถึงความต้องการ เค้าก็ให้เอกสารของทางสถาบันต่างๆมาดู พร้อมกับแนะนำด้วยนะว่า สำหรับคนที่ไปเรียนระดับอุดมศึกษา ขอวีซ่าแบบนี้ไม่ต้องใช้ statement แล้ว เพราะสมัยก่อนถ้าจะไปเรียนที่นี่ต้องแสดงการเงินหมดเลย แต่ตอนนี้เพิ่งเปลี่ยนกฎไง พี่ที่ประโยคนี้เองที่ทำให้ตาโต จากตอนแรกที่ตาโตอยู่แล้ว คราวนี้เท่าไข่นกกระจอกเทศเลย เหอๆๆ ก็เลยรีบแล่นกลับบ้านไปบอกคุณเจ๊ แบบชักแม่น้ำทั้งห้ามาก คุณเจ๊แกก็ฟังโดยดี ค่อนข้างเห็นด้วย เล่าๆๆแจกแจงตามที่ฟังพี่คนที่เราไปถามข้อมูลมา เ้อ้อ บอกไว้ตรงนี้เลยว่าพี่คนนี้ชื่อ พี่ป็อบ (แล้วต่อไปจะเรียกแบบนี้ไปตลอด เป็นอันรู้กัน) พี่เค้าบอกเราว่า ทางการของออสซี่เค้าเหมือนกันการันตีให้คนไทยที่ไปเรียนระดับอุดมฯที่นั่น เพราะว่าไปกันแล้วก็ตั้งใจเรียนกัน ไม่ได้สมัครเรียนไปส่งๆแล้วไปแอบทำงาน เหมือนพวกที่สมัครเรียนอาชีวะ หรือเรียนภาษาเค้าทำกัน บางคนแอบทำงานเกิน เรียนตก มันก็ส่งผลกั[วีซ่าใช่ไม๊ แต่พวกเด็กอุดมฯไม่ทำตัวเสียอย่างงั้น เลยยกเว้นให้ คุณเจ๊ก็พยักหน้าไปหงึกๆ พอเห็นช่องดังนี้ก็เลยใส่เลยว่า เนี่ย ก็เท่ากับว่าเราจ่ายแค่ค่าเรียนกะค่ากินอยู่ จ่ายค่าเรียนต่อเทอม แล้วค่ากินอยู่ก็โอนไปต่อเดือน แบบนี้ไม่ลำบากดี ไม่ต้องหาเงินเข้าบัญชีให้มีเงินมากพอที่จะผ่าน เรียนอุดมฯเค้าเอาเป็นล้านๆเลยนะ เมื่อคุณเจ๊ได้ฟังดังนี้ก็คล้อยตามสุดริด แล้วจากนั้นก็เอาเข้าที่ประชุมสภาของบ้าน เป็นอันว่าผ่านมติ
เย้ เย้ เย้ เย้ ได้ไปเรียนเมืองนอกแร้วกรู
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น