คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : มิตรภาพที่สับสน
ตอนที่ 2 มิตรภาพที่สับสน
เรื่องราวที่ผ่านเข้ามากระทบใจอันบอบบาง ความรู้สึกดี ๆ มีต่อกันรวดเร็วเกินที่สองใจต้านทาน ต่างก็ปล่อยให้หัวใจเรียกร้องเอาความอบอุ่นเยียวยาความเจ็บร้าว
หญิงสาวผู้อ่อนแรง และหลงทางผ่านเข้ามาเพื่อขอร่มเงาความรักในบางเวลา กับชายหนุ่มที่อ้างว้างกับห้วงเวลาที่ขาดหาย รักที่เคยหวานทำร้ายใจจนไม่อยากเปิดประตูรับใคร
สายตาเว้าวอนเหมือนเป็นคำอุทธรณ์จากหญิงสาวทำให้หัวใจที่แข็งกร้าวราวภูผาละลายลงไปได้อย่างง่ายดาย
“ดาวคงอยากพัก ยังไงพักที่นี่ก่อนแล้วกันนะ ผมจะดูแลดาวเอง ดาวทำอะไร ขอให้อยู่ในความดูแลของผมก็แล้วกันนะ คือว่า...ผมเป็นห่วงน่ะ ไม่มีอย่างอื่นแอบแฝง”
เพียงดาวจ้องมองเขานิ่งนานเหมือนโดนสะกดด้วยคำพูดง่าย ๆ เขาเป็นคนหน้าตาดีผิดตรงที่เขากับเธอเพิ่งเจอหน้าควรจะไว้ใจเขาเช่นนั้นหรือ
หญิงสาวยังหวั่นใจที่จะยอมรับว่าพอใจในตัวเขาไม่น้อย ต่างไม่กล้าแสดงออกว่าพอใจซึ่งกันตั้งแต่แรกเห็น
“ดาวกวนเธอกับเพื่อน ๆ มากเกินไปหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร อยู่ต่อเถอะนะ เรามาเที่ยวกัน ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ไว้ใจผมได้ เราไม่ได้เป็นคนร้าย”
“แต่ดาวเป็นคนอื่น ใคร ๆ เขาอาจจะมองไม่ดี”
เธอเริ่มหวั่นใจกับสายตาที่มองมามันมีความหมาย หญิงสาวคงจะดูแปลกถ้าไม่รู้สึกอะไรกับจูบที่สัมผัสจากชายหนุ่มที่พบเจอ
ชายแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก มันไม่แปลกหรอกหากเธอจะไว้ใจใคร ๆ เพราะคนที่ใกล้ชิดรู้จักกันมานานแต่กลับหักหลังเธออย่างเลือดเย็น แล้วเธอจะยังต้องแคร์กับคำว่าเวลาอีกงั้นหรือ ?
“เราเริ่มจากการเป็นเพื่อนกันสิ จะได้ไม่คิดมาก” เขาเสนอทางออก หากเธอจะเดินจากไปยามนี้คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย หัวใจที่เบ่งบานของเขาคงกลับไปเหี่ยวเฉา
“เอางั้นเหรอ เราเพิ่งจะพบกันเป็นเพื่อนกันได้เลยงั้นเหรอ”
สายตาต้องการคำตอบเพราะหัวใจของเธอตอนนี้มันว่างเปล่า คงไม่สนกับความปลอดภัยเพียงต้องการแค่ใครสักคนให้ได้ซบอกกว้าง ไหล่ของเขาคงจะว่างพอให้หญิงสาวผู้หลงทางอย่างเพียงดาวได้ซับน้ำตา
“เราชื่อเพียงดาว แล้วเธอล่ะ” เธอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการยืนยันว่าสายสัมพันธ์ที่ต่างก็ต้องการกำลังก่อตัว
“ผมเฉกชน แต่เพื่อน ๆ มันเรียกว่าเอ็ม เพียงดาวจะเรียกว่าเอ็มหรือชลก็ได้นะ เราเป็นเพื่อนกันแล้วผมไม่ถือหรอก” เขายิ้มให้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรชายหนุ่มถึงอยากกอดเธอ เธอก็คงเป็นเช่นนั้นเหมือนกันแววตาเธอบอกว่าต้องการเช่นนั้นมันเหมือนเป็นการเชื้อเชิญหรือแท้จริงแล้วเขาอาจจะคิดไปเองว่าเธอต้องการ
มันเป็นเพียงแค่ความคิดที่เพ้อไปคนเดียว
“ดาวเรียกเธอว่าเอ็มเหมือนคนอื่น ๆ แล้วกันนะ คงไม่ว่ากัน”
“เป็นเพื่อนกันแล้วดาวก็ไม่ต้องเกรงใจนะ วันนี้ถ้ายังไม่มีที่ไปอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ เอ็มจะได้ดูแลดาวไง”
เขาเสนอตัวด้วยความเต็มใจ รอยยิ้มกว้างแสดงถึงความสุขที่ก่อตัวขึ้นแบบง่าย ๆ มันเป็นเพียงการสนองตอบความต้องการของหัวใจที่ต่างก็พยายามทำให้มันดีขึ้น
ชายหนุ่มเดินนำหญิงสาวเข้าไปยังบ้านพัก
“เมธ วันนี้ดาวจะพักอยู่กับเรานะ”
เพื่อน ๆ ในกลุ่มหันมามองด้วยสายตาแปลกใจ ต่างก็ฉงนกับท่าทีของเฉกชนที่สนใจหญิงสาวอย่างเปิดเผย นานมาแล้วที่ชายหนุ่มไม่ยอมมองสาว ๆ จนเพื่อน ๆ ต่างก็พากันคิดว่าเขาจะเบี่ยงเบนหันมาสนใจกลุ่มไม้ป่าเดียวกัน แต่ยังไม่ชัดเจนที่จะกล่าวหา
“แล้วดาวจะพักกับเรากี่วันเหรอ”
ปรเมธทำเสียงเหมือนไม่เชื่อที่เห็นเฉกชนบอกว่าจะพาผู้หญิงเข้ามาพักด้วย เฉกชนทำเป็นไม่สนใจว่าเพื่อน ๆ กำลังแซว
ชายหนุ่มถือว่าตัวเองนั้นมีโลกส่วนตัว และพอใจที่จะทำอะไรตามใจตัวเอง มันเป็นเพียงเสียงนกเสียงกาที่เข้ามาเพิ่มสีสันให้กับชีวิต
“จนกว่าเพียงดาวจะสบายใจ และบอกฉันว่าไม่อยากอยู่ต่อ โอเคป่ะ”
เพื่อน ๆ พากันหัวเราะเมื่อเห็นว่าเฉกชนแสดงความพอใจในตัวหญิงสาว ความเป็นชายชาญของเขากำลังต้องการบางสิ่งเข้ามาเติมเต็ม
“ถามเจ้าตัวเขาหรือยังครับเพื่อน เดี๋ยวหน้าแตกไม่รู้ด้วยนะ”
ปรเมธยังไม่เลิกเหมือนเป็นการยั่วให้เพื่อนเกิดอารมณ์ ไม่มีเจตนาที่จะให้เกิดความขุ่นเคือง แต่เป็นนิสัยเดิมที่เขามักจะทำให้มีเรื่องคุย
“ไม่ต้องพูดมาก สั่งข้าวมาเผื่อฉันกับคุณดาวด้วย ฉันจะพาดาวเข้าไปอาบน้ำก่อน แล้วเจอกันที่ร้านเดิม”
“เอางั้นเลยเหรอเพื่อน นี่นายเห็นฉันเป็นคนใช้นายตั้งแต่เมื่อไหร่”
เสียงกลั้วหัวเราะของปรเมธทำให้เฉกชนไม่ถือสากับน้ำคำประชดประชัน เพื่อนกันมีเรื่องให้ได้พูดคุยตลอดเวลาไม่ว่าจะดีจะร้ายต่างก็หยิบมาพูดคุยได้เสมอ
“ดาวเข้าห้องกันดีกว่านะ” เขาพูดกับหญิงสาวเบา ๆ ไม่อยากให้เพื่อนได้ยินเพราะอาจจะทำให้หญิงสาวเกิดความเขินอาย
“โฮ...ชวนกันเข้าห้องกลางวันแสก ๆ เลยวะ เพื่อนฉันไม่ธรรมดาจริง ๆ”
ปรเมธพูดไล่หลังเฉกชนถือวิสาสะดึงมือเพียงดาวเข้าห้องโดยยังมีสายตาของเพื่อน ๆ จ้องมองอยู่ การนิ่งเฉยของเขาทำให้เพื่อนไม่กล้าแซวต่อ
“ดาวอยากอาบน้ำไหม เดี๋ยวผมหาเสื้อให้เปลี่ยน” เธออยู่แบบเปียกบอนมากว่าชั่วโมง
เพียงดาวพยักหน้ารับ เขาเลือกเสื้อผ้าจากกระเป๋าเดินทาง เพียงดาวมองตามทีละตัวมีแต่เสื้อผู้ชาย กางเกงฟุตบอล ทั้งคู่มองหน้ากันค้นหาคำตอบ
ต่างก็ยิ้มออกมาพร้อม ๆ กัน ความสุขที่เกิดขึ้นในหัวใจสามารถรับรู้ได้ ไม่บ่อยนักที่คนเราจะปล่อยใจไปกับความรู้สึกที่ไร้ขอบเขต ตามใจตัวเองทำในสิ่งที่อยากทำ
“ใส่เสื้อของผมได้หรือเปล่า”
เพียงดาวยิ้มให้ เธอกำลังชั่งใจ ถ้าใส่เสื้อของเขาแล้วกางเกงต้องใส่ของเขาด้วยไหม
“ค่ะ...อะไรก็ได้”
“ผมมีกางเกงเลด้วยแต่ไม่รู้อยู่ไหน หาไม่เจอ เดี๋ยวดาวไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน ผมหาเอง” เขากุลีกุจอ และดูตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็น
ชายหนุ่มรู้สึกรำคาญตัวเองตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ๆ หญิงสาวน่ารัก
“เราเอามา แล้วมันอยู่ที่ไหนนะ”
เขาเดินวนไปมา สุดท้ายก็เดินออกไปที่นอกระเบียงเห็นผ้าเช็คตัวตากอยู่ข้างนอกเขาตรงเข้าไปหยิบ มืออีกข้างก็คว้ากางเกงเลสีม่วงติดมือขึ้นมาด้วย
เขาชอบม่วงซึ่งผิดวิสัยของชายหนุ่มเป็นเหตุให้เพื่อน ๆ ล้อว่าเขาเป็นเสือใบ เพราะกางเกงเลสีม่วงอ่อนที่เขาซื้อเอามาตอนที่แวะร้านขายของฝากมันบ่งบอกความนัยบางอย่าง
หญิงสาวเองก็ชอบในสีม่วงอ่อนซึ่งมีความคล้ายคลึงกันอย่างบังเอิญ
“เอามาซ่อนตรงนี้นี่เอง เจอแล้ว ดาวคงจะใส่ได้”
เพียงดาวอาบน้ำสักพักเธอก็ส่งเสียงร้องเรียกเขาออกมาจากห้องน้ำ
“เอ็มค่ะ”
“ครับ เอาอะไรครับ”
“ดาวอยากได้ผ้าเช็ดตัว หาให้ดาวหน่อยได้ไหมคะ” เธอต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ไม่จริต แต่กลับเหมือนเป็นการทอดสะพานให้คนแปลกหน้าอย่างไม่ตั้งใจ
“รอเดี๋ยวพอดีผมเอาผ้าเช็ดตัวออกมาตากนอกระเบียง ดาวเปิดประตูให้ผมสิ”
เพียงดาวนิ่งเงียบไป จะทำอย่างไรดี ผ้าเช็ดตัวไม่มีแต่เสื้อกับกางเกงขาสั้นเธอก็ซักจนเปียกปอนไปหมดแล้ว ผ้าเช็ดตัวก็ไม่มีในห้องน้ำ
“เอ็มส่งมาเข้ามาเลยนะ แต่ต้องหลับตาก่อนนะ”
เฉกชนนิ่งคิด จริงสิเขาจะเข้าไปหาเธอเลยคงไม่ได้ ลืมคิดไปว่าเธอเป็นผู้หญิง มันคงไม่เหมาะ เขาควรให้เกียรติผู้หญิงมากกว่าจะคิดเอาเปรียบยามที่มีโอกาส ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันลำพังหรือว่ามีใครอยู่ด้วยก็ตาม
“งั้นดาวค่อย ๆเปิดประตูแล้วกัน ผมจะส่งเข้าไปให้นะ”
“เอ็มหลับตาหรือยัง”
“หลับตาแล้ว เปิดประตูเถอะ”
เฉกชนหลับตาเดินตั้งแต่นอกระเบียง ค่อย ๆ เดินเข้าที่ประตูห้องน้ำ เพียงดาวเปิดประตูยื่นหน้าออกมาเห็นเธอนึกขำเผลอเอามือขึ้นปิดปากตัวเอง เขาคงเขินน่าดูถ้าลืมตาขึ้นมาเห็นว่าเธอรู้ว่าเขาต้องเดินคลำทางมาตั้งแต่อยู่นอกระเบียงแทนที่จะเดินมาหน้าห้องน้ำแล้วค่อยหลับตา
เพียงดาวมองดูเขาที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ หญิงสาวแอบยิ้มกับความซื่อของชายหนุ่ม น่ารักไปอีกแบบ เป็นเสน่ห์ของชายหนุ่มที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ขอบคุณนะ ลืมตาได้แล้ว” เพียงดาวดึงผ้าจากมือของเขาอย่างไว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเหมือนจงใจเร่งรีบเธออยากให้เขาหลุดพ้นจากบ่วงความรับผิดชอบ
“ลืมตาได้แล้วเหรอ”
“ได้แล้วจร๊า ลืมตาเลย ไม่เป็นไรหรอก”
เสียงเพียงดาวฟังดูเหมือนมีรอยยิ้ม ซึ่งเธอเองก็ยิ้มอยู่จริง ๆ เกือบจะเรียกว่าหัวเราะเลยทีเดียว แต่เขายังไม่กล้าที่จะเปิดตา หากเธอยังไม่พร้อมเขาอาจจะกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาของหญิงสาว
ชายหนุ่มไม่ควรที่จะเสี่ยงกับความประทับใจซึ่งอาจจะลดน้อยลง
“แน่ใจนะ”
“เปิดตาได้แล้ว ลืมตาได้จริง ๆ ไม่หลอกหรอกนา”
“จะเปิดแล้วนะ ดาวโอเคแน่นะครับ”
เขายังมีท่าทีไม่กล้า และแล้วเพียงดาวก็ตัดสินใจเป็นคนดึงมือเขาออกเอง เธอยิ้มให้พร้อมกับเดินออกมาจากห้องน้ำ เฉกชนมองตามด้วยความตะลึง เธอน่ารักมากยามที่ใส่เสื้อตัวโคร่ง เอาผ้าเช็ดผมที่เปียก หน้าตาสดใสกว่าที่พบกันในครั้งแรก ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก เสื้อยาวลงมาคลุมเกือบถึงเข่า ตัวเธอเล็กกว่าเขามาก แทบจะไม่จำเป็นต้องใส่กางเกงก็ดูไม่รู้ว่าเธอเปลือยทอนล่าง
ผู้หญิงดูเซ็กซี่เวลาที่ใส่เสื้อผ้าของผู้ชาย
“ดาวหิวหรือยัง”
เขาถามแก้เขินขณะที่จ้องหน้าหัวใจเต้นโครมคราม เพียงดาวเดินเลี่ยงไปอีกทางโดยที่เฉกชนยังเดินตามอย่างลืมตัว เหมือนโดนมนต์สะกดให้หลงอยู่กับภาพตรงหน้า
“ดาวจะตากผ้า”
เขาเขินอีกครั้งเพราะเธอหันมาสบตาในระยะใกล้ ๆ หน้าแดงเพราะเขินอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำอะไรดูเก่งก้างไม่ลงตัว
ช่วงเวลาสั้น ๆ สัมผัสถึงความผูกพันที่ต่างก็อยากให้มันตรึงหัวใจให้หยุดอยู่ด้วยกัน
“สำหรับดาว คงพอจะใส่ได้นะ”
“ขอบคุณนะ เอ็มมีน้ำใจมากเลย”
เขายื่นกางเกงเลสีม่วงอ่อนให้แล้วเดินกลับมานั่งรอที่นอกระเบียง เฉกชนนั่งไม่นิ่งเพราะเป็นกังวล กลัวว่าจะดูแลเธอไม่ดี ใจคิดไปต่าง ๆ นานา เขาอาจจะห้ามใจไม่ไหวเพราะความน่ารัก ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ความประทับใจอาจจะขาดหายไป
“ไปกันได้หรือยังคะ”
หญิงสาวใช้เวลาในการสวมกางเกงเพียงเล็กน้อย รวดเร็วจนเขาแทบกะพริบตาไม่ทัน เธอดูดีกว่าเดิมมาก อาจเป็นเพราะเขาชอบเธอจึงเห็นว่าทำอะไรก็น่ารักไปหมด
มันเป็นความประทับใจที่ชายหนุ่มทั่ว ๆ ไปรู้สึกกับหญิงสาวที่ตัวเองชอบพอ
“มีร้านอาหารประจำด้านโน้น ไปกันเถอะ”
เขาเดินนำเธอออกมาที่ร้านอาหาร เพื่อน ๆ นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ซึ่งปรเมธคนเดิมเป็นคนนำล่อง
“ไงวะ เรียบร้อยแล้วเหรอว่ะ ตัวเบามาเลยสิท่า” เขาทำตากลุ้มกริ่มมองหน้าเพื่อนอย่างมีเลศนัย
“อย่าเชียวนะมึง สงบปากสงบคำเอาไว้ ไม่งั้นเจอดีแน่”
เฉกชนปรามเพื่อนเสียงดัง เขาเดินไปหาที่นั่งซึ่งเป็นที่ด้านริมสุดมองเห็นบรรยากาศของทะเลยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี
ผู้คนไม่ค่อยมากเพราะไม่ใช่วันหยุด แต่พวกเขามาพักผ่อนเพื่อทำงานส่งอาจารย์โดยการเก็บภาพสวยๆ ที่สามารถเล่าเรื่องได้ นำเสนอไอเดียของคนรุ่นใหม่เพิ่มด้วยเรื่องราวที่ควรพัฒนา
“ดาว เราสั่งอาหารจานเดียวไว้ให้กินได้หรือเปล่า”
พาฝันสาวหล่อในกลุ่มออกตัวทักทายเป็นการขัดอารมณ์ของปรเมธไปชั่วขณะ สายตาของเพื่อน ๆ ต่างมองเพียงดาวในมุมที่ต่างออกไป
ลมทะเลคงพัดพาหญิงสาวหลงทางมาเจอกลุ่มของพวกเขาในเพียงแค่ชั่วคราว ความหลงใหลที่เกิดขึ้นก็คงเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเหงา
“ทานได้ค่ะพี่ ขอบคุณมากนะคะ” เพียงดาวตอบพร้อมกับขยับตัวลงนั่ง ซึ่งเฉกชนดึงเก้าอี้ให้ ภาษาร่างกายที่ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดต่างก็เข้าใจ
“บริการทุกระดับประทับใจเชียวนะมึง ไอ้เอ็ม กลัวไม่ได้เป็นพระเอกงั้นดิ”
ปรเมธยังไม่เลิกค่อนแคะ เฉกชนเริ่มมองด้วยสายตาขุ่นเคือง การพูดแบบนี้อาจจะทำให้สายสัมพันธ์ของเขากับหญิงสาวร้าวฉานได้
“เลิกปากปีจอได้แล้ว” เสียงเข็ม ๆ ของเฉกชนดังขึ้นข้าง ๆ หู ปรเมธแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ไม่สนใจว่าเพื่อนกำลังตำหนิ
“อ้าว เป็นหมาหัวเน่าเลยกู พอมันมีหญิงลืมเพื่อนเลยนะมึง งี้ทุกทีเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน”
“มันก็ของแน่อยู่แล้ว เมธ ปล่อยเพื่อนสักวันไม่ได้เหรอว่ะ” พาฝันช่วยปรามอีกคน สายตาของสาวหล่อหันมองเพียงดาวเปลี่ยนท่าที หญิงสาวรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวเมื่อสายตาคู่นั้นจ้องมองบ่งบอกบางอย่างที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อ
เพียงดาวรู้สึกสะกิดใจนิด ๆ เธออาจจะเป็นส่วนเกินเพราะในกลุ่มยังมีสาวหน้าหวานอีกคนที่นั่งยิ้มไม่แสดงให้เห็นว่าพอใจหรือไม่พอใจในขณะที่เธอเข้ามาเป็นเพื่อนใหม่ในกลุ่ม
“ดาว นี่รุดากะพาฝัน เพื่อนผม เราเพื่อนกันทั้งนั้นครับ พวกเรานี่เพียงดาวเพื่อนฉัน รู้จักกันไว้ซะ”
เฉกชนแนะนำอย่างเป็นทางการ ส่วนปรเมธรู้จักตั้งแต่ตอนแรกที่เจอเฉกชนเพียงมองแล้วเลยผ่าน อาจจะเป็นเพราะเบื่อที่จะต้องแก้เก้อที่ชายหนุ่มอาจจะพูดระคายหูเพื่อนใหม่ได้
“สวัสดีค่ะ”
เพียงดาวอ่อนกว่าทุก ๆ คนจึงเป็นฝ่ายยกมือไหว้ ทุกคนงง ๆ ที่เห็นหญิงสาวยกมือไหว้อ่อนน้อม แทบไม่เชื่อสายตาว่ายังมีเด็กสาววัยรุ่นแสดงกิริยาแบบนี้ให้เห็นในเมืองไม่หลับใหล เมืองแห่งนี้น่าจะมีสาวใจแตกที่เดินหลงทางไปเกลื่อนเมือง และเพียงดาวก็จัดอยู่ในกลุ่มนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“น้องดาวไม่ต้องมากเรื่องหรอกเป็นเพื่อนกันดีกว่า ไม่ต้องมีพิธีอะไรหรอกฮ่ะ เรายังไม่แก่ขนาดต้องยกมือไหว้นะ”พาฝันทำท่าเป็นแมนขยับตัวเข้ามาใกล้เหมือนกำลังจะโอบไหล่ ปรเมธมองตาขวางรู้ดีว่าไม่เหมาะหากพาฝันจะขายขนมจีบกับเพียงดาวซึ่งหน้า
ถึงจะเป็นการล่อเล่น ทำไปเพราะความคะนองอย่างไรก็ไม่เหมาะ
“พา มึงไม่ต้องเสนอหน้า น้องเขามีคนดูแลอยู่แล้ว” ปรเมธต่อว่าเสียงดัง
“อ้าว ไอ้เอ็มไม่เห็นพูดสักคำ มึงเสือกอะไรวะเมธ” ทาทางห่าม ๆ ของพวกเขาดูเหมือนจะรุนแรงแต่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้นอย่างเหนียวแน่น เพียงดาวรู้สึกอิจฉาที่เพื่อน ๆ เขาพูดกันได้ทุก ๆ เรื่อง ซึ่งต่างไปจากเธอ เพื่อนกันกลับหักหลังทำร้ายจิตใจเธอจนแหลกลาน
ยังจะไว้ใจคำว่าเพื่อนได้อีกหรืออย่างไร
“ทานข้าวได้แล้ว ดาวจะได้ไปพัก เอ็มตักข้าวให้น้องสิ”
รุดาตัดบทก่อนที่ทุกคนจะทำให้บรรยากาศเสียไป ตลอดเวลาเพียงดาวแอบเห็นว่าพาฝันพยายามดูแลรุดาเป็นพิเศษ จนเธอรู้สึกว่าสองคนนั้นเป็นมากกว่าคำว่าเพื่อน ความต่างของคนอยู่ที่ความพอใจ
หญิงสาวเริ่มใจกล้าที่จะให้ความสนิทสนมกับเฉกชนมากขึ้น เขาอาจเป็นเสือใบอย่างที่ปรเมธว่า และหากมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เธอก็จะปลอดภัยหากอยู่ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม
หากลบเลือนคำว่าแปลกหน้าออกไปเฉกชลก็ไม่น่ากลัวอะไรเลย
*******************
เวลาผ่านไปช้า ๆ ดูพวกเขาพูดคุยสนิทสนมกันมากไม่เหมือนเธอที่มีเพื่อน แต่เพื่อนกลับมาสวมเขาให้ทำให้เธอต้องกลายมีเป็นคนโง่ในชั่วข้ามคืน
ความเจ็บปวดแทรกซึมกลับมาอย่างไม่รู้ตัว แววตาเหงาเหม่อมองไกล ถ่ายทอดเรื่องราวที่ซ่อนเร้นอยู่ลึก ๆ ในใจ
“ดาว เป็นอะไรเหรอเหม่อเชียว”
เธอสะดุ้งเพราะคำถามเบา ๆ ข้างหู เธอนั่งชิดกับเขามากเกินไปหรือเปล่า ? หญิงสาวชักไม่แน่ใจตัวเอง ความรู้สึกค้านตัวเองในใจตลอดเวลา หากจะปล่อยตัวไปกับเสน่หาที่วิ่งผ่านเข้ามาทักทายในยามเหงา
หญิงสาวกลายเป็นคนใจง่ายไปหรือเปล่า แต่เป็นคนใจง่ายกับคนมักง่ายอะไรกันนะที่มันเลวร้ายกว่ากัน เพียงดาวเริ่มสับสน
เธอต้องใช้อะไรในการนำทางชีวิต ความรัก หรือความพอใจ
“เปล่า ค่ะ ดาวแค่เห็นว่าเวลากลางคืนทะเลมันเหงาจังเลยเนาะ ไม่รู้สิ ดาวเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มันเหงาอย่างบอกไม่ถูก” น้ำเสียงเธอสั่นเครืออย่างที่ไม่เคยเป็น รู้สึกใจเสียเพราะคิดถึงเรื่องที่พึ่งผ่านมามันไม่น่าเกิดขึ้น
สาวสวยประจำโรงเรียนกับแฟนหนุ่มหล่อที่ใคร ๆ ก็บอกว่าคู่ของเธอกับอัยการเป็นคู่ที่ดูดีที่สุด แล้วถ้าใคร ๆ รู้ว่าอัยการแอบไปมีอะไรกับเพื่อนรักของเธอที่บ้านพักตัวเอง พวกเขาจะคิดอย่างไร เขาอาจจะคิดว่าอัยการเบื่อเธอแล้วหันไปคั่วกับเพื่อนแทนหรือมีเหตุผลอีกมากมายที่วนเวียนเข้ามาในสมอง เหมือนเป็นการตอกย้ำความโง่ของตัวเองที่ต้องคิดถึงแต่พวกเขา
น้ำตาเจ้ากรรมทำท่าจะไหลออกมาดื้อ ๆ
“เหงาจริงเหรอ งั้นวันนี้ดาวคิดได้หรือยังว่าจะค้างกะเราหรือเปล่า”
พาฝันพูดแทรกขึ้นมาทั้งที่เธอไม่ควรจะได้ยินเรื่องที่เพียงดาวกับเฉกชนพูดคุยกัน
“ยัยพา อย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเขาได้ไหม โน้นแกน่ะดูแลรุดาไป ผอมโซเพราะอดมาหลายวันแล้ว ผู้ชายไม่ตกถึงท้องมาเป็นปีแล้วสินะเท่าที่รู้” ปรเมธค้านไมตรีของพาฝัน
“ไอ้ บ้า ปากปีจอจริง ๆ นะแก เก็บปากไว้กินข้าวดีกว่านะ” รุดาชักไม่ไหวกับปากของปรเมธที่หันไปเจอใครจะกัดไม่เลือก
“กินข้าวอิ่มแล้วต่างคนต่างไปแล้วกัน อยากทำอะไรก็ตามสบาย แล้วค่อยกลับมาเจอกันที่บ้านพัก” เฉกชนพูดขึ้นขณะที่เพื่อนเริ่มมีความเห็นไม่ตรงกัน
“อ้าว อย่างงี้มันหมายความว่าอย่างไรเอ็ม มีหญิงแล้วลืมเพื่อนงั้นสิ” ปรเมธถามขึ้นเสียงหลง
“ก็หมายความว่าฉันจะพาดาวไปเดินเล่น ส่วนพวกเอ็ง ๆ ก็ไปทางใครทางมัน กลับมาก็หาที่นอนกันเอง ข้าจองห้องหนึ่งให้ดาว ส่วนเอ็งไอ้เมธนอนข้างนอก พาฝันกะรุดานอนด้วยกัน ฉันกะดาว...” เฉกชนหันไปมองหน้าเพียงดาวก่อนที่จะพูดต่อ
“ดาวจะนอนห้องเดียวกับผมหรือเปล่า”
เพียงดาวหน้าแดงเป็นลูกตำลึงไม่คิดว่าเขาจะขอนอนกับเธอต่อหน้าเพื่อน ๆ เช่นนี้ คำตอบของเธอควรจะตอบออกไปหรือไม่ หรือปล่อยมันเป็นเพียงปริศนาที่ใคร ๆ ก็อยากจะรู้
จบตอน
ความคิดเห็น