คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รอยอดีต
ตอนที่ 2 รอยอดีต
การเดินสำหรับชีวิตคนในเมือง ไม่สะดวกนักที่จะต้องใช้บริการขนส่งมวลชน นลินออกมายืนเคว้งหน้าโรงแรมหลังจากที่ทำงานเขาเกือบพังไปถึงสองครั้งสองครา หัวใจยังสั่นระริกรู้สึกแปลก ๆ กับการกระทำของตัวเอง
“ไม่น่าเลยเรา แทนที่จะเอารถมาเอง ลำบากไหมเนี่ยนลิน”
สายฝนเริ่มทำท่าเหมือนจะเทลงมา ชีวิตของคนกรุงมันต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา หญิงสาวยังคงไม่สามารถโยนความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดคุกรุนอยู่ในใจทิ้งไปได้ พี่น้องร่วมโลกเดียวกันที่หญิงสาวมักจะบอกตัวเองขำ ๆ แต่เมื่อมีโอกาสได้มาพบเจอกันกลับไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตให้กันรับรู้ได้
เสียงแตรรถดังขึ้นถี่ ๆ ทำให้หญิงสาวต้องหันไปมอง รถยนต์คันหนึ่งปาดเข้ามาจอดเทียบทำให้เธอรู้ในทันทีว่าเขาคือใคร
“น้ำ ๆ เรากำลังจะกลับบ้านพอดี กลับด้วยกันป่ะ”
ราชิตนั่นเองชายหนุ่มรูปหล่อหน้าเข้มผิวสีแทน หล่ออย่างไทย ๆ เพื่อนบ้านซึ่งหญิงสาวไม่คิดว่าจะได้เจออีก ครั้งความจริงเพิ่งเจอกันเมื่อเช้า เธอขอติดรถเขาออกมาจากบ้าน ซึ่งก็อยู่ใกล้กัน บ้านห่างกันเพียงสองสามหลัง ความสนิทสนมเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว เพราะเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง
“กลับสิ ไปไหนมาเหรอ ทำไมถึงผ่านทางนี้ได้”
“วันนี้ไม่ได้ทำอะไร ขับรถเที่ยวเรื่อยเปื่อย คนมันว่าง”
เขาตอบโดยไม่ได้สนใจที่จะมองหน้าหญิงสาว นลินนั่งจ้องหน้าเขาด้วยความฉงน ไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูดสักนิด
“โกหก มีอะไรที่น้ำไม่รู้งั้นเหรอชิต”
เสียงใส ๆ ที่รู้ทันมันทำให้เขาเกิดรอยยิ้ม ชายหนุ่มทำหน้าเข้ม แววตาจริงจังดูน่ารักยามที่แอบยิ้ม เขินอายที่โดนจับได้ไล่ทัน เขาไม่เก่งกับการตีสองหน้า แววตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความจริงใจ
“เปล่า ไม่มีอะไรเลย คิดอะไรงั้นเหรอ”
“เปล้า ไม่คิดอะไร แค่อยากรู้ว่าราชิตมีอะไรปิดบังน้ำหรือเปล่า บอกได้ป่ะ มีอะไรที่น้ำยังไม่รู้งั้นเหรอ”
เพียงได้พบเจอมันก็ทำให้ต่างก็รู้สึกสุขใจ ความใกล้ชิดเกิดขึ้นเพราะหัวใจของทั้งคู่ยังคงเปลี่ยวดาย ราชิตไม่เคยที่จะแสดงความต้องการหญิงสาวมากไปกว่าที่ได้ทำในทุก ๆ วัน มันคือความสุขที่ยังได้มองเห็นอยู่แบบนี้
“ผมแค่ผ่านมาแล้วเห็นน้ำยืนตรงนี้ก็เลยเรียก ไม่มีอะไร ทำไมต้องจับผิด”
“จริงอะ เชื่อก็ได้ แต่ก็ขอบคุณนะ ขอบคุณจริง ๆ ที่มีน้ำใจมารับ”
เธอรู้ทันว่าเขาคงไม่ได้ไปไหนไกลหลังจากที่ส่งเธอแล้ว ราชิตยิ้มนิด ส่ายหัวไปมา
“ไม่ใช่ แค่ผ่านมาเฉย ๆ คิดอะไรกะผมหรือเปล่าเนี่ย คิดอะไรก็บอกมาเลยนะอย่ามาอุบอิบคิดไปเอง ไม่เอา”
“ถ้าเอาแล้วจะต้องทำยังไง”
“บอกมา คิดอะไรกะเค้าป่ะ ถ้าคิดก็รีบบอกแม่ไปขอนะ”
สุขใจที่ได้กระเซ้าเย้าแหย่ให้มีรอยยิ้ม มันเพียงความต้องการทางใจที่ต่างก็รู้ว่าจะหาได้ที่ไหน เพราะรักคงไม่เกิดขึ้นเองหากไม่ช่วยกันถักทอ
“ทำไมต้องรีบ รออีกนิดไม่ได้เหรอ อยากทำงานก่อนอะ”
สองคนหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาดัง ๆ ต่างก็รู้ว่ามันจะช่วยให้ต่างระบายความเครียดที่อัดอั้นอยู่ในใจซึ่งความจริงไม่สามารถพูดกับใครได้ มันเป็นภาษากายที่ไม่รู้จะบอกเล่าอย่างไร บางคำพูดที่อาจทดแทนความรู้สึกซึ่งยังไม่เคยพูดกันจริง ๆ ว่าอยากฝากรักให้ช่วยดูแล
“เหนื่อยเหรอ พูดจาแบบนี้แสดงว่าเครียดมาใช่ไหม อยากเล่าหรือเปล่า”
ราชิตเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง ด้วยเห็นว่านอกเรื่องมาไกลสุดกู่
“มากเลยแหละ วันที่ทานข้าวที่บ้านไหม เดี๋ยวน้ารินคงจะมาแล้วล่ะ”
“ก็ดีนะ ที่บ้านคงไม่มีอะไรทาน อีกอย่างทานคนเดียว ไม่สนุก ฝากท้องด้วยคนนะ”
ราชิตยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องห่างจากหญิงสาวไปให้ไกลเกินใจคิดถึง สายตาของเธอที่มองเขามีเพียงความเป็นเพื่อนที่รับรู้ได้ไม่เคยมากไปกว่านั้น
ไม่นานนักทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงบ้านของนลิน ซึ่งก็ถือว่าใหญ่โต มีฐานะระดับกลาง ๆ ที่มาของบ้าน หญิงสาวไม่รู้อะไรมากนัก รู้แต่ว่าแม่พาเธอมาอยู่ที่นี่ และมีทอรินซึ่งเป็นน้องสาวของแม่ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด ลืมตาขึ้นมาก็เจอแล้ว
“ว่าไง ยัยน้ำ ไปรบกวนอะไรราชิตเขาอีก”
เสียงทักทายของทอรินดังมาจากด้านข้างของตัวบ้าน ซึ่งเธอกำลังให้ความสนใจอยู่กับดอกไม้สวย ๆ ที่บรรจงปลุกเองกับมือ ทุกอย่างที่ได้สรรค์สร้างมันเองคือความภาคภูมิใจ หากใครจะมองว่าไร้สาระไปบ้างก็ไม่เป็นไร
“น้าริน กลับบ้านเร็วอะวันนี้ นึกว่าจะต้องกินข้าวคนเดียว เลยชวนราชิตมากินเป็นเพื่อน”
“ข้ออ้าง หาเหตุผลเข้าข้างตัวเองตลอด ฉันรู้ทันหมดนั่นแหละ”
“สวัสดีครับน้าริน ฝากท้องด้วยคนนะครับ วันนี้ไม่อยากทานข้าวคนเดียวเหมือนกัน”
ราชิตตามน้ำ เขาสนิทสนมกับทอรินมากพอ ๆ กับที่รู้จักกับนลิน เข้านอกออกในได้พอ ๆ กับบ้านของตัวเอง เพียงแค่ยิ้มทักทาย ความจริงใจบ่งบอกทางสายตา บ้านที่มีเพียงหญิงสาวสองนางอยู่ด้วยกันลำพังในบ้างครั้งก็ต้องการคนมาอยู่ด้วยช่วยเหลือในบางสิ่งที่พวกหล่อนไม่สามารถทำเองได้
หลังอาหารเย็นได้เวลาที่สองน้าหลานจะได้พูดคุยถึงประสบการณ์ระหว่างวันที่เพิ่งผ่านมามาด ๆ
“เป็นไงบ้างน้ำ มีอะไรอยากจะเล่าให้น้าฟังหรือเปล่า”
ทอรินรอเวลาที่จะได้อยู่สองคนน้าหลาน เธอร้อนใจแต่ไม่แสดงอาการร้อนรนให้เสียลุค ถึงจะสนิทกับราชิตมากแค่ไหน การจัดระยะห่างระหว่างกันยังคงเป็นเรื่องสำคัญ
“ตื่นเต้นดีน้าริน เขาดูดีมากทีเดียว มันต่างจากน้ำอะดิ ดีแล้วที่เราอยู่กันคนละเส้นทาง”
“พูดเหมือนปลง คนพวกนั้นมันเห็นแก่ตัวจะตายน้ำจะไปยอมแพ้มันไม่ได้หรอกนะ น้าคนนึ่งแหละที่ไม่ยอม”
“โห พูดยังกะหนังดราม่า วันนี้น้ำเกือบทำเสียเรื่อง แต่แปลกนะน้าริน สายตาเขานิ่งเฉยมากเลยอะ ไม่โกรธ ไม่เกรี้ยวกราด เป็นผู้ดีมาก ๆ”
“เสแสร้งน่ะสิ ว่าแต่เราไปทำอะไร”
ทอรินยังสนใจกับการกระทำของนลินอยู่ เวลาที่ผ่านมาได้หล่อหลอมหัวใจที่บอบซ้ำให้กลายเป็นหินผา เธอเกลียดชังทุกการกระทำที่คนพวกนั้นสร้างเอาไว้ ทำให้พี่สาวคนเดียวของเธอทุกข์ระทมจนเจียนขาดใจ ก่อนตายเธอพยายามร้องขอให้รัก และดูแลนลินให้ดี
“เจอครั้งแรกก็เดินชนเขาจะล้มไม่เป็นท่า ไม่รู้ว่าจะมีภาพหลุดอะไรออกมาประจานหล่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี ไม่ได้ตั้งใจ แต่นางใส่กระโปรงสั้นมาก คงไม่รอด”
“นั่นแหละ ซะใจดีทำดีแล้วหลานรักของน้า ยายย่าสารพัดพิษนั่นจะได้ขายหน้าประชาชีทั้งเมือง สมน้ำหน้า เจ้ากี้เจ้าการนัก ว่าแต่...”
ทอรินนึกขึ้นได้ว่าหลานของตัวเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย มีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า หากความละเลยความใส่ใจอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกขาด หล่อนจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น หล่อนคัดค้านมาโดยตลอดเพราะความรักความรับผิดชอบถูกละเลยจึงทำให้นวลปรางต้องตายอย่างอนาถ
ความรักทำลายพี่สาวเธอจนลมหายใจสุดท้าย
“น้ำเป็นอะไรไหมล่ะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่งง ๆ ไม่คิดว่าการเจอกัน ความรู้สึกมันจะต่างออกไป ชีวิตเราต่างกันมากนะน้าริน น้ำว่าเราอย่าไปยุ่งกะเขาเลยดีกว่า น้ำมีงานทำแล้วเลี้ยงน้ารินได้ หรือถ้าน้ารินไม่อยากให้น้ำเลี้ยงก็หาผัวรวย ๆ สักคนเลี้ยงโอเคป่ะ ตกลงตามนี้นะ”
“ไม่ต้องนอกเรื่อง วีรกรรมที่ว่าไปก่อมามีแค่นั้นเหรอ แล้วแม่เนเน่อะไรนั่นว่าอะไรน้ำหรือเปล่า”
“ไม่เลย หล่อนน่าจะโกรธน้ำนะ แต่กลับมองน้ำเฉย ๆ ไม่แสดงท่าทีอะไร ถามแต่ว่าเจ็บไหมแค่นั้น ท่าทางจะห่วงน้ำด้วยนะน้าริน ไม่รู้สิ ไม่รู้สึกว่าเธอร้ายกาจอะไร”
“เฟค สร้างภาพ มันก็เหมือนย่ามันนั่นแหละ ฉันจำสายตาที่มันตามมาว่าพี่ปรางได้ อีพวกผู้ดีจอมปลอม”
เหตุการณ์ครั้งอดีตผุดขึ้นมาเตือนความทรงของหล่อนในทันที ในวันที่นวลปรางกับทอรินเดินไปส่งนลินที่โรงเรียน รถเก๋งคันงามของคุณนายสิรินาถปราดเข้ามาจอดเทียบทำให้นวลปรางกับลูกแทบจะเดินตกถนน
“นางปราง ฉันต้องคุยกับหล่อนให้รู้เรื่อง”
คุณนายทรงผู้ดีปรี่ลงมาจากรถปราดเข้ามายืนขวางนวลปรางเอาไว้ ทอรินยืนอยู่ด้านหลังถึงกับผงะ แต่กระนั่นก็ไม่ปล่อยให้ความกลัวทำให้หญิงสาวนิ่งเฉย ทอรินปรี่เข้าไปยืนขวางคุณนายสารพัดพิษอย่างไม่เกรงกลัว
“อย่ามาหาเรื่องพี่สาวฉัน ต่างคนต่างอยู่ไปซี”
“ออ นี่ร้ายกาจกันทั้งพี่ทั้งสองน้องเลยสินะ นางปรางฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามเสนอหน้าไปหายายเนเน่กับตาโน้ต ฉันไม่ต้องการให้หลานฉันรู้จักกับผู้หญิงชั้นต่ำอย่างหล่อน”
“แต่คุณแม่คะ ปรางแค่”
“หยุด หุบปากพร่อย ๆ ของหล่อนเดี๋ยวนี้ อย่ามาตีเสมอเรียกฉันแม่ ฉันกับหล่อนไม่มีเกี่ยวข้องกันแล้ว จำไม่ได้หรือยังไง ถ้าหล่อนไม่เลิกไปยุ่งกับหลานฉัน อย่าหาว่าฉันไม่เตือน คราวนี้ฉันเอาตาย”
“อี้ อีคนใจยักษ์ หลานแกก็ลูกพี่สาวฉันเหมือน สติเลอะเลือนหรือยัง อีผู้ดีปากตลาด” ทอรินทนฟังไม่ไหว
“หยุด เป็นเด็กเป็นเล็กปากเสีย นี่คงเกิดมาจากสลัมสิท่า กิริยามารยาทไม่ได้เรื่อง ชั้นต่ำ อย่ามาปากดีกะฉันนะ เดี๋ยวแม่ตบไม่เลี้ยงด้วยเอ้า”
สายตาเดียดฉันท์ของคุณนายสิรินาทยังคงฝังในความทรงจำ นางไม่เคยคิดว่านวลปรางเป็นสะใภ้ตระกูลสหบดี หากไม่มีคุณปู่นวลปรางคงโดนเฉดออกจากบ้านนั้นตั้งแต่วันแรกที่เข้าพิธีแต่งงาน
“ริน อย่าเสียมารยาทสิ คุณนายเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”
“พี่ปราง ก็อีแก่นี่กำลังด่าพี่ปรางอยู่นะ”
“หยุด ฉันมาเตือน ถ้าหล่อนรักลูกเห็นแก่หน้าลูกก็อย่าเอาความต่ำของตัวเองไปให้ลูก ๆ ได้รับรู้ ฉันไม่อยากให้หลานฉันต้องเข้าใจว่ามีแม่เป็นคนชั่วใฝ่ต่ำ อีเด็กนี่คงจะเป็นลูกชู้สินะ ออกจากบ้านไม่เท่าไหร่มีลูกโตขนาดนี้แล้ว กลัวไม่ทันใช้หรือยังไง ร่านได้โล่ ไม่ต่างกันทั้งครอบครัว นี่น้องสาวหล่อนอีกไม่กี่วันคงมีผัวแล้วสิท่า ใช้การได้แล้วนี่ เชื้อไม่ทิ้งแถว”
สายตาหยามหยันของคุณนายสิรินาทระรานไปทั่ว ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ทอรินไม่มีวันลืม กำพืดเดิมถึงจะไม่ได้ดีเด่นอะไรแต่เธอกับนวลปรางก็ไม่เคยดูแคลนใคร และที่สำคัญรู้สึกว่าคุณนายนั่นจะยกหลานรักสองคนนั้นไว้อยู่บนหิ้ง และนางก็ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่านลินเองก็เป็นหลานสาวอีกคนของตระกูล
การมาของคุณนายสิรินาทก็เพียงต้องการกำจัด และกันนวลปรางไม่ให้เข้าใกล้กับลูกทั้งสองคน นวลปรางต้องทนทุกข์คิดถึงลูก คิดถึงสามีเพียงลำพัง หากทนไม่ไหวก็ไปแอบดูลูก ๆ อยู่ที่ริมรั้วโรงเรียนบ้าง ที่หน้ารั้วบ้านบ้าง ทอรินสงสารพี่สาวมากได้แต่ปลอบใจกันไปตามประสาพี่ ๆ น้อง ๆ
“พี่ปราง ไปมาอีกแล้วใช่ไหม รู้ไหมถ้าอีคุณนายสารพัดพิษนั่นเจอพี่เข้าจะเป็นยังไง ถ้าไม่รักตัวเองก็รักยายน้ำมันหน่อยนะ มันไม่มีพ่อแล้วจะให้มันไม่มีแม่อีกคนงั้นเหรอ”
“ริน ก็พูดเกินไป พี่คิดถึงลูก นั่นมันลูกพี่ทั้งสองคนเลยนะ พี่แค่อยากเห็นหน้าลูกแค่นั้น”
“พอเลยพี่ คนบ้านนั้นมันใจดำ มันอำมหิตกับพี่ กับยายน้ำ ดูหลานฉันสิ น่าสงสารจะตาย ยายน้ำของน้า เด็กน้อยตาดำ ๆ ต้องมากำพร้า พ่อแม่ยังอยู่ครบ อย่าไปอีกเลยนะ รินรู้ว่าพี่ปรางคิดถึงลูก แต่มันเสี่ยง”
การไปของนวลปรางแต่ละครั้งเสี่ยงที่จะโดนจับได้ หากคุณนายจับได้ก็อาจจะส่งคนมาทำร้ายจนต้องย้ายบ้านหนีกันอีกก็คงจะไม่ไหว ความร้ายกาจของคนใจบอดนั้นไม่เคยมีเหตุผล ทอรินจดจำทุกรายละเอียดที่คุณนายสิรินาททำได้หมด นางคิดเสมอว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง แม่กระทั่งความเป็นแม่ ความเป็นครอบครัว
“น้ารินคิดมากไปป่ะ น้ำไม่คิดแบบนั้นหรอก เขาอยู่ส่วนเขา เราอยู่ส่วนเรา”
“น้ำไม่เคยเห็นคนบ้านนั้นทำกับแม่ ถึงเห็นน้ำก็จำไม่ได้หรอกเพราะน้ำยังเล็กมาก”
“มันก็จริงนะน้าริน ที่น้ารินพูดมาก็มีส่วนใกล้เคียงที่ว่าคุณย่าสารพัดพิษนั่นมักจะจัดการทุกอย่าง น้ำได้ข่าวว่าจะจัดการจับคู่ให้หลานสาวด้วย”
“นั่นไง คราวนี้เป็นใครล่ะ เพิ่งกลับมาก็ได้เรื่อง ยายคนนี้มันเผด็จการ มันไม่ต้องการให้แม่ลูกเขาเจอกันมันก็ส่งเด็กไปเมืองนอก พี่ปรางตายมันก็ไม่ให้ลูกมาไหว้ศพ”
ทุกอย่างที่เล่ามาล้วนแต่มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น เมื่อคิดถึงการเสียชีวิตของแม่นลินก็คล้อยตามรู้สึกแค้นใจอยู่ลึก ๆ ไม่มีอะไรโหดร้ายเท่าการตายเพราะความรัก
“คุณราเมธ ปิยะโภคิน น่าจะเป็นคนแรกที่เข้าวินนะน้าริน เพราะเห็นคนเดียวที่ไปงานวันนี้ ดูเหมือนว่าสองคนจะสนิทกันด้วยนะน้าริน”
“ว่าไงนะ คุณราเมธ ลูกชายเจ้านายน้าเหรอ เข้าทาง แบบนี้ก็สนุกสิน้ำ”
“น้าริน นี่น้ารินคิดอะไรอยู่อะ ถ้าเขารักกันมันก็น่าจะดี น้ำไม่อยากไปยุ่งด้วยหรอก อยากให้จบ ๆ กันไปถือว่าไม่มีวาสนาต่อกัน ไม่ว่าพี่น้อง พ่อหรือญาติคนอื่น ๆ น้ำมีน้ารินกับแม่ก็พอ”
“คิดดี น้ารินก็แค่คิดเล่น ๆ ว่าถ้าน้ำจะเข้าไปหาอะไรทำที่นั่นแล้วแอบโฉบราเมธมาควงเล่น ๆ มันจะเป็นยังไงนะ ยายคุณย่าสารพัดพิษนั่นจะเป็นยังไง น้ารินน่าจะสาว ๆ สวย ๆ เหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้ก็ได้แต่คิดไปงั้นแหละ ทำอะไรไม่ได้”
สายตามองมาที่นลินนั้นมีความหมาย คนที่อยู่ด้วยกันมาแต่เล็กจนโตย่อมรู้ดีว่าอะไรที่สามารถยัดเข้าไปในสมองของเธอได้ ต่างก็รู้ว่าต้องการสิ่งใดในชีวิตถึงปากจะบอกว่าไม่แต่ใจก็ต้องคิดตามอยู่นั่นเอง
“ก็จริงนะคะน้าริน ได้ข่าวว่าคุณราเมธนั่นถูกหมายตาเหมือนกัน ว่าแต่น้ารินรู้จักเขางั้นเหรอ”
“รู้จัก เจ้านายของน้ารวยมาก นักการเมืองก็รวย ๆ ทั้งนั้นแหละ ยิ่งทำธุรกิจมาก่อนด้วยแล้วก็ยิ่งรวย ยายคุณย่าจอมงกนั่นจะต้องอยากเกี่ยวดองด้วยอยู่แล้วเชื่อน้า ข่าวนี้ย่อมมีมูลแน่นอน”
การกรอกหูทุก ๆ วันแบบนี้ทำให้นลินรู้สึกว่าเธอคงไม่อยู่นิ่งดูการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ข้าง ๆ ตัวต่อไป เธอไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่หากสวรรค์ลิขิตให้ต่างก็เข้ามาใกล้กันก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
นลินเก็บเรื่องราวที่ทอรินพยายามบอกเล่ามาคิดจนไม่สามารถข่มตาหลับ หัวใจของเธอถูกตรึงอยู่กับคนในครอบครัวสหบดีตลอดทั้งคืน
จบตอน
ความคิดเห็น