ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    U-KISS Tales

    ลำดับตอนที่ #41 : [Creat] I love you, oh thank you

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 150
      0
      24 ก.พ. 54

    รอด้วยสิ....
    ก็อยากจะตามมาเองทำไมล่ะ! อยากตามก็ตามให้ทันสิ
    มันน่ารำคาญนะ ถ้ามีคนคอยตามติดคุณทุกฝีก้าว ไม่พอแค่นั้น ยังทำตัวเป็นภาระอีกต่างหาก    ชีวิตที่น่าจะสุขสบายบนโลกส่วนตัว กลับต้องมาคอยดูแลเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่คอยตามกวนใจคุณอยู่ตลอดเวลา มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกสักนิด!
     
    ตุ๊บ!
     
    ฮึก.. คะ..คิ..คิบอม...
    นั่นไง ผมว่าแล้ว ก่อเรื่องให้ผมเดือดร้อนจนได้ ผมก็แค่หันไปมอง คราวนี้ผมจะไม่หาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนอีกแล้ว ผมเลือกที่จะหันหน้ากลับไปและออกเดินต่อ
    แต่เด็กคนนั้นกลับตะเกียดตะกายลุกขึ้นและวิ่งมาดึงชายเสื้อผมไว้ และจ้องมองผมด้วยน้ำตาคลอ
    รู้แล้วน่า
    และแล้วก็เหมือนเดิม ผมนั่งลงให้เขาขี่หลังผมกลับบ้าน ไม่รู้ว่าทำไม? ผมถึงต้องยอมให้กับเด็กบ้าๆคนนี้ทุกครั้งด้วย
     
    วันหนึ่ง เด็กคนนั้นต้องย้ายบ้านไป ผมไม่คิดจะออกไปร่ำลาหรอก มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องทำสักหน่อย    ผมแค่มองผ่านหน้าต่างออกไป เด็กคนนั้นเดินมาเคาะประตูเรียกผม แต่คิดหรอว่าผมจะออกไปให้เห็นหน้า ไม่มีทาง....
    คิบอม.. เควิ่นฝากมาให้
    ครับพี่
    ผมรับของชิ้นนั้นมา มันเป็นขวดโหลเล็กๆที่ข้างในมีกระดาษม้วนหนึ่งผูกเชือกไว้ข้างใน    ผมวางมันไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ โดยที่ไม่เคยคิดจะเปิดมันเลยสักนิด
     
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
     
    แล้วมาใช้บริการอีกนะครับ
    เสียงเอื้อนเอ่ยของชายที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทำให้ลูกค้าสาวสวยทั้งหลายยิ้มไม่หุบ แถมยังเหลียวหลังมามองก่อนออกจากร้าน    แต่เจ้าของน้ำเสียงนั้นกลับไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้นแต่อย่างใด กลับทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป จนลูกค้าอีกคนเดินมาหน้าเคาน์เตอร์
    อืม.... ขอลาเต้ 1 ที่ครับ
    ครับๆ
    ผู้รับรายการเครื่องดื่มนี้ ค่อยๆเงยหน้าให้พ้นจากเคาน์เตอร์ทีละน้อย จนเมื่อใบหน้าและช่วงตัวโผล่ให้เห็นอย่างเต็มตา ก็สร้างความประหลาดใจให้กับลูกค้าคนนี้ไม่น้อย
    พะ.. พี่คิบอม!”
    ลูกค้าผู้ที่มีใบหน้าน่ารักดั่งเทวดาตัวน้อยมาจุติร้องขึ้นค่อนข้างดังจนใครหลายๆคนต้องหันมามอง    แต่เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกกลับขมวดคิ้วและเพ่งไปที่หน้าของผู้ที่เรียกชื่อตัวเอง
    พี่.. พี่จำผมได้ไหม? เควิ่น ไง
    เควิ่นรีบทบทวนความจำให้คิบอมอย่างกระตือรือร้น    แน่นอนล่ะ เพราะเวลาผ่านไปตั้งเป็นปีๆที่พวกเขา 2 คนไม่ได้เจอกันเลย แต่ถึงอย่างนั้น เควิ่นก็ยังจำคนรอบข้างได้ดีเสมอ โดยเฉพาะ..คนๆนี้
    อ๋อ เควิ่น.. เป็นไงบ้างล่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยเปลี่ยนไปเยอะนะเนี่ย
    คิบอมทักทายกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาก็ยังคงจ้องไปยังใบหน้าของคนที่ไม่ได้พบมานานแสนนาน
    อื้ม~ สบายดีมากๆเลยล่ะฮะ เอ้อ! พี่คิบอมทำงานอยู่ที่นี่หรอ?
    เควิ่นยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสดใสดังเดิม สายตาก็สอดส่องไปทั่วร้าน โดยที่ไม่รู้เลยว่า อีกคนหนึ่งยังคงจ้องหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย แต่ก็ยังมีสติพอที่จะตอบคำถามคนตรงหน้า
    เปล่า.... พอดีว่า.. มาดูแลร้านแทนเพื่อนน่ะ ที่นี่เป็นร้านของเพื่อนพี่เอง นานๆทีก็ต้องมาช่วยแบบนี้แหละ
    หรอครับ..
    เควิ่นตอบรับ พร้อมกับค่อยๆหันหน้ามาสบตากับคิบอม    ไม่นานคิบอมก็สะดุ้งและถูกดึงออกจากภวังค์ ก่อนจะหันหลังกลับไปทำหน้าที่ต่อ แต่....
    เอ่อ.... แล้วเมื่อกี้เควิ่นสั่งอะไรนะ? พี่ลืมแล้วน่ะ
    คิบอมปั้นหน้าไม่ถูก ได้แต่ส่งยิ้มเก้อๆไปให้คู่สนทนา    เควิ่นเองก็หัวเราะเล็กๆส่งกลับไปแทน
    ลาเต้ครับ.... หรือพี่จะเอาอย่างอื่นมาให้ก็ได้นะครับ
    รอยยิ้มของ Angle ถูกส่งไปให้อีกฝ่าย    คิบอมจึงต้องรีบหันกลับไปทำหน้าที่ต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
    เมื่อรายการที่สั่งได้แล้ว เควิ่นเลือกที่จะนั่งตรงเคาน์เตอร์ตามเดิม เพื่อพูดคุยกับบุคคลที่แสนจะคิดถึง ซึ่งอีกฝ่ายก็มีความคิดเช่นเดียวกัน
    แล้ว.. ทำไมเควิ่นถึงได้มาแถวนี้ล่ะ? มาบ่อยหรอ?
    คิบอมเริ่มเปิดประเด็นสนทนา ซึ่งเควิ่นก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา
    ไม่หรอก พอดีผมมาเที่ยวเล่นแถวนี้น่ะ ไม่คิดเลยนะว่าจะได้เจอพี่ด้วย สงสัยวันหลังต้องมาบ่อยๆแล้ว
    การสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆ ต่างคนต่างส่งรอยยิ้มให้กัน กับบรรยากาศในวันแสนสบายกับร้านกาแฟเล็กๆที่ให้บรรยากาศผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่อยากนึกถึงสิ่งใดๆอีกเลย
    อ้าว!? เย็นขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย? เดี๋ยวผมกลับก่อนนะ
    เควิ่นร้องออกมา หลังจากมองดูนาฬิกาแสนคลาสสิกของร้าน    เควิ่นรีบเก็บข้าวเก็บของ เมื่อจะละออกจากที่นั่งก็ถูกคิบอมรั้งไว้ด้วยคำพูดเสียก่อน
    เดี๋ยวสิเควิ่น!”
    เมื่อได้ยินเสียงเรียก เควิ่นจึงหันมามองผู้ที่เรียกตน
    พี่.. ขอเบอร์หน่อยสิ ว่างๆเราจะได้ติดต่อกันไงล่ะ
    ได้สิ
    หลังจากแลกเบอร์กันเป็นที่เรียบร้อย ทั้ง 2 ก็ต้องแยกจากกันอีกครั้ง    แต่มันคงไม่เหมือนก่อนหน้านี้ เพราะตอนนี้ถึงตัวจะห่างกัน ทั้ง 2 ก็สามารถติดต่อกันได้เสมอ
     
    เควิ่น.. คือว่า.. พรุ่งนี้พอจะว่างไหม?
    คิบอมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์เพื่อสื่อสารกับบุคคลที่เป็นเลขหมายปลายทาง
    ก็.. ว่างฮะ ทำไมหรอ?
    เควิ่นเองก็ส่งเสียงไปตามสายโทรศัพท์ ขณะนั่งเล่นอยู่บนเตียงในเวลาค่ำ
    พรุ่งนี้.... ไปเดินเล่นที่สวนริมแม่น้ำกันไหม?
    ว้าว~ ไปฮะไป ผมเองก็อยากไปเหมือนกัน
    เควิ่นตื่นเต้นอย่างยิ่งกับคำชวนของคิบอม จนแทบจะกระโดบนเตียงตอนนี้เลยถ้าทำได้
    โอเค.. ตกลงแล้วนะ พรุ่งนี้เจอกัน  ฝันดีนะ
    คิบอมพูดส่งท้ายก่อนจะตัดสายไป    ทางฝั่งเควิ่นเองก็ยังกำโทรศัพท์พร้อมจ้องนิ่งอยู่อย่างนั้น
    ..ฝันดีเช่นกันครับ..
    คำพูดลอยๆที่พูดยามมองโทรศัพท์ เหมือนจะเป็นคำพูดของคนเพ้อๆคนหนึ่ง    แต่ใครจะรู้....คำพูดคำนี้ เป็นคำที่ฝากสายลมให้พัดไปกระซิบถึงใครบางคน ให้รู้ถึงความในใจนี้
    อ๊า~~ หลับดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวแล้ว
    พูดจบ เควิ่นก็ทิ้งตัวลงนอนทันที    แต่แข้งขากลับไม่ได้อยู่นิ่งๆเลย คอยแต่จะเตะไปเตะมาด้วยความตื่นเต้นกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง    และความคิดที่หยุดไม่ได้สักที
     
    ช่วงสายๆของวันที่อากาศสดใส    ผู้คนเดินผ่านไปมาเหมือนปกติเช่นทุกวันแต่สำหรับใครบางคน วันนี้มันแตกต่างออกไป ถึงแม้จะนั่งอยู่เฉยๆ แต่อวัยวะภายในกลับกระวนกระวายไม่เป็นสุข    จนกระทั่ง การรอคอยสิ้นสุดลง
    แฮ่ก.. ขอโทษนะ รอนานไหม?
    ผู้ที่วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงยืนหอบอยู่ตรงหน้าของผู้ที่นั่งรอ    อีกฝ่ายก็ส่ายหน้ากับคำถามที่ส่งมา ทั้งที่ความจริงมารอตั้งนานแล้ว    เมื่อเริ่มหายใจได้ตามปกติ ผู้มาทีหลังก็นั่งลงข้างๆของผู้รอคอย
    ขอโทษจริงๆนะ พอดีพี่ติดธุระนิดหน่อยเลยมาช้าน่ะ
    คิบอมอธิบายเหตุผลให้อีกฝ่ายฟัง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจอะไร    ต่อให้รอนานกว่านี้ก็ยังรอได้ รอถึงวันพรุ่งนี้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่คนตรงหน้ามาหาก็พอ
    พี่.... เหนื่อยมากไหมฮะ? พักผ่อนหน่อยก็ดีนะ
    เควิ่นพูดด้วยความเป็นห่วง ฝ่ายคิบอมก็หันมายิ้มให้ ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนตักของอีกคนหนึ่ง
    ถ้าอย่างนั้นขอนอนหน่อยนะ
    พูดจบก็หลับตา ปิดประสาทรับรู้และจมเข้าสู่ห้วงนิทรา    โดยคนที่รับหน้าที่เป็นหมอนไม่ทันได้ตั้งตัว แต่พอตั้งสติได้ก็ทักท้วงอะไรไม่ได้แล้ว    จึงจำเป็นต้องนั่งนิ่งๆมองหน้าคนที่นอนหนุนตักตัวเองอยู่ และแล้ว..รอยยิ้มน่ารักๆก็เผยออกมาโดยไม่รู้ตัว
    เมื่อเวลาล่วงเลยไปได้ไม่นานนัก เจ้าชายนิทราก็ลืมตาตื่นขึ้น และภาพแรกที่เห็นก็คือดวงตาใสๆที่จ้องหน้าตนเองอยู่ ต่างฝ่ายต่างก็จ้องตากันจนเควิ่นตั้งสติได้จึงเบนสายตาไปทางอื่น    คิบอมเองก็ลุกขึ้นและหันซ้ายหันขวา ก่อนจะเอ่ยปากพูด
    เรา.. ไปเดินเล่นทางนั้นกันนะ
    สิ้นประโยค จึงลากอีกฝ่ายไปตามความคิดของตน โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ปริปากพูดอะไรอีกครั้ง
    ร้านค้าต่างๆตั้งเรียงรายตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐเล็กๆประกอบกันเป็นรูปเป็นร่าง    มีทั้งอาหารและของฝากอื่นๆขายเต็มไปหมด เหมาะกับการเดินเลือกซื้อ หรือแม้แต่เดินดูเล่นเฉยๆก็ยังได้   มองไปทางไหนก็มีผู้คนเดินเที่ยวกันเป็นกลุ่มๆ    ส่วนคิบอมกับเควิ่นเองก็เหมือนคนอื่นๆ ที่จูงมือกันเดินเข้าร้านนั้นทีร้านนี้ทีอย่างสนุกสนาน จนหมดไปอีก 1 วัน
    เควิ่น.. ให้พี่ไปส่งที่บ้านนะ
    คิบอมเสนอ เควิ่นเองก็พยักหน้ารับอย่างยินดี    คิบอมจึงจูงข้อมือเควิ่นไปยังรถของตัวเอง    ตลอดการเดินทางบรรยากาศภายในรถก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุขที่ทั้ง 2 ร่วมกันสร้างขึ้น    ระหว่างทางก็คุยกันไป บอกทางกันไป มีหลายครั้ง ที่คุยกันเพลินจนพากันหลงทางครั้งแล้วครั้งเล่า    แต่ต่างคนต่างก็ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะอยากจะยืดเวลานี้ให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้    แต่สุดท้ายแล้ว.. วันนี้ก็ต้องจบลงอยู่ดี เมื่อรถยนต์คันสวยได้หยุดลงหน้าบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง
    พี่คิบอม กลับบ้านดีๆนะครับ
    เควิ่นพูดหลังจากก้าวออกจากรถแล้ว    คิบอมก็พยักหน้ารับ    แต่ก่อนที่เควิ่นจะปิดประตูรถ คิบอมก็พูดแทรกขึ้นเสียก่อน
    เควิ่น.... ไว้วันหลังพี่มาเที่ยวหานะ
    เพียงแค่ประโยคสั้นๆ ก็ทำให้ใครบางคนยืนยิ้มไม่หุบ    เควิ่นพยักหน้ารัวๆก่อนจะปิดประตูรถ และถอยห่างออกมาโบกมือลาให้กับคิบอม ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในบ้าน    แต่ใครจะรู้ ว่าคนในรถเองก็แทบจะบ้าคลั่งเพราะคนที่เพิ่งหนีเข้าบ้านไปเหมือนกัน คิบอมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับทุบกระจกรัวๆด้วยความเขินอาย    แล้วจึงขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านของตัวเอง
     
    เช้าวันว่างๆของเด็กหนุ่มที่ไม่มีภาระผูกพันใดๆ กำลังขับรถเล่นไปตามถนนที่ทอดยาวไปตามที่ต่างๆ    แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะไปที่ไหนดี    คิบอมจึงขับเข้าไปตามซอยที่จำได้ว่าเคยมาส่งอดีตเด็กน้อยขี้แย ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นทูตสวรรค์ที่สะกดจิตให้ตนเพ้อฝันได้ทั้งวัน    และเพราะอย่างนี้.. ทำให้คิดได้อีกอย่างว่า กาลเวลาก็สามารถทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงตัวตนกันได้ทั้งนั้น แต่สำหรับความทรงจำต่างๆ ต่อให้เวลาผ่านไปเท่าไหร่มันก็ไม่หายไปไหน อาจจะมีเลือนรางไปบ้างตามเวลาที่เดินหน้าไปเรื่อยๆ แต่มันก็ยังทิ้งร่อยรอยให้เห็นและนึกถึงอยู่เสมอ และมันจะไม่มีทางเปลี่ยนไปจากเดิมแน่นอน  
    หลังจากขับรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงยังจุดหมายปลายทางที่มุ่งหมาย    คิบอมเดินลงจากรถไปกดกริ่งหน้าบ้าน รอเพียงสักครู่ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคิบอมคุ้นหน้าเป็นอย่างดีมาเปิดประตูรับ
    สวัสดีครับคุณน้า
    คิบอมทักทายตามมารยาท ส่วนอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับความเคารพและไม่พูดอะไร    จนคิบอมเป็นฝ่ายถามขึ้นเอง
    แล้ว.... เควิ่นล่ะครับคุณน้า?
    ฝ่ายถูกถามถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะตอบคำถามของเด็กหนุ่มตรงหน้า
    ตอนนี้.. เควิ่นอยู่ที่โรงพยาบาล เขามีโรคเส้นเลือดหัวใจเป็นโรคประจำตัวมานานแล้วล่ะ เมื่อคืนก็อาการกำเริบหนัก พ่อเขาเลยพาไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ เฮ้อ~ คราวนี้สงสัยจะได้นอนโรงพยาบาลยาวเลยล่ะ
    คิบอมนิ่งอึ้งไปกับสิ่งที่หญิงตรงหน้าพูด แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าคงจะตามไปแน่ๆ    และจริงดังคาด คิบอมสตาร์ทรถและมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลในทันที    จิตใจก็กระวนกระวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้เพียงแต่ว่าต้องมุ่งหน้าไปให้เร็วที่สุด เป็นห่วง.. ห่วงคนอีกคนเหลือเกิน
     
    ทันทีที่รู้หมายเลขห้อง คิบอมก็ตรงไปอย่างไม่รีรอ เมื่อมาถึงหน้าห้องแล้ว จึงเปิดประตูทันที    ภาพที่ปรากฏตรงหน้า คือคนที่ตามหาที่อยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนของโรงพยาบาล กำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่บนเตียงคนไข้    และเพราะเสียงของคิบอมเข้ามา เควิ่นจึงหันมาตามเสียง และพบกับคิบอมยืนมองอยู่ จึงยิ้มให้ตามปกติวิสัย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คิบอมรู้สึกดีขึ้น คิบอมเดินตรงไปยังเตียงของคนไข้ ก่อนจะถามออกไปด้วยเสียงปกติที่สุดเท่าที่จะกลั้นไว้ได้
    เควิ่น.... ทำไม.. ถึงไม่บอกพี่เรื่องนี้ล่ะ
    ฝ่ายถูกถามก็แค่ยิ้มเหมือนถูกถามว่า วันนี้อากาศดีเนอะ ว่าไหม? และมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง    พร้อมกับพูดลอยๆออกมา
    ก็.. มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่....
    ใช่.. ทั้ง 2 ต่างรู้ดีว่าประโยคนี้มันไม่จริงสักนิด แต่มันก็คงทำให้เจ้าของคำพูดรู้สึกดีขึ้น    แล้วก็ไม่มีคำถามใดๆอีก นอกจากรอยยิ้มที่เอ่อด้วยน้ำตาของคิบอม    แล้วคิบอมก็เดินมานั่งลงข้างๆเควิ่น ก่อนจะโอบกอดไว้ในอ้อมแขน ราวกับเป็นสื่อกลางมอบความห่วงใยให้แก่กันและกัน
     
    วันนี้ก็เหมือนปกติ ที่นางฟ้าจะนั่งอยู่บนบัลลังและมีอัศวินคอยรับใช้    ขณะที่เควิ่นนั่งๆนอนๆอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลตามปกติ ก็เหลือบไปมองคิบอมที่ทำหน้าที่ Maid ส่วนตัวอย่างขยันขันแข็ง ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
    นี่พี่.. ไม่เหนื่อยบ้างหรอ ที่ต้องคอยดูแลคนป่วยแบบนี้อ่ะ
    แต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากรอยยิ้มของคิบอม    หลังจากเก็บนู่นเก็บนี่เรียบร้อยแล้ว คิบอมเดินมานั่งลงข้างๆเควิ่น และพยุงตัวให้นอนลง
    นอนซะนะ ถึงเวลาหลับแล้ว
    จากนั้นก็ร้องเพลงกล่อมเด็กน้อยคนนี้จนหลับไป
     
    หลังจากผ่านไปได้สักครู่ เควิ่นค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยความมืดและเงียบงัน เควิ่นหันซ้ายที ขวาที เพื่อหาใครบางคน เพราะความกลัวที่จะอยู่คนเดียว    แต่ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออกและมีแสงสว่างลอดเข้ามา ท่ามกลางลำแสงนั้น คิบอมถือช่อดอกไม้ช่อโตเดินเข้ามา พร้อมเปล่งคำๆหนึ่งออกมา
    “Happy Birthday นะ เควิ่น
    พูดจบก็ยื่นช่อดอกไม้ให้กับเควิ่น เควิ่นมองดูอย่างประหลาดใจและซึ้งใจที่สุด    แต่ไม่หมดเพียงเท่านี้ คิบอมก้มลงกระซิบข้างหูเควิ่นด้วยคำพูดอันเบาหวิวแต่ซาบซ่านไปทั่วทั้งใจดวงน้อยๆของเควิ่น
    พี่รักวิ่นนะ
    ณ จุดนี้ มีเพียงความเงียบที่หลุดออกจากปากของเควิ่น และมีอีกอย่างที่ออกมา นั่นคือ.. น้ำตาแห่งความดีใจของเควิ่นนี่เอง    เห็นอย่างนี้แล้วคิบอมจึงค่อยๆฉีกยิ้มให้และพยายามปั้นหน้าปกติ และบอกเควิ่นว่า
    ฮ๊า~ เดี๋ยวพี่ไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้เด็กขี้แยดีกว่า
    พูดจบก็ค่อยๆเก้าวออกไปจากห้องเพื่อทำตามที่บอก   แต่เมื่อประตูปิดลงดั่งหัวใจก็หยุดตาม ร่างทั้งร่างของเควิ่นไม่สามารถขยับได้ จะส่งเสียงเรียกใครก็พูดไม่ออก
     
     
     
    เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงแล้ว ที่คิบอมนั่งนิ่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดด้วยน้ำตานองหน้า    ใจนึกเป็นห่วงคนที่เข้ารับการรักษาอยู่ และคงจะไม่ไปไหนจนกว่าการผ่าตัดจะเสร็จสิ้น    นาฬิกายังคงคลานต่อไปอย่าเชื่องช้า จนในที่สุดไฟหน้าห้องผ่าตัดก็ดับลง และไม่นานคุณหมอผู้ทำการผ่าตัดก็ออกมา
    เควิ่นเป็นไงบ้างครับ!”
    คิบอมเข้าไปถามอย่างไม่รอช้า แต่คำตอบกลับมีเพียงความเงียบและสีหน้าสลดหดหู่ของหมอ ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะเป็นคำตอบ แต่มันไม่ได้ทำให้คนที่นั่งรอเป็นชั่วโมงรู้สึกใจชื้นขึ้นแต่อย่างใด    แต่กลับปลุกอารมณ์ด้านร้ายให้ออกอาละวาด
    ไม่จริงใช่ไหม? หมอบอกสิ!ว่าหมอช่วยเขาได้แล้ว
    คิบอมกระชากคอเสื้อหมอและร้องดั่งคนบ้าคลั่ง จนพยาบาลและหมอคนอื่นๆต้องเข้ามาห้ามปราม
     
    ในที่สุด คิบอมจำต้องพาร่างที่ไร้หัวใจกลับบ้านจนได้    ทันทีที่มาถึงก็ปิดประตูห้อง เก็บตัว เอาแต่นอนให้น้ำตาเปื้อนที่นอนเล่นไปเรื่อยๆ    จนในที่สุด.. ก็หันไปเจอกับของชิ้นหนึ่ง ของที่เขาลืมมันไปแล้ว ของที่เขาไม่เคยคิดจะเปิดมันออกมา ของ..ที่ได้จากเควิ่น....    คิบอมเดินไปหยิบขวดโหลและค่อยๆหยิบกระดาษที่ถูกม้วนอยู่ในขวดโหลออกมา    มือเรียวค่อยๆคลายปมเชือกที่มัดแบบเด็กๆออก จากนั้นก็ค่อยๆคลี่กระดาษออกจนเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งมีเพียงข้อความสั้นๆพร้อมลายมือหวัดๆอยู่บนกระดาษ
    ‘Kevin Love Kibum’
    หลังจากที่ได้เห็นข้อความนี้ พละกำลังทั้งหมดในตัวของคิบอมเหมือนถูกดูดออกไปจนสิ้น แม้แต่แรงที่จะถือกระดาษชิ้นเล็กๆยังไม่มี....
     
     
     
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
     
     
     
    จงมอบความรักให้กับคนรอบตัวคุณ คุณไม่จำเป็นต้องรักเขา และเขาก็ไม่จำเป็นต้องรักคุณเช่นกัน เพราะไม่แน่ว่ารักแท้ของคุณก็คือคนข้างๆตัวคุณนี่เอง    โปรดจงรักษาคนรอบข้างเอาไว้ด้วยความรัก ยังดีเสียกว่ามารู้สึกตัวทีหลัง แต่ ไม่มีโอกาสให้แก้ตัว ไม่มีโอกาสที่คุณจะสามารถมอบความรักให้เขาได้เมื่อสายเกินไป....



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    กราบสวัสดี Reader แสนรักทุกท่าน
    writer ต้องขออภัยจริงๆที่ไม่ได้ลงเลยเป็นครึ่งปี (ถึงไหม?)
    วันนี้ก็กลับมาลงให้แล้วนะค่ะ  หวังว่างยังไม่ทิ้งกันไปไหนนะ ^^

    สำหรับเรื่องนี้ก็.. แต่งจาก MV เช่นเคย
    ไม่รู้ว่าทุกคนอ่านแล้วรู้สึกยังไงนะ
    บอกๆกันด้วยนะค่ะ  จะได้แก้ไขค่ะ
    และ.. เรื่องหน้าอยากได้คู่ไหนก็รีเควสได้นะ  อ่ะคุอ่ะคุ ^.^

    ขอขอบคุณที่ยังรักกันอยู่เสมอนะค่ะ



    By. ----> Yo....Jung

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    -- ของแถมค่ะ --



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×