คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : 9th Box
“พี่ทำไมไม่เอาไปให้เองเล่า!”
“เฮ้ย! ไม่เอา เขาคงโกรธฉันอยู่ ขืนเสนอหน้าไป โดนเกลียดกว่าเดิมจะทำไง?”
“แล้วถ้าผมโดนโกรธจนถูกไล่ออกล่ะ จะทำไง?”
“ก็เรื่องของนาย”
สงครามปากเสียงสงบลงเท่านั้น เพราะคำพูดของผู้เป็นพี่ที่แสนจะไร้ความรับผิดชอบ แทฮยองอึ้งค้างจ้องหน้านัมจุนอยู่นาน ก่อนจะได้สติแล้ววิ่งหนีออกไปทันที ขืนอยู่ต่อ ได้ก่อสงครามประสาทกันอีกยกใหญ่ๆแน่
แทฮยองที่ตอนนี้วิ่ง(หนีนัมจุน)มาจนถึงร้าน ก็ต้องแปลกใจ เมื่อสภาพร้านมันเงียบเหงาแปลกๆ ยิ่งไม่มีลูกค้าแบบนี้ด้วย ถ้าบอกว่าร้านยังไม่เปิดนี่ก็เชื่อแหละ
“จีมิน ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ?”
“ก็จองกุกยังไม่เลิกเรียน...”
“อันนั้นรู้~ หมายถึงพี่ซอกจินล่ะ?”
“อ๋อ พี่เขาออกไปข้างนอก จะกลับมาก่อนปิดร้าน”
“พี่ซอกจินอู้งานนี่หว่า”
ได้ทีก็ขอแซวให้หายเซ็ง เพราะช่วงนี้รู้สึกจะโดนซอกจินไซโคไม่เว้นวัน ที่สำคัญ ทุกเรื่องที่โดน มันความผิดเขาซะที่ไหนเล่า ว่าแล้วก็พาลหงุดหงิดถึงพี่ชายบังเกิดเกล้า ผู้สร้างปัญหาให้เขา แต่หงุดหงิดอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่จีมินตอบกลับมา
“ฟ้องพี่ซอกจินนะ”
“เฮ้ย!! ไม่เอาน่าจีมิน.... มาๆ เดี๋ยวช่วยนะ ไปพักผ่อนให้สบายเถอะ~”
แล้วแทฮยองก็เข้าไปกุมมือทั้ง 2 ข้างของจีมิน และพามานั่งที่หลังเคาท์เตอร์คิดเงิน แต่ก่อนจะไปเปลี่ยนชุด ก็ขอหยิกแก้มยุ้ยๆนั่นสักทีก่อนไป เรียกเสียงโวยวายจากจีมินได้ไม่น้อย เสียงแหลมๆนั้น ยิ่งฟัง ยิ่งทำให้แทฮยองมีความสุข ยิ่งวันนี้ได้อยู่ด้วยกันแค่ 2 คนอีก
‘ดีจัง วันนี้โชคเข้าข้าง’
===============================================================
ณ คาเฟ่แบรนด์ดังแห่งหนึ่ง ในอีกย่านท่องเที่ยวของเมืองนี้ ที่ซอกจินมาไกลขนาดนี้ ทั้งๆที่มีคาเฟ่อยู่ข้างๆร้านนั้น เหตุผลหนึ่งเพราะอยากอยู่ไกลๆพวกนั้น แหม.. เวลาเขาพูดอะไรแค่คำเดียวนะ รู้กันทั่วภายใน 10 วินาที มันจะสามัคคีกันเกินไปแล้วมั้ง? ไอ้เด็กพวกนี้ อีกอย่างคือ.. เขามีหลายๆเรื่องที่บอกเด็กพวกนั้นไม่ได้ ไหนๆก็จะเจอคนอื่นๆบ้าง ก็ขอออกจากสถานที่เดิมๆสักวันนะ
ซอกจินที่เพิ่งมาถึงก็จัดการสั่งอะไรเล็กๆน้อยๆสำหรับตัวเองและบุคคลที่เขานัดไว้ แต่เมื่อสั่งเรียบร้อย คนที่เขารอก็มาถึงพอดี เขาวิ่งตรงมานั่งลงฝั่งตรงข้ามซอกจินทันที
“เฮ้ย! ว่าไงเถ้าแก่ ไม่เจอกันนาน ดูราศีเศรษฐีจับนะเรา”
“ไม่ขนาดนั้นเสียหน่อย นายอย่าเว่อร์สิ ว่าแต่นายเหอะ ตั้งแต่ไปทำงานที่สวนสนุกแล้ว.. กับคุณตัวตลก ซิโค่ซิโคนี่~ เจ้าของสวนสนุกน่ะ เป็นไงบ้าง?”
“เหอะ! ไอ้คนติ๊งต๊องนั่นน่ะนะ... เฮ้ย! ไม่ต้องมาแซวคนอื่นเลยนะ ว่าแต่นายเหอะ ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนออกมา วันนี้ทำไมอยู่ๆถึงชวนมาวะ?”
ตามประสาของคนที่ไม่เจอกันสักพักใหญ่ๆ ทั้ง 2 ทักทายกันอย่างร่าเริง แต่ที่ไม่เปลี่ยนนี่คงเป็นเรื่องจิกๆกัดๆกันเนี่ยแหละ ตั้งแต่สมัยเรียนยันทุกวันนี้ เจอหน้าแล้วถ้าไม่ปากหมาใส่กัน มันเหมือนไม่ได้เจอกัน
“ก็.... ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดีนี่สิ”
“ก็พูดตรงๆแบบที่ใจคิดสิครับ คุณซอกจิน”
“ผมไม่ใช่คนพูดไม่คิดแบบคุณครับ ปาร์คคยอง”
เท่านั้นแหละ ทำเอาคยองอ้าปากค้างไปเลย ซอกจินที่เห็นแบบนั้นก็เอาแต่หัวเราะ บรรยากาศแบบนี้ที่ไม่ได้เจอมานาน แม้อดีตจะเจ็บปวด แต่ถ้าเราเลือกที่จะเรียนรู้สิ่งที่แย่ๆและจดจำแต่สิ่งที่ดี เราก็สามารถอยู่กับปัจจุบันได้อย่างมีความสุข
“มีคนมาจีบกูหว่ะ”
สุดท้าย ซอกจินก็พูดเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจมาหลายวันออกไปอย่างง่ายๆ คยองที่อึ้งอยู่แล้ว ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
“โห.. เสน่ห์แรงไม่เปลี่ยนนี่หว่า~ อิจฉา~~”
“มาอิจฉงอิจฉาอะไร? น่ารำคาญจะตาย”
คยองที่อุตส่าห์แซว แต่ซอกจินกลับตอบกลับทันควันแบบนี้ ขัดใจเป็นบ้า! แต่คำพูดต่อมายิ่งทำให้อยากเอาหัวโขกโต๊ะตายให้รู้แล้วรู้รอด
“กูควรทำไงดีวะ.. อ่ะ..เอ่อ... มะ..หมายถึง.... ทำไงให้เขาเลิกยุ่งกับกูน่ะ”
ซอกจินจ้องหน้าคยองเพื่อรอคำตอบ แม้อีกฝ่ายจะจิกตาใส่ ทำหน้าเบื่อหน่าย ถอนหายใจใส่ แต่ซอกจินก็ไม่ลดละที่จะอ้อนเอาคำตอบ แต่คยองกลับส่งคำถามมาแทน
“นี่! นายไม่อยากให้เขามาวุ่นวาย เพราะเขาเป็นคนไม่ดี หรือเพราะนายยังยึดติดกับคนแย่ๆในอดีตกันแน่!”
“.......”
“ซอกจิน.. นายคิดดีๆนะ เขาไม่มีค่าควรจะอยู่ในชีวิตนายแล้ว.... ทำไมนายถึงยังปล่อยให้เขาเข้ามามีอิทธิพลกับความคิดนายอีกล่ะ? เปิดใจสิ แล้วนายจะหาคำตอบได้เอง”
เฮ้อ~
ซอกจินถอนหายใจและพยักหน้ารับ คยองยิ้มให้ และชวนคุยเรื่อยเปื่อย แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมออกทะเลตามสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่คิดเรื่องที่วีนไปเมื่อวาน
‘ทำให้เขาเสียความรู้สึกหรือเปล่านะ.. โอ๊ะ! แล้วจะไปสนใจทำไมเนี่ย’
===============================================================
“น้องเวร! ฝากของก็ไม่รับฝาก จะเข้าไปหาเขาที่ร้านก็ไม่ให้เข้า! แล้ววันนี้เขาก็ไม่อยู่ร้านด้วย.. หรือเขาจะเกลียดฉันแล้วจริงๆ โอ๊ย!! ไม่จริงใช่ไหม?”
นัมจุนที่เมากาแฟ(?) กินไปเพ้อไปอยู่หน้าบาร์ โฮซอกจึงตบโต๊ะลงไปทีหนึ่ง และขอด่าลูกค้าเสียทีเถอะ ตั้งแต่เปิดร้านมา นี่คนแรกเลย(หรือเปล่า)นะ
ปัง!
“นายน่ะ เงียบๆหน่อยเถอะ รบกวนลูกค้าคนอื่นเขา”
พูดจบก็หันไปมองโต๊ะมุมเดิม ที่มักจะมีคนเดิมๆมานั่งเกือบทุกวัน ยุนกิยิ้มให้เป็นการขอบคุณ ก่อนจะกลับไปเขียนงานต่อ นัมจุนแม้จะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน แต่เรื่อนของเขาก็สำคัญนะ! ทุกคนจะเมินเขาแบบนี้ไม่ได้!!
“ฉันจะทำไงดี!!!!”
ไม่ได้คำตอบแต่ได้ขนมมาวางตรงหน้า การกระทำของโฮซอกทำให้นัมจุนสงบปากสงบคำด้วยความงุนงงไปชั่วขณะ ก่อนจะได้คำตอบ
“กินซะ จะได้เงียบปาก ไม่คิดตังด้วยอ่ะ!”
‘เอ.... ทำไมรู้สึกเหมือนมารบกวนการทำงานชาวบ้านเขาหว่า?’
“แทฮยองอย่าหน้ามุ่ย~”
แทฮยองที่ถูกท่านพี่ชายสุดที่รักได้ตามมารังควาญ จากที่เมื่อเช้ามีความสุขสุดๆตอนนี้กลับติดลบ หงุดหงิดเป็นบ้า ส่วนจีมินที่เดินผ่านมาก็ทักและจิ้มแก้มไปทีนึง แบบนั้นแทฮยองจึงยิ้มออกมาได้และจิ้มแก้มที่บวมกว่าตัวเอง 2 เท่า(?)คืน เอาเถอะ.. ตอนนี้ยังไงก็ต้องรีบตักตวงความหวานไว้เยอะๆก่อนที่ตัวป่วนจะมาล่ะนะ
“วันนี้เงียบเหงาดีจังเลยเนอะ ของก็จัดเสร็จหมดแล้วด้วย ไม่มีอะไรให้ทำเลย”
แทฮยองทำลายความเงียบขึ้น ไม่ได้สิ ขืนเงียบต่อไปเดี๋ยวอีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองกำลังจ้องเขาและเพ้อไปถึงไหนต่อไหนแล้ว จีมินเองก็แค่พยักหน้ารับ จากนั้นทั้งคู่ที่เบื่อๆกันอยู่ ก็พูดคุยวิ่งเล่นกันทั่วร้าน ดั่งทำเอ็มวีเพลง เสียงหัวเราะดังไปทั่ว เป็นภาพที่ดูน่ารักมากทีเดียว แต่ฉากก็ถูกสั่งคัทโดยผู้กำกับใหญ่...
“ร้านนะเว้ย ไม่ใช่สวนดอกไม้ วิ่งไล่กันเป็นหนังอินเดียไปได้”
ทุกอย่างตกอยู่ในความนิ่งไป 3 วิ ก่อนที่ผู้ติดสอยห้อยตามซอกจินมาจะหัวเราะออกมาเบาๆ เรียกสายตาอีก 3 คู่ให้หันไปมอง
“อะ.. เอ่อ สวัสดีครับ”
แทฮยองเอ่ยทักทายก่อนจะโค้งและกดหัวจีมินให้โค้งทักทายด้วย คยองได้แค่ยิ้มและบอกไม่เป็นอะไร ก่อนจะกอดคอซอกจินไปหาที่นั่งคุยกันต่อ ทางด้านแทฮยองกับจีมินแอบซุบซิบนินทาในความสงสัยว่าคนที่มาด้วยนั้นเป็นใคร แต่เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจให้คุยกันจนจบ
“มีอะไรกันหรอ?? บอกผมบ้างสิ!!”
จองกุกเดินเข้ามาแทรกระหว่างทั้ง 2 คน ประโยคที่พูดไปพร้อมกับมองหน้าจีมินด้วยตาประกายลุกวาว แต่เมื่อจบประโยคก็หันไปเขม่นใส่แทฮยองทันที แทฮยองก็มองกลับดุเดือดไม่แพ้กัน แถมกัดฟันด้วยความขัดใจ ที่จองกุกเข้ามาได้เวลาดีเหลือเกิน สงสัยวันนี้คงได้ก่อสงครามใหญ่กันอีกเสียแล้ว
“คนที่เดินมากับซอกจินนั่นใครน่ะ ดูๆๆ นายรู้จักไหม?”
“ขอโทษนะครับคุณนัมจุน ผมเป็นแค่คนบ้านใกล้เรือนเคียง ร้านใกล้กันกับคุณซอกจินนะครับ ไม่ใช่ ผัว คุณซอกจินเขา จะได้รู้ไปเสียทุกอย่าง”
นัมจุนที่เหลือบไปเห็นซอกจินกลับมาที่ร้านกับใครอีกคน ก็โวยวายทันที โฮซอกที่รู้สึกเบื่อคนตรงหน้าเต็มทน จึงประชดให้นัมจุนโกรธเล่นๆ แต่อาจจะแรงไปหรือเปล่านะ เพราะทำให้ทั้งร้าน(ซึ่งมีลูกค้าอยู่แค่ 2 คน) ตกอยู่ในความเงียบ แต่ถึงอย่างนั้นโฮซอกก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะร้านเงียบๆบ้างก็ดีแล้ว วันนี้ยังไม่ได้ยินเสียงแอร์เลย ได้ยินแต่เสียงคิมนัมจุน....
“ยังไง ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”
“โอ๊ะ! บรรยากาศไม่ดี หรือมีอะไรรบกวนหรือเปล่า?”
“เปล่าๆ พอดีเพิ่งนึกได้ว่ามีนัดน่ะ”
ยุนกิที่จู่ๆก็ขอตัวออกไปก่อน ส่งผลให้โฮซอกกังวลว่านัมจุนไปรบกวนหรือเปล่า แต่ยุนกิกลับปฏิเสธและยิ้มเหนื่อยๆให้ เห็นดังนั้น โฮซอกจึงก้มลงไปหยิบเยลลี่อย่างรวดเร็วแล้วยื่นให้ยุนกิ
“พักผ่อนเยอะๆนะครับ”
นั่นเป็นคำบอกลาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเจ้าของร้านผู้แสนดี เพราะเป็นเสียแบบนี้ ลูกค้าไม่รักไม่หลงได้อย่างไรกัน
โฮซอกมองยุนกิเดินออกไปจนลับตา แต่เมื่อหันกลับมาเห็นนัมจุนที่นั่งแทะขนมอย่างหงุดหงิดอยู่เงียบก็ต้องถอนหายใจออกมา
‘เอาวะ! ดีกว่าได้ยินมันเพ้อ’
ช่วงเวลาเก็บร้านที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แม้จะมีคยองมาช่วยนิดๆหน่อยๆ แต่งานก็ไม่ได้เร็วขึ้นเลย หนำซ้ำยังช้าลงกว่าปกติเสียอีก เพราะแทฮยองกับจองกุกเอาแต่ขัดคอกัน แกล้งกันไปมา ซอกจินด่าก็แล้ว ทำตัวดีๆได้ไม่เกิน 10 วิก็กัดกันต่อ บอกแล้ว วันนี้วันสงครามใหญ่~
ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง แค่เติมของ เก็บหน้าร้าน และถูพื้นแท้ๆ ทำให้ซอกจินหงุดหงิดพอสมควร แต่เมื่อออกมาแล้วพบว่าใครยืนรออยู่หน้าร้านก็ต้องหงุดหงิดกว่าเดิม อาการนั้นทำให้คยองรู้ทันทีว่า คนที่ซอกจินพูดถึงมาทั้งวันคือใคร และค่อยๆถอยห่างออกมา แต่เหมือนถอยได้ไม่มาก เพราะฉากหลังของพวกเขานั้นเป็นแทฮยองกับจองกุกที่ฟาดฟันกันด้วยสายตา ถึงไม้ถึงมือกันบ้างในบางที คยองหันไปมองจีมิน อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มส่งมาให้แทนคำพูด
‘พี่อย่าถามเลยว่าทำไมผมไม่ห้าม ห้ามไปก็ตีกันเหมือนเดิม’
“เอ่อ.. ช่วยรับไว้แทนคำขอโทษของผมหน่อยนะครับ คือ.. ผมไม่ตั้งใจทำให้คุณรู้สึกไม่ดีนะ แล้วก็สบายใจได้ เพราะมะรืนนี้ผมก็กลับนิวซีแลนด์แล้ว”
ในที่สุด นัมจุนก็มอบของขวัญนั้นให้ซอกจินกับมือเอง แต่สายตานั้นบ่งบอกว่าเขาไม่มีความสุขเลย ซอกจินรับของไปโดยไม่พูดอะไร เพียงแค่มองหน้านิ่งๆ นัมจุนจึงเดินกลับบ้านทันที ทำให้คนเป็นน้องต้องรีบเดินตามไปดูอาการ ทางด้านซอกจินก็เอาแต่ก้มหน้ามองกล่องของขวัญชิ้นเล็กเงียบๆ จีมินจึงทำลายความเงียบขึ้น
“ไม่ต้องคิดเยอะพี่ ลองเปิดใจดู ความรักทำให้ชีวิตเราสวยงามขึ้นทุกคนแหละ เชื่อผมสิ ผมรู้ดี อิอิ”
ซอกจินยิ้มและขยี้ผมนุ่มๆของจีมิน ก่อนจะพูดประโยคส่งท้ายของคืนนี้ และเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนรัก ที่ดูเหมือนจะเหนื่อยใจกับท่าทีแต่ละอย่างที่ซอกจินแสดงออกมา แต่เพราะเป็นเพื่อนนี่นะ ตามใจมันสัก 24 ชั่วโมงก็ไม่เป็นไรหรอก
“เฮ้อ~ พรุ่งนี้พักงานกันหนึ่งวันนะ เดี๋ยวพี่ส่งข้อความไปบอกแทฮยองเอง ไปกัน คยอง! เที่ยวกันยันเช้าเลยดีกว่าเนอะ~”
===============================================================
ตอนนี้ ทั้งจีมินและจองกุกเองต่างก็กลับถึงบ้านด้วยความเหนื่อย คนหนึ่งเหนื่อยเพราะทำงาน แต่อีกคนนี่สิ.. เหนื่อยเพราะทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะล้มตัวลงนอนจีมินเกิดนึกเป็นห่วงนัมจุนขึ้นมา จึงโทรไปคุยกับแทฮยองสักครู่ เมื่อได้ถามให้หายอยากรู้แล้ว จีมินกดวางสาย ส่งรอยยิ้มบางๆให้กับหน้าจอมือถือของตน แต่ก่อนที่จะล็อคหน้าจอและเข้านอนก็ต้องตกใจที่จู่ๆมีข้อความเข้ามา
จอน จองกุกกี้ : พรุ่งนี้ว่าง เราไปเที่ยวกันนะพี่ ^0^
จีมินนี่ : อืม รีบๆนอนสิ จะได้มีแรงไปเที่ยวกัน
===============================================================
ตามมาอย่างรวดเร็ว สำหรับตอนต่อนะค่ะ หุหุ ^.^
วันหยุดนี่เนอะ กลัวรีดเดอร์เหงา ไม่มีอะไรทำ~
ตอนที่แล้วก็ข้ามๆมันไปเถอะเนอะ สมมุติว่ามันไม่มี 555+
แล้วนี่.. จะไม่มีนัมจินในฟิคนี้แล้วหรอ 0[]0
เอาน่า ไม่ใช่คู่หลักอย่าคิดมาก ปล่อยมันจบแบบหน่วงๆต่อไป (อ้าว!)
ที่แน่ๆกุกวินอีกแล้วล่ะท่านผู้ชม~
แม่ยกกุกมินชอบกันไหม? 555+ อย่าลืมรอติดตามชมบ๊อกซ์ต่อไปนะค่ะ~
ความคิดเห็น