ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยัยตัวร้ายกับเจ้าชายพ่อมด

    ลำดับตอนที่ #1 : แหวนกับโชคชะตา

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 52


    ยัยตัวร้ายกับเจ้าชายพ่อมด

    ตอนที่1  แหวนกับโชคชะตา

      

    ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ
    “พวกเราคาบว่างไปดูเค้าแข่งฟุตบอลที่สนามเถอะ”อ้อแอ้เพื่อนสนิทของฉันในห้อง6/1ชวนทุกคนในห้องไปดูฟุตบอลเพราะเป็นคาบว่าง เห็นได้ยินมาว่าทีมของห้อง6/2ลงแข่งด้วยก็เลยพากันไปเชียร์เพราะยัยอ้อแอ้เนี่ยมันบ้าผู้ชาย แต่เธอก็เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉัน
                      แล้วคนในห้องก็ลงไปข้างล่างที่สนามฟุตบอลใจกลางของโรงเรียนรวมถึงฉันด้วยคงเหลือบางส่วนที่อ่านหนังสืออยู่ในห้องพวกเนี๊ยเค้าเรียกว่าเด็กเรียน
    “กรี๊ดดดดด ดูนั่นสิเอ็มห้องสองเท่จังเตะบอลก็เก่งด้วย”ยัยส้มที่นั่งดูอยู่ข้างๆฉันกรี๊ดเสียงดังซะลั่นสนามเล่นเอาหูฉันแทบแตกเพราะนายเอ็มนั่นเล่นเตะเข้าประตูแรกสาวๆก็เลยกรี๊ดสนั่น ส่วนยัยส้มมันแอบชอบเอ็มเค้าอยู่แต่ก็รักเค้าข้างเดียวอ่ะนะเพราะนายนั่นมันมีแฟนไปแล้วเพื่อนๆก็ช่วยปลอบกันตั้งนานกว่าจะตัดใจได้ แต่ก็คงยังไม่เลิกปลื้มนายเอ็มนั่นหรอก
    “นี่พวกเธอเดี๋ยวฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”ฉันลุกขึ้นจากอัฒจันทร์และเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ในตัวอาคารพอเดินไปแถวๆที่โล่งข้างสนามแล้วก็มีอะไรแข็งๆมาตกใส่หัวอย่างจัง
    “โอ๊ย   ใครเอาอะไรมาปาใส่หัวฉันเนี่ยเจ็บอิ๊บอ๋าย”ฉันลองคลำดูบนหัวแล้วเอามันที่ตกอยู่บนหัวฉันขึ้นมาดู
    “เฮ้ย แหวนนี่ แหวนใครเนี่ยทำไมเอามาขว้างเล่นแบบนี้เดี๋ยวก็ถอนขนหน้าแข้งยัดปากซะนี่ เอ๊ทำไมเจ้าของไม่มาถามหาหาสักทีเนี่ยแล้วจะทำยังไงกับไอ้แหวนบ้านี่ดีเนี่ย”แหวนนี่น่าจะมาจากชั้นบนนะ
    “น้องคะนี่ใช่แหวนของน้องรึเปล่าคะ”ฉันถามรุ่นน้องที่เดินผ่านมาคนแล้วคนเล่าแต่ก็ไม่ใช่ซักที
    “ไม่ใช่ครับ”   ในเมื่อไม่มีเจ้าของผู้ครอบครองก็คงเป็นฉันสินะ อิๆ
    แล้วฉันก็เก็บแหวนไว้ในกระเป๋ากระโปรง สงสัยฟ้าคงประทานให้ฉันสิ แหมเทวดาเจ้าขาส่งลงมาทั้งทีทำไมไม่ส่งแหวนเพชรมาเลยล่ะ มิเกลผู้นี้จะได้รวยกับเค้าสักที
              หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จฉันก็เดินกลับไปที่สนามฟุตบอลแต่การแข่งขันก็จบลงพอดี(ทำไมมันถึงได้ไวปานนั้นฟะ) ทีมของห้องสองชนะขาดรอยทำให้สาวๆในห้องฉันถึงกับกรี๊ดลั่นโรงเรียนไปจนถึงสามจังหวัดชายแดนเลยล่ะ
    “นี่อ้อแอ้ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอหน่อย”ฉันสะกิดยัยอ้อแอ้ที่เดินข้างๆ เพื่อนั่งรถเมล์กลับบ้านด้วยกัน
    “มีอะไรล่ะ พูดมาเลยอ้อแอ้คนนี้ยินดีรับฟัง”
    ระหว่างที่ฉันเดินกลับบ้านฉันก็พูดเรื่องที่ฉันได้แหวนมาแล้วไม่มีเจ้าของ ยัยอ้อแอ้ก็บอกว่าอาจจะเป็นแหวนของเนื้อคู่ฉันก็ได้ มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกอาจจะเป็นใครโยนเล่นและอาจหาไม่เจอก็ได้ ฉันหยุดคิดเรื่องแหวนสักพักก่อนที่จะมานั่งทำการบ้านและอาบน้ำ ปกติฉันไม่ค่อยได้ดูทีวีจึงเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ บ้านก็มีแค่ฉันกับแม่ ส่วนพ่อก็ตายไปตั้งแต่อายุสิบสองขวบ
    “แหวนของเนื้อคู่เหรอ ถ้าเป็นไปได้ก็ดีสิจะได้มีแฟนกับเค้ามั่ง” ฉันนอนดูแหวน มันเป็นแหวนที่ทำด้วยโลหะสีเงินลวดลายก็ธรรมดาไม่มีอะไรสงสัยจะเป็นแหวนของผู้ชาย เอ ข้างในวงแหวนมีตัวอักษรด้วยเขียนว่าอะไรก็ไม่รู้อ่านไม่ออกตัวหนังสือคงเป็นอักษรฮีโรกริฟฟิคมั้ง ฉันลองสวมแหวนดูปรากฏว่าพอดีกับนิ้วนางข้างซ้ายของฉันเป๊ะเลย
    “ เฮ้ย ทำไมถอดไม่ออกอ่ะ ซวยล่ะสิเกิดเจ้าของแหวนมาทวงแล้วจะทำยังไงเนี่ย” ฉันพยายามถอดสุดความสามารถแต่มันก็ถอดไม่ออกก็เลยปล่อยไปเลยตามเลยไม่เป็นไรพรุ่งนี้ก็ยังมี
                 พอมิเกลหลับไปได้สักพักก็เกิดแสงสีทองสว่างวาบออกจากแหวน แสงนั้นสว่างไปทั่วห้อง แล้วก็หยุดไปเองทำให้มิเกลสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล
    “เกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้เห็นแสงอะไรวับๆ   เฮ้อ สงสัยคงฝันหรือไม่ก็ละเมอ นอนต่อดีกว่า”
    แล้วเธอก็นอนต่อจนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ วันนี้เป็นวันเสาร์ส่วนมากเธอจะอยู่บ้านหรือไม่ก็ไปเที่ยวนอกบ้านกับเพื่อนบ้างกับแม่บ้าง บางครั้งก็ไปคนเดียว แล้ววันนี้เธอไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าคนเดียว เธอเดินดูของไปเรื่อยจนมาถึงสำนักดูดวงแม่หมอ จันทร์ทิพย์
    “สำนักจันทร์ทิพย์ ดูดวงแม่น เฮ้องมงายที่สุด”ฉันกำลังจะเดินผ่านแต่กลับถูกหมอดูทักไว้ซะก่อน
    “เดี๋ยวก่อนสิแม่หนูจะไม่แวะดูดวงสักหน่อยเหรอฉันทายแม่นนะ”แม่หมอยิ้มให้ฉัน
    “อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ”ฉันตอบโดยไม่ต้องคิด พร้อมกับยิ้มแห้งๆให้หมอดู
    “เถอะน่า ฉันดูให้แม่หนูฟรีเลยล่ะเชิญเข้ามาก่อน เรื่องพวกนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ”เจ๊แกยังชวนไม่เลิก
    แล้วฉันก็ตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในสำนักดูดวงแม่หมอที่ดูสวยงามผมสีแดงหยิกรับกับผิวที่ดูขาวผ่อง แต่งตัวออกแนวยิปซีมีสร้อยลูกปัดรุงรังชุดยาวคุมทั้งตัวสีดำ แต่เธอดูมีอายุราวๆห้าสิบกว่าปี ข้างในนั้นตกแต่งด้วยพรมและผ้าม่านเปอร์เซียเหมือนอยูในโลกเวทย์มนต์ เธอนั่งเก้าอี้ไม้ มีลูกแก้วกลมใสใบใหญ่วางอยู่บนโต๊ะที่ปูด้วยผ้าพรมสีดำสนิท
    “เชิญนั่งจะ”                หมอดูผายมือไปที่เก้าอี้ให้ฉันนั่งแล้วเธอก็นั่งตรงข้ามกับฉัน
    “ข้างในตกแต่งสวยดีนะคะ”ฉันนั่งลงด้วยความจำใจ ทำไม บรรยากาศมันอึมครึมน่ากลัวจังแต่ปากฉันมันไม่ตรงกับตาเห็นสักนิดเลย
    “ขอบใจจ้ะที่ชม หนูชื่ออะไรจ๊ะและหนูเกิดวันเดือนปีอะไรจ๊ะ”เธอจ้องตามาที่ฉัน จ้องตาดุแบบนี้มาควักตับกันเลยยังจะดีกว่า (ลืมบอก เจ๊แกเขียนขอบตาดำได้น่ากลัวมาก)
    “ถามทำไมเหรอคะ”
    “อ้าวฉันจะได้ดูดวงให้หนูไง ถ้าไม่มีข้อมูลของหนู แล้วฉันจะทำนายได้ยังไงล่ะ”
    “ค่ะเข้าใจแล้ว หนูชื่อมิเกลเกิดวันศุกร์ที่ สิบเก้ามีนาคมปี สองพันห้าร้อยสามสิบสี่ค่ะ”ฉันตอบแม่หมอตามความจริง
    “รอสักครู่นะ”แล้วแม่หมอก็ใช้มือลูบลูกแก้ว มีแสงออกมาอย่างกับไฟฟ้าช๊อตแม่หมอเพ่งตาดูที่ลูกแก้วนั้นสักพักก่อนจะพยักหน้าดูเหมือนกับรู้อะไรบางอย่าง
    “ตอนนี้หนูกำลังจะเจอเนื้อคู่ในไม่ช้า แต่เมื่อเจอแล้วจะมีบางสิ่งที่ไม่มีใครอาจเข้าใจได้ เพราะหนูได้เจอสิ่งที่เนื้อคู่ได้ให้ไว้ สิ่งนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ยิ่งนัก ความรักอาจมีอุปสรรคชีวิตหนูอาจจะเป็นดั่งเทพนิยายที่ไม่มีใครเชื่อ” แม่หมอพูออกมาอย่างจริงจัง ทำให้ฉันถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่แม่หมอพูด                                                                                                                                                                          
    “แม่หมอนี่พูดตลกจังนะคะ จะเป็นไปได้ยังไง เจอเนื้อคู่ ”แล้วฉันก็ปล่อยเสียงหัวเราะอันเป็นผู้ดี(นึกออกมั้ยคะ)พลางเอามือปิดปากจึงทำให้แม่หมอเห็นแหวนที่ฉันสวมใส่อยู่
    “นี่ แม่หนู ได้แหวนวงนี้มาจากไหน”เรียกแม่หนูอยู่ได้ ฉันไม่ได้มีลูกเป็นหนูสักหน่อย
    “อ๋อ หนูเก็บได้เมื่อวานนี้ไม่รู้ใครมาทำหล่นใส่หัว หรือว่าเป็นของแม่หมอ”
    “เปล่าหรอกจ้ะ   ฉันขอดูแหวนนี้หน่อยได้ไหม”ดูเหมือนว่าเจ๊แกจะพิสวาทแหวนวงนี้จังฉันอยากจะให้เธอนะแต่ มันถอดไม่ออก
    “ได้ค่ะแต่มันถอดไม่ออก” ฉันยื่นมือข้างซ้ายไปให้แม่หมอ ฉันถึงถึงกับสะดุ้งเพราะมือของแม่หมอเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งแล้วยังไว้เล็บยาวสีดำอย่างกับปีศาจอีก
    “ทำไมมือแม่หมอถึงได้เย็นจังคะ” แม่หมอไม่ตอบอะไร แล้วแม่หมอจันทร์ทิพย์ก็เพ่งแหวนอย่างเคร่งเครียดก่อนที่จะพูดสิ่งที่สร้างความมึนงงให้กับฉันชนิดรุนแรง
    “ใช่แล้วแหวนบาเคนเนฟของลาฟาเอลนี่”อะไรนะ เคนกับหน่อยเหรอ
    “แม่หมอพูดอะไรคะไม่เข้าใจ”ฉันถามอย่างสงสัยเมื่อได้ยินแม่หมอพึมพำอยู่คนเดียวไม่เป็นภาษา
    “เปล่าไม่มีอะไรฉันบอกว่ามันสวยดี”แม่หมอพูดพลางปล่อยมือฉันลง
    “หนูขอบคุณมากนะจ๊ะที่ดูดวงให้หนูฟรี งั๊นหนูขอตัวก่อนนะ”แล้วฉันก็เตรียมจะลุกขึ้นแต่ถูกหมอดูหญิงคนนั้นทักขึ้นซะก่อน
    “เดี๋ยวก่อนแม่หนู จงจำสิ่งที่ฉันทำนายหนูไว้ หนูจะได้พบเนื้อคู่ แต่จะพาหนูไปในที่ๆไม่มีใครคาดฝัน ชีวิตหนูจะเป็นดั่งเช่นเทพนิยาย เชิญจ้ะ”
    แล้วฉันก็เดินออกจากสำนักดูดวงด้วยสีหน้ามึนงงปนสงสัย
    “เพ้อเจ้อทั้งนั้น เจอเนื้อคู่เจอในสิ่งที่ไม่คาดฝันโกหกทั้งเพหมอดูก็คู่กับหมอเดาล่ะน่า ดีนะที่แม่หมออะไรนั่นให้ดูฟรี” หลังจากที่เธอเดินจากไปนั้นแม่หมอก็รำพึงว่า
    “เจ้าคงจะเป็นเนื้อคู่ของลาฟาเอลหลานชายข้า ชะตาฟ้าลิขิตเจ้าให้เป็นราชินีแห่งเมืองกอร์ซิสเมืองเวทมนตร์ของหลานข้า แต่คงจะเป็นการยากที่เจ้านั้นเป็นมนุษย์มิใช่พ่อมดแม่มดเฉกเช่นพวกข้า”
          แท้จริงแล้วแม่หมอจันทร์ทิพย์นั้นมิใช่มนุษย์ที่หากินกับเรื่องโชคชะตาธรรมดาทั่วไป แต่นั่นคือพระพันปีลูอิสพระขนิษฐาของพระบิดาของลาฟาเอลหรือที่เรียกว่าอานั่นเอง   เป็นแม่มดผู้มีพลังสูงสุดรองจากลาฟาเอลหลานชาย เก่งกาจในด้านการโหราศาสตร์ผู้รู้อดีตปัจจุบันและอนาคตตอนกลางวันก็จะมายังโลกมนุษย์เพื่อเป็นหมอดู แต่พอค่ำลงก็จะไปเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาโหราศาสตร์ที่นางถนัดแล้วยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดในการปกครองบ้านเมืองเวทมนตร์อีกด้วย
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×