คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : โอเมก้าในกำมือ (RW)
โอเมก้าในกำมือ
เสียงเปิดปิดตู้เย็น พร้อมกับเสียงเทน้ำส้มใส่แก้วอย่างรีบร้อนจนแทบหก
ดังขึ้นในห้องครัวตอนกลางดึก เด็กชายในวัย 13
กำลังรีบเทน้ำส้มเพื่อนำไปให้คุณชายใหญ่ของบ้าน
ที่อยู่ๆก็อยากดื่มขึ้นมาตอนกำลังจะเที่ยงคืน
ซอนโฮที่ตอนนี้เป็นเด็กชั้นมัธยมต้นปี 1 แล้ว
แต่ก็ยังต้องคอยรับใช้และตามใจควานลินอยู่เสมอ
หลังจากที่คืนหนึ่งก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเทอมควานลินมาหาเขาที่ห้อง
“นี่แก!!”
“ครับ คุณควานลิน”
“พรุ่งนี้ที่โรงเรียนแกไม่ต้องทำมาเป็นรู้จักฉัน
หรือบอกใครต่อใครว่าเป็นลูกบ้านนี้”
“ค…ครับ” ซอนโฮก้มหน้ารับคำ
โดยไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า
“ถ้าใครถามก็ให้ตอบไปว่าเป็น แค่คนใช้ เข้าใจไหม?”
“ครับ” ซอนโฮรีบพยักหน้ารับคำ
ก่อนที่ควานลินจะเดินออกจากห้องไป เสียงเย็นก็ได้เอ่ยประโยคหนึ่งทิ้งท้ายเอาไว้
“แล้วต่อไป แกก็ต้องเชื่อฟังฉันให้มากๆ ถ้ายังอยากอยู่บ้านนี้ต่อไป”
ราวกับว่านับจากนี้
ชีวิตของซอนโฮจะต้องอยู่ในกำมือของเขาเพียงผู้เดียว
“จะเทไปถึงพรุ่งนี้เลยรึไง!!” เสียงเข้มดังขึ้นท่ามกลางความมืด
ทำให้ซอนโฮที่กำลังคิดถึงอดีต สะดุ้งตกใจจนทำน้ำส้มหกเลอะโต๊ะไปหมด
“ซอนโฮ!!” ควานลินตะคอกเสียงดังขึ้นอย่างหงุดหงิดเมื่อคนเห็นตรงหน้าทำตัวไม่ได้เรื่อง
“ผ..ผม ผมขอโทษครับ” ซอนโฮอยากจะตีมือตัวเองจริงๆเลย
ทำไมต้องตกใจทุกครั้งเวลาเจอคนๆนี้ ก่อนที่จะคิดได้ว่าต้องรีบไปเอาผ้ามาเช็ด
จึงรีบเดินไปเอาผ้าอีกทาง
“จะไปไหน!!!”
“ผมจะไปเอาผ้ามาเช็ดครับ หรือคุณจะให้เทน้ำส้มแก้วใหม่ให้ก่อนครับ?”
“ไม่ต้อง!! สกปรก!!”
“เอ่อ เดี๋ยวผมจะรีบทำความสะอาดครับ” ซอนโฮลนลานไปหมด
เขาไม่ชอบเลยเวลาที่ควานลินกำลังโกรธ เขาต้องเจ็บตัวทุกที
แต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปหยิบผ้ามาเช็ด แขนเล็กก็ถูกอีกคนดึงไว้ก่อน
“เอาเสื้อแกเช็ดสิ!!!”
“แต่…นี่มันเสื้อผมนะ”
“ฉันบอกว่าเดี๋ยวนี้ไงห๊ะ!!!” ควานลินออกแรงกระชากแขนเล็กเข้ามา
ก่อนที่มือสองข้างจะกดตัวซอนโฮลงไปบนโต๊ะ
จนเสื้อของคนตัวเล็กเปียกเลอะไปด้วยคราบน้ำส้ม ซอนโฮพยามออกแรงดิ้น
แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงดัง สุดท้ายก็ได้แต่ยอมให้ควานลินจับตัวของเขาถูไปมาบนโต๊ะ จนควานลินยอมปล่อยมือจากเขา
และเดินถอยมายืนดูพลางกระตุกยิ้มแบบเงียบๆด้วยความสะใจ
ซอนโฮตอนนี้ก็เหมือนทาสของเขานั่นแหละ นอกเสียจากว่าเขาจะไม่แกล้งแรงๆจนแม่หรือคนอื่นรู้
ไอ้เด็กนี่ก็แทบจะยอมเขาทุกอย่างแถมไม่ขี้ฟ้องด้วย
อย่างน้อยข้อดีของการมีซอนโฮอยู่บ้านนี้ ก็คงจะเป็นการที่เขามีอะไรทำสนุกๆนี่แหละ
“พรุ่งนี้อย่าให้ฉันต้องรอล่ะ”
ควานลินเดินขึ้นห้องไปแล้ว ซอนโฮรีบเช็ดน้ำตาพลางเหลือบมองนาฬิกาก็เกือบจะตีหนึ่งแล้ว
เขายังต้องรีบเอาเสื้อไปซัก ก่อนที่แม่บ้านหรือใครจะมาเห็น และรีบขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวใหม่
กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จก็ตีสองพอดี ร่างเล็กรีบเข้านอน
ก่อนที่จะสวดมนต์และภาวนาเสมอว่าขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดีสำหรับเขา
เช่นเดิมในทุกๆเช้าที่หลังจากทานอาหารเสร็จ ซอนโฮก็ต้องรีบถือกระเป๋านักเรียนทั้งของตัวเองและของควานลินไปรอที่รถ
เขาขึ้นรถไปกลับโรงเรียนพร้อมๆกับคุณชายของบ้านทุกวัน
โดยที่ซอนโฮจะนั่งหน้าข้างๆลุงคนขับเสมอ
“จอด!!” ควานลินสั่งคนขับรถหลังจากที่ออกจากบ้านมาได้สักพัก
“เอ่อ คุณหนู ลืมอะไรหรอครับ” คนขับรถถามด้วยความตกใจ
“ซอนโฮ ลงไปสิ” ควานลินหันมาสั่งคนตรงหน้าเสียงเข้ม
ซอนโฮ งงกับคำสั่งของเขา แต่ก็ยอมลงจากรถโดยดี
“ออกรถ” เมื่อซอนโฮลงไปแล้ว
ควานลินก็สั่งให้คนขับรถออกรถไปโรงเรียนทันที จากตรงนี้ไปโรงเรียนก็ราวๆ 10
กิโลได้ แถมแถวนี้ก็ไม่ค่อยมีรถด้วยสิ
“เดินให้สนุกนะซอนโฮ” ควานลินเปิดกระจกออกมาพูดกับเขาด้วยสีหน้าที่อารมณ์ดีสุดๆ
ก่อนจะหันไปสั่งคนขับรถว่า ถ้าฟ้องแม่เขาหรือบอกใครจะไล่ออกทันที
คนขับได้แต่มองเด็กตัวเล็กที่ยืนอยู่คนเดียวไกลจากรถไปเรื่อยๆอย่างสงสาร
ซอนโฮได้แต่ถอนหายใจ น้ำตาก็พลันแต่จะไหลออกมา
เขาได้แต่อดทนไว้และตัดสินใจเดินไปจนถึงโรงเรียน กว่าที่จะเดินมาถึงก็ทำให้เขาพลาดการเรียนในวิชาแรกไปเรียบร้อย
“ซอนโฮ ทำไมนายมาสาย” อีแดฮวี
เพื่อนสนิทของเขาแอบกระซิบถาม ขณะที่วิชาที่สองกำลังเริ่มขึ้น
“พอดีฉันมีธุระนิดหน่อย”
“ไม่ได้เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันเป็นห่วงแทบแย่”
เมื่อตอนที่เขามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ใหม่ๆ
เขาเพิ่งได้เข้าใจจากวิชาที่มีสอน ว่าโลกนี้นอกจากเพศชาย เพศหญิงแล้วยังมี
เพศสภาพรอง นั่นก็คือ อัลฟ่า เพศที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร แข็งแกร่ง และอันตราย
พวกที่สองก็คือ เบต้า คนปกติทั่วๆไป นี่แหละ ส่วนพวกสุดท้าย สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ
และน่ารังเกียจ เหมือนที่ควานลินเคยบอกกับเขาเมื่อปีที่แล้ว พวกโอเมก้าแบบเขา
โอเมก้าที่อ่อนแอ และมีแต่จะถูกรังแก
เมื่อไหร่ที่ถูกอัลฟ่าตีตรา กัดที่ต้นคอ ก็จะต้องกลายเป็นของอัลฟ่าคนนั้นตลอดไป
โอเมก้ามีอัลฟ่าได้แค่คนเดียว ต่างกับอัลฟ่าที่จะมีโอเมก้ากี่คนก็ได้
แต่ก็ยังโชคดีที่ในยุคนี้ ผู้คนต่างเรียกร้องถึงความเท่าเทียมกัน เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน โรงเรียนแห่งนี้ก็เช่นกัน
โรงเรียนนี้เป็นหนึ่งในกิจการของคุณเยว่หลิว
มีการเรียนรวมของนักเรียนทุกเพศสภาพ รวมทั้งมีการดูแลความปลอดภัย
ควบคุมระดับฮอร์โมนจากหมอ ให้ยาป้องกันกลิ่นฟีโรโมนแก่พวกโอเมก้าและอัลฟ่า
เวลาที่เกิดอาการฮีทและรัท
ซึ่งยังคงเป็นเรื่องห่างไกลจากเด็กมัธยมต้นปีหนึ่งแบบพวกเขา
อีแดฮวีก็เป็นโอเมก้าเช่นกัน แต่เพื่อนรักของเขาก็มีรุ่นพี่คังดงโฮที่เป็นอัลฟ่า
คอยดูแลอยู่ตลอด ถึงแม้จะยังไม่ได้สร้างพันธะซึ่งกันและกัน
แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็แน่นแฟ้นจนน่าอิจฉาเลยแหละ
นอกจากแดฮวีแล้ว ซอนโฮ ก็มีเพื่อนสนิทอีกคนที่เรียนกันคนละห้อง
แต่สนิทกันเพราะอยู่ชมรมดนตรีเหมือนกัน จูฮังนยอน เบต้าที่น่ารัก
คอยเป็นห่วงและดูแลเขาอยู่เสมอ
นับเป็นโชคดีที่เขาแทบไม่มีโอกาสได้เจอควานลินบ่อยนัก
ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตที่โรงเรียนได้อย่างปกติ แม้ว่าจะยังโดนแกล้งตลอดเวลาอยู่ที่บ้าน
อย่างน้อยที่โรงเรียนเขาก็ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเพื่อนๆได้บ้าง
ภาพของซอนโฮที่กำลังนั่งหัวเราะกับเพื่อนๆ
ก็ไม่พ้นสายตาของคนๆนึงที่แอบมองอยู่ห่างๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ
“สงสัยจะมีความสุขเกินไปแล้วนะ ยูซอนโฮ”
เย็นวันนั้นเมื่อกลับถึงบ้าน ก็เจอกับคุณนายใหญ่ของบ้านยืนต้อนรับอยู่
เกือบเดือนแล้วที่เยว่หลิวต้องบินไปดูแลธุรกิจที่ไต้หวัน และฮ่องกง ซอนโฮดีใจมากรีบวิ่งลงจากรถไปกอดคุณแม่ใหญ่ด้วยความดีใจ
“ซอนโฮ คิดถึงคุณแม่ใหญ่มากเลยครับ” เด็กน้อยอ้อนคนเป็นแม่บุญธรรมด้วยความคิดถึง
เยว่หลิวอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ จึงกอดตอบและลูบหัวด้วยความรักใคร่
“แม่ก็คิดถึงลูกๆเหมือนกันจ้ะ แม่มีของขวัญให้ซอนโฮด้วยนะ” พูดพลางยื่นกล่องของขวัญให้เด็กน้อย
“ของขวัญอะไรหรอครับ ซอนโฮเกรงใจ”
“ของขวัญที่ซอนโฮเป็นเด็กดี และสอบได้ที่หนึ่งของชั้นไงจ๊ะ”
“คุณแม่ใหญ่รู้ด้วยหรอครับ” เด็กน้อยดีใจเมื่อคุณแม่ใหญ่ของเขา
รู้ถึงความพยายามอย่างหนัก ซอนโฮพยายามทำตัวเป็นเด็กดี และตั้งใจเรียนเสมอ เพื่อให้แม่ที่รับเลี้ยงเค้ามาภูมิใจ
“เปิดดูสิจ๊ะ” แม่ใหญ่ยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
“ว้าว โทรศัพท์มือถือ แต่มันไม่แพงไปหรอครับ”
“ไม่หรอกจ้ะ ยังไงหนูก็โตแล้วจะได้เอาไว้คุยกับเพื่อน และแม่ไง”
“ขอบคุณครับคุณแม่ใหญ่” สองแม่ลูกต่างสายเลือดกอดกันด้วยความรัก
จนลืมไปว่า มีใครอีกคนที่ยืนมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ
“เหอะ! มารยา” ควานลินเดินชนซอนโฮ พลางแขวะเบาๆ
แต่ทุกคนก็ได้ยิน
“ควานลิน มาหาแม่สิจ๊ะ” เหมือนเยว่หลิวจะลืมลูกชายคนโตของเธอไปจริงๆ
จึงกวักมือเรียกให้เขาเข้าไปหา แต่ควานลินกลับเลือกที่จะเดินขึ้นบันไดไป
“ผมขอโทษครับคุณแม่ใหญ่” ซอนโฮก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
เขาทำให้คุณควานลินรู้สึกไม่ดีอีกแล้ว
“ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่ใช่ความผิดของซอนโฮหรอก เดี๋ยวแม่ไปคุยกับพี่เขาเอง
เราเข้าบ้านกันดีกว่า”
มื้อค่ำมื้อนั้นเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยที่สนุกสนาน
ด้วยความที่ซอนโฮติดแม่และอยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็ก
ทำให้เขาโหยหาความรักความอบอุ่นจากแม่อยู่เสมอ
หลังจากที่สูญเสียแม่ไป โชคดีที่เขามีคุณเยว่หลิวคอยเติมเต็มให้เขา
ทั้งความรักและการเอาใจใส่ ซอนโฮจึงติดคุณแม่ใหญ่ของเขาพอสมควร ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยอยู่บ้าน
แต่ซอนโฮก็พยายามเข้าใจถึงการทำงานของเธอ
“เคร้ง!” เสียงวางช้อนส้อมกระทบกับจานดังขึ้น
ก่อนที่ควานลินจะลุกออกไปจากโต๊ะ
“อิ่มแล้วหรอลูก”
“กินไม่ลง! ผมขอตัวนะครับ” หันไปมองหน้าเด็กช่างประจบ
แล้วสะบัดหน้าขึ้นห้องไปอีกรอบ
ควานลินรู้สึกเกลียดคนตรงหน้า เสียงเจื้อยเเจ้วที่คุยกับแม่ของเขา
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของแม่ที่ควรจะเป็นของเขา กลับโดนเด็กคนนั้นเเย่งไปหมด
ควานลินคิดถึงพ่อของเขาเหลือเกิน เมื่อก่อนครอบครัวที่มีกันสามคนของเขา
มันดีแค่ไหน ต่อให้พ่อต้องออกไปทำงาน เขาก็ยังมีแม่ที่อยู่บ้านคอยดูแลเขาเสมอ แต่ตอนนี้เกือบๆ
ปีแล้ว ตั้งแต่ที่พ่อของเขาจากไปด้วยน้ำมือของแม่ไอ้เด็กนั่น แต่แม่ของเขา
แม่เพียงคนเดียวของเขา ยังเอาความรักทั้งหมดไปให้มันอีก
ควานลินได้แต่คิดแค้นในใจ มือหนาขยำกระดาษที่อยู่ในมือจนยับยู่ยี่
“ก๊อกๆๆๆ” เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“ควานลินนี่แม่เอง ขอเข้าไปได้ไหม” เขาเดินไปเปิดประตูให้แม่ ก่อนที่คุณนายไลจะเดินเข้ามากอดเขา
“แม่คิดถึงลูกนะ” เสียงที่ควานลินอยากได้ยินมาตลอด
คอยปลอบประโลมหัวใจของเขา
“ครับ”
“ลูกเป็นไงบ้าง เรียนสนุกมั้ย”
“ก็เรื่อยๆ”
“แม่ซื้อของมาฝากลูกด้วยนะ…เป็นเสื้อกับแว่นตาที่ลูกชอบไง”
“ขอบคุณครับแม่” การสนทนาของแม่ลูกกลับดูห่างเหินเหลือเกิน
คุณนายไลได้แต่คิดว่าลูกชายวัย 15 ของเธอคงอยู่ในช่วงวัยรุ่นแล้ว
ถึงทำให้ไม่สนิทกับแม่เหมือนเดิม
“งั้นแม่ไม่กวนแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะลูก ดูแลน้องแทนแม่ด้วยนะ”
“ครับ” สองแม่ลูกหอมแก้มกันก่อนนอน แต่กลับไม่ได้เติมเต็มความรู้สึกที่เหมือนหลุมดำในใจของควานลินได้เลย
หลังจากที่อยู่บ้านได้เกือบๆ ครบเดือน
คุณนายของบ้านก็ต้องบินไปดูแลธุรกิจทั้งที่ไต้หวัน และฮ่องกงอีกครั้ง ช่วงเวลาแห่งความสุขของซอนโฮก็เหมือนจะหมดลงทันทีเมื่อเช้าวันต่อมาควานลินก็ไล่เขาลงจากรถ
ทิ้งให้เขาเดินไปโรงเรียนเองเช่นเดิม
แต่วันนี้หนทางมันเหมือนจะไกลขึ้น หรือเพราะอากาศที่เริ่มร้อนขึ้นก็ไม่รู้
ซอนโฮเริ่มจะหิวน้ำและหน้ามืดจึงนั่งพักที่ข้างทาง
“เฮ้ย!! น้อง” เสียงมอเตอร์ไซค์จอดลงข้างๆเขา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงทัก
ซอนโฮแหงนหน้ามองควอนฮยอนบิน รุ่นพี่เบต้าตัวสูงที่เขารู้จักนั่นเอง
“ครับพี่”
“มาทำไรตรงนี้” ฮยอนบินถามด้วยความสงสัย
เขากับซอนโฮอยู่ชมรมดนตรีด้วยกัน จึงรู้จักและคุ้นเคยกันพอสมควร
“ผมกำลังจะไปโรงเรียนครับ”
“เดินไปเนี่ยนะ???” ฮยอนบินเอียงคอถามด้วยความสงสัยเพราะระยะทางจากนี่ไปโรงเรียนก็ไม่ใช่น้อยๆ
“ค…ครับ” ซอนโฮได้แต่ตอบเสียงอ้อมแอ้ม
ไม่รู้จะอธิบายว่ายังไง ให้บอกว่าโดนควานลินแกล้งก็คงทำไม่ได้
“งั้นมา เดี๋ยวซ้อนไปกับพี่นี่แหละ ทางเดียวกันไปด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเดินไปแป๊บเดียวก็ถึง”
“จะถึงกี่โมง เนี่ยจะเริ่มคาบแรกละ ขึ้นมาเหอะไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก”
ฮยอนบินว่า ก่อนจะดึงมือคนตัวเล็กมาซ้อนท้ายรถของเขา
และรีบซิ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปโรงเรียนให้ทันเวลา
โชคดีจริงๆที่อย่างน้อยซอนโฮก็ยังได้เจอรุ่นพี่ที่แสนใจดีอย่างฮยอนบิน
---------- o ----------
มาแล้วค่าา ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
เห็นคนมาอ่านแล้วแอบตกใจเลยค่า
เดี๋ยวไรท์จะแอบไปอ่านค่า
เรื่องนี้สัญญาว่าจะต่อจนจบค่ะ ไม่ต้องกลัวไรท์หายนะคะ
ป.ล. ตอนนี้น้องก็ 13 แล้วยังบาปอยู่
คุณพี่ควานลิน เราก็ยังคงใจร้ายตามเดิม
เขียนไป หมั่นไส้ไปเหมือนกันค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน เม้น เฟบ และสกรีมแท็กนะคะ
#โอเมก้าชั่วคราว
@So_lita_
ความคิดเห็น