ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรักษาโรคข้อเสื่อม
เนื่องจากโรคข้อเลื่อมเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายทำให้คาดว่าภายในไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีจำนวนคนไทยเป็นโรคข้อเสื่อมถึง 6 ล้านคน โดยปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคนี้ก็คือ อายุ ซึ่งมักเกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปทั้งชายและหญิง และเพราะเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาดได้แต่บรรเทาอาการและชะลอไม่ให้เป็นมากขึ้นจนถึงขั้นพิการเดินหรือเคลื่อนไหวไม่ได้ ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรหาความรู้ในเรื่องโรคข้อให้มาก ๆ เพื่อจะได้ดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเหมาะสม...และนี่คือสิ่งที่คุณมักเข้าใจผิดกัน
1. ในการออกกำลังกายหากเกิดอุบัติเหตุหรือความผิดปกติกับข้อ
เช่น เกิดอาการปวดเข่า ให้หยุดกิจกรรมนั้นสักสองสัปดาห์ เมื่อครบสองสัปดาห์และหายปวดแล้วค่อยกลับมาออกกำลัง แต่ถ้าครบแล้วยังไม่หายปวด ควรไปพบแพทย์ คนส่วนมากเข้าใจผิดว่าถ้าปวดเข่าหรือปวดข้อควรฝืนออกกำลังกายนั้น ๆ ต่อไปแล้วจะหาย ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด และสามารถส่งผลให้ข้อเลียเร็วกว่าที่ควร
2. การนวด
ความจริงแล้วมีจุดประสงค์เพื่อความสบายแต่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันว่าการนวดจะช่วยรักษาโรคข้อซึ่งอันที่จริงเป็นข้อห้าม และการนวดต้องระมัดระวัง เพราะบางคนไปนวดดัดคอ ดัดหลังซึ่งการดัดข้อจะทำให้ข้อนั้น ๆปวดมากขึ้น
3. การซื้อยารับประทานเอง
ต้องระมัดระวังมากเพราะอาจเจอยาพวกเพรดนิโซโลน ซึ่งเป็นสเตียรอยด์ กินครั้งแรกอาจทำให้หายปวดข้อทันที กินข้าวได้ อ้วน แต่ในระยะยาวจะเป็นอันตราย ทำให้ติดยา หน้าบวม ระบบอวัยวะภายในร่างกายเสีย
4. การรับประทานแคลเซียมเสริม
จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นเท่าไหร่ เนื่องจากในอาหารมีแคลเซียมเยอะมาก เช่น พวกผักสีเขียว ปลา ฯลฯ และแคลเซียมช่วยให้กระดูกแข็งแรง รักษาโรคกระดูกพรุน แต่คนทั่วไปเข้าใจว่าแคลเซียมรักษาโรคข้อเสื่อม เกาต์ หรือรูมาตอยด์ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด
คำแนะนำจาก นพ. พงษ์ศักดิ์ วัฒนา ประธานมูลนิธิโรคข้อฯ คือ ผู้ป่วยควรศึกษาว่าตนเองป่วยเป็นโรคข้อชนิดใดแล้วควรหาความรู้ และดูแลถนอมข้อที่เป็นปัญหาให้ดี เช่น หากข้อเข่าเสื่อมต้องเลือกกีฬาที่เหมาะสม แทนที่จะเล่นเทนนิสก็ควรเปลี่ยนไปว่ายน้ำ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ข้อเข่าปวด ไม่เดินขึ้นบันไดสูง ๆ หรือการวิ่งเดินระยะทางไกล ๆ ไม่นั่งยอง ๆ เป็นต้น
1. ในการออกกำลังกายหากเกิดอุบัติเหตุหรือความผิดปกติกับข้อ
เช่น เกิดอาการปวดเข่า ให้หยุดกิจกรรมนั้นสักสองสัปดาห์ เมื่อครบสองสัปดาห์และหายปวดแล้วค่อยกลับมาออกกำลัง แต่ถ้าครบแล้วยังไม่หายปวด ควรไปพบแพทย์ คนส่วนมากเข้าใจผิดว่าถ้าปวดเข่าหรือปวดข้อควรฝืนออกกำลังกายนั้น ๆ ต่อไปแล้วจะหาย ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด และสามารถส่งผลให้ข้อเลียเร็วกว่าที่ควร
2. การนวด
ความจริงแล้วมีจุดประสงค์เพื่อความสบายแต่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันว่าการนวดจะช่วยรักษาโรคข้อซึ่งอันที่จริงเป็นข้อห้าม และการนวดต้องระมัดระวัง เพราะบางคนไปนวดดัดคอ ดัดหลังซึ่งการดัดข้อจะทำให้ข้อนั้น ๆปวดมากขึ้น
3. การซื้อยารับประทานเอง
ต้องระมัดระวังมากเพราะอาจเจอยาพวกเพรดนิโซโลน ซึ่งเป็นสเตียรอยด์ กินครั้งแรกอาจทำให้หายปวดข้อทันที กินข้าวได้ อ้วน แต่ในระยะยาวจะเป็นอันตราย ทำให้ติดยา หน้าบวม ระบบอวัยวะภายในร่างกายเสีย
4. การรับประทานแคลเซียมเสริม
จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นเท่าไหร่ เนื่องจากในอาหารมีแคลเซียมเยอะมาก เช่น พวกผักสีเขียว ปลา ฯลฯ และแคลเซียมช่วยให้กระดูกแข็งแรง รักษาโรคกระดูกพรุน แต่คนทั่วไปเข้าใจว่าแคลเซียมรักษาโรคข้อเสื่อม เกาต์ หรือรูมาตอยด์ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด
คำแนะนำจาก นพ. พงษ์ศักดิ์ วัฒนา ประธานมูลนิธิโรคข้อฯ คือ ผู้ป่วยควรศึกษาว่าตนเองป่วยเป็นโรคข้อชนิดใดแล้วควรหาความรู้ และดูแลถนอมข้อที่เป็นปัญหาให้ดี เช่น หากข้อเข่าเสื่อมต้องเลือกกีฬาที่เหมาะสม แทนที่จะเล่นเทนนิสก็ควรเปลี่ยนไปว่ายน้ำ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ข้อเข่าปวด ไม่เดินขึ้นบันไดสูง ๆ หรือการวิ่งเดินระยะทางไกล ๆ ไม่นั่งยอง ๆ เป็นต้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น