คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ยิ่งแกล้งกัน...ยิ่งหวั่นไหว
4. ยิ่งแกล้งกัน...ยิ่งหวั่นไหว
“น้ำคะพี่ไนท์” ชลิตาเอ่ยเสียงหวาน ใบหน้าจิ้มลิ้มมองคนหล่อจนแทบจะจับกลืนกิน คนอะไรไม่รู้หล่อได้อีก...ถ้าไม่ติดว่าเป็นแฟนน้ำนะ รับรองแม่จะยั่วทั้งวันทั้งคืน คนหื่นคิดวาดฝันไปไกล
“หน้าพี่มีอะไรติดเหรอครับ”คนถูกมองเอ่ยถามเสียงนุ่ม แม่คุณเล่นจ้องตาไม่กระพริบจนเขาเองยังรู้สึกได้ถึงรังสีความหื่นที่แผ่ออกมาจากคนตรงหน้า และเหมือนเป็นการเรียกสติคนหื่นใบหน้าสวยส่ายหัวระรัวพร้อมกับพาตัวแองออกไป...เธอจะวิ่งออกไปกรี๊ดให้ดังสุดๆกับการที่ได้ยินเสียงนุ่มของชายหนุ่มนั้นเอง
รณวัฒน์ก้มมองนาฬิกา อีกสองสามนาทีก็ได้เวลาซ้อมบทแล้ว นักแสดงบางส่วนเริ่มเดินเข้ามาพร้อมกับร่างบางที่เด่นจนเห็นได้ชัดในความรู้สึกของเขา
รอยยิ้มน่ารักอ่อนหวานถูกส่งออกมาจากคนเด่น “น้องอันดีใจนะคะ ที่ได้ร่วมงานกับสุดหล่ออย่างพี่ไนท์” ไม่ใช่สีหน้าที่เปลี่ยนไป เสียงของเธอก็เปลี่ยนไปจนเขาทำตัวไม่ถูก ชายหนุ่มยิ้มรับด้วยความมึนงง แต่ก็เป็นเรื่องดีแล้วไม่ใช่เหรอที่เธอกับเขาจะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน
“พี่ก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกับน้อง...โอ๊ะ”ร่างของชายหนุ่มเหยียดตรงทันทีเมื่อมีความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมา บริเวณท้องมนเหมือนมีคลื่นตีวนกระจายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายก่อนจะไปรวมอยู่ที่จุดๆเดียว
“เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ...สีหน้าพี่ไนท์ดูไม่ดีเลย” อันนารินเอ่ยถาม ทั้งๆที่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นอะไร
“เอ่อ
ทุกคนครับ พี่ขอเวลา5นาทีนะครับ” ไม่พูดเปล่าหากแต่ยังรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แต่มันได้เวลาซ้อมแล้วนะคะพี่ไนท์...พี่ไนท์อยากได้อะไรค่ะ เดียวอันบอกหมิวไปเอาให้” ยิงคำถามด้วยใบหน้าใสซื่อ และคนที่ถูกเสนอให้วิ่งไปเอาของให้ถึงกับหน้าบาน รีบมายืนรอรับคำสั่งการทันที
“ไม่ครับพี่ไม่อยากได้อะไร...พี่ไปเองดีแล้ว” น้ำเสียงตะกุกตะกักบอกเสียงแผ่วเบา เขากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว จุดยุทธศาสตร์ที่ไม่เคยทำขายหน้าที่ไหนมาก่อนเริ่มก่อการกบฏจนเขาแทบจะต้านมันไม่ไหว
“เอ่อ...ถ้างั้นก็ได้ค่ะ” พิชญ์ญาภาเห็นชายหนุ่มเริ่มหน้าเขียวบอก แต่ก็ไม่ทันคนที่วิ่งอ้าวไปแล้วหลายเมตร “พี่เขาเป็นอะไรของเขา...” ถามเพื่อนที่นั่งด้วยกัน
“ไม่รู้สิ...ข้าศึกโจมตีมั้ง” รอยยิ้มร้ายปรากฏแกใบหน้า ถึงวิ่งไปก็ไม่ได้เข้าห้องน้ำอยู่ดีนั้นแหละ คนรู้ดีว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหัวเราะขึ้นมา
รณวัฒน์พยายามเก็บสีหน้าให้ปกติที่สุด เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าห้องน้ำช่างอยู่แสนไกลเหลือเกิน ความปั่นป่วนที่พร้อมจะระเบิดออกมาเริ่มรุมเร้าจนเขาแทบทนไม่ไหว ในที่สุดความทรมานก็หมดลง สวรรค์ในตอนนี้ปรากฏแก่สายตาของชายหนุ่ม ขายาวรีบสาวเท้าอย่างรวดเร็ว
“ไนท์ขา...ไนท์ขาอยู่ที่นี้จริงๆด้วย” เสียงดัดจริตดังขึ้นก่อนจะปรากฏร่างของเจนจิราขึ้น ร่างบางสูงเพรียว เดินเข้าหาชายหนุ่มอย่างตื้นเต้น มือเรียวคว้าแขนชายหนุ่มที่ทำท่าว่าจะเดินหนี “ไนท์ขานี่ชอบหาเรื่องตื่นเต้นอยู่เรื่อยเลย” เจนจิราที่มาทำงานแถวนี้ด้วยความบังเอิญเธอเจอกับหญิงสาวที่เธอไม่ค่อยจะชอบขี้หน้า และนั่นเองเธอจึงได้รู้ว่าคนหล่อหน้าตาดีคู่ควงคนล่าสุดมาถ่ายหนังที่นี้แถมยังนัดเธอมาหาอะไรทำที่ห้องน้ำอีก
“เดี๋ยวก่อนนะเจน...ผมกำลังรีบ” คนโดนข้าศึกโจมตีบอกอย่างอึกอัก คนยิ่งอยากเข้าห้องน้ำอยู่มาขวางไว้ทำไมก็ไม่รู้
มือเรียวปล่อยออกง่ายๆ ชายหนุ่มเห็นว่าหมดเรื่องแล้วขายาวก้าวออกได้เพียงหนึ่งก้าวก็ต้องหยุดลงอีกเมื่อมีหญิงสาวอีกคนขวางไว้ “พี่ไนท์จริงๆด้วย นี่กายเองค่ะพี่ไนท์จำกายได้มั้ยค่ะ กายเป็นแฟนคลับพี่ไนท์ค่ะ ดีใจจังเลยที่ได้เจอพี่ไนท์ ว่าแต่พี่ไนท์มาทำอะไรที่นี้ค่ะ”
“ครับๆ...พี่จำได้ครับ” ตอบแบบขอไปที คนยังไม่ได้ปลดปล่อยเริ่มเหงื่อแตกพลั่ก
“ว้าย! นี่แกเป็นใครถึงเข้ามาเรียกไนท์ขาสนิทขนาดนี้” เจนจิราแหวเสียงสูง อาการห่วงชายหนุ่มกำเริบและคล้องแขนชายหนุ่มแสดงให้คนมาใหม่รู้ไปเลยว่าตนเป็นเจ้าของผู้ชายสุดหล่อคนนี้คนเดียว
“ป้านังเหี่ยวนี้เป็นใครค่ะพี่ไนท์” คนอายุน้อยเอ่ยถามชายหนุ่มใบหน้าใสซื่อ ก่อนจะคล้องแขนชายหนุ่มอีกข้าง
ภาพในตอนนี้จึงเป็นภาพผู้หญิงสองคนขนาบชายหนุ่มไว้คนละข้างพร้อมทั้งยังยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาราวกับกำลังแย่งของเล่น แต่ของเล่นชิ้นนี้ทั้งหล่อและดูดีแถมราคาก็มีไม่ใช่น้อย มีหรือว่าทั้งสองจะไม่แย่งกัน
“นังเด็กบ้า! แกเป็นใครถึงมาว่าฉันหนังเหี่ยว ไนท์ขาต้องจัดการให้เจนนะคะ เจนไม่ยอมจริงๆด้วยเด็กอะไรไม่รู้ปากไม่ดีจริงๆ” ตามจริงจะด่าว่าปากหมา แต่เห็นว่าชายหนุ่มทำหน้าดุๆหญิงสาวจึงด่าอย่างสุภาพ
“ก็หนังป้าเหี่ยวจริงๆนิ” เด็กน้อยเถียงบ้างแต่ก็กระชากชายหนุ่มไม่หยุด
คนอดกลั้นเริ่มหน้าเขียว ขืนยังลากๆยื้อยุดแบบนี้มีหวังเขาคงไม่ต้องเข้าไปข้างในแน่ “พอก่อนเถอะครับ น้องกาย เจน ขอไนท์เข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
“ไม่ได้ค่ะ! น้องกายไม่ยอม”
“เจนก็ไม่ยอม”
ท้องฟ้ามืดมิดทันที ถ้ายังเป็นแบบนี้ราดหน้าแถวนี้คงยกหนีไม่ทัน ชายหนุ่มเก็บเสียงพร้อมกับโพล่งขึ้นในเวลาต่อมา
“ผมปวดขี้! จะปล่อยได้รึยัง” เสียงดังก้องหยุดสองสาวที่กำลังยื้อยุดได้ในทันที และไม่ใช่มีแต่สองสาวเท่านั้นที่ได้ยิน บรรดาทีมงานและคนเดินผ่านก็ได้ยินเช่นกัน คนปวดขี้อายแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเห็นว่ามีคนเยอะเหลือเกิน แต่เวลานี้ความอายที่มีคงต้องจับฝังดินไปก่อน ร่างสูงรีบรุดไปหาสิ่งที่ฝันมาตลอดทางในที่สุด
หลังจากต่อสู้กับข้าศึกจนหมดแรงร่างของชายหนุ่มรูปหล่อก็ถูกห่ามส่งโรงพยาบาลทันที เพราะด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว และสภาพที่ดูไม่ได้ทำให้ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกกลัวว่าจะไม่มีพระเอกซะก่อน สายน้ำเกลือข้างเตียงเริ่มทำงานทันทีที่แขวนไว้เรียบร้อย
“เป็นไงบ้างไนท์ ยังอยากเข้าส้วมอยู่อีกมั้ยแล้วไปกินอะไรมาถึงท้องเสียเอา” วารินดาถามเสียงเครียด ใบหน้าชายหนุ่มตอนนี้ดูยังไงก็ไม่ต่างกับซากศพ
“ถ้าฉันเข้าอีก ฉันก็คงได้ตายพอดี” คนป่วยตอบเสียงอ่อยใบหน้าซีดๆมองหน้าคนข้างๆเพื่อนสาวอย่างเอาเรื่อง ยายจอมจุ้นนี่คงแกล้งเขาแน่ๆไม่ต้องตรวจสอบก็รู้
“ถ้างั้นวันนี้เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนแกแล้วกัน กลางคืนมาจะได้ไม่กลัวผี” บอกด้วยความเป็นห่วงหากแต่ชายหนุ่มกับส่ายหน้ารัว
“ไม่เอา พรุ่งนี้แกต้องกลับกรุงเทพจะมาเฝ้าฉันทำไม ปล่อยฉันอยู่คนเดียวก็ได้”
“งั้นเดี๋ยวซีเฝ้าเองค่ะ หมิวเดี๋ยวช่วยไปจัดสถานที่ต่อกับพวกพี่ทีนะ” พิชญ์ญาภาหันมาสั่งงานเพื่อนแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม
“บ้า! ฉันทำเป็นที่ไหนล่ะ ไอ้อันนี้ไงมันว่างๆ ก็ให้มันเฝ้าไปสิ ถ้าไม่ติดว่าฉันต้องไปเคลียร์ฉากกับพี่ก้องฉันคงได้มาเฝ้าพี่ไนท์เองแล้ว”
“เห้ย!..แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ ไม่เอานะฉันไม่อยู่เฝ้าหรอก กลัวผี” อันนารินปฏิเสธทันที แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอจะไม่มีคนสนใจเลยสักนิดเดียว
“เฝ้าพี่ไนท์ไปเลย แกจะได้เล่นหนังกับพี่ไนท์นะอิน แถมในบทก็มีฉากดูแลยามเจ็บไข้ได้ป่วย ก็คิดซะว่าซ้อมบทแล้วกัน”พิชญ์ญาภาส่งยิ้มให้กำลังใจหรือเรียกว่ามัดมือชกสุดๆ
“ไม่เป็นไรครับ พี่อยู่คนเดียวได้ กลับรีสอร์ตกันเถอะเดี๋ยวจะมืดค่ำเอาซะก่อน” คนเริ่มรู้สึกตัวว่าจะถูกนินทาเผาขนเอ่ยออกมาเบาๆ แต่ยังไม่ได้พูดอะไรต่อประตูที่ถูกปิดไว้ก็เปิดขึ้นพร้อมกับปรากฏร่างของสองสาวที่ทำให้เขา เกือบไปไม่ถึงสวรรค์
“ไนท์ขา แอ๊ะไอ้เด็กบ้าออกไปสิอย่ามาแกะกะฉัน” วารินดาตวาดแว้ดร่างเพียวพยายามยื้อตัวบดบังคนข้างหลังไว้เพื่อให้ตัวเองอยู่ด้านหน้า
สองสาวต่างอายุผลัดกันดันกันไปมาจนคนในห้องมองด้วยความเอือมระอา “นี่ไง..มีคนเข้ามาดูแลพี่ไนท์แล้ว แถมมีตั้งสองคน งั้นฉันก็คงไม่จำเป็นต้องเฝ้าพี่เค้าหรอก กลับกันเถอะ ” อันนารินบอกสีหน้าเหยียดๆ ก่อนใบหน้างามหันมาชวนเพื่อนๆกลับ
“พี่ว่าน้องอันอยู่เป็นเพื่อนพี่ไนท์เค้าเถอะ...พี่ไม่อยากให้สองคนนี้เฝ้าเลย เพื่อนพี่ไม่ได้พักผ่อนพอดี” วารินดากระซิบบอกด้วยใบหน้าปลงๆ ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้มีงานด่วนต้องรีบกลับเธอคงอยู่เฝ้าเพื่อนปากเสียด้วยตัวเอง อีกอย่างเธอเป็นคนขอร้องให้เพื่อนสุดหล่อมาช่วยงาน แล้วถ้าชายหนุ่มเป็นอะไรไปมากเธอคงรู้สึกแย่ “นะคะ น้องอัน พี่กลัวเพื่อนพี่จะตายเอาซะก่อน” ย้ำอีกครั้งด้วยแววตาที่ขอร้องเต็มที
“ใช่อัน...ฉันก็ไม่อยากให้ยายสองคนนี้เฝ้าพระเอกสุดหล่อของฉันหรอก แกอยู่เฝ้าอ่ะดีแล้วฉันจะได้สบายใจว่าพี่ไนท์จะอยู่รอดปลอดภัย” ชลิตาช่วยกดดันอีกแรง
“ก็ได้ค่ะก็ได้ มีทางให้ปฏิเสธด้วยเหรอค่ะ” บอกอย่างประชด ให้ตายคนที่หน้าจะต้องห่วงว่ารอดปลอดภัยไหมมันคือเธอไม่ใช่เหรอ คนเข้าชู้เรียกพ่อจะยังต้องห่วงอะไรมีแต่จะมีความสุขคาอกสาวๆสิไม่ว่า อันนารินคิดด้วยความหมั่นไส้
“ไนท์ขา..ให้เจนเฝ้าไนท์คานะคะ”
“ให้น้องกายเฝ้าดีกว่าคะ น้องกายจะทำให้พี่ไนท์หลับอย่างสบายๆเลยดีมั้ยค่ะ”
สองสาวคนละฟากงัดเสียงออดอ้อนเต็มที่ ถ้าใครจับตรงไหนอีกคนก็จะจับลึกยิ่งกว่า จนเหมือนจะเป็นสงครามย่อยๆในเกมกายวิภาค หรือเรียนรู้ร่างกายมนุษย์นั่นเอง คนป่วยเริ่มรำคาญกลับเหตุการณ์ตรงหน้า หากแต่จะให้โวยวายก็ไม่มีแรง สายตาที่อ้อนล้าอยากนอนเต็มทีจึงส่งออกไปยังเพื่อนสาวในแกม...ช่วยจัดการให้ที
และเหมือนเพื่อนสาวสุดแสบจะรู้ว่าเพื่อนร้ายปากเสียต้องการอะไร คนสวยแต่ยังโสดจึงเดินไปกดกริ่งเรียกพยาบาลทันที “ขอโทษคะ...มีคนโรคจิตเข้ามากวนคนไข้ห้อง302ค่ะ” บอกออกไปเสียงเบาเพื่อไม่ให้สองสาวที่กำลังแย่งเล่นเกมกายวิภาครู้ตัว
ไม่นานบุรุษพยาบาลร่างใหญ่อ้วนท้วม3คนก็เดินมาถึง เหล่าสองสาวที่มัวแต่ทะเลาะกันไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยว่าไปถึงไหนแล้ว ในตอนนี้มีเพียงแต่จะเก็บคะแนนเอาใจชายหนุ่มทั้งนั้น
มือหนาแข็งแรงจับมือหญิงสาวที่เลื้อยไปมาไว้ สองสาวที่ถูกจับแบบเดียวกันถามอย่างมึนงงที่จู่ๆก็มีคนมาจับไว้ “ปล่อยฉัน...มาจับฉันทำไม”
“พวกคุณรบกวนคนไข้ครับ...ช่วยกรุณาออกมาด้วยอย่าให้ผมใช้กำลัง” ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาดุดุมองสองสาวด้วยแววตาน่ากลัว และเมื่อเห็นว่าสองสาวยังไม่ยอมทำตามที่บอก หัวหน้าบุรุษพยาบาลจึงสั่งการลูกน้องทั้งสองคนทันที
“ว๊าย! ไนท์ขาช่วยเจนด้วย...อ๊ายไอ้พวกบ้าแกมาจับฉันไว้ทำไม”เจนจิราร้องขอความช่วยเหลือจากคนป่วย ก่อนจะหันมาแว้ดบุรุษพยาบาลร่างใหญ่
“ถ้างั้นพวกคุณก็ออกไปดีๆสิครับ คนไข้ต้องการพักผ่อนนะครับ”
สองสาวรีบพยักหน้าหงึกๆทันที ต่างฝ่ายต่างมองกันตาขวางแต่ก็ยอมออกไปในที่สุด ระหว่างทางก็กระแทกกันไปมาไม่หยุด
เมื่อสงครามแย่งกันดูแลคนป่วยสิ้นสุดลงภายในห้องจึงกลับมาเงียบอีกครั้งต่างคนต่างถอนใจกันเฮือกใหญ่เมื่ออยู่ในภาวะทุกอย่างสงบนิ่ง
“ถ้างั้นฉันกลับก่อนนะสุดหล่อ...น้องอันพี่ฝากดูแลเพื่อนพี่ด้วยนะ” วารินดาหันมาล่ำลาคนไข้ พร้อมกับฝากฝั่งให้กับพยาบาลจำเป็น
“ซีกับหมิวไปแล้วนะคะพี่ไนท์ พักผ่อนเยอะๆนะคะจะได้มีแรงมาเล่นหนังให้ซี” หลังจากตกลงกันได้พิชญ์ญาภาก็บอกด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“ตกลงเป็นห่วงพี่ หรือเป็นห่วงหนังกันแน่ครับเนี่ย” คนป่วยถามล้อๆ คิ้วหน้าขมวดเข้าหากันทันทีในเชิงว่า ไม่อยากจะเชื่อในความห่วงใยของรุ่นน้องนัก
“คิกๆ พี่ไนท์รู้ทันซีไปหมดเลย... ไปก่อนนะเพื่อนรัก ดูแลพระเอกของฉันดีๆล่ะ” หัวเราะเบาๆพร้อมร่ำราเพื่อนสาว
“ไม่ต้องห่วงหรอก...พระเอกหนังเหนียวตายยากทุกคน พี่หวานกับเพื่อนรักทั้งสองไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เดี๋ยวข้าน้อยจะดูแลพระเอกสุดหล่อเอง” คนดูแลคนป่วยบอกยิ้มๆ เพราะภายในใจกำลังคิดแผนกวนประสาทคนป่วยออก
เมื่อประตูหนาหนักถูกปิดลง บรรยากาศภายในห้องก็กลับมาร้อนระอุไม่ต่างอะไรกับสนามรบ ต่างฝ่ายต่างดูเชิงกันไม่ลดละ คนป่วยพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองคนเฝ้าไข้ตาขวาง
“เธอเป็นคนวางยาฉันใช่มั้ย” ถามนิ่งๆแต่ก็จ้องด้วยสายตาคมกริบ
“ก็ไม่เชิง” คนวางยายอมรับแต่ก็ไว้ท่า ร่างบางเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงก่อนจะหย่อนก้นบนเก้าอี้ “น่าเสียดาย...คุณไม่น่าเข้าห้องน้ำทันเลย อุตส่าห์หาคนมาขัดขวางแล้วเชียว”ทำหน้าเศร้าในเชิงเสียใจที่แผนไม่สำเร็จ
“นับว่าใช้ได้...เธอแก้แค้นได้เนียนมาก แต่ก็ระวังฉันเอาคืนแล้วกัน ฉันจะเอาให้เธอคลานกลับไม่ถูกเลย” รณวัฒน์บอกแววตาประกายวับพร้อมส่งยิ้มยียวนกวนประสาท
“ทุเรศ! คุณนี่มันอุบาทว์จริงๆเลย”ใบหน้าสวยร้อนวูบแต่ก็แหวเสียงสูง ดูคำพูดคำจาสิ มันน่าหาอะไรเขวี้ยงใส่เสียจริง แต่เพราะแผนการใหม่ เธอต้องใจเย็นเข้าไว้ใจเย็นเข้าไว้
“ทุเรศยังไงฉันก็เคยแปลงร่างเป็นมดดูดตัวเธอแล้วกัน”คำตอบกวนประสาททำให้คนกำลังใจเย็นเข้าไว้ควันออกหู มือบางๆเกือบจะตบลงบนใบหน้าหล่อเหล่าแล้วตะกุยใบหน้ากวนโอ้ยของเขาทิ้งซะ...แต่ไม่ได้เธอต้องเย็นไว้..ท่องไว้ว่าเย็นไว้
“เป็นบ้าอะไรของเธอ”คนกวนประสาทด้วยวาจาถามขึ้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวก็เปลี่ยนท่าทีไปซะเฉยๆคนที่อยากเห็นหญิงสาวโวยวายมองอย่างสงสัยที่เธอไม่ทำเหมือนที่เขาคิด
“พี่ไนท์ไม่ปวดท้องเข้าห้องน้ำแล้วใช่มั้ยคะ”อันนารินถามเสียงหวาน ใบหน้างามทอดมองคนป่วยด้วยความเป็นห่วง “ที่จริงอันต้องขอโทษพี่ไนท์ด้วยนะคะที่แกล้งพี่ไนท์แรงไปหน่อย ก็เพราะพี่ไนท์ชอบมาขู่อัน อันก็เลยทำอะไรลงไปไม่คิด ขอโทษจริงๆนะคะ” มือบางเอื้อมไปจับแขนชายหนุ่ม
คนป่วยโดนวางยาเมื่อได้ยินคำขอโทษจากหญิงสาวก็อึ้งไป ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรเพราะคิดไม่ทัน มันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายจริงๆที่เธอจะเอ่ยขอโทษเขาตรงๆ
โอ้...หรือว่าเธอจะหันมาชอบเราเข้าแล้ว
คนหล่อคิดเข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพ มันจะมีอะไรที่ทำให้ผู้หญิงเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ นอกจาก...ความรัก แต่จะมีกิ๊กเพิ่มก็ดีเหมือนกันเธอจะได้ไม่ฟุ้งซ่านโวยวายเอาเรื่องของเขาไปบอกน้ำ เรื่องในโรงหนังที่เขาไปโกหกเอาไว้นั่นเอง
นีรญาเป็นคนง่ายๆไม่ชอบคนโกหก ดังนั้นเรื่องมีกิ๊กกี่คนเขารายงานครบทุกคนแต่ในวันนั้นเขาโกหกว่าไม่ได้มากับกิ๊กเพราะเลิกคบไปหมดแล้ว ช่างเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆที่ดันมีคนมารู้เข้า แต่อดีตก็คืออดีตตอนนี้ดูหญิงสาวจะทำตัวแปลกๆหันมาสนใจเธอต่อดีกว่า
คนป่วยคิดได้ดังนั้นก็ส่งยิ้มละลายสาวๆให้เธอ “ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ถือเพราะพี่ก็ทำกับน้องอันไว้เยอะเหมือนกัน ขอโทษนะครับ” คำตอบสุภาพบุรุษสุดๆ ยอมรับและอภัยอย่างมาดแมน สายตาคมหันมองหญิงสาวก่อนที่จะสบตากันพอดี
ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในภวังค์...ที่ค่อยๆเกิดขึ้นที่ละนิด นานเท่าไรไม่รู้ที่ทั้งคู่สบตากันแต่ที่แน่ๆแผนในหัวของหญิงสาวมลายหายไปทันทีที่สบตากับคนหล่อ...สายตาอ่อนโยนที่เธอไม่เคยเห็นมันกำลังทำให้ใจดวงน้อยๆเท่ากำปั้นเต้นแรง...
เธอต้องบ้าไปแล้วอันนารินหลบสายตาของเขาสิ...หลบออกมา
อันนารินสั่งตัวเองแต่ก็ไม่ได้หลบสายตาของเขาสักนิด หญิงสาวนับเลขเรียกสติก่อนจะเบี่ยงสายตาหลบออกมาได้ในที่สุดก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน
รณวัฒน์เห็นใบหน้าหวานเบี่ยงหนีไปก็หันกลับมาเรียกสติตัวเองบ้าง...เพราะใจดวงน้อยดันเต้นแรงซะเหลือเกิน มันเต้นแรงกว่ารักครั้งแรกของเขาซะอีก ผู้หญิงคนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ
“เอ่อ..คือ”
คนสองคนเปล่งประโยคออกมาพร้อมกันเมื่อได้สติคืนมา ต่างมองหน้ากันอึ้งๆที่ดันพูดพร้อมกันแถมยังเหมือนกันอีกต่างหาก “น้องอัน...พูดก่อนเถอะครับ”รณวัฒน์เอ่ยเสียงนุ่มเปิดโอกาสให้หญิงสาวพูดก่อน
“คือ..พี่ไนท์อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยค่ะ อันจะลงไปซื้อของนิดหน่อย”อันนารินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ปกติที่สุด..เธอกำลังขาดสติและรู้สึกไม่เป็นตัวเองเอาซะเลย อย่างน้อยออกไปข้างนอกคงทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นและคงไปตามหาแผนการที่ลอยหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“แล้วแต่น้องอันแล้วกันครับ...พี่ยังไงก็ได้”ชายหนุ่มตอบด้วยความเขิน
คนไม่เคยเจอชายหนุ่มในรูปแบบสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยนหดตัวลงอย่างห้ามไม่อยู่เธอกำลังหวั่นไหวกับคนหล่อเข้าแล้ว “งั้น...เดี๋ยวอันมานะคะ” ร่างบางหมุนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกดีเวลาที่ได้ยินคำอ่อนโยนจากชายหนุ่ม ไม่น่าล่ะสาวๆถึงได้รุมทึ้งเขานัก ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
คนไม่เคยพูดดีกับหญิงสาวยิ้มปลื้ม เวลาพูดกันดีๆเธอก็ดูน่ารักเหมือนกัน ว่าแล้วก็เสียดายไม่น่าไปแสดงนิสัยห่ามๆกับเธอเลย ใบหน้าคมมองไปยังประตูที่พึ่งลับร่างบางไปและไม่นานคนอ่อนเพลียก็หลับลงไปในที่สุด
แค่สบตานิดเดียวแผนการก็กระเจิงหายไปหมด ให้มันได้แบบนี้สิ
อันนารินคิดอย่างอ่อนใจ ก่อนจะพาร่างเข้าไปในห้อง ทันทีที่เข้ามาเธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มรูปหล่อนอนนิ่งสงบด้วยเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ หญิงสาววางของที่ซื้อมาจากร้านค้าเล็กๆด้านล่างลงพร้อมกับเหลือบตามองคนที่นอนบนเตียงอยู่ตลอด
เมื่อจัดทุกอย่างเรียบร้อยร่างบางก็เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงคนไข้พร้อมกับหย่อนก้มงามงอนลง “นอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ก็หล่อดีเหมือนกันนะ” พยาบาลเฝ้าไข้เอ่ยเบาๆ มือบางยกขึ้นเกลี่ยผมชายหนุ่มเบาๆ “ขอโทษนะคะ..” แต่สิ่งที่คุณทำกับฉัน มันยากเกินอภัย คุณรณวัฒน์ อันนารินนิ่งคิดพร้อมมองใบหน้าคมตรงหน้า ร่างบางเหยียดตรงเต็มความสูงก่อนจะเริ่มแผนการที่อุตส่าห์ไปตามหากว่าชั่วโมง
เชือกที่วางอยู่ใต้เตียงถูกหยิบขึ้นมา อันนารินแสยะยิ้มมองใบหน้าซีดเซียวของคนป่วยก่อนจะใช้เชือกมัดร่างของคนป่วยที่ยังนอนหลับสนิท
ความรู้สึกอึดอัดเหมือนร่างกายถูกรัดด้วยบางอย่าง ทำให้คนที่หลับสนิทต้องงัวเงียตื่นขึ้นมาและเมื่อเปลือกตาคมเปิดออกพร้อมกับกระพริบตาถี่ๆขับไล่ความมึนงง “เฮ้ย!” เมื่อรับรู้แล้วว่าที่รู้สึกอึดอัดเพราะอะไรคนป่วยก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ ใบหน้าคมมองไปที่คนเฝ้าไข้ทันที เพราะนึกว่าจะมีโจรเข้าห้อง แต่เปล่าเลยคนเฝ้าไข้ที่เขาเผลอเป็นห่วงยืนยิ้มหน้าบานอยู่ข้างเตียง
“ตื่นแล้วเหรอค่ะ พี่ไนท์สุดหล่อ” อันนารินลากเสียงยาว
“เอ่อ..น้องอันมัดพี่ไนท์ทะ..ทำไมครับ” เอ่ยถามแบบงงๆ คนหล่อขยับตัวนิดๆเพื่อจะลองดูว่าหญิงสาวมัดแน่นขนาดไหนและก็ตรงกับที่เขาคิดไว้ เธอมัดแน่นมาก
“น้องอันแค่อยากคุยกับพี่ไนท์...เท่านั้นเองค่ะ” ตอบออกไปด้วยแววตาประกายวับคนถือไพ่เหนือกว่ายิ้มอย่างสะใจกับสภาพของชายหนุ่ม คราวนี้เธอจะจัดการตอนที่เขาอยู่ในโหมดอ่อนแอบ้าง มาเล่นงานตอนเธอเมาไม่ได้สติ ลองเล่นงานคืนแบบป่วยดูบ้างแล้วกัน เธอก็อยากรู้ว่าชายหนุ่มจะสู้เธอยังไง
“พี่ว่าน้องอันปล่อยพี่ไนท์...แล้วเรามานั่งคุยกันดีๆกันนะครับ” ชายหนุ่มต่อรองพร้อมส่งเสียงออดอ้อน เขาไม่หน้าเผลอหลับเลย สีหน้าหญิงสาวในตอนนี้น่ากลัวจริงๆเลย ไม่รู้จะมาเล่นงานอะไรเขาอีก แค่หมดแรงไปกับการเข้าห้องน้ำก็รู้สึกแย่แล้วยิ่งได้ถูกมัดติดกับเตียงสู้อะไรไม่ได้ เขาคงได้ตายกันพอดี “นะครับน้องอันสุดสวย...สุดน่ารัก อย่าแกล้งพี่ไนท์เลยนะครับ ปล่อยพี่แล้วเรามาตกลงกันดีๆ นะครับ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ...เพราะเรื่องที่น้องอันจะคุย มันร้ายแรงมาก อันปล่อยพี่ไนท์ไม่ได้จริงๆ” ร่างบางเดินวนไปวนมารอบห้องเหมือนกำลังกวนประสาทชายหนุ่มให้หลอน...และมันก็ได้ผล เพราะใบหน้าของเธอในยามนี้ เธอยอมรับเองเลยว่าโรคจิตมาก
“ปล่อยพี่เถอะนะครับ...พี่ไนท์ขอร้อง เรามานั่งคุยกันดีๆเหมือนเมื่อกี้ไง ที่น้องอันพูดหวานๆ แล้วพี่ไนท์ก็พูดเพราะๆ” รณวัฒน์จ้องใบหน้าหวานตาปริบๆกะเอาตัวรอดเต็มที
“ไม่ค่ะ...ทีตอนพี่ไนท์ทำกับอันล่ะ เคยให้อันได้ขอร้องบ้างรึเปล่า” คนมีความแค้นถามเสียงลอดไรฟัน
“มะ..ไม่เคยครับ”ตอบเสียงเบาเพราะเป็นอย่างที่เธอพูด
“ใช่ค่ะ...ไม่เคย ฉะนั้นแล้วพี่ไนท์ก็ต้องโดนอันเอาคืนบ้าง” มือบางหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาก่อนจะตวัดสายตามองชายหนุ่ม
“น้องอันๆ...นั่นมีดนะครับ หยิบขึ้นมาทำไมเดี๋ยวผีผลักนะครับ” ชายหนุ่มถามหน้าตาตื่นพร้อมกับพยายามหดตัว แต่เพราะถูดมัดตรึงจนแน่นจึงไม่สามารถ ขยับได้มากมายนัก
“ก็หยิบขึ้นมาปอกผลไม้สิค่ะ...พี่ไนท์อยากกินอะไร บอกอันได้นะคะ” อันนารินว่าพลางเดินเข้าหาชายหนุ่ม
“น้องอัน..พี่ไนท์กลัวของมีคม อย่าถือมาให้พี่เห็นเลยครับ พี่จะช็อคตายแล้วนะครับ” รณวัฒน์เอ่ยบอกด้วยใบหน้าที่อยากจะร้องไห้เต็มที
“พี่ไนท์จะกลัวทำไมค่ะ...มีดเล่มนี้ออกจะน่ารักไม่เห็นน่ากลัวเลยสักนิดเดียว”
“ไม่เอาครับน้องอัน พี่กลัวจริงๆนะครับ”รณวัฒน์เอ่ยเสียงหลงยามเมื่อมีดเล็กปลายแหลมเคลื่อนอยู่ตามเนื้อผ้า
“น่ารักดีออกค่ะ ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลย” อันนารินเอ่ยบอกพร้อมลากมีดแหลมไปทั่ว
“กรี๊ด! อย่าทำพี่ไนท์นะคะ มันไม่น่ารักสักนิด อย่าทำให้มันเลือดออกนะ ไนท์ซี่กลัว โอ้ว์ม่ายย” ชายหนุ่มร้องแทบไม่ได้ศัพท์ แถมยังกรีดร้องเหมือนผู้หญิงอีก
มือบางยกเงื้อขึ้นตั้งตรง “วันนี้มีดน้อยน่ารักจะแสดงมายากล อาบน้ำแดง”อันนารินหัวเราะในลำคอ ทำให้ชายหนุ่มหน้าตาตื่น ดวงตาคมเบิกโพล่งอย่างลุ้นๆว่ามีดปลายแหลมจะเสียบคาส่วนไหนของร่างกาย “ล้อเล่นค่ะพี่ไนท์ ทำเป็นแตกสาวไปได้ อันไม่โรคจิตทำกับพี่ไนท์แบบนี้หรอกค่ะ” พูดพร้อมกับเดินไปวางมีดลงที่เดิม
รณวัฒน์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เล่นแรงนะครับ พี่ไนท์เกือบหัวใจวายตาย อย่าเล่นของมีคมอีกนะครับมันอันตรายนะเออ” บ่นออกไปโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งต่อไปต่างหากที่น่ากลัวกว่ามีด
อันนารินส่งยิ้มก่อนจะหันหลังหยิบบางสิ่งออกมา.. “น้องอันก็แค่อำเล่นเท่านั้นเองค่ะ ใครจะไปกล้วทำพี่ไนท์ลงยิ่งหล่อๆอยู่ด้วย”คนไม่กล้าทำอะไรคนหล่อตอบทั้งๆที่โกหก พร้อมทั้งซ่อนบางสิ่งไว้ด้านหลัง
“มาปล่อยพี่ดีกว่าครับน้องอัน...พี่ไนท์อึดอัด” ชายหนุ่มร้องบอก แต่หญิงสาวก็ไม่ได้นำพา หากเพียงแต่เดินเข้ามาอยู่ข้างเตียงเท่านั้น พร้อมกับแอบปล่อยหนอนสีเขียว ตัวเป็นๆลงสู่เตียงเนียนๆ
“กรี๊ด!...หนอน! พี่ไนท์หนอน”
“ห๊ะ! ไหนหนอนอย่ามาอำพี่เล่นนะ” รณวัฒน์ดิ้นพล่านเพราะเป็นคนกลัวหนอน คนฝังใจเรื่องหนอนดิ้นอยู่กับเตียงแคบที่สามารถนอนได้เพียงคนเดียว
“กรี๊ด! มันน่ากลัวมากเลยพี่ไนท์”อันนารินร้องแรกแหกกระเชอ
“น้องอัน! มันอยู่ที่ขาพี่ มันอยู่ที่ขาพี่ช่วยเอาออกไปทีพี่กลัว”รณวัฒน์บอกใบหน้าตื่น “ตีมันครับน้องอัน ตีพี่ตีแรงๆเลย” เขาสั่งเสียงดังเพราะเกิดอาการกลัวจนแทบไม่มีสติ...ยามนี้ขอแค่หนอนน้อยๆหายไปได้เป็นพอ
“เผี๊ยะ!”มือบางตีลงทันทีที่ชายหนุ่มสั่ง หากแต่เพราะหลับตาจึงไม่ตรงเป้าหมายของชายหนุ่ม...แต่ตรงเป้าหมายของเธอแทน
เพราะเมื่อได้รับจดหมายข่มขู่ หญิงสาวก็เฟ้นหาข้อมูลศัตรูมาอย่างดีกะว่าเจอเมื่อไรจะเล่นให้หนัก แต่เธอไม่นึกว่าจะได้เจอรวดเร็วว่องไวขนาดนี้ แผนการเอาคืนรอบนี้เป็นแค่ออเดิร์ฟ ส่วนหลักๆจะตามมาทีหลัง
“ไม่ใช่ตรงนั้นน้องอัน...โน้ววจะหยิบมันออกหรือจะตีแรงๆก็ได้น้องอันช่วยพี่ที”
“ถ้าตีมัน...มันก็ตายสิค่ะพี่ไนท์ เผี๊ยะ! เผี๊ยะ! เผี๊ยะ!” ถึงจะกลัวหนอนตายแต่หญิงสาวก็ยังหลับตาตีไม่หยุด “ถูกหรือยังคะ” ถามทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็ไม่ถูกฝ่ามือบางฟาดลงไปอีกครั้งเพื่อกะโดนเป้าหมายเต็มที่
“เผี๊ยะ!”เสียงตีเสียงสุดท้ายเงียบลงพร้อมกับมือบางที่ยังอยู่ที่เดิม “พี่ไนท์..ทำไมมันเอ่อ” เอ่ยถามตะกุกตะกัก ...หนอนใหญ่ขึ้น เป็นไปได้ยังไงตอนที่เธอจับมันตัวเล็กกว่านี้ แต่นี่มันขยายตัวอย่างงั้นเหรอ
“น้องอันครับ...ที่น้องอันจับมันไม่ใช่หนอนครับ คือโอ้วว ซีด น้องอันเอามือออกนะครับก่อนที่มันจะลุกขึ้นสู้”ชายหนุ่มครางยาวเสียงหลง เพราะนอกจากมือบางจะวางทาบลงไปแล้ว ยังลูบๆด้วยความสงสัยอีกต่างหาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดในขณะที่หญิงสาวกำลังอึ้งกับการไล่จับหนอนน้อย หนอนน้อยตัวจริงกลับไต่กระดืบๆมาถึงข้างๆกับ...สิ่งที่ไม่ใช่หนอน
มือข้างที่เริ่มหลุดออกจากเชือกคว้าหมับลงทับมือหญิงสาวไว้ พร้อมกับพามือน้อยลากผ่านไปจับหนอนน้อยตัวจริง... “เห็นมั้ยครับ...หนอนตัวจริง ตัวเล็กแค่ไหน” เสียงสั่นพร่าถาม
“กรี๊ด! คนบ้า...ทะลึ่งที่สุดเลย” อันนารินโกรธใบหน้าแดงลามไปถึงหู...ไม่รู้ว่าความอายหรือความโกรธมีมากกันกันแน่ มือเรียวคว้ามีดที่พึ่งวางลงไป
“น้องอันไม่กล้าทำหรอก...ไม่ต้องมาขู่พี่หน่อยเลย” รณวัฒน์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะนอนนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“งั้นก็อย่าอยู่เลย ตาย!” มีดแหลมถูกเงื้อขึ้นสุดมือก่อนที่จะ....
“ตาย!” เสียงร้องที่ดังออกมาทำให้คนป่วยลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจดวงตาคมกวาดไปรอบเตียงก่อนจะเห็นร่างของหญิงสาวฟุบลงอยู่ข้างเตียง
“ละเมองั้นเหรอ” ถึงแม้จะตกใจแต่ก็อดยิ้มให้กับความน่ารักของเธอไม่ได้ ร่างสูงก้าวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะค่อยๆอุ้มร่างเล็กนอนบนเตียง เพราะไม่มีสายน้ำเกลือแล้วชายหนุ่มจึงสามารถทำอะไรได้สะดวกร่างสูงเดินไปปิดไฟพร้อมมองร่างเล็กบนเตียง
คนอะไรหลับเป็นตาย...อุ้มแล้วยังไม่รู้สึกตัว
รณวัฒน์ยิ้มก่อนที่จะย้ายตัวเองไปนอนโซฟาแทน ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนขำๆ
วันนี้ไม่ได้ทะเลาะกันสงสัยฟ้าฝนคงจะตกหนัก..ชายหนุ่มนอนยิ้มอย่างเป็นสุข
แล้วก็เป็นดั่งที่คิด ไม่นานฝนก็เทลงมาอย่างหนัก เสียงฟ้าร้องดังสะท้อนไปทั่วห้องทำให้รณวัฒน์สะดุ้งตื่น ลมพัดรุนแรงพัดพาเอาสายฝนให้กระจายเข้าห้อง ร่างสูงรีบวิ่งไปปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว เสียงฝ่าผ่าโครมครามกึกก้องราวกับจะพิโรธโกรธใครมานักหนา
และเสียงตึงตังของของชายหนุ่มก็ทำให้คนที่กำลังฝันว่าไล่จับหนอนลืมตาตื่น แม้อาจจะงงตัวเองบ้างว่าขึ้นมานอนบนเตียงคนไข้ได้ยังไง แต่ภาพของคนป่วยที่วิ่งวุ่นและพยายามปิดหน้าต่างเก่าๆ ก็ทำให้หญิงสาวมองดูเขาเฉยๆ
ผู้ชายคนนี้เป็นยังไงกันแน่ หญิงสาวได้แต่ครุ่นคิดด้วยความสับสนภายในใจแต่ไม่นาน ภาพความเจ้าชู้ กะล่อน โกหกหลอกลวงก็ลอยขึ้นมา ต่อด้วยการกระทำล่าสุดที่ทำกับเธอทำให้หญิงสาวสลัดความสงสัยทิ้งไป
เขาแค่สร้างภาพให้เธอปิดปากเงียบเรื่องของเขาเท่านั้นแหละ
“อ้าว! น้องอันตื่นแล้วเหรอครับ” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กๆขยับขึ้นนั่ง “พี่กลัวว่าน้องอันจะนอนไม่สบาย ก็เลยอุ้มขึ้นนอนบนเตียงน่ะ น้องอันจะนอนต่อก็ได้นะครับ นี่พึ่งตีสองเอง” พูดไปก็พยายามปิดหน้าต่างไป แถมตัวก็เริ่มเปียกเพราะถูกฝนสาดใส่
“พี่ไนท์ก็ปลดล็อคด้านบนก่อนสิค่ะ พี่ไนท์ยังไม่ปลดออกแล้วหน้าต่างจะปิดลงได้ยังไง” อันนารินเอ่ยบอกเบาๆ เพราะมองเห็นว่าชายหนุ่มยังไม่ได้เลื่อนปลดล็อค... ทำไมต้องบอกเขานะน่าปล่อยให้ตากฝนไป
“เอออ...จริงๆด้วย” คนล็อคหน้าต่างไม่เป็นเอ่ยเขินๆ เพราะแสดงความโง่อยู่ตั้งนานน่าขายหน้าจริงๆ “เปียกหมดเลย..พี่ก็ยืนโง่อยู่ตั้งนาน” รณวัฒน์บ่นให้ตัวเองเมื่อปิดหน้าต่างสำเร็จ “ถ้าน้องอันไม่บอกพี่ก่อน พี่คงไปเรียกพยาบาลมาดูให้...ถ้าเป็นแบบนั้นพี่คงอายน่าดู เรื่องแค่นี้ก็ต้องเรียกพยาบาล” รอยยิ้มแห้งๆถูกส่งให้กับหญิงสาว
“พี่ไนท์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะ...เดี๋ยวจะไม่สบายขึ้นมาอีก” อันนารินยื่นเสื้อให้กับมือ
รณวัฒน์รับไว้งงๆ แต่ก็ยอมทำตามที่หญิงสาวบอกอย่างว่าง่าย
“นอนเถอะครับน้องอัน..เดี๋ยวพี่ไนท์นอนโซฟาเองน้องอันนอนเตียงดีกว่านะ” เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยชายหนุ่มเอยบอกหญิงสาวที่ดูตาใกล้ปิดเต็มที
“อย่าเลยค่ะ...พี่ไนท์ป่วยอยู่นิค่ะ จะให้อันไปยอยเตียงคนไข้ได้ยังไง”เธอปฏิเสธ ร่างเล็กกำลังจะเดินไปแย่งที่ชายหนุ่มหากแต่ว่า...
“เปรี้ยง!...กรี๊ดดดด” เสียงฟ้าร้องที่ดังก้องทำให้อันนารินแผดร้องด้วยความตกใจ ตามมาด้วยไฟฟ้าที่ดับลงมันที
รณวัฒน์รีบเดินเข้าไปหาหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง เมื่อเดินเข้าไปใกล้คนกลัวเสียงฟ้าร้องก็โผกอดชายหนุ่มไว้ทันที
“ไม่มีอะไรครับน้องอัน...สงสัยฟ้าคงฝ่าลงหม้อไฟเดี๋ยวก็คงใช้ได้เหมือนเดิมแล้ว” ปลอบคนตัวสั่นอย่างนุ่มนวล มือหนาลูบหัวหญิงสาวเพื่อปลอบประโลม
“เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง” เสียงฟ้าพิโรธและสายฟ้าของจอมเทพซุส เกิดขึ้นไม่ขาดสาย จนหญิงสาวต้องกอดชายหนุ่มแน่นเข้าไปอีก
ชายหนุ่มเห็นว่ายืนอยู่ตรงนี้คงเมื่อยตายพอดีจึงค่อยๆพาร่างบางไปนั่งลงบนเตียงคนไข้ มือหนาประคองกอดหญิงสาวไม่ห่าง “กลัวฟ้าร้องก็เป็นด้วยเหรอเรา...ไปแอบสาบานอะไรกับใครที่ไหนล่ะเนี่ย ฮึ”
“พี่ไนท์บ้า! ก็มันน่ากลัวจริงๆนิ หือ!~” อันนารินหลับตาปี๋เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มเตรียมจะดังก้อง
“งั้นนอนซะนะ...จะได้ไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้องไง”
“เกี่ยวด้วยเหรอ...ถ้าอันนอนก็ต้องได้ยินเสียงฟ้าร้องแล้วก็ต้องฝันถึงฟ้าร้องเหมือนเดิม” คนกลัวฟ้าร้องบอกอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อในคำพูดของเขา
“งั้นพี่ตามไปให้กอดในฝัน...ดีมั้ย” เอ่ยทีเล่นทีจริงให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ใบหน้าคมหันไปมองด้านนอกก่อนจะหันมามองคนในอ้อมอก
ร่างเล็กๆหวาดกลัวกับเสียงกึกก้องนั่งนิ่งไม่ไหวติง “คงเป็นฝันร้ายแน่เลยถ้าพี่ไนท์ตามไป...อันขอเป็นอู๋จุนแทนได้มั้ยค่ะ”
“หึๆ”ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอกับความคิดของหญิงสาว เขาหล่อกว่าดาราเกาหลีเป็นไหนๆ ดูเอาเถอะยังมาร้องหาให้ดาราเกาหลีมาเข้าฝันอีก
ในห้องที่อากาศหนาวด้วยลมพายุฝน ยังมีสองหนุ่มสาวที่นั่งกอดกันแต่อยู่ในความคิดที่ต่างกัน คนหนึ่งกำลังรู้สึกอบอุ่นกับอ้อมกอดที่กล่อมความกลัวให้หายไป และอีกคนก็กำลังรู้สึกถึงบางอย่าง...ที่เขารู้ดีว่ามันคืออะไร ส่วนในส่วนของความคิดที่เหมือนกัน คือต่างคนต่างกำลัง...แกล้งเล่นละครเข้าหากันเท่านั้นเอง
รัชชานนท์เดินเข้ามาในโรงพยาบาลอย่างอารมณ์ดีเพราะได้รับข่าวดีมาก ว่าเจ้าของรีสอร์ตจะหาเวลามาหาแฟนสาวได้ก็ช่างยากเย็นจริงๆ วันนี้เขากะจะมารุกแฟนสาวเต็มที่ถึงจะยังไม่มั่นใจว่าหญิงสาวคิดกับตนยังไงก็ตาม
ประตูหนาถูกเปิดออกตามมาด้วยร่างของชายหนุ่มอารมณ์ดี...แต่แล้วรัชชานนท์ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นแฟนสาวนอนอยู่ในอ้อมอกของชายอีกคน กรามหนาบดเข้าหากันแน่นแต่ก็ต้องซ่อนอารมณ์โกรธไว้ภายใน...ภาพที่เขาเห็นมันอาจไม่มีอะไรก็ได้
ชายหนุ่มเตรียมจะก้าวเข้าไปปลุกแฟนสาวแต่ก็ต้องหยุดลง... เขาต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสิถึงจะถูก คิดได้อย่างนั้นก็พาร่างสูงออกไปจากตรงนี้ แถมยังพกความสงสัยและไม่เข้าใจไว้เต็มหัวใจ
ความคิดเห็น