คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เรียนของคนชอบ ลองของ
3. บทเรียนของคนชอบ ‘ลองของ’
“ไอ้ไนท์โว้ย!!!!”
เสียงไม่ต่ำกว่า100เดซิเบลดังขึ้นข้างหูจนชายหนุ่มต้องรีบลุกขึ้นด้วยความตกใจ คนที่ตื่นด้วยความดังมองหน้าตัวต้นเหตุอย่างสุดเซ็ง “ไอ้หวาน...ไอ้บ้าเอ๊ย! เป็นบ้าอะไรของเธอเนี่ยมาตะโกนเรียกฉันทำไม ใครปล่อยหมาบ้าอย่างแกเข้ามาในห้องฉันเนี่ย ”
“พูดให้มันดีๆหน่อย เป็นผู้ชายเสียเปล่า ด่าเสียผู้หญิงยังอายแทนก่อนจะบอกถึงเหตุผลที่ต้องขึ้นมาโวยวายปลุกเจ้าชายนิทราถึงห้องนอน” วารินดากอดอกมองชายหนุ่มดุๆ “ก็มัวแต่นอนอยู่นั้นแหละ สายจนตะวันจะลับอยู่แล้วยังไม่ตื่นอีก ฉันนึกว่าแกตายไปแล้วก็เลยเรียกให้ดังๆแค่นั้นเอง”
“แล้วนึกยังไงมาหาฉัน...จะให้ฉันไปทำอะไรอีก หรือว่าปรายป่วย” รณวัฒน์ถามหน้าตาตื่น
“เออน่า..แกรีบไปอาบน้ำเถอะ ฉันจะไปรอข้างล่าง เร็วๆนะเว้ยมีเรื่องด่วนมาก” วารินดาไม่ตอบหากแต่ยังเดินหนีไปอีก คนไม่รู้ว่าเรื่องด่วนคืออะไรจึงรีบลุกไปห้องน้ำอย่างว่องไว
“โหย...นี่แกอาบน้ำกี่นาทีเนี่ยไนท์”วารินดามองคนหล่ออย่างชั่งใจ แต่ก็อย่างว่า ตั้งแต่กลายเป็นเพื่อนกันแล้วเธอก็มักจะเห็นบ่อยๆว่าคนหล่อทำตัวเซอขนาดไหน...บอกได้เลยว่าไอ้นี่ชอบสร้างภาพแค่นั้นเอง
“5นาที...ก็หวานบอกว่ามีเรื่องด่วน ว่าไงปรายไม่สบายอีกหรอหรือป่วยเป็นอะไรขึ้นมาอีก”
“เปล่า...ไอ้ปรายมันมีความสุขดี”
“เอ้า! แล้วเรื่องด่วนอะไร”
“คือ...คือฉันจะมาขอร้องให้แกช่วยไปเล่นหนังสั้นของรุ่นน้องฉันหน่อย ไม่ยากหรอก ฉันคิดว่าหล่อๆอย่างแกจะทำได้”
“เห้ย! อย่าบอกนะว่านี่เป็นเรื่องด่วน ไม่เอ้า บ้าฉันไม่ไปเล่นให้แกหรอกไอ้หวาน” คนหน้าตาดีปฏิเสธทันควัน ร่างหนาเตรียมจะลุกหนีแต่ก็ถูกดึงเอาไว้
“เป็นสุภาพบุรุษก็ต้องช่วยเหลือคนเดือดร้อนสิคะ แล้วถ้าแกไม่ช่วยนะไอ้ปรายจะโกรธแก แล้วฉันก็จะยุน้องน้ำให้เลิกคบกับแกซะ” วารินดาขู่ด้วยสายตา
“ตกลงฉันปฏิเสธไม่ได้ใช่มั้ย...ก็ได้! เล่นก็เล่น ไหนล่ะรางวัลอย่าบอกว่าไม่มี” รณวัฒน์เข่นเขี้ยว มือหนาแบออกทันควัน
“เพี๊ยะ...ติดไว้ก่อน”มือบางตีลงอย่างแรง “แต่จริงๆก็ไม่มีหรอก น้องมันจะเริ่มถ่ายอีกสองอาทิตย์ ตอนแรกก็ไม่ได้อยากให้แกเล่นหรอกแต่เผอิญน้องรูปหล่อเค้าไม่ว่าง ฉันก็เลยมาขอร้องคนสกปรกอย่างแกแทน” วารินดาแบะปากมองคนหล่ออย่างเอาเรื่องพร้อมทั้งเล่าเหตุผลให้ฟัง
แต่ละคำฟังดูแล้วไม่น่าไปตกลงเล่นให้เลย
“เอ่อ...เอาเข้าไป ด่าเข้าไป มีธุระแค่นี้ใช่มั้ย ถ้าหมดแล้วก็กลับไปเลยไปไอ้ปากเสีย”
“ใครกันแน่ปากเสีย! ยิ่งสนิทฉันยิ่งเห็นสันดานแกขึ้นทุกวัน ไอ้สร้างภาพ!!!”
“แน่นอน...แต่ก็นะแกไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเค้าเชื่อแกหรอก จริงมั้ยหวานที่รัก” แต่ถ้าเล่าให้ยายนั่นฟัง...ไม่แน่ว่าสองคนนี้คงเป็นคู่หูดูโอ้ที่น่ากลัวที่สุด หน้าแปลกที่เขาไม่เจอกับคนลองของเลย เดือนกว่าแล้วด้วยซ้ำที่สัมผัสรสจูบจากเธอนั่นยังติดอยู่กับเขาไม่เสื่อมคลาย คิดแล้วก็น่าเขกกระบาลตัวเองที่ไม่เลิกคิดถึงยายบ้านั่นสักที
“แล้ววันนี้ไม่ออกไปล่าเหยื่อเหรอ...เห็นน้องน้ำไม่อยู่ทีไร ดอดออกไปทำตัวหนุ่มโสดทุกที” เพื่อนปากเสียถามตาใส...พร้อมกับได้รับคำตอบที่แทบจะหาไม้กวาดมาฟาดหัวให้รู้แล้วรู้รอด
“ไป...ว่าแต่แกสนใจเป็นเหยื่อฉันหรือเปล่า ซิงอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“แกอย่าอยู่เลยไอ้ไนท์ ไอ้เลว!!”วารินดาตะคอกเสียงดังลั่นบ้านมือบางยกขึ้นฟาดชายหนุ่ม หากแต่ชายหนุ่มก็เบี่ยงหลบทัน ร่างสูงหัวเราะร่าพร้อมวิ่งหายลับไปอย่างรวดเร็ว
คนที่พร้อมจะล่าเหยื่อออกอาการเซ็งเล็กน้อยเมื่อตัวเองดันมาหิวกลางคั่นร่างสูงเดินเข้าร้านอาหารอย่างไม่ได้สนใจอะไรมาก หากจู่ๆสายตาคมก็ปะทะเข้ากับร่างของคนที่เขาคิดถึง...
ภาพคนสองคนคุยกันสดชื่นยิ้มแย้มมีความสุขทำให้เขาอดหมั้นไส้ไม่ได้ร่างหนาเลือกนั่งโต๊ะมี่อยู่ใกล้ๆกับหญิงสาวหากแต่หันหลังไว้ไม่ให้เธอเห็นหน้า
“พี่นนท์สั่งแต่ที่อันชอบมาทั้งนั้นเลย...มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะเนี่ย แต่แอ๊ะอันว่าพี่นนท์ต้องมีเรื่องดีๆมาบอกอันแน่ๆเลย ใช่มั้ยคะ” อันนารินเอ่ยยิ้มแย้ม ร่างบางตักกับข้าวสองสามอย่างให้กับชายหนุ่มที่ทำหน้านิ่ง
“ถ้าพี่บอกอัน...อันอย่าโกรธพี่นะ” รัชชานนท์หน้าเครียดจนเธอต้องหยุดมองเขาอย่างตั้งใจ “เราเลิกกันเถอะ...”
คำบอกเลิกซึ้งๆหน้ากล่าวออกมาอย่างปกติ ใบหน้าหวานมองคนตรงหน้าอึ้งๆ ไม่ต่างกับอีกคนที่แอบฟังอยู่ด้านหลัง
เธอพึ่งตกลงรับเขาเป็นแฟนเมื่อ 3เดือน เหตุเพราะเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีและเธอก็คิดว่าคงไม่ผิดถ้าเธอจะยอมรับ แต่ในตอนนี้ผู้ชายแสนดีคนนี้บอกเลิกเธอ...เพราะอะไรกัน
ร่างบางนั่งนิ่งเป็นหุ่นได้ชั่วครู่...ก่อนจะเปล่งหัวเราะออกมา “ไม่โกรธหรอกค่ะ...ดีซะอีกพี่นนท์จะได้เจอคนที่ดีกว่าอัน กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมก็ดีเหมือนกะ...”
“พี่น้องก็ไม่เป็นครับ...พี่ไม่อยากเห็นหน้าอัน ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอันอีก อันไม่ว่าพี่นะครับ ถ้าเราจะต้องไม่รู้จักกันตลอดไป” รัชชานนท์โพล่งด้วยใบหน้าที่จริงจังตั้งแต่หญิงสาวยังพูดไม่จบ จนน้ำตาคนฟังปริ
“พะ...พี่นนท์” เธอครางเสียงแผ่ว ถ้าเธอไม่มีพี่ชายแสนดีคนนี้อีกแล้ว..เธอก็คิดสภาพตัวเองไม่ออกเหมือนกัน ถึงเธอจะยังไม่ได้รักเขาในฐานะคู่รัก...แต่ฐานะพี่ชายเธอรักยิ่งกว่าอะไรดี เธอไม่กล้าบอกเขาในวันที่คบกันเป็นแฟนเพราะกลัวว่าพี่ชายคนนี้จะหายหน้าไป
“พี่มีเรื่องสำคัญเท่านี้แหละครับ...กินข้าวต่อเถอะ” รัชชานนท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เอ่อ...อันขอตัวก่อนนะคะ” ร่างบางไม่ได้รอให้เขาตอบรับอย่างเช่นทุกครั้ง หญิงสาวเขยื้อนกายออกจากที่นั่งช้าๆก่อนจะเดินออกไป...หาที่ทำใจเรียกสติก่อน หรือเพราะเขารู้แล้วว่าเธอไม่ได้รักเขา...เขาถึงมาตัดความสัมพันธ์กับเธอแบบนี้
“เก่งนิ แฟนบอกเลิกแต่กลับไม่โวยวาย แล้วที่เดินออกมาเพราะหาเหยื่อรายใหม่อยู่เหรอ” น้ำเสียงจิกกัดถากถางดังขึ้น หากแต่ร่างบางที่กำลังเดินทำใจไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างแต่อย่างใด...เธอยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆก่อนจะหยุดลงอยู่สวนด้านหน้าร้านอาหาร
“ถ้าจะมาหาเรื่องกัน...ก็กลับไปเถอะ ฉันไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับคุณหรอก” อันนารินบอกเสียงอ่อน ริมฝีบางบางเม้มเข้าหากันแน่น แล้วเธอก็ต้องขมวดคิ้วเพราะสังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขา ดูเหมือนเขาจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
“ไปดื่มกันมั้ย...เธอจะได้ไม่ต้องเครียดเรื่องไอ้หน้าตี๋ด้วย” หลังจากอึกอักอยู่นานก็พูดขึ้นในที่สุด
“นี่คุณมาไม้ไหน คุณรณวัฒน์” เธอถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“เอาน่า...ฉันเลี้ยงเอง พึ่งถูกแฟนทิ้งมาไม่ใช่เหรอ ไปหาอะไรทำให้มันสนุกดีกว่า” คนชวนไม่พูดเปล่า หากแต่กลับลากคนถูกแฟนทิ้งให้ตามมาด้วย
หลังจากพากันหาเรื่องสนุกทำได้ไม่นาน...คนพึ่งถูกแฟนบอกเลิกก็เปลี่ยนมาเป็นขาแดนซ์ในบัดดล ท่าเต้นยั่วยวนของเธอทำให้รณวัฒน์กุมขมับ เพราะแม่คุณนั้นเมาตั้งแต่ดื่มได้แค่3แก้ว
“คออ่อนก็ไม่บอก แล้วเต้นยั่วขนาดนั้นไม่กลัวโดนจับลากเข้าโรงแรมหรือไง” รณวัฒน์บ่นพึมพำ แต่ก็นั่งมองหญิงสาวไม่วางตา แต่ทว่าเขาก็ต้องปวดหัวหนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นร่างเล็กๆ ยกเตกีล่าขึ้นดื่มอีก
ขายาวรีบก้าวไปในจุดที่หญิงสาวอยู่ทันที “กลับได้แล้ว...เธอเมาไม่รู้เรื่องแล้วนะ”
“ครายเมา...ไม่มี๊! แล้วนี้คราย ปล่อยนะคนจะเต้น” คนบอกว่าไม่เมาสะบัดตัวหนีทั้งที่เซจนแทบจะยืนไม่อยู่ “เอ๊...นี่นายคนหื่นนิ สกปรกอย่าเอามือมาจับฉานน้า” เสียงครางยานอู้อี้ไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นเสียงเมื่อเขาจับเธอแน่นขึ้น
“ยายบ้า! ขนาดเมายังปากดีอีก กลับได้แล้ว นี่ฉันคิดถูกรึเปล่าวะที่ลากเธอเข้าผับเนี่ย” ร่างสูงพูดพร้อมกับลากคนเมาไม่รู้เรื่องออกมาอย่างยากลำบาก
“บ้านเธออยู่ไหนอันนาริน” รณวัฒน์ถามขึ้นเมื่อนั่งอยู่ในรถ ใบหน้าคมหันมองร่างเล็กๆที่ยิ้มเพ้อคนเดียว
“บ้าน...ไม่มี ฉานไม่มีบ้าน โอ้ยร้อน...ปวดหัว ร้อน” มือบางๆดึงทึ้งเสื้อผ้าตัวเองใหญ่ ผ่อนคลายความร้อนที่เกิดขึ้นกับตัวเองก่อนจะสลบไสลไปกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ในที่สุด
หากแต่คนข้างๆกับตะลึงงันกับสิ่งวับวับแวมแวมที่ล่อตาล่อใจจนต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
เวรแล้วไงไอ้ไนท์...เย็นไว้ลูกพ่อ เย็นไว้
ลมหายใจที่เริ่มติดขัดทำให้ชายหนุ่มหันกลับมาดังเดิมไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบไปถามอะไรอีก
ร่างบางถูกวางลงบนเตียงอย่างนิ่มนวล ส่วนคนอุ้มที่ข่มอารมณ์แล้วข่มอารมณ์เล้าได้แต่มองอย่างเข่นเขี้ยว ตลอดทางแม่คุณทำท่าจะถอดนู้นถอดนี้ตลอดเวลา จนเขาจับแทบไม่ทัน อยากจะจับเข้าข้างทางให้รู้แล้วรู้รอด
“ออกไปนะไอ้โรคจิต หื่นไม่เลือกที่ สารเลว...คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ น้ำต้องรู้ความจริงฉันไม่ยอมให้น้ำโดนหลอกหรอก” คำพร่ำพรูของคนเมาเพ้อพกออกมาจนชายหนุ่มตกใจ ปากจิ้มลิ้มทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ
“นี่ขนาดเมานะ”รณวัฒน์ส่ายหน้าอย่างระอา แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาเฉยๆ รอยยิ้มมุมปากเผยขึ้นพร้อมตวัดสายตาคมมองร่างบางที่นอนนิ่ง ลองสั่งสอนคนลองของด้วยวิธีเลวๆ...ก็น่าสนุกเหมือนกัน
เพราะลืมว่าหญิงสาวเจอเรื่องอะไรมา...ความคิดพิเรนทร์จึงก่อเกิดขึ้นมาในที่สุด ร่างหนาเคลื่อนตัวลงบนเตียงพร้อมจ้องมองร่างเล็กๆที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างกระยิ่ม
ชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อของคนเมาช้าๆ...ด้วยใจสั่นๆ ครั้งที่แล้วแค่จับแต่ตอนนี้กำลังจะได้เห็น...โอ้น่าตื่นเต้นจริงๆ
อกอวบที่บดเบียดอยู่ภายใต้บารเซียร์สีแดงเพลิงช่างสร้างความรู้สึกหวาบหวานหวั่นไหวไปทั่วตัวคนที่คิดว่าจะแค่จัดฉากเริ่มกลืนน้ำเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใคร...หากแต่เธอคนนี้กับสร้างความปั่นป่วนไปทั่ว
“อื้อ...ร้อน ออกปายย~~” เสียงจิ๊จ๊ะบ่นอย่างรำคาญ มือบางก็ยังสะแปะสะปะไปทั่ว ก่อนจะคว้าเอาร่างหนาที่คิดว่าเป็นหมอนข้างมากอดไว้
รณวัฒน์ใจเต้นตึกตักราวกับกำลังลุ้นโชคใบหน้าคมแนบชิดอยู่กับอกอวบเต่งตึง ที่เคยมีแต่เขาที่สัมผัสมาแล้ว...เลือดร้อนๆแล่นพล่านและทนไม่ไหวอีกต่อไป คนไม่ได้เมาจูบเนินอกที่โผล่พ้นออกมาก่อนจะลากปลายลิ้นไปทั่ว
ส่วนคนเมาไม่รู้เรื่องก็ได้แต่นอนหลับตาพริ้ม....ทั้งทั้งที่ตอนนี้บราเซียร์สวยได้หลุดออกไปแล้ว
เหมือนสติและความคิดแรกเริ่มจะจางหาย ชายหนุ่มกำลังลุ่มหลงกับความงามตรงหน้า ริมฝีปากร้อนเข้าดูดดุนยอดประทุมงามก่อนจะกลืนกินเข้าไปในโพรงปากซึ่งร่างบางก็แอ่นรับอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
มือร้อนๆลูบไล้ไปทั่วลำตัวก่อนจะปลดกางเกงขาสั้นให้หลุดออกไปเหลือปราการชิ้นสุดท้าย ร่างหนาเคลื่อนทับร่างบางจนมิด พร้อมแนบเรียวปากจุมพิตเรียวปากอิ่ม
คนหื่นใจร้อนไม่อยากเสียเวลานาน ใบหน้าคมเลื่อนต่ำลงและไม่ลืมทิ้งร่องรอยไว้ตามทาง ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนหายเข้าไปในปราการชิ้นสุดท้ายก่อนจะหยุดลงที่ใจกลางลำตัวหญิงสาว
อันนารินส่งเสียงอ๊อแอ๊ไม่ได้ศัพท์ยามถูกรุกราน ทั้งยังยกสะโพกตอบรับแทนที่จะขยับหนี นิ้วเรียวยาวซอกซอนไปทั่วทั้งหมุนวนอย่างเร้าร้อน จากหนึ่งเปลี่ยนเป็นสองจน ร่างบางทนไม่ไหวส่งเสียงครางกระเส่า
ในฝันเธอกำลังเยือนความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า...กายสาวบิดตัวแล้วบิดตัวอีกเพื่อให้หลุดพ้นจากความทรมาน และเธออยากที่จะไปถึงมันซักที...แต่เธอไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรได้แต่เที่ยวชมสวรรค์สวยงามอย่างมีความสุข
ความรู้สึกหนักอึ้งที่บริเวณเอวคอดทำให้ร่างเล็กๆต้องขยับตัวเองให้หลุดพ้น หากทว่ายิ่งขยับ ความรู้สึกหนักก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ความรู้สึกปวดบริเวณท้องน้อยทำให้ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด อันนารินเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบากพร้อมขับไล่ความมึนงงที่ตีตื้นขึ้นมา ดวงตากลมรี่มองภาพตรงหน้างงๆ
เมื่อวานเธอทานข้าวอยู่กับพี่นนท์ จากนั้นก็ถูกบอกเลิก...ใช่เธอเจอนายหน้าหื่นแล้วทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่
ใบหน้าหวานตื่นขึ้นทันทีเมื่อคิดได้ว่าเมื่อวานทำอะไรหากแต่ร่างกายที่ขยับไม่ได้นี่สิ...อันนารินก้มหน้าลงสำรวจตัวเองเหมือนดั่งนางเอกละครแล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตัวเองไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ สิ่งแปลกปลอมที่พาดอยู่บนแอวคอดยิ่งทำให้อันนารินสูดปากเรียกสติ
ยิ่งใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ ยิ่งตอกย้ำความเป็นจริงและประติประต่อเรื่องราวเป็นอย่างดี คนสองคนภายใต้ผ้าห่มเดียวกัน....ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มือบางจับเอาแขนหนาออกจากเอวคอดอย่างรวดเร็ว มันช่างน่าอดสู่นักที่ต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้
เธอโกรธตัวเองนักที่ปล่อยตัวจนพลาดท่าเข้าให้...ถ้าเธอไม่ดื่มเรื่องน่าอายแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ร่างเล็กกัดฟันลุกขึ้นมองคนที่หลับตาพริ้ม หากแต่เมื่อขาก้าวถึงพื้นความเจ็บตรงใจกลางร่างก็วิ่งปราดไปทั่วร่างกาย จนหญิงสาวต้องนั่งลงอยู่บนเตียงเหมือนเดิม และอาการของหญิงสาวก็ทำให้คนที่ตื่นนานแล้วหรี่ตามองด้วยความอยากรู้ว่าเธอจะทำยังไงต่อ น่าแปลกที่เขาไม่ได้ยินเสียงโวยวายของเธอสักนิด
มือบางกำเข้าหากันแน่น น้ำใสๆแสดงถึงความอ่อนแอเริ่มเอ่อรอบดวงตา สิ่งเดียวที่อยากจะทำคือออกไปให้พ้นๆจากตรงนี้ หากร่างกายกลับไม่ได้ดั่งใจ ยิ่งถ้าเขาตื่นขึ้นมาเธอก็ไม่รู้จะมองหน้าเพื่อนแสนดีอย่างน้ำยังไง
และท่าทางไม่ยินดียินร้ายก็ทำให้คนที่แอบมองมานานเริ่มหมดความอดทน มือหนาคว้าเอาคนที่นั่งสะอึกสะอื้นกลับมาอยู่ในอ้อมอก ก่อนจะพ่นวาจาออกมา
“รังเกียจฉันมากรึไง ถึงทำท่าทำทางจะเป็นจะตาย”
“ปล่อยฉันนะ!!” อันนารินตวาดลั่น “คิดเหรอว่าแผนตื้นๆของคุณจะทำให้ฉันรู้สึกอะไร คุณไม่ได้ทำอะไรฉันจริงๆก็แค่จับแก้ผ้านิดๆหน่อยๆ ฉันไม่ถือ” มือบางทุบอกหนาอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้เขาปล่อย แต่ยิ่งดิ้นแรงกระชับก็ยิ่งมากขึ้น จนอกอวบแนบชิดกับแผ่นอกกว้างแนบชิด
“เธอเชื่อแบบนั้นเหรอ...” รณวัฒน์ถามอย่างเป็นต่อ ความจริงหญิงสาวก็พูดถูก...แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะเขาก็แอบแทะเล็มร่างกายเธอไปเยอะเหมือนกัน “แล้วไอ้รอยตามตัวนั่นล่ะ...โดนมดดูดหรือไง”
“คิดว่าฉันโง่หรือไง คุณคิดตื้นเกินไปหรือเปล่าค่ะคุณรณวัฒน์” อันนารินที่พยายามขืนตัวออกพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “ฉันเมา...และคุณก็เมาจะไปมีแรงมาจากไหน อีกอย่างคนสกปรกอย่างคุณไม่มีทางได้แอ้มฉันหรอก”
“ขอโทษนะ เธอเมาคนเดียว ส่วนฉันไม่ได้เมา” ใบหน้าคนหล่อยิ้มกริ่มก่อนจะกดร่างเล็กด้วยการพลิกตัวทาบทับอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยฉันนะ!!...คุณนี่มันเลวจริงๆ ฉันหลุดออกไปเมื่อไรฉันจะบอกน้ำให้หมดเลย” คนเสียเปรียบขู่ฟ่อๆ
“เหรอ!...แล้วถ้าฉันจะปิดปากเธอ...ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะไปบอกน้ำยังไง” รณวัฒน์หูอื้อตาลาย...ขนาดสร้างภาพขนาดนี้เธอยังกล้าจะลองดีกับเขาอีก ใบหน้าคมก้มลงปิดปากคนอวดดีอย่างหมั่นไส้ ริมฝีปากหนาบดบี้อย่างคนเอาแต่ใจ
“สารเลว...” อันนารินเอ่ยเสียงเครือยามเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ ร่างเล็กตัวมั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ “หยุดทำไมล่ะ! เอาสิอยากสั่งสอนฉันมากไม่ใช่หรือไง ” เธอตะโกนโวยวายอย่างบ้าคลั่งมือบางก็ทุบตีเขาไม่หยุด
“ฉัน...” รณวัฒน์พูดไม่ออก ร่างหนาเคลื่อนออกมาช้าๆ เขาเป็นอะไรไปทำไมเขาถึงทำเรื่องแบบนี้ วิธีที่เขาทำอยู่...ดูยังไงมันก็สารเลวชัดๆ
อันนารินร้องไห้สะอึกสะอื้น...ไม่ใช่ว่าเธอจะดูไม่ออก ว่าร่องรอยตามตัวเกิดจากอะไร คนสารเลวทำกับเธอเหมือนเธอไม่ใช่คน ถึงจะไม่เข้าขั้นเสียตัว...แต่เชื่อเลยว่าก็ต้องมีบ้างล่ะ ไม่งั้นเธอคงไม่รู้สึกเจ็บแบบนี้
“ครืด...ครืด...ครืด
” เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดราวกับทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบแบบสงความเย็น... มือหนาของรณวัฒน์กดรับโทรศัพท์หากแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่ใช่ของตัวเอง...
“ไอ้อัน! แกเป็นไงบ้าง เด็กที่ร้านบอกว่าพี่นนท์ขอเลิกกับแกเหรอ ตอนนี้แกอยู่ไหนหา!”
ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดของปลายสายจะทำให้คนฟังอึ้งไปอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังเหยียบย้ำคนที่กำลังเสียใจ เพราะความอยากสั่งสอนสนุกๆทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไปเลย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเข้าตีมโนสำนึกอย่างแรงจนเขารู้สึกเหมือนต้องกลืนก้อนเหนียวๆลงคอ
คนรู้สึกผิดวางโทรศัพท์ลงพร้อมทอดมองหญิงสาว “ฉันขอโทษ...เธอพูดถูก ฉันมันสารเลวจริงๆนั่นแหละ”
“ออกไป...ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ คุณรณวัฒน์” คำพูดแสนเย็นเฉียบทำให้ชายหนุ่มถึงกับใจฝ่อ ร่างสูงลุกขึ้นอย่างที่เธอสั่งก่อนจะก้าวท้าวออกไปอย่างว่าง่าย ใจเขาก็อยากจะทำอะไรให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง...แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อตัวเองผิดเต็มประตู
อันนารินซุกหน้าลงกับหมอนทันทีที่ลับร่างของคนใจร้าย นี่มันเรื่องอะไรกัน...เธอกำลังเจอผู้ชายห่ามๆ ปัญญาอ่อน และสิ้นคิดสิ้นดี พ่วงด้วยนิสัยเลวๆที่ชอบใช้ความแข็งแรงเข้าข่มแหง เธอได้แต่ขอพรว่าต่อจากนี้ไป...ขออย่าได้พบเจอกันอีกเลย
แต่เธอไม่รู้หรอกว่า ชะตาของเธอกับเขายังไงก็หนีกันไม่พ้น
“ฉันรู้แล้วน่า...วันพรุ่งนี้10โมง เจอกันที่หน้าบ้านแก เออ! แกอย่าขี้บ่นไปหน่อยเลยซีฉันรู้อยู่หรอก ฉันถามแกจริงๆนะ บทอะไม่คิดจะให้ฉันอ่านเลยรึไง แล้วไอ้หนังสั้นละครสั้นบ้าบอของแกทำไมต้องไปถ่ายไกลยันเชียงใหม่ด้วยหะ....แกไม่ให้ฉันถามมากมา3อาทิตย์แล้วนะ เออๆแค่นี้ก็แค่นี้” อันนารินกดวางโทรศัพท์ด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก กว่า3อาทิตย์ที่เพื่อนรักชอบแสดงอาการแปลกๆ ดูลนลานยังไงก็ไม่รู้ แถมถามเรื่องหนังทีไรพิชญ์ญาภาก็บ่ายเบี่ยงอ้างนู้นอ้างนี่อยู่เรื่อยไป แล้วนี่ก็ใกล้จะเริ่มแสดงแล้ว...บทสักตอนสองตอนเธอก็ไม่เคยเห็น
“พี่อัน” เสียงหวานที่ดังขึ้นปลุกคนที่กำลังคิดจับผิดเพื่อนหลุดออกจาก ภวังค์ “คิดเรื่องอะไรอยู่เหรอค่ะ...เอ๊หรือว่าตื่นเต้นเรื่องไปถ่ายหนัง” อินทิราน้องสาวสายเลือดเดียวกันล้อคนเป็นพี่ยิ้มๆ
“ตื่นเต้นบ้าบออะไรล่ะอิน...คิดดูนะไอ้ซีจะให้ฉันไปแสดง แสดง แล้วก็แสดงอย่างเดียว แต่ไม่มีบทมาให้ฉันซ้อมเลย” อันนารินบ่นเพื่อนรักให้น้องสาวฟังจนอินทิราลอบยิ้ม
“อ๊ะๆ..บ่นเป็นคนแก่อีกแล้ว อืมมีคนส่งจดหมายมาให้ ใครก็ไม่รู้ฉันไม่รู้จัก” น้องสาวผู้น่ารักยื่นจดหมายซองสีฟ้าให้กับพี่สาวพร้อมกับยืนมองไม่ไปไหน
“เสียมารยาทไอ้อิน...”อันนารินดุด้วยสายตาก่อนจะนำพาร่างของตัวเองขึ้นห้อง จดหมายของคนปัญญาอ่อนใครจะอยากโชว์...ไม่รู้เขียนอะไรมาด่าหรือเปล่า
ถึงอันนาริน...ที่รัก
ฉันก็อยากจะเขียนมาขอโทษเธอเรื่องวันนั้น...แต่ไม่เอาดีกว่าเพราะคนอย่างเธอพูดยาก! ฉันจะเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้ายนะอันนารินว่าอย่าปากเสียไปบอกเรื่องของฉันให้ใครฟัง ถ้าเธอไม่เชื่อรับรองได้เลยว่าเธอจะไม่ได้โดนแค่มดดูด...
ปล. อยากลองดีก็ได้นะแต่ฉันมีหลักฐานนิดๆหน่อยๆ ถ้าฉันเสียหาย...รับรองเธอเสียหายกว่าฉันหลายเท่า
^_^ รณวัฒน์
อันนารินกำจดหมายแน่นก่อนจะปาอัดเข้ากับกำแพง “ไอ้โรคจิต ขู่ได้ขู่ดี คิดว่าจะหยุดฉันได้เหรอ ฝันไปเถอะ!”
“ฮาดดเช้ย!...”ในขณะที่คนถูกด่าว่าโรคจิตก็จามออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แถมน้ำสีเขียวเหนียวๆยังเยิ้มออกมาเต็มใบหน้าหล่อเหล่า... นิ้วเรียวกรีดมันออกก่อนจะตวัดทิ้งไป “ใครบ่นถึงล่ะเนี่ย...เล่นขี้มูกทะลักเชียว ”
วารินดาที่เห็นตั้งแต่ชายหนุ่มจามส่ายหน้ารั่ว “สกปรกจริงๆเลยไอ้ไนท์ ถามจริงๆเลยนะ น้องน้ำเขาชอบคนแบบแกลงได้ไงหะ อย่าทำแบบนี้ให้รุ่นน้องฉันเห็นเชียว แกไม่อายแต่ฉันอายแทน”
“โอ้ย! หล่อระดับนี้ ทำอะไรก็ไม่น่าเกียจหรอก อย่าลืมนะว่าแกยังเคยตะลึงในความหล่อของฉันเลย ฉันยังจำหน้าเอ๋อๆน้ำลายหกได้ดีอ่ะ...” คนหล่อหยอกเย้าเพื่อนสาวก่อนจะเอามือที่ใช้กรีดน้ำมูกป้ายลงบนหน้าไปด้วย
“อ๊าย!..เอาขี้มูกมาป้ายอีก ไอ้คนสกปรก”
“ฮ่าๆๆ ตกลงเอาไงเนี่ย! น้องๆเค้าจะมากันกี่โมง ฉันอุตส่าห์หอบผ้าหอบผ่อนบินมาตั้งไกล” รณวัฒน์รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วพร้อมทำหน้าจริงจัง เพื่อหลบหลีกการถูกเอาคืน
“พรุ่งนี้ก็ยังไม่ถึงเลย...น้องๆเค้ายังไม่เดินทางกันยะ ทำมาเป็นเปลี่ยนเรื่องแกโดนแน่ไอ้ไนท์ หืม!” วารินดาฮึดฮัดพร้อมกับหาอุปกรณ์แล้วสายตาเฉียบคมก็ประทะกับกองเหนียวหนืด ก้านกุหลาบขาวถูกหักออกก่อนจะกวาดสิ่งนั้นขึ้นมา
“แกเอาคืนฉันไม่ได้หรอกไอ้หวาน แกไม่ได้เป็นหวัดเหมือนฉันซะหน่อย” คนไม่รู้ตัวว่าภัยกำลังจะมากอดอกยืดตัวอย่างภาคภูมิใจและมาหันกลับมา ก้านกุหลาบก็ปาดเข้ากับริมฝีปากเข้าเต็มๆ
“ฮ่าๆๆ...เห็นมั้ยว่ายังไงแกก็ไม่รอด สกปรกทิ้งไม่เป็นที่ดีนัก...เก็บเชื้อโรคเข้าปากตัวเองเลยเป็นไง” วารินดาที่เอาคืนได้หัวเราะสะใจ ร่างระหงรีบลุกขึ้นหนี “อย่าลืมฆ่าเชื้อล่ะ ฉันไปก่อน” คนกลัวโดนเล่นงานยิ้มขำๆพร้อมวิ่งหนีไป
รณวัฒน์ที่ตอนนี้สภาพไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยขี้มูกเลอะยังคงนิ่งอึ้ง ปากหนาเยิ้มไปด้วยขี้มูกตัวเอง “ไอ้หวาน!...เล่นแบบนี้แกอย่าอยู่เลย” คนหล่อตะโกนไล่หลังเพื่อนสาว พลางหาผ้าเช็ดปาก ร่างสูงกำลังจะก้าวไปจัดการเพื่อนตัวดีแต่สายตาคมดันเจอกับคนคนหนึ่งเข้า คนที่เขาจำได้ดีว่าเป็นแฟนของใคร “นั้นมันไอ้หน้าตี๋นิ...มาทำอะไรแถวนี้วะ”
คนความจำดีมองตามร่างสูงของอีกคนอย่างไม่ละสายตาก่อนจะเห็นผู้หญิงหน้าตาดีเข้าโผกอดราวกับทั้งคู่เป็นคู่รักกันก็ไม่ปาน “มีใหม่แล้วนี้เอง...บอกเลิกแฟนเก่าปุ๊บก็พาแฟนใหม่เที่ยวเลย ไอ้หน้าตี๋นี่ร้ายไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย” คนที่ร้ายเหมือนกันยิ้มขำๆ เพราะเหมือนกำลังมองตัวเองยังไงก็ไม่รู้
หนุ่มหน้าตาดีเดินกลับที่พักของตัวเองอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงใบหน้าของอีกคน...ป่านนี้เธอคงอ่านจดหมายของเขาแล้ว และตอนนี้ก็คงกำลังคลั่งอยู่แน่ๆ แต่ไม่เป็นไรเพราะเขาคงไม่ได้เจอเธออีกแล้ว...ถึงแม้ว่าใจจะเหี่ยวๆก็ตาม
“แล้วนี่เราคิดถึงยายบ้านั่นอีกทำไมวะ...ต้องคิดถึงน้องน้ำสิถึงจะถูก ไม่ไหวเลยนะเนี่ยเรา” รณวัฒน์ค่อนขอดตัวเองที่คิดถึงแต่ความหอมหวานของใครบางคนจนต้องส่ายหัวไล่ความคิดออกไปแต่สะบัดยังไง...ภาพใบหน้าหวานที่เขาสลัดทิ้งกลับยิ่งตามติดไม่หายไป เพราะตั้งแต่ได้ลองลิ้มรสความ หอมและความหวานมา เขาก็ไม่เคยลืมใบหน้าของเธอสักที
สองวันต่อมา ขบวนนักแสดงหน้าใหม่และทีมงานก็เดินทางมาถึงรีสอร์ต สายหมอกยามเช้าสร้างความชดชื่นให้กับผู้มาเยือน หากแต่ยังมีอันนารินที่ยังโวยเพื่อนสาวไม่หยุด
“แกคิดว่าฉันเทพมากนักหรือไง บทก็ไม่ให้อ่าน เรื่องย่อก็ไม่มี อ๋อไอ้หนังสั้นของแกมันเป็นแบบเงียบๆแสดงท่าทางอย่างเดียวใช่มั้ย” ใบหน้าสวยเคร่งเครียดจริงจังจนพิชญ์ญาภาเริ่มใจฝ่อ
“ก็บทของแกมันไม่ยาก ฉันก็เลยยังไม่ให้...อีกอย่างนะฉันยังต้องนั่งแก้บทของแกอยู่เลยไอ้อัน” พิชญ์ญาภาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ จริงๆเธอก็อยากบอกเพื่อนใจแทบขาด แต่ที่ต้องปิดเอาไว้เพราะกลัวเพื่อนจะปฏิเสธมากกว่า แบบนี้ล่ะดีแล้วมัดมือชกดี
“บ่นมากจริงๆเลยนะอัน เอ้า! นี่กุญแจบ้านแก” ชลิตายื่นกุญแจให้ว่าที่นักแสดงขี้บ่น “แล้วก็นะบ้านพวกฉันอยู่ฝั่งโน้นมีอะไรก็เดินไปหาเอา”
“อ้าว!..แล้วทำไมไม่อยู่ด้วยกันล่ะ ทำไมให้ฉันอยู่คนเดียว” อันนารินถามด้วยความงง
“ก็แกเป็นนางเอก ฉันเลยอยากให้อยู่คนเดียวอีกอย่างนะอันนา...ฉันเบื่อฟังแกบ่น” พิชญ์ญาภาเปรย
“เออ..ก็ดีฉันจะเอาใช้ค่าน้ำค่าไฟให้คุ้มเลย”อันนารินหันมาว่าให้ “แกจะเริ่มถ่ายวันไหนบอกมา”
“อีกสามวันเริ่ม แต่วันพรุ่งนี้ไปซ้อมบทก่อน”
“ไหนอ่ะบท...เอามาเลย”
“เอ้า! พูดไม่รู้เรื่องหรือไงบอกว่าของแกมีปัญหา พรุ่งนี้ค่อยเอา” พิชญ์ญาภาบ่ายเบี่ยง “วันนี้แกก็ไปหาเดินเที่ยวก่อนก็ได้ ฉันกับกับหมิวต้องไปเตรียมของอีก รู้เรื่องมั้ยเนี่ย! ทำหน้าเป็นตูดอยู่ได้” คนมีความลับเรื่องบทเอ่ยถามก่อนจะรีบเดินหนีไปเมื่อเห็นใบหน้าทำท่าเข้าใจ แม้ว่าจะยังมีแววตาสงสัยออกมาบ้าง
ร่างสูงของรัชชานนท์ยืนมองดูความเรียบร้อยของรีสอร์ตรอบๆ จนสายตาคมหันไปเห็นร่างบางที่เฝ้าคิดถึง เพราะยังไม่ได้อธิบายให้ฟังหญิงสาวก็หายไปเสียก่อน ขาแกร่งก้าวไปยังหญิงสาวทันที ก่อนจะคว้าแขนขาวไว้
หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนๆ นักแสดงไร้บทจึงเดินไปยังบ้านพักของตัวเองหากแต่ระหว่างที่กำลังเดินชมธรรมชาติรอบๆไม่ดูทาง ร่างบางจึงลอยหวืดไปตามแรงดึง อันนารินกำลังจะด่าคนไม่มีมารยาทหากแต่เมื่อเห็นใบหน้าชายหนุ่มชัดๆ คำด่าที่คิดไว้ก็พลันหายไป “พี่นนท์...”
“คิดถึงอันจังเลย...วันนั้นอันหายไปไหนครับพี่ตามออกไปก็ไม่เจอรู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วงแทบแย่” รัชชานนท์ถามเสียงนุ่ม ใบหน้าคมยิ้มแย้มในคราแรกแต่พอนึกถึงเรื่องที่ร้านอาหารชายหนุ่มก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“คืออัน...” อันนารินอึกอักทำอะไรไม่ถูก... ไหนเขาบอกว่าถ้าเจอหน้าก็ไม่ต้องมาทักแล้วชายหนุ่มเข้ามาทักกับเธอทำไม
“เฮ้อ!..ว่าแล้วว่าต้องไม่เข้าใจ วันนั้นพี่แค่แกล้งอำอันเล่นเท่านั้นเอง พี่กะจะถามว่าพี่แสดงเหมือนมั้ยแต่อันก็หายไปซะก่อน พี่จะอธิบายก็ติดต่อไม่ได้แล้วก็ดันมีงานเข้าอีก พี่ดีใจนะที่เห็นอันอยู่ที่นี้” ชายหนุ่มเริ่มอธิบายถึงเรื่องวันนั้น
“อะไรนะคะ! พี่นนท์แกล้งอำอันเล่นงั้นเหรอค่ะ” อันนารินหน้าเหวอ มองหน้าชายหนุ่ม งงๆ “พี่นนท์บ้า! นี่พี่นนท์แกล้งอันแบบนี้เลยเหรอค่ะ รู้มั้ยว่าอันตกใจแทบแย่”
“พี่ขอโทษนะครับ ที่ทำให้อันตกใจแถมยังพึ่งอธิบายอีก...พี่นี่มันแย่จริงๆเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง น้องอันจะโกรธพี่ยังไงก็ได้ครับพี่ยอมรับผิด” รัชชานนท์เอ่ยอย่างสำนึกผิด ใบหน้าหล่อเหล่าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่นนท์...อันไม่โกรธพี่นนท์หรอกค่ะ ตอนนี้พี่นนท์ก็อธิบายให้อันเข้าใจแล้วนี่ค่ะแล้วอันจะโกรธพี่นนท์ทำไม” อันนารินบอกยิ้มๆ แต่ภายในใจกลับรู้สึกแย่ ถ้าวันนั้นเธอไม่เข้าใจผิด...เพราะเขาแกล้งเธอล่ะก็ เธอก็คงไม่โดนคนหื่นกามข่มขู่เธอหรอก
“เฮ้อ! พี่ดีใจจังเลย...แล้วน้องอันมาทำอะไรที่รีสอร์ตพี่ครับ ช่วงนี้น้องซีเขาจองรีสอร์ตทั้งหมดไว้นี่ครับ...แอ๊ะ หรือว่าน้องอันเล่นภาพยนตร์กับเขาด้วย” รัชชานนท์ถามแฟนสาวแกมหยอกเย้า
“อันรับเล่นหนังสั้นให้ซีเค้าน่ะค่ะ...ถ้าภาพยนต์อันคงตายพอดี” อันนารินแก้ไขทันที
“งั้นคงเป็นหนังสั้นที่ลงทุนมากๆเลยนะเนี่ย” รัชชานนท์ที่ไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังเปรย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ชายหนุ่มหันมายิ้มให้หญิงสาว “แล้วอันพักหลังไหนครับ...เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
“ข้างหน้าก็ถึงแล้วค่ะ”
เมื่อต่างเข้าใจกันแล้ว ของคนหนุ่มสาวก็เดินจูงมือกันไปอย่างอารมณ์ดี...คนหนึ่งรู้สึกโล่งใจที่ได้อธิบายให้เข้าใจ ส่วนอีกคนกำลังฝืนยิ้มเพราะเริ่มรู้สึกอึดอัดกับการกระทำของตัวเอง
รณวัฒน์เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอด และเริ่มรู้สึกไม่พอใจหญิงสาวที่ยังกลับไปยุ่งกับแฟนเก่าอีก ตอนแรกที่มองเห็นเธอผ่านหน้าต่างเขากำลังจะลงไปหาเรื่องเธออยู่พอดี หากแต่กลับปรากฏร่างของอีกคนขึ้นมาซะก่อน “เขาทิ้งแล้วยังมีหน้ากลับไปหาเขาอีก เจ็บแล้วไม่จำ” กรามหนาขบเข้าหากันแน่นก่อนจะกระชากม่านบางปิดหูปิดตาไว้
และแล้วความลับที่ถูกปกปิดมานานก็ถูกเปิดเผย ใบหน้าของคนพึ่งรู้ความจริงบูดแล้วบูดอีก “แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงซี แกหลอกฉันแกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบคนโกหก” อันนารินเอ่ยเสียงดังจนแทบจะตะคอก ความโกรธราวกับพายุโซนร้อนประทุเดือดจนใครๆก็พากันนั่งนิ่งเป็นหุ่น
“ฉันขอโทษ...ก็ฉันกลัวแกไม่เล่นให้ฉันนิ”
“ไม่ต้องขอโทษเลย...แกรู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง ฉันมันเหมือนคนโง่มากใช่มั้ยซี ใช่!! แกพูดถูกถ้าแกบอกความจริงว่าแกจะให้ฉันมาเล่นเป็นนางเอกภาพยนตร์ฉันจะไม่มีวันเล่นแน่ ตอนนี้ฉันรู้แล้วฉันจะกลับ!” ร่างบางสะบัดหน้าพรืดไม่สนหน้าอินหน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้นแม้ว่าใครจะร้องเรียกยังไงเธอก็ไม่สนใจ
“เห้ยๆ อันนา” ชลิตาร้องเสียงหลง เธอก็พึ่งเคยเห็นเพื่อนรักโกรธก็วันนี้เอง “ซี...เอาไงดีมันโกรธใหญ่แล้ว”
พิชญ์ญาภาที่ไม่คิดว่าเพื่อนจะเหวี่ยงแรงขนาดนี้ทำอะไรไม่ถูก...ร่างอิ่มมองร่างเพื่อนที่เดินห่างออกไปก่อนจะตัดสินใจเดินตามไปในที่สุด “ใจเย็นๆหน่อยสิอันนา ฉันรู้ว่าแกไม่ชอบคนโกหกโดยเฉพาะยิ่งเป็นเพื่อนแก แกจะเกลียดฉันเหมือนที่แกเกลียดกวางก็ได้นะ ฉันผิดเองที่โกหกแก” คนรู้สึกผิดเอ่ยเสียงอ่อน
“ฉันเกลียดแกแน่ซี...ไม่ต้องบอกหรอก” คนมีปมเหวเสียงเขียว ใบหน้าเรียวจ้องมองเพื่อนรักอย่างโกรธเคือง เธอน่าจะเอะใจได้ตั้งนานแล้วเชียวว่าทำไมเพื่อนเธอชอบทำตัวแปลกๆ “รู้ว่าฉันไม่ชอบ...แต่แกก็ยังทำ เตรียมหานางเอกคนใหม่ได้เลย ฉันไม่เล่นให้แกหรอก ถ้ายังเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนก็เลิกพูดเรื่องภาพยนตร์ของแกซะ เพราะยังไงฉันก็ไม่เล่นเด็ดขาด”
“ไอ้หวาน...มีเรื่องอะไรวะ ได้เวลาซ้อมบทแล้วไม่ใช่เหรอ” รณวัฒน์ที่พึ่งเดินทางมาถึงถามเพื่อนสาว ดูทุกคนทำหน้าเครียดๆยังไงก็ไม่รู้
“นางเอกโวยวายน่ะสิ...ไม่รู้น้องซีจะเคลียร์ได้รึเปล่า เหวี่ยงซะน่ากลัวเลยเห็นตัวเล็กๆแบบนั้นก็โหดเหมือนกันนะเนี่ย” หวานเอ่ยหวาดๆ
ชายหนุ่มมองไปยังทิศทางที่เพื่อนสาวมองอยู่ใบหน้าคมเลิ่กขึ้นอย่างแปลกใจ ดูยังไงมันก็ยายอันนารินชัดๆ ขายาวจึงสาวเท้าไปทันทีก่อนที่จะเปรยเบาๆ
“ปล่อยเขาไปเถอะครับน้องซี...คนที่ไม่รู้จักช่วยเหลือคนอื่น รั้งไปก็เท่านั้นเอง เดียวพี่ติดต่อนางเอกใหม่ให้ก็ได้ จะไปง้อพวกไม่ใช่มืออาชีพทำไม” ใบหน้าคมสันกวาดตามองคนอารมณ์เหวี่ยงเหยียดๆ “เธอไม่คิดจะสงสารเพื่อนเธอบ้างรึไง อ๋อเวลาโดนผู้ชายมันหลอกมันยังไม่โกรธเท่าเพื่อนหลอกใช่มั้ยล่ะ...หึเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนนี่เอง” ชายหนุ่มกระชิบถามอย่างเย้ยยัน ทีเมื่อวานไอ้หน้าตี๋ง้อนิดหน่อยทำยิ้มหน้าบาน วันนี้ทำหน้าอย่างกับไม่ได้ถ่ายมาสามสี่วัน
“คุณ!...” เธออยากจะด่าคนไม่รู้เรื่องคนนี้เหลือเกิน เขามีสิทธิ์อะไรมาว่าเธอแบบนี้ ใบหน้างามสะบัดหนีจากผู้ชายที่เธอแสนจะเกลียดชังตั้งแต่แรกพบสบตา
“มีเพื่อนแบบนี้ต้องทำใจครับน้องซี...อย่าไปแคร์เลยคนที่เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นหลัก”
เสียงเปรยของชายหนุ่มทำให้ร่างที่กำลังจะเดินออกไปหยุดกึก หน๊อย...มาว่าเธอเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นหลักอย่างงั้นเหรอ “ก็ได้ ฉันตกลงเล่นให้แกก็ได้ซี ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน...ว่าคนที่ไม่เคยเอาความคิดตนเองเป็นหลัก มันเป็นยังไง”
อันนารินตวัดตามองคนไม่เอาแต่ใจตัวเองขุ่นๆ ดวงตากลมโตมองใบหน้าชายหนุ่มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ฉันไม่โกรธแกแล้วซี...แล้วฉันก็มีเรื่องจะเล่าให้แกฟัง มันเกี่ยวกับผู้ชายน่ารังเกียจรกโลกคนนึง เหลืออีก ห้านาทีใช่มั้ยจะซ้อมบท เดียวฉันเล่าให้ฟัง” คนโกรธง่ายหายเร็วเปลี่ยนอารมณ์จนเพื่อนสาว งง พิชญ์ญาภาหน้าเหวอยามที่ถูกลากออกมา
รณวัฒน์หน้าตึงเมื่อได้ยินคำกล่าวของหญิงสาว เธอพูดเหมือนไม่ได้เชื่อคำขู่ของเขาสักนิด กรามหนาขบเข้าหากันแน่น ผู้หญิงดื้อด้านพูดยากกันทุกคนเลยหรือไง ดวงตาคมมองตามร่างที่หายไปกับเพื่อนไม่กระพริบ ลองเธอไม่ฟังเขาสิ เขาจะจัดการเธอของแท้ล่ะคราวนี้...ไหนๆก็เสียความบริสุทธิ์ให้ไอ้หน้าตี๋ไปแล้วนิ แล้วเขาจะไปแคร์ทำไม
คนคิดเองเออเองยิ้มเหี้ยม...ทั้งที่ไม่ใช่วิสัยของสุภาพบุรุษเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่สนแล้ว ในเมื่อเธอมองว่าเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษแล้วเขาจะสร้างภาพว่าสุภาพบุรุษเพื่ออะไร
“แกยอมเล่นให้ฉันจริงๆเหรออัน...”เมื่ออยู่ด้วยกันสองคน พิชญ์ญาภาก็เอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะยังปรับอารมณ์ตามเพื่อนรักไม่ทัน... คนอะไรเปลี่ยนอารมณ์รวดเร็วเหลือเกิน เมื่อครู่ทำท่าทำทางอย่างกับมาร อยู่ๆก็เปลี่ยนมาเป็นสาวสวยธรรมดาเสียแล้ว น่ากลัวจริงๆ ขนาดคบกันมาตั้งหลายปี มีวันนี้วันแรกที่เธอรู้สึกว่าผิดกับเพื่อนรักมากที่สุด
“หรือจะให้ฉันไม่ยอมล่ะ” คำตอบไม่ค่อยลื่นหูบอกเบาๆ ใบหน้าหวานเรียบเฉยจนคนฟังเสียวสันหลังวาบ “เป็นไง...ฉันแสดงเหมือนมั้ย ได้อารมณ์แกรึเปล่า” แล้วน้ำเสียงหัวเราะก็ถูกเปล่งออกมา รอยยิ้มกวนๆถูกส่งให้กับเพื่อนสาวอย่างขำๆ
“ไอ้บ้าอัน! นี้แกแกล้งฉันเหรอ ไอ้บ้า! แกมันบ้า! ไอ้เพื่อนบ้า! แกทำฉันตกใจรู้บ้างมั้ย ฉันเกือบร้องไห้แล้วนะ” คนพึ่งรู้ความจริงว่าโดนเพื่อนหลอกโวยวายลั่น มือหนาเตรียมจะตบหัวเพื่อนบ้าแต่คนรู้ทันรีบห้ามขึ้นก่อน
“ฮ่าๆ อย่านะซีอย่าตบหัวฉันนะ” ร่างบางถอยห่างออกมาอยู่ในระยะที่ปลอดภัย “หน้าอย่างแกหลอกฉันไม่ได้หรอก ฉันรู้ตั้งแต่ไปหาอธิการบดีพ่อของแกแล้ว ชิ! เป็นไงโดนฉันหลอกเจ็บมั้ยเพื่อนรัก” คนรู้ความจริงตั้งแต่แรกถามเสียงเยาะ “พอแล้วๆ ฉันไม่เล่นกับแกแล้วเดี๋ยวฉันไปจัดการบางอย่างก่อน” ว่าแล้วร่างเล็กจะรีบรุดหายไปโดยที่ พิชญ์ญาภายังเรียกไม่ทัน
ความคิดเห็น