คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แรกพบสบตา...พาจิตตก
1.แรกพบสบตา...พาจิตตก
ตี๊ด!!
“ขอโทษค่ะ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้ Sorry it’s not possible to reach number you dial at this moment” ร่างบางซึ่งยังนอนอยู่บนเตียงคว้าโทรศัพท์มากดรับพร้อมกรอกเสียงไปปลายสาย
“อย่าวางนะไอ้อันนา อย่าคิดว่าเล่นมุกนี้แล้วจะหนีฉันพ้นนะ” ปลายสายต่อว่าอย่างรู้ทัน ทำให้คนที่กำลังจะกดวางต้องเปลี่ยนมาสนทนาต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้
“โหย...ซีเปียร์ ฉันพึ่งนอนไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเองนะ แกจะโทรมาปลุกฉันไปไหนอีก” อันนารินโวยเสียงอ่อน คนพึ่งนอนไปไม่กี่โมงที่ผ่านมาก้มหน้าลงกับหมอนอย่างไม่อยากจะลุกไปไหนในตอนนี้ เนื่องจากเธอพึ่งเดินทางกลับจากบ้านสวนในจังหวัดสระบุรีบ้านเกิดของเธอ
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่จะชวนแกไปเลี้ยงข้าวเท่านั้นแหละ ไม่ได้เจอหน้ากันนาน เลยคิดถึงน่ะ”
“ฉันไม่เชื่อแกหรอกว่าแกจะเลี้ยงข้าวฉันฟรีๆ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ไปเล่นหนังสั้นของแกเด็ดขาด แค่นี้นะ ฉันง่วง” ร่างบางทำท่าจะตัดสาย
หญิงสาวรู้จักเพื่อนคนนี้ดี ไม่มีทางที่เพื่อนรักจะมาเลี้ยงข้าวฟรีเพราะความคิดถึง เธอไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด ถ้าจะเลี้ยงก็คงมีเพียงเรื่องเดียว นั้นคือการไปเป็นนักแสดงจำเป็น แล้วเธอก็จำได้ว่าเธอเคยบอกไปแล้วเรื่องที่เธอจะไม่ไปแสดงอีก
“เออ เพื่อนกันเค้าก็ดูตรงนี้แหละ ถ้าฉันรู้ว่าแกใจร้ายใจดำแบบนี้ ฉันไม่คบแกเป็นเพื่อนหรอกไอ้อันนา!” พิชญ์ญาภาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าเพราะรู้ว่าเพื่อนต้องใจอ่อนยอมช่วยเธอแน่นอน
เพราะพิชญ์ญาภาเป็นเพื่อนสนิทของอันนารินทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมปลาย พอขึ้นมหาลัยก็อยู่มหาลัยเดียวกัน หากแต่คนละสาขา วันๆจึงเอาแต่เรียนวิชาของตัวเองจนไม่ค่อยได้พบกันมากนัก แต่ก็ยังติดต่อกันในช่วงวันหยุดเสมอ
“ไม่ต้องมาทำน้ำเสียงเศร้าเลยซี คิดว่าฉันจะใจอ่อนหรอ ไม่มีทางซะหรอก” อันนารินดักทาง ริมฝีปากเม้มหากันด้วยความขัดใจ
“ว่าแล้วว่าแกต้องไม่ช่วย จำไว้เลยไอ้อัน ฉันขอร้องน้องแกก็ได้ ส่วนแก...ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าเป็นเพื่อนอีกต่อไป” คนไม่อยากจะง้อเท่าไรฟอร์มทำท่าจะวางหูจริงๆแต่กลับลุ้นคำต่อมาของเพื่อนจนตัวโก่ง
“เดี๋ยวๆๆๆ ยอมแล้วก็ได้ กดดันกันจริงๆเลยนะ นัดที่ไหนว่ามาเลยมา” อันนารินรีบเรียกไว้เมื่อพิชญ์ญาภาจะกดวางสาย คนยอมจำนนจึงตกปากรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ก็เท่านี้แหละ นัดที่เดิมเวลาเดิม แค่นี้นะ ฉันไม่รบกวนเวลานอนแกแล้วเพื่อนรัก”
“ทีแบบนี้ล่ะรักเพื่อนขึ้นมาทันทีเลยนะ” อันนารินกดวางสายพร้อมวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะปิดลงด้วยความอ่อนเพลียจากการอดหลับอดนอน
“มาช้าจังเลยนะ คิกคิก” ชลิตาเอ่ยทักเพื่อนสาวทันทีเมื่อเห็นหน้าจนอันนารินต้องส่งค้อนให้
“ไม่ต้องมาทำหน้าตากวนโอ๊ยหน่อยเลยหมิวแกกับมันนี่นะหาเรื่องเดือดร้อนให้ฉันทุกที” ว่าที่นักแสดงแอบจิกไม่ได้ก่อนจะพาร่างบางนั่งลงกับเก้าอี้ไม้ที่อยู่ข้างๆเพื่อนรัก
“เอ้า! เพื่อนอุตสาห์จะปั้นให้ดังไม่ดีใจรึไง แกก็เรียนการแสดงมา แค่นี้ทำบ่นเดี๋ยวปั๊ดตบหน้าหันเลยนิ”
“โหย...แกกล้าตบเหรอซี เอาสิถ้าแกตบนะ ฉันให้แกไปง้อไอ้อินตามสบายเลย แล้วก็จำใส่กะโหลกแกสักทีว่าฉันไม่ได้เรียนเอกการแสดง บอกไม่เคยจำ...เรียนการแสดงนั้นมันตอนฉันมัดผมหางม้าไอ้ซี” อันนารินแขวะเพื่อนสาวพลางก้มสั่งอาหารชนิดแพงจนเพื่อนกระเป๋าฉีกไปเลย และดูเหมือนคนกลัวเพื่อนสั่งแพงจะรู้ทันรีบดึงเมนูอาหารไปถือเอง
“ฉันสั่งเอง แกรอกินอย่างเดียวพอแล้วไอ้อันนา อีกอย่างนะมันก็เหมือนแกเรียนมานั้นแหละ” ประโยคสุดท้ายยังบ่นเรื่องเพื่อนรักชอบถ่อมตัวเบาๆ เพราะเธอรู้ว่าเพื่อนของเธอเก่งในเรื่องการแสดงขนาดไหน
“ไอ้ซี...ไอ้ขี้งก”
“ปล่อยมันสั่งไปเถอะอัน แล้วนี่ไม่ชวนพี่นนท์มาด้วยเหรอ”
“แล้วแกเห็นมั้ย ถ้าไม่เห็นแสดงว่าเขาไม่มา”
“อ๊าย อย่ากินมันเลยไอ้อัน กลับบ้าน!” ชลิตาขึ้นเสียงสูงยามถูกย้อนเข้าให้ ส่วนตัวต้นเหตุได้แต่นั่งยิ้มทำหน้ากวนเบื้องล่างอย่างมีความสุข
“ว่าแต่บทที่แกจะให้ฉันเล่นล่ะ บทหนักรึเปล่า” เมื่อนึกขึ้นได้ ว่าที่นักแสดงก็ถามถึงบททันที มือบางแบขึ้นเพื่อจะขอดูบทอย่างที่เคยทำแต่กลับโดนเพื่อนอีกคนตีเผี๊ยะเข้าให้ซะก่อน
“เอ่อ...ไม่หนักหรอก นิดๆหน่อยเอง แกเล่นได้สบายมากอยู่แล้ว” พิชญ์ญาภาอึกอักเพราะหาคำโกหกไม่ทัน ก่อนจะทำท่าทำทางให้เพื่อนสาวสบายใจ เพราะบทที่จะให้เพื่อนรักเล่น ทั้งยากและโหด หากบอกความจริงไปก็ไม่รู้จะเล่นให้หรือเปล่า
“อืม...ก็ดี รู้แบบนี้แล้วค่อยอยากเล่นหน่อย” อันนารินกล่าวอย่างสบายใจ และก่อนที่เธอจะถามอะไรไปมากกว่านี้ ชลิตาก็รีบเปลี่ยนเรื่องพูดคุยให้ไกลจากเรื่องหนังสั้นที่สุดแสนจะไม่ธรรมดาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“พรวดดด” น้ำเปล่าที่พิชญ์ญาภากำลังกลืนลงคอพุ่งออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายที่เดินมาหยุดอยู่ทางฝั่งตรงข้าม ทั้งความหล่อที่ไม่สามารถเห็นได้ตามตลาดทั่วไปทำให้ถึงกับสำลักน้ำออกมา เดือดร้อนคนข้างๆอย่างอันนารินที่ต้องลูบหลังให้แทบไม่ทัน
“บ้าเอ๊ย...แกเล่นอะไรเนี่ย ไม่อายคนหรือไงนี่ห้างดังนะเว้ย” ชลิตาเหลือบซ้ายแลขวาด้วยความอายไม่รู้มีคนเห็นซอตเด็ดเมื่อกี้หรือเปล่า ก่อนจะหันไปมองบ้าง
“หล่อ...หล่อสุดๆ พระเจ้า โอ้ยไม่ไหวแล้วอยากเป็นลม” พอได้สติคนสำลักน้ำก็เข้าสู่โหมดอาการเพ้อพกทันที
“ซีเปียร์แกเป็นบ้าอะไรของแก” อันนารินถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนเริ่มอาการหนัก สงสัยจะเห็นผู้ชายหล่อแล้วโรคแรดกำเริบ และเมื่อกำลังจะคุยกับเพื่อนรักฝั่งตรงข้ามอีกคนก็เห็นว่าเพื่อนรักที่ไม่ค่อยจะสนใจผู้ชายก็เป็นเหมือนกัน
“หล่อเวอร์อ่ะแก เห็นแล้วอยากได้มาเป็นพ่อของลูกจังเลย” ชลิตาละเมอราวกับโลกนี้มีเพียงผู้ชายสุดหล่อกับเธอเท่านั้นใบหน้าเรียวในแบบฉบับสาวขี้เล่นหวานเยิ้มจนน้ำตาลยังเรียกพี่ ทั้งมือบางยังยกขึ้นมาเช็ดน้ำลายอย่างห้ามไว้ไม่อยู่
อันนารินส่ายหัวไปมาอย่างระอา และเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าผู้ชายที่เพื่อนรักเพ้อพกเอาเป็นเอาตายหล่อขนาดไหน อันนารินจึงมองตามไปยังจุดหมายเดียวกับเพื่อนรักทั้งสองคน และเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนรักถึงเพ้อขนาดนี้
ทำไมเขาถึงหน้าตาดีขนาดนี้ หล่ออย่างกับดาราเกาหลีก็ไม่ปาน หญิงสาวคิดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ดวงตากลมโตจ้องมองเขาราวกับเขาเป็นสิ่งที่หาดูได้ยาก แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องผงะ เมื่อเขาหันมาจ้องมองเธอเหมือนกัน ดวงตาสองคู่จ้องสบตากันด้วยความตะลึง และก่อนที่จะรู้สึกอายไปมากกว่านี้ ใบหน้าหวานจึงละสายตาออกมาในที่สุด
“นี่! อย่าไปมองเขามาก เดี๋ยวเขาก็หายสาบสูญไปหรอก” คนที่เรียกสติกลับมาได้เอ่ยบอกเพื่อนเบาๆ แต่ยังไม่วายเหลือบมองไปดูท่าทีของชายหนุ่มสุดหล่อ ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นร่างระหงของหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาโผกอดเขาอย่างเกินงาม “แฟนเขามาแล้วนะ เดี๋ยวก็โดนลากไปตบหรอก”
“โหยย...เสียดายที่สุดเลย แถวบ้านมีอีกมั้ยเนี่ยคนหล่อแบบนี้อ่ะ” พิชญ์ญาภาบ่นเบาๆ หลุดจากอาการเพ้อพกมาเป็นคร่ำครวญแทน
“น่าเกลียดจะตาย กอดกันกลมกลางห่าง เห็นแล้วขัดลูกตา” อันนารินว่าเพื่อให้เพื่อนสาวคิดแบบเธอหากทว่ากลับไม่มีใครเข้าข้างสักนิด
“ไอ้บ้า คนรักกันแสดงความรักกันยังไปอิจฉาเขาอีก” ชลิตาหันมาว่า
“ก็อย่าไปดูแฟนเขาสิ คิดซะว่าเรากำลังกอดกับสุดหล่ออยู่ อ๊ายยย อบอุ่นจังเลย เห็นคนหล่อแล้วรู้สึกดีจังเลย กินๆๆ” พิชญ์ญาภาที่กำลังคลุ้มคลั่งคนหล่อบอกเพื่อน พลางยิ้มเป็นบ้าคนเดียว
“เห็นแล้วจิตตกล่ะสิไม่ว่า” อันนารินเบ้ปาก ก่อนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้าเหมือนเดิมไม่สนใจชายหนุ่มสุดหล่อที่มองเธออย่างสนใจ
“อ๊ายๆคนหล่อมาแล้ว”ชลิตาร้องขึ้นเมื่อเห็นคนหล่อกำลังเดินเข้ามาจนทั้งอันนารินและพิชญ์ญาภาต้องหันไปมองตามๆกัน และพิชญ์ญาภาก็ทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนที่มือหนาๆจะตบหัวเพื่อนรักเบาๆ
“นี่มันพี่นนท์ เดี๋ยวปั๊ดตบคว่ำอีกที คนหล่อแต่มีแฟนแล้วเราไม่ยุ่งวุ้ย”
“โอ้ย! ไอ้บ้าซีฉันล้อเล่นนิดเดียวเอง เจ็บชะมัดยากเลย อย่าให้ถึงทีฉันนะแม่จะตบไม่เลี้ยงเลย” ชลิตาใช้มือตบคางตัวเองตามความเชื่อที่ว่า โดนตบหัวแล้วต้องตีคางกลับ เพราะเธอยังไม่อยากฉี่รดที่นอนทั้งที่โตเป็นสาวแล้ว
และการกระทำนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มที่พึ่งเข้ามาใหม่อมยิ้มในการกระทำที่คล้ายกับเด็กประถม “ให้พี่ช่วยตบมั้ยครับน้องหมิว”
“ไม่เอาค่ะ ครั้งที่แล้วพี่นนท์ตบจนมึนเลย หมิวเจ็บแล้วจำค่ะ” ชลิตาส่ายหน้ารัวยามคิดถึงแรงตบที่ผ่านมา เพราะครั้งนั้นเขาก็ถามเธอแบบนี้ ไอ้เธอก็นึกว่าเขาจะเล่นเบาๆ ที่ไหนได้พ่อคุณเล่นตีจนคางแดงเป็นรอยเชียว “ตียายอันดีกว่าพี่นนท์ วันนี้ยายอันกวนบาทาหมิวด้วย” เธอฟ้องถึงเรื่องที่อันนารินตอบกวนโอ๊ย
“อะไรๆ ฉันก็แค่ตอบตามความจริงไม่ได้กวนบาทาแกสักหน่อย แกหวังให้พี่นนท์ทำอะไรฉันไอ้หมิวไม่มีทางหร๊อก” อันนารินตอบเพื่อนพลางหัวเราะเยาะเย้ย ทั้งยังทำหน้าทำตาใส่เพื่อนสาวอีก
“พี่นนท์อ่ะ เมื่อกี้มาไม่ทันคนหล่อ ถ้าพี่นนท์มาทันนะ ซีจะให้พี่นนท์ไปขอเบอร์เขาให้หน่อย” คนที่ยังไม่เลิกคลุ้มคลั้งคนหล่อตัดพ้ออย่างน้อยใจ ทั้งยังส่งแววตาแพรวพราวให้กับชายหนุ่ม
“เห้ย! เขาก็มองว่าพี่เป็นเกย์ดิ” รัชชานนท์สะดุ้งโหย่งในความคิดอันแสนพิเรนทร์ของพิชญ์ญาภา
“แหะๆ ซีล้อเล่น แล้วทำไมพี่นนท์ถึงมาช้าจังเลยคะ”
“พี่ว่าจะชวนไปดูหนัง...ก่อนมาพี่ก็เลยอยู่เคลียร์งานที่บริษัทแต่ว่านานไปหน่อยก็เลยมาช้า”
รัชชานนท์นั้นเป็นเจ้าของรีสอร์ตชื่อดังซึ่งเปิดอยู่หลายสาขา และเร็วๆนี้ก็มีโครงการเปิดตัวรีสอร์ตที่ต่างประเทศโดยชายหนุ่มคิดว่าจะไปทำงานอยู่ที่นู้น และก็หวังว่าหญิงสาวที่เขารักจะบินไปพร้อมกับเขาในวันที่เขาขอเธอแต่งงาน
“ว้ายๆๆ...จริงเหรอพี่นนท์ พี่นนท์น่ารักที่สุดเลย” ชลิตาทำท่าจะโผเข้ากอด หากแต่รัชชานนท์เบี่ยงตัวหลบก่อน “พี่นนท์อ่ะ! กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้ ทีไอ้อันนะให้กอดได้กอดดี” เพราะถูกขัดใจชลิตาจึงค่อนขอดชายหนุ่มเบาๆก่อนที่จะถูกมือพิฆาตตบหัวอีกรอบ
“แกนี่ยังไงหา!! น้องก็ไม่ใช่ แฟนก็ยิ่งห่างไกล ให้มันน้อยๆหน่อย ดูสิ! แฟนเค้านั่งหัวโด่อยู่ตรงหน้าแกเนี่ย” พิชญ์ญาภาว่าพลางโอบร่างแฟนของชายหนุ่มโชว์
“โถ่ ฉันก็แค่อยากจับคนหล่อนิดๆหน่อยๆพอให้หัวใจมันตื่นเต้นเล่นเท่านั้นเอง แบบว่าหาหล่อๆแบบนี้ไม่เป็นอ่ะ”
“ได้สิครับ...อยากกอดพี่ก็จะให้กอด มามะเด็กน้อย” รัชชานนท์ทำหน้าหื่นใส่พร้อมทำท่าทำทางจนชลิตาขนหัวลุก
“มะ...ไม่เอาดีกว่าพี่นนท์ หมิวกลัว”
และท่าทางขี้กลัวของชลิตาก็ทำให้ทั้งหมดหัวเราะออกมาพร้อมกัน สายตาคมแอบมองคนที่ชื่อว่าเป็นแฟน แล้วก็อดน้อยใจไม่ได้ที่จนแล้วจนรอด หญิงสาวก็ไม่เคยแสดงอาการหึงเขาสักนิด
“พี่นนท์พาอันนาไปเถอะค่ะ...ซีกับหมิวต้องไปทำธุระเรื่องหนังสั้นอีก” พิชญ์ญาภาบอกยิ้มๆเปิดโอกาสให้เพื่อนสาวอยู่ตามลำพังกับแฟนบ้างเพราะตั้งแต่คบกันมาเธอก็เห็นแต่คู่รักคู่นี้คู่แรกและคงเป็นคู่รักคู่เดียวที่ไม่เคยไปไหนด้วยกันตามลำพัง
“ให้ฉันไปช่วยมั้ยซี เรื่องดูหนังไว้วันอื่นก็ได้ หนังสั้นแกมันทำยากไม่ใช่เหรอ” อันนารินเอ่ยถามเพื่อนรัก...เธอไม่อยากเอาเปรียบที่ให้เพื่อนเตรียมงานแล้วเธอก็ไปแสดงอย่างเดียว
“ไม่เป็นไรหรอกอันนา...แกอย่าลืมสิว่าแกตกลงเล่นหนังกับฉันแล้ว ฉะนั้นเรื่องฉากเรื่องบท เรื่องอะไรต่อมิอะไรฉันจัดการเอง ส่วนแก...แสดงอย่างเดียวก็พอ ไปดูหนังกับพี่นนท์เถอะ” พิชญ์ญาภาพูดจบก็ลุกขึ้นไปลากเพื่อนสาวอีกคนก่อนจะรีบชิ่งกลับทันที
“เอาไงครับ...ยังอยากไปดูหนังอยู่รึเปล่า”รัชชานนท์เอ่ยถามแฟนสาว แต่ก็ลุ้นกับคำตอบของเธออยู่เหมือนกัน โอกาสอยู่กันสองคนยิ่งหาได้ยากอยู่ด้วย
“เอางั้นก็ได้ค่ะ วันนี้อันก็กำลังอยากดูหนังอยู่พอดี”
และคำตอบของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ร่างสูงลุกขึ้นก่อนจะโค้งตัวให้ “น่ารักที่สุดเลยครับ ไปครับ” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปด้านหน้าเพื่อรอรับหญิงสาว
อันนารินคลี่ยิ้มพร้อมส่งมือบางออกไป คู่รักที่เคยไปดูหนังสองต่อสองครั้งแรกเดินจับมือกันออกไปอย่างอารมณ์ดี
“ดูหนังเรื่องอะไรดีอัน เรื่องนี้ดีมั้ย”ชายหนุ่มถามหญิงสาวยามมาอยู่หน้าตารางฉายหนัง
“ไม่เอาดีกว่าพี่นนท์ อันไม่อยากนั่งรากงอก เรื่องนี้ยาวจะตาย อันคงหลับตั้งแต่ยังไม่ครึ่งเรื่องแน่เลย” อันนารินส่ายหัวไปมาเมื่อคิดว่าตัวเองต้องนั่งดูหนังที่ใครต่างก็ชอบ แต่เธอดันมาหลับกลางโรงหนังถ้าเพื่อนซี่ทั้งสองรู้เธอคงอายไปหลายปีเลยเชียว
“อ้าว ถ้างั้นอันอยากดูเรื่องอะไรล่ะครับ” ชายหนุ่มหันมาถามหญิงสาวบ้าง
“หนังตลกเรื่องนี้แล้วกันค่ะพี่นนท์ ใกล้ฉายแล้วด้วย”
แต่เมื่อไปซื้อตั๋วหนังกลับพบว่ารอบนี้ที่นั่งเต็ม ทั้งสองจึงตัดสินใจเลือกดูหนังแนวสืบสวนสอบสวนที่มีคนดูน้อยที่สุดและกำลังจะฉาย
“เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำก่อนนะครับ อยากกินป๊อบคอร์นมั้ย”
“แล้วแต่พี่นนท์ค่ะ อันยังไงก็ได้” หญิงสาวคลี่ยิ้ม ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกไป หญิงสาวกวาดตาไปทั่วด้านหน้าโรงหนังก่อนจะเห็นร่างของชายหนุ่มคนที่ทำให้เธอจิตตกเดินจูงมือกับผู้หญิงอีกคน
“นี่เปลี่ยนคู่ควงแล้วเหรอเนี่ย...น่าเกลียดจริงๆเลย”อันนารินแสยะยิ้มเหยียดอย่างรังเกียจ
เพื่อนเธอไปหลงละเมอเพ้อพกกับผู้ชายแบบนี้ได้ยังไงนะ หล่อแต่มั่วทุเรศสิ้นดี ถ้ายายซีกับยายหมิวรู้ว่าผู้ชายสุดหล่อเจ้าชู้ตัวพ่อ ขี้คร้านจะพากันด่าไปตลอดปีก็ไม่จบ หญิงสาวที่ตัดสินกับภาพตรงหน้าอย่างรวดเร็วคิดเองเสร็จสรรและมาร์คหัวหนุ่มรูปงามด้วยกากบาทตัวแดงๆ
“อัน...ไปกันเถอะ” รัชชานนท์ที่หอบของกินมาเต็มไม้เต็มมือพูดขึ้น คนที่มัวแต่ต่อว่าหนุ่มรูปงามจึงรู้สึกตัว ใบหน้างามรับของจากเขามาถือไว้บ้างก่อนจะรีบพากันเข้าโรงหนัง....เพราะเธอก็ไม่อยากจิตตกเพราะผู้ชายแปลกหน้าหลายใจคนนี้สักเท่าไรนัก
อันนารินยิ้มให้ชายหนุ่มเหยๆเมื่อเข้ามานั่งอยู่ในโรงฉายภาพยนตร์ ถึงแม้จะน้อยแต่เธอก็ไม่คิดว่าจะน้อยขนาดนี้ มันไม่ต่างกับเธอและเขานั่งดูหนังด้วยกันตามลำพังสักนิด... “พี่นนท์...ชั้นที่เรานั่งไม่มีคนเลยเหรอคะ เหมือนเราสองคนเป็นตัวน่ารังเกียจยังไงก็ไม่รู้...ดูสิห่างไกลผู้คนเหลือเกิน” หญิงสาวมองไปด้านหน้าที่ห่างกันอยู่เกือบ5แถว...ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“ตอนพี่จองตั๋วแถวเราก็มีคนนั่งนะอัน...เยอะด้วย เหลือที่นั่งแค่2 แล้วมันก็คือที่ที่เรานั่งอยู่นี่แหละ”ชายหนุ่มเองก็งงไม่แพ้กัน ตอนที่เลือกแถวยังเห็นมีคนแล้วพอมานั่งกลับไม่มีคนสักนิด น่าแปลกเหมือนกัน “เดี๋ยวก็คงมีคนมาแล้วมั้ง” รัชชานนท์เอ่ยก่อนจะหันมาสนใจหนังที่เริ่มฉายแล้ว
รณวัฒน์ที่เดินพาคู่ควงมาถึงกลับชะงัก...เมื่อเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ในโซนที่เข้าซื้อไว้ทั้งหมด “เวรฉิบ!...พลาดได้ไงวะ บอกว่าจองหมดทำไมถึงมีสองหัวมานั่งได้ล่ะ” คนที่คิดฝันจะเล่นจ้ำจี้ในโรงหนังเอ่ยอย่างหัวเสีย และยิ่งเห็นผู้หญิงที่เขาเผลอไปสบตาด้วยก็ยิ่งหมดอารมณ์หนักเข้าไปใหญ่
“มีปัญหาอะไรเหรอค่ะไนท์...ดูคุณอารมณ์เสียจัง” เจนจิราเอ่ยถามชายหนุ่มส่วนมือบางก็ลูบไล้อกของเขาไม่หยุด
“ไม่มีหรอก...เราไปนั่งตรงนู้นกันดีกว่า”
“แต่ตรงนั้นมีคนนะค่ะไนท์...เจนว่าเรานั่งตรงที่ไม่มีคนดีกว่านะข้างบนนี้ก็ได้” เจนจิราเอ่ยอย่างขัดใจ เธอไม่อยากไปนั่งใกล้คู่นั้นสักเท่าไรเห็นแล้วขัดหูขัดตา ยิ่งผู้หญิงยิ่งตัวดี...เห็นๆอยู่ว่าสวยกว่าเธอตั้งเยอะ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปแอบคิดอะไรอยู่รึเปล่าถึงอยากไปนั่งตรงนั้น
“เราจะได้มีเพื่อนดูไงเจน...ไปเถอะ” รณวัฒน์พูดจบก็จับมือหญิงสาวให้ตามมาก่อนที่เขาจะมาหยุดลงข้างๆที่นั่งของอันนาริน
เพราะนึกว่าคงไม่มีคน คนที่เริ่มคอแห้งจึงวาดมือไปหยิบน้ำอย่างไม่ต้องมองและนั่นทำให้มือบางที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบน้ำเฉียดของรักของหวงของชายหนุ่มพอดิบพอดี
“ว้าย...”คนที่สัมผัสเข้ากับบางสิ่งร้องออกมา ใบหน้างามรีบหันมามองด้วยความตกใจและต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “ขะ..ขอโทษค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอโทษชายหนุ่มใบหน้าแดงซ่าน ดูจากท่ายืนในตอนนี้ของเขาเธอก็รู้แล้วว่าเมื่อกี้ไปเฉียดกับอะไรเข้า
รณวัฒน์ยืนนิ่งอยู่นานข่มอารมณ์พลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นมาเพียงเพราะมือเล็กๆนั้นเฉียดของสงวน ร่างสูงค่อยนั่นลงอย่างเก็บอาการ...นี่เขาเป็นพวกหื่นตั้งแต่เมื่อไรล่ะเนี่ย
“มีอะไรหรออัน...”ชายหนุ่มหันมากระซิบเสียงเบาตามมารยาท และก็เห็นบุคคลที่เข้ามาใหม่
“มะ..ไม่มีอะไรค่ะ พี่นนท์หิวน้ำมั้ยคะ”
“อ้าว! ชวนพี่กินน้ำแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะครับ” รัชชานนท์ถามยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาว มือหนารับแก้วน้ำจากหญิงสาวพร้อมจับมือไปด้วยในตัว ก่อนที่เขาจะยกน้ำขึ้นมาดื่ม
“เอ่อ...พี่นนท์คะ” อันนารินอ้ำอึ้งเมื่อถูกจู่โจม มือบางก็พยายามขยับออกจากการเกาะกุม
“พี่ขอโทษครับ...อันยังไม่ชินอีกเหรอ” น้ำเสียงปนน้อยใจแว่วเข้ามาอีกครั้ง เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าที่เธอตกลงเป็นแฟนกับเขานั้นมันมาจากความรักหรือเปล่า
และน้ำเสียงน้อยใจของชายหนุ่มก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกผิดขึ้นมา “คืออัน...อัน...”
“ไม่เป็นไรอัน...พี่ขอโทษที่ทำให้อันตกใจ” รัชชานนท์ที่เริ่มน้อยใจเต็มทีกล่าวเสียงเรียบใบหน้าคมหันมาดูหนังที่ดูไม่รู้เรื่องตั้งแต่เริ่มฉายเหมือนเดิม และอาการของเขาก็ทำให้หญิงสาวต้องง้อด้วยความรู้สึกผิด
“คืออันแค่อายคนข้างๆเท่านั้นเองค่ะพี่นนท์...พี่นนท์อย่าโกรธอันเลยนะ”หญิงสาวอ้อนเสียงหวานพร้อมจับแขนชายหนุ่มไว้
และท่าทางงอนง้อของคนทั้งคู่ก็ทำให้คนข้างๆอย่างรณวัฒน์ต้องแบะปาก ชายหนุ่มสุดหล่อหันมาทางสาวข้างกายที่ยังนั่งไม่ห่างเขาสักนิด คนแอบหื่นเลื่อนมือหนาไปแปะไว้บนหน้าขาขาวนวลพร้อมยิ้มกริ่ม
“หืมไนท์...อย่าซนสิคะ มีคนอยู่”เจนจิราที่ดีใจเนื้อเต้นแกล้งจีบปากจีบคอเอ่ยห้ามชายหนุ่มแต่มือตัวเองกลับจับมือของเขาให้เลิ่กสูงขึ้นสูงขึ้น
“ไม่เห็นต้องอายเลย...เขาไม่รู้หรอก”
และน้ำเสียงของเขาก็ทำให้อันนารินต้องหันมามอง หญิงสาวตาเบิกโพล่งด้วยความตะลึงกับพฤติกรรมของชายหนุ่ม เธอหันกลับมาที่เดิมด้วยความขยะแขยงกับภาพที่เห็น แค่เพียงหลับตาภาพของมือหนาที่หายเข้าไปในกระโปร่งของหญิงสาวก็ผุดขึ้นมาอีกจนเธอต้องขับไล่ออกจากสมองแทบไม่ทัน
“โอ้ย...” เสียงของรัชชานนท์ที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวต้องรีบหันมาดูด้วยความเป็นห่วงก่อนจะพบว่า นิ้วของชายหนุ่มนั้นเลือดออก
“นิ้วพี่นนท์โดนอะไรคะเนี่ย” มือบางจับมือของชายหนุ่มไว้แน่น พร้อมกับก้มลงดูดเลือดให้ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ..อันไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ครับ เลือดออกนิดเดียวเอง”รัชชานนท์เอ่ยด้วยความตกใจแต่ก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“ไม่ได้ค่ะ...ถ้าไม่รีบดูดเลือดออกพี่นนท์จะปวดตามมาทีหลัง” อันนารินตอบเสียงเบาแต่ยังก้มหน้าก้มตาดูดเลือดชายหนุ่มไม่หยุด
“อุ๊ย...เขาทำอะไรกันหรอค่ะไนท์”เจนจิราแสร้งตีน้ำเสียงตกใจเมื่อเห็นคนที่เธอเกลียดก้มลงไปบนตักของชายหนุ่มที่นั่งด้วยกัน
รณวัฒน์หันไปมองด้วยความสนใจ และเข้าใจไปว่าหญิงสาวกำลังก้มลงจัดการให้คู่รักอยู่ เพราะดูจากสีหน้าของคนข้างๆเธอกำลังเสียวซ่านได้ที่เลย
“สงสัยเราคงนั่งตรงนี้ไม่ได้แล้วล่ะเจน...ไปนั่งข้างบนกันเถอะ” รณวัฒน์บอกเสียงขุ่นพร้อมลุกขึ้นอย่างแรงจนอันนารินต้องหันขึ้นมามองด้วยความงง ลิ้นเล็กเลียริมฝีปากเบาๆเพื่อลบคราบเลือด หากแต่หนุ่มรูปงามกลับยิ่งคิดไปไกลถึงขั้นสะบัดหน้าหนีสาวไวไฟ
“สกปรกจริงๆ...โรงแรมมันหายากนักหรือไง” รณวัฒน์เค้นเสียงลอดไรฟันเบาๆ หากแต่เข้าโสตประสาทการได้ยินของเธอเต็มๆ
“มันก็คงยากจริงๆ...ถึงขนาดล้วงไม่เลือกที่” อันนารินบ่นเบาๆ หากแต่ก็ไม่อาจรอดไปจากคนหูดี
รณวัฒน์หันมามองหญิงสาวตาวาว...กรามหนาขบกันแน่นด้วยความโกรธ ทีตัวเองยังร่านไม่เลือกสถานที่ยังกล้ามาว่าเขาอีก เขาก็แค่ลูบๆคลำๆ หากแต่เธอสิ ดูดดุนจนได้รสชาติแล้วมั้ง
อันนารินเหยียดตามองชายหนุ่มกลายๆ ก่อนจะหันมาถามรัชชานนท์ด้วยความเป็นห่วง “พี่นนท์ดีขึ้นรึยังค่ะ...”
และคำถามของอันนารินก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกรังเกียจหญิงสาวเข้าไปใหญ่ รณวัฒน์รีบเดินลิ่วๆออกไปนั่งด้านบนที่ห่างจากคู่รักที่คงจะกำลังมีความสุขกับหนังรักสร้างเองแสดงเอง
เมื่ออารมณ์ความขุ่นมัวหมดไปอันนารินจึงหันมาสนใจกับหนังบ้างแล้วจู่ๆ ก็มีฉากวาบหวามขึ้นมาทำเอาใบหน้านวลแดงซ่าน ในฉากมันไม่ต่างกับหนังสดเมื่อครู่ที่เธอเห็นสักนิด อันนารินนั่งแข็งทื่อกับทั้งภาพและเสียงที่ดังกระหึ่ม
“อ๊า...ไนท์คะเร็วอีกค่ะ”
“อย่าเสียงดังสิเจน”
“อืมไนท์...เจนมะ..ไม่ไหว อ๊ะ อ๊า”
“ฮื้อ...”
เสียงครวญครางไม่ขาดสายที่ดังแว่วเข้ามาให้โสตประสาททำให้คนที่ปรับอารมณ์ได้แล้วกลับมาขุ่นมัวอีกครั้ง เมื่อกี้แค่ล้วง แต่นี่คงมากกว่าล้วงแล้วมั้ง เนี่ยเหรอนายสุดหล่อ เพื่อนสุดซี้ของเธอคงตาถั่วมอง คนหื่นกามมักมากไม่เลือกที่ว่าดูดี...นี่มันผู้ชายที่ดูยังไงก็อุบาทว์...อุบาทว์สิ้นดี
เส้นความอดทนขาดพึ่งลงทันที...ถ้าจับ จูบ ลูบ คลำ ไม่เท่าไร แต่ถ้ามากกว่านั้นเธอก็รับไม่ได้เหมือนกัน ร่างบางลุกพรวดอย่างเหลืออดจนรัชชานนท์ตกใจที่จู่ๆหญิงสาวก็ลุกขึ้นมา
“กลับกันเถอะคะพี่นนท์” สีหน้าบึ้งตึงและท่าทีของอันนารินทำให้รัชชานนท์คิดไปว่าหญิงสาวกำลังไม่พอใจที่เขาพาเธอมาดูหนังแนวนี้
รัชชานนท์ลุกขึ้นด้วยใบหน้าซีดๆใครจะไปรู้ว่าจะมีฉากถึงพริกถึงขิงขนาดนี้ทุกท้วงท่าและอารมณ์ เป็นเขาเขาก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน “เอ่อ...คือ”
ชายหนุ่มยังพูดไม่จบหญิงสาวก็เดินลิ่วๆออกไปเลยจนเขาวิ่งตามแทบไม่ทัน
“เห๊อะ...ถึงขั้นทนไม่ไหวจนไปหาที่ทำเลยสิ”รณวัฒน์ที่มองเห็นสาวไวไฟเดินนำหน้าแฟนไปอย่างรีบร้อนเอ่ยอย่างดูแคลน
“ห๊ะ...ไนท์ว่าอะไรนะ”เจนจิราที่ได้ยินเสียงบ่นพึมพำของชายหนุ่มหันมาถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก เรามาพากย์หนังกันต่อดีกว่ามา นั้นๆเริ่มเข้าที่แล้ว”
“ฮื้อ ซีด...แรงๆสิค่ะ โอว เจนไม่ไหวแล้ว” เจนจิราหันมาพากย์หนังต่อจนคนแอบหื่นยิ้มขำด้วยความตลก “เอ๊ะ...ไนท์อ่ะ อย่ามาขำสิ ดูหนังไปเลยไปเจนไม่เล่นแล้ว”
“ครับๆไม่เล่นแล้ว...ดูหนังต่อดีกว่า” รณวัฒน์ที่ชอบเล่นพิเรนทร์เอ่ยออกมาขำๆ แต่ก็ยังแอบคิดถึงคนบางคนที่หายลับไปกับแฟนเมื่อสักครู่... เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าพากันไปต่อที่ไหน
ความคิดเห็น