ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Jongin's Love Series (All Kai)

    ลำดับตอนที่ #4 : [Kriskai] Secret Letter 3/5

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 57


    THE ORA

    Secret Letter

     

    จดหมายฉบับที่หนึ่ง


                    “จงอิน ออกไปจดหมายให้แม่หน่อยซิลูก” เสียงของคุณแม่ยังสาวตะโกนบอกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนวัยสิบเก้าปีให้ออกไปเอาจดหมายที่คุณบุรุษไปรษณีย์จะเอามาส่งทุกวันอาทิตย์ ขาเรียววิ่งลงบันไดมาเสียงตึงตังจนคนเป็นแม่อดจะเอ็ดเล็กๆไม่ได้



                    จงอินเปิดตู้จดหมายที่ประดับไปด้วยเจ้าหมาตัวเล็กๆที่เขาชอบหนักหนา มือเรียวหยิบบรรดาจดหมายที่ถูกใส่ไว้ในตู้โดยฝีมือคุณไปรษณีย์ ขณะที่เดินเข้าบ้านจงอินก็เลื่อนดูจดหมายทีละฉบับว่าถูกส่งมาให้ใครในบ้านบ้าง



                    “มีของแม่บ้างไหม” คนเป็นแม่ถามเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาในบ้าน จงอินยื่นจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงพ่อและแม่ให้จนในมือเหลือแต่ซองจดหมายสีฟ้าอยู่ฉบับเดียว



                    “ของใครนะลูก”



                    “มันจ่าถึงผมนะครับแต่ชื่อคนส่งไม่เห็นมีเลย” จงอินบอกเมื่อเห็นหน้าซองจดหมาย



                    จงอินเดินขึ้นมาบนห้องตัวเองพร้อมกับจดหมายสีฟ้าฉบับนั้น ร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงก่อนจะลงมือแกะจดหมายปริศนาในมือ มือบางดึงกระดาษขนาดเอสี่ที่ถูกพับใส่มาข้างในซองจดหมายแล้วคลี่ออกตัวอักษรที่ถูกเขียนมาโดยคนส่งก็ปรากฏตรงหน้าจงอิน



                    ถึงคุณคิมจงอิน

    เพราะนี่เป็นจดหมายฉบับแรกผมถึงต้องใช้คำสุภาพกับคุณ หวังว่าคุณคงจะไม่ตกใจนะครับที่ได้รับจดหมายจากคนแปลกหน้า แต่ว่าผมอยากคุยกับคุณจริงๆนะครับ ผมอาจจะเข้าหาคนไม่ค่อยเก่งก็เลยต้องใช้วิธีนี้ จริงๆผมก็ไมได้อยู่ไกลจากคุณเท่าไหร่หรอกครับ อ่า พูดไรต่อดี เอาเป็นว่าหวังว่าคุณจงอินอ่านจดหมายนี้แล้วจะไม่คิดว่าผมเป็นโรคจิตก็พอแล้วละครับ

    ด้วยความห่วงใย



                    จงอินขมวดคิ้วพร้อมกับเกาหัวเบาๆ คนแบบไหนกันนะถึงได้ส่งจดหมายให้คนที่ไม่เคยเห็นน้ากันมาก่อน แต่จงอินก็เลือกที่จะเก็บจดหมายฉบับนั้นใส่ในลิ้นชักหัวเตียง เอาเถอะถึงมันจะแปลกไปหน่อยแต่รับไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร แล้วนี่ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นใครต้องเขียนส่งกลับไปไหมนะ?



                    “แม่ครับ มีกระดาษกับซองจดหมายบ้างไหม”



                    ‘ถึงคุณคนแปลกหน้าจงอินจรดลงปากกาลงบนกระดาษเป็นคำแรก



                    นั่นแหละจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด



                    เช้านี้เป็นเช้าวันจันทร์และจงอินเองก็มีเรียนถึงได้ต้องลุกขึ้นมาจากที่นอนทั้งที่ใจอยากจะนอนต่อจะตายไป เจ้าของร่างปล่อยให้ตัวเลื้อยลงไปกับโต๊ะม้าหินอ่อนข้างคณะพร้อมกับดวงตาที่ปรือปรอย ถ้าใครมาเห็นจงอินในสภาพนี้คงจะมองด้วยสายตาแปลกๆก็เป็นได้



                    “นอนเลยไหมละครับเพื่อน” คิมจงแดเอ่ยขึ้นอย่างปลงๆกับสภาพของเพื่อนตัวเอง



                    “ได้ก็ดีดิ”



                    “กูประชดครับ” จงแดพูดพร้อมกับมอบกำปั้นงามๆลงบนหัวของจงอิน นอกจากตอนที่เห็นของกิน เห็นหมาแล้วก็เต้นเนี่ย จะมีซักครั้งไหมที่คิมจงอินจะตื่นเต็มตา จงแดอยากจะถามออกไปเหลือเกินว่าไปอดหลับอดนอนมาจากไหน



                    “เออ แล้วเมื่อไหร่ไอ้รุ่นพี่นั่นจะมา” จงอินบ่น     


              

                    ถ้าไม่ใช่เพราะพี่รหัสอย่างจุนมยอนขอให้มาช่วยสอนเต้นที่เพื่อนพี่เขาซึ่งเต้นไม่เป็นแต่ดันเสร่อลงวิชานี้เพราะมันเป็นตัวสุดท้ายของการเรียนปีสี่ในรั้วมหาลัยและไม่มีวิชาไหนที่ให้ลงอีกแล้วในเทอมนี้จะไปลงเทอมหน้าก็ตารางเรียนแน่นเอี๊ยด จงอินที่ง่วงและคิดถึงเตียงจะแย่ถึงได้ต้องมานั่งรออยู่นี่ไง



                    จริงๆก็เคยเห็นหน้าตาของเพื่อนคนนี้ของพี่จุนมยอนอยู่เหมือนกันแต่ก็เห็นแค่ผ่านๆละนะ คบกันไปได้ยังไงจงอินละนึกว่ายักษ์กับคนแคระ สาบานซิว่าเขารักพี่รหัสเขาจริงๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนๆนั้นหน้าตาดีอย่างร้ายกาจเลยละ น่าอิจฉาชะมัด



                    “รอนานไหม” เสียงทุ้มที่มาผ่านกับเงาที่ดูจะสูงเกินไปทำให้จงอินถึงได้ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงดีๆ ยังไงก็รุ่นพี่ต้องให้เกียรติซักหน่อย



                    “ก็ไม่นานครับ แค่จงอินมันจะหลับได้” จงแดพูดขำๆ เขาค่อนข้างสนิทกับรุ่นพี่คนนี้มากกว่าจงอินเพราะเขาลงวิชาเลือกเป็นการแสดงที่รุ่นพี่คนนี้เรียนเป็นวิชาเอก ผิดกับอีกคนที่ไม่สนใจอะไรนอกจากการเต้น



                    “ฮ่าๆ ขอโทษนะเพิ่งจะขอตัวออกมาได้” ร่างสูงพูดอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้รุ่นน้องต้องมานั่งรอ



                    จงแดไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเป็นภาพชินตาเสมอที่จะเห็นรุ่นพี่คนนี้ล้อมหน้าล้อมหลังไปด้วยสาวๆกว่าจะออกมาได้ก็คงลำบากไม่น้อย



                    “แล้วพี่จะเริ่มเรียนเมื่อไหร่” จงอินถาม อยากกลับไปนอนจะแย่แล้วรู้ไหม



                    “พรุ่งนี้เลยก็ได้ครับน้องจงอิน” นั่น มารู้ชื่อเขาอีกต่างหาก ไม่เห็นแฟร์เลยเขายังไม่เห็นจะรู้ชื่อไอ้พี่ร่างสูงตรงหน้าเลย



                    “พี่ชื่อคริสครับ” อ่านใจคนออกรึไงกันนะ



     

     

     

     

     

     

     

    จดหมายฉบับที่สอง



                    ในที่สุดเช้าวันอาทิตย์ก็วนกลับมาอีกครั้ง เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซด์คุณไปรษณีย์ทำให้จงอินต้องออกมาเช็ดตู้จดหมายของบ้าน มีเพียงจดหมายสีฟ้าฉบับเดียวเท่านั้นที่ถูกส่งมาจ่าหน้าซองถึงคิมจงอินและยังไร้ชื่อคนส่งมาเหมือนเดิม



                    จงอินเดินขึ้นห้องพร้อมกับหยิบจดหมายที่ภายในออกมา คราวนี้ในซองมีพวงกุญแจเล็กๆรูปหมีสองตัวจับมือกันติดมาด้วย จงอินหยิบมันขึ้นมาก่อนจะตัดสินใจเดินไปหยิบกระเป๋าที่สะพายไปมหาลัยด้วยทุกวันที่มีห่วงห้อยอยู่แต่ตัวตุ๊กตาหลุดไปเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วเอาเจ้าพวงกุญแจที่ได้มาใหม่ห้อยลงไปแทน



                    ‘ถึงคุณคิมจงอิน

                    นี่ก็ฉบับที่สองแล้วนะครับ ผมดีใจมากเลยนะที่คุณจงอินตอบกลับจดหมายมาด้วย ผมไม่คิดเลยครับว่าจะได้รับจดหมายจากคุณด้วย แต่ผมคงตอบคำถามคุณไม่ได้หรอกนะครับที่ถามผมว่าผมชื่ออะไรเพราะผมตั้งใจว่าเมื่อถึงเวลาคุณจงอินจะรู้เองครับ ผมคิดว่าผมเจอคุณจงอินแล้วละครับแต่ผมไม่รู้ว่าคุณจงอินจะรู้ตัวหรือเปล่า เราขยับเข้ามาใกล้กันอีกนิดแล้วนะครับ คุณจงอินอาจจะอยากรู้เหตุผลว่าผมจะส่งจดหมายมาหาคุณจงอินทำไม อย่างที่ผมบอกครับผมเข้าหาคนก่อนไม่เก่งยิ่งเจอหน้ากันตรงๆแล้วละก็แต่ผมเขียนเก่งครับ (ผมคิดว่างั้นนะ) อาจจะผมอยากจะรู้จักคุณจงอินมากขึ้นมั้งครับถ้าผมว่าผมสนใจคุณจงอินจะแปลกหรือเปล่า (ยังยืนยันคำเดิมนะครับว่าผมไม่ได้โรคจิต) ผมคิดว่ามันยาวพอสมควรแล้วคุณจงอินน่าจะขี้เกียจอ่านแล้ว งั้นผมก็ขอจงที่ตรงนี้แล้วกันนะครับ หวังว่าจะได้รับจดหมายจากคุณจงอินอีกฉบับนะครับ

    จากคนไม่ใกล้ไม่ไกล'


     

                    จงอินค่อนข้างแปลกใจเพราะจดหมายฉบับนี้บอกว่าคนที่ส่งมันมาเคยเจอเข้าแล้วแต่เขาอาจจะไม่รู้ตัวนั่นทำให้เขาสงสัยซะจริงๆว่าเจ้าของจดหมายฉบับนี้เป็นใครกันแน่แล้วยิ่งคำลงท้ายนั่นอีกหรือว่าจะเป็นคนในมหาวิทยาลัยกันนะ



                    แต่คิดไปก็ปวดหัวซักวันมันก็ต้องรู้นั่นแหละเขาหวังว่าอย่างนั้นนะ มือเรียวเปิดลิ้นชักโต๊ะหนังสือออกมาก่อนจะหยิบปากกา กระดาษและซองจดหมายขึ้นมาวางบนโต๊ะ คนไม่ค่อยชอบเขียนหนังสือแล้วก็เกลียดการรอคอยอะไรนานๆอย่างจงอินถึงได้ยอมเขียนจดหมายตอบกลับคนที่แปลกๆที่ส่งจดหมายมาหากันนะก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน    


       

                    เย็นวันรุ่งขึ้นจงอินอยู่ในห้องซ้อมของคณะ ร่างโปร่งบางเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มเพื่อให้คล่องตัวในการเต้น ยืดร่างกายให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายแล้วจึงเดินไปเช็คเพลงที่ใช้ในวันนี้ เสียงเปิดประตูดึงความสนใจของจงอินไป



                    ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงแสลคสีดำ เรียบง่ายแต่ก็ดูดีจนน่ากลัว ในมือมีถุงสีหวานที่มีชื่อร้านเบอเกอรี่ตรงข้ามมหาวิทยาลัย ร่างสูงยกมือทักทายก่อนจะเดินไปที่มุมห้องแล้ววางถุงนั้นลงบนโต๊ะเตี้ยๆ



                    “ซ้อมเสร็จแล้วกินกันนะจงอิน” คนตัวสูงพูด



                    “ผมไม่ชอบกินของหวานครับ”



                    จงอินตอบปัดๆ จะว่าไงดีละระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านจะว่าสนิทไหมก็คงไม่แต่ก็ไมได้ห่างเหินอะไรเท่าตอนแรก แต่ด้วยจงอินอาจจะเป็นคนที่เข้าหาคนอื่นยากแถมยังไม่ค่อยพูดด้วยบรรยากาศมันก็เลยยังแปลกๆละมั้ง



                    “แต่จุนมยอนบอกพี่ว่าจงอินชอบเค้กร้านนี้” เกลียดพี่รหัสตัวเองจัง



                    “ก็ได้” คนตัวสูงยิ้มขำๆ ดูก็รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังทำตัวไม่ถูก เขาก็พอรู้มาจากจุนมยอนบ้างจงแดบ้างว่าจงอินค่อนข้างเข้าถึงตัวตนได้ยาก เป็นประเภทไม่ไว้ใจคนง่ายๆละมั้ง ส่วนเขาที่เข้าหาใครก่อนก็ไม่ค่อยเป็นแต่ด้วยความเป็นพี่นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยนะที่เข้าทำความรู้จักกับใครซักคนก่อน



                    การสอนรุ่นพี่ตัวสูงไม่ได้ยากเย็นอะไรมากมายแบบที่จงอินคิดไว้ ถึงจะไม่มีพื้นฐานการเต้นมาแต่คนคนนี้ก็ถือว่าหัวไวพอใช้ได้ ถึงการขยับตัวจะไม่ได้พลิ้วไหวแล้วก็คล่องตัวเท่าไหร่แต่ก็สามารถเต้นตามท่าเบสิคได้อย่างไม่ลำบาก



                    สอนเต้นอาทิตย์ละสามวันนั่นคือสิ่งที่จงอินสัญญากับจุนมยอนไว้ ถึงจะเสียเวลานอนไปบ้างแต่จงอินจะคิดซะว่าเป็นทบทวนและพิสูจน์ตัวเองว่าเขามีทักษะพอที่จะสอนคนอื่นเต้นได้



                    ร่างสูงของคริสทิ้งตัวลงบนพื้นก่อนจะนอนแผ่แบบไม่แคร์สายใคร ปกติที่ผ่านมาจงอินจะเน้นการเต้นแบบพื้นฐาน การขยับเคลื่อนไหวแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลองเต้นไปกับเพลงอย่างจริงๆจังๆ เพลงที่ใช้ไม่ได้เร็วมากหนักแต่ท่าที่เน้นการเคลื่อนไหวของร่างกายให้ผสานไปกับเพลงค่อนข้างทำให้คริสเหนื่อย จงอินคงจะรู้ว่าจุดอ่อนของเขาก็การเคลื่อนไหวร่างกายให้ลื่นไหลนี่แหละ



                    “ทำดีแล้วครับ แต่ว่ายังมีติดขัดบ้างในบางท่า อย่าลืมไปฝึกมานะครับ” จงอินในโหมดจริงจังคือสิ่งที่คริสเห็นเสมอเวลาที่เจ้าตัวเริ่มต้นการเป็นครูฝึกของเขา



                    คริสมองตามคนที่เดินไปหยิบเสื้อผ้าแล้วหายไปในห้องด้านหลังของห้องซ้อม จงอินเป็นคนเสน่ห์คริสให้คำจำกัดความแบบนั้น ตาคมเลื่อนไปมองเจ้าพวงกุญแจรูปหมีที่แขวนไว้ที่กระเป๋าของจงอินริมฝีปากยิ้มออกมาบางๆ ไม่ยักรู้ว่าจะชอบของแบบนี้



                    “ไม่ไปเปลี่ยนชุดหรอครับ” จงอินที่เปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้วถามร่างสูงที่ยังนั่งอยู่กับพื้นของซ้อม



                    “อ่อ จริงด้วย” คริสเดินไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเอง จงอินมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปแล้วส่ายหน้าเบาๆ ขาเรียวพาตัวเองไปหยุดที่หน้าถุงร้านขนมเค้ก นิ้วเรียวถูกยกขึ้นมากัดอย่างที่ทำเป็นประจำเวลาใช้ความคิด



                    “ถ้าเปิดดูจะเสียมารยาทไหมนะ” จงอินพูดกับตัวเองเบาๆ แต่ช่างเถอะยังไงรุ่นพี่นั้นก็ซื้อมาให้เรากินด้วยไม่ใช่หรอ คิดได้ดังนั้นจงอินก็เลยลองแหวกถูกออกดู ข้างในมีชอตเค้กสตอเบอรี่อยู่สองชิ้น



                    “รู้ได้ไงว่าเราชอบชอตเค้กสตอเบอรี่” จงอินพูดขึ้นมาลอยๆแต่ก็นึกขึ้นได้ว่ารุ่นพี่คนนั้นอาจจะไม่รู้แค่ซื้ออะไรก็ได้แต่ดันซื้อมาถูกใจเขาพอดี ว่าแต่แล้วทำไมจงอินต้องคิดเข้าข้างตัวเองว่าไอ้รุ่นพี่ตัวสูงนั้นจะรู้ว่าเขาชอบกินอะไรกันละ



                    “หิวแล้วหรอจงอิน” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นร่างโปร่งกำลังพิจารณาเค้กในถุงที่เขาซื้อมา



                    “เปล่า” คริสหัวเราะน้อยๆแต่ก็ไมได้ว่าอะไรจงอินเนี่ยปากแข็งกว่าที่คิดนะ ขายาวเดินไปหยิบถุงเค้กมาก่อนจะวางลงบนพื้นแล้วฉุดคนที่ยืนอยู่ให้นั่งลง มือใหญ่ยื่นช้อนพร้อมกับเค้กหนึ่งชิ้นให้กับคนตรงหน้าซึ่งจงอินก็รับมาโดยที่ไม่พูดอะไร



                    “จงอินชอบใช่ไหม” คริสถาม



                    “ชอบ ชอบอะไรครับ” จงอินตอบทั้งๆที่ยังมีเค้กอยู่เต็มปากนั่นแหละ เจ้าตัวกลืนเค้กลงไปแล้วจ้องหน้าคนถามคำถามอย่างงงๆ บางทีจงอินก็ทำตัวน่ารักเหมือนกันนะยิ่งเวลาที่ได้กินอะไรที่ตัวเองชอบแต่อะไรที่ไม่ชอบก็จะไม่แตะเลย อย่างวันนั้นที่เขาซื้อกาแฟมาฝากแต่จงอินก็ไม่แตะมันเลยแถมยังทำหน้าบึ้งอีกต่างหาก ค่อยมารู้ทีหลังว่าจงอินไม่ชอบกินกาแฟทุกประเภทนั่นแหละ



                    “เค้กไง ชอตเค้กสตอเบอรี่นะ”



                    “เปล่าซักหน่อย” เฮ้อ เด็กปากแข็งยังไงก็ยังปากแข็งซินะ



                    “ครับ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ แต่ก็กินจนเลอะปากเลย” คริสยื่นนิ้วโป้งไปปาดมุมปากของจงอินที่เลอะครีมสดจากเค้ก ส่วนคนโดนเช็ดก็ได้แต่ทำตาพริบๆอย่างตั้งตัวไม่ถูกจงอินก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงแต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นมาซะดื้อๆ



                    “ทำอะไรของพี่” หลังจากที่รวบรวมสติได้ถึงได้เอ่ยถามไป



                    “เช็ดปากให้ไงครับ”



                    “เช็ดวิธีอื่นก็ได้” คริสกลั้นหัวเราะ ถึงจงอินจะพูดเบาๆราวกับกำลังบ่นกับตัวเองแต่ห้องนี้มันเก็บเสียงแถมอยู่กันแค่สองคนเบายังไงก็ได้ยิน



                    จงอินก้มหน้าก้มตาสนใจแค่เค้กตรงหน้าเท่านั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่รุ่นพี่ตัวสูงคนนี้ทำเขารู้สึกแปลกๆ ที่จริงอาทิตย์ที่ผ่านมาจากคนที่ไม่ค่อยได้เจอหน้าจงอินรู้สึกว่าเขาเจอคนตัวสูงนี่บ่อยขึ้นทั้งที่มากับพี่รหัสเขาอย่างพี่ซูโฮหรือบังเอิญเจออะไรก็ตามแต่ แล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแปลกๆแบบนี้ จงอินก็เลยให้คำนิยมรุ่นพี่ตรงหน้านี่ว่าตัวอันตราย อันตรายกับหัวใจคิมจงอินเนี่ยแหละ




















     

    จดหมายฉบับที่สาม



                    “จงอินไปนั่งทำอะไรอยู่หน้าบ้านลูก” คุณแม่ยังสาวเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกชายตัวเองที่พอกินข้าวเช้าเสร็จไปออกไปนั่งที่ม้าหินในสวนหน้าบ้าน ปกติกินข้าวเสร็จเจ้าลูกตัวดีก็หายลับเข้าไปในห้องนั่นแหละเจอเจออีกทีก็ตอนกินข้าวโน่น



                    “รอจดหมายครับแม่” จงอินตอบ



                    รอจดหมายเนี่ยนะ แต่จะว่าไปอาทิตย์ที่ผ่านมาเจ้าจงอินก็ได้รบจดหมายสีฟ้าฉบับเดิมแถมหลังจากนั้นก็ยังเอาจักรยานออกไปปั่นเพื่อส่งจดหมายที่ตู่ไปรษณีย์อีกต่างหาก คุณแม่เองก็ยังแปลกใจเพราะจงอินที่ขี้เกียจยิ่งกว่าอะไรดีลงทุนเขียนจดหมายนี่ซิ อยากจะอยากรู้แล้วละว่าใครกันนะที่ทำให้ลูกชายของเธอลงทุนทำอะไรแบบนี้



                    “จดหมายมาส่งแล้วครับ” เสียงคุณไปรษณีย์ตะโกนบอกก่อนจะยัดซองจดหมายลงในตู้ที่ประตูรั้ว



                    จงอินเดินไปหยิบจดหมายในตู้แล้วเดินเข้าบ้าน ร่างโปร่งยื่นจดหมายของแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะเดินถือซองจดหมายสีฟ้าเพื่อขึ้นห้องอย่างอารมณ์ดี



                    “จดหมายใครนะ แม่ว่าจะถามหลายทีแล้ว” คนเป็นแม่ถาม



                    “ความลับครับ” จงอินถาม



                    “มีความลับกับแม่หรอ”



                    “เปล่าครับ ก็ความลับจริงๆ” คนที่ส่งมานะคงอยากจะให้เป็นความลับจริงๆถึงได้ไม่เขียนชื่อมาซินะ



                    ถึงจงอิน

                    ผมเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหมครับ จริงๆก็อยากเรียกคุณจงอินว่าจงอินเฉยๆมานานแล้วหวังว่าคงไม่รังเกียจนะครับ เฮ้อ ผมรู้สึกว่าตัวเองยิ่งชอบจงอินขึ้นทุกทีเลยครับทำยังไงดี ขอบคุณสำหรับจดหมายนะครับ เราขยับเข้ามาใกล้กันจนเหลือช่องว่างอีกแค่ไม่เท่าไหร่แล้วนะครับ ถ้าจะดีจงอินลองลดช่องว่างนั้นให้ผมทีซิครับผมทำคนเดียวมันก็เหนื่อยนะครับ ตอนนี้จงอินคงจะสงสัยแล้วใช่ไหมละครับว่าผมเป็นใครอีกไม่นาครับอีกไม่นานจริงๆ นี่ก็สองอาทิตย์แล้วใช่ไหมครับตั้งแต่จดหมายฉบับแรก ผมนะวนเวียนอยู่รอบๆตัวจงอินมาตั้งนานแต่จงอินไม่เห็นเองนะครับ จงอินลองมองดีๆซิครับอาจจะเจอผมก็ได้นะ

    จากคนข้างตัว(แต่จงอินไม่รู้)



                    จงอินชักจะเริ่มสงสัยแล้วละโดยเฉพาะคนลงท้ายนั่นคนข้างตัวแต่เขาไม่เห็นหรอมันก็มีอยู่คนเดียวแหละที่พักนี้ชอบมาอยู่รอบๆตัวแต่เขาก็มักจะทำเป็นมองไม่เห็น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ยิ่งเข้าใหญ่อาสามาส่งที่บ้านซะอย่างนั้น



                    คิดๆแล้วต้องโทษตัวเองที่ซุ่มซ่ามดันเดินสะดุดฟุตบาทจนข้อเท้าแพลงนั่นแหละถึงได้ต้องยอมให้รุ่นพี่ตัวสูงปั่นจักรยานพามาส่งที่บ้าน ด้วยความที่ง่วงมากและลมก็ตีผ่านหน้าเย็นสบายเกินไป รู้ตัวอีกทีคือตอนถึงบ้านโดนที่ตัวเองกำลังกอดเอวคนอายุมากกว่าเอาไว้พร้อมกับหน้าแนบไปกับแผ่นหลังกว้างนั้นเพื่อใช้พิงหลับนั่นแหละ อายชะมัดยาด แต่คงไม่ใช่หรอกมั้งจงอินภาวนาว่าคงจะไม่ใช่หรอก



                    เช้าวันจันทร์เป็นวันที่จงอินอยากจะผ่านมันไปเร็วๆ เจ้าของร่างโปร่งบางยืนพิงเสาใต้คณะขณะกำลังรอเพื่อนสนิทอย่างจงแดที่บอกว่าจะไปตามพี่ซูโฮ ที่จริงไม่มีอะไรมากหรอกเพียงแค่คิมจงแดผู้ซึ่งมีพี่ชายเป็นเจ้าของร้านอาหารอยากจะชวนเพื่อนไปกินร้านเปิดใหม่ที่อยู่ในซอยหมู่บ้านเดียวกับเขา จงอินเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าพี่ชายจงแดมาเปิดร้านแถวบ้านเขา



                    “รอนานไหม” รุ่นพี่ตัวขาวจนแทบจะเรืองแสงได้ที่พ่วงตำแหน่งของจงอินเดินลงมาจากบันไดตึกคณะก่อนจะสายตาจะเหลือบไปมองคนตัวสูงที่เดนตามลงมา อย่าบอกว่าไอ้คนตัวสูงนี่จะไปด้วย



                    “ไปกันเหอะ วันนี้พี่แดฮยอนเลี้ยง” จงแดพูดพร้อมกับกระโดดเข้ามาควงแขนจงอินไว้



                    “ไปรถพี่แล้วกันนะ” พี่ซูโฮบอก



                    “แล้วจักรยานผมละ” จงอินท้วง ถ้าไปรถพี่ซูโฮเขาจะเอาจักรยานกลับบ้านยังไงกันละแล้วเขาก็จะไม่ย้อนกลับมาเอาด้วย



                    “ถ้างั้น…..จงอินก็ไปกับจงแดแล้วกัน จงแดเขียนแผนที่ให้พี่ที” พี่ซูโฮบอกพร้อมกับยื่นกระดาษกับปากกาที่ล้วงมาจากในกระเป๋าให้จงแด



                    จงอินยืนรอเพื่อนเขียนแผนที่ร้านให้พี่ซูโฮ แต่จู่ๆก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องอยู่พอเงยหน้าไปมองก็เจอกับสายตาของรุ่นพี่ตัวสูงที่กำลังจ้องเขาอยู่ คนตัวเล็กกว่าถลึงตาใส่เป็นเชิงถามว่าจ้องทำไมแต่คนตัวสูงก็เพียงแค่ยิ้มมุมปากเล็กๆโดยที่ไม่ยอมละสายตาออกไปไหน จงอินก็เลยได้แค่หันไปมองทางอื่น คนบ้าอะไรมาจ้องคนอื่นเขาเขม็งแบบนั้นกัน ท่าจะบ้า



                    “จงอินกับพี่คริสเป็นไงบ้างอะ” จู่ๆจงแดที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานของจงอินก็ถามขึ้น จงอินแทบจะเบรกจักรยานหน้าทิ่มจนได้หมัดเล็กๆของจงแดทุบลงที่กลางหลัง



                    “เป็นไงนี่คือไรวะจงแด”



                    “ก็คิดว่าพี่เขาเป็นคนยังไง” จงแดขยายความ



                    “ตัวอันตราย” จงอินตอบไปตามที่คิด ก็รุ่นพี่คริสในความคิดจงอินมันคือตัวอันตรายจริงๆนี่นะ



                    “อันตรายยังไงวะ”



                    “เออ ช่างมันเถอะ” เรื่องอะไรจะบอกกัน เหอะ



                    ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงร้านอาหารพี่ชายของจงแด จงอินจอดจักรยานไว้ที่ข้างๆร้านก่อนจะเดินมาข้างหน้าก็เจอพี่ชายจงแดมายืนรอรับข้างหน้า จงอินทักทายพี่ชายเพื่อนก่อนที่พี่เขาจะให้จงแดพาเข้าไปข้างใน ร้านถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศสไตล์อิตาลีเพราะเมนูหลักของที่นี่ก็คืออาหารอิตาลี จงแดพาจงอินมาที่ห้องด้านในของร้านเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคนอายุมากกว่าทั้งสองคนนั่งรออยู่แล้ว



                    “ช้าจัง” ลู่หานพูด



                    “บ่น พวกผมปั่นจักรยานมานะครับคุณพี่รหัส” จงอินตอบก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆพี่รหัสแต่ก็ต้องเหวอเพราะคิมจงแดที่วิ่งมาจากไหนไม่รู้ดันนั่งลงซะก่อน จงอินเบ้ปากก่อนจะหันไปมองเก้าอี้ว่างข้างๆรุ่นพี่ตัวสูงอีกคน ร่างโปร่งฮึดฮัดเล็กๆแต่ก็ต้องยอมไปนั่งแต่โดยดีก็เลยไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ของพี่รหัสกับเพื่อนสนิทของตัวเอง



                    “ตามสบายเลยนะ มื้อนี้มีคนเลี้ยง ฮ่าๆ” จงแดพูดพร้อมกับลงมือตักอาหารจากโต๊ะมาทานทันที คนอื่นที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มลงมือกิน รสชาติอาหารถือว่าอร่อยสมราคาคุยที่จงแดพูดก่อนที่อาหารจะมาเสิร์ฟนั่นแหละ



                    “จงอินสอนเพื่อนพี่เป็นไงบ้าง” ลู่หานเอ่ยถามน้องรหัส วันนี้ทำไมมีแต่คนถามเขาเกี่ยวกับเรื่องได้พี่คริสจังวะ จงอินได้แต่คิดในใจ



                    “ก็ดีครับ” จงอินตอบสั้นๆ



                    “เพื่อนพี่มันก็หล่อใช้ได้นะ นิสัยก็ดี” ลู่หานพูดขึ้นมาลอยๆ



                    “พี่กำลังคิดจะทำอะไร” จงอินพูดขัด ลู่หานก็เลยปฏิเสธซะเสียงสูงว่าไม่ได้คิดจะทำอะไรแต่ใครจะไปเชื่อ จงอินเหลือบมองคนตัวสูงข้างๆก็เห็นว่ากำลังกลั้นขำอยู่จงอินก็ใช้ขาตัวเองเตะไปหน้าแข้งของคนข้างตัวแรงๆหนึ่งที



                    หน้าตาของคนเป็นพี่แหยลงด้วยความเจ็บแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ จงอินก้มลงกินอาหารต่อทั้งทีขำแทบตาย ช่วยไม่ได้มาขำเขาก่อนทำไมละ



                    ใช้เวลาซักพักอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะก็อันตรธานหายเข้าไปกระเพาะของผู้ชายทั้งสี่คนในห้อง ตอนนี้ขอบอกว่าอิ่มจนแทบไม่อยากจะลุกไปไหน แต่บรรยากาศอึมครึมที่มองเห็นผ่านจากกระจกทำให้ทุกคนต้องรีบออกมาจากร้าน หลังจากล่ำลาและขอบคุณพี่ชายของจงแดเรียบร้อยก็ถึงเวลากลับบ้าน



                    “รีบกลับเถอะ ฝนทำท่าจะตกแล้ว” ลู่หานเอ่ย



                    “งั้นผมกลับกับพี่ลู่หานนะ” จงแดบอกเพราะทางกลับบ้านของเขากับลู่หานเป็นทางผ่านพอดี และอีกอย่างคือข้อความที่ถูกส่งมาจากพี่รหัสของเพื่อนสนิททำให้จงแดต้องขอติดรถพี่รหัสเพื่อนกลับ



                    “แล้วมึงอะคริส” ลู่หานถามเพื่อนตัวเอง



                    “กูเดินกลับได้เดินไปอีกแค่ 2 บล็อกเอง” คริสตอบ



                    “เออ งั้นมึงก็ไปส่งน้องกูก่อนแล้วค่อยกลับ” ลู่หานบอก



                    “เห้ย ผมกลับคนเดียวได้” จงอินท้วง



                    “ส่งให้ถึงบ้านนะครับพี่คริส” จงแดพูดพร้อมกับฉีกยิ้มแล้วก็ลากพี่รหัสจงอินเดนจากไปต่อหน้าต่อตา จงอินได้แต่ค้างกลางอากาศ ให้ตายเถอะ นี่เพื่อนเขากับพี่รหัสกำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่เนี่ย



                    “จักรยานอยู่ไหน” คริสหันมาถามคนเด็กกว่า



                    “ผมกลับเองได้”



                    “แต่ลู่หานมันบอกว่าให้ไปส่ง” คริสแย้ง



                    “ก็เรื่องของพี่เขา”



                    “งั้นพี่โทรหาไอ้ลู่ตอนนี้เลยนะ” คริสทำท่าล้วงโทรศัพท์เพื่อต่อสายหาเพื่อนสนิท



                    “เออ ก็ได้” ยอมให้ไอ้พี่บ้านี่ไปส่งดีกว่าโดนพี่ลู่หานดุละวะ เห็นหน้าตาหวานๆแบบนั้นใครจะคิดละว่าเจ้าตัวจะโหดเหนือมนุษย์มนาแบบนั้น จำได้ว่าเคยขัดคำสั่งพี่ลู่หานอยู่ครั้งหนึ่งจงอินจำได้จนวันตายเลยว่าความโหดของลู่หานมันน่าสยองแค่ไหน



                    สุดท้ายจงอินก็เลยต้องมาซ้อนท้ายจักรยานของตัวเองที่มีรุ่นพี่ตัวสูงอย่างคริสปั่นให้ คิดแล้วก็รู้สึกตัวเองเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มชะมัดนั่งซ้อนจักรยานที่มีรุ่นพี่สุดหล่อเป็นคนปั่นให้ แหวะ



                    “จงอิน” จู่ๆ คนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีก็เอ่ยเรียก



                    “อะไรครับ”



                    “จงอินไม่ชอบหน้าพี่หรอ” คริสถามตรงๆ



                    “ใครบอก”



                    “ก็จงอินชอบทำเป็นไม่พอใจนี่”



                    “เปล่าซะหน่อย”



                    เอาละมาทำความเข้าใจไหม ข้อแรกจงอินไม่ได้ไม่ชอบหน้าคริส ข้อสองจงอินไม่ได้เกลียดด้วย ข้อสามก็คือจงอินเองก็อยากจะทำตัวดีๆแบบที่ทำลู่หานนั่นแหละแต่เพราะมีข้อสี่ซึ่งสำคัญมากคือจงอินจะใจเต้นทุกครั้งที่คริสทำดีด้วย นั่นแหละเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่อยากอยู่ใกล้ๆอีกคนไงละ



                    “โอ๊ะ ฝนตกแล้ว” คริสอุทานเมื่อรู้สึกถึงหยดน้ำที่ตกลงมา



                    “รีบๆปั่นซิ”



                    จงอินเร่ง….แต่ถึงจะเป็นยังนั้นเมื่อมาจาดที่หน้าบ้านจงอินผู้ชายสองคนบนจักรยานหนึ่งคันก็เปียกปอนไปหมด จงอินไม่เคยรู้สึกเกลียดฝนอะไรเท่าวันนี้มาก่อนเลย จะตกไม่ว่าแต่ทำไมต้องมาต้องในวันที่เขาลืมพกร่มกันด้วยไม่เข้าใจจริงๆเลย



                    “เข้าบ้านแล้วอาบน้ำเลยนะจงอินเดี๋ยวไม่สบาย” คริสเอ่ยบอกพร้อมกับเอาจักรยานไปเก็บให้คนเด็กกว่าและเตรียมจะเดินกลับบ้าน ไหนๆก็เปียกแล้วคงจะช่วยอะไรไม่ได้



                    จงอินมองร่างสูงที่เปียกไปหมด ผมสีทองที่เคยเซ็ทมาอย่างดีลู่ลงแนบไปกับใบหน้าเสื้อเชิ้ตที่เจ้าตัวชอบใส่ก็เปียกขนแนบไปกับร่างของอีกคน จงอินหยุดคิกซักครู่ก่อนจะเอ่ยคำถามที่ทำให้คริสยิ้มออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก



                    “เข้ามาก่อนไหม?? จะกลับบ้านสภาพนั่นเนี่ยนะ”



                    ร่างสูงสำรวจบ้านหลังขนาดกลางของครอบครัวคิมที่ดูอบอุ่นอย่างน่าเหลือเชื่อ รูปถ่ายครอบครัวขนาดพอดีถูกแขวนไว้ที่ผนังห้องนั่งเล่น ตอนนั้นจงอินน่าจะยังอยู่ชั้นมัธยมต้นอยู่เลย รูปเดี่ยวเจ้าตัวในกรอบไม้สีน้ำตาลเข้มถูกวางอยู่บนชั้นวางทีวีรวมกับรูปของคุณพ่อคุณแม่



                    “นี่ ผ้าขนหนูส่วนเสื้อผ้าก็ใส่ของคุณพ่อไปก่อนแล้วกันทำไมถึงได้เกิดมาตัวใหญ่นักนะ” จงอินเดินลงบันไดมาพร้อมกับบ่นงึมงำจนแทบจับใจความไม่ได้



                    “ขอบคุณครับ” คริสรับของมาจากคนตัวเล็กกว่า



                    “ห้องน้ำอยู่ชั้นบนอะ ขึ้นไปเลี้ยวซ้ายห้องแรกเลย” จงอินบอก



                    “แล้วจงอินละ ต้องอาบน้ำนะเดี๋ยวไม่สบาย”



                    “รู้แล้วละน้า เดี๋ยวไปอาบห้องคุณพ่อคุณแม่” จงอินตอบก่อนจะพาร่างเปียกๆของตัวเองขึ้นไปข้างบน คริสเห็นแบบนั้นก็เลยเดินตามขึ้นไป



                    มือหนาบิดลูกบิดประตูเข้าไปในห้องที่เจ้าของบ้านบอก ห้องเด็กผู้ชายเรียบๆที่มีผนังห้องเป็นสีขาวแต่ของประดับในห้องเป็นสีฟ้า เจ้าหมีตัวใหญ่ที่อยู่มุมห้องกับตุ๊กตาหมาบนที่นอน บนชั้นวางของมีการ์ตูนหลากหลายสไตล์วางอยู่รวมถึงพวกหุ่นยนต์โมเดลวางเป็นระเบียบ โต๊ะเขียนหนังสือที่ดูจะรกนิดๆแต่ก็ไม่ถึงกับน่าเกลียดแต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาคริสมากกว่าสิ่งไหนก็คือซองจดหมายสีฟ้าที่โผล่พ้นสมุดโน้ตออกมา คริสยิ้มเบาๆก่อนจะพาตัวเองเดินไปเข้าห้องน้ำ



                    ใช้เวลาไม่นานนักรร่างสูงก็อยู่ในชุดยืดของคุณพ่อจงอินรวมทั้งกางเกงยางยืดขาสามส่วน ส่วนเสื้อผ้าที่เปียกคริสก็จัดการเอาไปตากไว้ที่ราวแขวนผ้าที่ระเบียงของห้องจงอินเพราะเห็นว่าฝนเปลี่ยนจากหนักมาเป็นตกปรอยๆแล้ว



                    “เดี๋ยวฝนก็หยุดแล้ว” จงอินพูดเมื่อเห็นรุ่นพี่ตัวสูงเดินลงมาจากชั้นบน



                    “ทำไมไม่เช็ดผม” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นหัวเปียกๆของจงอิน ในขณะที่เจ้าตัวเอาแต่สนใจการ์ตูนในโทรทัศน์รวมถึงมือที่หยิบขนมเข้าปากไม่หยุด



                    “ขี้เกียจอะ เดี๋ยวก็แห้ง” คนเด็กกว่าตอบกลับมาง่ายๆ ปกติจงอินก็เช็ดมันแบบลวกๆแล้วก็รอให้มันแห้งเองตลอด



                    คริสที่เห็นแบบนั้นส่ายหัวเบาๆก่อนจะเหลือบไปเห็นผ้าขนหนูผืนเล็กที่เจ้าตัวคงจะเอาติดลงมาด้วย มือหนาคว้าผ้าขนหนูมาไว้ในมือก่อนจะเดินไปหาคนที่กำลังนั่งดูทีวีสบายใจแล้วจับตัวอีกคนให้หันไปด้านข้างของโซฟา



                    “เห้ย จะดู” คนตัวเล็กกว่าโวยวายทันที



                    “ต้องเช็ดผมให้แห้งก่อน” คริสแย้ง



                    “แต่จะดูการ์ตูนอะ” หน้าที่ปกติมึนๆกำลังบึ้งอย่างเห็นได้ชัด คริสชั่งใจสักครู่ก่อนจับอีกคนให้หันหน้าให้ทีวีเหมือนเดิมก่อนจะตัวเองจะเดินไปที่ข้างหลังโซฟาแล้วขึ้นไปนั่งบนพนักพิง ทำไงได้ก็เจ้าตัวไม่ยอมนั่งดีๆให้เช็ดนี่หน่า



                    “ทำไรเนี่ย” จงอินถามขึ้นมาอีกรอบเมื่อถูกดึงให้นั่งดีๆโดยมีอีกคนนั่งอยู่ข้างบนหัว



                    “เช็ดผมไงเดี๋ยวไม่สบาย” คริสวางมือลงบนหัวของอีกฝ่ายก่อนจะออกแรงขยี้เบาๆ ตอนแรกจงอินก็ว่าจะเบี่ยงตัวหลบอยู่หรอกแต่ไปๆมาๆมันก็สบายดีเหมือนกันนะ ไหนๆก็สบายไม่ต้องเช็ดเองแล้วเจ้าตัวก็เลยหันไปสนใจการ์ตูนตรงหน้าต่อ



                    แต่ไม่นานเปลือกตาสีน้ำผึ้งก็เริ่มจะปิดลงก็ใครใช้ไอ้รุ่นพี่ตัวสูงนี่เช็ดซะเบามือขนาดนั้นนี่ก็จะเคลิ้มหลับไปหลายรอบแล้วเหมือนกนยิ่งบรรยากาศหลังฝนตกแบบนี้ยิ่งช่วยทำให้ง่วงนอนเข้าไปอีก เปลือกตาของจงอินๆค่อยหรี่ลงจนกระทั่งหลับในที่สุด



                    “จงอิน จงอิน” คริสเอ่ยเรียกคนที่เงียบไปพักใหญ่แถมยังคอตกอีกต่างหาก



                    คริสลงมาจากโซฟาเพื่ออ้อมมาดูคนที่นั่งเงียบอยู่ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายหลับไปแล้วเรียบร้อย คนตัวสูงมองออกไปข้างนอกก็เห็นว่าฝนหยุดตกแล้วเลยลงมือสะกิดเจ้าของบ้านเบาๆแต่ก็ไร้การตอบรับใดๆกลับมา



                    “จงอิน พี่จะกลับแล้วนะ” คริสพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆ



                    เจ้าของชื่อไม่ตอบอะไรกลับมาแต่กลับทำหัวโงนเงนไปมาก่อนจะตกลงที่ไหล่ของคนตัวสูงกว่า คริสนั่งตัวเกร็งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด คนที่โดนใช้ไหล่แทนที่นอนค่อยๆเหลือบไปมองข้างๆก็เห็นแต่กลุ่มผมนิ่มเท่านั้น



                    “จงอิน” ลองเรียกดูอีกครั้งแต่ก็ไร้สัญญาณตอบรับ ก็ท่าจะหลับลึกขนาดนี้



                    คริสเลยตัดสินใจค่อยๆจับคนตัวเล็กกว่าให้นอนบนโซฟาดีๆพอเห็นว่าจงอินขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหาที่สบายๆเรียบร้อยคริสก็แอบขออนุญาตในใจขึ้นไปเอาผ้าห่มบนห้องอีกฝ่ายลงมาด้วย อากาศเย็นๆหลังฝนตกก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายไม่สบายได้



                    “เวลาหลับก็น่ารักดีนะเนี่ย” คริสพูดออกมาเบาๆก่อนจะยื่นมือไปลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ



                    “อือ” เสียงครางดังออกมาก่อนเจ้าตัวจะพลิกตัวเพื่อหลบคนที่กวน



                    คริสเอากระดาษโพสอิทสีเหลืองที่เอาติดมือลงมาด้วยติดไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะหันมาจับผ้าห่มที่ร่นลงมาเพราอีกฝ่ายขยับตัวเมื่อครู่ให้เข้าที่ ฝนก็หยุดตกแล้วและจงอินเองก็คงยังไม่อยากให้ปลุกตอนนี้ คริสเยได้แต่กลับบ้านไปอย่างเงียบๆโดยไม่ลืมล็อกประตูจากข้างในให้เจ้าของบ้านด้วย ถึงจะเป็นผู้ชายแต่อยู่คนเดียวก็คงจะไม่ปลอดภัยซักเท่าไหร่หรอกจริงไหม

     

    ..............................................................................................
    จะบอกว่ายังไม่จบอะ 55555555555555
    คือแน่ใจนะว่ามันคือ OS คือมันเรื่องนี้ยาวมากนะ
    ต้องขอโทษด้วยที่มาต่อได้แค่นี้แล้วก็ช้ามากด้วย
    แต่เราติดภารกิจจริงๆ ปีนี้เราขึ้นปีสองแล้ว
    กำลังเตรียมตัวเรื่องรับน้อง ถ้าใครเคยทำจะรู้ว่ามันสาหัส 5555
    จะพยายามมาต่อให้จบนะคะ
    อ้อ แล้วก็ตัวเลขที่ชื่อเรื่องรู้แล้วใช่ไหมว่ามันไม่เปอร์เซนต์เรื่องนะ อิอิ
    ช่วยกันเม้นต์ช่วยกันติดแท๊กด้วยนะ เลิฟ ><


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×