คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [Kriskai] Secret Letter 3/5
“จงอิน ออกไปจดหมายให้แม่หน่อยซิลูก” เสียงของคุณแม่ยังสาวตะโกนบอกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนวัยสิบเก้าปีให้ออกไปเอาจดหมายที่คุณบุรุษไปรษณีย์จะเอามาส่งทุกวันอาทิตย์ ขาเรียววิ่งลงบันไดมาเสียงตึงตังจนคนเป็นแม่อดจะเอ็ดเล็กๆไม่ได้
จงอินเปิดตู้จดหมายที่ประดับไปด้วยเจ้าหมาตัวเล็กๆที่เขาชอบหนักหนา มือเรียวหยิบบรรดาจดหมายที่ถูกใส่ไว้ในตู้โดยฝีมือคุณไปรษณีย์ ขณะที่เดินเข้าบ้านจงอินก็เลื่อนดูจดหมายทีละฉบับว่าถูกส่งมาให้ใครในบ้านบ้าง
“มีของแม่บ้างไหม” คนเป็นแม่ถามเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาในบ้าน จงอินยื่นจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงพ่อและแม่ให้จนในมือเหลือแต่ซองจดหมายสีฟ้าอยู่ฉบับเดียว
“มันจ่าถึงผมนะครับแต่ชื่อคนส่งไม่เห็นมีเลย” จงอินบอกเมื่อเห็นหน้าซองจดหมาย
จงอินเดินขึ้นมาบนห้องตัวเองพร้อมกับจดหมายสีฟ้าฉบับนั้น ร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงก่อนจะลงมือแกะจดหมายปริศนาในมือ มือบางดึงกระดาษขนาดเอสี่ที่ถูกพับใส่มาข้างในซองจดหมายแล้วคลี่ออกตัวอักษรที่ถูกเขียนมาโดยคนส่งก็ปรากฏตรงหน้าจงอิน
เพราะนี่เป็นจดหมายฉบับแรกผมถึงต้องใช้คำสุภาพกับคุณ หวังว่าคุณคงจะไม่ตกใจนะครับที่ได้รับจดหมายจากคนแปลกหน้า แต่ว่าผมอยากคุยกับคุณจริงๆนะครับ ผมอาจจะเข้าหาคนไม่ค่อยเก่งก็เลยต้องใช้วิธีนี้ จริงๆผมก็ไมได้อยู่ไกลจากคุณเท่าไหร่หรอกครับ อ่า พูดไรต่อดี เอาเป็นว่าหวังว่าคุณจงอินอ่านจดหมายนี้แล้วจะไม่คิดว่าผมเป็นโรคจิตก็พอแล้วละครับ
จงอินขมวดคิ้วพร้อมกับเกาหัวเบาๆ คนแบบไหนกันนะถึงได้ส่งจดหมายให้คนที่ไม่เคยเห็นน้ากันมาก่อน แต่จงอินก็เลือกที่จะเก็บจดหมายฉบับนั้นใส่ในลิ้นชักหัวเตียง เอาเถอะถึงมันจะแปลกไปหน่อยแต่รับไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร แล้วนี่ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นใครต้องเขียนส่งกลับไปไหมนะ?
“แม่ครับ มีกระดาษกับซองจดหมายบ้างไหม”
‘ถึงคุณคนแปลกหน้า’ จงอินจรดลงปากกาลงบนกระดาษเป็นคำแรก
นั่นแหละจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
เช้านี้เป็นเช้าวันจันทร์และจงอินเองก็มีเรียนถึงได้ต้องลุกขึ้นมาจากที่นอนทั้งที่ใจอยากจะนอนต่อจะตายไป เจ้าของร่างปล่อยให้ตัวเลื้อยลงไปกับโต๊ะม้าหินอ่อนข้างคณะพร้อมกับดวงตาที่ปรือปรอย ถ้าใครมาเห็นจงอินในสภาพนี้คงจะมองด้วยสายตาแปลกๆก็เป็นได้
“นอนเลยไหมละครับเพื่อน” คิมจงแดเอ่ยขึ้นอย่างปลงๆกับสภาพของเพื่อนตัวเอง
“กูประชดครับ” จงแดพูดพร้อมกับมอบกำปั้นงามๆลงบนหัวของจงอิน นอกจากตอนที่เห็นของกิน เห็นหมาแล้วก็เต้นเนี่ย จะมีซักครั้งไหมที่คิมจงอินจะตื่นเต็มตา จงแดอยากจะถามออกไปเหลือเกินว่าไปอดหลับอดนอนมาจากไหน
“เออ แล้วเมื่อไหร่ไอ้รุ่นพี่นั่นจะมา” จงอินบ่น
ถ้าไม่ใช่เพราะพี่รหัสอย่างจุนมยอนขอให้มาช่วยสอนเต้นที่เพื่อนพี่เขาซึ่งเต้นไม่เป็นแต่ดันเสร่อลงวิชานี้เพราะมันเป็นตัวสุดท้ายของการเรียนปีสี่ในรั้วมหาลัยและไม่มีวิชาไหนที่ให้ลงอีกแล้วในเทอมนี้จะไปลงเทอมหน้าก็ตารางเรียนแน่นเอี๊ยด จงอินที่ง่วงและคิดถึงเตียงจะแย่ถึงได้ต้องมานั่งรออยู่นี่ไง
จริงๆก็เคยเห็นหน้าตาของเพื่อนคนนี้ของพี่จุนมยอนอยู่เหมือนกันแต่ก็เห็นแค่ผ่านๆละนะ คบกันไปได้ยังไงจงอินละนึกว่ายักษ์กับคนแคระ สาบานซิว่าเขารักพี่รหัสเขาจริงๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนๆนั้นหน้าตาดีอย่างร้ายกาจเลยละ น่าอิจฉาชะมัด
“รอนานไหม” เสียงทุ้มที่มาผ่านกับเงาที่ดูจะสูงเกินไปทำให้จงอินถึงได้ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงดีๆ ยังไงก็รุ่นพี่ต้องให้เกียรติซักหน่อย
“ก็ไม่นานครับ แค่จงอินมันจะหลับได้” จงแดพูดขำๆ เขาค่อนข้างสนิทกับรุ่นพี่คนนี้มากกว่าจงอินเพราะเขาลงวิชาเลือกเป็นการแสดงที่รุ่นพี่คนนี้เรียนเป็นวิชาเอก ผิดกับอีกคนที่ไม่สนใจอะไรนอกจากการเต้น
“ฮ่าๆ ขอโทษนะเพิ่งจะขอตัวออกมาได้” ร่างสูงพูดอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้รุ่นน้องต้องมานั่งรอ
จงแดไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเป็นภาพชินตาเสมอที่จะเห็นรุ่นพี่คนนี้ล้อมหน้าล้อมหลังไปด้วยสาวๆกว่าจะออกมาได้ก็คงลำบากไม่น้อย
“แล้วพี่จะเริ่มเรียนเมื่อไหร่” จงอินถาม อยากกลับไปนอนจะแย่แล้วรู้ไหม
“พรุ่งนี้เลยก็ได้ครับน้องจงอิน” นั่น มารู้ชื่อเขาอีกต่างหาก ไม่เห็นแฟร์เลยเขายังไม่เห็นจะรู้ชื่อไอ้พี่ร่างสูงตรงหน้าเลย
“พี่ชื่อคริสครับ” อ่านใจคนออกรึไงกันนะ
ในที่สุดเช้าวันอาทิตย์ก็วนกลับมาอีกครั้ง เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซด์คุณไปรษณีย์ทำให้จงอินต้องออกมาเช็ดตู้จดหมายของบ้าน มีเพียงจดหมายสีฟ้าฉบับเดียวเท่านั้นที่ถูกส่งมาจ่าหน้าซองถึงคิมจงอินและยังไร้ชื่อคนส่งมาเหมือนเดิม
จงอินเดินขึ้นห้องพร้อมกับหยิบจดหมายที่ภายในออกมา คราวนี้ในซองมีพวงกุญแจเล็กๆรูปหมีสองตัวจับมือกันติดมาด้วย จงอินหยิบมันขึ้นมาก่อนจะตัดสินใจเดินไปหยิบกระเป๋าที่สะพายไปมหาลัยด้วยทุกวันที่มีห่วงห้อยอยู่แต่ตัวตุ๊กตาหลุดไปเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วเอาเจ้าพวงกุญแจที่ได้มาใหม่ห้อยลงไปแทน
นี่ก็ฉบับที่สองแล้วนะครับ ผมดีใจมากเลยนะที่คุณจงอินตอบกลับจดหมายมาด้วย ผมไม่คิดเลยครับว่าจะได้รับจดหมายจากคุณด้วย แต่ผมคงตอบคำถามคุณไม่ได้หรอกนะครับที่ถามผมว่าผมชื่ออะไรเพราะผมตั้งใจว่าเมื่อถึงเวลาคุณจงอินจะรู้เองครับ ผมคิดว่าผมเจอคุณจงอินแล้วละครับแต่ผมไม่รู้ว่าคุณจงอินจะรู้ตัวหรือเปล่า เราขยับเข้ามาใกล้กันอีกนิดแล้วนะครับ คุณจงอินอาจจะอยากรู้เหตุผลว่าผมจะส่งจดหมายมาหาคุณจงอินทำไม อย่างที่ผมบอกครับผมเข้าหาคนก่อนไม่เก่งยิ่งเจอหน้ากันตรงๆแล้วละก็แต่ผมเขียนเก่งครับ (ผมคิดว่างั้นนะ) อาจจะผมอยากจะรู้จักคุณจงอินมากขึ้นมั้งครับถ้าผมว่าผมสนใจคุณจงอินจะแปลกหรือเปล่า (ยังยืนยันคำเดิมนะครับว่าผมไม่ได้โรคจิต) ผมคิดว่ามันยาวพอสมควรแล้วคุณจงอินน่าจะขี้เกียจอ่านแล้ว งั้นผมก็ขอจงที่ตรงนี้แล้วกันนะครับ หวังว่าจะได้รับจดหมายจากคุณจงอินอีกฉบับนะครับ
จากคนไม่ใกล้ไม่ไกล'
จงอินค่อนข้างแปลกใจเพราะจดหมายฉบับนี้บอกว่าคนที่ส่งมันมาเคยเจอเข้าแล้วแต่เขาอาจจะไม่รู้ตัวนั่นทำให้เขาสงสัยซะจริงๆว่าเจ้าของจดหมายฉบับนี้เป็นใครกันแน่แล้วยิ่งคำลงท้ายนั่นอีกหรือว่าจะเป็นคนในมหาวิทยาลัยกันนะ
แต่คิดไปก็ปวดหัวซักวันมันก็ต้องรู้นั่นแหละเขาหวังว่าอย่างนั้นนะ มือเรียวเปิดลิ้นชักโต๊ะหนังสือออกมาก่อนจะหยิบปากกา กระดาษและซองจดหมายขึ้นมาวางบนโต๊ะ คนไม่ค่อยชอบเขียนหนังสือแล้วก็เกลียดการรอคอยอะไรนานๆอย่างจงอินถึงได้ยอมเขียนจดหมายตอบกลับคนที่แปลกๆที่ส่งจดหมายมาหากันนะก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
เย็นวันรุ่งขึ้นจงอินอยู่ในห้องซ้อมของคณะ ร่างโปร่งบางเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มเพื่อให้คล่องตัวในการเต้น ยืดร่างกายให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายแล้วจึงเดินไปเช็คเพลงที่ใช้ในวันนี้ เสียงเปิดประตูดึงความสนใจของจงอินไป
ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงแสลคสีดำ เรียบง่ายแต่ก็ดูดีจนน่ากลัว ในมือมีถุงสีหวานที่มีชื่อร้านเบอเกอรี่ตรงข้ามมหาวิทยาลัย ร่างสูงยกมือทักทายก่อนจะเดินไปที่มุมห้องแล้ววางถุงนั้นลงบนโต๊ะเตี้ยๆ
“ซ้อมเสร็จแล้วกินกันนะจงอิน” คนตัวสูงพูด
จงอินตอบปัดๆ จะว่าไงดีละระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านจะว่าสนิทไหมก็คงไม่แต่ก็ไมได้ห่างเหินอะไรเท่าตอนแรก แต่ด้วยจงอินอาจจะเป็นคนที่เข้าหาคนอื่นยากแถมยังไม่ค่อยพูดด้วยบรรยากาศมันก็เลยยังแปลกๆละมั้ง
“แต่จุนมยอนบอกพี่ว่าจงอินชอบเค้กร้านนี้” เกลียดพี่รหัสตัวเองจัง
“ก็ได้” คนตัวสูงยิ้มขำๆ ดูก็รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังทำตัวไม่ถูก เขาก็พอรู้มาจากจุนมยอนบ้างจงแดบ้างว่าจงอินค่อนข้างเข้าถึงตัวตนได้ยาก เป็นประเภทไม่ไว้ใจคนง่ายๆละมั้ง ส่วนเขาที่เข้าหาใครก่อนก็ไม่ค่อยเป็นแต่ด้วยความเป็นพี่นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยนะที่เข้าทำความรู้จักกับใครซักคนก่อน
การสอนรุ่นพี่ตัวสูงไม่ได้ยากเย็นอะไรมากมายแบบที่จงอินคิดไว้ ถึงจะไม่มีพื้นฐานการเต้นมาแต่คนคนนี้ก็ถือว่าหัวไวพอใช้ได้ ถึงการขยับตัวจะไม่ได้พลิ้วไหวแล้วก็คล่องตัวเท่าไหร่แต่ก็สามารถเต้นตามท่าเบสิคได้อย่างไม่ลำบาก
สอนเต้นอาทิตย์ละสามวันนั่นคือสิ่งที่จงอินสัญญากับจุนมยอนไว้ ถึงจะเสียเวลานอนไปบ้างแต่จงอินจะคิดซะว่าเป็นทบทวนและพิสูจน์ตัวเองว่าเขามีทักษะพอที่จะสอนคนอื่นเต้นได้
ร่างสูงของคริสทิ้งตัวลงบนพื้นก่อนจะนอนแผ่แบบไม่แคร์สายใคร ปกติที่ผ่านมาจงอินจะเน้นการเต้นแบบพื้นฐาน การขยับเคลื่อนไหวแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลองเต้นไปกับเพลงอย่างจริงๆจังๆ เพลงที่ใช้ไม่ได้เร็วมากหนักแต่ท่าที่เน้นการเคลื่อนไหวของร่างกายให้ผสานไปกับเพลงค่อนข้างทำให้คริสเหนื่อย จงอินคงจะรู้ว่าจุดอ่อนของเขาก็การเคลื่อนไหวร่างกายให้ลื่นไหลนี่แหละ
“ทำดีแล้วครับ แต่ว่ายังมีติดขัดบ้างในบางท่า อย่าลืมไปฝึกมานะครับ” จงอินในโหมดจริงจังคือสิ่งที่คริสเห็นเสมอเวลาที่เจ้าตัวเริ่มต้นการเป็นครูฝึกของเขา
คริสมองตามคนที่เดินไปหยิบเสื้อผ้าแล้วหายไปในห้องด้านหลังของห้องซ้อม จงอินเป็นคนเสน่ห์คริสให้คำจำกัดความแบบนั้น ตาคมเลื่อนไปมองเจ้าพวงกุญแจรูปหมีที่แขวนไว้ที่กระเป๋าของจงอินริมฝีปากยิ้มออกมาบางๆ ไม่ยักรู้ว่าจะชอบของแบบนี้
“ไม่ไปเปลี่ยนชุดหรอครับ” จงอินที่เปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้วถามร่างสูงที่ยังนั่งอยู่กับพื้นของซ้อม
“อ่อ จริงด้วย” คริสเดินไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเอง จงอินมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปแล้วส่ายหน้าเบาๆ ขาเรียวพาตัวเองไปหยุดที่หน้าถุงร้านขนมเค้ก นิ้วเรียวถูกยกขึ้นมากัดอย่างที่ทำเป็นประจำเวลาใช้ความคิด
“ถ้าเปิดดูจะเสียมารยาทไหมนะ” จงอินพูดกับตัวเองเบาๆ แต่ช่างเถอะยังไงรุ่นพี่นั้นก็ซื้อมาให้เรากินด้วยไม่ใช่หรอ คิดได้ดังนั้นจงอินก็เลยลองแหวกถูกออกดู ข้างในมีชอตเค้กสตอเบอรี่อยู่สองชิ้น
“รู้ได้ไงว่าเราชอบชอตเค้กสตอเบอรี่” จงอินพูดขึ้นมาลอยๆแต่ก็นึกขึ้นได้ว่ารุ่นพี่คนนั้นอาจจะไม่รู้แค่ซื้ออะไรก็ได้แต่ดันซื้อมาถูกใจเขาพอดี ว่าแต่แล้วทำไมจงอินต้องคิดเข้าข้างตัวเองว่าไอ้รุ่นพี่ตัวสูงนั้นจะรู้ว่าเขาชอบกินอะไรกันละ
“หิวแล้วหรอจงอิน” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นร่างโปร่งกำลังพิจารณาเค้กในถุงที่เขาซื้อมา
“เปล่า” คริสหัวเราะน้อยๆแต่ก็ไมได้ว่าอะไรจงอินเนี่ยปากแข็งกว่าที่คิดนะ ขายาวเดินไปหยิบถุงเค้กมาก่อนจะวางลงบนพื้นแล้วฉุดคนที่ยืนอยู่ให้นั่งลง มือใหญ่ยื่นช้อนพร้อมกับเค้กหนึ่งชิ้นให้กับคนตรงหน้าซึ่งจงอินก็รับมาโดยที่ไม่พูดอะไร
“ชอบ ชอบอะไรครับ” จงอินตอบทั้งๆที่ยังมีเค้กอยู่เต็มปากนั่นแหละ เจ้าตัวกลืนเค้กลงไปแล้วจ้องหน้าคนถามคำถามอย่างงงๆ บางทีจงอินก็ทำตัวน่ารักเหมือนกันนะยิ่งเวลาที่ได้กินอะไรที่ตัวเองชอบแต่อะไรที่ไม่ชอบก็จะไม่แตะเลย อย่างวันนั้นที่เขาซื้อกาแฟมาฝากแต่จงอินก็ไม่แตะมันเลยแถมยังทำหน้าบึ้งอีกต่างหาก ค่อยมารู้ทีหลังว่าจงอินไม่ชอบกินกาแฟทุกประเภทนั่นแหละ
“เปล่าซักหน่อย” เฮ้อ เด็กปากแข็งยังไงก็ยังปากแข็งซินะ
“ครับ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ แต่ก็กินจนเลอะปากเลย” คริสยื่นนิ้วโป้งไปปาดมุมปากของจงอินที่เลอะครีมสดจากเค้ก ส่วนคนโดนเช็ดก็ได้แต่ทำตาพริบๆอย่างตั้งตัวไม่ถูกจงอินก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงแต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นมาซะดื้อๆ
“ทำอะไรของพี่” หลังจากที่รวบรวมสติได้ถึงได้เอ่ยถามไป
“เช็ดวิธีอื่น…ก็ได้” คริสกลั้นหัวเราะ ถึงจงอินจะพูดเบาๆราวกับกำลังบ่นกับตัวเองแต่ห้องนี้มันเก็บเสียงแถมอยู่กันแค่สองคนเบายังไงก็ได้ยิน
จงอินก้มหน้าก้มตาสนใจแค่เค้กตรงหน้าเท่านั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่รุ่นพี่ตัวสูงคนนี้ทำเขารู้สึกแปลกๆ ที่จริงอาทิตย์ที่ผ่านมาจากคนที่ไม่ค่อยได้เจอหน้าจงอินรู้สึกว่าเขาเจอคนตัวสูงนี่บ่อยขึ้นทั้งที่มากับพี่รหัสเขาอย่างพี่ซูโฮหรือบังเอิญเจออะไรก็ตามแต่ แล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแปลกๆแบบนี้ จงอินก็เลยให้คำนิยมรุ่นพี่ตรงหน้านี่ว่าตัวอันตราย อันตรายกับหัวใจคิมจงอินเนี่ยแหละ
จดหมายฉบับที่สาม
“จงอินไปนั่งทำอะไรอยู่หน้าบ้านลูก” คุณแม่ยังสาวเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกชายตัวเองที่พอกินข้าวเช้าเสร็จไปออกไปนั่งที่ม้าหินในสวนหน้าบ้าน ปกติกินข้าวเสร็จเจ้าลูกตัวดีก็หายลับเข้าไปในห้องนั่นแหละเจอเจออีกทีก็ตอนกินข้าวโน่น
“รอจดหมายครับแม่” จงอินตอบ
รอจดหมายเนี่ยนะ แต่จะว่าไปอาทิตย์ที่ผ่านมาเจ้าจงอินก็ได้รบจดหมายสีฟ้าฉบับเดิมแถมหลังจากนั้นก็ยังเอาจักรยานออกไปปั่นเพื่อส่งจดหมายที่ตู่ไปรษณีย์อีกต่างหาก คุณแม่เองก็ยังแปลกใจเพราะจงอินที่ขี้เกียจยิ่งกว่าอะไรดีลงทุนเขียนจดหมายนี่ซิ อยากจะอยากรู้แล้วละว่าใครกันนะที่ทำให้ลูกชายของเธอลงทุนทำอะไรแบบนี้
“จดหมายมาส่งแล้วครับ” เสียงคุณไปรษณีย์ตะโกนบอกก่อนจะยัดซองจดหมายลงในตู้ที่ประตูรั้ว
จงอินเดินไปหยิบจดหมายในตู้แล้วเดินเข้าบ้าน ร่างโปร่งยื่นจดหมายของแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะเดินถือซองจดหมายสีฟ้าเพื่อขึ้นห้องอย่างอารมณ์ดี
“จดหมายใครนะ แม่ว่าจะถามหลายทีแล้ว” คนเป็นแม่ถาม
“ความลับครับ” จงอินถาม
“มีความลับกับแม่หรอ”
“เปล่าครับ ก็ความลับจริงๆ” คนที่ส่งมานะคงอยากจะให้เป็นความลับจริงๆถึงได้ไม่เขียนชื่อมาซินะ
‘ถึงจงอิน
ผมเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหมครับ จริงๆก็อยากเรียกคุณจงอินว่าจงอินเฉยๆมานานแล้วหวังว่าคงไม่รังเกียจนะครับ เฮ้อ ผมรู้สึกว่าตัวเองยิ่งชอบจงอินขึ้นทุกทีเลยครับทำยังไงดี ขอบคุณสำหรับจดหมายนะครับ เราขยับเข้ามาใกล้กันจนเหลือช่องว่างอีกแค่ไม่เท่าไหร่แล้วนะครับ ถ้าจะดีจงอินลองลดช่องว่างนั้นให้ผมทีซิครับผมทำคนเดียวมันก็เหนื่อยนะครับ ตอนนี้จงอินคงจะสงสัยแล้วใช่ไหมละครับว่าผมเป็นใครอีกไม่นาครับอีกไม่นานจริงๆ นี่ก็สองอาทิตย์แล้วใช่ไหมครับตั้งแต่จดหมายฉบับแรก ผมนะวนเวียนอยู่รอบๆตัวจงอินมาตั้งนานแต่จงอินไม่เห็นเองนะครับ จงอินลองมองดีๆซิครับอาจจะเจอผมก็ได้นะ
จากคนข้างตัว(แต่จงอินไม่รู้)’
จงอินชักจะเริ่มสงสัยแล้วละโดยเฉพาะคนลงท้ายนั่นคนข้างตัวแต่เขาไม่เห็นหรอมันก็มีอยู่คนเดียวแหละที่พักนี้ชอบมาอยู่รอบๆตัวแต่เขาก็มักจะทำเป็นมองไม่เห็น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ยิ่งเข้าใหญ่อาสามาส่งที่บ้านซะอย่างนั้น
คิดๆแล้วต้องโทษตัวเองที่ซุ่มซ่ามดันเดินสะดุดฟุตบาทจนข้อเท้าแพลงนั่นแหละถึงได้ต้องยอมให้รุ่นพี่ตัวสูงปั่นจักรยานพามาส่งที่บ้าน ด้วยความที่ง่วงมากและลมก็ตีผ่านหน้าเย็นสบายเกินไป รู้ตัวอีกทีคือตอนถึงบ้านโดนที่ตัวเองกำลังกอดเอวคนอายุมากกว่าเอาไว้พร้อมกับหน้าแนบไปกับแผ่นหลังกว้างนั้นเพื่อใช้พิงหลับนั่นแหละ อายชะมัดยาด แต่คงไม่ใช่หรอกมั้งจงอินภาวนาว่าคงจะไม่ใช่หรอก
เช้าวันจันทร์เป็นวันที่จงอินอยากจะผ่านมันไปเร็วๆ เจ้าของร่างโปร่งบางยืนพิงเสาใต้คณะขณะกำลังรอเพื่อนสนิทอย่างจงแดที่บอกว่าจะไปตามพี่ซูโฮ ที่จริงไม่มีอะไรมากหรอกเพียงแค่คิมจงแดผู้ซึ่งมีพี่ชายเป็นเจ้าของร้านอาหารอยากจะชวนเพื่อนไปกินร้านเปิดใหม่ที่อยู่ในซอยหมู่บ้านเดียวกับเขา จงอินเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าพี่ชายจงแดมาเปิดร้านแถวบ้านเขา
“รอนานไหม” รุ่นพี่ตัวขาวจนแทบจะเรืองแสงได้ที่พ่วงตำแหน่งของจงอินเดินลงมาจากบันไดตึกคณะก่อนจะสายตาจะเหลือบไปมองคนตัวสูงที่เดนตามลงมา อย่าบอกว่าไอ้คนตัวสูงนี่จะไปด้วย
“ไปกันเหอะ วันนี้พี่แดฮยอนเลี้ยง” จงแดพูดพร้อมกับกระโดดเข้ามาควงแขนจงอินไว้
“ไปรถพี่แล้วกันนะ” พี่ซูโฮบอก
“แล้วจักรยานผมละ” จงอินท้วง ถ้าไปรถพี่ซูโฮเขาจะเอาจักรยานกลับบ้านยังไงกันละแล้วเขาก็จะไม่ย้อนกลับมาเอาด้วย
“ถ้างั้น…..จงอินก็ไปกับจงแดแล้วกัน จงแดเขียนแผนที่ให้พี่ที” พี่ซูโฮบอกพร้อมกับยื่นกระดาษกับปากกาที่ล้วงมาจากในกระเป๋าให้จงแด
จงอินยืนรอเพื่อนเขียนแผนที่ร้านให้พี่ซูโฮ แต่จู่ๆก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องอยู่พอเงยหน้าไปมองก็เจอกับสายตาของรุ่นพี่ตัวสูงที่กำลังจ้องเขาอยู่ คนตัวเล็กกว่าถลึงตาใส่เป็นเชิงถามว่าจ้องทำไมแต่คนตัวสูงก็เพียงแค่ยิ้มมุมปากเล็กๆโดยที่ไม่ยอมละสายตาออกไปไหน จงอินก็เลยได้แค่หันไปมองทางอื่น คนบ้าอะไรมาจ้องคนอื่นเขาเขม็งแบบนั้นกัน ท่าจะบ้า
“จงอินกับพี่คริสเป็นไงบ้างอะ” จู่ๆจงแดที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานของจงอินก็ถามขึ้น จงอินแทบจะเบรกจักรยานหน้าทิ่มจนได้หมัดเล็กๆของจงแดทุบลงที่กลางหลัง
“เป็นไงนี่คือไรวะจงแด”
“ก็คิดว่าพี่เขาเป็นคนยังไง” จงแดขยายความ
“ตัวอันตราย” จงอินตอบไปตามที่คิด ก็รุ่นพี่คริสในความคิดจงอินมันคือตัวอันตรายจริงๆนี่นะ
“อันตรายยังไงวะ”
“เออ ช่างมันเถอะ” เรื่องอะไรจะบอกกัน เหอะ
ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงร้านอาหารพี่ชายของจงแด จงอินจอดจักรยานไว้ที่ข้างๆร้านก่อนจะเดินมาข้างหน้าก็เจอพี่ชายจงแดมายืนรอรับข้างหน้า จงอินทักทายพี่ชายเพื่อนก่อนที่พี่เขาจะให้จงแดพาเข้าไปข้างใน ร้านถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศสไตล์อิตาลีเพราะเมนูหลักของที่นี่ก็คืออาหารอิตาลี จงแดพาจงอินมาที่ห้องด้านในของร้านเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคนอายุมากกว่าทั้งสองคนนั่งรออยู่แล้ว
“ช้าจัง” ลู่หานพูด
“บ่น พวกผมปั่นจักรยานมานะครับคุณพี่รหัส” จงอินตอบก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆพี่รหัสแต่ก็ต้องเหวอเพราะคิมจงแดที่วิ่งมาจากไหนไม่รู้ดันนั่งลงซะก่อน จงอินเบ้ปากก่อนจะหันไปมองเก้าอี้ว่างข้างๆรุ่นพี่ตัวสูงอีกคน ร่างโปร่งฮึดฮัดเล็กๆแต่ก็ต้องยอมไปนั่งแต่โดยดีก็เลยไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ของพี่รหัสกับเพื่อนสนิทของตัวเอง
“ตามสบายเลยนะ มื้อนี้มีคนเลี้ยง ฮ่าๆ” จงแดพูดพร้อมกับลงมือตักอาหารจากโต๊ะมาทานทันที คนอื่นที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มลงมือกิน รสชาติอาหารถือว่าอร่อยสมราคาคุยที่จงแดพูดก่อนที่อาหารจะมาเสิร์ฟนั่นแหละ
“จงอินสอนเพื่อนพี่เป็นไงบ้าง” ลู่หานเอ่ยถามน้องรหัส วันนี้ทำไมมีแต่คนถามเขาเกี่ยวกับเรื่องได้พี่คริสจังวะ จงอินได้แต่คิดในใจ
“ก็ดีครับ” จงอินตอบสั้นๆ
“เพื่อนพี่มันก็หล่อใช้ได้นะ นิสัยก็ดี” ลู่หานพูดขึ้นมาลอยๆ
“พี่กำลังคิดจะทำอะไร” จงอินพูดขัด ลู่หานก็เลยปฏิเสธซะเสียงสูงว่าไม่ได้คิดจะทำอะไรแต่ใครจะไปเชื่อ จงอินเหลือบมองคนตัวสูงข้างๆก็เห็นว่ากำลังกลั้นขำอยู่จงอินก็ใช้ขาตัวเองเตะไปหน้าแข้งของคนข้างตัวแรงๆหนึ่งที
หน้าตาของคนเป็นพี่แหยลงด้วยความเจ็บแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ จงอินก้มลงกินอาหารต่อทั้งทีขำแทบตาย ช่วยไม่ได้มาขำเขาก่อนทำไมละ
ใช้เวลาซักพักอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะก็อันตรธานหายเข้าไปกระเพาะของผู้ชายทั้งสี่คนในห้อง ตอนนี้ขอบอกว่าอิ่มจนแทบไม่อยากจะลุกไปไหน แต่บรรยากาศอึมครึมที่มองเห็นผ่านจากกระจกทำให้ทุกคนต้องรีบออกมาจากร้าน หลังจากล่ำลาและขอบคุณพี่ชายของจงแดเรียบร้อยก็ถึงเวลากลับบ้าน
“รีบกลับเถอะ ฝนทำท่าจะตกแล้ว” ลู่หานเอ่ย
“งั้นผมกลับกับพี่ลู่หานนะ” จงแดบอกเพราะทางกลับบ้านของเขากับลู่หานเป็นทางผ่านพอดี และอีกอย่างคือข้อความที่ถูกส่งมาจากพี่รหัสของเพื่อนสนิททำให้จงแดต้องขอติดรถพี่รหัสเพื่อนกลับ
“แล้วมึงอะคริส” ลู่หานถามเพื่อนตัวเอง
“กูเดินกลับได้เดินไปอีกแค่ 2 บล็อกเอง” คริสตอบ
“เออ งั้นมึงก็ไปส่งน้องกูก่อนแล้วค่อยกลับ” ลู่หานบอก
“เห้ย ผมกลับคนเดียวได้” จงอินท้วง
“ส่งให้ถึงบ้านนะครับพี่คริส” จงแดพูดพร้อมกับฉีกยิ้มแล้วก็ลากพี่รหัสจงอินเดนจากไปต่อหน้าต่อตา จงอินได้แต่ค้างกลางอากาศ ให้ตายเถอะ นี่เพื่อนเขากับพี่รหัสกำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่เนี่ย
“จักรยานอยู่ไหน” คริสหันมาถามคนเด็กกว่า
“ผมกลับเองได้”
“แต่ลู่หานมันบอกว่าให้ไปส่ง” คริสแย้ง
“ก็เรื่องของพี่เขา”
“งั้นพี่โทรหาไอ้ลู่ตอนนี้เลยนะ” คริสทำท่าล้วงโทรศัพท์เพื่อต่อสายหาเพื่อนสนิท
“เออ ก็ได้” ยอมให้ไอ้พี่บ้านี่ไปส่งดีกว่าโดนพี่ลู่หานดุละวะ เห็นหน้าตาหวานๆแบบนั้นใครจะคิดละว่าเจ้าตัวจะโหดเหนือมนุษย์มนาแบบนั้น จำได้ว่าเคยขัดคำสั่งพี่ลู่หานอยู่ครั้งหนึ่งจงอินจำได้จนวันตายเลยว่าความโหดของลู่หานมันน่าสยองแค่ไหน
สุดท้ายจงอินก็เลยต้องมาซ้อนท้ายจักรยานของตัวเองที่มีรุ่นพี่ตัวสูงอย่างคริสปั่นให้ คิดแล้วก็รู้สึกตัวเองเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มชะมัดนั่งซ้อนจักรยานที่มีรุ่นพี่สุดหล่อเป็นคนปั่นให้ แหวะ
“จงอิน” จู่ๆ คนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีก็เอ่ยเรียก
“อะไรครับ”
“จงอินไม่ชอบหน้าพี่หรอ” คริสถามตรงๆ
“ใครบอก”
“ก็จงอินชอบทำเป็นไม่พอใจนี่”
“เปล่าซะหน่อย”
เอาละมาทำความเข้าใจไหม ข้อแรกจงอินไม่ได้ไม่ชอบหน้าคริส ข้อสองจงอินไม่ได้เกลียดด้วย ข้อสามก็คือจงอินเองก็อยากจะทำตัวดีๆแบบที่ทำลู่หานนั่นแหละแต่เพราะมีข้อสี่ซึ่งสำคัญมากคือจงอินจะใจเต้นทุกครั้งที่คริสทำดีด้วย นั่นแหละเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่อยากอยู่ใกล้ๆอีกคนไงละ
“โอ๊ะ ฝนตกแล้ว” คริสอุทานเมื่อรู้สึกถึงหยดน้ำที่ตกลงมา
“รีบๆปั่นซิ”
จงอินเร่ง….แต่ถึงจะเป็นยังนั้นเมื่อมาจาดที่หน้าบ้านจงอินผู้ชายสองคนบนจักรยานหนึ่งคันก็เปียกปอนไปหมด จงอินไม่เคยรู้สึกเกลียดฝนอะไรเท่าวันนี้มาก่อนเลย จะตกไม่ว่าแต่ทำไมต้องมาต้องในวันที่เขาลืมพกร่มกันด้วยไม่เข้าใจจริงๆเลย
“เข้าบ้านแล้วอาบน้ำเลยนะจงอินเดี๋ยวไม่สบาย” คริสเอ่ยบอกพร้อมกับเอาจักรยานไปเก็บให้คนเด็กกว่าและเตรียมจะเดินกลับบ้าน ไหนๆก็เปียกแล้วคงจะช่วยอะไรไม่ได้
จงอินมองร่างสูงที่เปียกไปหมด ผมสีทองที่เคยเซ็ทมาอย่างดีลู่ลงแนบไปกับใบหน้าเสื้อเชิ้ตที่เจ้าตัวชอบใส่ก็เปียกขนแนบไปกับร่างของอีกคน จงอินหยุดคิกซักครู่ก่อนจะเอ่ยคำถามที่ทำให้คริสยิ้มออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
“เข้ามาก่อนไหม?? จะกลับบ้านสภาพนั่นเนี่ยนะ”
ร่างสูงสำรวจบ้านหลังขนาดกลางของครอบครัวคิมที่ดูอบอุ่นอย่างน่าเหลือเชื่อ รูปถ่ายครอบครัวขนาดพอดีถูกแขวนไว้ที่ผนังห้องนั่งเล่น ตอนนั้นจงอินน่าจะยังอยู่ชั้นมัธยมต้นอยู่เลย รูปเดี่ยวเจ้าตัวในกรอบไม้สีน้ำตาลเข้มถูกวางอยู่บนชั้นวางทีวีรวมกับรูปของคุณพ่อคุณแม่
“นี่ ผ้าขนหนูส่วนเสื้อผ้าก็ใส่ของคุณพ่อไปก่อนแล้วกันทำไมถึงได้เกิดมาตัวใหญ่นักนะ” จงอินเดินลงบันไดมาพร้อมกับบ่นงึมงำจนแทบจับใจความไม่ได้
“ขอบคุณครับ” คริสรับของมาจากคนตัวเล็กกว่า
“ห้องน้ำอยู่ชั้นบนอะ ขึ้นไปเลี้ยวซ้ายห้องแรกเลย” จงอินบอก
“แล้วจงอินละ ต้องอาบน้ำนะเดี๋ยวไม่สบาย”
“รู้แล้วละน้า เดี๋ยวไปอาบห้องคุณพ่อคุณแม่” จงอินตอบก่อนจะพาร่างเปียกๆของตัวเองขึ้นไปข้างบน คริสเห็นแบบนั้นก็เลยเดินตามขึ้นไป
มือหนาบิดลูกบิดประตูเข้าไปในห้องที่เจ้าของบ้านบอก ห้องเด็กผู้ชายเรียบๆที่มีผนังห้องเป็นสีขาวแต่ของประดับในห้องเป็นสีฟ้า เจ้าหมีตัวใหญ่ที่อยู่มุมห้องกับตุ๊กตาหมาบนที่นอน บนชั้นวางของมีการ์ตูนหลากหลายสไตล์วางอยู่รวมถึงพวกหุ่นยนต์โมเดลวางเป็นระเบียบ โต๊ะเขียนหนังสือที่ดูจะรกนิดๆแต่ก็ไม่ถึงกับน่าเกลียดแต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาคริสมากกว่าสิ่งไหนก็คือซองจดหมายสีฟ้าที่โผล่พ้นสมุดโน้ตออกมา คริสยิ้มเบาๆก่อนจะพาตัวเองเดินไปเข้าห้องน้ำ
ใช้เวลาไม่นานนักรร่างสูงก็อยู่ในชุดยืดของคุณพ่อจงอินรวมทั้งกางเกงยางยืดขาสามส่วน ส่วนเสื้อผ้าที่เปียกคริสก็จัดการเอาไปตากไว้ที่ราวแขวนผ้าที่ระเบียงของห้องจงอินเพราะเห็นว่าฝนเปลี่ยนจากหนักมาเป็นตกปรอยๆแล้ว
“เดี๋ยวฝนก็หยุดแล้ว” จงอินพูดเมื่อเห็นรุ่นพี่ตัวสูงเดินลงมาจากชั้นบน
“ทำไมไม่เช็ดผม” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นหัวเปียกๆของจงอิน ในขณะที่เจ้าตัวเอาแต่สนใจการ์ตูนในโทรทัศน์รวมถึงมือที่หยิบขนมเข้าปากไม่หยุด
“ขี้เกียจอะ เดี๋ยวก็แห้ง” คนเด็กกว่าตอบกลับมาง่ายๆ ปกติจงอินก็เช็ดมันแบบลวกๆแล้วก็รอให้มันแห้งเองตลอด
คริสที่เห็นแบบนั้นส่ายหัวเบาๆก่อนจะเหลือบไปเห็นผ้าขนหนูผืนเล็กที่เจ้าตัวคงจะเอาติดลงมาด้วย มือหนาคว้าผ้าขนหนูมาไว้ในมือก่อนจะเดินไปหาคนที่กำลังนั่งดูทีวีสบายใจแล้วจับตัวอีกคนให้หันไปด้านข้างของโซฟา
“เห้ย จะดู” คนตัวเล็กกว่าโวยวายทันที
“ต้องเช็ดผมให้แห้งก่อน” คริสแย้ง
“แต่จะดูการ์ตูนอะ” หน้าที่ปกติมึนๆกำลังบึ้งอย่างเห็นได้ชัด คริสชั่งใจสักครู่ก่อนจับอีกคนให้หันหน้าให้ทีวีเหมือนเดิมก่อนจะตัวเองจะเดินไปที่ข้างหลังโซฟาแล้วขึ้นไปนั่งบนพนักพิง ทำไงได้ก็เจ้าตัวไม่ยอมนั่งดีๆให้เช็ดนี่หน่า
“ทำไรเนี่ย” จงอินถามขึ้นมาอีกรอบเมื่อถูกดึงให้นั่งดีๆโดยมีอีกคนนั่งอยู่ข้างบนหัว
“เช็ดผมไงเดี๋ยวไม่สบาย” คริสวางมือลงบนหัวของอีกฝ่ายก่อนจะออกแรงขยี้เบาๆ ตอนแรกจงอินก็ว่าจะเบี่ยงตัวหลบอยู่หรอกแต่ไปๆมาๆมันก็สบายดีเหมือนกันนะ ไหนๆก็สบายไม่ต้องเช็ดเองแล้วเจ้าตัวก็เลยหันไปสนใจการ์ตูนตรงหน้าต่อ
แต่ไม่นานเปลือกตาสีน้ำผึ้งก็เริ่มจะปิดลงก็ใครใช้ไอ้รุ่นพี่ตัวสูงนี่เช็ดซะเบามือขนาดนั้นนี่ก็จะเคลิ้มหลับไปหลายรอบแล้วเหมือนกนยิ่งบรรยากาศหลังฝนตกแบบนี้ยิ่งช่วยทำให้ง่วงนอนเข้าไปอีก เปลือกตาของจงอินๆค่อยหรี่ลงจนกระทั่งหลับในที่สุด
“จงอิน จงอิน” คริสเอ่ยเรียกคนที่เงียบไปพักใหญ่แถมยังคอตกอีกต่างหาก
คริสลงมาจากโซฟาเพื่ออ้อมมาดูคนที่นั่งเงียบอยู่ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายหลับไปแล้วเรียบร้อย คนตัวสูงมองออกไปข้างนอกก็เห็นว่าฝนหยุดตกแล้วเลยลงมือสะกิดเจ้าของบ้านเบาๆแต่ก็ไร้การตอบรับใดๆกลับมา
“จงอิน พี่จะกลับแล้วนะ” คริสพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆ
เจ้าของชื่อไม่ตอบอะไรกลับมาแต่กลับทำหัวโงนเงนไปมาก่อนจะตกลงที่ไหล่ของคนตัวสูงกว่า คริสนั่งตัวเกร็งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด คนที่โดนใช้ไหล่แทนที่นอนค่อยๆเหลือบไปมองข้างๆก็เห็นแต่กลุ่มผมนิ่มเท่านั้น
“จงอิน” ลองเรียกดูอีกครั้งแต่ก็ไร้สัญญาณตอบรับ ก็ท่าจะหลับลึกขนาดนี้
คริสเลยตัดสินใจค่อยๆจับคนตัวเล็กกว่าให้นอนบนโซฟาดีๆพอเห็นว่าจงอินขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหาที่สบายๆเรียบร้อยคริสก็แอบขออนุญาตในใจขึ้นไปเอาผ้าห่มบนห้องอีกฝ่ายลงมาด้วย อากาศเย็นๆหลังฝนตกก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายไม่สบายได้
“เวลาหลับก็น่ารักดีนะเนี่ย” คริสพูดออกมาเบาๆก่อนจะยื่นมือไปลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ
“อือ” เสียงครางดังออกมาก่อนเจ้าตัวจะพลิกตัวเพื่อหลบคนที่กวน
คริสเอากระดาษโพสอิทสีเหลืองที่เอาติดมือลงมาด้วยติดไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะหันมาจับผ้าห่มที่ร่นลงมาเพราอีกฝ่ายขยับตัวเมื่อครู่ให้เข้าที่ ฝนก็หยุดตกแล้วและจงอินเองก็คงยังไม่อยากให้ปลุกตอนนี้ คริสเยได้แต่กลับบ้านไปอย่างเงียบๆโดยไม่ลืมล็อกประตูจากข้างในให้เจ้าของบ้านด้วย ถึงจะเป็นผู้ชายแต่อยู่คนเดียวก็คงจะไม่ปลอดภัยซักเท่าไหร่หรอกจริงไหม
..............................................................................................
จะบอกว่ายังไม่จบอะ 55555555555555
คือแน่ใจนะว่ามันคือ OS คือมันเรื่องนี้ยาวมากนะ
ต้องขอโทษด้วยที่มาต่อได้แค่นี้แล้วก็ช้ามากด้วย
แต่เราติดภารกิจจริงๆ ปีนี้เราขึ้นปีสองแล้ว
กำลังเตรียมตัวเรื่องรับน้อง ถ้าใครเคยทำจะรู้ว่ามันสาหัส 5555
จะพยายามมาต่อให้จบนะคะ
อ้อ แล้วก็ตัวเลขที่ชื่อเรื่องรู้แล้วใช่ไหมว่ามันไม่เปอร์เซนต์เรื่องนะ อิอิ
ช่วยกันเม้นต์ช่วยกันติดแท๊กด้วยนะ เลิฟ ><
ความคิดเห็น