คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [Chankai] Can Say I Love You?
Can say I love you?
มือเรียวไล้ไปตามขอบแก้วกาแฟอย่างอ้อยอิ่งราวกับไม่ต้องการให้เวลามันผ่านพ้นไปเร็วหนัก ดวงตาคู่ใสเหม่อลอยออกไปภายนอกกระจกร้านดูเลื่อนลอยเหมือนกับคนไร้ความรู้สึก แต่จริงๆเพียงแค่ต้องการซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้กดมันลงไปให้ลึกลงไปในหัวใจเพื่อว่าความเจ็บปวดมันอาจจะจางหายไปบ้างแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
‘พ พี่ชานยอลครับ’
‘หือ???’ ชายหนุ่มรูปร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบ เส้นผมสีแดงจัดที่ถูกจัดแต่งมาอย่างดีหันมาตามคำเรียกของรุ่นน้องในวง รอยยิ้มกว้างสว่างไสวถูกส่งให้เจ้าเด็กตัวสูงที่เคยบอกว่าเป็นแฟนคลับก่อนจะส่งมือใหญ่ไปยีหัวคนเด็กกว่าเบาๆ
‘คือ….ผมมีเรื่องอยากจะบอก’ ชานยอลยิ้มขำๆเมื่อเห็นท่าทางคนเป็นน้องเอาแต่ลูบท้ายทอยไปมาไม่ยอมพูดอะไรออกมาซักที
‘จะบอกอะไรพี่หรอ’
‘ผม….ผม ช ชะ…’
‘ชานยอลลลลล ไปเที่ยวกัน’ ไม่ทันที่คิมจงอินจะได้พูดอะไรออกไป เสียงใสๆของพี่ชายตัวเล็กเจ้าของตำแหน่งเมนว๊อยซ์ประจำวงก็แทรกขึ้นมาซะก่อน แขนเล็กคว้าแขนของคนสูงกว่าไปกอดเอาไว้ก่อนจะเอาหัวเล็กๆพิงไหล่อย่างหวงแหน
‘เอาซิ….เออสรุปจะบอกอะไรพี่หรอจงอิน’ ชานยอลหันไปตอบรับคนตัวเล็กก่อนจะหันกลับมาถามคนเป็นน้องที่ทำท่าเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมาเมื่อกี้
‘ม ไม่มีหรอกครับ ว่าแต่….’ จงอินพูดปฏิเสธก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองแขนเล็กที่เกาะเกี่ยวคนเป็นพี่เอาไว้
‘อ่า….ว่าจะบอกพร้อมกันซะหน่อย แต่จงอินสงสัยแล้วบอกเลยก็ได้ พี่กับชานยอลคบกันเมื่อวานนี้แหละ’ พี่ชายตัวเล็กพูดพร้อมกับยิ้มแฉ่งซึ่งคนตัวโตกว่ายื่นมือไปบีบจมูกอย่างหมั่นเขี้ยว
‘ยินดีด้วยนะครับ’คนเป็นน้องหลุบตาลงต่ำก่อนจะเอ่ยประโยคนั้นออกมาพร้อมรอยยิ้ม หากชานยอลจะสังเกตซักนิดจะเห็นว่าแววตากลมดำคลอไปด้วยม่านฟิล์มใสที่เรียกว่าน้ำตา……
ไม่ใช่คิมจงอินไม่ยินดี คนที่เขารักทั้งสองคนรักกันมันเป็นเรื่องน่ายินดีในชีวิตอยู่แล้ว ถ้าหากเพียงคนๆนั้นไม่ใช่ปาร์คชานยอล ไม่ใช่คนที่คิมจงอินแอบหลังรัก รอยยิ้มในวันนั้นอาจจะกว้างกว่านี้ อาจจะมีความสุขมากกว่านี้ อาจจะไม่เจ็บแบบตอนนี้
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ’ เสียงพนักงานสาวของร้ายเรียกสติของจงอินให้กลับมา
“ครับ”
“ร้านจะปิดแล้วนะคะ ขอโทษด้วยนะคะ” พนักงานสาวพูดอย่างนอบน้อม จงอินกวาดสายตาออกไปรอบๆร้านก่อนจะพบว่าเหลือเพียงเขาคนเดียวที่นั่งอยู่ เด็กหนุ่มก้มหัวขอโทษเล็กน้อยก่อนจะยื่นเงินค่ากาแฟที่ยังไม่ได้แตะตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านให้พนักงานสาวไป เรียวขายาวก้าวไปตามทางเดินที่ไม่ค่อยจะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว
“เฮ้อ” เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ถูกระบายด้วยสีดำ น่าแปลกที่ทั้งที่แสงจากดวงไฟและตึกราบ้านช่องในโซลสว่างมากแต่วันนี้ก็ยังพอที่จะเห็นดวงดาว จงอินยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือขึ้นไปบนฟ้า
‘จงอินรู้ไหมดวงดาวนะ…สวยที่สุดเวลาที่มองจากพื้นดิน’ จู่ๆก็นึกถึงคำของใครบางคนที่เคยบอกผ่านตอนที่เขาร่ำร้องจะออกไปปั่นจักรยานตอนกลางคืนแต่ไม่มีใครอยากไปด้วย จนพี่ชายตัวสูงที่งีบหลับไปบนโซฟาต้องตื่นมาพาคนเป็นน้องออกไป
“เหมือนวันนั้นเลย” วันนั้นดาวก็สว่างแบบนี้ พอคิดมาถึงตรงนี้ก็อยากจะร้องไห้ออกมาชะมัด แค่ไม่หรอกคิมจงอินจะไม่ร้องไห้ เกิดเป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งแค่อกหักไม่ทำให้จงอินตายได้หรอก มันอาจจะเจ็บปวดแต่สักวัน….สักวันมันต้องผ่านไปได้
รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่หน้าหอซะแล้ว มือเรียวยกขึ้นเคาะประตูห้องก่อนจะยืนรออย่างใจเย็นๆ เป็นเพราะก่อนออกมาลืมเอาคีย์การ์ดมาด้วยก็เลยต้องรอให้มีคนมาเปิด
“อ้าว จงอิน” แววใสเบิกเล็กน้อยก่อนจะกลับมาทำเหมือนปกติ
“พี่ชานยอลยังไม่นอนหรอครับ” เอ่ยถามคนตรงหน้า พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด ถึงจะตกใจและไม่คิดว่าคนที่มาเปิดประตูจะเป็นชานยอล ไม่คิดว่าจะต้องเผชิญหน้ากันในเวลาที่เขากำลังอ่อนแอแบบนี้แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกใจนึงมันก็รู้สึกดีที่ชานยอลรอเขา
“รอเรานั่นแหละ ไปไหนมา” ชานยอลพูดพร้อมกับดึงคนเป็นน้องเข้ามาข้างใน
“อ่า คือออกไปร้านกาแฟนะครับ แต่ว่าเพลินไปหน่อย” จงอินพูดพร้อมกับยิ้มแหยๆ
“อืม ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า” ชานยอลวางมือลงบนหัวกลมๆตรงหน้าก่อนจะใช้อีกข้างผลักคนเป็นไปที่หน้าห้องนอนของเจ้าตัว
“ครับ”
“ฝันดีนะจงอิน”
นั่นซินะไม่ต้องมากกว่านี้ ไม่ต้องรักแบบที่รักพี่แบคฮยอนก็ได้ แค่รัก….รักคิมจงอินในฐานะน้องชายคนหนึ่ง อยู่ใกล้ๆแบบนี้ เป็นห่วงแบบนี้ ยิ้มให้แบบนี้ ยังลูบหัวแบบที่ชอบแบบนี้ แค่นี้ก็ดีแล้ว….ดีที่สุดแล้วสำหรับคิมจงอิน
“จงอินตื่นนนนนนน” เสียงตะโกนของใครบางคนทำให้จงอินที่กำลังเพลินเพลินอยู่กับโลกแห่งความฝันจำต้องฝืนลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยพอเห็นว่าเป็นเจ้าเซฮุนตัวแสบจงอินก็พลิกตัวหนีไปอีกทางก่อนจะคว้าผ้าห่มที่ถีบไปอยู่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมหัวไว้
“ตื่นนะไอ้หมีดำ” ในเมื่อปลุกดีๆไม่ชอบโอเซฮุนจัดให้
“โอ๊ย ลงไป คิดว่าตัวเบาไง” คิมจงอินแทบจะกระเด้งตกจากเตียง ก็อยู่ดีๆไอ้บ้าเซฮุนก็กระโดดทับเขาซะเต็มแรงเล่นเอาจุกไปเหมือนกัน ตอนนี้สูงก็สูงกว่าเขาแล้วยังมีหน้ามากระโดดทับอีกคิดว่าตัวเองเบามากซินะ
“ก็ตื่นเซ่ คนอื่นเขารอแกคนเดียวเลย”
“รู้แล้วๆ”
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวจัดการตัวเองเสร็จ จงอินก็ได้เวลาย้ายตัวเองออกมาจากห้องนอน ซูโฮที่เห็นว่าทุกคนพร้อมแล้วก็เอ่ยปากให้ทุกคนลงไปขึ้นรถข้างล่างเพื่อที่จะอัดรายการ
“ไปกันชยอล”
จงอินมองตามแผ่นหลังกว้างของคนเป็นพี่กับตัวเล็กๆของพี่แบคฮยอนก่อนจะไล่ลงไปมองมือที่ทั้งสองคนจับกันเอาไว้ ทั้งๆที่บอกกับตัวเองว่าเดี๋ยวก็คงทำใจได้แต่พอมาเจอกับตัวเองแบบนี้จริงๆคิมจงอินก็รู้แล้วว่ามันยังเจ็บจนแทบจะอยากจะบอกออกมาดังๆให้เจ้าของแผ่นหลังกว้างนั่นรู้
“หลับในหรอจงอิน” ซูโฮที่เห็นคนเป็นน้องไม่ยอมขยับไปไหนก็เลยเอ่ยเรียก
“อ่า ครับๆ”
ทันทีที่ขึ้นรถจงอินก็หลับตาลงเพราไม่อยากรับรู้โลกภายนอก ไม่อยากรู้ว่าพี่ชานยอลกับพี่แบคฮยอนกำลังทำอะไรอยู่ ไม่อยากรู้ว่าพี่ซูโฮจะบ่นอะไรเซฮุนที่เอาแต่ป่วนคนอื่นไปทั่ว ไม่อยากรู้เลยจริงๆว่าตอนนี้ทุกคนกำลังทำอะไร จงอินแค่อยากอยู่เงียบๆแต่ทำได้ก็อยากจะหนีไปไกลๆไปตั้งหลักให้หัวใจมันเข้มแข็งแต่ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้
เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือร้อนที่วางลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา แววใสกระพริบเบาๆสองสามครั้งเพื่อปรับแสงก่อนจะเบี่ยงตัวหลบจากฝ่ามือร้อนนั้น
“ไม่สบายหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม
“เปล่าครับ แค่ง่วงนิดหน่อย” จงอินตอบเสียงเบาก่อนจะพลิกตัวเข้าหากระจกรถแล้วหลับตาลงเบาๆ อย่าเข้ามาใกล้มากกว่านี้เลยนะครับพี่ชานยอล
เพราะกลัวเหลือเกินว่าถ้าใกล้กว่านี้……..จะหนีออกมาไม่ได้
มีคนเคยบอกว่าถ้าเลิกรักไม่ได้ก็ต้องทนมองเห็นเขารักกับคนอื่นให้ได้ จงอินท่องคำนี้ในใจมาเป็นจะร้อยๆครั้งแล้วแต่ไม่เห็นว่าจะทำใจได้เลย เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงกับพื้นพร้อมกับหอบหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอด รู้สึกเหมือนว่าร่างกายจะขยับไปไหนไม่ได้เลยซักนิดซึ่งก็คงจะเป็นผลจากการซ้อมเต้นตลอดหนึ่งชั่วโมงกว่าๆที่ไม่ยอมพักเลย
ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยซักนิดถ้าเพียงไม่เปิดประตูเข้าไปอย่างกะทันหันก็คงจะไม่เห็นภาพบางภาพที่ทำให้รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก เพราะเลิกซ้อมนานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นพี่ชายตัวใหญ่กับเมนโวคอลประจำวงลงมาจากห้องซ้อมซักทีพี่ซูโฮก็เลยวานให้เขาขึ้นไปตาม
มือใหญ่ที่กำลังประคองใบหน้าหวานของพี่ชายอีกคนอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าร่างตรงหน้าจะแตกสลายทำให้จงอินหายไม่ทั่วท้อง ยิ่งสายตาอ่อนหวานแสนรักที่ทอดมองพี่ชายร่างเล็กทำเอาจงอินอยากจะวิ่งหนีออกไปไกลๆ
‘ชานยอล รักเราไหม’ แบคฮยอนเอ่ยถาม
‘รักซิ ก็แบคเป็นแฟนเรานะ’
แววใสกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาที่กำลังเตรียมพร้อมจะหล่นร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกตลอดเวลา นี่มันก็ผ่านมาซักพักแล้วนะทำไมมันถึงไม่ได้เจ็บน้อยลงเลยละ
‘อืม เราก็รักชานยอลนะ’ ริมฝีปากบางของรุ่นพี่ตัวเล็กแนบลงแผ่วเบาบนริมฝีปากได้รูปของคนตัวสูงกว่า จงอินปิดประตูลงอย่างแผ่วเบาก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องซ้อมถัดไป
พอได้แล้ว….พอซักทีหัวใจ
“จงอิน!” เสียงเรียกที่ดังขึ้นที่ประตูทำให้จงอินต้องหันกลับไปมองก็เห็นร่างของเพื่อสนิทอย่างเซฮุนกำลังยืนอยู่ ไม่รู้ว่าความเศร้ามากมายจากนั้นที่ถาโถมเข้ามาเพียงแค่เห็นหน้าของเพื่อนสนิทจนน้ำตาที่เคยแห้งไปแล้วดูเหมือนจะรินออกมาอีกครั้ง
“มีอะไรหรอเซฮุน” จงอินพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
“ไหวหรือเปล่าจงอิน ไม่ไหว…ก็บอกเรานะ” เซฮุนพูดพร้อมกับเดินมานั่งลงข้างๆคนเป็นเพื่อน ยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อนสนิทเบาๆ เขาไม่รู้ว่าจงอินเป็นอะไรแต่พักนี้แววตาเศร้าสร้อยมักจะฉายแววออกมาจากดวงตาของเพื่อนคนนี้เหลือเกิน
“เรา….เรา…เราคิดว่าเราไหว แต่จริงๆแล้วไม่เลย”
คนตัวเล็กกว่าเล็กน้อยโผเข้ากอดเพื่อนสนิทจนแน่น ลาดไหล่สั่นเทาเบาๆเป็นตัวยืนยันว่าจงอินกำลังร้องไห้แม้จะไร้เสียงใดๆออกมา เซฮุนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นพร้อมกับลูบหลังคนเป็นเพื่อนอย่างแผ่วเบา ถึงจงอินจะขี้แยแต่ไม่มีซักครั้งที่เพื่อนคนนี้จะร้องไห้ราวกับจะขาดใจแต่ไม่มีเสียงใดๆออกมา
จงอินร้องไห้จนหลับไปกับอ้อมกอดของเพื่อนสนิทนั่นแหละ คนตัวสูงกว่านิดหน่อยค่อยๆวางศีรษะจงอินลงบนตักตัวเองอย่างเบามือเพราะกลัวคนที่หลับไปแล้วจะตื่นขึ้นมา เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะต่อสายถึงใครบางคน
“พี่ซูโฮ มารับจงอินหน่อย”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเจ้าของผิวขาวสว่างก็มาถึงห้องซ้อม ซูโฮถามเซฮุนถึงสาเหตุแต่เซฮุนก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้ ถ้าจงอินไม่พูดต่อให้ใครมางัดปากเจ้าตัวก็จะไม่ยอมพูดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม นั่นแหละคิมจงอิน
ซูโฮเกลี่ยปอยผมของคนเป็นน้องอย่างแผ่วเบา ดวงตาบวมช้ำที่ดูก็รู้ว่าร้องไห้มาอย่างหนักทำให้ซูโฮอดจะสงสารน้องไม่ได้ จงอินยังเด็กเผลอๆบางทีอาจจะดูเด็กกว่าเซฮุนด้วยซ้ำ ถึงบนเวทีจะคือไค คาริสม่าของเอ็กโซ แต่หลังเวทีก็แค่คิมจงอินเด็กน้อยมึนๆ อึนๆแล้วก็เอาแต่ยิ้มก็เท่านั้น
“พี่ซูโฮ จงอินเป็นอะไร” ทันทีที่เห็นจงอินที่หลับมาบนหลังของเซฮุนชานยอลก็ปรี่เข้ามาหาอย่างร้อนรน
“ไม่มีอะไรหรอก น้องเหนื่อยนะเลยหลับไป”
ซูโฮตอบก่อนจะขอตัวพาจงอินเข้าไปในห้อง
“จงอิน จงอิน” คนเป็นพี่ปลุกด้วยการเขย่าตัวเบาๆ
“ค ครับ” คนเด็กกว่าค่อยผงกศีรษะขึ้นมาก่อนจะส่งมือไปขยี้ดวงตาเพื่อแก้ง่วงแต่ก็โดนมือของคนพี่ดึงเอาไว้ก่อนแถมด้วยการตีมือเบาๆ
“อย่าขยี้ตา เดี๋ยวช้ำ”
“อ่า ครับ….ว่าแต่ผมมานี่ได้ไง” จงอินพูดพร้อมกับมองไปรอบๆตัวเมื่อเห็นว่าเป็นห้องของตัวเองที่หอพัก จำได้ว่าตัวเองร้องไห้จนเหนื่อยก็เลยเผลอหลับไป
“ฉันแบกมานะซิ ตัวไม่ได้เบาซักหน่อย” เซฮุนพูดพร้อมกับเบะปากออกมาแบบที่ชอบทำ
“ขอบใจนะ” จงอินยิ้มขำๆ ถึงเซฮุนจะชอบทำตัวเกเรไปบ้างแต่ก็เพื่อนทั้งเพื่อนเป็นทั้งน้องที่น่ารักและห่วงเขาเสมอจงอินรู้ดี
“ว่าแต่ ทำไมถึงร้องไห้” ซูโฮจ้องตาคนเป็นน้องอย่างกดดัน เขาไม่ได้อยากกดดันน้องแต่ถ้าคนเราได้ระบายอะไรออกมาบ้างมันก็ดีกว่าไม่ใช่หรอ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” คิมจงอิน ยังไงก็ยังคงเป็นคิมจงอิน
ตารางงานวันนี้ยังคงแน่นอยู่เหมือนเดิมถึงจะไม่ได้อยู่ในช่วงโปรโมตแต่ก็ยังมีทั้งงานโชว์ตัวรวมทั้งการซ้อมที่ทำเป็นประจำอยู่ทุกวัน ชีวิตประจำวันของคิมจงอินก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ถ้าถามว่ามันดีขึ้นไหม จงอินก็คงจะยอมรับว่าแม้จะไม่มากแต่มันก็ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่รู้มากมาย อย่างน้อยเขาก็ส่งยิ้มให้รุ่นพี่ตัวเล็กอย่างแบคฮยอนได้แบบไม่รู้สึกหน่วงในใจอีกแล้ว
“ดีจังที่จงอินยอมออกมา” เสียงจากหัวหน้าวงตัวเล็กดึงความสนใจจากจงอินได้เป็นอย่างดี จงอินหันมาส่งยิ้มบางๆให้กับพี่ชาย ตั้งแต่วันนั้นซูโฮก็คอยอยู่ใกล้ๆเขาตลอดเวลา มันทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวคงเพราะเป็นอย่างนั้นเขาก็เลยค่อยๆดีขึ้นละมั้ง
“ครับ” คนเป็นน้องไม่ได้ตอบอะไรกลับไปมากมายตามประสาเด็กไม่ค่อยพูด
หลังเสร็จตารางงานซูโฮก็ชวนเขาออกมาเดินเล่นที่แม่น้ำฮัน เวลาที่พวกเราไม่สบายใจก็มักจะมาขอใช้สายลมเย็นๆ บรรยากาศดีๆของที่นี่ชโลมจิตใจให้พร้อมจะเดินต่อไปด้วยรอยยิ้มจงอินเองก็ชอบที่นี่เอามากๆเพราะมันทำให้เขาลืมเรื่องทุกข์ใจไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง
“จงอินนะ ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ” จู่ๆซูโฮก็เอ่ยขึ้น
“หมายความว่ายังไงครับ”
“ชานยอลนะ ชอบเขาใช่ไหม”
“พี่รู้” คนเด็กกว่าเอ่ยเสียงแผ่ว แววใสเบิกกว้างอย่างตกใจก่อนจะหลุบลงต่ำ น้องชายตัวสูงงอเข่าขึ้นมากอดเอาไว้ก่อนซุกหน้าลงกับเข่าตัวเอง ซูโฮที่เห็นแบบนั้นก็ยกมือลูบผมนิ่มของคนเป็นน้องอย่างแผ่วเบา ไม่นานนักแรงสั่นน้อยๆจากเด็กที่ก้มหน้าอยู่ก็ทำให้ซูโฮต้องกอดร่างนั้นเอาไว้แทน
คนเป็นพี่ปล่อยให้น้องร้องไห้ออกมาอย่างนั้นโดยไม่ได้ปลอบอะไร บางทีการปล่อยให้ได้ระบายออกมาบ้าง ถึงจะเป็นน้ำตาแต่ก็ดีเก็บมันเอาไว้ คนเราจะเก็บอะไรเอาไว้กับตัวได้มากมายขนาดนั้น ซูโฮไม่เชื่อหรอก
“พี่รู้ได้ยังไง” จงอินเอ่ยถามหลังจากเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเองเรียบร้อย
“จงอิน พี่เป็นหัวหน้าวงนะแล้วพี่ก็เป็นพี่จงอินด้วย เราอยู่ด้วยกันมานานเท่าไหร่ ทำไมพี่จะไม่รู้”
“นั่นซินะครับ” จงอินตอบรับ
“จงอิน ลองพูดไปรึยัง”
“แต่พี่ชานยอล….”
“ดีกว่าไม่ได้พูดแล้วเสียใจไปตลอดชีวิตนะ”
นั่นซินะ….ถ้าไม่ได้พูดออกไปจะเสียใจไปตลอดชีวิตหรือเปล่านะ
จงอินกลับมาที่หอเป็นคนสุดท้าย เขาขอซูโฮว่าอยากอยู่คนเดียวซักพัก ทันทีที่เปิดประตูหอเข้ามาก็เจอร่างสูงของคนเป็นพี่นั่งดูโทรทัศน์กลางห้องอยู่คนเดียว จงอินค่อยๆเดินเข้าไปในห้องเพราะกลัวจะรบกวนคนเป็นพี่รวมถึงพี่คนอื่นๆที่เข้านอนไปแล้ว
“กลับมาแล้วหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมๆกับที่จงอินกำลังบิดประตูเข้าไปในห้องนอน
“ครับ”
“แบคฮยอนออกไปซื้อของ ป่านนี้ทำไมยังไม่กลับก็ไม่รู้” คนตัวสูงพูดพร้อมกับชะเง้อคอออกไปดูที่ประตูทางเข้า จงอินหลุบตาลงต่ำก่อนจะบิดลูกบิดเพื่อพาตัวเองเข้าห้อง ปาร์คชานยอลทำให้เขารู้สึกเหมือนบินได้ตอนที่นึกว่าคนตัวสูงมารอเขาแต่ก็ทำให้ตกลงเหวลึกด้วยประโยคที่พูดออกมาเมื่อครู่
“ทำไม พักนี้ไม่คอยคุยกับพี่เลยละ” ชานยอลเอ่ยถาม
“คือ..ผม” ก็ใช่ช่วงนี้เขาทำตัวออกห่างจากชานยอล แต่ไม่คิดว่าอีกคนจะสังเกตพอโดนถามแบบนี้ มันก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบออกไปยังไง จริงๆการที่พาตัวเองออกห่างมาจากวงจรชีวิตของปาร์คชานยอลบ้างมันคงจะทำให้จงอินตัดใจได้ง่ายขึ้นเพราะคิดแบบนั้น จงอินก็เลยตีตัวออกห่างอย่างที่ชานยอลบอก
“ถ้าพี่ทำอะไรให้ไม่สบายใจ บอกนะ ยังไงจงอินก็เป็นน้องชายที่พี่รัก” น้องชาย นั่นซินะ ก็แค่น้องชายเอง
“ครับ” แล้วถ้าการที่ผมแอบชอบพี่มันคือเรื่องที่ผมไม่สบายใจ ผมจะบอกออกไปได้ใช่ไหมครับ
จงอินเดินเข้ามาในห้องนอนที่เขาแชร์กับมักเน่ตัวจริงอย่างเซฮุน จงอินหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่านอนอย่างหมดสภาพของเพื่อนสนิท คนผิวสีน้ำผึ้งดึงผ้าห่มที่ถูกเซฮุนถีบไปไว้ปลายเตียงขึ้นมาห่มร่างคนอ่อนเดือนกว่าก่อนจะหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยจงอินก็ทิ้งตัวลงนอนกับเตียง เปลือกตาใกล้จะปิดเต็มแก่แต่สมองก็พลางคิดถึงเรื่องที่พี่ซูโฮพูดก่อนจะขออยู่คนเดียว ‘ดีกว่าไม่ได้พูดแล้วเสียใจไปตลอดชีวิตนะ’ แต่ถ้าพูดออกไปแล้วจะกลายเป็นว่าเราต้องห่างกันไปตลอดชีวิตละ ‘คิมจงอินจะทำยังไง’ นั่นเป็นคำถามที่คิมจงอินไม่เคยคิดหาคำตอบให้กับมันได้เลยซักครั้ง
“ไม่หลับไม่นอนวะจงอิน” เพื่อตัวขาวที่คิดว่าหลับไปแล้วกลับลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพลางตวัดสายตามองคนมาใหม่อย่างเคืองๆ
“อ้าว ยังไม่หลับหรอ”
“ตอนแรกก็หลับนั่นแหละ แต่มาตื่นก็ตอนแกอาบน้ำเสร็จนี่แหละ” เซฮุนตอบพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ
“โทษที” จงอินพูดขอโทษก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดไฟหัวเตียง
“ทำตัวเป็นหมีอมทุกข์ไปได้” เซฮุนพูดพร้อมกับขว้างหมอนซักใบบนเตียงเจ้าตัวมาทางจงอิน ซึ่งคำนวณระยะแล้วก็ตกลงบนหน้าจงอินเต็มๆ
“โอเซฮุน” จงอินพูดเสียงเรียบๆ
“แหะ โทษๆ”
“นอนเถอะ ดึกแล้ว” จงอินตัดบท เขาอยากจะหลับๆไปซะมันจะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก อย่างน้อยตื่นขึ้นมาอีกทีมันก็เช้าแล้ว พอได้ทำงานเขาก็จะได้ลืมเรื่องที่มันวนเวียนอยู่ในสมองนี่ไปซักที
“เออ ฝันดี”
วันนี้ก็เหมือนกับทุกๆวันถึงจะไม่ได้โปรโมตแต่ก็ยังมีงานเล็กๆน้อยๆตามที่ต่างๆ กว่าจะได้กลับมาที่บริษัทก็เกือบสองทุ่มเข้าไปแล้ว สมาชิกทุกคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อกลับมาซ้อม ถึงจะซ้อมจนแทบจะหลับตาเต้นได้แต่เพื่อความสมบูรณ์แบบของการแสดงทุกครั้งที่ขึ้นเวทีพวกเราทุกคนก็ยังต้องซ้อมกันอยู่เสมอ
“จงอิน!” เสียงเรียกของซูโฮทำให้จงอินที่กำลังง่วนกับการผูกเชือกรองเท้าต้องหันไปหาคนเป็นหัวหน้าวง
“มีอะไรครับ”
“เปล่าหรอก” ซูโฮพูดพร้อมกับขยี้หัวคนเด็กกว่าเบาๆ จงอินได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ซูโฮลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ โชคดีที่เรียกจงอินได้ทันก่อนเจ้าตัวจะหันไปเห็นไอ้คนตัวสูงหูกางกับเมนว๊อยซ์ของวงกำลังเล่นหยอกล้อกันอยู่ที่ข้างหลัง คิดแล้วซูโฮก็ได้แต่สงสารน้องเพราะเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันก็เลยได้แต่คอยช่วยน้องอยู่แบบนี้
“จงอิน”
“ขอตัวนะครับ” เด็กเป็นน้องเตรียมตัวหันหลังเดินออกไปข้างนอก ถ้าไม่ติดที่ข้อมือถูกมือหนาของใครบางคนดึงรั้งเอาไว้ซะก่อน
“ทำไมถึงชอบหลบหน้าพี่” คนตัวสูงกว่าถาม
“เปล่า” จงอินก็แค่อยากจะออกไปสงบอารมณ์ข้างนอก เมื่อกี้ไม่ใช่ไม่เห็นเพียงแต่เขาจะทำเป็นไม่มีอะไร เขาจะต้องเข้มแข็งและทำใจให้ได้ เพราะแบบนี้จงอินถึงยังไม่อยากเห็นหน้าชานยอลตอนนี้ แค่ขอเวลา ขอเวลาซักพักให้หัวใจมันเข้มแข็งกว่านี้แล้วเขาจะกลับมาเป็นน้องชายที่น่ารักของปาร์คชานยอลเหมือนเดิม
“จะไปไหน” จงอินยื้อแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกคน
“……” จงอินเม้มปากจนมันเป็นเส้นตรง ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเพราะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดภายใต้ท่าทีนิ่งเฉยของทั้งสองคน แต่ก็มันจริงอย่างที่ชานยอลพูดพวกเขายังดูออกเลยว่าจงอินพยายามตีตัวออกห่างปาร์คชานยอล
“พี่บอกแล้วไง ถ้าพี่ทำอะไรให้ไม่สะ….”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นละครับ ปล่อยผมเถอะ” จงอินเอ่ย หยาดน้ำตาใสกำลังก่อตัวรวมกันพร้อมจะหยดลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกได้ตลอดเวลา แต่ไม่ได้….จงอินจะร้องไห้ให้ชานยอลเห็นไม่ได้
“จงอิน มองหน้าพี่” ชานยอลเปลี่ยนเป็นยื่นมอทั้งสองข้างมาจับไหล่คนเป็นน้องเอาไว้ ทำไมน้องต้องตีตัวออกห่างนั่นละที่เขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่แต่ก่อนถึงจะรำคาญยังไงจงอินก็ไม่เคยเอาตัวออกไปจากวงจรชีวิตเขาแบบนี้ เพราะจงอินเป็นน้องในวงที่เขารักเหมือนน้องชายแท้ๆคนหนึ่ง เขาไม่อยากให้น้องชายคนสำคัญห่างจากเขาไปแบบนี้
“ปล่อย”
“จงอิน”
“ปล่อย!!!” จงอินตะโกนออกมาก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น
ได้โปรดปล่อยคิมจงอินไปเถอะนะ ปล่อยให้เขาได้จัดการกับความรู้สึกของตัวเองก่อนจะได้ไหม ปล่อยให้เขาทำใจก่อนไม่ได้หรือไง ปล่อยให้คิมจงอินเลิกรักปาร์คชานยอลก่อนไม่ได้หรอ แค่ปล่อยไปบ้าง…แล้วเดี๋ยวซักวันเขาจะกลับมาเอง
“จง..อิน” ปาร์คชานยอลที่ไม่เคยเห็นน้องในโหมดนี้ก็ตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นน้ำใสที่ไหลร่วงลงมาจากดวงตาใสของคนเป็นเป็นน้องยิ่งทำให้ชานยอลทำอะไรไม่ถูก เขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้น้องร้องไห้จริงๆนะ
“ปล่อยผมไปเถอะนะ ปล่อยเถอะ”
จงอินไม่ได้หมายถึงมือของอีกคนที่พันธนาการเขาเอาไว้ แต่เขาหมายถึงหัวใจ คิมจงอินกำลังขอร้องให้ปาร์คชานยอลปล่อยพันธนาการหัวใจของเขาออกซักที ไม่ซิ…..บางทีคนที่ไม่ยอมปล่อยมันอาจจะเป็นตัวเขาเองต่างหาก
“จงอิน ใจเย็นๆ” ซูโฮที่ดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆเข้ามากอดคนเป็นน้องเอาไว้พร้อมกับลูบหลังเบาๆ จงอินที่เริ่มจะคุมตัวเองได้ค่อยๆเช็ดน้ำตาบนหน้าออกก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีหัวหน้าวงช่วยพยุงคนเด็กกว่าขึ้นมา
“พี่ขอโทษ” ชานยอลพูด
“ไม่เป็นหรอกครับ ผมมันงี่เง่าเอง”
คิมจงอินต่างหากที่ผิดที่เผลอไปรักคนที่ไม่ควรรัก เผลอไปอาละวาดใส่ชานยอลที่ไม่ได้ผิดอะไร เผลอทำให้พี่ชายอย่างซูโฮต้องเป็นห่วงและลำบากใจ เรื่องนี้คิมจงอินผิดเองตั้งแต่ต้นไม่มีใครที่ผิดทั้งนั้น
“อย่าร้องไห้อีกนะ” ชานยอลพูดก่อนจะรั้งคนเป็นน้องเข้าไปกอดไว้ จงอินยกมือขึ้นกอดตอบคนสูงกว่าก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น มือหนาที่กำลังลูบผมเบาๆมันทำให้จงอินรู้สึกปลอดภัย ไม่ว่าเมื่อไหร่จะตอนนั้นหรือตอนนี้อ้อมกอดของชานยอลก็ยังคงอุ่นในความคิดของจงอินเสมอ
“จงอินก็เป็นหนึ่งในคนสำคัญในชีวิตพี่นะ พี่ถึงอยากรู้ไงว่าพี่ทำอะไรผิดหรือเปล่า”
“ผมรักพี่ชานยอลนะ”
“พี่ก็รักจงอิน พี่รักน้องชายพี่มากๆเลยละ”
“ครับ”
ชานยอลอาจจะไม่รู้ว่าคำบอกรักที่จงอินบอกไปมันหมายความมากกว่านั้น แต่ไม่เป็นไร…..ไม่เป็นไรจริงๆ แค่บอกรักคิมจงอินแบบนี้ แค่ทุกครั้งที่เขามีปัญหาชานยอลกอดเขาไว้แบบนี้ แค่นี้คิมจงอิน…ก็ไม่เป็นไรอีกแล้ว
บางทีความรักก็ไม่ได้ต้องการความรักตอบกลับมา แค่การที่ได้มองเขาอยู่ในสายตาใกล้ๆแบบนี้…..ก็ดีที่สุดแล้ว
การได้อยู่ใกล้เธอแบบนี้…..ได้อ้อมกอดที่อบอุ่นจากเธอแบบนี้
ยังเป็นคนที่เธอมองว่าสำคัญแบบนี้……ถึงมันจะเจ็บปวดในบางครั้ง
แต่……..มันก็ดีที่สุดแล้ว
...............
จบแล้ววววววววววววว ยะฮู้
จบเศร้าเนอะ เราก็เศร้า T____T
ก็อย่างที่บอกเนอะบางทีความรักมันก็เศร้า
แต่ทุกคนอย่าเศร้าเกินไปนะคะ
เพราะเรื่องหน้าติดตามเรื่องราวหวานๆสไตล์เทาไคกันเนอะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ~~~
ความคิดเห็น