คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : NAUGHTY&EVIL # 08
NAUGHTY&EVIL#08
“เสร็จรึยัง หิวจะตายอยู่แล้ว”
“พี่ก็รอหน่อยเด้ คนนะเว้ยไม่ใช่สามจี ทำอะไรจะเร็วปรู๊ดปร๊าดขนาดนั้น”
ตอนนี้ไอ้พี่ยงกุกมายืนทำหน้าบูดอยู่บริเวณครัวของเขา สายตาแบบนั้นทำเอาผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเซฟกระทะเหล็กที่กำลังทำงานแข่งกับระเบิดเวลา ....เป็นระเบิดลูกใหญ่มหึมาซะด้วย =___=; แม่ง น่าหมั่นไส้จริงๆ กูขอหน่อยเห๊อะ...
อุ้ยๆ ผมไม่ได้ตั้งใจทำผงพริกไทยหกลงในแกงกิมจิแบบนั้นหรอกนะ จริงจริ๊ง... โอ้ๆๆ ไม่ได้ตั้งใจเทน้ำส้มสายชูพรวดๆลงใน เนื้อผัดแบบนั้นด้วย สงสัยมือมันคงอ่อนเปลี้ยไปหน่อย
หึ เจอมื้อนี้เข้าไป พี่ตายแน่ ! พี่จะได้รู้ ว่าอย่ามาซ่ากับจุนฮง
“เออ อยู่บ้าน ...ห้ะ สมองมึงนี่คิดแต่เรื่องใต้สะดือรึไง หุบปากแล้วกลับไปทำงานซะไป๊!”
พอผมยกจานข้าวมาวาง ก็เจอเจ้าของถ้ำหมีกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ท่าทางจะคุยกับเพื่อน ...กับเพื่อน โว้ว ไม่น่าเชื่อ คนอย่างหมีอลาสก้ามีเพื่อนด้วย เพื่อนพี่แกคงจะเป็นนกแพนกวิน หรือไม่ก็สิงโตทะเลแหง
“เสร็จแล้วพี่ยงกุก”
เนื้อผัดหน้าตาดูดีมีสกุลรุนชาติอย่างที่สุดถูกยกมาวางข้างหมอแกงกิงจิสีน่ากิ๊นน่ากิน ผมก็มีพรสวรรค์ด้านนี้เหมือนกันนะเนี่ย ~
“โห แกทำได้ขนาดนี้เลยหรอ” พี่ยงกุกเดินมามองอาหารบนโต๊ะ ขณะกำลังสอดแขนเข้าไปในสูทตัวนอกที่เขาพึ่งถอดไปตอนเข้ามาในห้อง
“แต่ฉันไม่มีเวลากินแล้ววะ ต้องไปทำงานต่อแล้ว แกกินเหอะ”
เวร...
“ไม่เป็นไร๊ ผมเก็บไว้ให้พี่กินตอนพี่กลับมาก็ได้”
“งานฉันยุ่งมาก พรุ่งนี้จะได้กลับมั๊ยก็ไม่รู้ แกกินซะสิ ปกติฉันไม่เคยเห็นแกกินข้าวเลยนี่” ว้อยยยยย จะมาทำตัวเป็นคุณน้าแสนดีอะไรตอนนี้ไม่ทราบครับ พระเจ้ากลั้นแกล้งกูละสิท่า จะจัดการพี่ยงกุกสักหน่อย ทำไม๊ทำไม มันย้อนกลับมาตัวเองเร็วอย่างงี้วะ
“ผม... ผมไดเอทอ่ะ อ้วนมากเลยนะช่วงนี้ ผมไม่กินเย็น”
“อ้วนที่ไหน แค่ขาใหญเท่านั้นแหละ ฉันบอกให้กินไง เอ้า...”
เขาเอาตะเกียบคีบเนื้อผัดชิ้นใหญ่มโหราฬขึ้นมา ก่อนจะจับคางให้หันไปเผชิญหน้าแล้วยัดเนื้อนั้นเข้ามาเต็มปาก ....โอ้พระเจ้าาาาาาา TT_______TT พูดไม่ออกเลย รสชาติเอี้ยมาก นี่กูคิดจะแกล้งพี่เค้าด้วยวิธีนี้จริงๆหรอ ได้ไงวะสาสสสสสสสส
“ฉันต้องไปละ อย่าลืมกินข้าวให้หมดล่ะ เออใช่ ฉันซื้อขนมปังเมล่อนมาไว้ให้ อยู่ในห้องครัวนะ เพื่อพรุ่งนี้เช้าแกจะกิน ...ไปล่ะ”
^____^/~
ผมโบกมือหยอยๆให้คุณน้าที่เดินออกจากห้องไป ยืนอมยิ้มค้างอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่เนื้อรสเปรี้ยวอย่างกับของดองอัดแน่นอยู่เต็มปาก รสชาตินรกแตกยิ่งหวารามยอนของใครบางคนทำเอาน้ำตาของเอ่อขึ้นมาคลอเบ้า นี่มันแย่มาก แย่โคตรพ่อโคตรแม่เลย อย่าคิดเอาวิธีนี้ไปแกล้งใครเค้านะท่านผู้อ่าน บาปกรรมมันมีจริง TT_____TT
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าทำเป็นซ่า...
โดยเฉพาะถ้าคนนั้นคือไอ้พี่ยงกุก
*****
6:30 AM
ผมนอนกระพริบตาปริบๆอยู่บนโซฟาริมหน้าต่างที่ประจำ น่าแปลกอยู่เหมือนกันที่อยู่ๆผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเองแบบนี้ บรรยากาศในห้องดูเงียบสงบผิดปกติ ถ้าให้เดา พี่ยงกุกยังไม่กลับบ้านแหงๆ หูย ท่าทางจะทำงานหนักนะ
ผมจัดการกับภารกิจส่วนตัวในตอนเช้าเสร็จเรียบร้อย หยิบขนมปังเมล่อนของพี่ยงกุกมาเคี้ยวตุ้ยๆ ขณะเดินไปเปิดประตูห้อง …อืม มันเป็นขนมปังก้อนแรกในชีวิตเลยนะที่ผมค่อยๆเล็มขนาดนี้ พี่ยงกุกคงทำใจลำบากน่าดูตอนตัดสินใจเจียดเงินของเขามาซื้ออะไรแบบนี้ให้ผมน่ะ =_=;
“เฮ้ จะไปโรงเรียนแล้วหรอ”
“ครับ?”
ผมส่งเสียงขานรับประโยคเมื่อครู่ เหมือนเป็นการทวนคำถามไปในตัว เสียงนั้นเป็นของพี่ยงกุก คนที่กำลังเดินหัวยุ่ง หน้าโทรมเป็นซอมบี้มาทางห้องของเขา ในขณะที่ผมกำลังจะล็อคกุญแจประตูห้องนั้นพอดี
เมื่อคืนพี่ยงกุกไม่ได้กลับมาบ้าน อยากรู้เหมือนกันแหละว่าโผล่เอามาทำไมเอาซะเช้าตรู่แบบนี้ แต่ก็นะ ถามไปก็ใช่ว่าจะได้คำตอบกลับมานี่
“ฉันถามว่าแกกำลังจะไปโรงเรียนหรอ” ดูเหมือนจะรู้ว่าผมต้องการคำถามนั้นอีกครั้ง พี่ยงกุกกรอกตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะทวนถามผมอีกรอบ
“เปล่า ไปตลาด ใส่ยูนิฟอร์มเล่นเฉยๆหรอก”
“กวนตีนล่ะ รอก่อน เดี๋ยวไปส่ง” พูดจบก็เดินผลักประตูที่ผมกำลังจะล็อคนั้นเข้าไปเฉยเลย
เดี๋ยวไปส่ง …. เดี๋ยวไปส่ง ?
ห้ะ ขอโทษนะ ผมฟังอะไรผิดรึเปล่าน่ะ พี่ยงกุกพึ่งบอกว่าให้ผมยืนรอก่อน เขาจะไปส่งผมที่โรงเรียนงั้นหรอ เออแปลกดีเนอะ ไม่แน่วันนี้อาจมีลูกเห็บตกที่เกาหลีก็ได้ =_=;;
ไม่นานพี่เค้าก็ออกมาในสภาพดูดีเหมือนตอนออกจากบ้านไปเมื่อเย็นวานนี้ แต่ที่ยังดูไม่ดีเท่าไหร่คือรอยคล้ำใต้ตาที่บอกให้รู้ว่าเมื่อคืนคงแทบไม่ได้นอนเลย แถมในบางจังหวะยังเหมือนเดินไม่ค่อยตรงอีกต่างหาก ...มันต้องใช่แน่ๆ พี่เค้าต้องเป็นโฮสต์อย่างที่ผมคิดไว้ชัวร์
อึ๋ยย งั้นหมายความว่าเมื่อคืนนี้เค้าxyzกลับใครที่ไหนมาก็ไม่รู้งั้นสิ O[]O !?
“เห้ย ไปได้แล้ว”
เสียงทุ้มเรียกให้ผมต้องหันกลับไปมอง ..แย่ชะมัด แค่มองหน้าก็นึกถึงฉาก18+ขึ้นมาแล้วอ่ะ ไม่ได้นะ เจลโล่แกอายุแค่17 ยังใสใสอยู่นะเว้ย ไม่ๆๆ TT___TT
“อะไรของแกวะ ไปเร็ว” คงเห็นว่าผมเริ่มทำตัวน่ารำคาญ มือใหญ่ก็เลยเอื้อมมาคว้าข้อมือผมไว้อย่างรวดเร็ว และผมก็สะบัดมือนั้นออกเร็วพอๆกันนั่นแหละ
“ย๊า ปล่อยผมนะ”
“เป็นบ้าอะไรเนี่ย”
“ปะ เปล่าสักหน่อย”
“เออ รีบๆตามมาแล้วกัน”
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในรถ ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าพี่เค้าอ่ะ แค่เหลือบตาไปยังไม่อยากเลย ซึ่งพี่ยงกุกก็ดูไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าผมจะแคร์เค้ารึเปล่า ที่รู้ๆคือผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะที่เห็นเค้าขมวดคิ้วขนาดนั้น ไม่รู้จะเครียดอะไรนักหนา ลูกค้าคนเมื่อคืนไม่ทิปให้รึไง =_=;
รถหรูเคลื่อนตัวมาจอดหน้าประตูใหญ่ของโรงเรียนช้าๆ ก็ดีนะ ผมจะได้ไม่ต้องเดินจนน่องปูดเหมือนทุกๆวัน แต่ที่แย่ก็คือเวลานี้นักเรียนนับร้อยกำลังทยอยกันเดินมา แล้วไอ้การที่อยู่ๆก็มีรถสีเท่ห์ๆมาจอดแบบนี้ มันจะไม่โดดเด่นไปหน่อยเรอะ พี่ช่วยไปจอดให้ห่างประตูโรงเรียนสักร้อยเมตรแล้วปล่อยผมลงตรงนั้นไม่ได้รึไงพี่ยงกุก TOT
“ถึงแล้ว ลงไปสิ”
ใครมันจะอยากลงตอนนี้ ได้เป็นขี้ปากเด็กคังฮวามุนไปจนเรียนจบแหง ...แต่ดูจากสายตาทะมึนของพี่แกแล้ว ถ้าผมยังนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะก็พี่เค้าต้องชักปืนขึ้นมาระเบิดหัวผมแน่ๆ
ปัง!
อย่าตกใจ นั่งไม่ใช่เสียงปืน แต่เป็นเสียงผมปิดประตูรถเค้าต่างหาก
ทันทีที่ก้าวเท้าลงมาจากรถเสียงจอแจก็ดังระงมไปทั่ว พร้อมๆกับสายตากระเสือกกระสนของทุกคนที่พยายามมองให้ทะลุผ่านฟิล์มกรองแสงสีดำสนิทนี้เพื่อมองหน้าคนที่มาส่งผม
แต่แล้วอยู่ๆพี่ยงกุกก็เลื่อนหน้าต่างที่นั่งข้างคนขับลง ชะโงกหน้ามาคุยกับผมที่ยืนอยู่ตรงฟุตบาท แอบได้ยินเสียงฮือฮาของนักเรียนคังฮวามันดังเป็นซาวน์แทรค คนพวกนั้นดูตื่นเต้นกันมาก พวกมันคงนึกไม่ถึงว่าไอ้ที่นินทาว่าเป็นเสี่ยบ้างล่ะ เป็นมาเฟียบ้างล่ะอยู่ตลอดทั้งวันคือ คุณผู้ชายในชุดสูทที่เดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถหรูแบบนี้
“เลิกเรียนแล้วโทรมาบอกด้วย”
“โทรไปเนี่ยนะ ฮะๆ ผมว่าพี่แปลกขึ้นเรื่อยๆแล้วนะพี่ยงกุก”
“ฉันบอกให้โทรมา ชเวจุนฮง!”
“O__O”
‘ได้ยินมั๊ยเธอ เค้าเรียกชื่อเจลโล่ด้วยชื่อจริงด้วยล่ะ’
‘ใครน่ะ ญาติเจลโล่หรอ ไม่เห็นเหมือนกันเลย เป็นพี่ชายรึเปล่า?’
เสียงซุบซิบต่างๆนานาเกิดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ แต่สาบานได้เลยไม่มีอะไรเด็ดเท่าประโยคที่ผมได้ยินจากยัยผมบ๊อบหน้าร้ายกาจคนหนึ่งอีกแล้ว
‘ขับรถหรูมาส่งแต่เช้าแบบนี้เรียกพี่ชายไม่ได้แล้วย่ะ เรียกผัวจะเหมาะกว่า’
แหม คำพูดเธอนี่มันสร้างสรรค์จริงๆนะ ผัวบ้านหล่อนเซ่ ! กูหล่อขนาดนี้ =____=+
ผมเดินเบี่ยงออกมาจากรัศมีของกลุ่มยัยหน้าจิ้งจอกผู้ชื่นชอบนินทาชาวบ้านเป็นงานอดิเรก แต่ไม่วายก็มีประเด็นอื่นๆให้ได้ยินตามมาอีก
“เห้ย ไหนมึงว่ายงกุกแม่งเป็นตาแก่เสี่ยใหญ่ไงวะ ทำไมออกมาหล่อเฟี้ยวอย่างเงี๊ยะ”
“นี่น้องเจลโล่อยู่กับพี่ชายโคตรเท่ห์คนนั้นหรอนะ พระเจ้า กูยอมแพ้”
“ว๊ายๆๆ คนนั้นนะหรอพี่ยงกุก ทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ ทั้งเซ็กซี่ แถมรวยด้วยอ่ะ ว๊ายยย... แกเป็นที่หมายปองของผู้ชายทั้งโลกรึไงเจลโล่!”
“พี่แดฮยอนก็เลิศ พี่ยงกุกก็ล่ำ ตายๆๆ เป็นฉันๆเลือกไม่ได้เลยนะเนี่ย”
พี่ยงกุกขับรถออกไปแล้ว ทิ้งให้ผมตกเป็นเป้าสายตาของคนครึ่งค่อนโรงเรียน ปกติผมก็ชอบน่ะนะเวลาเป็นที่สนใจอ่ะ แต่ตอนนี้แม่งโคตรอายเลยว่ะ โดนแซวเรื่องอะไรไม่แซว มาแซวว่าผมเสียตูดให้ไอ้หมีอลาสก้านั่นมันยอมไม่ได้ ไอ้จงออบอยู่ไหนมึงมาช่วยกูที TT[]TT
สรุปได้เลยว่าตอนนี้ประเด็นฮ๊อตที่ติดปากเด็กคังฮวามุนที่สุดในวินาทีนี้ คือเรื่องผู้ชายปริศนาที่ขับรถมาส่งผมถึงหน้าประตูโรงเรียน ท่ามกลางพยานกว่าร้อยคน เอาละเว้ย อีกสองปีต่อจากนี้ผมจะตอบคำถามคนพวกนั้นยังไงดีนะเนี่ย บางทีการทำป้ายแขวนคอมมันอาจจะเวิร์คอย่างที่จงออบว่าก็ได้
“เป็นไงมึง ได้ข่าวมาฮ๊อตมากนะช่วงนี้”
จงออบดึงหูฟังออกจากรูหูก่อนจะเดินมาตบหลังป้าบๆทันทีที่ผมมาปรากฏกายเข้ามาในห้องเรียน ท่าทางดูมันจะไม่ได้โกรธเลยที่เมื่อวานผมกลับมาก่อน รอยยิ้มจนตาปิดนั้นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ผมเดินมาที่โต๊ะของตัวเอง แต่ความสนใจกลับไปอยู่ที่โต๊ะข้างๆมากกว่า
“นี่มันชีสเค้กร้านดังที่สาวๆห้องเราแห่ไปต่อคิวซื้อกันนี่หว่า” ว่าแล้วก็ยื่นมือไปดึงถุงกระดาษประทับตราร้านขนมชื่อดังมาถือไว้โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของโต๊ะมันสักคำ แน่ล่ะจงออบเดินมาเขกหัวผมไปหนึ่งที่ ก่อนจะคว้าถุงนั้นไปวางไว้ที่เดิม
“แฟนคลับมึงให้มาหรอ ...ชิมได้ป้ะ” แกล้งถามไปอย่างงั้นแหละ เพราะไม่ว่าจะใครให้มันมา ผมก็กะจะแย่งมันกินอยู่แล้ว แต่คำตอบกึ่งโวยวายนั้นกลับทำผมประหลาดใจ
“ไม่ได้โว้ย นี่ของไอ้พี่แดฮยอนมัน”
“พี่แดฮยอน? …..อ่ะแหนะๆ”
ว่าแล้ววว ไอ้พี่แดฮยอนกับไอ้น้องจงออบ สองคนนี้มันต้องมีซัมติงกับแน่ๆ จากเหตุการณ์ที่ผมแอบดูเมื่อวานผมรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างของพี่แดฮยอนที่มีต่อเพื่อนผม จงออบปกติมันออกจะไม่ชอบทำอะไรเพื่อใครอยู่แล้ว แต่นี่มันยอมถ่อไปซื้อชีสเค้กจากร้านยอดฮิตที่ตั้งอยู่ห่างจากบ้านมันไปเกือบสิบสถานี
โอ๊ยย โรแมนติกเวอร์ น้องเจลโล่น้ำตาจะไหล TTwTT
“แหนะเหนอะอะไรของมึง” จงออบตอบกลับมาหน้าตาเฉย ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มันจับมือของผมขึ้นมาก่อนจะวางถุงกระดาษนั้นลงบนมือผมอีกที
“มึงเปลี่ยนใจไม่ให้พี่แดฮยอนแล้วให้กูกินแทนใช่ป่ะ”
“เอานี่ไปให้พี่แดฮยอนที” เพื่อนตาตี่มองหน้าผมอย่างมีความหมาย ...แต่กูไม่รู้ว่ามึงหมายความว่าไง ที่มึงจะให้กูเอาไอ้นี่ไปให้พี่เค้าเนี่ย !?
“เห่ย เรื่องอะไร มึงเป็นทาสชีวิตพี่เค้าไม่ใช่หรอ”
“อะไรนะ...”
อุ๊บส์ ! หลุดไปได้ยังไง จงออบมันคงยังไม่รู้ล่ะสิว่าผมรู้แล้วที่มันต้องเป็นทาสพี่แดฮยอนเพื่อไม่ให้ผมเสียเวอร์จิ้นตัวเองไป มันคงอยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่อยากให้ผมต้องเป็นทุกข์แทนมัน โถ่ เพื่อนเอ้ย มิตรภาพของเราช่างยิ่งใหญ่นัก
“เปล๊า เปล่าไม่มีอะไร แล้วทำไมมึงไม่เอาไปให้เองว้า”
“ไปเหอะน่า คือตอนนี้กู....กูต้องไปขัดส้วม! บ๊ายบาย!!”
จงออบวิ่งพรวดออกจากห้องไปทันที โดยไม่ได้เปิดโอกาสให้ผมพูดอะไรกับมันสักคำ ...ผมว่ามันจะแปลกไปแล้วนะเว้ย ขัดส้วมหรอ ...มึงจะโดนขัดคนเดียวได้ไงในเมื่อคนที่คอยโดนทำโทษกับมึงทุกวันมันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ =__=;;;
*****
ผมเร่งฝีเท้า วิ่งลัดสนามหญ้าของโรงเรียนไปยังตึกเรียนของพี่ปีสาม ตอนนี้ใกล้เวลาเข้าแถวมากแล้ว ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่แดฮยอนป่านนี้จะเยื้องย่างเข้ามาในโรงเรียนแล้วหรือยัง แต่จากที่เจอกันเมื่อวันก่อน พี่เค้าท่าทางจะมาโรงเรียนสายน่าดู
“ขอโทษนะครับ พี่แดฮยอนมาโรงเรียนรึยังครับ” ผมเอ่ยถามใครสักคนที่เดินอยู่แถวนั้น พี่ชายหน้าขาวโบ๊ะหันไปถามเพื่อนหน้าหล่อเหมือนเทพบุตรที่เดินอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันมาแย้มยิ้มโชว์เหงือกพลางสายหน้าแรงๆ
ดูจากสภาพหน้าแต่ละคนที่เดินนวยนาดกันอยู่ในตึกติดแอร์นี้แล้ว พอจะเข้าใจล่ะว่าทำไมเด็กคังฮวามุนไม่ค่อยได้เห็นพี่ม.ปลายปีสามปรากฏตัวอยู่ในโรงเรียนเลย ...ใบหน้าขาวๆเนียนๆของพี่ๆเค้าทำให้ผมอยากรู้ว่าคนเหล่านี้เคยออกไปตากแดดตากลมเหมือนรุ่นน้องคนอื่นๆบ้างรึเปล่า หรือนี่จะเป็นขั้นสุดของเด็กคังฮวามุน ที่พัฒนาจากชนชั้นกรรมกรขึ้นเป็นราชา
“อ้าว เจลโล่ มาทำอะไรที่นี่ล่ะเนี่ย”
เสียงคุ้นๆทำให้ผมต้องมองกลับไปยังประตูของอาคาร พี่แดฮยอนผลักบานกระจกนั้นเข้ามาพอดี มือของเขายังคงพันด้วยผ้าพันแผลเหมือนเดิม ตาคมๆคู่นั้นมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยถึงสาเหตุที่ผมมาปรากฏตัวที่นี่
“อ่ะนี่ จงออบมันฝากมาให้” ผมรีบยื่นถุงกระดาษในนั้นไปอย่างรวดเร็ว พี่แดฮยอนยกมือข้างที่เป็นปกติมารับมันไว้ รอยยิ้มนั่นกำลังทำให้ผมใจเต้นตึกตัก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสาวน้อยม.ต้นกำลังสารภาพรักกับรุ่นพี่ที่แอบชอบ
นั่นว่าเด็ดแล้ว เจอประโยคที่พี่เค้าพูดถัดมา เด็ดขนาดพี่หน้าขาวกับพี่หน้านิ่งที่ยืนอยู่แถวๆนั้นส่งเสียงแซวขึ้นมาเลยล่ะ
“จงออบหรอ ...แต่ฉันจะมีความสุขมากเลยนะถ้านายเป็นคนซื้อมาให้ฉันเองน่ะ”
หืม ? พี่แดฮยอนพูดว่าอะไรนะ เค้าจะรู้สึกดีใจ ถ้าผมเป็นคนซื้อชีสเค้กนี่มาให้เค้างั้นหรอ
อะไรนะ!!!!!!!!!
“ทำไมละ ใครๆก็อยากได้ของจากคนที่ชอบทั้งนั้นแหละ”
“!”
“ฮิ้วววว พี่ประธานจองจีบน้องเจลโล่ววววว”
“ฉันคงจะมีความสุขมากเลยนะถ้านายซื้อชีสเค้กนี้มาให้ฉันอ่ะ”
“บ้าๆๆๆๆ >[]<”
อะไรของไอ้พี่สองคนนั้นวะ ทำท่าล้อเลียนให้น่ากระทืบไม่พอ แม่งยังเสียงดังจนคนทั้งตึกหันมามองเป็นตาเดียวอีกต่างหาก ไอ้พี่แดฮยอนก็อีกคน รอยยิ้มกรุ้มกริ้มนั่นคืออะไรไม่ทราบ เมื่อวานที่ผมแอบดูผมว่าพี่น่าจะคิดอะไรกับจงออบมันนะ แล้วนี่มันอะไร ? ยังไง ? ใครจะจีบใครนะ ?
- 25%ที่เหลือมาแล้วจ้าาาาาาาาา >O< !!!!! ขอโทษที่ให้รอนะคะ
ไรเตอร์ไปตจว.มา ไม่ได้อัพเลย TT__TT
กลับมาพร้อมความร้ายกาจ(?)ของพี่ประธานจอง.. งานนี้ท่าทาง
พี่แกจะเอาจริงๆ (หืมม?????) อยากรู้เป็นไงต่อ อย่าลืมติดตามตอนต่อไป
55555555555555555555555 ใครรอบทฮิมแจ ใกล้แล้วทุกคนนน
*นางพูดว่าใกล้มากี่ตอนแล้ว =_=???????
ปล.ตัวประกอบหน้าตาดีสองหน่อที่ตึกปีสาม ใครถายถูกว่าเป็นใคร
มาเอารางวัลจากไรเตอร์เบยยยยยย ♥ 55555555555555
ความคิดเห็น